บทที่ 5 : บททดสอบแรกและพลังที่ซ่อนเร้น
แสงเจิดจ้าแยงตาเมื่อออกมาสู่ภายนอกอาคารเหมือนต้องการจะบดบังทัศนวิสัย อคินยืนเช็คอุปกรณ์ของตัวเองอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ ตอนนี้เขามีระเบิดแสงสองก้อน ยารักษาแผลสามขวด และดาบในมือหนึ่งเล่ม เขายกมันกวัดแกว่งเบาๆ เพื่อสร้างความคุ้นชินให้กับร่างกาย พร้อมกับหยิบระเบิดแสงใส่กระเป๋ากางเกงด้านหลังและกระเป๋าซ้ายอย่างละก้อน ยารักษาเก็บไว้ที่ข้างขวาหนึ่งขวด ส่วนลูน่านั้นกำลังกวนมืออยู่ในกระสอบใบเก่าเพื่อตรวจสอบว่ายังเหลือสิ่งใดอยู่บ้าง จากนั้นเธอเริ่มที่จะแสดงตัวเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์อีกครั้งโดยการฝากภาระไว้กับอคินชั่วคราว อคินทรุดตัวลงเล็กน้อยเพราะกระสอบเจ้ากรรมนี่มีน้ำหนักมากกว่าที่ตาเห็น จนอยากจะเปิดดูว่ามีอะไรอยู่ข้างในกันแน่
พลางทบทวนแผนการระหว่างมุ่งหน้าไปยังทางออกของหมู่บ้าน ในขณะนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าเริ่มมีชาวบ้านที่เดินทางขึ้นเหนือเหมือนกับพวกเขาเช่นกันทำให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นเล็กน้อย และแล้วอคินก็ได้พบกับกองคาราวานของคุณเชอร์เนล ไคน์ที่กำลังเช็คสภาพม้าเทียมเกวียน และลินน์ที่โบกมือทักทายจากบนหลังคาเกวียน
“สวัสดีครับ ผมเชอร์เนล ยินดีที่ได้รู้จักคุณลูน่า กับคุณอคินสินะครับ” ชายวัยกลางคนพร้อมด้วยชุดสูทสีดำหม่น เดินเข้ามาจับมือทักทายทั้งสองคนและแนะนำตัวอย่างรวดเร็ว “สำหรับการเดินทางนี้ผมขอฝากความปลอดภัยไว้กับพวกคุณด้วยนะครับ อ้อ แล้วถ้าหากว่าต้องการวัตถุดิบ อย่างเช่นยาหรือสมุนไพรหล่ะก็ เชิญเยี่ยมชม ‘เชอร์เนลกาเด้น’ ที่โบแวร์ได้เลย ผมยินดีต้อนรับเสมอ” เขาพูดด้วยหน้าตายิ้มแย้มโดยไม่เว้นช่องว่างให้หายใจด้วยการเสียบบัตรติดต่อเข้าที่มือทันที แต่สายตานั้นก็ไม่ได้ยิ้มไปกับใบหน้าแต่อย่างใด อคินรู้สึกเหมือนกำลังโดนจิ้มด้วยสายตาจนพรุนราวกับโดนมองทะลุจุดอ่อนของเขาก็มิปาน
“ในเมื่อมากันครบแล้ว ฉันขอทบทวนอีกครั้งก็แล้วกันนะ” เสียงของลินน์ดังขึ้นเมื่อเห็นว่าได้เวลา “ไคน์อยู่แนวหน้า ปกป้องฝั่งหน้าและเกวียนแรกเป็นหลัก” ไคน์ชูนิ้วโป้งเป็นสัญญาณว่าโอเค ก่อนที่จะเดินไปประจำตำแหน่ง “ฉันจะเฝ้าระวังจากด้านข้าง ถ้ามีอะไรจะแจ้งเตือนทันที” “ส่วนพวกเธอ คอยดูแนวหลังเอาไว้หากมีอะไรให้แจ้งเตือนทันที แล้วก็…หน้าที่สั่งการหลักจะเป็นของฉัน ส่วนสั่งการรองเป็นของเจ้านะ เจ้าหนู” ลินน์จัดแจงอธิบายพร้อมกับชูนิ้วโป้งขยิบตาเป็นสโลแกน
“เอ๋! ผมหรอครับ” อคินปฏิเสธด้วยความไม่มั่นใจ ‘ผมยังไม่ทันได้ออกจากหมู่บ้านเลยด้วยซ้ำจะไปมีประสบการณ์กว่านักผจญภัยอาชีพได้ยังไง…’ เขาคิดขึ้นมาอยู่ในใจ แน่นอนว่าทุกคนต่างรู้ดีในจุดนี้ ลินน์ที่เห็นแววตาปฏิเสธจึงได้ตะโกนออกไปทางไคน์ “ไคน์!! ถ้านายเจอศัตรู นายจะทำยังไง!!!” หลังจากนั้นไคน์ที่ได้ยินเช่นนั้นเหมือนจะรู้เรื่องที่กำลังคุยกันอยู่โดยไม่ต้องฟังและตะโกนกลับออกมา “ก็สวบหน้ามันไง!!” ลินน์ที่ได้ยินก็ทำหน้าหน่ายใจเช่นเคยพร้อมบอกว่า “เห็นมั้ยหล่ะ เจ้านะเหมาะที่สุดแล้ว เจ้าหนู”
ในที่สุดขบวนเกวียนก็ได้เริ่มต้นการเดินทางออกจากหมู่บ้าน แดดเริ่มอ่อนเมฆหมอกเริ่มปกคลุม เหมือนจะช่วยลดภาระในการเดินทาง อคินที่เพิ่งเดินพ้นจากเขตหมู่บ้านไป เขาได้หันกลับไปมองอีกครั้ง ‘ที่นี่ คือที่ที่ทุกอย่างเริ่มต้น’ ความทรงจำมากมายผุดขึ้นในห้วงความคิด ช่วงเวลาที่เขาจากมา น้องสาวที่เขาพลัดพราก ช่วงเวลาที่ได้เจอกับลูน่าที่เป็นดั่งเทพีแห่งชีวิต เช้าวันใหม่ภายในโรงเตี้ยม เขาหลับตาสลักความทรงจำอันล้ำค่าไว้ในส่วนลึกของจิตใจ “ลาก่อน..โลกใบเดิมของฉัน..โชคดีนะ น้องสาวที่รัก” อคินหันกลับไปและเริ่มเดินทางอีกครั้ง คราวนี้จะไม่มีการหันกลับไปสู่อดีตอีก เพื่ออนาคตข้างหน้า เพื่อเธอคนนั้น เขากำมือแน่นทาบไว้ที่อก หัวใจที่เต้นโครมครามกำลังกู่ร้องด้วยแรงสู้อีกครั้งกับโลกใบใหม่ ครั้งนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ‘ผมยังมีพรรคพวก ผมยังมีเธอ’ เขาคิดในใจถึงใบหน้าอันอ่อนหวานพลางน้ำตารื้นและหน้าแดงขึ้นมา เขาปาดน้ำตาอย่างเงียบๆ ไม่ให้ใครรู้และก้าวต่อไป
“อ้าว เจ้าหนูของเราตามมาทันแล้ว” ลินน์ที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ไกลๆ กล่าวทักทาย “มีอะไรอยากจะถามระหว่างทางมั้ย ทางเดินเส้นนี้มันเปลี่ยวนะ นอกจากพวกเราก็ไม่มีใครแล้ว” เธอพูด พลางผิวปากเบาๆ ขณะที่มองออกไปรอบๆ เหมือนอย่างเคย ก่อนที่รอยยิ้มจะจางหายไปจากใบหน้า “เอ๋..ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้มีชาวบ้านสองสามคนออกมาก่อนหน้าพวกเราหรอกหรอครับ? ” อคินเอ่ยถามด้วยความสงสัย เขาจำได้ดีว่าก่อนหน้านี้เขาพบเจอชาวบ้านที่เดินออกนำหน้าไปก่อนที่เขาจะได้พบกับคาราวาน “อ่า พวกเขาคงไปเส้นทางอื่นน่ะ ไม่งั้นก็คงได้เจอกันแล้วหล่ะ” ลินน์ตอบรับด้วยท่าทีปกติ แต่แววตานั้นเปลี่ยนไป พลางยิงธนูไปข้างหน้าไคน์ปักลงกลางต้นไม้ฝั่งขวา เมื่อเขาเห็นสัญญาณนั้นก็คว้าหอกที่สะพายหลังมาไว้ในมือทันที เพียงไม่นานเสียงผิวปากก็ดังขึ้นจากลินน์ ทำให้ขบวนรถหยุดลง
อคินรู้สึกได้เลยว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง บรรยากาศของเพื่อนร่วมงานที่เปลี่ยนไป เขาหันไปมองท้ายเกวียนซึ่งลูน่ากำลังนั่งอยู่อย่างเงียบๆ พร้อมส่งยิ้มให้ อคินเริ่มกำดาบในมือแน่น หันหลังให้ท้ายเกวียนและสอดส่องไปรอบๆ บรรยากาศเงียบสงัดจนได้ยินเสียงหัวใจที่กำลังกู่ร้อง ภาพความนึกคิดสับสนวุ่นวายผุดขึ้นไม่หยุดหย่อน ทัศนวิสัยเริ่มพร่ามัว แขนขาอ่อนแรงจนเกือบจะทรุดลง “ไม่เป็นไร…เราอยู่ข้างเจ้าเสมอ” สุรเสียงอ่อนหวานที่เบาบางแต่กลับสาดซัดคลื่นแห่งความโกลาหลให้มลายหายไปเพียงชั่วพริบตา อคินเริ่มหายใจเข้าออกเป็นจังหวะและมองสำรวจรอบๆอีกครั้งขณะย้ำคำอยู่ในใจว่าตนนั้นยังมีคนที่ต้อง’ปกป้อง’อยู่ข้างหลัง
รอบข้างเป็นทุ่งหญ้าและต้นไม้บางตา แต่ไม่มีวี่แววของสัตว์ป่าอยู่เลยแม้แต่น้อย เสียงมันเงียบเชียบจนน่าเป็นห่วง ‘เงียบเกินไป ไม่ดีแล้ว!’ ขณะที่กำลังตื่นตัว เสียงลูกศรก็แหวกว่ายตัดผ่านอากาศพุ่งเข้ามาที่ลินน์อย่างรวดเร็วจากด้านหลัง โชคร้ายที่เธอหลบไม่ทันเพราะพื้นที่มีจำกัดและเป็นเป้าสายตาจากทั่วสารทิศ ลูกศรปักเข้าที่ต้นแขนซ้ายของเธออย่างจัง แต่ลินน์ก็กัดฟันหักปลายลูกศรทิ้งทันที “ฝั่งซ้ายสอง! อคิน! ลูน่า! ขวาสาม! ไคน์อยู่ในระยะไว้! มือยิงเดี๋ยวจัดการเอง!” ลินน์เริ่มสั่งการพร้อมกับจัดท่าจับลูกศรพร้อมคันธนูในมือซ้าย จากนั้นหยิบอีกดอกขึ้นสายเพื่อเตรียมพร้อมยิง อคินตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นลูกศรพุ่งเข้าใส่ลินน์ ความหวาดกลัวที่เพิ่งสงบไปแล่นพล่านขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เขายังคงกำดาบแน่น สัญชาตญาณสั่งให้เขาต้องจ้องมองออกไปในความมืดตามคำสั่งของลินน์ เขาเริ่มเห็นร่างที่ปกคลุมด้วยกิ่งไม้ใบหญ้าและเงาที่บิดพลิ้วไปตามลมจนเกินธรรมชาติ “ตรงนั้น ทางตะวันออกเฉียงใต้ ระยะแปดสิบเมตร!” อคินตะโกนขึ้นพร้อมชี้ทิศทาง ลินน์ไม่รอช้า ง้างสายธนูและยิงออกไปอย่างว่องไว ศรปักเข้าที่กลางลำตัวอย่างแม่นยำ ทันใดนั้นเพียงชั่วพริบตา เกิดเสียงธนูแหวกมวลอากาศขึ้นอีกครั้ง ลินน์ที่รอจังหวะอยู่ก้มตัวลงนั่งแล้วยิงสวนกลับด้วยศรที่เตรียมไว้ในมือซ้ายทันที เสียง ‘ฟุบ’ดังขึ้นจากปลายทางของลูกศรเป็นสัญญาณว่ามือธนูของฝ่ายตรงข้ามถูกกำจัดแล้ว
หลังจากสิ้นเสียงเธอมองสำรวจรอบข้างอีกครั้งเพื่อยืนยันจำนวนให้แน่ใจ ซึ่งทางฝั่งไคน์กำลังโดนล้อมสามต่อหนึ่งระยะกระชั้นชิด ตกอยู่ในสภาพเหนื่อยหอบแต่ร่างกายกลับไม่มีแผลเลยแม้แต่น้อยแสดงให้เห็นความเป็นมืออาชีพ “อคิน! ฝากด้วยนะ!” เธอพูดทิ้งท้ายไว้แล้ววิ่งเข้าไปสนับสนุนไคน์ที่กำลังจนแต้มทันที “มาได้สักทีนะ” ไคน์เอ่ยทักทายขณะที่หันหลังให้ “คิดถึงหล่ะสิ โอกาสแบบนี้มีไม่บ่อยหรอกนะ” เธอหันหลังประกบไคน์ ทั้งท่าต่อสู้เตรียมพร้อมอย่างมั่นใจ
ทางฝั่งอคินเมื่อได้รับหน้าที่ที่ฝากฝังไว้สายตาเริ่มสอดส่องอีกครั้ง ‘แค่ทำเหมือนครั้งที่แล้ว! ’ ความคิดความอ่านเริ่มกลับเข้าที่เข้าทางพยายามมองหาต้นตอของเสียงหรือแม้แต่การเคลื่อนไหวใดๆ “ไม่นะ! อคิน!” เสียงดังจากด้านหลังกระชากเขาให้หันกลับโดยพลัน ลูน่ายืนอยู่ในสภาพที่กำลังถูกจี้ด้วยมีด และชายสูงผอมยืนอยู่ด้านหลัง หัวใจของอคินร่วงดิ่งราวกับตกเหว เหงื่อไคลไหลเย็นเฉียบทั่วร่าง ภาพของน้องสุดที่รักโผล่ฉายขึ้นมาในสมองอีกครั้งราวกับแผลเป็น สมองเขาทำงานอย่างบ้าคลั่ง ภาพความเป็นไปได้ต่างๆ ผุดขึ้นมากมาย อคินจึงต้องรีบคิดหาวิธีช่วยเธอ ‘ไคน์และลินน์ยังไม่กลับมา แต่เสียงการต่อสู้เงียบลงไปได้สักพักแล้ว พวกเขาน่าจะกำลังจับตาดูอยู่เหมือนกัน’ สมองของอคินเริ่มประมวลผลอย่างรวดเร็ว ราวกับทุกสิ่งอย่างหยุดนิ่ง เป้าหมายมีเพียงแค่ต้องช่วยเธอออกมาอย่างปลอดภัย เขาย้ำอยู่ในใจ ‘ข้างหลังโจรเป็นพื้นที่โล่งกว้าง มีโอกาสที่จะบุกจากด้านหลังได้…ถ้างั้น’ อคินส่งสายตาไปทางพรรคพวกด้านหลัง มือซ้ายค่อยๆ ล้วงกระเป๋าหลังอย่างเชื่องช้าไม่ให้ผิดสังเกต พร้อมตะโกนเป็นสัญญาณเริ่มบุกจู่โจม “เอาเลย!” โจรที่เห็นท่าไม่ดีรีบหันไปหาศัตรูด้านหลัง แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าจึงรีบหันกลับมาอย่างไม่รีรอ สัมผัสของวัตถุบางอย่างกระทบใบหน้า เกิดแสงฉายเจิดจ้าบดบังไปทั่ว “เหี้ยไรวะเนี่ย!? ” โจรชั่วบ่นออกมาด้วยความตกใจกับเหตการที่ไม่คาดคิด อคินเมื่อได้จังหวะแล้วก็ลงมือทันที เขาดึงมือลูน่าออกมาในขณะนั้นเองก็ใช้แรงเหวี่ยงที่ดึงลูน่าเปลี่ยนเป็นแรงหมุน ดาบในมือง้างฟันใส่โจรสะพายแล่ง แต่มันกลับถอยหลบได้อย่างฉิวเฉียด มันมองตั้งหลักอีกครั้งแต่เมื่อไม่เห็นใครและเสียงการต่อสู้เงียบลง หมายความว่าตนกำลังเพลี่ยงพล้ำ เมื่อเห็นท่าไม่ดีโจรจึงวิ่งหนีเข้าไปทางป่าทึบ อคินที่ไม่รอช้าให้ศัตรูได้ถอยทัพ ขว้างดาบพุ่งเข้าหาอย่างรวดเร็ว น่าเสียดายที่ดาบนั้นหนักเกินไป ไม่อาจเอื้อมถึงเป้าหมายที่ตั้งใจ
ความเงียบสงบเริ่มกลับคืนมาอีกครั้ง ศึกนี้แม้จะชนะแต่ยังไม่จบหากยังไม่ถึงจุดหมายปลายทาง อคินก้มมองมือตนเองอย่างหวาดผวา สัมผัสที่ได้เฉือดเฉือนเนื้อหนังมนุษย์ด้วยกันเองยังสั่นติดมือเขาไม่จางหาย เขาพยายามเช็ดมือที่ขาวสะอาด เหมือนกับเห็นบางสิ่งยังคงติดแน่นอยู่บนนั้น ความกลัวย่างกรายกลับเข้ามารุมล้อม หากเขาลงมือพลาดและมีชีวิตที่ต้องดับลง ‘ตัวตน’ ของเขาจะยังเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า คำถามนั้นดังกึกก้องซ้ำไปมาดั่งความเป็นจริงอันโหดร้ายที่ยากจะล้มล้าง ยังไม่ทันจะได้สติเขากลับถูกลอบโจมตีจากด้านหลัง ใบดาบฟาดลงกลางศรีษะ สติพร่ามัวพื้นดินสั่นไหวดั่งเกลียวคลื่น เข่าทรุดยวบพ่ายแพ้ให้กับความเจ็บปวดที่เข้ามาแทรกกลางความคิด “ไอ้บ้า! ใครสอนให้แกปล่อยอาวุธหลุดมือห๊าา!” เสียงตวาดแข็งกร้าวดังขึ้น เมื่อหันไปมองต้นทางของเสียง ภาพของไคน์และลินน์ที่มีบาดแผลเล็กน้อยตามตัวประจักษ์อยู่ตรงหน้า ความโล่งใจพลันเอ้อล้นขึ้นมาเป็นน้ำตาไหลชโลมจนสิ้นสภาพ ลูน่าก้มลงคุกเข่ากับพื้นเข้าโอบกอดปลอบประโลมด้วยความรักอันแผ่วเบา เยียวยารักษาจิตใจเขาดั่งเวทมนต์
เวลาผ่านไปตะวันเริ่มหย่อนคล้อยใกล้ที่จะได้บอกลาจากฟากฟ้า ตอนนี้พวกเขาหยุดอยู่หน้าชายป่าเพื่อช่วยกันตัดสินว่าควรจะเดินทางเข้าไปภายในป่า หรือเลือกที่จะตั้งแคมป์อยู่ข้างนอกเพื่อความปลอดภัย ยังไม่ทันได้ตัดสินใจ พระอาทิตย์ก็หายลับกลับคืนพสุธาเหลือเพียงโค้งแสงสีเงินที่กำลังเชิดชูขึ้นเหนือฟ้า อคินสังเกตเห็นลูน่าเริ่มสั่นเทาเล็กน้อยเมื่อความมืดคืบคลานเข้ามา แววตาของเธอฉายแววหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อาการของลูน่าเริ่มผิดสังเกตจนทุกคนเริ่มสัมผัสได้ “ตั้งแคมป์ในป่าเถอะนะ” เธอเอ่ยขออย่างสั้นๆ เพียงเท่านั้นบรรยากาศที่ตรึงเครียดเพิ่มแผ่ซ่านอีกหน ทุกคนจึงตกลงตามคำแนะนำของ’จอมเวท’ลูน่า แม้จะมีคำถามเกาะเกี่ยวอยู่ในใจ แต่เมื่อเพื่อนร่วมทางเอ่ยปากออกมาแล้วย่อมยากที่จะมองข้าม
พอถึงจุดเหมาะที่จะตั้งแคมป์ ทุกคนต่างทำหน้าที่อย่างแข็งขัน แม้จะเหนื่อยล้าเต็มทน ลูน่าที่จิตใจเริ่มเม่อลอยหวาดกลัวทุกสิ่งภายนอก อคินรู้สึกปวดร้าวจับใจเหมือนโดนบีบขยี้แล้วคายออก “อย่ามองเรานะ..” เธอเอ่ยซ้ำๆ วนไปมาอย่างหวาดหวั่น อคินทำได้เพียงเดินออกมาเพื่อให้อย่างน้อยก็ไม่ต้องหวาดกลัวสายตาของตน หนุ่มน้อยจึงกลับไปรวมกลุ่มหน้ากองไฟอีกครั้ง ไคน์และลินน์และเชอร์เนลต่างกำลังกินอาหารเติมกำลังอย่างเร่งด่วน เมื่อเห็นอคินเดินเข้ามาร่วมวงจึงยื่นซุปให้สองถ้วย “กินเอาแรงก่อน ต้องมีแรง ถึงจะมีกำลังไปปกป้องคนอื่นได้” แววตาและน้ำเสียงไคน์ดูจริงจังกว่าที่เคย ไคน์ถอดถุงมือออกเผยให้เห็นรอยแผลเป็นลากยาวจากผ่ามือยันข้อศอก “เห็นนี่มั้ย มันมีช่วงเวลาโง่ๆ อยู่ ถ้าช่วงเวลานั้นมันเกิดขึ้นกับแก จงจับอาวุธไว้ให้แน่น” เขาย้ำด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่กลับหนักแน่นกว่าทุกที ไม่เหมือนยามปกติทั่วไปที่เขาจะทำตัวกร่างไปทั่วเหมือนกำลังหาสิ่งเร้าให้ชีวิต “ขอบคุณครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ” อคินจดจำคำนั้นไว้แล้วกล่าวขอบคุณ พร้อมผละออกมาหาลูน่าที่กำลังเป็นห่วง เขาทำได้เพียงนั่งกินชุปเฝ้าอยู่ข้างเธอไม่ห่าง หวังให้เธอดีขึ้นสักนิด
เวลาดำเนินไปเท่าไหร่ลูน่ายิ่งสั่นกลัว เธอเก็บตัวอยู่บนเกวียนปกปิดห่อตัวด้วยผ้าห่มราวกับจะหลบซ่อนจากโลกนี้ แสงพระจันทร์สีเงินสว่างทอประกายฝ่าเข้ามายังส่วนลึกของป่าทมิฬ ดุจดั่งจงใจเปิดเผยที่ตั้งแคมป์เป็นเวทีแสดงละครบทต่อไป เพียงไม่นานความเงียบงันก็เริ่มคืบคลาน ความหนาวเย็นยะเยือกแผ่ชโลมถูกพื้นผิว เสียงม้าลากเกวียนกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง เพียงไม่นานลูกศรพุ่งเข้าใส่พวกมันอย่างไร้ปราณี ดับชีวิตของพวกมันอย่างรวดเร็ว
“ม้าโดนโจมตี!” ไคน์ที่เห็นท่าไม่ดีรีบรายงานสถานการณ์ “แย่แล้ว! พวกมันตัดทางหนี! เรากำลังโดนล้อม! ” ลินน์รีบเร่งมองสำรวจไปทั่วทุกทิศทางก่อนจะหันกลับมามองลูน่าในสภาพที่ไม่อาจขยับเขยือนได้ เพื่อประเมินแผนการถัดไป “ลูน่าล้ม! คุ้มกันเธอ อคินข้างหน้า ไคน์มาทางขวา!” เธอออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด ไม่อาจรีรอต่อไปได้อีก วงล้อมเริ่มตีโอบเข้ามาทุกขณะ ราวกับติดอยู่ในแผนกลยุทธ์ของศึกสงคราม สถานการณ์เลวร้ายสุดขีดเกินจะทานทน อคินไม่อาจ ไม่กล้าพอ ที่จะปล่อยให้สิ่งใดๆ เล็ดลอดผ่านจากเขาไปเด็ดขาด… อีกครั้งที่เขาล้วงกระเป๋าซ้าย หยิบชูอัญมณีส่องค่าแวววาวขึ้นมาเป็นเป้าล่อสะกดทุกสายตา “พวกแกอยากได้ไอ้นี้ใช่มั้ย!?” ลินน์และไคน์หันมามองตามเสียง ปรากฏรอยยิ้มจางๆ ถึงความมั่นใจในโอกาสสุดท้าย “เอาไปเลยย!! ” เมื่อเห็นทั้งคู่พร้อมอคินลงมือบีบมันทันใดเกิดแสงสว่างวาบไปทั่วทั้งป่า พร้อมเสียงที่ตามมาของลินน์ “บุกเลย! ” อคินวิ่งเข้าหาศัตรูอย่างกล้าหาญเมื่อยามต้องปกป้องสิ่งสำคัญไว้เบื้องหลัง ดั่งคำพูดของเธอไม่ผิดเพี้ยน
ลูน่าที่เห็นภาพนั้นความคิดดับวูบ สัญชาตญาณกู่ก้องกรีดร้องลั่นกาล สองมือไขว่คว้าออกไปเพื่อรั้งดวงใจสุดท้ายเอาไว้ ผืนผ้ามากมายที่ร่วงหล่น ณ ช่วงเวลาที่ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วไม่ให้ตั้งตัว มือของเธอโผ่ลพ้นออกมาจากเงาเต้นท์หมายวิ่งเข้าไปคว้าอคินไม่ให้ห่างหายออกไปจากสายตา ร่ายกายของลูน่าที่ต้องแสงจันทร์เริ่มแปรเปลี่ยนผันไป เผยให้เห็นแววตาทอแสงสีแดงก่ำดุจโลหิตแห่งทุกสรรพสิ่ง ผมเงินเงาเรือนรองล้อทอแสงจันทราดั่งเมฆาปกครองทั่วทุกผืนฟ้า ประกาศกร้าวพลาณุภาพแผ่ขยายออกไปทั่วทั้งเขตแดนประจักษ์อำนาจปกครองเหนือรัตติกาล
Chapters
Comments
- บทที่ 5 : บททดสอบแรกและพลังที่ซ่อนเร้น 8 ชั่วโมง ago
- บทที่ 4: มิติใหม่แห่งการผจญภัย 1 วัน ago
- บทที่ 3 : ก้าวแรกแห่งพันธ 1 วัน ago
- บทที่ 2 : ตำนานเอกโลกา 1 วัน ago
- บทที่ 1: พันธสัญญาแห่งผู้กล้า 1 วัน ago
- ตอนที่ 0 บทนำ: ภาระของน้ำตาเทียน 1 วัน ago
MANGA DISCUSSION