บทที่ 4: มิติใหม่แห่งการผจญภัย
ในที่สุดภารกิจแรกของนักผจญภัยอคินก็ได้เริ่มต้นขึ้น ด้วยการคุ้มกันกองคาราวานมุ่งหน้าสู่ทางเหนือ ไปยังเมืองโบแวร์ “แล้วก็ ภารกิจนี้แนะนำเป็นปาร์ตี้สี่คน โดยจะแบ่งให้คนละยี่สิบเหรียญเงิน และมีอาหารค่ำระหว่างทางค่ะ” พวกเธอสองคนส่งสายตากันอย่างรู้นัย
“ไม่มีปัญหาค่ะ แล้วทีมที่เหลืออยู่ไหนหล่ะ?” ลูน่าขานรับพร้อมหยิบกระดาษภารกิจมาจากสาวบริกร เมื่ออคินมองไปรอบๆ ก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแกะดำที่ไม่เข้าใจโลกอยู่คนเดียว พร้อมกับสงสัยว่าเงินรางวัลมันมีค่าแค่ไหนกัน เพราะที่พักโรงเตี๊ยมเมื่อคืนนี้ก็มีค่าใช้จ่ายคนละห้าเหรียญเงิน “สมาชิกอีกสองท่านกำลังรออยู่ที่บาร์ทางมุมซ้ายค่ะ” พนักงานกิลด์ผายมือออกไปยังบาร์เหล้าที่ค่อนข้างเงียบสงบ บาร์เทนเดอร์ที่กำลังจัดวางแก้วและทำความสะอาดเคาน์เตอร์ และนักผจญภัยชายหญิงที่กำลังนั่งอย่างเบื่อๆ เมื่ออคินและลูน่าเดินตรงไปทางบาร์ก็มีเสียงตะโกนไล่หลังดังขึ้น “ขอให้โชคดีกับภารกิจแรกนะค้า~” อคินรีบหันกลับมาและก้มคำนับเล็กน้อยเป็นการกล่าวขอบคุณตามมารยาท ส่วนลูน่านั้น หันมาส่งยิ้มอันอ่อนละมุนให้เหมือนอย่างเคย
“พวกเรามาเข้าทีมคุ้มกันคาราวานไปเมืองโบแวร์ค่ะ ใช่พวกคุณหรือเปล่าคะ?” ลูน่าเอ่ยทักทาย “ห๊าา..ข้าก็รอตั้งนาน แล้วดูสิเราได้ใครมาเพิ่มเนี่ย…” เสียงชายหนุ่มดังขึ้นเป็นการขานรับ เขาสูง 173 ซม. มีรูปร่างผอมเพรียว ผมสีแดง นัยน์ตาสีฟ้า มีผ้าคาดหัวสีดำโพกอยู่ สวมเกราะเหล็ก และกางเกงโซ่ถัก ถุงมือและรองเท้าหนัง และมีสายกระเป๋าสะพายอยู่ มีหอกยาวเมตรครึ่งพิงโต๊ะข้างที่นั่งน่าจะเป็นของเขาเช่นกัน “ข้าไม่ต้องการคุณหนูกับไอ้เปี๊ยกขี้ก้างมาเกาะขาให้เป็นภาระหรอกนะ!…ถ้าออกไปตอนนี้โอกาสโดนรวบมันแทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์เลยนะเว้ย…” คำพูดสุดท้ายค่อนข้างเบาเหมือนไม่ต้องการให้คู่สนทนาเก็บไปใส่ใจ
“แหม ถ้านายกลัวหล่ะก็นะ ฉันจะคอยสนับสนุนให้เหมือนเดิมนั่นแหล่ะ” หญิงสาวผมสีดำรวบหางม้ายาวถึงหลัง ดวงตาสีมรกต นิสัยร่าเริงเอ่ยขึ้นเป็นเชิงหยอกล้อ เธอเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะพร้อมกับเหยือกเบียร์เต็มสองมือที่ล้นปริ่ม ดูแล้วทั้งคู่ค่อนข้างจะสนิทกันในระดับหนึ่ง “เอาเป็นว่า ฉันชื่อลินน์ ยินดีที่ได้รู้จัก แล้วก็ขอฝากตัวด้วยนะ” เธอหันมาชูเหยือกเบียร์พร้อมกระพริบตาข้างหนึ่ง “ส..สวัสดีครับ ขอฝากตัวด้วยครับ” ลูน่าเอ่ยเลียนเสียงอคิน พร้อมกับกดศีรษะเขาให้โค้งลงเหมือนกำลังเชิดหุ่น ซึ่งอคินกำลังตัวแข็งทื่อเพราะความทั้งเขินทั้งอายและประหม่า เนื่องจากในชีวิตก่อนเขาเองนอกจากน้องสาวแล้วก็ไม่เคยได้เห็นหรือทำความรู้จักสิ่งที่เรียกว่าสตรีเพศเลย
“หุหุ.. ส่วนเจ้าหมอนี่ชื่อไคน์ ถึงจะปากสุนัขไปบ้าง ชอบหาเรื่องเค้าไปทั่ว แต่โดยรวมแล้วก็เป็นคนดีนะ บางทีก็ทำหน้าเหมือนไซบีเรียนได้ด้วยหล่ะ” ลินน์หลุดขำออกมาเล็กน้อย ฉายแววตาเหมือนกำลังพบกับของเล่นชิ้นใหม่ “แล้วก็ ถ้านายมัวแต่หลับอยู่จนตกข่าวหล่ะก็ ฉันจะเล่าให้ฟังก็แล้วกัน..” ขณะที่ไคน์กำลังทำหน้านิ่วเพราะโดนสาดเสียเทเสียอยู่ฝ่ายเดียว ลินน์ก็ยกมือปรามเข้าไว้แล้วกล่าวต่อ “ถ้านายยังไม่ได้ตาบอด นายก็น่าจะเห็นแล้วนะว่ามีถุงกระสอบที่กำลังลอยข้างหลังเธออยู่หน่ะ เธอคนนั้นได้รับการยืนยันจากกิลด์แล้วว่าเป็นจอมเวทระดับห้าเลยเชียวนะ” ลินน์ผายมือทั้งสองเข้าหาลูน่าเหมือนเป็นนายหน้าจัดหาคน “ดิฉันนามว่าลูน่า เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับท่านทั้งสองค่ะ” สุรเสียงอ่อนช้อยของเธอทำให้ทั้งสองหลงอยู่ในภวังค์ชั่วครู่ จากนั้นก้มโค้งศีรษะทักทายเล็กน้อยอย่างสุภาพ “ม..ไม่อยากจะเชื่อ!” ไคน์มองด้วยสายตาราวกับเจอห่านทองคำก็มิปาน ทำปากพะงาบเหมือนพยายามกลืนคำสบประมาทเมื่อครู่ลงท้อง
“ตะ..แต่ว่า! แล้วไอ้เปี๊ยกนี่หล่ะ ข้าเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้ไม่ได้หรอกนะเว้ย!” ไคน์ชี้ไปทางอคินอย่างโวยวาย ส่วนอคินที่เริ่มรู้สึกตัวก็โค้งเป็นไผ่น้ำล้นพร้อมกล่าวซ้ำๆ “ขอฝากตัวด้วยครับ!” เมื่อสถานการณ์สุกงอม ลินน์จึงเก็บเกี่ยวผลผลิตด้วยหมัดเด็ด “แล้วใครบอกว่าจะให้นายเป็นพี่เลี้ยงหน่ะ..หื้ม?” ไคน์ที่ได้ฟังนั้นก็จนปัญญาจะตอบโต้ หน้าเริ่มแดงเหมือนแอปเปิ้ลสุกทั้งๆที่เบียร์ยังไม่ได้เข้าปากสักหยด เขาจึงเริ่มยกซดเบียร์อย่างเงียบๆ ส่วนทางอคินและลูน่าก็เริ่มที่จะเข้ามานั่งร่วมโต๊ะด้วยกัน
เมื่ออคินเห็นทั้งไคน์กำลังดื่มเบียร์กลบเกลื่อนและลินน์ที่กำลังทำความสะอาดอุปกรณ์ เขาก็เพิ่งสังเกตได้ว่าลินน์นั้นมีธนูประจำกายที่สะพายติดตัวตลอดเวลา เธอสูง 160 ซม. สวมเกราะหนังสีน้ำตาลและกางเกงขาสั้นสีดำรัดรูป รองเท้าหัวเหล็กและสวมถุงมือเหล็กข้างซ้าย และถุงมือหนังข้างขวา ซึ่งดูเหมือนพวกต่อสู้ระยะประชิดมากกว่าที่จะอยู่แนวหลัง ทำให้เขาเริ่มเห็นแบบอย่างสำหรับตัวเขาและลูน่าอย่างเลือนราง เป็นเชื้อไฟผลักดันให้เขาต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่จะปกป้องคนข้างหลังได้
ในขณะที่คิดเช่นนั้น เขาหันไปมองลูน่าโดยสัญชาตญาณ เห็นลูน่าที่กำลังมองเข้ามาในตาของเขา เธอยิ้มพร้อมผงกหน้าเป็นสัญญาณ อคินที่เพิ่งรู้สึกตัวก็เริ่มหน้าแดงคล้ายกับชายที่นั่งฝั่งตรงข้าม เขาจึงตั้งสติพร้อมกับกล่าวออกไป “คือว่า!..รายละเอียดแผนการเป็นยังไงหรอครับ แล้วผมต้องทำอะไรบ้าง?” หลังพูดจบเขาได้ยินเสียง ‘หึ’ เบาๆ จึงหันไปหาที่มาของเสียงและพบกับไคน์ที่ยิ้มออกมาจางๆเพียงแวบเดียวเท่านั้น แวบเดียวจริงๆ
“เอาหล่ะ ถ้างั้นเรามาเข้าเรื่องกันเลย” ลินน์ที่เพิ่งจะจัดเก็บอุปกรณ์ตัวเองเสร็จก็เอ่ยขึ้นเป็นการเปิดงาน “พ่อค้าของคาราวานที่เราจะไปด้วยคือ คุณเชอร์เนล เขามีศูนย์การค้าเป็นของตัวเองอยู่ที่นั่น” ลินน์พูดพลางกางแผนที่ออกลงบนโต๊ะ และทับปลายทั้งสองฝั่งด้วยเหยือกเบียร์ “เราอยู่ที่โอ๊คเชดตรงนี้.. เป้าหมายเราคือโบแวร์…ตรงนี้ ซึ่งมันต้องผ่านป่าทึบมอร์ลีย์ ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเจอกับพวกโจรแน่ๆ เพราะไม่มีใครขนของไปหลายอาทิตย์แล้ว ป่านนี้พวกมันคงกำลังลงแดงกันอยู่แน่ๆ” ลินน์อธิบายพร้อมกับหยิบเหรียญทองแดงมาวางทับไว้ที่โอ๊คเชดและโบแวร์ ส่วนป่ามอร์ลีย์นั่นวางทับด้วยเหรียญเงิน
“กลับเข้าเรื่องกันต่อ ในภารกิจนี้มีเกวียนขนสินค้าสองเล่ม ใช้เวลาเดินทางไปถึงโบแวร์ช่วงกลางวันของวันที่สอง…นั่นหมายความว่าเราอาจต้องค้างแรมกันในป่า…” ลินน์พูดขึ้นขณะที่กำลังคิดคำนวณเหตุการณ์คร่าวๆ “พวกโจรป่าที่เราอาจจะต้องเจอระหว่างทางเป็นแบบไหนหรอครับ อ…อย่างเช่นมีกันเยอะมั้ยหน่ะครับ?” อคินเอ่ยถามพร้อมกับชูมือขึ้นเหมือนติดเป็นนิสัย “ส่วนเรื่องของเจ้าโจรพวกนั้นค่อนข้างมีปัญหานะ พวกมันเป็นทหารหนีทัพหน่ะ ดังนั้นค่อนข้างแข็งแรงอยู่พอสมควรแล้วก็ทำงานเป็นทีม…” ลินน์กล่าวต่อแบบไม่รีรอ พลางหยิบระเบิดแสงขึ้นมาสำรวจดูแล้วเก็บเข้ากระเป๋า “แต่ก็นะ แค่ต้องแยกพวกมันออกจากกันก็พอ”
“…เราผ่านทางป่าทึบ ถ้างั้นต้องโดนซุ่มโจมตีแน่..การส่งเสียงดังคงไม่ดี แล้วเราพอจะมีวิธีการส่งสัญญาณที่ไม่ต้องใช้เสียงมั้ยนะ อย่างเช่นสัญญาณมือ…” เขาเอ่ยออกมาลอยๆ อย่างเผลอไผล ด้วยความเคยชินกับการครุ่นคิดและวิเคราะห์ทุกสิ่งในใจ ก่อนที่สติจะกลับมาและตระหนักว่าตัวเองพูดดังเกินไป ‘อ๊ะ! ขอโทษครับ’ ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความเขินอาย รีบก้มหน้าปกปิดความรู้สึกราวกับว่าเพิ่งทำเรื่องประหลาดในสายตาผู้อื่น “โอ้ ใช้ได้นี่เจ้าหนู แต่ว่านะ ถ้าเข้าป่าทึบเราอาจจะโดนบุกช่วงกลางคืนก็ได้ เพราะงั้นสัญญาณมืออย่างเดียวไม่พอหรอกนะ” ลินน์ที่เห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปของอคินก็อดชื่นชมไม่ได้ พร้อมกับแนะนำเพิ่มเติม “น..นั่นสินะครับ” อคินที่ได้รับคำชมก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าตัวเขานั้นยังอ่อนประสบการณ์แค่ไหน
“นักผจญภัยหน่ะ แปลว่าผู้คนที่คอยเผชิญกับภัยอันตรายต่างๆ หากแนวหน้าในสมรภูมิรบคืออัศวิน แนวหน้าในการเผชิญกับภัยอันตรายต่างๆที่ยังไม่มีใครรู้จัก สถานที่ที่ยังไม่เคยมีใครไปถึง นั่นแหล่ะคือพวกเรา ‘นักผจญภัย’” ไคน์ที่เงียบมาตลอดอยู่ๆก็กล่าวขึ้น สำหรับอคินแล้วเป็นคำพูดที่เท่ไม่หยอกเลย ทำให้นักผจญภัยในสายตาเขาดูมีคุณค่าขึ้นมากเลยทีเดียว “เริ่มพูดจาเป็นผู้เป็นคนขึ้นแล้วสินะ ถ้างั้นฉันจะไม่เล่าก็แล้วกันนะว่านายเคยไปนอนอยู่ใต้ภูเขาห้านิ้วหน่ะ” ลินน์เมื่อเห็นไคน์ที่ต่างจากปกติก็อดไม่ได้ที่จะหยอกล้อ
ในขณะเดียวกันลูน่าที่เงียบมาตลอดก็เริ่มที่จะทำบางอย่าง เธอคว้าถุงกระสอบที่กำลังกรีดร้องว่าใกล้จะระเบิดเต็มทนเข้ามา พร้อมกับหยิบเศษอัญมณีที่ซื้อมาจากกิ๊ฟช็อปมาวางไว้บนโต๊ะ แล้วทำมือขยุกขยิกเหมือนกำลังปั้นดินน้ำมันเล่นก็ไม่ปาน และในตอนที่สายตาทั้งสามคนกำลังจับจ้องด้วยความสงสัย เธอก็ไม่ปล่อยให้พวกเขารอนาน “เอาหล่ะ เสร็จเรียบร้อย พร้อมใช้งานค่ะ” เธอชูอัญมณีที่เรืองแสงอ่อนๆจากการปั้นของเธอด้วยมือเปล่า?ขึ้นมา ทั้งหมดมีห้าชิ้น “นี่คือระเบิดแสง วิธีการทำงานคือปาสิ่งนี้ให้แตก จากนั้นจะเกิดแสงจ้าชั่วครู่” พูดยังไม่ทันจบ เธอก็คว้าไปหนึ่งชิ้นแล้วปาขึ้นเพดานทันที เกิดแสงวาบขึ้นทั่วอาคาร แต่ไม่มีเสียงและวี่แวว ผู้คนรอบข้างจึงทำได้เพียงมองไปมาอย่างไร้ต้นสายปลายเหตุ
และไคน์ที่กำลังยกซดเบียร์หยดสุดท้ายก็ได้รับอานิสงส์ไปอย่างเต็มเปี่ยม เบียร์ที่กำลังลงคอก็ไหลย้อนกลับขึ้นมาทันทีทำให้เขาสำลักอยู่พักใหญ่ ลินน์นั้นเมื่อได้เห็นประสิทธิภาพของระเบิดแสงก็ร้อง”ว้าว!” และเกิดแผนการขึ้นในหัวอย่างมากมาย ส่วนอคินนั้นเนื่องจากมองตามขึ้นไปสภาพของเขาจึงไม่ต่างกับชายที่นั่งฝั่งตรงข้ามเท่าไหร่นัก
“พูดถึงเรื่องทีมแล้ว แน่นอนว่าไคน์อยู่ด้านหน้าจะคอยดูแลเกวียนหน้าเป็นหลัก ฉันจะเฝ้ารอบๆจากข้างบนเกวียน ส่วนพวกเธอ…คอยดูแนวหลังเอาไว้ก็แล้วกันนะ แล้ว…มีใครจะเพิ่มเติมอะไรอีกมั้ย” เมื่อเห็นทุกคนต่างกำลังครุ่นคิดอยู่ในโลกส่วนตัว เธอจึงคว้าระเบิดแสงอีกชิ้นส่งให้ไคน์เก็บเข้ากระเป๋า
“ถ้างั้นแยกย้ายกันไปเตรียมพร้อม นัดเจอกันหน้าทางออกหมู่บ้านฝั่งเหนืออีกครึ่งชั่วโมงนะ” ลินน์และไคน์ต่างก็ลุกขึ้นและเดินออกจากกิลด์ ตอนนี้เหลือเพียงแค่อคินและลูน่าที่กำลังนั่งอยู่ เมื่อได้โอกาสความเป็นส่วนตัว ลูน่าจึงหันไปหาทางอคิน ฝ่ามือทั้งสองประกบสัมผัสแก้มอคินอย่างอ่อนโยน “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราเชื่อในตัวเจ้าเสมอ” เธอจุมพิตบนหน้าผากเขาเป็นการอวยพรโดยไม่สนใจสายตารอบข้างที่กำลังจดจ้อง และอคินที่เขินอายจนแก้มแดงทำให้ลูน่าที่อยากแกล้งเข้ามากขึ้นได้แต่หักห้ามใจ เธอหยิบระเบิดแสงสองก้อนสุดท้ายใส่ลงในกระเป๋าสะพายของเขา เพียงแต่ครั้งนี้ต่างออกไปเขาไม่ได้ก้มหน้าหลบสายตาเหมือนอย่างเคย ครั้งนี้อคินสบตากับลูน่าอย่างซื่อตรง “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะปกป้องเธอเอง” พร้อมกับจับที่มือของเธอเป็นการยืนยัน “เรารู้…”ลูน่าตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนเหมือนอย่างเคย “เอาหล่ะ ไปกันเถอะ” เธอลุกขึ้นและจูงมือเขาออกจากกิลด์มุ่งหน้าสู่เป้าหมายต่อไป
Chapters
Comments
- บทที่ 7 : มหาภัยแห่งเทพและปีศาจ (จบ Arc 1) 1 วัน ago
- บทที่ 6 : สมรภูมิแห่งปัญญา 2 วัน ago
- บทที่ 5 : บททดสอบแรกและพลังที่ซ่อนเร้น มิถุนายน 20, 2025
- บทที่ 4: มิติใหม่แห่งการผจญภัย มิถุนายน 19, 2025
- บทที่ 3 : ก้าวแรกแห่งพันธ มิถุนายน 19, 2025
- บทที่ 2 : ตำนานเอกโลกา มิถุนายน 19, 2025
- บทที่ 1: พันธสัญญาแห่งผู้กล้า มิถุนายน 19, 2025
- ตอนที่ 0 บทนำ: ภาระของน้ำตาเทียน มิถุนายน 19, 2025
MANGA DISCUSSION