ตอนที่ 0 บทนำ: ภาระของน้ำตาเทียน
บทนำ: ภาระของน้ำตาเทียน
ในย่านสลัมที่ดูเหมือนส่วนเกินของเมือง คล้ายเนื้อร้ายที่งอกออกมาจากกาย ถึงแม้จะผุพังเพียงใด แต่ตราบใดที่ยังมีช่องว่างให้หายใจ ที่นั่นย่อมมีชีวิตอาศัยอยู่ เช่นเดียวกับมุมเล็ก ๆ แห่งนี้ แสงสลัวจากโคมไฟถนนสาดกระทบช่องว่างบนกำแพงที่เคยเป็นหน้าต่างไม้สวยงาม บัดนี้ผุพังไปตามกาลเวลา เหลือเพียงซากที่บอกเล่าถึงอดีตของบ้านที่เคยอบอุ่น และในซากนั้นเองก็ยังมีสองชีวิตน้อย ๆ กำลังพยายามประคองแสงแห่งชีวิตไม่ให้มอดดับ
อคินทรุดตัวลงบนพื้นเย็นเฉียบ พิงแผ่นหลังกับกำแพงปูนเปลือยที่แตกร้าว ไม่ต่างจากหัวใจของเขา เสียงทะเลาะเบาะแว้งจากบ้านตรงข้ามดังลอดเข้ามา ทว่าสำหรับเขาแล้ว เสียงเหล่านั้นกลับไม่เลวร้ายเท่าเสียงโวยวายของพ่อที่คลุ้มคลั่งเพราะยาเสพติด หรือเสียงกรีดร้องของแม่ที่ขาดสติเพราะการพนัน เสียงหลอนเหล่านั้นยังคงก้องอยู่ในหัว ภาพพ่อแม่ที่ตะคอกใส่กันไม่หยุดย้อนกลับมาหลอกหลอนกัดกินจิตใจ อคินกัดฟันแน่น พยายามกลั้นเสียงสะอื้น แต่หยดน้ำอุ่นก็ยังคงไหลรินอาบแก้มอย่างห้ามไม่อยู่
ครอบครัวของอคินเต็มไปด้วยรอยร้าว พ่อและแม่มีปากเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรงไม่เว้นแต่ละวัน หนี้สินท่วมท้นและภาระมากมายไม่เคยลดลง จนกระทั่งอคินและน้องสาวขี้โรคผู้อ่อนแอถูกมองไม่ต่างอะไรกับ ‘ภาระ’ ที่พวกเขาอยากจะทิ้งไว้ข้างหลังเหมือนที่เคยทำมาตลอด อคินทำได้เพียงหวังให้น้องสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจได้กินอิ่มท้องบ้าง เมื่อไร้ที่พึ่ง เขาจึงตัดสินใจพึ่งพาอำนาจเถื่อนใต้ดิน แม้รู้ว่าไม่ใช่หนทางที่ดีหรือชอบธรรม แต่การมีชีวิตรอดสำคัญกว่าสิ่งใด ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ ย่อมมีโอกาส และการพาน้องสาวจากสภาพแวดล้อมโหดร้าย มาอาศัยอยู่ในเขตสลัมที่ไม่มีใครสนใจ เพื่อดูแลกันเองให้รอดพ้นจากความอดอยาก อย่างน้อยก็ยังมีพรรคพวกที่พอจะไว้ใจได้คอยช่วยเหลือกันก็ยังดีกว่า ถึงแม้ว่าแต่ละฝ่ายจะซ่อนใบมีดไว้ข้างหลังก็ตาม แต่ความเป็นจริงโหดร้ายเสมอ ร่างกายที่อ่อนแอเป็นทุนเดิมของน้องสาวจากการอดมื้อกินมื้อก็ทรุดลง น้องสาวของเขาเริ่มมีไข้ และอาการก็ทรุดหนักลงเรื่อย ๆ ทำให้ภาระของอคินในวัยเพียง 15 ปี ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย
ค่ำคืนนี้มิได้ต่างจากคืนไหน ๆ ท้องฟ้ามืดมิดกลืนกินแม้แสงดาวดวงสุดท้าย เป็นอีกครั้งที่ชีวิตอันเปราะบางยังคงฝืนทน ราวกับไส้เทียนที่ไหม้จนเกือบสิ้น แต่ทุกแรงใจก็ยังถูกบีบคั้นออกมาเป็นหยาดน้ำตาเทียน เพื่อหล่อเลี้ยงเปลวไฟแห่งความหวัง ไม่ให้มอดดับลงไปท่ามกลางรัตติกาลอันแสนเงียบงัน
“สายบอกว่าคืนนี้มันจะแลกของกันที่โกดัง 9 หลังคลอง…” เสียงแหบกร้านลอยออกมาคล้ายคำบ่นมากกว่าจะตั้งใจสนทนา เป็นเสียงที่คุ้นเคยของชายผู้เป็นเอเย่นต์ใหญ่ในเงามืด รูปร่างสูงโปร่งของเขาดูไม่ต่างจากพนักงานออฟฟิศทั่วไป หากแต่รองเท้าหนังถูกแทนที่ด้วยผ้าใบ และกางเกงสแล็กเปลี่ยนเป็นยีนส์ที่คล่องตัวกว่า บ่งบอกถึงงานที่กำลังจะเกิดขึ้น “ฟู่…” ควันที่อัดแน่นไปด้วยนิโคตินถูกพ่นออกไปทางหน้าต่างอย่างเชื่องช้า สายตาคมกริบทอดออกไปยังความมืดมิดภายนอก ก่อนจะหันกลับมาจับจ้องคู่สนทนา
“จ่ายเท่าไหร่” อคินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยไร้อารมณ์ ราวกับเป็นหน้ากากที่สวมทับความรู้สึกทั้งหมดไว้ หากเผยพิรุธแม้แต่น้อย เขาย่อมถูกใช้เป็นจุดอ่อน ถูกบีบคั้นจนไร้ทางสู้เป็นแน่ “ก็… คงไม่มากหรอกน่า สักสิบเหรียญ พอให้ต่อลมหายใจของแกกับน้องสาวไปได้อีกสองสามวัน” รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมผุดขึ้นที่มุมปากของชายตรงหน้า มันคือรอยยิ้มที่ตอกย้ำว่าชีวิตที่สอง… ชีวิตของน้องสาวอันเป็นที่รัก… ถูกนำมาเป็นข้อต่อรองในครั้งนี้
“งานนี้ง่าย ๆ แค่เอาของไปเปลี่ยน แล้วเอาของมันกลับมาด้วยล่ะ” ชายคนนั้นหันหลังกลับไปจ้องมองหน้าต่าง พลางจุดบุหรี่ขึ้นสูบ ก่อนจะโยน ‘ของ’ สิ่งหนึ่งมาให้ มันคือยาเสพติด ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสินค้าชั้นเลวที่สุด แผนการนั้นเรียบง่ายและลงแรงน้อยนัก เพียงแค่ป้ายสีคู่แข่งด้วยสินค้าชั้นเลว เพื่อแย่งลูกค้าและทำลายชื่อเสียงไปในคราวเดียว แถมยังเอายาของคู่แข่งมาใช้เป็นบันไดเลื่อนยศให้กับตำรวจในสังกัดได้อีก อคินรู้ดีว่านี่ไม่ใช่แค่การรับงานธรรมดา แต่เป็นการเดิมพันครั้งสำคัญที่ผูกติดอยู่กับชะตากรรมของน้องสาวและชีวิตของเขาเอง งานนี้เกิดขึ้นเพื่อตัดกำลังคู่แข่งที่กำลังรุกคืบเข้ามาในพื้นที่ของเอเย่นต์รายนี้โดยเฉพาะ โดยมีเขาเป็นหมากตัวสำคัญที่จะต้องเข้าไปป้ายสีสินค้าของฝ่ายตรงข้ามให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เพื่อแย่งชิงลูกค้าให้กลับคืนมา เป็นหมากที่เดิมพันด้วยความมืดหม่น แต่ให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าสำหรับพวกเขา… และราคาแพงลิบลิ่วสำหรับชีวิตของอคิน
เส้นทางสู่โกดัง 9 หลังคลองเต็มไปด้วยความมืดมิดและกลิ่นอายของความสกปรก กายผอมบางของอคินค่อย ๆ แทรกซึมไปตามแนวต้นไม้ริมคลองที่ขึ้นรกครึ้ม ปกคลุมความเคลื่อนไหวของเขาจากสายตาที่อาจสอดส่อง เขาไม่ใช่คนที่มีพละกำลังมหาศาล หรือมีอาวุธร้ายกาจในมือ แต่ “ไร้กำลังก็ต้องใช้ปัญญา” คือคติที่เขาใช้ยึดเหนี่ยว อคินตัดสินใจคลุกตัวลงไปในโคลนข้างคลอง โคลนสีดำข้นหนืดที่ผสมปนเปกับสิ่งปฏิกูลจากโรงงานอุตสาหกรรมที่แอบทิ้งลงมาอย่างผิดกฎหมาย กลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงจนแสบจมูกและชวนคลื่นไส้ แทบจะไม่มีใครอยากเข้าใกล้ แต่สำหรับอคิน นี่คือเกราะกำบังชั้นดี กลิ่นสาบส่งนั้นรุนแรงจนกระทั่งผู้คนที่เดินผ่านไปมา หรือแม้แต่ยามเฝ้าโกดัง ย่อมต้องเบือนหน้าหนี หรือไม่ทันฉงนใจว่าจะมีใคร หรือ “คน” ที่ไหนกัน ที่จะปล่อยให้ตัวเองตัวเหม็นคลุ้งถึงเพียงนี้ นั่นคือการพลางตัวขั้นสุดยอด ที่ใช้ความรังเกียจของมนุษย์เป็นม่านกำบัง อคินกลายเป็นเพียงเงาเลือนรางที่แทรกตัวไปพร้อมกับกลิ่นที่ไม่มีใครอยากสัมผัส ค่อย ๆ คืบคลานเข้าใกล้เป้าหมายภายใต้ความมืดที่ไร้แสงดาวและกลิ่นเหม็นที่ไม่มีใครสนใจ
ภารกิจลอบเข้าไปในโกดังดำเนินไปอย่างราบรื่นด้วยความเฉลียวฉลาดนี้ อคินจัดการเปลี่ยนยาและหยิบยาของคู่แข่งกลับมาได้อย่างแนบเนียน ไม่มีใครจับพิรุธได้ ทันทีที่ทุกอย่างเรียบร้อย เขาก็รีบถอนตัวจากความมืดและกลิ่นเหม็นเน่าทันที กลับไปส่งของและรับค่าตอบแทนเล็กน้อยที่พอดูแลน้องสาวให้รอดไปได้อีกสองสามวัน และกลับบ้านราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นในคืนนั้น ราวกับเป็นเพียงค่ำคืนปกติอีกคืนหนึ่งในชีวิตที่ผิดปกติของเขา
ด้วยเงินสิบเหรียญที่ได้มา อคินรีบมุ่งหน้าไปยังร้านขายของชำเก่า ๆ เพื่อซื้อข้าวสารเพียงหยิบมือ ปลาเค็มตัวเล็ก ๆ และยาแก้ไข้ราคาถูกที่จำเป็นสำหรับน้องสาวในตอนนี้ เขากำถุงอาหารและยาแน่นราวกับเป็นสมบัติล้ำค่า หัวใจพองโตด้วยความหวังอันริบหรี่ น้องสาวจะต้องดีขึ้น… เขาพร่ำบอกตัวเองตลอดทางกลับบ้าน ด้วยภาพรอยยิ้มจาง ๆ ของน้องสาวที่ปรากฏอยู่ในมโนสำนึก
เมื่ออคินผลักบานประตูบ้านโทรม ๆ เข้าไป ความหวังทั้งหมดที่เคยจุดประกายกลับมอดดับลงในพริบตา ภาพที่เห็นตรงหน้าคือร่างอันไร้วิญญาณของน้องสาวนอนนิ่งในสภาพอันน่าสยดสยอง บนผนังด้านหลังปรากฏรอยเลือดที่ถูกปาดป้าย ราวกับงานศิลปะจากขุมนรกที่สะกดคำว่า ‘ไม่มีพยาน’ หัวใจของอคินร่วงหล่นวูบ ร่างกายทรุดฮวบลงราวกับเครื่องจักรที่ถูกดึงปลั๊ก เปลวเทียนแห่งชีวิตที่เขาเพียรประคบประคองมาตลอดทางจนถึงบ้าน ก็ดับมอดลงในคราเดียว จมดิ่งสู่ความมืดมิดอันเป็นนิรันดร์
“ขอบใจหว่ะ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นจากด้านหลัง แผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน ทันใดนั้น เสียงปืนก็ดังสนั่นกัมปนาท ตามมาด้วยความเจ็บปวดอันแสนสาหัส และทุกสิ่งทุกอย่างก็พลันมืดดับลง
…
“อคิน… ได้โปรด… โลกใบนี้… ยังต้องการเจ้า…” เสียงนุ่มนวลราวกับกระดิ่งแก้วยามลมพัด ผสมด้วยความหม่นหมองและวิงวอนอย่างสุดซึ้ง ดังแว่วเข้ามาในโสตประสาท มันมิใช่เสียงทุ้มต่ำของความโกรธเกรี้ยว หรือเสียงแหลมสูงของความรังเกียจที่คุ้นชิน
เขาเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า ดวงตาแดงก่ำจับจ้องไปยังความว่างเปล่าเบื้องหน้า ไม่เห็นสิ่งใด นอกเสียจากความมืดมิดที่กำลังกลืนกินทุกสิ่งรอบตัว “..โปรดเถิด มอบชีวิตของเจ้า… ให้แก่พวกเรา… ณ โลกอีกใบหนึ่ง… ที่ซึ่งเจ้าจะมีความหมาย… ที่ที่เจ้าคือผู้กล้า”
เสียงนั้นมิได้ให้ทางเลือก หากเป็นการเชื้อเชิญที่ไม่อาจปฏิเสธ พลังงานบางอย่างดูดกลืนความมืดมิดรอบตัวอคินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว ผืนน้ำที่เคยเย็นเฉียบพลันบิดเบี้ยวผิดรูป กลายเป็นละอองแสงสีเงินพร่างพราย พร้อมกับแรงดึงดูดมหาศาลที่ฉุดรั้งร่างของเขาให้ลอยขึ้นไปในอากาศ
“ได้โปรด… อคิน… ครั้งสุดท้าย… อย่าได้ทอดทิ้งพวกเราเลย…” เสียงวิงวอนนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่ความมืดสีขาวไร้ที่สิ้นสุดจะเข้าครอบงำทุกสิ่งทุกอย่าง ความสิ้นหวังที่กัดกินเขาเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยแรงบิดเบี้ยวที่รุนแรงกว่า ราวกับร่างกายกำลังถูกฉีกกระชาก สติเริ่มเลือนหายไป แทนที่ด้วยความว่างเปล่าสีขาวที่ไร้จุดสิ้นสุด… ราวกับความสงบสุขที่เขาโหยหามาตลอดชีวิต
ชีวิตกำลังจะเริ่มต้นใหม่ ทว่าไม่ใช่ในที่ที่เขาคุ้นเคย
Chapters
Comments
- บทที่ 7 : มหาภัยแห่งเทพและปีศาจ (จบ Arc 1) 2 วัน ago
- บทที่ 6 : สมรภูมิแห่งปัญญา 3 วัน ago
- บทที่ 5 : บททดสอบแรกและพลังที่ซ่อนเร้น มิถุนายน 20, 2025
- บทที่ 4: มิติใหม่แห่งการผจญภัย มิถุนายน 19, 2025
- บทที่ 3 : ก้าวแรกแห่งพันธ มิถุนายน 19, 2025
- บทที่ 2 : ตำนานเอกโลกา มิถุนายน 19, 2025
- บทที่ 1: พันธสัญญาแห่งผู้กล้า มิถุนายน 19, 2025
- ตอนที่ 0 บทนำ: ภาระของน้ำตาเทียน มิถุนายน 19, 2025
MANGA DISCUSSION