Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 346 ฉันก็ชอบนายเหมือนกัน
ตอนที่ 346 ฉันก็ชอบนายเหมือนกัน
ในบาร์เล็กๆ แสงไฟสลัวและดนตรีผ่อนคลาย
หลินเหนียนเล่ยกําลังนั่งอยู่บนเก้าอี้สูง รินเหล้าแล้วดื่มไม่หยุด ใบหน้าสวยงามของเธอยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา “ฉันช่วยนายได้มากเลยนะ ไม่ต้องพูดอะไรแล้วที่โต๊ะนี้มีแก้วสองใบพอดี”
“มานี่สิ!”
ฉันอวถอดเสื้อคลุมออกก่อนจะเทเหล้าเต็มแก้ว เขาตอบอย่างไม่เคอะเขิน “ฉันรู้ว่าเธอสนใจฉันไงล่ะแถมยังชอบฉันแทบคลั่ง แต่ฉันก็ต้องขอบคุณที่เธอช่วยคนหล่อคนนี้ไว้ล่ะนะ ไม่งั้นคงไม่รอด”
“ชิ! พูดอย่างหน้าไม่อายเลยนะ…แน่นอนว่าเรามีเรื่องกันตลอด” หลินเหนียนเลยขมวดคิ้ว
หลังจากพูดจบ ทั้งสองก็ชนแก้วและดื่ม
หลินเหนียนเลยหยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาเช็ดริมฝีปากสีแดงของเธอ ก่อนพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันขอให้นายช่วยอะไรฉันหน่อยสิ”
“อะไร?” ฉินอวค่อยๆ กลืนเหล้าที่เผาไหม่ในปากก่อนจะกัมรินเหล้าต่อไป
“พอนายกลับมาซ่งเจียง ช่วยฉันคุยกับเจ้าของบ้านเลขที่แปดสิบแปดหน่อย” หลินเหนียนเล่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้ฉันอยู่นั่นไม่ได้แล้ว”
ฉินอวี่ตกตะลึง มือที่ถือแก้วเหล้าก็สั่นอย่างอธิบายไม่ถูก เขาถามอย่างใจเย็นและสงบ “หืม…ทําไมล่ะ? สถานีออนไลน์ของเธอจะมีบ้านให้อยู่งั้นเหรอ?”
หลินเหนียนเล่ยเอื้อมมือเล็ก ๆ ของเธอไปกุมมือพร้อมกับมองหน้าฉินอวี่ด้วยรอยยิ้ม “ฉันจะออกจากงานเพื่อไปเรียนต่อนะ และคงไม่ได้อยู่ในฮ่งเจียงแล้ว”
ทั้งสองรู้สึกใจหายวาบหลังจากสิ้นเสียง แต่เมื่อเธอพูดเรื่องของการห่างกันความรู้สึกมันก็ไม่อาจแสดงออกด้วยคําพูดได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงบ้านเลขที่แปดสิบแปด ฉินอวี่รู้สึกอึดอัดมาก
ทั้งสองเงียบอยู่นาน ฉินอวีจึงยิ้มและมองหลินเหนียนเลย “ดีแล้ว ทุกคนก็ต้องก้าวหน้าขึ้นไปอีก”
“แต่ฉันไม่ได้เลือกที่จะไป” หลินเหนียนเล่ยยิ้มอย่างไม่เต็มใจ
เฉินอวหยิบแก้วขึ้นมาแล้วก้มหน้าจิบ “มันเรื่องปกติ”
หลินเหนียนเลยตั้งศอกศอกขวาบนเคาน์เตอร์บาร์เพื่อเท้าคางแล้วยื่นหน้าเข้ามาพูด “นายจําวันที่ฉันเมามากๆ ได้ไหม?”
“จําได้สิ วันนั้นแมวเฒ่าไปส่งเสี่ยวมี่ ส่วนฉันก็มารับเธอ” ฉินอวี่ยิ้ม “แล้วเธอก็เป็นไข้หนักเลย”
“ตอนนั้นไม่ใช่งานเลี้ยงอะไรทั้งนั้น แค่ฉันอารมณ์ไม่ดีและอยากดื่ม” หลินเหนียนเล่ยกะพริบตาพลางมองย้อนกลับไปยังแสงไฟ “ปีใหม่ที่ผ่านมา ทางครอบครัวขอให้ฉันไปเรียนต่อในเขตแปด ฉันไม่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วยอย่างมากก็เลยกลับมา พอพี่ชายมาคุยเรื่องนี้กับฉันอีก ฉันก็ปฏิเสธไป”
ฉินอวี่ตกตะลึงเพราะเขาไม่เคยได้ยินหลินเหนียนเลยพูดถึงเรื่องเหล่านี้เลย หรือแม้แต่เสี่ยวมี่เพื่อนสนิทของเธอ ตามปกติหลินเหนียนเลยเป็นผู้หญิงน่ารักเต็มไปด้วยอารมณ์ขัน ไม่เคยแสดงใบหน้าที่เศร้าโศกและไม่พอใจต่อหน้าตัวเองสักครั้ง
“แล้วทําไมคราวนี้ไม่ปฏิเสธล่ะ” ฉันอวอดไม่ได้ที่จะถาม
หลินเหนียนเล่ยยิ้มพลางหยิบแก้วขึ้นมาจิบ “ฉันขี้เกียจดื้อด้านต่อไปแล้ว”
“เป็นเพราะฉันหรือเปล่า?” ฉินอวกําหมัดแน่นขณะขมวดคิ้ว
หลินเหนียนเลยมองมาที่เขาแล้วหัวเราะ “นายนหลงตัวเองเป็นบ้า นายเป็นใครกัน? ทําไมฉันต้องทําเพราะนายด้วย?”
ฉันอขี่มองท่าที่หลินเหนียนเล่ยเขาก็รู้สึกอึดอัดมากขึ้น
“มาเถอะ มาเมากันไปข้างหนึ่ง” หลินเหนียนเลยยกแก้วขึ้น “หมดแก้ว!”
ฉินอวี่มองหน้าหลินเหนียนเลย ก่อนหยิบแก้วขึ้นมาแล้วยกดื่มให้หมด
หลังจากนั้น ทั้งสองก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องการจากไปของหลินเหนียนเลยอีก เพียงแค่ดื่มและฟังเพลงในบาร์
พวกเขาดื่มไปเรื่อยๆ และไม่รู้ว่าเมื่อไรบริกรจะมาแจ้งว่าร้านปิด
หลินเหนียนเลยที่ยังดื่มไม่มากพอ เธอจึงแกลังให้ฉินอวี่ซื้อเหล้าเพิ่มอีกสองขวด ก่อนทั้งสองจะเดินโซเซออกไปข้างนอก
ในคืนมืดมิดท่ามกลางแสงไฟสลัวสีส้มบนถนนสายหลัก หลินเหนียนเล่ยคว้าแขนฉินอวก่อนหันไปถาม “แล้วนายมีแผนสําหรับตัวนายเองรึเปล่า?
ฉินอวี่ตกตะลึง เขาส่ายหน้าอย่างแรงพลางพูดอย่างแน่วแน่ “ตอนมาที่นี้ครั้งแรกฉันก็ไม่มีหรอก แต่ตอนนี้ฉันมีแล้วล่ะ”
“แผนอะไร?” หลินเหนียนเลยพูดขณะเรอออกมา
ฉินอวี่ยืนอยู่ข้างถนนครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะตอบ “เป็นผู้กํากับที่ทุ่มเททํางานอย่างหนักเพื่อสํานักงาน”
“นั่นยังไม่พอ” หลินเหนียนเลยส่ายหน้า
“หืม…อะไรไม่พอ?” ฉินอวี่ถามด้วยความสงสัย
หลินเหนียนเลยมองหน้าฉินอวี่ ขณะทั้งคู่สบตากันดวงตาของเธอก็แดงก่ำ “ให้ฉันกลับไปบ้านเลขที่แปดสิบแปดอีกครั้ง…แค่นั้นมันไม่พอหรอก”
ฉินอวี่จ้องหน้าสาวแสนสวยที่อยู่ข้างหน้าเป็นเวลานาน เขาก็วางขวดเหล้ากับพื้น “แล้วเท่าไหร่ล่ะถึงจะเพียงพอ?!”
หลินเหนียนเลยสัมผัสแก้มฉินอวี่ด้วยมือขวา ดวงตาของเธอก็สดใสมากขึ้น ก่อนจะมองไปยังถนน “เสี่ยวอว เราอยู่ในยุคแห่งความล่อแหลม ทุกอย่างเต็มไปด้วยความวุ่นวายโกลาหล แต่ก็ยังมีโอกาส ไม่ว่าจะเป็นใคร หรือมีภูมิหลังและประสบการณ์แบบไหนก็อาจยิ่งใหญ่ได้ใฉันหวังว่าวันหนึ่งนายจะสามารถทําให้คนที่ประเมินค่านายต่ำตกใจได้”
ฉินอวี่ได้ยินคําพูดของหลินเหนียนเล่ยเขาก็พูดไม่ออกเป็นเวลานาน
“ฉันจะรอนายอยู่ที่เขตแปด..” หลินเหนียนเล่ยกลั้นน้ำตาไว้ พลางลูบไล้หน้าด้วยนิ้วมืออันเรียวยาว “ถ้ามาไม่ได้ก็บอกฉันก่อนละกัน”
“ถ้าจะแต่งงานกับใครสักคน ฉันจะเป็นชายที่โชคดีที่สุดคนนั้นได้ไหม?!” ฉินอวี่กัดฟันพูด
“เพลง!”
หลินเหนียนเลยปล่อยขวดเหล้าลงกับพื้นพลางพูดด้วยใบหน้าเคอะเขิน “ถ้านายมาหาฉันได้ก็ไม่มีใครคุมชีวิตที่เหลือของฉันได้แล้ว!”
ฉินอวี่ฟังคําพูดนั้น หัวใจเขาจึงเต้นแรงเลือดอุ่นในตัวก็พลุ่งพล่าน เขาเอื้อมมือไปโอบคอของเธอ ก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบหลินเหนียนเลย
“อ๊ย! ออกไปนะ ฉันยังไม่พร้อมเลย…” หลินเหนียนเลยผลักฉินอวี่เบาๆ “กะทันหันเกินไปแล้ว!”
หลินเซียวนั่งอยู่ในรถขณะเฝ้าดูการกระทําของน้องสาวกับฉันอวีที่เห็นไม่ค่อยจะชัดสักเท่าไหร่ ทีแรกเขาอยากจะกดแตรรถเพื่อเร่งให้น้องสาวกลับ แต่ก็ตัดสินใจไม่ทําอย่างนั้น
ฉินอวจูบริมฝีปากหลินเหนียนเลยอีกครั้งเป็นเวลานาน และก็จ้องหน้าเธอพลางพูดด้วยรอยยิ้ม “แม่สาวน้อยของฉัน…ฉันชอบเธอ!”
หลินเหนียนเลยสบตากับฉันอวขณะยิ้ม “ฉันก็ชอบนายเหมือนกัน!”
หลังจากผ่านไปหลายสิบวินาที
หลินเหนียนเลยก็เดินไปตามถนนเพื่อไปยังแสงสว่าง ขณะที่ฉินอวี่ยืนนิ่งไม่ไหวติง
หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงร้องชัดเจนดังมาจากในรถ “ฉินอวี่…ฉันรอนายอยู่นะ!”