Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 296 แขกพิเศษมาหาถึงที่
ตอนที่ 296 แขกพิเศษมาหาถึงที่
ในกองกํากับการ
ฉินอวี่นั่งไขว่ห้างพร้อมกับแววตาแปลกๆ “ฉันได้ยินแมวเฒ่าบอกว่านอกจากหนิวเจนกับหยางหนานที่อยู่ข้างเบี้ยเตอหยงแล้วก็เหลือฉวีหยางคนนี้เท่านั้น พวกเขาทํางานด้วยกันมานานขนาดนี้ จะบอกให้ขาดกันได้ง่ายๆเหรอ?”
“ฉันก็ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่” ฟูเสี่ยวหาวส่าย หน้า “แต่พี่เอ่ออยากจะบอกว่าสิ่งที่ฉวีหยางไม่พอในก็คือการร่วมมือกันระหว่างเป่ยเตอหยงและหยวนเค่อ รวมถึงการเกิดความเข้าใจผิดในหลายๆ ครั้ง จนทําให้หนิวเจินต้องติดคุกและทําให้หนานหยางต้องตายอยู่นอกเขต”
ฉินอวี่ครุ่งคิดอยู่นาน “การแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายในหมู่คณะ แต่จู่ๆ ฉวีหยางกลับไม่ขายสินค้าแล้ว แบบนี้มันหมายความว่ายังไงล่ะ? เขาไม่ถูกกับเงินเหรอ?”
ฟูเสี่ยวหาวครุ่นคิดสักพักก่อนจะเอ่ยปากพูดกับฉินอวี่ “พี่ โอกาสที่ฉันหมายถึงน่ะไม่ใช่แบบนั้น”
“ฉันเข้าใจความหมายของนายแล้วล่ะ” ฉินอวี่ขมวดคิ้ว “แต่เราไม่ได้รู้สถานการณ์ของทางเป่ยเตอหยงแน่ชัด ถ้าใช้เล่ห์เหลี่ยมสักหน่อยก็คงจะไม่เหมาะ
“ก็จริง” ฟูเสี่ยวหาวพยักหน้า
“ถ้างั้นเดี๋ยวเราไปบอกแมวเฒ่าหน่อยละกันว่า พรุ่งนี้ให้เขาไปหาเหล่าเอ่อกับฉัน” ฉินอวี่เอ่ยปาก
“ได้ ฉันเข้าใจแล้ว”
เวลาประมาณสี่โมงเย็นของวันรุ่งขึ้น
ในอพาร์ตเมนต์ย่านหนานหยาง
ฉวีหยางนอนอยู่บนโซฟาและกําลังดูรายการถ่ายทอดสดอยู่
จากนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนจะมีคนหน้าตาธรรมดาเดินออกมาจากห้องครัวและเป็นหญิงสาวที่ใส่ชุดธรรมดา เธอคือภรรยาของฉวีหยาง
“ใครน่ะ?”
“ผมคือเว่ยจือ”
“ออ! รอสักครู่นะ” หญิงสาวตอบกลับพลางเดินมาทางประตูก่อนจะเปิดประตูบ้านออก
“ต้าหยางอยู่บ้านอยู่ใช่ไหม?” เว่ยจือถาม
“อยู่สิ” ภรรยาฉวีหยางหลีกทางและให้เว่ยจือเดินเข้ามาในบ้านก่อนจะปิดประตู “พวกคุณสองคนคุยกันไปก่อน เดี๋ยวฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปซื้อผักสักหน่อย”
“ครับ” เว่ยจือพยักหน้า
ผ่านไปสักพักภรรยาของฉวีหยางก็เดินลงมา หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ “วันนี้ฝ่ายการเงินมาหานายเหรอ?”
“เมื่อคืนคุยพอฉันโทรศัพท์กับเฒ่าเป่ยเสร็จ ฝ่ายการเงินก็โทรหาฉันทันทีเลย” ฉวีหยางเอามือเท้าคาง “บอกให้ฉันจ่ายเงิน”
“แบบนี้ก็ชัดเจนแล้วนี่ว่าเฒ่าเปยไม่อยากจะเล่นกับเราแล้ว” เว่ยจือแสยะยิ้ม
ฉวีหยางดื่มชาและไม่พูดไม่จา
“ต้าหยาง ถึงแม้ว่าหลายปีมานี้เฒ่าเป่ยจะไม่มี หนิวเจินไว้ทําเงินให้เขาแล้ว แต่ถ้าพูดถึงบ่อน เราไม่ได้แค่หารายได้ที่มั่นคงให้กับบ่อนได้อย่างเดียว แต่สี่ถึงห้าปีที่ผ่านมาเราก็ยังไม่เคยทําเรื่องที่ทําให้เขาโมโหเลยสักครั้งอีกด้วย” เว่ยจือพูดแทรกและพูดและพูดติดๆขัดๆ “หวังหงมันทําร้ายฉันแล้วเฒ่าเบี้ยก็ตัดสินไม่เป็นธรรม งั้นการที่เราถือโอกาสนี้ก่อเรื่องขึ้นก็ได้ถูกไหม? แต่เขากลับไม่แม้แต่จะถามไถ่เลยสักนิดแล้วยังพูดจาไม่น่าฟังอีก เหอะๆ ทําแบบนี้ฉันยอมไม่ได้จริงๆ”
“เรื่องที่นายกับหวังหงชกต่อยกันก็เป็นเหตุฉุกเฉินที่ดึงดูดเท่านั้นแหละ” ฉวีหยางเงยหน้ามองเว่ยจือ “แต่นายรู้ไหมว่าเฒ่าเปุ๋ยบอกให้ฝ่ายการเงินมาเร่งให้ฉันชดใช้เงิน นายรู้ไหมว่าเพราะอะไร?”
“สาเหตุที่นายดูออกทุกอย่างเพราะนายไม่เห็น ด้วยกับการที่มันร่วมมือกับหยวนเค่อต่างหากล่ะ” เว่ยจือตอบอย่างไม่ลังเล “นี่แหละคือประเด็นหลัก พวกมันอยากจะกําจัดนายทิ้ง”
ฉวีหยางหรี่ตามองเว่ยจือก่อนจะครุ่นคิดอยู่นาน แล้วจู่ๆสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที “เสี่ยวจือ นายสารภาพความจริงกับฉันมาว่านายอคติกับเฒ่าเปยไปถึงขั้นไหนแล้ว?”
“ฉันก็ไม่อยากจะอยู่กับมันแล้วเหมือนกัน” เว่ย คือตอบอย่างเด็ดขาด “ตัดขาด”
แววตาของฉวีหยางดูตกใจเมื่อเห็นเว่ยจือเด็ดขาดแบบนี้ “ลูกน้องนายพูดอะไรกับนายรึเปล่า?”
“ใช่ พวกเขาก็ไม่อยากอยู่กับเฒ่าเปยแล้วเหมือนกัน” เว่ยจือพยักหน้า “โดยเฉพาะหลังจากที่ฉันปะทะกับหวังหง”
“ได้ ฉันเข้าใจแล้ว” ฉวีหยางพยักหน้าอย่างช้าๆ ก่อนจะครุ่นคิดแล้วออกคําสั่ง “งั้นเอาแบบนี้คืนนี้ช่วย…”
ชั้นสองของโกดังตระกูลหม่าในถนนเถ้าธุลี
ฉินอวี่นอนอยู่บนโซฟาพลางหาว “มา พยานทั้งหลาย มาบอกกันหน่อยว่าสรุปแล้วฉวีหยางกับเฒ่าเบี้ยทะเลาะกันจนลงไม้ลงมือจริงเหรอ?”
“เห็นไหม ว่าคนคนนี้มันทะนงตนมากแค่ไหน ตอนมาดื่มเหล้ากับฉันยังถ่อมตัวอยู่เลย แต่ตอนนี กลับหยิ่งในศักดิ์ศรีไปแล้ว” แมวเฒ่าแสยะยิ้ม “ช่างร้ายดีจริงๆ”
“ทําไม นายไม่พอใจเหรอ? !”
“พอใจบ้านป้าแกสิ!” แมวเฒ่าชกเข้าที่ท้องของฉินอวี่ “ถ้าแกยังทําตัวกร่างกับฉันอีก แกเชื่อไหมว่าฉันได้ต่อยท้องแกแตกแน่?”
“พอแล้วๆ นายช่างโหดเหี้ยมจริงๆ” ฉันอวี่นั่งลงพร้อมกับความจุก “ไม่เถียงแล้ว มาพูดเรื่องจริงจังกันดีกว่า มาหารือกันดีกว่าว่าอีกฝ่ายว่าสถานการณ์ของฝั่งตรงข้ามเป็นยังไง”
หม่าเหลาเอ่อนั่งอยู่บนเก้าอี้ ก้มหน้าเล่นเกมพลางตอบกลับ “ถ้าตามข่าวจากสายของฉัน ฉวีหยางมันจะคิดอยากจะหนีจริงๆ”
“ทําไมความขัดแย้งของพวกมันถึงได้รุนแรงขนาดนี้” แมวเฒ่าถาม
“สาเหตุก็คือช่วงนี้หวังหงที่อยู่เบื้อขวาของเป่ยเตอหยงทําร้ายฉวีหยางเพราะเหตุนิดเดียว” หม่าเหลาเอ๋อปิดเกมพลางเงยหน้าขึ้น “ดังนั้นทั้งสองจึงทะเลาะกัน แต่ฉันรู้สึกว่าสาเหตุที่แท้จริงนั้นเป็นเพราะฉวีหยางมีความเห็นไม่ตรงกับเปยเตอหยงที่ทะเลาะโจมตีกันก็เป็นแค่สิ่งที่แสดงให้เห็นเท่านั้น”
“ข่าวของนายเชื่อถือได้จริงรึเปล่า?” ฉินอวี่ขมวดคิ้ว
“เรื่องนี้พูดยาก” หม่าเหลาเอ๋อส่ายหน้า “ฉันเป็นคนส่งสินค้าให้กับคนของเป่ยเตอหยง บางทีพวกมันก็เห็นแค่เบื้องหน้าเท่านั้น แต่จากประสบการณ์ที่ฉันอยู่มานานขนาดนี้ ถ้าเกิดปัญหาขึ้นในหมู่คณะใหญ่ ความน่ากลัวของสงครามเย็นนั้นฝืนไม่ได้แน่นอน นายเข้าใจไหม?”
“ออ เป็นเพราะเหตุผลนี้เอง” ฉินอวี่ฟังคําพูดของหม่าเหลาเอ่อแล้วก็นึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างท่านประธานกับเหวินหยงกังขึ้นมา
“งั้นเราไปคุยกับอีกฝ่ายดีกว่าไหม?” แมวเฒ่าขมวดคิ้ว “ถ้าเจรจากันสําเร็จก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเจรจากันไม่ลงตัว เราก็ไม่ได้ขาดทุนอะไรนายว่าไหม?”
ฉินอวหยิบบุหรี่ขึ้นมาและกําลังคุยกับแมวเฒ่าอยู่
“แอ๊ด!”
ทันใดนั้น หลิวลือซูก็เดินเปิดประตูเข้ามา “เหล่าเอ่อ มีคนมาหานายอยู่ข้างนอกน่ะ”
“ใครเหรอ?” หม่าเหลาเอ๋อหันกลับไป
“คนของหยางหนานมาแล้ว” หลิวจือซูพูดเสียงเบา “เขาบอกว่าเขาคือพวกของเว่ยจือ”
“เว่ยจือเหรอ?” หม่าเหลาเอ่อทิ้งไป
“เว่ยจือคือใครเหรอ?” ฉินอวี่ถาม
“คนที่อยู่ข้างฉวีหยาง” หลิวจือซูอธิบาย “ก็คือเขานั่นแหละที่ต่อยกันกับหวังหง”
ฉินอวี่ได้ยินคํานี้จึงอึ้งไปสักพักก่อนจะก้มหน้าพึมพํา “กําลังพูดถึงอีกฝ่าย อีกฝ่ายก็มาเลยเหรอ?”
“ทํายังไงดีล่ะ จะไปเจอไหม?” หลิวจือซูถาม
ฉินอวี่ครุ่นคิดสักพักแล้วเงยหน้าขึ้นทันที “เหลาเอ๋อ นายลงไปเจอด้วยตัวเองดีกว่าอย่าให้อีกฝ่ายรู้ว่าฉันกับแมวเฒ่าอยู่ที่นี่”
“โอเค” หม่าเหลาเอ่อลุกขึ้น
หลายนาที่ผ่านไป
ตรงชั้นล่าง หม่าเหลาเอ๋อนั่งดูดบุหรี่อยู่บนชั้นวางสินค้า “มีเรื่องอะไรเหรอ?”
“ฉวีหยางที่เป็นหัวหน้าของเราอยากจะเจอท่านกับฉินอวี่หน่อยน่ะ” ชายหนุ่มคนหนึ่งตอบกลับด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“เหอะๆ มาเจอเราทําไมเหรอ?” หม่าเหลาเอ่อยิ้ม
“พี่หยางบอกว่า เขาอยากจะเปลี่ยนคําตราหน้าของเขา” ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่นาน
หม่าเหลาเอ๋อได้ยินแล้วจึงขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว