Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 353 ความอัดอั้น
ตอนที่ 353 ความอัดอั้น
“แล้วจะให้ทําไงล่ะ?!” ฉวีหยางฟังน้ําเสียงที่อีกฝ่ายถามก็ขมวดคิ้วทันที “ฉันรั้งให้เขาอยู่ต่อแล้วแต่ไม่ได้จริงๆ”
“นายปล่อยเขาไปได้ยังไง? ให้เขาดื่มแค่สามสี่แก้วก็เมาแล้วไม่ใช่หรือไง แต่นี้ก็จัดการได้แล้วไม่ใช่หรอกเรอะ?!” อีกฝ่ายตะโกนด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย “นายก็อยู่วงการแบบนี้มาตั้งนานเรื่องแค่นี้ยังต้องให้ฉันสอนอีกรึไง?”
ฉวีหยางถลึงตาตอบ “พี่เป๊ย! ไม่ใช่ว่าผมต้องให้พี่มาสอนอะไร แต่ตอนนี้พี่ไม่มีเหตุผลที่คิดให้ดีหน่อยสิ เฒ่าตงมาที่นี้ก็เพื่อแนะนําตัว และปลอบ
ประโลมจิตใจของเราจะได้ทํางานร่วมกันได้ อย่างสบายใจ เขาเป็นถึงผู้กํากับกรมตํารวจจะให้ฉันดื่มหัวราน้ํากับเขาเนี่ยนะ? ไม่ทําให้เขาเสีย
ภาพพจน์ที่ไง? หรือจะให้เขาไปนอนกับสาวๆ คืนนี้ดีล่ะ…พี่เคยเห็นคนที่เป็นผู้นําทําแบบนี้ด้วยเหรอ?”
เป่ยเตอหยงเงียบไปเมื่อได้ยินคําพูดนี้
“พี่เบี้ย ผมรู้ว่าพี่กาลังหาวิธีป้องกันพวกฉินอวี่ แต่ตอนนี้ผมว่าพี่คิดมากไป” ฉวีหยางเกลี้ยกล่อม
“ฉวีหยาง นายเล่นละครอยู่หรือเปล่า?” เป่ยเตอหยงขัดจังหวะด้วยเสียงทุ่มต่ํา
ฉวีหยางอึ้งไป “พี่หมายความว่าไง?!”
“ฉันจะถามอีกครั้ง ว่านายกําลังแกล้งเป็นเพื่อนกับพวกฉันอวอยู่ใช่ไหม?!“เป๊ยเตอหยงตะโกนด้วยน้ําเสียงจริงจัง”นายลืมไปแล้วเหรอว่านายเข้าหาเข้าเพราะอะไร?”
เมื่อฉวีหยางได้ยิน เขาก็ยกมือลูบหัวอย่างกระวนกระวายและพูดไม่ออกอยู่นาน
“นายคิดจะหักหลังฉันใช่ไหม? นายพยายามที่จะให้ไอ้ฉินอวมันลากฉันเข้าคุกแล้วนายก็จะเป็นหุ้นส่วนกับมันสินะ?”
“เปล่า!”
“นายลองถามถึงจิตสํานึกนายดูสิ ว่ามันยังมีอยู่รึเปล่า!” เป่ยเตอหยงพูดอย่างโกรธเคือง
ฉวีหยางเงียบไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ข่าวที่ฉินอวถูกจับได้ในชางจี แม้แต่คนนอกอย่างหยวนเค่อก็ยังรู้อย่างชัดเจนแต่นายกลับไม่ ได้ให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์กับฉันเลย!“เป่ยเตอหยงตะโกนอย่างโกรธเคือง”นายอยู่ฝ่ายไหนกันแน่? นายอยู่กับพวกนั้นตลอดแต่กลับไม่รู้อะไรเลยเนี่ยนะ?!”
ฉวีหยางกัดฟันแน่นพลางตอบ “พี่เบี้ย ถ้าเป็นคนอื่นก็สืบได้ง่ายแต่ผมทําไม่ได้ เพราะเวลานี้ ผมเพิ่งเข้าหาพวกเขา ถ้าถามแค่สองสามประโยคอีกฝ่ายก็จะสงสัย…”
“เว่ยจือตายทั้งที่ฉินอวคงจะเชื่อนายสนิทใจ…เขาจะสงสัยอะไรอีก?”
“อย่าพูดถึงเว่ยจือกับฉันนะ!”
เป๊ยเตอหยงได้ยินเสียงตะโกนของฉวีหยางก็ตระหนักได้ทันทีว่าเขาพูดเกินไป
ฉวีหยางตาแดงก่ําพลางพูดด้วยสีหน้าโมโห “พี่ไม่รู้จริงๆ เหรอว่าเว่ยจือตายยังไง…หืม? ฉันบอกแล้วไงว่าเขาตายไม่ถึงสองชั่วโมงหลังจากเขาโทรมาหาฉันเพื่อบอกว่าเขาจะไปหาเมียเขาในคืนนั้น! ฉะนั้นเขาคงไม่สามารถไปดื่มเหล้ากับคนในบริษัทได้และเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะรู้ข่าวว่าพี่มีแผนไปฆ่าปิดปากคนขับรถสองคนนั้น! นอกจากนี้ตอนฉินอวพาฉันไปยังห้องเก็บศพฉันเห็นศพของเขามีร่องรอยการถูกใส่กุญแจมือ…บอกฉันมาหน่อยว่าเขาขับรถไปในจุดเกิดเหตุ ยังไงถึงมีรอยกุญแจมือบนข้อมือเขาได้?”
เป่ยเตอหยงได้ยินดังนั้นก็พูดไม่ออก
“ทุกการกระทําของพวกลูกน้องล้วนอยู่ในสายตาพี่ เว่ยจือไม่พอใจมานานและพี่ก็รู้เรื่องนี้ดี…พี่รู้ว่าเขาต้องการให้ฉันเข้าหาฉันอวจริงๆ“ตอนนี้ฉวีหยางสูญเสียสติสัมปชัญญะไปแล้วความไม่พอใจที่อัดอั้นตันใจมาหลายปี กระทั่งความเคียดแค้นก็ปะทุออกมาจนหมดฉะนั้นพี่จึงมีความคิดอคติกับเขาอยู่แล้วฉินอวี่ในตอนนั้นก็หาโอกาสพิสูจน์ฉันพอดีพอฉันไปคุยกับฉินอวี่…พี่ก็เดิน เกมให้เว่ยจือตายเพื่อฉันอวจะได้เชื่อฉันอย่างสนิทใจใช่ไหมล่ะ?!”
“ฉวีหยาง นายคิดมากไปแล้ว!”
“ฉันไม่ใช่คนโง่นะ! “ฉวีหยางตะโกนใส่อีกฝ่าย”ฉันถามพี่ถึงสาเหตุการตายของเว่ยจือตั้งสองครั้งแต่พี่ไม่เคยบอกความจริงกับฉันเลย พี่เคยสงสัยไหมว่าเว่ยจือถึงตายแล้วฉินอวี่จะเชื่อฉัน?เพราะพวกเขารู้ไงว่าเว่ยจือเป็นพี่น้องกันมาสิบปีและพี่ก็รู้ยังจัดการกับเขาทั้งที่ยังไม่ได้ตั้งตัวด้วยซ่ำ!”
เปียเตอหยงขบกรามแน่นและไม่ตอบอะไร
“ที่ฉันช่วยพี่เพราะพี่มีบุญคุณต่อฉันมาก่อน ไม่ใช่เพราะความเป็นเจ้านายหรือพี่ใหญ่อะไรแต่พี่ก็จําไว้ด้วยว่าถ้ามันทําให้ชีวิตฉันแย่ฉันก็พร้อมจะเปลี่ยนฝั่งได้เสมอ!” ดวงตาฉวีหยางแดง“พี่มองมิตรภาพของเราบางเกินไปซึ่งมันทําให้ฉันรู้สึกเหมือนเป็นไอ้โง่!”
“ฉวีหยาง ถ้านายบอกว่าเราสองคนมีมิตรภาพต่อกัน งั้นฉันจะถามนายหน่อย…ทําไมถึงเพิ่งมาพูดเอาตอนนี้?” เป่ยเตอหยงหัวเราะประชดประชัน “อาทิตย์ที่แล้วก็มีโอกาสไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อฉวีหยางได้ยินดังนั้น เขาก็นิ่งอึ้งไปและพูดไม่ออก
เป่ยเตอหยงกระซิบ “ฉันสัญญากับนายว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิม แต่คืนนี้งานต้องได้ผล…ต้อง! เข้าใจใช่ไหม?!”
เมื่อพูดจบเป๊ยเตอหยงก็วางสายทันที
ฉวีหยางมองกําแพงบันไดอย่างตะลึงงัน จู่ๆ ก็ยกเท้าขึ้นถีบ “โธ่…แม่งเอ๊ย!”
“แอ๊ด!”
ในตอนนั้นเองประตูชั้นสองด้านนอกบันไดก็เปิดออก ฉวีหยางลิ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะก้าวเข้าไปด้วยใบหน้าซีดเผือด
ในโถงทางเดิน บริกรหลายคนกําลังเข็นรถเข็นผ่านเสียงล้อรถบดกับพื้นเอี้ยดอ๊าดดังขึ้นพอดี
ฉวีหยางเหลือบซ้ายขวาพลางมองคนกลุ่มนั้นแล้วเช็ดเหงื่อถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“กริ้ง!”
ในตอนนั้นเองโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ฮัลโหล?” ฉวีหยางกดปุ่มรับสาย
“ไอ้น้องชาย ตอนนี้ทุกคนได้เดิมพันไว้กับนายแล้ว เจ้าตั้งใจทํางานให้ดีอย่าให้พวกเราผิด หวัง” หวังหงพูดอย่างเย็นชา
ฉวหยางกัดฟันเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะวางสายไปทันที