พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - ตอนที่ 1176 หยินหยางปั่นป่วน
<p>ที่จริงตอนที่เขาเงียบไป เขากำลังอยู่ในถ้ำภูเขาแห่งหนึ่ง เขาร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนออกไปข้างนอกว่า “เหมียวอี้จะมาที่นี่!”</p>
<p>พอเขาพูดแบบนี้ ข้างนอกก็มีเงาคนหลายคนเหาะเข้ามาทันที มู่ฝานจวิน จีฮวน ฉางเหลย ซือถูเซี่ยวมากันครบแล้ว แม้แต่ลูกศิษย์ของตัวเองก็มาแล้วเช่นกัน</p>
<p>พอจีฮวนอ้าปากก็ถามทันทีว่า “จอมมาร เจ้าพูดดอะไรของเจ้า?”</p>
<p>“เหมียวอี้จะมานรก!” อวิ๋นอ้าวเทียนตอบ</p>
<p>คนอื่นๆ มองหน้ากันเลิกลั่ก มีแต่ความเหลือเชื่อติดอยู่เต็มใบหน้า สายตาของมู่ฝานจวินหยุดอยู่บนระฆังดาราบนมือเขา ถามว่า “เจ้าส่งข่าวไปให้เหมียวอี้ บอกให้เขามาเหรอ?”</p>
<p>อวิ๋นอ้าวเทียนกล่าวอย่างกลุ้มใจนิดหน่อยว่า “ข้าไม่ได้ส่งข่าวให้เขามา แต่เขาส่งข่าวมาบอกข้าว่าจะมา เขาโดนพวกเราวางกับดักแล้ว”</p>
<p>“หมายความว่ายังไง?” ฉางเหลยถาม</p>
<p>เหมียวอี้กำลังเร่งรัด อวิ๋นอ้าวเทียนถึงได้ตอบเหมียวอี้ไปก่อน</p>
<p>พอเหมียวอี้ได้ฟังก็เดือดดาลมาก ถามตรงๆ เลยว่า : อวิ๋นอ้าวเทียน! จะดีจะร้ายน้องชิวก็เป็นหลานสาวของเจ้า มีผลประโยชน์อะไรก็นึกถึงแต่ตระกูลอวิ๋นของเจ้า เป็นยังไงล่ะ? ตอนมีผลประโยชน์นางถึงจะเป็นหลานสาวเจ้าเหรอ? แต่พอได้ผลประโยชน์ไปแล้ว ก็แปรพักตร์ไม่รู้จักกันแล้วรึไง? อวิ๋นอ้าวเทียน! พ่อจะเตือนเจ้าให้นะ ถ้าเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นกับน้องชิว ตระกูลอวิ๋นของเจ้าก็อย่าได้คิดเลยว่าจะอยู่ดีมีสุข!</p>
<p>อวิ๋นอ้าวเทียนปวดประสาท หลานเขยแบบนี้มีที่ไหนกัน? มาถือตัวว่าเป็นพ่อเขาซะแล้ว ช่างไร้กฎเกณฑ์ธรรมเนียมจริงๆ</p>
<p>แต่เขาก็โกรธไม่ลงจริงๆ ตอบไปว่า : อย่ามัวพูดเหลวไหล! ไม่ใช่ว่าไม่อยากดูแล แต่ข้าไม่มีทางช่วยเจ้าดูแลได้ต่างหาก</p>
<p>มีหรือที่เหมียวอี้จะยอมหยุด : จะไม่มีทางได้ยังไง? เวลาน้องชิวให้ของพวกเจ้า ทำไมพวกเจ้าหาทางยื่นมือมารับได้ล่ะ?</p>
<p>นี่เรียกว่าพูดแดกดัน! อวิ๋นอ้าวเทียนอดทนไว้ ตอบกลับไปว่า : เจ้าคิดมากไปแล้ว บอกแล้วไงว่าไม่ใช่ไม่อยากดูแล แต่ไม่มีทางช่วยเจ้าดูแลได้ ไม่มีทางเจอหน้าน้องชิวได้แล้วจะดูแลได้ยังไง?</p>
<p>เหมียวอี้ : ทำไมไม่มีทาทางเจอหน้าได้? ไม่ได้ตายเสียหน่อย?</p>
<p>อวิ๋นอ้าวเทียน : ยังไม่ตาย แต่ออกไปไม่ได้ อยู่ในนรก รอให้เจ้ามาแดนอเวจีแล้ว พวกเราก็อาจจะมีโอกาสเจอหน้ากัน</p>
<p>เหมียวอี้อึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะเขย่าระฆังดาราถามซักไซ้ว่า : เจ้าบอกว่าอยู่ที่ไหนนะ?</p>
<p>อวิ๋นอ้าวเทียน : แดนอเวจี นรก!</p>
<p>เหมียวอี้สูดหายใจอย่างตกตะลึง แล้วถามว่า : ล้อเล่นอะไรกัน? เจ้าอยู่แดนอเวจีจริงเหรอ?</p>
<p>อวิ๋นอ้าวเทียน : ไม่ได้มีแค่ข้านะ พระเถระกับคนอื่นๆ ก็อยู่ พวกเราอยู่กันครบ</p>
<p>เหมียวอี้ : จอมมาร ถ้าไม่อยากดูแลน้องชิวก็อย่าหาข้ออ้างแบบนี้ พวกท่านจะเข้าไปในแดนอเวจีได้ยังไง? พวกท่านเข้าไปยังไง?</p>
<p>อวิ๋นอ้าวเทียน : พวกเราก็ไม่อยากเข้ามาหรอก ก็แค่โดนคนไล่ฆ่า ไม่หนีคงไม่ได้ ที่จริงเจ้าเองก็รู้ว่าพวกเราเข้าไปได้ยังไง</p>
<p>ข้ารู้เหรอ? เหมียวอี้งงทันที แล้วไม่นานก็ค่อยๆ เบิกตากว้าง เหมือนจะนึกเชื่อมโยงอะไรได้กับคำพูดนี้ รีบเขย่าระฆังดาราถามว่า : เรื่องที่ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์สามคนของสายมะเมียโดนลอบจู่โจม อย่าบอกนะว่าเป็นฝีมือพวกท่าน?</p>
<p>อวิ๋นอ้าวเทียน : ใช่!</p>
<p>เหมียวอี้ : เรื่องแบบนี้จะมาล้อเล่นซี้ซั้วไม่ได้นะ ข้าแตกหักได้เลยนะ! จากที่ข้ารู้มา นักพรตระดับพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพสามคนลงมือแล้ว ถ้าเป็นพวกท่านทำจริงๆ อาศัยวรยุทธ์ของพวกท่านจะหนีได้อย่างไร?</p>
<p>อวิ๋นอ้าวเทียน : มีแค่นักพรตพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพสามคนเสียที่ไหนล่ะ ยังมีนักพรตบงกชรุ้งอีกหกคน แล้วก็มีนักพรตบงกชทองอีกเป็นพันเป็นหมื่น ที่หนีได้เป็นเพราะดวงดีแท้ๆ เลย ตอนนี้มาถกกันเรื่องนี้ก็ไม่มีความหมาย รอให้เจ้ามาถึงนรกก่อน พอพวกเราเจอกันแล้วค่อยคุยรายละเอียดกัน!</p>
<p>เหมียวอี้งงเหม่อแล้วจริงๆ ชั่วพริบตาเดียวหน้าก็ดำเป็นก้นหม้อ ถามว่า : พวกท่านหาประตูทางเข้านรกเจอได้ยังไง?</p>
<p>อวิ๋นอ้าวเทียนครุ่นคิดครูหนึ่ง นึกได้ว่าเทพพยากรณ์เคยเตือนว่าห้ามบอกเขา จึงตอบไปว่า : บังเอิญ!</p>
<p>เหมียวอี้ทำสีหน้าราวกับโดนตะคริวกิน เขย่าระฆังดาราถามอย่างเดือดดาลว่า : พวกท่านบ้าไปแล้วเหรอ? เบื่อหน่ายที่จะมีชีวิตอยู่แล้วรึไง ขนาดผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ก็ยังกล้าปล้น ครั้งหน้าจะปล้นแม้กระทั่งข้าใช่มั้ย?</p>
<p>อวิ๋นอ้าวเทียน : ไม่พูดแล้ว มาที่นรก หาที่อยู่ให้น้องชิวให้เรียบร้อย!</p>
<p>เป่าเหลียนที่มองอยู่ไกลๆ ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนายท่าน เห็นเหมียวอี้ถูกยั่วยุให้โมโหราวกับสัตว์ป่า เตะกระถางดอกไม้ปลิวแตกกระจายหลายใบ เป็นครั้งแรกที่เห็นเหมียวอี้โมโหขนาดนี้ ทำให้นางตกใจแล้วนิดหน่อย</p>
<p>เหมียวอี้หันกลับมาแล้วหยุดฝีเท้า หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อจีฮวนอีก อยากจะยืนยันให้แน่ใจสักหน่อย กอดความหวังสุดท้ายเพื่อไปยืนยันความจริง หวังว่าอวิ๋นอ้าวเทียนจะหลอกเขา</p>
<p>ในถ้ำภูเขา จีฮวนถือระฆังดาราขึ้นมา เหลือบมองคนอื่นๆ พลางถอนหายใจ “เหมียวอี้ เจ้าบ้านั่นติดต่อข้ามาอีกแล้ว ถ้าว่าข้าอยู่ไหน ข้าจะตอบยังไง?”</p>
<p>อวิ๋นอ้าวเทียน “ถึงยังไงเขาก็ต้องมาอยู่แล้ว ปิดบังไม่อยู่หรอก พูดความจริงไปเลย”</p>
<p>หลังจากจีฮวนตอบกลับไปแล้ว ระฆังดาราของฉางเหลยก็ดังอีก เป็นข้อความจากเหมียวอี้เช่นเดียวกัน จากนั้นก็ตามด้วยซือถูเซี่ยว แล้วสุดท้ายก็เป็นมู่ฝานจวิน</p>
<p>มู่ฝานจวินตอบว่า : เหมียวอี้ เจ้าไม่ต้องยืนยันแล้ว พวกเราอยู่ด้วยกันหมด พวกเราเป็นคนทำเรื่องนั้นจริงๆ ก่อนหน้านี้นึกไม่ถึงเลยว่าจะทำให้เจ้าลำบากไปด้วย</p>
<p>เหมียวอี้เก็บระฆังดาราแล้วเงยหน้ามองฟ้า สีหน้าเศร้ารันทด แทบจะน้ำตาไหลนองหน้า ตอนนี้เขามีความคิดที่จะฆ่าไอ้พวกเวรนั่นทิ้งแล้วด้วยซ้ำ วุ่นวายกันอยู่ตั้งนานนี้ ที่แท้ก็มีห้าปราชญ์เป็นตัวต้นเรื่อง นี่เอง ถ้ารู้แต่แรกคงฆ่าผู้เฒ่าห้าคนนั้นทิ้งให้สิ้นเรื่องไปแล้ว เคยเห็นคนวางกับดักกันมาก่อน แต่ไม่เคยเห็นใครวางกับดักกันแบบนี้เลย อยู่ดีๆ ก็โดนวางกับดักเสียแล้ว</p>
<p>เหมียวอี้สะบัดแขนเสื้อเดินออกไปแล้ว ไปปรึกษากับอวิ๋นจือชิว…</p>
<p>ในห้องถ้ำ ห้าปราชญ์มองหน้ากันไปมองหน้ากันมา ต่างก็รู้สึกเหมือนเป็นปาฏิหารย์</p>
<p>มู่ฝานจวินพึมพำว่า “ใช้วิธีเสี่ยงอันตรายจะเกิดหายนะ หากไร้ทางไป นี่คือที่พึ่ง งูไร้หัวก็เลื้อยไม่ได้ รออย่างเงียบงันอยู่ในกรง ยามหกคนพบกันอีกครั้ง สถานการณ์จะพลิกผัน…”</p>
<p>“ยามหกคนพบกันอีกครั้ง…” ฉางเหลยส่ายหน้าด้วยความทึ่ง “เหมียวอี้ เจ้าเวรนั่นจะมาที่นรกจริงๆ ด้วย! คำทำนายของเทพพยากรณ์แม่นยำครั้งแล้วครั้งเล่าจริงๆ ด้วย หยั่งรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า จริงใจไม่หลอกลวง!”</p>
<p>จีฮวนก็กล่าวอย่างประหลาดใจไม่หยุดเช่นกัน “เข้าใจแล้ว ตอนนี้เข้าใจแล้วจริงๆ! เทพพยากรณ์บอกว่าจุดพลิกผันโชคชะตาที่พิภพใหญ่ของพวกเราอยู่ที่ตัวผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ดาวหนานจื่อ นึกไม่ถึงว่าพอพวกเราลงมือ ก็สามารถดึงเหมียวอี้เข้ามาพิสูจน์คำทำนายของเขาได้แล้ว พยากรณ์ได้ดังเทพจริง! อย่าบอกนะว่าจุดพลิกผันชะตาของพวกเราจะโผล่มาจริงๆ?”</p>
<p>อวิ๋นอ้าวเทียนเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วบอกว่า “เจ้าเวรนั่นคงจะกำลังโมโหแทบบ้าแล้ว จนใจที่ข้าไม่สะดวกจะบอกว่าเขาเกี่ยวข้องกับคำทำนายของเทพพยากรณ์ ในเมื่อคำทำนายของเทพพยากรณ์แม่นยำหมดแล้ว พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องหาทางออกอีก รออยู่ที่นี่ต่อไปอย่างสงบใจเถอะ! ถ้าเหมียวอี้มาแล้ว จะต้องมาหาพวกเราแน่นอน”</p>
<p>พวกเขาพยักหน้าพร้อมกัน สบตากันแวบหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าจะอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาพร้อมกัน</p>
<p>เดิมทีพวกเขายังครุ่นคิดมาตลอดว่าต้องอยู่ที่นี่ไปจนถึงเมื่อไรกันแน่ ในใจไม่มีความมั่นใจ กำลังปรึกษากันเรื่องทางออกแล้ว ตอนนี้ค่อยยังชั่วหน่อย หายกังวลแล้ว รอให้หกคนพบหน้ากันอีกครั้งก็แล้วกัน</p>
<p>ส่วนเหมียวอี้โมโหจนเป็นบ้าแล้วจริงๆ พอเห็นอวิ๋นจือชิวที่ร้านโฉมเมฆา ยังไม่รอให้อวิ๋นจือชิวเอ่ยปากถามอะไร ก็คว้าข้อมืออวิ๋นจือชิวเดินไปแล้ว</p>
<p>อวิ๋นจือชิวกวาดมองพนักงานในร้านที่แอบหัวเราะ แล้วดิ้นรนพร้อมบอกว่า “มาฉุดกระชากข้าต่อหน้าฝูงชนเหมือนเป็นอะไรไปได้ รีบปล่อยมือ!”</p>
<p>“ตอนที่ข้าอุ้มเจ้าต่อหน้าฝูงชนก็ไม่เห็นเจ้าจะอายนี่!” เหมียวอี้โมโหมาก</p>
<p>หลังจากถูกจูงเข้ามาในชัยภูมิถ้ำสวรรค์ อวิ๋นจือชิวก็แกะมือเขาออก นางมองสำรวจเขาศีรษะจดเท้าแวบหนึ่ง แล้วถามอย่างแปลกใจว่า “ทำไมหน้าดำคร่ำเครียดขนาดนั้น? เป็นอะไรไป ข้าไม่ได้ไปยั่วโมโหเจ้าหรอกใช่มั้ย?”</p>
<p>เหมียวอี้ที่โมโหจนกระหืดกระหอบชี้ไปข้างนอก เดินวนรอบหนึ่ง แล้วก็ชี้ไปข้างนอกอีก ชั่วขณะนั้นไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากอย่างไรดี เขายังไม่อยากให้อวิ๋นจือชิวรู้ว่าตัวเองตัดสินใจจะไปเข้าร่วมการทดสอบ แต่ก็รู้เช่นกันว่าปิดบังไม่อยู่ แต่ก็ไม่อยากให้อวิ๋นจือชิวกังวลใจเร็วเกินไปอีก</p>
<p>“เป็นอะไรไป? ทำตัวอย่างกับแมลงวันไม่มีหัว เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” อวิ๋นจือชิวกะพริบดวงตางาม เอามือลูบหลังเขาพลางบอกว่า “ท่านสามีโปรดระงับโทสะ อย่าโมโหจนเสียสุขภาพ ในบ้านยังมีผู้หญิงเป็นโขยงหวังให้เจ้าเลี้ยงดูอยู่นะ”</p>
<p>เหมียวอี้จัดระเบียบความคิด สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง แล้วกล่าวอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า “บ้าไปแล้ว! บ้าไปแล้ว! เจ้ารู้มั้ยว่าเรื่องที่ผู้บัญชาการใหญ่สามคนของสายมะเมียโดนปล้นฆ่าเป็นฝีมือใคร?”</p>
<p>อวิ๋นจือชิวงงทันที “ข้าจะไปรู้ได้ยังไง ทำไมล่ะ เจ้ารู้เหรอว่าใครทำ?”</p>
<p>เหมียวอี้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันตอบว่า “ปู่เจ้าไง ปู่เจ้าร่วมมือกับพวกมู่ฝานจวิน!”</p>
<p>อวิ๋นจือชิวตกใจทันที “จะเป็นไปได้ยังไง?”</p>
<p>“เป็นไปไม่ได้เหรอ? ข้าเพิ่งจะติดต่อกับพวกเขา พวกเขายอมรับเองกับปาก เจ้ารู้มั้ยว่าตอนนี้พวกเขาหลบอยู่ที่ไหน? พวกเขาก็คือผู้ร้ายที่เข้าไปหลบอยู่ในนรกไง ตอนนี้หลบอยู่ที่แดนอเวจี! แม่งเอ๊ย โมโหจะตายอยู่แล้ว!” เหมียวอี้หอบหายใจอย่างแรง</p>
<p>อวิ๋นจือชิวเหม่อไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบระฆังดาราออกมาติดต่ออวิ๋นอ้าวเทียนทันที หลังจากติดต่อแล้วจะไม่เชื่อก็ไม่ได้</p>
<p>เมื่อเห็นเหมียวอี้โมโหหนักมาก นางก็รีบคล้องแขนเขาอีก พร้อมพูดปลอบใจว่า “หนิวเอ้อร์ อย่าโมโหเลย พวกเขาหาเรื่องใส่ตัวเอง ให้พวกเขาตายอยู่ในนรกนั่นแหละ ไม่จำเป็นต้องโมโหเพราะพวกเขา!”</p>
<p>“ข้า…” เหมียวอี้ชี้ที่จมูกตัวเอง เขาก็ไม่อยากจะสนใจผู้ฒ่าบัดซบพวกนั้นหรอก แต่ประเด็นสำคัญคือผู้ฒ่าบัดซบพวกนั้นลากเขาลงไปซวยด้วย แต่สุดท้ายเขาก็ยังสะบัดแขนเสื้อ ไม่พูดความจริงออกมา ตบหน้าอกตัวเอง แล้วพูดอย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “ได้! ไม่โมโห ข้าไม่โมโห! เดี๋ยวข้าไประบายอารมณ์กับหงเฉินก็หายแล้ว?”</p>
<p>อวิ๋นจือชิวหน้าบึ้งทันที “เจ้าอยากจะไปก็ไป อย่ามาพูดเรื่องลามกต่ำทรามแบบนี้ต่อหน้าข้า ไร้ยางอาย!”</p>
<p>เหมียวอี้ชักมือออกจากอ้อมกอดนางแล้วจริงๆ อวิ๋นจือชิวโมโหจนทำสีหน้าดุร้าย</p>
<p>เหมียวอี้ก็ไปหาหงเฉินแล้วจริงๆ แต่กลับไปคุยกับหงเฉินที่นั่งอยู่ในศาลา</p>
<p>“เคล็ดวิชาสวรรค์เก้าชั้นฟ้าที่ให้เจ้าฝึกเป็นยังไงบ้างแล้ว?”</p>
<p>“กำลังฝึก เจ้าไม่เคยถามเรื่องนี้เลย เกิดเรื่องขึ้นเหรอ?”</p>
<p>เหมียวอี้เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วบอกว่า “ข้าก็อยากฝึกวิชาสวรรค์เก้าชั้นฟ้าเหมือนกัน เจ้าเคยมีประสบการณ์ฝึกมาแล้ว ข้าเลยอยากจะขอคำแนะนำจากเจ้าสักหน่อย”</p>
<p>หงเฉินยิ้มเรียบๆ “สงสัยตรงไหนก็ถามมาแถอะ”</p>
<p>ท่านขุนนางเหมียวไม่เสียเวลาสักนิดเลยจริงๆ เริ่มขอคำชี้แนะทันที หลังจากเข้าใจวิธีการเริ่มฝึกวิชาแล้ว เขาก็นั่งขัดสมาธิในศาลา โคจรเคล็ดวิชา</p>
<p>ส่วนหงเฉินก็นั่งลงเป็นเพื่อนอยู่ข้างๆ เอียงหน้ามองเขาอย่างสงบเงียบ</p>
<p>ตอนแรกก็ยังดีอยู่ แต่หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม หงเฉินก็เริ่มขมวดคิ้ว นางพบว่าเหมียวอี้ดูผิดปกติไป สีหน้าค่อนข้างแปลก พบว่าใบหน้าซีกหนึ่งของเหมียวอี้ค่อนข้างแดง ส่วนอีกซีกหนึ่งค่อนข้างฟ้า</p>
<p>เหมียวอี้ก็ย่อมพบความไม่ชอบมาพากลเช่นกัน พบว่าต้นกำเนิดพลังอิทธิฤทธิ์ภายในร่างกายกำลังสั่นสะเทือน จุดดาวสีแดงกับจุดดาวสีฟ้าที่จับคู่กันหมุนวนอยู่ในต้นกำเนิดพลังอิทธิฤทธิ์หยุดหมุนแล้ว ในต้นกำเนิดพลังอิทธิฤทธิ์เกิดลมปราณปั่นป่วน</p>
<p>ตามระดับความลึกในการฝึกเคล็ดวิชาสวรรค์เก้าชั้นฟ้า สุดท้ายจุดดาวสีแดงและจุดดาวสีฟ้าที่จับคู่กันก็ปั่นป่วนอย่างถึงที่สุด บินว่อนราวกับหิ่งห้อย ราวกับเกิดพายุฝนในต้นกำเนิดพลังอิทธิฤทธิ์ ราวกับจะฉีกให้ต้นกำเนิดพลังอิทธิฤทธิ์ขาดป่นปี้ เขาเจ็บจนสั่นไปทั้งตัว</p>
<p>“เหมียวอี้ เจ้าเป็นอะไรไป?” หงเฉินตกใจมาก พบว่าสีหน้าของเหมียวอี้แดงสดไปแล้วครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นสีฟ้าสด ไม่ใช่แค่บนใบหน้า บนคอและบนมือก็เกิดสภาพผิดปกติแบบนี้เช่นกัน จึงตะโกนบอกทันทีว่า “รีบหยุดเดี๋ยวนี้!”</p>
<p>“อั้ก!” เหมียวอี้เงยหน้ากระอักเลือดสดออกมาคำหนึ่งแล้ว ตาเหลือกหงายหลังนอนกับพื้น</p>
<p>…………………………</p>