ประมาณครึ่งชั่วโมงกว่า ลีออนเดินไปที่ห้องของรอสไวส์ พอดีกับที่มูนเพิ่งกลับมา และกำลังช่วยยกจานอาหารจากในครัว
ลีออนรีบเดินเข้าไปและรับจานจากมือของมูน “ไปนั่งรอทานอาหารเย็นเถอะ มูน เดี๋ยวพ่อจัดการเอง”
“โอเค ขอบคุณค่ะพ่อ”
ในมือของลีออนมีจานแซนด์วิชและแก้วนมหลายแก้ว เขากำลังจะเดินออกจากครัว แต่สายตากลับไปสะดุดกับจานหนึ่งที่มีฝาครอบปิดอยู่บนเคาน์เตอร์ เขาใช้ริมฝีปากชี้ไปทางจานนั้น
“จานนั้นต้องเอาขึ้นไปด้วยไหม?”
รอสไวส์เหลือบมองไปที่จานขณะล้างมือ ก่อนตอบกลับ “ยังก่อน เอาไปเท่าที่ถืออยู่ก็พอ”
“โอเค”
เมื่อลีออนนำจานไปวางที่โต๊ะ มูนก็ผูกผ้ากันเปื้อนเรียบร้อยและเตรียมพร้อมจะกินแล้ว “แซนด์วิช! เย้!” มูนส่งเสียงดีใจพลางถือส้อมขึ้น
ลีออนวางจานแซนด์วิชไว้ตรงหน้ามูน ส่วนอาหารเช้าของตัวเขาและรอสไวส์นั้นเรียบง่ายเพียงแค่นมและขนมปัง
ว่าแต่ “เรียบง่าย” ในที่นี้ก็ไม่ถึงกับธรรมดาสักทีเดียว เพราะนมมังกรถือเป็นของชั้นเลิศอยู่แล้ว
ต่างจากมนุษย์ที่ใช้นมจากวัวธรรมดา มังกรกลับเลือกใช้ “จามรีไอรอนไฮด์” สัตว์ที่จัดอยู่ในระดับอันตรายคลาส S
สำหรับเผ่าพันธุ์อื่น การล่าจามรีไอรอนไฮด์เป็นเหมือนการพิชิตศึกที่น่าเกรงขาม เป็นเกียรติ และถือเป็นผลงานชิ้นเอก แต่สำหรับมังกร พวกมันเป็นเพียงแหล่งผลิตผลิตภัณฑ์เนื้อและนมที่อร่อยล้ำ
คุณค่าทางโภชนาการของนมที่ได้จากจามรีไอรอนไฮด์สูงกว่านมธรรมดาหลายเท่า และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ร่างกายของลีออนฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากรอสไวส์ล้างมือเสร็จ เธอก็เดินมาที่โต๊ะอาหาร ถอดผ้ากันเปื้อนออก พับแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะจัดผมให้เรียบร้อย “เอาล่ะ กินกันเถอะ”
“ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว!” มูนรีบคว้าชิ้นแซนด์วิชขึ้นมา แล้วเริ่มหั่นมันด้วยมีดอย่างคล่องแคล่ว
คู่สามีภรรยามองหน้ากันอย่างรู้ใจก่อนจะเลื่อนจานเครื่องเคียงไปทางมูนเพื่อให้ใกล้มือเธอมากขึ้น
ถึงแม้มูนจะยังเด็กและไม่ทันสังเกตรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างพ่อแม่ของเธอ แต่สิ่งที่เธอรู้แน่ชัดก็คือ การกินอาหารให้อร่อยและเต็มอิ่มทำให้พ่อแม่ของเธอมีความสุข
เธอกินแซนด์วิชอย่างเอร็ดอร่อยพร้อมกับจิ้มเครื่องเคียงบนโต๊ะไปด้วย ความกระตือรือร้นของมูนขณะกินทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดูสดใสขึ้น
แม้ตัวเธอจะเล็กจิ๋ว แต่ความอยากอาหารของมังกรน้อยกลับมากมายเกินตัว เธอยังไม่ถึงขั้นของรอสไวส์ที่สามารถอดอาหารได้หลายวันโดยไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อร่างกาย
ขณะที่พวกเขากินอาหาร ลีออนสังเกตเห็นว่ามูนเขี่ยเอากะหล่ำปลีสีม่วงทั้งหมดออกจากจานเครื่องเคียง และวางไว้บนจานเปล่าข้างๆ เธอ เขาไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนัก แต่แล้วก็ได้ยินรอสไวส์พูดขึ้นมา “มูน ลูกไม่ควรเลือกกินนะ”
มูนหยุดกินในทันที โดยที่ยังมีเศษขนมปังแซนด์วิชติดอยู่ที่ริมฝีปาก เธอกระพริบตาโตๆ ของเธออย่างน่ารัก “แม่คะ มูนไม่ชอบกะหล่ำปลีม่วง มูนเลยไม่อยากกินค่ะ”
“ลูกกำลังอยู่ในวัยที่โภชนาการที่ครบถ้วนเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเลือกกินแบบนี้ ลูกจะไม่สูงนะ จริงไหม ลีออน?” รอสไวส์พูดพร้อมหันไปหาลีออน
“หา? ลูกอยากกินอะไรก็ให้เขาทานไปสิ—โอ๊ย!” ลีออนร้องเสียงหลงเมื่อรอสไวส์เตะหน้าแข้งเขาใต้โต๊ะ
“ตะกี้พูดว่าอะไรนะคะ? ได้ยินไม่ถนัด” รอสไวส์ถามด้วยรอยยิ้มสดใสราวกับดอกไม้เบ่งบาน
ลีออนเงียบพลางลูบขาตัวเองเบาๆ ก่อนจะเหลือบมองยัยมังกรข้างตัว เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเล่นงานต่อ เขาจึงตอบไปว่า “เอ่อ… แม่พูดถูก มูนไม่ควรเลือกกินนะลูก โภชนาการที่ดีมีผลต่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง”
หลังจากนั้น ลีออนพูดเสริมว่า “พี่เขายังไม่เลือกกินเลยนะ”
“จริงเหรอ? งั้นมูนก็จะไม่เลือกกินเหมือนกัน! แค่กะหล่ำปลีม่วงเอง มูนไม่กลัวหรอก!”
พูดจบ เจ้าหนูมังกรก็จิ้มกะหล่ำปลีสีม่วงด้วยส้อมอย่างเด็ดเดี่ยว มองมันราวกับเป็นศัตรูตัวฉกาจ แล้วกลืนมันลงไปในคำเดียว
มูนพองแก้มกลมๆ ของเธอแน่น พลางปิดปากสนิทราวกับกลัวว่ากะหล่ำปลีม่วงจะหลุดออกมาได้
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มูนก็สามารถกลืนคำกะหล่ำปลีม่วงลงไปได้ในที่สุด
ลีออนดูเหมือนจะมีวิธีจัดการกับลูกสาวคนเล็กของเขาได้ดี และยิ่งไปกว่านั้น เขายังเอ็นดูมูนมาก “แค่คำเดียวก็เหลือเฟือแล้ว ค่อยๆ ทานไปนะ เอ้า กินแซนด์วิชเพิ่มอีกหน่อย” เขาพูดอย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณค่ะ พ่อ! พ่อใจดีที่สุดเลย!” มูนพูดด้วยความดีใจ
รอสไวส์ยิ้มบางๆ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “อ้อ ลืมไปว่ายังมีสลัดผักที่ยังไม่ได้เอาออกมา ขอตัวไปเอามาให้นะ” พูดจบเธอก็ลุกขึ้นเดินไปในครัว ไม่นานนักเธอก็กลับออกมาพร้อมกับชามสลัดในมือ
ลีออนจำได้ทันทีว่าชามใบใหญ่ที่ใส่สลัดมานั้นเป็นใบเดียวกับที่เขาเห็นถูกคลุมไว้ในครัวก่อนหน้านี้ แต่รอสไวส์เพิ่งบอกเขาว่าไม่จำเป็นต้องเอามา แล้วทำไมตอนนี้ถึงพูดว่าลืม?
ลีออนกลืนน้ำลายเบาๆ ความรู้สึกไม่สบายใจบางอย่างเริ่มแผ่ซ่านในใจ เขาเหลือบมองไปทางรอสไวส์อย่างระมัดระวัง
รอสไวส์วางคางพิงมือ พลางกัดขนมปังแผ่นเล็กๆ อย่างสบายใจ
เมื่อเธอสังเกตเห็นสายตาของลีออน เธอก็หันมามองกลับ “มองอะไร? กินไปสิ”
“อ๋อ…”
“มูน ลองทานสลัดผักด้วยสิ” รอสไวส์พูด
“ได้ค่ะ!” มูนโน้มตัวไปตักสลัดใส่จานของเธอเล็กน้อย “ว้าว แครอทนี่นา! ไม่ได้กินแครอทที่บ้านมานานแล้ว!”
มูนใช้ส้อมจิ้มชิ้นสีส้มแดงในจาน แล้วใส่มันเข้าปากอย่างร่าเริง แครอท…
การกินของลีออนหยุดชะงักทันที คำว่า “แครอท” ทำให้เขาตกใจไม่ต่างจากการถูกอาจารย์เรียกชื่อเต็ม
ก่อนที่ลีออนจะทันได้ทำอะไร รอสไวส์ก็พูดขึ้นอีกครั้ง “มูน ดูท่าทางพ่อเขาอยากกินสลัดชามนั้นมากเลย ลูกควรทำยังไง?”
หนวดเล็ก ๆ บนหัวของมูนกระดิกเล็กน้อย “ช่วยตักป้อนให้พ่อทานค่ะ!”
“โอเค งั้นป้อนเลย”
“ได้เลยค่ะ!”
ลูกมังกรน้อยลุกขึ้นอีกครั้งและตักสลัดใส่จานของลีออน “สำหรับพ่อค่ะ” เธอกล่าวอย่างร่าเริง
ลีออนก้มลงมองจานตรงหน้า: น้ำสลัด แตงกวา มะเขือเทศ หอมหัวใหญ่ และ… แครอท!!
มันคือเจ้าสิ่งนั้นจริง ๆ!
แครอทมันไม่ต่างอะไรกับสัตว์อันตรายระดับ SSS?!
มือที่จับส้อมของลีออนสั่นเล็กน้อย และเขาก็เผลอเลื่อนเก้าอี้ถอยหลังออกไปนิดหน่อย
“เป็นอะไรไปเหรอคะ ลีออน? ทำไมไม่ทานล่ะ? หรือไม่ชอบสลัดที่มูนตักให้?” รอสไวส์ถามพลางยิ้มอย่างสงสัย
“เอ่อ… พ่อไม่ชอบเหรอคะ?” มูนมองเขาด้วยสายตาที่ดูน่าสงสาร
ลีออนเม้มริมฝีปากและพยายามยิ้มอย่างฝืน ๆ “เปล่า พ่อชอบอยู่แล้ว สลัดที่มูนตักให้ต้องอร่อยแน่นอน พ่อจะทานเดี๋ยวนี้เลย”
“เย่! พ่อต้องทานนะคะ! แครอทอร่อยจะตาย!”
ตายจริง…
ทำไมมูนไม่เจริญรอยตามพ่อในเรื่องไม่กินแครอทบ้างนะ?!
ลีออนคิดอย่างหงุดหงิด ขณะที่เขาเขี่ยสลัดในจานเล่นด้วยส้อม
เขาจัดการกินเครื่องเคียงทุกอย่างจนหมด เว้นไว้แต่แครอท จากนั้นก็แกล้งทำเป็นอิ่ม พลางตบหน้าท้องตัวเอง “อา อร่อยมากเลย ขอบคุณนะ มูน!”
“ถ้ามันอร่อยขนาดนั้น ทำไมไม่กินให้หมดล่ะ?” รอสไวส์หรี่ตา ยิ้มกริ่ม พร้อมชี้ไปที่ลูกเต๋าแครอทที่เหลืออยู่ในจานของลีออน “หรือว่านายก็เลือกกินเหมือนกัน?”
“ผะ… ผม… ผม…”
“พ่อคะ เมื่อกี้พ่อเพิ่งบอกมูนเองว่า ห้ามเลือกกิน จะได้รับสารอาหารครบถ้วน” ลูกมังกรสาวตัวน้อยพูดขึ้น เลียนแบบเสียงแม่ของเธอเป๊ะ
“ไม่อย่างนั้นพ่อจะไม่แข็งแรงนะคะ ช่วงนี้พ่อดูไม่ค่อยสดชื่น แบบนี้ยิ่งห้ามเลือกกินเด็ดขาด!”
“มูนพูดถูกค่ะ ลีออน” รอสไวส์พูดอย่างนุ่มนวล ราวกับห่วงใยสุขภาพของเขาอย่างแท้จริง—ซึ่งในความเป็นจริง เธอก็ห่วงอยู่จริงๆ
“เอาล่ะค่ะ กินเถอะ อย่าทำให้มูนต้องกังวลเรื่องสุขภาพของคุณเลย” รอสไวส์พูดพร้อมยื่นมือออกมาแตะมือของลีออนเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
“การดูแลตัวเองสำคัญที่สุดนะคะ”
สุดท้าย รอสไวส์ขยับริมฝีปากเป็นคำว่า “สามี” โดยไม่มีเสียง
รสชาติของแครอททำให้ลีออนไม่สามารถคิดอะไรได้ตรงไปตรงมา สิ่งที่เขารู้ตอนนี้คือ ภายใต้การร่วมมืออย่างแนบเนียนของแม่ลูกคู่นี้ เขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องกินแครอทที่เหลือ
ก็ได้!
เขาจะกินมัน!
สุดยอดนักล่ามังกรระดับแนวหน้า…จะกลัวผักธรรมดาๆ อย่างแครอทได้อย่างไร?!
กินมัน! แค่กินมัน! มื้อนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่…
ใครว่าคนที่กลัวแครอทจะไม่ใช่ฮีโร่กัน!
ลีออนใช้ส้อมจิ้มชิ้นแครอทขึ้นมาแล้วยัดเข้าปากด้วยความกล้าหาญ
ในวินาทีที่รสชาติของแครอทจู่โจมต่อมรับรสของเขา ลีออนรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับความตาย—ถึงแม้เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าความตายของเขาจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร
“ว้าว~ พ่อไม่เลือกกิน สุดยอดไปเลยค่ะ~ งั้นมูนจะกินกะหล่ำปลีม่วงอีกสักชิ้นนะ~” มูนพูดพร้อมกับยิ้มแป้น ดูเป็นลูกสาวที่น่ารักมาก เพราะรู้วิธีช่วยคลายความกดดันให้ใครบางคนได้
รอสไวส์ยิ้มบางๆ ก่อนจะหยิบแครอททั้งหัวขึ้นมาจากโต๊ะ แล้วกัดเข้าไปอย่างแผ่วเบา
กร้วม—
ลีออนหันไปมองเธออย่างอึดอัด
สิ่งที่เขาเห็นคือรอสไวส์กำลังเคี้ยวผักที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตของเขาอย่างสงบนิ่ง
เมื่อรอสไวส์รู้ตัวว่าลีออนกำลังจ้องมอง เธอก็แกล้งกัดแครอทอีกคำตรงหน้าของเขา ก่อนจะเคี้ยวอย่างช้าๆ และตั้งใจให้เห็นเต็มตา
“จ้องจนลูกตาจะทะลุเบ้าแล้ว? อยากกินด้วยเหรอ? เอาไปสิ” รอสไวส์ยื่นแครอทไปทางลีออน
ลีออน: เอามันไปห่างๆเดี๋ยวนี้!
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของลีออน รอสไวส์ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกพึงพอใจ
แต่…
นายคิดว่าเรื่องนี้จบแล้วเหรอ คุณคาสโมด? วันเวลาในอนาคตของเรายังอีกยาวไกลนะ~
***
จบ94
คห.ผุ้แปล ยัยมังกรเอาคืนซะโหดเลย สำหรับผมที่โตมาเพราะเลือกกิน เป็นอะไรที่เกลียดมากเลยนะ
ว่าไปใครที่มีลูก อยากจะบอกว่า ปล่อยเด็กเลือกกินไปเหอะครับ โตมาแม่มก็สุขภาพแข็งแรงได้หมดแหละ เพราะผมกับเพื่อนสมัยมหาลัยนี่ตัวเลือกกิน แดกแต่เนื้อ ไม่แดกผัก แต่พอโตถึงจุดๆนึง เด๋วโลกจะบังคับให้คุณกินผักเองตอนหลัง แถมระบบเผาผลาญคุณจะห่วยลงตอนขึ้นเลข 3 แดกยังไงก็อ้วนคับ 55
ถ้ารอตอนใหม่ได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า kurakon
MANGA DISCUSSION