ค่ำคืนนั้น ลีออนนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน พลางจมอยู่ในความคิด ราชินีมังกรไม่ได้อยู่ทั้งวัน
เมื่อลีออนไม่ได้เห็นเธอในตอนเช้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น เขาคิดว่าเธออาจจะออกไปตรวจตราพรมแดนหรือพบปะกับราชามังกรตนอื่น
ที่ผ่านมา เมื่อใดก็ตามที่เธอออกไป มักใช้เวลาสองถึงสามวันเสมอ และในช่วงเวลาแบบนั้น วิหารมังกรเงินทั้งหมดก็เหมือนตกเป็นของเขา นักฆ่ามังกร แคสโหมด เขาสามารถไปไหนมาไหนได้ตามใจ โดยไม่ต้องรายงานยัยมังกรว่าจะไปที่ไหนหรือทำอะไร เขายังสามารถสั่งให้ครัวเตรียมสเต็กย่างเพิ่มขึ้นสำหรับมูนที่ชอบกิน และไม่ต้องทำการบ้านที่ได้รับมอบหมาย
แต่จนกระทั่งเขาเห็นแอนนาและเหล่าสาวใช้มังกรคนอื่น ๆ ในมื้อเที่ยง เขาถึงได้รู้ว่าครั้งนี้ รอสไวส์ออกไปคนเดียว กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ คราวนี้เธอไปเพียงลำพัง
ความตื่นเต้นของลีออนค่อย ๆ มลายหายไป เมื่อแสงอาทิตย์ยามบ่ายเริ่มลับฟ้า และเมื่อถึงช่วงเย็น เขากลับรู้สึกกระวนกระวายและไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
มันเป็นความรู้สึกว่างเปล่า คล้ายกับ “ในที่สุดก็ถึงวันหยุดหลังเรียนจบ ตั้งใจจะสนุกสุดเหวี่ยงสองเดือนเต็ม แต่กลับรู้สึกเบื่อหน่ายและไม่มีอะไรทำหลังจากแค่สองวันแรก”
ดังนั้น หลังอาหารค่ำ ลีออนจึงเดินเข้าไปหาแอนนาอย่างไม่เร่งรีบและถามว่า “แอนนา โนอาจะกลับบ้านในอีกไม่กี่วันใช่ไหม?”
ขณะที่แอนนากำลังจัดเก็บโต๊ะอาหาร เธอตอบว่า “ใช่ค่ะ ฝ่าบาทจะได้พบเจ้าหญิงโนอาอีกไม่นานนี้แล้ว”
“อ้อ… เอ่อ แล้วรอสไวส์บอกว่าจะทำอะไรที่โนอาชอบกินหรือเปล่า?”
“ไม่ค่ะ เจ้าหญิงโนอาไม่ได้เลือกกินอะไรเป็นพิเศษ ทำให้ฝ่าบาทรู้สึกสบายพระทัย”
“อย่างนั้นเหรอ…”
ลีออนเกาศีรษะเล็กน้อยก่อนถามต่อ “ว่าไปแล้ว โนอาดูคล้ายกับรอสไวส์ตรงที่ไม่เลือกกินอาหารเลยใช่ไหม?”
แอนนากะพริบตาแล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่เชิงค่ะ ฝ่าบาทดูเหมือนจะไม่ชอบผักชีเท่าไหร่”
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง ฉันไม่คิดว่ารอสไวส์จะเลือกกินอะไรด้วย นี่ไม่เหมือนเธอเลยนะ”
สาวใช้มังกรหยุดจัดโต๊ะอาหารทันที เธอยืนตัวตรงแล้วจ้องมองลีออนด้วยสายตาจริงจัง “ฝ่าบาท มีอะไรที่อยากจะถามข้าใช่ไหม?”
ลีออนสะดุ้งเล็กน้อย ใจคิดว่าวิธีการอ้อมค้อมของเขาถูกจับได้เร็วขนาดนี้เลยหรือ?
“โอ้ ไม่มีอะไรหรอก แค่คุยเล่นเฉย ๆ”
ลีออนทำท่าทีไม่ใส่ใจ ก่อนจะเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นจริงจังขึ้นแล้วถามว่า “แต่ในเมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ฉันอยากรู้จริง ๆ เธอรู้ไหมว่ารอสไวส์ไปไหน?”
แคสโหมด หมดมุขแล้วสินะ!
เมื่อได้ยินคำถามนี้ แอนนาก็ปิดปากหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะส่ายหัว “ข้าก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ฝ่าบาท”
“แต่ว่าเธอเป็นหัวหน้าสาวใช้นะ จะไม่รู้ได้ยังไง?”
โอ้ ฝ่าบาท ท่านรีบร้อนอะไรขนาดนี้? ราชินีเป็นผู้ใหญ่แล้ว เธอจะหลงทางได้ยังไงกันล่ะ?
แอนนา: “ถึงข้าจะเป็นหัวหน้าสาวใช้ แต่ก็มีบางเรื่องที่ข้าไม่ได้รับอนุญาตให้สอบถาม ฝ่าบาทอาจกำลังตรวจเยี่ยมเผ่าต่าง ๆ หรือเข้าร่วมประชุมลับบางอย่าง แต่ถ้าฝ่าบาทอยากรู้จริง ๆ ท่านก็รอฝ่าบาทกลับมาแล้วถามเธอตรง ๆ ก็ได้ค่ะ”
ถามตรง ๆ งั้นเหรอ?…
แต่เราไม่ได้พูดกันมาหลายวันแล้ว ถ้าถามไป เธอจะเข้าใจเจตนาผิดไหมนะ?
ลีออนเกาศีรษะ “เอาเถอะ เธอไปทำงานของเธอต่อเถอะ”
“ได้ค่ะ ฝ่าบาท พักผ่อนเถอะนะคะ ฝ่าบาทอาจจะกลับมาดึกหน่อยคืนนี้”
ลีออนโบกมือส่งแอนนา แล้วเดินออกจากห้องอาหารกลับไปยังห้องพักของเขา เขานั่งรอเงียบ ๆ ต่อไป แต่กระทั่งถึงสี่ทุ่มแล้ว ก็ยังไม่เห็นวี่แววของแม่มังกรเลย
เมื่อเวลาล่วงเลยไป ลีออนกอดตัวเอง พลางขยี้ตา เขายังคงครุ่นคิดถึงเรื่องที่ยังหาคำตอบไม่ได้มาตลอดหลายชั่วโมง
ระหว่างมื้อค่ำ แอนนาพูดถึงความเป็นไปได้ที่รอสไวส์อาจออกไปตรวจเยี่ยมเผ่าต่าง ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ลีออนเองก็รู้ดี การที่รอสไวส์ในฐานะผู้นำของมังกรเงินต้องออกไปตรวจเยี่ยมเผ่าและประชากรของเธอเป็นเรื่องปกติ
แต่ในอดีต เธอจะพาสาวใช้หรือผู้ช่วยที่ไว้ใจได้ไปด้วยเสมอเมื่อออกตรวจเยี่ยม ทว่าครั้งนี้เธอกลับเลือกที่จะออกไปเพียงลำพัง
หรือว่าแม้แต่ราชินีมังกรเงินเองก็ยังชื่นชอบการเยี่ยมเยือนแบบลับ ๆในขณะปลอมตัว?
หรืออาจเป็นไปได้อย่างที่แอนนาพูดว่า เธอออกไปเข้าร่วมการประชุมลับของเผ่ามังกรบางกลุ่ม? แต่การประชุมนี้จะเกี่ยวกับเรื่องอะไรนะ…
ความคิดของลีออนล่องลอยไปยังคู่แต่งงานใหม่ที่เขาเคยบังเอิญพบเมื่อไม่กี่วันก่อนในหุบเขาเมฆาลอย ยูนาและเซย์
ระหว่างการสนทนา ลีออนกลับได้รู้โดยไม่คาดคิดว่าราชามังกรคนหนึ่งนามว่าคอนสแตนติน กำลังรวบรวมและผนวกเผ่ามังกรขนาดเล็กและอ่อนแอบางเผ่าอยู่ในช่วงนี้ สิ่งนี้ก่อให้เกิดสงครามและความขัดแย้งขนาดเล็กในหลายพื้นที่ เพื่อขยายอาณาเขตของเขา
อย่างไรก็ตาม ใน “นิทานปัญญาของมังกร” ที่ลีออนเคยเล่าให้มูนฟัง คอนสแตนตินถูกกล่าวถึงในฐานะวีรบุรุษผู้ขยายอาณาเขตเพื่อเผ่าพันธุ์มังกร
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ความสำเร็จของราชามังกรเพลิงผู้นี้อาจไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของเผ่ามังกรโดยรวม แต่อาจเป็นเพียงการเติมเต็มความทะเยอทะยานส่วนตัวของเขาเอง
เมื่อเขาก่อความวุ่นวายใหญ่โตเช่นนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยที่รอสไวส์ในฐานะราชินีมังกรเงิน อาจเข้าร่วมการประชุมลับกับผู้นำเผ่าต่าง ๆ เพื่อหารือเกี่ยวกับการกระทำของคอนสแตนตินในช่วงนี้
แต่ถึงจะเป็นการประชุมลับ อย่างน้อยเธอก็น่าจะพาผู้คุ้มกันไปด้วยสิ?…
ดังนั้น อาจเป็นไปได้ว่าไม่มีการประชุมลับเลย หรือไม่ก็ระดับความลับของการประชุมครั้งนี้สูงมากจนมีเพียงเหล่าราชามังกรเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมได้
ลีออนเกาศีรษะด้วยความรู้สึกมึนงง ทุกอย่างล้วนเป็นเพียงการคาดเดาอย่างไร้หลักฐานและไม่มีมูลความจริง
เมื่อค่ำคืนล่วงเลยไปและความง่วงเข้าครอบงำ ลีออนหาวออกมา
สายตาของเขาตกลงไปที่เจ้าหมีตัวเล็กบนโต๊ะ มันคือตุ๊กตาที่รอสไวส์เคยคว้าจากตู้คีบตุ๊กตาให้เขาในหุบเขาเมฆาไหล โดยบอกว่าเป็นของขวัญตอบแทน แม้ว่ามันจะตัวเล็กกว่าหมีตัวใหญ่ที่เขาให้เธอไปในตอนแรกมาก แต่ลีออนก็ไม่กล้าปฏิเสธ “ของขวัญอันแสนกรุณา” ของเธอเลย
ตอนที่กลับมาถึง ลีออนเคยคิดว่าจะวางเจ้าหมีไว้บนเตียง แต่พอคิดอีกที เขาก็รู้สึกว่าการมีตุ๊กตาหมีอยู่บนเตียงอาจจะดูเป็นเรื่องของเด็กผู้หญิงเกินไปสำหรับผู้ชายโต ๆ อย่างเขา สุดท้ายมันจึงได้ไปอยู่บนโต๊ะทำงานแทน
ลีออนเอื้อมมือหยิบเจ้าหมีตัวเล็กขึ้นมา มองเข้าไปในดวงตาสีดำกลมทั้งสองข้างของมัน ก่อนจะเผลอหัวเราะเบา ๆ ออกมาโดยไม่รู้ตัว
“หายไปไหนไม่บอกไม่กล่าวตั้งนาน” เขาพึมพำ ก่อนจะวางเจ้าหมีลงแล้วเดินไปยังเก้าอี้เอนบนระเบียง มองออกไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ลึกสุดหยั่ง พร้อมกับทางช้างเผือกที่พาดผ่านอยู่เบื้องบน
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ค่อย ๆ หลับตาลง และในขณะเดียวกันนั้นเอง ทันทีที่เขาหลับตา แสงสีม่วงอ่อน ๆ ก็ส่องวาบขึ้นที่หน้าอกของเขา แสงนั้นจางหายไปในชั่วพริบตา
ในขณะนั้น ราชินีมังกรเงินยังคงอยู่ระหว่างทางกลับ ขณะที่เธอบิน รอสไวส์ก็รู้สึกถึงบางสิ่งที่แปลกไป และความเร็วของเธอก็ชะลอลงอย่างฉับพลัน
“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ ฝ่าบาท?” เชอร์ลีย์ถามอย่างเร่งรีบ
“ไม่มีอะไร”
จริง ๆ แล้ว…ไม่มีอะไรผิดปกติ ความรู้สึกแปลก ๆ เมื่อครู่มาไวไปไวเสียจนรอสไวส์ไม่มีเวลาแม้แต่จะพิจารณาว่ามันคืออะไร ก่อนที่มันจะหายไป
เอาเถอะ คงเป็นเพราะพวกเธอบินนานเกินไปก็เท่านั้นเอง
คำนวณเวลาแล้ว รอสไวส์กับเชอร์ลีย์ยังต้องบินอีกไม่กี่ชั่วโมงถึงจะกลับถึงวิหารมังกรเงิน ตอนนั้นพวกเธอจะออกจากวิหารไปนานสองวันสองคืนพอดี
มูนคงไม่เป็นอะไร รอสไวส์เคยไปทำธุระหลายครั้งและมักจะกลับมาหลังจากสองหรือสามวัน แต่เจ้าลีออนนั่นสิ อยู่ดี ๆ ไม่เคยได้สักวัน ต้องก่อเรื่องวุ่นวายอยู่เสมอ
คิดมาถึงตรงนี้ รอสไวส์กระพือปีกอย่างแรง เพิ่มความเร็วพุ่งตรงไปยังทิศทางของวิหาร เชอร์ลีย์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบเร่งกระพือปีกตามไป
“ฝ่าบาท… ฝ่าบาท รอข้าด้วย! ข้าตามท่านไม่ทันแล้ว!”
เช้าวันต่อมา ลีออนถูกปลุกด้วยเสียงของมูนที่กำลังเขย่าตัวเขา
“พ่อคะ พ่อ ทำไมพ่อถึงมานอนบนระเบียงล่ะ? เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”
ลีออนลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย รู้สึกถึงความเย็นที่แผ่ซ่าน แล้วจามออกมา
“โอ้ พ่อ! พ่อเป็นหวัดจริง ๆ แล้วหรือเปล่า?” มูนถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
ลีออนดึงเสื้อโค้ทของเขาให้แน่นขึ้น “ไม่เป็นไร พ่อสบายดี เดี๋ยวก็หายแล้ว”
มูนเกาศีรษะ “พ่อคะ ทำไมเมื่อคืนพ่อถึงมานอนอยู่บนระเบียงล่ะ?”
ลีออนใช้เวลาสักครู่รวบรวมความคิด ก่อนจะนึกขึ้นได้ เมื่อคืนเขานอนอยู่บนเก้าอี้เอน คอยนับดาวพลางรอให้ไฟบนระเบียงห้องข้าง ๆ สว่างขึ้น—
ห้องของเขาอยู่ติดกับห้องของรอสไวส์ ดังนั้นทันทีที่รอสไวส์กลับมาและเปิดไฟ เขาก็จะมองเห็นเธอจากระเบียงได้
แอนนาเคยบอกว่ารอสไวส์อาจกลับมาช้าสักหน่อย แต่จนกระทั่งช่วงดึกจนถึงรุ่งสาง ไฟที่ห้องข้าง ๆ ก็ยังคงดับอยู่
ลีออนเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
“โอ้ พ่อต้องเหนื่อยมากเมื่อคืนเลยลืมกลับเข้าห้องไปนอนแน่ ๆ” มูนพูด
ลีออนกอดมูนไว้ “เมื่อวานแม่ไม่อยู่บ้านทั้งวันเลยนะ ลูกพอจะรู้ไหมว่าแม่ไปไหน?”
“พ่อ”
“ว่าไงครับ?”
“พ่อถามคำถามนี้กับมูนไปแล้วตั้งสามครั้งเมื่อวาน มูนไม่รู้จริง ๆ นะ”
“…พ่อถามหลายครั้งขนาดนั้นเลยเหรอ?”
มูนพยักหน้าอย่างจริงจัง พลางนับนิ้วไปทีละนิ้ว “ครั้งนึงตอนหลังอาหารกลางวัน ครั้งนึงตอนเราไปวิ่งด้วยกัน แล้วก็อีกครั้งก่อนอาหารเย็น”
“พ่อไม่ต้องกังวลเรื่องแม่ขนาดนั้นก็ได้ค่ะ แม่เคยออกไปทำธุระบ่อย ๆ แล้วแม่ก็กลับมาทุกครั้งหลังจากวันหรือสองวันเอง”
ลีออนกระแอมไออย่างเก้อเขิน “แฮ่ม โอเค พ่อจะฟังลูกก็แล้วกัน”
ขณะที่เขาพูด เสียงของเหล่าทหารยามก็ดังมาจากลานหน้าวิหาร
“ฝ่าบาท กลับมาแล้วหรือพะย่ะค่ะ”
“อืม”
ได้ยินดังนั้น ลีออนก็ลุกขึ้นพลางอุ้มมูนไว้ในอ้อมแขนและมองลงไปจากระเบียง รอสไวส์กลับมาจริง ๆ พร้อมกับสาวใช้มังกรเงินคนหนึ่งที่ลีออนไม่เคยเห็นมาก่อน
“ดูสิ แม่กลับมาแล้ว” มูนชี้ไปที่เบื้องล่าง
ความคิดของลีออนพลันแล่นขึ้น “มูน แม่ไปข้างนอกตั้งสองวัน ลูกคิดถึงแม่ไหม?”
“แน่นอนสิ คิดถึงมากเลยค่ะ”
“งั้นให้พ่อสอนประโยคหนึ่ง แล้วลูกลองพูดให้แม่ฟังนะ แม่จะได้ดีใจ”
ดวงตาของมูนเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น “ได้ค่ะ ได้ค่ะ!”
ไม่นานนัก มูนก็วิ่งออกจากวิหารด้วยความเร็วพุ่งตรงไปหารอสไวส์
“แม่คะ~”
“อรุณสวัสดิ์จ้ะ มูน”
รอสไวส์ย่อตัวลงกอดลูกสาวไว้แน่น “อยู่บ้านเป็นเด็กดี กินข้าวตรงเวลาหรือเปล่า?”
“เอ่อ…ก็ แบบว่า…”
มูนถอยหลังไปหนึ่งก้าว ยืนตัวตรง พร้อมกับยกหางขึ้นเล็กน้อยก่อนพูดว่า “แม่คะ แม่ไปไหนมาทั้งวันเมื่อวาน ทำไมถึงหายไปนานขนาดนี้ แล้วทำไมไม่บอกหนูก่อนล่ะ?”
น้ำเสียงของมูนฟังดูเหมือนผ่านการซักซ้อมมาอย่างดี และคำถามคลาสสิกทั้งสามนี้ ดูไม่เหมือนสิ่งที่เธอจะคิดขึ้นมาเองได้เลยใช่ไหม?
รอสไวส์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้น เธอเหลือบไปเห็นใบหน้าของใครบางคนแวบหนึ่งตรงระเบียงของห้องพักเด็ก—
และทันใดนั้น ใบหน้านั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว!
***
จบ92
ขออภัยที่ช้า มันยาวอะ เลยใช้เวลานานนิดนึง นั่งอ่านก็ฮาดีว่าลีออนกุจะซึนเยอะไปไหน ถามลูกจนลูกยังเบื่อเลย 55
ถ้ารอตอนใหม่ได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า kurakon
MANGA DISCUSSION