เพื่อสร้างความประหลาดใจให้กับรอสไวส์เมื่อตื่นขึ้นมา ลีออนได้ปฏิเสธข้อเสนอจากเหล่าสาวใช้ที่จะช่วยดูแลเธอ เขาประกาศอย่างเด็ดเดี่ยวว่าจะอยู่เคียงข้างรอสไวส์ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่พักผ่อนแม้แต่วินาทีเดียว
ในสายตาของเหล่าสาวใช้ การกระทำนี้เป็นเหมือนการแสดงความรักอันลึกซึ้งขององค์ชายที่มีต่อราชินีของเขา!
ภรรยาล้มป่วย นอนซมอยู่บนเตียง;สามีคอยเฝ้าไข้อยู่เคียงข้างตลอดเวลา
โอ้ พระเจ้า~
จะมีความรักที่บริสุทธิ์ไปกว่านี้อีกหรือ?
มั่นใจได้เลยว่า ทั้งคู่จะครองรักกันไปจนแก่เฒ่า!
ถ้าลีออนรู้ว่าเหล่าสาวใช้กำลังคิดอะไรอยู่ เขาคงจะแขวะไปสองประโยค
ประโยคแรก: “พวกเธอคิดไปไกลเกินแล้ว ผมยอมกระโดดตึกตายดีกว่าจะแก่เฒ่าไปพร้อมกับยัยมังกรตัวนี้”
ประโยคที่สอง: “ถึงแม้จะมีความต่างเล็กน้อยระหว่างสีเงินกับสีขาว แต่มองแวบแรกก็คล้ายกันอยู่ดี ยัยมังกรถึงจะดูสาวแต่ถ้านับอายุแปลว่า ผมยังหนุ่มส่วนราชินีของพวกเธอก็ชราแล้ว!”
เอาล่ะ กลับมาที่ประเด็นหลัก
แม้ว่าเขาจะรอให้รอสไวส์ฟื้นขึ้นมา แต่ในช่วงเวลานี้ ลีออนก็มีความตั้งใจที่จะดูแลเธออย่างดี
ไม่ใช่ว่าเขาเป็นห่วงสุขภาพของยัยมังกรซุ่มซ่ามตัวนี้หรอกนะ
เขาแค่ไม่อยากให้เธอตื่นมารู้สึกไม่สบาย แล้วต้องมาคอยกังวลเกี่ยวกับลูกสาวสุดที่รักของเขา
ดังนั้น ลีออนจึงตัดสินใจล้างหน้าและเช็ดตัวให้เธอ
แม้ว่า “วิชาพยาบาล” จะไม่ได้สอนในสถาบันฝึกนักล่ามังกร แต่ก็คงคล้ายกับการอาบน้ำให้ลาแหละ
ทุกครั้งที่ลีออนกลับบ้านช่วงวันหยุด เขาจะอาบน้ำให้ลาของอาจารย์ และเขาก็ถือว่ามีฝีมือในเรือ่งนี้พอตัว
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังรู้สึกว่าการอาบน้ำให้รอสไวส์นั้นง่ายกว่าการอาบน้ำให้ลามากนัก!
ลานั้นอาจเตะเขาได้ แต่มังกรที่อยู่ในอาการโคม่าไม่มีทางทำเช่นนั้นแน่
ลีออนไม่รอช้า เขาจุ่มผ้าขนหนูลงในน้ำอุ่น ก่อนยืนอยู่ตรงหัวเตียง แล้วโน้มตัวลงไปเช็ดหน้าผาก สันจมูก แก้ม และคางของรอสไวส์อย่างแผ่วเบา
พูดตามตรง เธอดูสวยขึ้นมากตอนหลับแบบนี้ เมื่อเทียบกับตอนที่ตื่น
แม้ใบหน้าของเธอจะงดงามมาก แต่ส่วนใหญ่แล้ว เธอมักดูเหนื่อยล้า หรือไม่ก็มีแววตาหม่นหมอง เธอแทบไม่ยิ้มเลย แถมยังดูจริงจังอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย
มีเพียงเวลาพูดถึงลูกสาวเท่านั้น รอสไวส์ถึงจะเผยรอยยิ้มที่ดูพึงพอใจออกมา
“เฮ้อ น่าจะยิ้มบ่อยๆ หน่อยนะ ยิ้มแล้วสวยแท้ๆ” ลีออนพึมพำ ขณะเช็ดมือของเธอทั้งหลังมือและฝ่ามือ
เขาเคยพูดไว้แล้วว่า การเช็ดตัวให้มังกรนั้นง่ายกว่าการเช็ดตัวลามากแน่นอน
มังกรตัวน้อยช่างว่าง่ายเสียจริง
หลังจัดการเช็ดมือเรียบร้อย ก็ถึงเวลาทำความสะอาดร่างกาย
ลีออนยกผ้าห่มขึ้น และทันทีที่เขาเตรียมตัวจะเริ่ม เช็ดร่างกายของเธอ เขาก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อเห็นเรือนร่างบอบบางของรอสไวส์ที่นอนอยู่บนเตียงนุ่ม
“… เคยเห็นตั้งหลายรอบ จะอายทำไม”
ลีออนสูดหายใจลึกๆ หลายครั้ง พยายามปลอบใจตัวเองในใจ
หลังจากเตรียมใจเสร็จ เขาก็โน้มตัวลง มือข้างหนึ่งประคองแผ่นหลังของรอสไวส์ไว้ ส่วนอีกมือค่อยๆ ขยับสายเดรสออกอย่างแผ่วเบา
เดรสของรอสไวส์นั้นเบาและบางจนสามารถถอดออกได้ง่ายๆ เพียงแค่ดึงเล็กน้อย
ใบหน้าของลีออนเริ่มขึ้นสี รู้สึกสับสนระหว่างความอยากมองกับความเขินอาย
ให้ตายสิ…
เห็นได้ชัดว่า ทั้งสองเหมือนจะเป็น “คู่แต่งงานที่ใช้ชีวิตด้วยกันมานาน” — ถ้าว่ากันตามระยะเวลาที่ใช้ร่วมกัน อาจจะยังไม่ถึงระดับนั้น แต่ถ้าวัดจากความถี่ในการจัด พวกเขานับว่าเกินขั้นนั้นไปแล้ว
แล้วทำไมเขาถึงรู้สึกเขินกับการเช็ดตัวเธอล่ะ? เอาเลยสิ คาสโมด แสดงความกล้าหาญออกมา นายไม่กลัวการล่ามังกร แล้วจะหวั่นอะไรกับแค่เช็ดตัวให้มังกร?
ลีออนโน้มตัวลงอีกครั้ง พร้อมทั้งสัมผัสลมหายใจอุ่นๆ ที่พ่นออกมาจากจมูกของตัวเอง
เขากลืนน้ำลายอีกครั้ง มือกำผ้าขนหนูแน่น ก่อนจะค่อยๆ ยื่นมือไปทางหน้าอกของรอสไวส์
รูปทรงที่สมบูรณ์แบบ…
กลมกลึงและเต็มอิ่ม ไม่ใหญ่มากจนเกินไป ไม่เล็กจนเกินงาม อยู่ในสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบอย่างที่สุด การเคลื่อนไหวขึ้นลงเบาๆ ตามจังหวะลมหายใจของเธอทำให้ภาพตรงหน้าดูน่าหลงใหลยิ่งขึ้น
ทันใดนั้น!
รอยสักมังกรบนหน้าอกของรอสไวส์เปล่งแสงขึ้นมา!
ลีออนสะดุ้งสุดตัว รีบดึงผ้าห่มคลุมร่างของรอสไวส์อย่างลนลาน ก่อนจะโยนผ้าขนหนูทิ้งแล้ววิ่งพรวดออกจากห้องไปทันที
เขาวิ่งตรงไปจนถึงสนามหลังวัด ถอนหายใจแรงๆ พร้อมกับกุมหน้าอกตัวเอง
“พระเจ้า… ทำไมมันถึง… ทำไมมันถึงเปล่งแสงขึ้นมาได้ล่ะ?”
ลีออนมั่นใจว่ารอยสักมังกรที่เปล่งแสงไม่ได้หมายความว่ารอสไวส์ตื่นขึ้นมาแล้ว
เขายังจำได้ชัดเจนว่า ตอนที่รอสไวส์สลักรอยสักมังกรลงบนร่างของเขา เธอพูดไว้ว่า:
“ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งคิดถึงอีกฝ่ายอย่างแรงกล้า รอยสักมังกรของอีกฝ่ายจะเกิดปฏิกิริยา”
ลีออนเคยใช้รอยสักนี้ให้เป็นประโยชน์มาก่อน แกล้งรอสไวส์ตอนที่อิซาเบลลา ราชินีมังกรแดงและพี่สาวของรอสไวส์ มาเยี่ยมที่วัง
ดังนั้น… การที่รอยสักมังกรของรอสไวส์เพิ่งเปล่งแสงขึ้นมา หมายความว่า—
ในสภาวะที่มีสติสัมปชัญญะครบถ้วน โดยไม่มีอิทธิพลจากยาหรือเวทมนตร์ใดๆ ลีออนกลับมี ความคิด เกี่ยวกับรอสไวส์ใน แง่นั้น!
“น่าละอายที่สุด!”
เขาตบแก้มตัวเองสองทีพยายามทำให้ใจเย็นลงโดยเร็ว
ในขณะเดียวกัน เขาก็ท่อง “เกียรติยศสามข้อและความละอายของนักล่ามังกรสามข้อ” ในใจอย่างเงียบๆ:
“ความจงรักภักดีต่อจักรวรรดิเป็นเกียรติยศ สมคบคิดกับมังกรเป็นความอับอาย;”
“การหลั่งเลือดบนสมรภูมิเป็นเกียรติยศ หลบหนีจากแนวหน้าเป็นความอับอาย;”
“สังหารมังกรพิทักษ์บ้านเมืองเป็นเกียรติยศ แปรพักตร์คิดคดเป็นความอับอาย”
หลังจากท่องครบสามรอบ ลีออนก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก
เมื่อปรับจิตใจให้สงบลงได้ ลีออนก็กลับเข้าไปในห้อง
สายลมอ่อนๆ พัดผ่านหน้าต่างเข้ามา ทำให้ผ้าม่านพลิ้วไหวเบาๆ
ร่างงามของหญิงสาวผมสีเงินนอนสงบอยู่บนเตียง ช่างดูเงียบสงบและงดงาม
ลีออนย่างเท้าเข้าไปอย่างเงียบเชียบ
แม้เขาจะรู้ดีว่าเธอไม่ได้ยินในตอนนี้ แต่ก็อดรู้สึกไม่อยากรบกวนการหลับใหลของเธอไม่ได้
ลีออนเอื้อมมือออกไปอย่างระมัดระวัง สวมชุดนอนให้รอสไวส์อีกครั้ง
เขาหยุดชั่วครู่ รู้สึกไม่สบายใจ ก่อนจะดึงปกเสื้อชุดนอนขึ้นมา ปิดรอยสักมังกรที่หน้าอกของเธอ
เขาไม่อยากให้มันเปล่งแสงอีกในภายหลัง เพราะนั่นคงทำให้ลีออนต้องตั้งคำถามกับตัวเอง ว่าหัวใจนักล่ามังกรของเขากำลังหวั่นไหวหรือเปล่า
เขาหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นขึ้นมาอีกครั้ง
มือและเท้าก็พอแล้ว เขาจะไม่ล้ำเส้นเกินไปกว่านั้นแน่นอน!
คราวนี้เขาเดินไปที่ปลายเตียง ยกผ้าห่มขึ้น และจับเท้าซ้ายของรอสไวส์อย่างอ่อนโยน ก่อนจะเช็ดมันอย่างเบามือ
เท้าของเธอ… จริงๆ แล้วก็ดูมีเสน่ห์อยู่ไม่น้อย—
“หยุดนะ หยุดเลย อย่าเตลิดไปมากกว่านี้”
ลีออนส่ายหัว พยายามปัดเป่าความคิดฟุ้งซ่านออกไป หลังจากเช็ดทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาก็นั่งลงพัก
ฟิ้ว—
สายลมยามเที่ยงพัดม่านบางเบาขยับไหว แสงแดดอบอุ่นส่องลอดผ่านกระจกหน้าต่างบานใหญ่ เข้ามาแต่งแต้มบรรยากาศ
เมื่อมองไปที่รอสไวส์ที่ยังคงไม่ได้สติ ลีออนเดาะลิ้นเบาๆ ด้วยความเบื่อ ก่อนจะตัดสินใจหาสิ่งทำฆ่าเวลา
ลีออนยันเข่าขึ้นก่อนลุกขึ้นยืนอย่างเกียจคร้านและเดินไปยังเตียงใกล้ๆ “ยังนอนนิ่งอยู่สินะ?” เขาพูดขณะก้าวเข้าไปยังตู้เสื้อผ้าของรอสไวส์
เมื่อเปิดตู้ เขาพบเสื้อผ้าหลากหลายชุดที่ดูหรูหราและสวยงามจนละลานตา รอสไวส์มักจะแต่งตัวแบบมิดชิด โดยเสื้อผ้าส่วนใหญ่ของเธอมักจะปกปิดร่างกายจนถึงต้นคอ และกระโปรงที่สั้นที่สุดก็ยังยาวถึงหัวเข่า
แม้ลีออนจะไม่มีความรู้เรื่องเสื้อผ้ามากนัก แต่ความคิดที่จะ “เล่นงาน” กับยัยมังกรได้ตามใจชอบก็ทำให้เขาตัดสินใจใช้โอกาสนี้ให้คุ้มค่า
หลังจากค้นหาไปสักพัก เขาก็พบกับสิ่งหนึ่งที่ยังไม่ได้ถูกแกะออกจากห่อ…
“ถุงน่องดำ”
แก้มของลีออนขึ้นสีแดงจัด “ถะ… ถุงน่องสีดำ! ดีมาก! ถุงน่องสีดำนี่แหละคือความยุติธรรม!”
ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากถุงน่องนี้ยังไม่ได้ถูกแกะออกจากห่อ นั่นหมายความว่ารอสไวส์อาจไม่ชอบใส่ของแบบนี้เป็นปกติ แต่ตอนนี้ เธอไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้น
ลีออนเดินกลับไปที่เตียง เปิดห่อถุงน่องสีดำออก จากนั้นค่อยๆ สวมมันให้รอสไวส์ด้วยท่าทีเก้ๆ กังๆ ขาของเธอช่างเรียวยาว ทำให้การสวมถุงน่องดูจะเป็นงานที่ไม่ง่ายเลย
หลังจากจัดการจนเสร็จ ขาเรียวยาวเหล่านั้นก็ถูกห่อหุ้มด้วยถุงน่องสีดำบาง เผยให้เห็นความลึกลับที่น่าหลงใหล ลีออนหน้าแดงและกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก “เรียวขาแจ่มขนาดนี้ไม่เคยใส่ถุงน่องสีดำคงเสียชาติเกิด”
ลีออนมองผลงานของตัวเองด้วยความพึงพอใจ แต่กลับรู้สึกเหมือนว่ายังขาดอะไรไปบางอย่าง “ไหนๆ ก็ใส่ถุงน่องแล้ว จัดเต็มไปเลยดีกว่า!”
เขาหันกลับไปที่ตู้เสื้อผ้า รื้อค้นหาไปเรื่อยๆ จนเจอเสื้อสีดำตัวหนึ่งที่ค่อนข้างรัดรูป แน่นอนว่าดีไซน์ของเสื้อตัวนี้ธรรมดาเกินไปสำหรับเขา ลีออนเลยตัดสินใจดัดแปลงเองทันที เขาหยิบกรรไกรจากลิ้นชักขึ้นมา แล้วเริ่มตัดแต่งเสื้อโดยไม่ลังเล
“เดี๋ยวยัยมังกรตื่นขึ้นมาก็อ้างไปว่ามูนเป็นคนทำก็สิ้นเรื่อง” เขาคิดในใจพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์
หลังจากตัดแต่งเสร็จ ลีออนถอดชุดนอนของรอสไวส์ออกอย่างระมัดระวัง โดยตั้งใจเลี่ยงไม่แตะบริเวณหน้าอก แล้วรีบสวมเสื้อสีดำที่ถูกดัดแปลงให้รอสไวส์อย่างรวดเร็ว
เมื่อชุดเสร็จสมบูรณ์ เผยให้เห็นหัวไหล่ขาวนวล คอเสื้อเว้าต่ำ โบว์เล็กที่ตกแต่งไว้ และถุงน่องสีดำที่เข้ากัน
“กระต่ายสาว… บันนี่เกิร์ล!”
ลีออนมองรอสไวส์ที่ถูก “แปลงโฉม” เสร็จสมบูรณ์ แต่ก็ยังรู้สึกว่าขาดอะไรบางอย่างไปสำหรับบันนี่เกิร์ลที่สมบูรณ์แบบ – หูกระต่ายไง!
แน่นอนว่าเขารู้ดีว่าคงไม่มีเครื่องประดับแบบนั้นอยู่ในห้องนี้ ลีออนเลยต้องลงมือสร้างเอง
เขานั่งลงข้างเตียง รวบผมสีเงินของรอสไวส์ขึ้นมาอย่างประณีตเพื่อจัดแต่งให้เป็นรูปหูกระต่าย โชคดีที่รอสไวส์มีผมยาวมีน้ำหนัก ถ้าเป็นคนอื่นที่ผมสั้นบางคงไม่มีทางทำได้
สุดท้าย หูกระต่ายก็ถูกสร้างขึ้นมาอย่างสมบูรณ์
ด้วยฝีมือลีออน การแปลงโฉมเป็นบันนี่เกิร์ลก็เสร็จสิ้น!
ไม่มีชายใดในโลกที่จะปฏิเสธตุ๊กตามังกรเงินในขนาดเท่าคนจริง ถ้าจะมีใครปฏิเสธ ก็ต้องเป็นเพราะตุ๊กตานั้นยังไม่ได้แต่งตัวเป็นบันนี่เกิร์ลพร้อมถุงน่องสีดำ!
แล้วของหายากขนาดนี้ในโลกมนุษย์จะไม่ถูกถ่ายภาพไว้คงเสียของเปล่าๆ?
นี่จะเป็นประวัติศาสตร์ที่น่าอายของยัยมังกร!
ลีออนจำได้ว่าเคยเห็นกล้องถ่ายรูปแบบครอบครัวในห้องของรอสไวส์อยู่ก่อนแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่มีภาพถ่ายตั้งโชว์อยู่ในห้องนั่งเล่นหรือบนโต๊ะหัวเตียง
เขาจึงไปค้นในห้องเก็บของสักพัก และแน่นอนว่าเขาพบกล้องตัวนั้นจนได้
เมื่อกลับมาถึงห้องนอน ลีออนก็กระโดดขึ้นเตียงด้วยความตื่นเต้น อุ้มรอสไวส์ในอ้อมแขนอย่างแนบแน่น จากนั้นเขายกกล้องขึ้น ใช้เวทมนตร์เล็กน้อยเพื่อเปิดโหมดถ่ายต่อเนื่อง
“ยิ้มหน่อยสิ ที่รัก~”
“ดูสิ ที่รัก ถ่ายรูปขึ้นมากเลย!”
“ภาพพวกนี้ ผมจะเก็บไว้อย่างดีเลยล่ะ!”
แสงอีกครั้ง! เขารีบคว้าผ้าห่มมาคลุมตัวเธอไว้โดยพลัน
แต่คราวนี้แทนที่จะวิ่งออกไปสงบสติอารมณ์เหมือนครั้งก่อน ลีออนกลับสูดลมหายใจลึกๆ แล้วพึมพำกับตัวเอง
“มัน… มันต้องเป็นเพราะชุดบันนี่เกิร์ลนี่แน่ๆ ไม่เกี่ยวอะไรกับยัยมังกรเลย! ใช่แล้ว เป็นความผิดของบันนี่เกิร์ลต่างหาก !”
หลังจากปลอบใจตัวเอง ลีออนจึงรีบถอดถุงน่องสีดำและหูกระต่ายออกจากรอสไวส์อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ เขายังคิดว่าไม่อาจปล่อยให้ใครมาเห็นชุดนี้ได้เด็ดขาด เพราะต่อให้พยายามอธิบายแค่ไหนก็ไม่มีทางฟังขึ้น!
แต่กระนั้น หลังจัดการเก็บทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ลีออนกลับรู้สึกว่าการปล่อยยัยมังกรรายนี้ไปง่ายๆ คงจะน่าเสียดายไม่น้อย…
หลังครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ สายตาของลีออนก็มาหยุดอยู่ที่เส้นผมสีเงินตรงเรียบลื่นของรอสไวส์ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเธอ เส้นผมยาวที่มีหน้าม้าปรกอยู่เล็กน้อยช่วยเสริมความสง่างามและเสน่ห์ให้เธอได้อย่างดี
อย่างไรก็ตาม ลีออนรู้สึกว่า “ทรงผมสวย” ไม่ควรจัดแค่ทรงเดียว นอกเหนือจากหูกระต่ายแล้ว ควรมีอะไรสนุกๆ เพิ่มเข้ามาด้วย
เขานั่งลงข้างหมอนของรอสไวส์ หยิบเส้นผมของเธอมาถักเล่น ก่อนจะได้เป็น “ผีเสื้อ” สีเงินที่ประณีต เขายิ้มอย่างพอใจ แล้วค่อยๆ แกะมันออก
จากนั้นเขาลองถักอีกหลายรูปแบบ เปลี่ยนจากผีเสื้อเป็นดาวห้าแฉก ดาวหกแฉก รูปหัวใจ และแม้กระทั่ง “ตะกร้าดอกไม้” เส้นผมที่รอสไวส์ดูแลอย่างดีนี้ได้กลายเป็นหนูทดลองให้ลีออนใช้ไอเดียสร้างสรรค์
“บางทีสักวันน่าจะลองทำแบบนี้ให้ลูกสาวทั้งคู่ดูบ้างนะ~” เขาคิดในใจด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
สุดท้าย ลีออนยังคงเหลือจิตสำนึกอยู่บ้าง เขาถักเปียเส้นเล็กๆ ไว้ตรงขมับของรอสไวส์ เปียเล็กๆ นี้ช่วยเพิ่มความน่ารักสดใสให้กับลุคของเธออย่างน่าประหลาด ลีออนไม่ได้แกะมันออก แต่ปล่อยให้มันอยู่ตรงนั้นอย่างเรียบร้อย
หลังจากนั้น เขาลุกขึ้นยืน บิดขี้เกียจเบาๆ พร้อมพูดกับตัวเองว่า “ไปเดินเล่นสักหน่อยดีกว่า ถึงเวลาที่ต้องเริ่มแผนขั้นต่อไปละ”
****
จบบท 57
คห.ผู้แปล
เลวได้ใจจริงนะลีออนของเรา โยนความผิดให้ลูก แถมเฟติสชุดบันนี่เกิร์ล ดีนะไม่ลักหลับ ไม่งั้นจะกลายเป็นตัวเห้แบบไม่น่าอ่านเลย พอมาทรงนี้เลยกลายเป็นน่ารักน่าติดตามแทน
ตอนหน้านี่ก็หนึ่งในตอนโปรดผม บอกเลยว่าห้ามพลาด
ถ้ารอตอนใหม่ได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า kurakon
MANGA DISCUSSION