นครนภาสมชื่อที่เรียก อาณาจักรของเผ่ามังกรแห่งนี้ตั้งอยู่บนขอบฟ้าที่ห่างไกลเหนือเมฆ และมีเพียงสิ่งมีชีวิตที่มีพลังในการบินอันแข็งแกร่งเท่านั้นที่สามารถไปถึงได้
หลังจากใช้เวลาหลายชั่วโมงในการบิน ในที่สุดครอบครัวของลีออนก็มาถึงชานเมืองของนครนภา ด้วยขนาดอันมหึมาของมังกร พื้นที่นอกเมืองจึงกว้างขวางพอสำหรับมังกรจำนวนมากที่จะลงจอดพร้อมกันได้
รอสไวส์เลือกจุดลงจอดที่ค่อนข้างโล่ง ลีออนกระโดดลงมาพร้อมกับลูกสาวทั้งสองในอ้อมแขน ขณะที่รอสไวส์หุบปีกของเธอและเปลี่ยนกลับเป็นร่างมนุษย์
“เอาล่ะ เข้าไปข้างในกันเถอะ”
ครอบครัวทั้งสี่มุ่งหน้าไปยังสตูดิโอถ่ายภาพ เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในสตูดิโอ ผนังด้านหนึ่งถูกตกแต่งด้วยภาพถ่ายศิลปะหลากหลายสไตล์
ช่างภาพเป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่สวมแว่นตา—หรือควรเรียกว่า “มังกรสาววัยกลางคน” มากกว่า ด้วยท่าทีอ่อนโยน การแต่งกายเรียบง่าย และใบหน้าที่มีรอยยิ้ม เธอก้าวเข้ามาจับมือกับรอสไวส์อย่างเป็นมิตร
“ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับร้านของเราที่ได้ถ่ายภาพครอบครัวของราชินีมังกรเงินค่ะ”
“โอ๊ย ไม่ต้องถ่อมตัวไปเลย ใคร ๆ ก็พูดว่าฝีมือถ่ายภาพของศาสตราจารย์เซเลน่าเป็นอันดับหนึ่งในหมู่มังกร ครอบครัวเราจองคุณสำเร็จถือว่าโชคดีมากแล้ว”
“ฝ่าบาททรงพูดเกินไป เชิญมาลองชุดกันก่อนเลยค่ะ”
ลีออนที่อุ้มมูนอยู่เดินตามอย่างใกล้ชิด ระหว่างเดินตามเซเลน่าไปยังห้องลองชุด ลีออนก็ยื่นหน้าไปกระซิบกับรอสไวส์ว่า “เป็นถึงราชินีมังกรแท้ๆ ขอให้เธอมาให้บริการถึงบ้านไม่ได้เหรอ?”
“ราชามังกรจะสั่งการได้เฉพาะมังกรที่อยู่ในแคลนเดียวกัน ซึ่งมังกรในนถรนภาไม่ได้สังกัดอยู่ในแคลนใดแคลนหนึ่ง”
“เป็นถึงราชินีซะเปล่าดูจะไม่ค่อยมีบารมีเท่าไหร่เลยนะ” ลีออนพูดแซวพร้อมรอยยิ้ม
รอสไวส์จ้องเขาด้วยสายตาคมกริบ “อย่างน้อยก็มีมากกว่านายละกัน”
ทั้งสี่คนเดินตามเซเลน่าเข้าไปในห้องลองชุด เซเลน่าหยิบสูทชุดหนึ่งออกมาและกำลังจะแนะนำให้ลีออน แต่แล้วเธอก็สังเกตเห็นบางอย่าง “ฝ่าบาท หางของพระสวามีท่าน…”
“โอ้ สามีของฉันไม่ชอบโชว์หางค่ะ รบกวนช่วยเลือกสูทที่ไม่มีรูสำหรับหางให้เขาหน่อยได้ไหม?”
“ได้เลยค่ะ ฝ่าบาท”
เซเลน่าเตรียมสูทแบบไม่มีรูสำหรับหางให้ลีออน และเขาก็สวมมันอย่างว่าง่าย
“ว้าว! พ่อใส่สูทแล้วดูหล่อมากเลยค่ะ!”
ลีออนที่สูงประมาณ 1.8 เมตร มีรูปร่างแบบสามเหลี่ยมกลับหัว ดูผอมเพรียวเมื่อใส่เสื้อผ้า แต่กลับมีกล้ามเนื้อชัดเจนเมื่อถอดออก นี่เป็นครั้งที่สองในชีวิตของเขาที่ใส่สูท ครั้งแรกคือในพิธีจบการศึกษาที่อคาเดมี่ ดราก้อนสเลเยอร์
ส่วนตัวลีออน คิดว่าตัวเองไม่ได้มีอะไรน่าดูต่างจากเดิม แต่ในวันนั้น มีรุ่นน้องสาวๆยืนต่อแถวชวนเขาไปทานข้าวหลังพิธีกันเพียบ
ในตอนนั้น ลีออนตอบอย่างจริงจังว่า “ผมต้องกลับไปช่วยอาจารย์ดูแลกีบลาของแกก่อน ไว้ครั้งหน้าก็แล้วกันนะครับ”
หลังได้ยินคำตอบนั้น อาจารย์ที่กำลังดูแลลาที่บ้าน นั่งสูบบุหรี่ตลอดทั้งคืนพลางสงสัยว่าลูกศิษย์คิดอะไรอยู่ในหัวถึงตอบแบบนั้น
ตัดภาพมาปัจจุบัน ลีออนมองตัวเองในกระจก เขาดูสุขุมและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่าเมื่อหลายปีก่อน มูนกระดิกหางเล็ก ๆ อย่างตื่นเต้น ขณะมองคุณพ่อผู้หล่อเหลา และเอ่ยชมไม่หยุด
ลีออนลูบหัวมูนเบา ๆ ก่อนจะหันไปหาลูกสาวคนโตที่ “พูดไม่ค่อยเก่ง”
โนอาดูลังเล เลี่ยงไม่สบตา เธอพึมพำเบา ๆ ว่า “อืม… ก็หล่อ…อยู่เหมือนกัน”
สูทเป็นเหมือนการทำศัลยกรรมชั้นยอดสำหรับผู้ชาย มันช่วยเสริมบุคลิกและเน้นรูปร่างให้โดดเด่นขึ้น ขนาดลูกสาวคนโตยังเอ่ยชมว่าหล่อ ก็น่าจะถือว่าตอนนี้เขาหล่อมากทีเดียว ลีออนจึงหันไปมองรอสไวส์ด้วยท่าทีภาคภูมิใจ
ราชินีจ้องมองลีออนอย่างละเอียด ก่อนจะพยักหน้าในที่สุดและให้คำประเมินว่า
“มันดูแปลกนิดๆเวลาที่ไม่มีหาง”
โอ้ แม่มังกรเอ๋ย! อย่าหวังเลยว่าในชีวิตผมจะสวมหาง!
หลังจากเลือกเสื้อผ้าให้ลีออนเสร็จ เซเลน่าก็เลือกชุดราตรีแบบเป็นทางการให้รอสไวส์ด้วย
ชุดดังกล่าวเป็นสไตล์เปิดไหล่ สีดำเป็นหลัก ตกแต่งด้วยลวดลายสีแดงเข้มบริเวณช่วงเอวและกระโปรง เพิ่มความลึกลับและสง่างามให้กับความเคร่งขรึมของชุด แต่เพราะเป็นชุดเปิดไหล่ คอเสื้อจึงค่อนข้างต่ำ เผยให้เห็นลวดลายเกล็ดมังกรเล็ก ๆ บริเวณต้นคอ
รอสไวส์ยกมือขึ้นปิดหน้าอกด้วยความเขินอาย “ศาสตราจารย์เซเลน่า ช่วยเลือกชุดที่ปิดคอมากกว่านี้สักหน่อยได้ไหมคะ?”
“ได้เลยค่ะ ฝ่าบาท” เซเลน่ายิ้มด้วยท่าทีที่เหมือนจะบอกว่า “เด็กสมัยนี้ไวไฟกันจริง ๆ”
ลีออนยักไหล่โดยไม่พูดอะไรเพิ่มเติม
ในที่สุด เซเลน่าก็เลือกชุดราตรีที่เหมาะสมอีกชุดให้รอสไวส์ ส่วนลูกสาวทั้งสองก็ไม่พลาดที่จะได้ชุดใหม่ การเลือกเสื้อผ้าให้พวกเธอเป็นเรื่องง่าย—เมื่อคนหนึ่งพอใจ อีกคนก็ดูมีความสุขตามไปด้วย
หลังจากเตรียมตัวนานกว่าครึ่งชั่วโมง ครอบครัวทั้งสี่ก็พร้อมสำหรับการถ่ายภาพในที่สุด เซ็ตแรกคือภาพถ่ายครอบครัว ลีออนอุ้มมูนไว้ ขณะที่รอสไวส์อุ้มโนอา ทั้งคู่ยืนเคียงข้างกัน
ในช่องมองภาพของกล้อง ท่าทางและตำแหน่งถือว่ามาตรฐานดี แต่ภาพรวมกลับไม่ได้ดูเหมือนภาพครอบครัวปกติเท่าไร
เซเลน่าวางกล้องลงและถามด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า “ฝ่าบาท ขอรบกวนให้ท่านกับพระสวามีโพสท่าให้ดูรักกันกว่านี้หน่อยได้ไหมคะ?”
คู่รักผู้โชคร้ายมองหน้ากันด้วยความกระอักกระอ่วน
รอสไวส์: “รักกัน…”
ลีออน: “ท่าโพส…”
เซเลน่ายิ้มพลางพูดว่า “ใช่ค่ะ ใช่เลย ต้องดูรักกันแบบสุด ๆ”
ทั้งสองมองหน้ากันอีกครั้ง แล้วก็เบนหน้าหนีไปพร้อมกัน
รอสไวส์กระแอมสองครั้งก่อนถามว่า “เซเลน่า มีท่าโพสอะไรที่จะแนะนำบ้างไหม?”
เซเลน่าคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบว่า
“โดยทั่วไป คู่สามีภรรยาควรโพสท่าที่ดูรักกัน แต่ไม่ถึงขั้นอุจาด ลองกอดกัน แตะจมูกกัน หรือสบตากันแบบลึกซึ้งและเต็มไปด้วยความรักสิคะ”
“พอเถอะ เซเลน่า เลิกแกล้งพวกเราได้แล้ว” รอสไวส์พูด
เมื่อเห็นทั้งคู่ดูเขินอายเล็กน้อย เซเลน่าก็แสดงสีหน้าฉงน
“พวกคุณมีลวดลายมังกรด้วยกันแล้ว จะกลัวอะไรกับการใกล้ชิดกันเพื่อถ่ายรูป? ฉันไม่เข้าใจวัยรุ่นสมัยนี้เลย” เซเลน่าพูดด้วยความไม่เข้าใจ
“เอาล่ะ ถ้าเลือกไม่ได้ งั้นลองให้พวกคุณสองคนทำท่าหัวใจด้วยหางกันดีไหม?”
“ทำท่าหัวใจด้วยหาง…”
“ใช่ค่ะ มันน่ารักแล้วก็ดูขี้เล่นมาก ๆ”
รอสไวส์หันไปมองลีออน แต่มันก็สายเกินไปที่จะหาหางมาติดให้หมอนี่ตอนนี้
แต่เมื่อคิดดูดี ๆ ท่าทำหัวใจก็ดูเป็นตัวเลือกเดียวที่พวกเขาน่าจะยอมรับได้
ฮึ่ม… จะทำยังไงดี?
“ใช้มือแทนได้ไหม เซเลน่า?”
ลีออนพูดขึ้น “ภรรยาผมใช้หาง ส่วนผมใช้มือ เราก็น่าจะทำท่าหัวใจได้ใช่ไหม?”
เซเลน่ายกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะชมว่า “เป็นความคิดที่ดีค่ะ นี่เป็นท่าที่เราไม่เคยลองมาก่อน เอาล่ะ คุณสองคนเตรียมตัวนะ เราจะถ่ายรูปแบบนี้กันเลย!”
MANGA DISCUSSION