“สายแล้ว~ สายแล้ว~”
ถึงจะบอกว่าสายแต่ก็เป็นวันหยุด ถึงจะบอกว่าวันหยุดแต่ก็เป็นวันที่ผมถูกเรียกให้เข้าร่วมการซ้อมที่นำโดยทาจิกิคุง ผทรีบใส่ชุดวอร์มของโรงเรียน ขณะที่เอามือกดผมที่ยุ่งเหยิงจากการนอนมองดูในกระจก เมื่อคืนผทคิดเรื่องนู่นนี่จนเผลอหลับไปตอนเช้ามืด และแน่นอนว่าผทตื่นสาย
“ว่าแต่ชุดวอร์มนี่…”
อาจจะต้องซื้อใหม่ก็ได้ เพราะผอมลง เอวเลยหลวม ต้องมัดเชือกให้แน่นเพื่อแก้ปัญหาชั่วคราว ไม่รู้ว่าคนที่ลดน้ำหนักสำเร็จเขาจัดการกับเสื้อผ้าเก่าๆ ที่เคยใส่ยังไงกันนะ
“โซตะ~ คาโอรุจังรอนานแล้วนะแม่ให้เข้ามาในบ้านนะ~”
ข้างล่างบันได คาโอรุมาถึงแล้ว และเธอกำลังรออยู่ ผทรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงไปชั้นหนึ่ง ก็พบว่าคาโอรุกำลังนั่งจิบชาอย่างสงบและสบายใจ
“มาแล้วเหรอ…ชานี้อร่อยนะ รอฉันแป๊บนะจนกว่าจะดื่มเสร็จ”
เพื่อนสมัยเด็กจิบชา พยุงถ้วยชาด้วยสองมืออย่างเรียบร้อย หลังเหยียดตรง เธอสวยงามราวกับดาบญี่ปุ่นที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างประณีต เหมาะสมที่จะเป็นนางเอกของ ดันเอ็กซ์ จิตใจหมูอ้วนที่อยู่ข้างในก็ดีใจสุดๆ
ผมเองก็ไปนั่งตรงข้ามโต๊ะเดียวกัน เพื่อพักหายใจและรินชาดื่ม อืม ชาใหม่ปีนี้เหรอ อร่อยจริงๆด้วย
“…”
“…”
เมื่อเราหันหน้าเข้าหากัน ก็ไม่มีบทสนทนาใดๆ แต่ถึงอย่างนั้น สายตาที่เคยเต็มไปด้วยความรังเกียจเมื่อตอนเข้าเรียนใหม่ๆ ก็ดูจะผ่อนคลายลงเล็กน้อย อาจเป็นเพราะตั้งแต่ผมเข้ามาอยู่ในร่างนี้ ผมก็ไม่ได้ลวนลาม หรือเข้าใกล้จนทำให้เธออารมณ์เสีย
แม้ว่าผมอาจจะยังไม่ได้รับการให้อภัยทั้งหมด แต่ถ้าทำให้เธอสบายใจขึ้นได้สักนิด ผมก็ดีใจมากเหลือเกิน สักวันหนึ่งผมอยากจะหัวเราะอย่างสุดใจกับคาโอรุ และพูดคุยเรื่องราวต่างๆ ระหว่างเดินทางไปโรงเรียน จิตใจที่พองโตแบบนี้ หมูอ้วนก็คงปรารถนาเช่นกัน
ขณะที่คิดเรื่องพวกนั้น เธอดื่มชาหมดแก้วแล้ว เราก็รีบออกจากบ้านแล้วไปที่สถานที่ฝึกซ้อม
คาโอรุเดินนำหน้าผมสองสามก้าวตามปกติ และผมก็เดินตามหลังไป—แต่แล้ว
“ว่าแต่ วันนี้ฉันมีเรื่องอยากถามน่ะ”
ไม่บ่อยนักที่คาโอรุจะถอยหลังมาคุยข้างๆผมเนื่องจากเธอเป็นผู้หญิงที่ตัวสูง เมื่อผมมองไปข้างๆ ใบหน้าที่สวยงามของเพื่อนสมัยเด็กก็อยู่ข้างๆ ผมเลย ทำให้ผมใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลยไม่ใช่เหรอ
“แฮ่มๆ มีอะไรจะถามหรอ?”
“วิธีพูดนั่นมันอะไรกัน…ฉันได้ยินมาว่าคลาวก่อนนายคุยกับรุ่นพี่คุสึโนกิ…จริงเหรอ”
คิราระจังเหรอ คงเป็นเรื่องที่พูดถึงกันในห้องตอนที่เธอเอาบัตรเชิญมาให้
“แค่คุยกันนิดหน่อยเอง”
“…คุยกัน? เธอเป็นคุณหนูชนชั้นสูงและเป็นหัวหน้ากลุ่มใหญ่ในโรงเรียนด้วย มีความสัมพันธ์อะไรกันล่ะ”
เป็นคนดังที่แม้แต่คาโอรุก็รู้จัก แถมสาวน่ารักสุดฮอตมาหาผมซึ่งเป็นคนที่อยู่ล่างสุดของพีระมิดโรงเรียนนี่มันไม่น่าเป็นไปได้เลย จะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นก็คงยาก
ผมไม่ควรบอกว่าถูกเชิญไปงานปาร์ตี้ของแคลน ควรบอกว่าผมมีเรื่องเล็กน้อยกับคนรู้จักของคิราระจังในดันเจี้ยน และเธอมาเพื่อรายงานเรื่องนั้น
“งั้นก็ไม่ใช่คนรู้จักกันจริงจังใช่ไหม”
“อืม ทำไมถึงสนใจขนาดนั้นล่ะ?”
คาโอรุครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอคงกำลังลังเลว่าจะบอกดีไหม
“…นายคงรู้ว่าตอนนี้ห้องของเรากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ถ้าสนิทกับรุ่นพี่คุสึโนกิล่ะก็ ฉันคิดว่าเธออาจจะช่วยอะไรเราได้บ้าง”
“นั่นคงเป็นไปไม่ได้หรอกนะ เพิ่งคุยกันแค่ครั้งเดียวเอง ตอนนี้เธอคงลืมฉันไปแล้วล่ะ”
ผมรู้ว่าสถานการณ์ของห้อง E ไม่ดีเอามากๆ แต่แค่นี้ยังเป็นแค่จุดเริ่มต้น ถ้าเรื่องดำเนินไปตามเนื้อเรื่องของเกม สถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายลงไปอีก อาจมีการยั่วยุ หรือการกลั่นแกล้งที่รุนแรง รวมถึงการใช้ความรุนแรง และเพื่อนร่วมชั้นหลายคนอาจจะท้อแท้จนต้องลาออกจากโรงเรียน ถ้าเป็นอย่างนั้น เพื่อนสมัยเด็กที่อยู่ตรงหน้าผมก็จะต้องหลั่งน้ำตาและต่อสู้ดิ้นรนไปวันๆ
กิจกรรมที่น่าหดหู่ใจแบบนั้นบอกตรงๆ ว่าผมไม่อยากเจอในชีวิตจริงและไม่อยากเห็นเลยด้วยซ้ำ ถ้าอย่างนั้นจะหยุดมันทั้งหมดเลยดีไหม…ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัว แต่กิจกรรมเหล่านั้นก็เป็นสิ่งที่ทำให้จิตใจและร่างกายของตัวละครหลักแข็งแกร่งขึ้นและเติบโต ผมจะฉวยโอกาสนั้นจากพวกเขาตามอำเภอใจได้จริงหรือ
ตัวละครหลักมีเหตุการณ์ที่พวกเขาสามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเองเท่านั้น และผมก็ไม่สามารถเฝ้าดูและปกป้องห้อง E และตัวละครหลักได้อย่างต่อเนื่อง ถ้ามองไปข้างหน้า พวกเขาก็ต้องแข็งแกร่งด้วยตัวเองในอนาคต ผมอยากให้พวกเขาได้รับความอัปยศในระดับหนึ่ง เพื่อให้มันเป็นแรงผลักดัน และเป็นโอกาสในการส่งเสริมการเติบโต
แน่นอนว่าถ้าซัตสึกิหรือคาโอรุตกอยู่ในอันตราย ผมจะเคลื่อนไหว และตั้งใจจะเข้าไปแทรกแซงล่วงหน้าในสิ่งที่อาจก่อให้เกิดความล้มเหลวหรือความเสียหายร้ายแรงเพื่อการนั้น ผมควรเข้าใกล้คาโอรุและจับตาดูความเคลื่อนไหวของอาคากิคุงและคนอื่นๆ
“…ถึงจะไม่รู้ว่าแทนกันได้หรือเปล่า ถ้าเป็นเรื่องที่ฉันช่วยได้ ฉันก็พร้อมช่วยนะ”
“งั้นก็คาดหวังกับการฝึกพิเศษวันนี้ได้เลย”
พูดจบคาโอรุก็เร่งฝีเท้าอีกครั้ง และกลับไปเดินในตำแหน่งปกติในการไปโรงเรียนตามเคย เอาเถอะ ตอนนี้คาโอรุไม่เชื่อใจผม ก็คงช่วยไม่ได้
ถ้าผมพยายามแสดงความรู้ในเกมเพื่อสร้างความไว้วางใจ คาโอรุก็คงไม่สนใจอย่างจริงจัง ตอนนี้ผมควรให้ความสำคัญกับการรักษาระยะห่างที่เหมาะสมและใช้เวลาค่อยๆ สร้างความไว้วางใจกลับคืนมา โดยฝันว่าสักวันหนึ่งเธอจะมองผมในฐานะเพื่อนร่วมทาง
และตอนนี้ผมก็ไม่มีเวลามาคิดเรื่องนั้นด้วย เพราะมีปัญหาที่น่ากังวลรออยู่ที่ปลายทางที่เรากำลังจะไป
จุดเริ่มต้นของเรื่องคือการพบกันลับๆ เมื่อคืน—
・・・・・・・・・・
กลางดึกในสวนสาธารณะที่มองไม่เห็นดาวเลยสักดวงเพราะแสงไฟตามถนน ลิซ่ายกนิ้วชี้ขึ้นจรดริมฝีปาก หัวเราะอย่างซุกซนภายใต้แสงอ่อนๆ ของโคมไฟสนาม แล้วเธอก็…
“อีกคนหนึ่งฉันรู้จักอยู่นะ~”
จู่ๆ เธอก็เปิดเผยเรื่องเหลือเชื่อออกมา เธอได้ติดต่อกับผู้เล่นคนอื่นที่ไม่ใช่ผมไปแล้ว
“คิดว่าเขาจะมาฝึกซ้อมพรุ่งนี้นะ? เขาคือสึกิชิมะคุงจากห้องเราเอง”
“สึกิชิมะ…คนที่ดูเจ้าชู้หน่อยๆ นั่นเหรอ”
ฉันนึกภาพสึกิชิมะ ทาคุมะ หรือที่รู้จักกันในนามชายเจ้าชู้ ที่มีผมยาวสีทองซึ่งไม่เหมาะกับโรงเรียนชนชั้นสูงเลย เขาสวมชุดนักเรียนไม่เรียบร้อย และเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง พูดจาเหนื่อยๆ ไม่รู้ว่าเขาไปรู้ได้ยังไงว่าลิซ่าเป็นอดีตผู้เล่น แล้วก็ชวนให้มาจับกลุ่มกัน
“เขาบอกว่าเขาจำนักเรียนห้อง E ทุกคนในเกมได้เลยนะ สุดยอดไปเลยใช่ไหม~”
ตามที่เขาบอก “คนที่ไม่เปิดเผยตัวตน” ในชั้นเรียนมีแค่เขาเองกับลิซ่าเท่านั้น คนที่ไม่เปิดเผยตัวตนหมายถึง “ตัวละครที่สร้างขึ้นเอง” หรือเปล่า
ใน ดันเอ็กซ์ ปกติแล้วจะสามารถเริ่มต้นได้ด้วย “ตัวละครหลัก” หมายถึงอาคากิคุง, พิงค์จังและ “ตัวละครที่สร้างขึ้นเอง” ที่เราปรับแต่งหน้าตาได้ตามใจชอบ
ถ้าเลือกตัวละครหลัก คุณสมบัติของตัวละครจะคงที่ แต่จะได้สัมผัสเรื่องราวหลัก ในขณะที่ถ้าเลือกตัวละครที่สร้างขึ้นเอง จะมีข้อดีคือสามารถสร้างรูปลักษณ์และคุณสมบัติของตัวละครตามความชอบได้ แต่เรื่องราวจะมีเพียงเนื้อเรื่องย่อยและบทสนทนาเฉพาะของตัวละครที่ถูกเลือกเท่านั้น
แต่โหมดผู้ทดสอบ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมมาอยู่ในโลกของเกมนี้ มีคุณสมบัติที่แตกต่างออกไป มีให้เลือกเพียงสองตัวเลือกเท่านั้นคือ “ตัวละครสุ่ม” และ “ตัวละครที่สร้างขึ้นเอง”
ถ้าเลือก “ตัวละครสุ่ม” ผม—หรือก็คือหมูอ้วน—ก็จะเข้าไปอยู่ในตัวละครที่มีอยู่แล้วใน ดันเอ็กซ์ ในขณะที่ถ้าเลือก “ตัวละครที่สร้างขึ้นเอง” ผมก็จะกลายเป็นอวตารของตัวเองในโลกเดิมเหมือนลิซ่า
นั่นหมายความว่า แม้ว่าสึกิชิมะคุงจะตามหาคนที่ไม่เปิดเผยตัวตนซึ่งไม่ปรากฏในเกมได้ แต่เขาก็ไม่น่าจะระบุตัวผู้เล่นที่เลือก “ตัวละครสุ่ม” อย่างผมได้ เว้นแต่จะเป็น “ตัวละครที่สร้างขึ้นเอง”
“เป็นไปได้ไหมว่าสึกิชิมะคุงไม่รู้ถึงคุณสมบัติของตัวละครสุ่ม?”
“น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ ฉันว่าให้เขาเข้าใจผิดอย่างนั้นแหละดีแล้วล่ะ~”
เธอพูดพร้อมหัวเราะอย่างเงียบๆ ว่าแบบนั้นจะสะดวกกว่า
สึกิชิมะคุงตอนแรกสงสัยว่ามีผู้เล่นสามคนคือ ตัวละครหลักอาคากิคุงกับพิงค์จัง และลิซ่าที่ไม่เปิดเผยตัวตน แต่ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าตัวละครหลักไม่ใช่ผู้เล่น และสรุปได้ว่ามีผู้เล่นในโลกนี้แค่ลิซ่าเท่านั้นนอกจากตัวเขาเอง
เขาบอกว่าตัวเขาคือ อดัม ส่วนลิซ่าคือ อีฟ เขาพูดแบบนั้นเพื่อชวนเธอ ผมก็อดคิดไม่ได้ว่ามันโอเคเหรอ
・・・・・・・・・・
และนั่นคือตอนที่ผมแยกกับลิซ่าเมื่อคืน แต่สึกิชิมะคุงที่ถูกพูดถึงในตอนท้ายก็มีกำหนดจะเข้าร่วมการฝึกซ้อมที่เรากำลังจะไปเช่นกัน
ผมไม่เคยคุยกับเขาเลยสักครั้ง ดังนั้นผมจึงไม่รู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหน เท่าที่จำได้ในห้องเรียน แม้ว่าเขาจะดูเจ้าชู้ไปหน่อย แต่ก็ไม่มีพฤติกรรมหรือคำพูดที่น่าจะถือว่าเป็นคนไม่ดีเลย ผมคิดว่าเขาเป็นแค่นักเรียนชายมัธยมปลายทั่วไปที่ร่าเริง
อย่างไรก็ตาม ในฐานะอดีตผู้เล่น เขามีความรู้ที่อาจส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อโลก และการกระทำของเขาในอนาคตอาจทำให้พวกเราต้องเข้าไปพัวพัน ดังนั้น เพื่อที่จะเข้าใกล้และประเมินว่าเขาคิดอะไรอยู่ การปล่อยให้เขาเข้าใจผิดไปแบบที่ลิซ่าบอกนั้นย่อมดีกว่าแน่นอน
(หวังว่าเขาจะเป็นคนดีนะ…)
ด้วยความกังวลเช่นนั้น ผมก็เดินตามหลังคาโอรุไปอย่างเชื่องช้า
MANGA DISCUSSION