— มุมมองของฮายาเสะ คาโอรุ —
“นาโอโตะคุง แบบนี้พอไหวไหม? อยากให้ช่วยสอนอีกนิดหน่อย”
“สมกับเป็นยูมะคุงเลยนะ! ถ้าเรื่องการใช้ดาบ นี่แทบจะทาบชั้นบนๆ ได้แล้วมั้ง”
นี่คือการซ้อมครั้งแรกสำหรับเพื่อนร่วมชั้นที่มีเลเวล 3 หรือต่ำกว่า บรรดาผู้หญิงที่เข้าร่วมต่างก็ทำเสียงออดอ้อนนาโอโตะกับยูมะ ไม่ห่างไปไหนเลย ตรงกันข้าม พวกเธอกลับมองฉันกับซากุระโกะด้วยสายตาเย็นชา
ตอนแรกฉันคิดว่าพวกเธออยากจะร่วมปาร์ตี้กับพวกเรา แต่ฉันก็เพิ่งจะตระหนักได้ว่าพวกเธอไม่ได้คิดแค่นั้น พวกเธอคิดว่าที่ฉันกับซากุระโกะเลเวล 6 ได้เป็นเพราะเราอยู่กับสองคนนั้นต่างหาก
จริงอยู่ที่นาโอโตะกับยูมะเป็นคนเก่ง มีพรสวรรค์และความสามารถ และการมีส่วนร่วมในการบุกดันเจี้ยนของพวกเขานั้นประเมินค่าไม่ได้ แต่การที่พวกเธอไม่ให้ความเคารพต่อความพยายามที่ฉันกับซากุระโกะทำมา มันก็ทำให้รู้สึกหงุดหงิดเหมือนกันนะ
แต่จะไปพูดอะไรแบบนั้นก็ไม่ได้ ฉันเลยปล่อยให้พวกเธอรับมือกับเรื่องนั้นไป ส่วนฉันจะไปดูแลผู้เข้าร่วมคนอื่นดีกว่า
คู่แรกที่สะดุดตาคือนิตตะซังกับสึกิชิมะซัง
ฝีดาบของนิตตะซังนั้น แม้จะเวลาสั้นๆแต่ฉันเคยเห็นมาแล้วในช่วงสอนวิชาดาบ ตอนนั้นฉันคิดว่าเป็นรูปแบบที่แปลก แต่ก็ไม่น่าจะแย่ ถึงอย่างนั้นที่เธอยังเลเวล 3 อยู่ แสดงว่าเธอคงไม่ได้ใช้เวลาในการบุกดันเจี้ยนมากนัก ถ้าจะให้คำแนะนำแบบเสียๆหายๆคงไม่ดีกว่าการช่วยปรับตารางเวลาหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่ล่าหรอกมั้ง
ส่วนสึกิชิมะซังที่ช่วงนี้เริ่มเข้ามาตีสนิทบ่อยขึ้น ก่อนหน้านี้ก็เคยชวนฉันไปเดทหลายครั้ง การที่เขาชอบฉันผู้ที่ถูกนินทาว่าเป็นคนเหมือนผู้ชายก็ไม่ใช่เรื่องแย่ แต่การที่เขามีแค่เลเวลที่สามารถเข้าร่วมการซ้อมได้นั้นเป็นเรื่องที่ไม่น่าพอใจเท่าไหร่ ฉันอยากให้เขาเพิ่มเลเวลและแสดงความแข็งแกร่งในฐานะนักผจญภัยให้ได้ก่อนแล้วค่อยชวนฉัน
ทั้งสองคนนั้นเอาแต่คุยกันมาพักหนึ่งแล้ว ยังไม่เริ่มซ้อมเลย ดูเหมือนจะกำลังคุยเรื่องสำคัญอย่างจริงจังมากกว่าจะสนุกสนาน สึกิชิมะซังถึงกับทำท่าทางประกอบคำพูดอย่างดุดัน พยายามอธิบายอะไรบางอย่างให้นิตตะซังฟัง ฉันได้ยินคำศัพท์ที่เกี่ยวกับดันเจี้ยน แสดงว่าพวกเขาไม่ได้แค่คุยเรื่องทั่วๆไป แต่ไหนๆก็เป็นการซ้อมแล้ว ถ้าใช้เวลานานเกินไปคงต้องเตือน
ฉันจดบันทึกเรื่องนั้นไว้ในใจ แล้วก็มองหาผู้เข้าร่วมคนต่อไป
หางตาฉันเห็นโซตะกับคุกะซังกำลังยืนหันหน้าเข้าหากันอย่างไม่เต็มใจ
คุกะซังยังคงทำหน้าตาดูง่วงนอนเหมือนเดิม ได้แต่ยืนนิ่งๆ ส่วนโซตะถึงแม้จะถือดาบอยู่ แต่ก็ดูไม่นิ่งเท่าไหร่ สองคนนี้เป็นบุคคลที่ต้องจับตามองซึ่งถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงหลายครั้งในหัวข้อ “แผนการเสริมความแข็งแกร่งของห้อง E” ของนาโอโตะ
คุกะซังนั้นอยู่ในอันดับท้ายๆ ของห้อง ด้วยเลเวล 2 เป็นที่ชัดเจนว่าการบุกดันเจี้ยนของเธอไม่ค่อยราบลื่น โดยปกติแล้วเธอมักจะอยู่คนเดียว อาจเป็นไปได้ว่าเธอไม่สามารถจัดปาร์ตี้ได้
ส่วนโซตะ ถึงแม้จะเลเวล 3 แต่ก็มีข้อสงสัยว่าเขาถูกเพิ่มเลเวลให้โดยการพาวเวอร์เลเวลลิ่ง และมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาด้านเทคนิค เมื่อดูโซตะก่อนเข้าเรียนแล้ว การคิดแบบนั้นก็คงไม่แปลก วันนี้ฉันอยากจะประเมินระดับฝีดาบของทั้งสองคนอย่างละเอียดและให้คำแนะนำที่เหมาะสม
ฉันมองอยู่พักหนึ่ง แต่พวกเขาก็เอาแต่หันหน้าเข้าหากัน ไม่เริ่มซ้อมเลยสักนิด ไม่มีวี่แววของความกระตือรือร้นเลย ฉันอดทนไม่ไหวจึงเอ่ยปากเรียก
“ไหนๆ ก็เป็นการซ้อมแล้ว อยากให้สู้กันอย่างเต็มที่หน่อยนะ”
“…”
“…”
โซตะกับคุกะซังต่างเงียบกริบ ฉันกำลังจะพูดอะไรอีกครั้งหนึ่งแต่-
“ทำไมฉันต้องเข้าร่วมด้วย”
คุกะซังเริ่มบ่นออกมา ก็เพราะเธอเลเวล 2 น่ะสิ อีกไม่นานก็จะมีการแข่งขันระหว่างห้องแล้ว พวกเราอยากช่วยให้เธอเพิ่มเลเวลได้ดีขึ้น เมื่อฉันพูดอย่างนั้น เธอก็พูดเรื่องที่เหลือเชื่อออกมา
“ถ้าอย่างนั้น ครั้งหน้าฉันจะเพิ่มเลเวลให้เท่าเธอ วันนี้ฉันจะกลับแล้ว”
“จะกลับก็ได้ แต่ต้องทำให้ฉันพอใจก่อน”
พวกเราจำเป็นต้องไม่มีคนที่ตามไม่ทันเพื่อน เพื่อที่จะต่อสู้กับห้องระดับสูงได้ และฉันก็พยายามอธิบายว่าการซ้อมครั้งนี้ก็เพื่อคุกะซังด้วย แต่เธอกลับโต้แย้งกลับมาด้วยเหตุผลที่บ้าบอว่าเธอจะเพิ่มเลเวลให้ถึงเลเวล 6 แล้วก็อย่ามายุ่งกับเธออีกเลย มันยากแค่ไหนกว่าจะเพิ่มมาถึงระดับนี้ได้…
แต่ฉันก็ไม่ยอมจบแค่นั้น ฉันโต้กลับทันทีว่าถ้ามันเพิ่มได้ง่ายขนาดนั้น ทำไมถึงยังเลเวล 2 อยู่ล่ะ
“ถ้างั้น จะอัดไอ้หมอนี่ที่อยู่ตรงหน้าแล้วกลับ”
“ฮี๊!”
คุกะซังที่หงุดหงิดมากขึ้นไปอีก ส่วนโซตะก็ตัวสั่นเล็กน้อย
อาวุธเป็นดาบยาง และพวกเขาก็สวมอุปกรณ์ป้องกันอยู่ด้วยซ้ำ ฉันอยากให้พวกเขาใส่เต็มที่เลยด้วยซ้ำ ขณะที่ฉันคิดอยู่นั้น คุกะซังก็ลดศูนย์ถ่วงลงเล็กน้อย หมุนดาบฝึกซ้อมในมือแล้วจับแบบกลับด้าน จากนั้นก็เริ่มขยับตัวเหมือนนักมวย
(อะไรกันเนี่ย ดูเหมือนไม่ใช่ศิลปะการใช้ดาบเลยสักนิด ออกแนวศิลปะการต่อสู้มากกว่า…)
ถ้าเป็นดาบสั้นหรือมีดก็ว่าไปอย่าง แต่ดาบฝึกซ้อมนั้นมีความยาวเกือบ 1 เมตร ถ้าจับแบบกลับด้านแบบนั้น แรงในการโจมตีจะลดลงอย่างมาก
ระยะห่างระหว่างเธอกับโซตะประมาณ 4 เมตร ฉันมองดูว่าเธอจะทำยังไง เธอย่นระยะห่างด้วยการก้าวเพียงก้าวเดียว แล้วก็ใช้มือที่ถือดาบเหวี่ยงหมัดเข้าที่ขมับของโซตะ เหมือนกับการฮุกในการชกมวย
(เร็ว! ไม่ได้ฟัน แต่กลับชก!)
เธอเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วที่ไม่คาดคิด แถมยังฮุกได้อย่างรวดเร็วจากนอกสายตา โซตะไม่มีทางตอบสนองได้เลย เขายืนอึ้งมองไปข้างหน้า นิ่งไม่ไหวติง ฉันคิดว่าเธอจะชกเข้าที่ขมับเต็มๆ — แต่คุกะซังกลับหยุดหมัดไว้ก่อน
“อ่า… สมกับเป็นคุกะซังจริงๆเลยนะ ผมตอบสนองไม่ได้เลย”
“…”
โซตะเหงื่อแตกพลั่กด้วยความตกใจ ก็ต้องเป็นอย่างนั้นแหละ การโจมตีเมื่อครู่แม้แต่ฉันที่เลเวล 6 ก็อาจจะหลบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ มันเป็นการโจมตีที่รวดเร็วและเฉียบคมมาก เธอใช้แรงเหวี่ยงจากวงกว้างและถ่ายน้ำหนักลงไปด้วย จึงน่าจะมีพลังแฝงอยู่มาก
ถึงแม้โซตะจะใส่เฮดเกียร์อยู่ แต่ถ้าโดนฮุกแรงขนาดนั้น ก็น่าจะได้รับความเสียหายไม่น้อยเลยทีเดียว
สมมติว่าเขาหลบไปข้างหลัง เธอก็ยังสามารถฟันด้วยดาบที่จับแบบกลับด้านได้ ถ้าเขาจะหลบโดยการย่อตัว คุกะซังก็เตรียมท่าต่อไปโดยการดึงมือซ้ายกลับเพื่อเล็งหมัดฮุกเข้าที่ลำตัว เขาถูกต้อนจนมุมตั้งแต่เธอเข้ามาในระยะประชิดแล้ว
ชุดการเคลื่อนไหวที่ไม่สามารถเลียนแบบได้โดยคนทั่วไปที่ไม่มีประสบการณ์การต่อสู้ ถึงแม้จะหยุดหมัดไว้ก่อน แต่การชกเพียงครั้งเดียวก็แสดงให้เห็นถึงทักษะการต่อสู้ที่สูงส่งแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น–
“นี่ เมื่อกี้… เห็นใช่ไหม?”
“…เปล่าครับ ไม่เห็นเลย! ผมมันกากเกินไปที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของคุณ ผมว่าเปลี่ยนคู่ดีกว่านะ คุณคาโอรุ”
คุกะซังกลับคิดว่าโซตะมองการฮุกความเร็วสูงเมื่อครู่ทะลุปรุโปร่ง และพยายามก้มลงมองหน้าโซตะที่กำลังสับสน ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย แล้วก็คำว่า “คุณ” คาโอรุเนี่ย อย่างน้อยก็ควรเรียก “จัง” นะ
“งั้นเหรอ งั้นมาเริ่มกันใหม่”
“เดี๋ยวก่อนสิครับ ขอเบาๆหน่อยได้ไหมครับ อา… ผมปวดท้อง ขอไปพักตรงนั้นก่อนได้ไหมครับ”
โซตะพยายามแกล้งปวดท้องพลางชี้ไปข้างหลัง คุกะซังก็กระซิบเบาๆ ว่า “คราวนี้จะไม่หยุดหมัดนะ” ความไม่กระตือรือร้นเมื่อครู่หายไปราวกับโกหก เธอกลับมาอยู่ในท่าทางเหมือนนักมวยและเริ่มขยับตัวตามจังหวะ
ฉันคิดว่าถึงแม้จะขาดทักษะ แต่โซตะเลเวลสูงกว่า 1 เลเวลก็น่าจะโอเค แต่หลังจากที่เห็นการโจมตีเมื่อครู่แล้ว การเป็นคู่ต่อสู้ของเธอนั้นอาจจะหนักเกินไป ฉันควรจะเปลี่ยนคู่ให้เขาดีไหมนะ ขณะที่ฉันกวาดสายตามองผู้เข้าร่วมคนอื่นๆ — ฉันเห็นชุดเกราะสีเงินวาววับกำลังเดินมาพร้อมกับชายชุดดำหลายคนจากฝั่งอาคารเรียน
(คนนั้น… ได้ยินข่าวลือแปลกๆบ่อยๆ แต่เธอก็ใส่ชุดเกราะเต็มตัวเสมอเลยนะ)
เธอคือ เท็นมะ อากิระ รองหัวหน้าห้องเรียน A ปี 1 ของโรงเรียนนักผจญภัยแห่งนี้ และเป็นผู้ที่ถูกกล่าวขานว่ามีขีดความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดเหนือกว่าหัวหน้าชั้นเรียนด้วยซ้ำ ไม่ว่าเมื่อไหร่เธอก็สวมชุดเกราะ และไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าแท้จริงของเธอเลย
ชายชุดดำที่เดินตามหลังมานั้น สวมชุดสูทสีดำ และมีสัญลักษณ์รูปวงกลมมีอักษร “เท็น(天)” อยู่บนหน้าอก ทุกคนเป็นพ่อบ้านส่วนตัวของคุณเท็นมะ และคอยติดตามดูแลเธออยู่เสมอแม้กระทั่งในโรงเรียน พวกเขาไม่ได้เป็นแค่พ่อบ้านธรรมดา แต่เป็นพ่อบ้านสายต่อสู้ที่ติดตามเข้าไปในดันเจี้ยนและคอยสนับสนุนการต่อสู้ด้วย มีข่าวลือว่าแต่ละคนมีพลังต่อสู้เท่ากับแคลนระดับสูงเลยทีเดียว
คณะผู้ติดตามที่แปลกประหลาดนี้กำลังเดินตรงมาทางเราอย่างรวดเร็ว แม้ชุดเกราะเต็มตัวจะดูหนัก แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงโลหะเลยแม้แต่น้อย อาจเป็นเพราะมีเวทมนตร์บางอย่างทำงานอยู่
ฉันกลั้นหายใจรอให้พวกเขาเดินผ่านไป แต่เท็นมะซังกลับหยุดกะทันหันตรงหน้าฉัน แล้วจ้องมองหน้าโซตะอย่างละเอียด
“นี่ เธอตรงนั้น ผอมลงจนน่าตกใจเลยนะ เกิดอะไรขึ้นหรอ?”
ฉันคิดว่าเสียงจะอู้อี้เพราะสวมหมวกปิดหน้าทั้งหมด แต่กลับเป็นเสียงที่ฟังง่ายเหมือนเสียงโทรศัพท์ ดูเหมือนเธอจะใช้เครื่องมือเวทมนตร์ช่วยในการเปล่งเสียง
“ฮะ? ผมเหรอครับ?”
“ใช่ นารุมิ โซตะ นายไงล่ะ”
เท็นมะซังมองโซตะและเรียกชื่อเต็ม แล้วพูดว่า “ผอมลง” ทำไมเธอถึงรู้จักโซตะได้นะ โซตะเองก็คงคิดเช่นเดียวกัน เขามองหน้าอย่างงงๆ แล้วถามกลับไป
“เอ่อ… ทำไมถึงรู้จักชื่อผมล่ะครับ?”
“ก็มีแต่นายคนเดียวนั่นแหละที่อ้วนขนาดนั้นในโรงเรียนนี้ ฉันเองก็อ้วนเหมือนกัน เลยรู้สึกเห็นอกเห็นใจ แล้วนายลดน้ำหนักได้ยังไงในเวลาอันสั้นแบบนี้?”
โซตะเริ่มพูดตะกุกตะกัก ตระกูลเท็นมะถึงแม้จะเป็นตระกูลพ่อค้า แต่ก็ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์บารอนจากรัฐบาลญี่ปุ่น เพราะผลงานที่โดดเด่นในด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับดันเจี้ยน เป็นตระกูลขุนนางที่ทรงเกียรติ การถูกคนแบบนั้นทักทาย การตื่นเต้นก็เป็นเรื่องปกติ
ถึงอย่างนั้นฉันก็อยากรู้เหมือนกัน เขาเคยเป็นคนที่ไม่สนใจเรื่องลดน้ำหนักเลย… แถมยังกินและดื่มอย่างไม่หยุดหย่อน ใช้ชีวิตที่ขี้เกียจและไม่แข็งแรง แต่ตอนนี้เขากลับพ้นจากภาวะอ้วนมากแล้ว แถมยังดูเหมือนจะมีกล้ามเนื้อขึ้นมาด้วย วันนี้ก็ไม่บ่นอะไรเลยและเข้าร่วมการซ้อม หรือว่ามีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้เขาเปลี่ยนใจได้?
“ที่นี่คุยไม่สะดวกเหรอ? ถ้างั้นไปคุยกันที่นั่นดีกว่า”
เท็นมะซังชี้ไปที่รถสีดำคันใหญ่ ลีมูซีนยาวผิดปกติที่ฉันเห็นบ่อยๆ แถวหน้าประตูโรงเรียน ดูเหมือนจะเป็นรถของตระกูลเท็นมะ
แต่ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการซ้อม การพาโซตะไปไม่เป็นผลดีเลย ฉันควรทำอย่างไรดี… ควรจะเข้าไปพูดอธิบายดีไหมนะ?
“…เดี๋ยวก่อนนะ ฉันนัดหมอนี่ไว้ก่อนแล้ว คุณกำลังเกะกะ”
“อืมม์? เธอเป็นใคร?”
คุกะซังก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วใช้ดาบฝึกซ้อมปัดป้องเท็นมะซังอย่างไม่เกรงใจ การกระทำที่หยาบคายนั้นทำให้สีหน้าของชายชุดดำที่อยู่ข้างหลังเคร่งขรึมขึ้น และบรรยากาศก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที ส่วนเท็นมะซังก็เริ่มใช้อุปกรณ์ที่แขนชี้ไปที่คุกะซังแล้วกดหน้าจอ
“จากฐานข้อมูล… เธอคือ คุกะ โคโตเนะ ชั้นเรียน E ปี 1 เลเวล 2… แค่ 2 เองเหรอ? แล้วมาหาเรื่องฉันเนี่ยนะ?”
“แล้วไง”
เมื่อรู้ว่าคุกะซังเลเวล 2 ซังเท็นมะก็ทำท่าทางตกใจอย่างเกินจริง แม้จะสวมหมวกเลยทำให้ไม่รู้ว่าเธอตกใจจริงหรือไม่ แต่นี่คงเป็นวิธีการสื่อสารในแบบของเท็นมะซัง
ในทางกลับกัน เลเวลของเท็นมะซังไม่ปรากฏในฐานข้อมูล จึงไม่ทราบว่าเท่าไหร่ แต่การที่เป็นรองหัวหน้าชั้นเรียน A นั้นหมายความว่าเธอต้องมีเลเวลสูงมากอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงแม้คุกะซังจะมีประสบการณ์การต่อสู้บ้าง แต่ก็ไม่มีความหมายเมื่อเผชิญหน้ากับระดับเลเวลที่แตกต่างกันมาก
ไม่เพียงเท่านั้น อีกฝ่ายยังเป็นขุนนาง หากพูดจาไม่ดี อาจไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเธอจะตอบโต้อย่างไร
โรงเรียนนักผจญภัยแห่งนี้เป็นโรงเรียนที่เปิดรับนักเรียนไม่ว่าจะมาจากตระกูลขุนนางหรือสามัญชน จึงมีกฎระเบียบที่มุ่งขจัดความแตกต่างทางชนชั้นและการปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมกัน แต่ทุกคนก็รู้ดีว่านั่นเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น เห็นได้ชัดจากท่าทางของชายชุดดำที่อยู่ข้างหลัง เมื่อคุกะซังพูดจาไม่สุภาพกับเท็นมะซัง พวกเขาก็แสดงความไม่พอใจด้วยการหักข้อนิ้วมือ
คุกะซังก็ดูจะตื่นเต้น ส่วนโซตะก็ดูว้าวุ่นใจและไม่น่าพึ่งพาได้ ดูเหมือนว่าฉันจะต้องรวบรวมความกล้าและปกป้องพวกเขาเอง
“ขะ… ขอโทษค่ะ ตอนนี้พวกเรากำลังมีการซ้อมของห้อง E อยู่ และคุกะซังก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรเลยค่ะ ได้โปรดอย่างใจเย็นๆ…”
“ถอยไป”
“ว้าย!”
หนึ่งในผู้ติดตามของเท็นมะซีงผลักไหล่ฉันจนกระเด็นออกมา ที่นี่คือสนามฝึกเวทมนตร์ การเสริมความแข็งแกร่งทางร่างกายในระดับสูงทำให้ฉันที่เลเวล 6 ถูกผลักด้วยฝ่ามือเดียวก็กระเด็นได้ง่ายๆ
ยูมะกับนาโอโตะที่สังเกตเห็นบรรยากาศตึงเครียดก็เดินเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คุกะซังยังคงไม่ขยับคิ้วเลยแม้แต่น้อย จ้องมองเท็นมะซังที่สวมชุดเกราะเต็มตัวอย่างไม่ลดละ
“คุณหนู จะเอายังไงดีขอรับ?”
“อืมม์… วันนี้ฉันจะให้อภัยในความกล้าหาญของเธอละกัน ปกติฉันจะบดขยี้ให้แหลกเลยนะ! งั้นไว้เจอกันใหม่นะ คุณนารุมิ”
พูดจบเท็นมะซังก็จากไปอย่างรวดเร็ว ชายชุดดำที่แสดงความไม่พอใจก็ดูเหมือนจะหมดความสนใจในพวกเรา และรีบแยกย้ายจากไปทันที ส่วนฉันก็แทบทรุดตัวลงด้วยความหมดแรงจากวิกฤติที่ผ่านพ้นไป
“เฮ้ยๆ คุกะเอ๋ย ถ้ามีเรื่องตรงนี้ พวกเราก็ซวยไปด้วยนะ”
“ฮึๆๆ แต่ก็อยากเห็นเหมือนกันว่าจะเป็นยังไง”
สึกิชิมะซังกับนิตตะซังที่เห็นเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทเมื่อครู่หัวเราะและแสดงความกังวลออกมา ไม่มีเรื่องทะเลาะกันหรอกนะ เพราะระดับเลเวลมันต่างกันเกินไปจนไม่สามารถต่อสู้กันได้เลย พวกเขานี่สบายใจจริงๆ
“หึ! มีตัวขัดขวางเข้ามาแทรกซ้อนซะได้ งั้น… อ้าว?”
คุกะซังมองไปรอบๆ เพื่อจะซ้อมต่อ แต่กลับไม่เห็นโซตะ
เขาหนีไปแล้วสินะ
MANGA DISCUSSION