บรรยากาศบนเรือตอนนี้ไม่ค่อยสู้ดีนัก ทั่วทั้งเรือปกคลุมไปด้วยความกังวลและความไม่สบายใจ
สาวๆ ต่างตั้งคำถามเกี่ยวกับสถานการณ์ในครั้งนี้ไปต่างๆ นาๆ
ไม่ว่าจะเป็น ‘ไม่มีวิธีไหนที่ดีกว่านี้แล้วเหรอ?’ หรือ ‘ลูก้ายังปลอดภัยดีหรือไม่?’
พวกเธอพูดคุยเรื่องนี้กันซ้ำไปซ้ำมาอยู่ตลอดนับตั้งแต่ที่พวกเราเริ่มออกเดินทาง
ผมเองก็กำลังคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน และก็เริ่มสงสัยว่าการอพยพคนออกมาในสถานการณ์แบบนี้มันจะเป็นไปได้จริงๆ เหรอ?
สมมุติว่าพวกเราสามารถอพยพคนออกมาได้ แล้วต่อจากนั้นจะทำยังไง? จะให้พวกเขาเหล่านั้นไปอยู่ที่ไหน
พวกเรายังไม่มีแผนการหลังจากนั้นเลยในตอนนี้…
ผมเองก็ได้ลองปรึกษาเรื่องนี้กับสมาชิกจิราโซเล่ดูแล้ว
แต่สุดท้ายพวกเราก็ลงความเห็นกันว่า ถ้ายังไม่รู้สถานการณ์ในปัจจุบันของลูก้า พวกเราก็ยังไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้
จริงๆ ผมก็อยากหาทางทำอะไรสักอย่างกับบรรยากาศตึงเครียดภายในเรือตอนนี้ให้ผ่อนคลายลงอยู่เหมือนกัน
แต่พอได้ยินว่าท่าเรือของลูก้าในตอนนี้น่าจะถูกปิดล้อมไปแล้ว ผมก็พูดอะไรไม่ออก
ผมจึงได้แต่มานั่งหาเรือลำใหม่ที่อาจมีประโยชน์ในสถานการณ์แบบนี้
อย่างน้อยๆ ถ้ามันพอมีประโยชน์อยู่บ้างไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหน
ก็น่าจะช่วยให้พวกเธอผ่อนคลายความเครียดกันลงได้บ้าง…
และในที่สุดผมก็เจอ…มันเป็นเรือสปีดโบ๊ท รุ่น Cigarette 46
ราคา 81 เหรียญทอง หรือประมาณ 81 ล้านเยน
Cigarette 46 เป็นเรือสปีดโบ๊ทที่สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 210 กม./ชม. บนผิวน้ำ
และยังมีรุ่นที่เอาไว้สำหรับแข่งขันที่ทำความเร็วได้สูงถึง 300 กม./ชม. อยู่ด้วย
…แต่พอเห็นตัวเลขแล้ว ผมว่าผมหยุดที่ 210 กม./ชม. น่าจะดีกว่า
เพราะ 300 กม./ชม. นี่มันออกจะบ้าเกินไปหน่อย
ผมเลยตัดสินใจซื้อรุ่น 210 กม./ชม. มาทั้งหมด 3 ลำ
ถ้าท่าเรือของลูก้าถูกปิดล้อมด้วยเรือรบอยู่ล่ะก็ พวกเราก็แค่แล่นเรือเข้าไปด้วยความเร็วที่เหนือกว่าซะก็สิ้นเรื่อง
เพราะไม่มีเรือรบหรือเรือเวทมนตร์ลำไหนต่ามความเร็ว 210 กม./ชม. ของพวกเราได้อยู่แล้ว
เราสามารถแซงเรือทุกลำได้อย่างสบายๆ อย่างน้อยๆ ถ้าไม่สามารถฝ่าเข้าไปตรงๆ ได้
เราก็ยังสามารถใช้ความเร็วของมันหลอกล่อกองเรือรบของจักรวรรดิได้
ผมจะแปลงโฉมมันให้เป็นไม้เรือเพราะขนาดของมันใกล้เคียงกับเรือเวทมนตร์ปกติ
จะผิดกันก็แต่ความเร็วของมันถึงจะดูเด่นไปหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าขับ ฟอร์เทรส พุ่งเข้าไปตรงๆ อย่างแน่นอน
“ทุกคนครับ ผมพึ่งซื้อเรือลำใหม่มา ว่าจะออกไปลองมันสักหน่อย พวกคุณจะออกไปลองด้วยกันไหมครับ?”
“นายท่าน ซื้อเรือลำใหม่มาเหรอคะ?”
“ใช่ มันเป็นเรือที่สุดยอดมากเลยล่ะ พอได้ยินว่าท่าเรือของลูก้าถูกปิดล้อม
ผมก็คิดว่าเรือลำนี้ล่ะที่จะช่วยพวกเราได้ ก็เลยซื้อมันมา”
“จริงเหรอคะ? วาตารุซัง!!”
“อ๊ะ! เดี่ยวๆ ใจเย็นๆ ก่อนครับ อลิเซียซัง”
“เอ๊ะ? ข-ขอโทษค่ะ วาตารุซัง”
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะไปอัญเชิญมันออกมาให้ดูเดี๋ยวนี้ล่ะ”
“สุดยอด! มันเท่มากๆ เลยค่ะ นายท่าน”
“ฉันเองก็คิดเหมือนกับ ไอเนส ค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
ตัวเรือเป็นสีขาวสลับกับลวดลายสีเงิน ห้องคนขับเองก็มาพร้อมกับเบาะรองนั่งสีขาวสลับกับดำที่ให้ความรู้สึกที่ดูสปอร์ต
มันเท่อย่างกับพวกรถแข่งเลย แต่…แบบนี้มันจะไม่ดูเด่นเกินไปหน่อยเหนอ? ผมว่าผมแปรงโฉมมันให้เป็นเรือไม้น่าจะดีกว่า
จากนั้นผมก็สอนวิธีบังคับ Cigarette 46 ให้กับ 4 คนที่ชอบในการขับเรือ
และอีก 4 คนที่เหลือบอกว่าจะฝึกเรื่องการโจมตีในขณะที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง
“ระวังกันหน่อยนะครับ เรือลำนี้มันเร็วกว่าเรือทุกลำที่เคยผ่านมา เพราะงั้นระวังกันด้วย”
พวกเราแบ่งกันออกเป็นสองกลุ่มจากนั้นก็เริ่มฝึกซ้อมกัน ทุกคนดูจะตกใจกับความเร็วของ Cigarette 46 มาก
แต่ไม่นานพวกเธอก็ชินกลับกันคนที่กลัวกลับกลายเป็นตัวผมไปซะนี่ เห้อ…ผมกลัวจริงๆ นะ
ตอนนี้ดูเหมือนทุกคนพร้อมที่จะจมเรือรบของจักรวรรดิแล้ว…
เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ…ถ้าพวกเธอใช้เรือของผมในการเข้าโจมตีล่ะ
แบบนั้นไม่เท่ากับผมกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดเหรอ?
แต่ก็เอาเถอะ มาถึงขนาดนี้คงทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ…
พอทุกอย่างดูเข้าที่ ผมก็ซื้อ Cigarette 46 มาเพิ่มอีก 2 ลำแล้วออกตั๋วใหม่ให้กับทุกคน
ว่าแต่ผมซื้อเรือใหม่ไปตั้ง 3 ลำ ทำไมสกิลอัญเชิญถึงไม่เลเวลอัพกันล่ะเนี่ย?
หมดนี่มันตั้ง 2 เหรียญทองคำขาว กับอีก 43 เหรียญทอง เลยนะ
เห้อ…ไว้ผมค่อยไปหักค่าเรือพวกนี้จากเงินรางวัลจากจิราโซเล่เอาแล้วกัน
ว่าแต่ชื่อ Cigarette 46 มันออกจะ…
จริงๆ ผมก็อยากตั้งชื่อมันว่า Raider อยู่หรอกแต่มันฟังดูอันตรายไปหน่อย ไม่เอาดีกว่า…
อืม…ชื่ออะไรดีนะ… เอาเป็น “กาเล็ตต์” แล้วกัน ฟังดูเท่ดีด้วย ดีล่ะต่อจากนี้ผมจะเรียก Cigarette 46 ว่า ‘กาเล็ตต์’
นับตั้งแต่วันที่ผมซื้อ กาเล็ตต์ มาก็ผ่านไปหลายวันแล้ว
โดยเวลาส่วนใหญ่จะใช้ไปกับการเดินทางและฝึกซ้อม
พวกเรามักจะใช้ กาเล็ตต์ กันเป็นหลักในเวลากลางวันและจะเปลี่ยนมาใช้ ลูโตะ กันในเวลากลางคือเพื่อพักผ่อน
บรรยากาศบนเรือดูผ่อนคลายลงบ้างเล็กน้อย เพราะทุกคนในจิราโซเล่กำลังยุ่งอยู่กับการฝึก
และในที่สุดพวกเราก็มาถึง ลูก้า พวกเราใช้เวลาทั้งหมดเพียง 8 วันเท่านั้น จากปกติต้องใช้ 22 วัน
ผมอัญเชิญ ลูโตะ ออกมาเพื่อจัดการประชุมวางแผน
พวกเรามาร่วมตัวกันที่ห้องนั่งเล่นและเริ่มวางแผนกัน
“ถึงผมจะไม่มั่นใจเพราะมันไกล แต่จากที่เห็นตอนนี้มีเรือจำนวนมากกำลังปิดล้อมอ่าวอยู่ใช่ไหมครับ?”
“ค่ะ นั่นหมายความว่าลูก้ายังไม่ถูกตีแตกค่ะ”
สีหน้าของสมาชิกจิราโซเล่ทุกคนดูดีขึ้นเล็กน้อย
อย่างน้อยตอนนี้พวกเธอก็ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าจะไปถึงไม่ทันอีกต่อไป
“พวกเรามาทันเวลาสินะครับ ว่าแต่จะเอายังไงกันต่อดีครับ? ให้ผมเป็นคนรับหน้าที่วางแผนให้ดีไหมครับ?”
“ดีค่ะ เพราะวาตารุซังน่าจะใจเย็นได้มากกว่าพวกเราทุกคนที่อยู่ตรงนี้
เพราะไม่ได้เกี่ยวข้อกับลูก้า โดยตรง ฉันคิดว่าแบบนั้นจะช่วยเราได้มากเลยค่ะ”
ผมดีใจที่ได้ยินแบบนั้นนะ เพราะถ้าปล่อยให้จิราโซเล่วางแผนกันเองล่ะก็
พวกเธอมีหวังได้คิดแผนบ้าๆ หรือคิดแผนที่มันอันตรายมากๆ ขึ้นมาแน่
อย่างการพุ่งเข้าไปโจมตีตรงๆ หรือแผนที่มันออกแนวภารกิจฆ่าตัวตายอะไรงี้…
ถึงแม้พวกเธอจะไม่สามารถบังคับให้ผมทำอะไรที่ผมไม่อยากทำได้ ตามที่สัญญาไว้ก็จริง
แต่การที่จะต้องเป็นฝ่ายปฏิเสธแผนการของพวกเธอมันก็ออกจะหนักใจเกินไปหน่อยสำหรับผม
“ขอบคุณครับ อลิเซียซัง งั้น…มาเริ่มวางแผนกันเถอะ ก่อนอื่มผมว่าพวกเราต้องไปสำรวจลาดเลาบริเวณรอบๆ ดูก่อนครับ”
“สำรวจเหรอคะ?”
“ใช่ครับ เพราะเราต้องรู้สถานการณ์ในปัจจุบันของ ลูก้า ก่อนที่จะลงมือทำอะไร”
“แต่ถ้าจะให้ออกไปสำรวจตอนกลางวันมันก็ออกจะเสี่ยงไปนิด… ถ้าเป็นไปได้ผมว่าไปตอนกลางคืนน่าจะดีกว่า”
“มารีน่ากับอัลม่าถนัดในการสำรวจในเวลากลางคืนค่ะ”
“โอ้ อย่างงั้นก็ดีเลยครับ”
“งั้นเราแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกจะเป็นกลุ่มที่ออกไปสำรวจ ส่วนกลุ่มที่สองจะรออยู่ที่นี่
กลุ่มที่ไปสำรวจจะใช้เรือยาง 2 ลำ เพื่อลอบเข้าไปนะครับ ส่วนกลุ่มที่เหลือจะจะรออยู่บน กาเล็ตต์
ถ้าเกิดว่า มารีน่าซัง หรือ อัลม่าซัง ถูกพบตัวเข้าล่ะก็ให้พวกเราที่เหลือรีบเข้าไปช่วยเลยนะครับ”
“แล้วถ้าพวกเราไม่ถูกพบล่ะคะ?”
“ถึงไม่ถูกพบก็ต้องไปรับครับ เพราะเราจะทิ้งใครไว้ไม่ได้”
“นั่นสินะ…”
“ส่วนเรือยางก็ทิ้งไว้ได้เลยครับ เพราะผมสามารถเรียกมันกลับมาได้”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
“ไอเนสกับผมจะอยู่รออยู่ที่เรือนะครับ
ส่วนเฟลิเซียผมจะให้เธอไปกับพวกคุณด้วย
เพราะวิสัยทัศน์ในตอนกลางคืนของเธอค่อนข้างดี…”
“ฝากด้วยนะ เฟลิเซีย”
“ค่ะ นายท่าน”
จากนั้นพวกเราก็พูดคุยซักซ้อมแผนกันอีกสักพัก
“ตกลงว่าเราจะแบ่งกันเป็น 2 กลุ่มนะครับ คือกลุ่มสำรวจ
ที่ประกอบไปด้วย อลิเซียซัง อัลม่าซัง คาร์ล่าซัง โดโรธีซัง มารีน่าซัง และเฟลิเซีย
ส่วนกลุ่มรอจะประกอบไปด้วยผม ไอเนส และคลอเร็ตต้าซัง”
“เอาล่ะแค่นี้ก็น่าจะพอแล้วถึงจะเร็วไปหน่อย แต่เราไปกินข้าวเย็นกันดีกว่าครับ
จากนั้นก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนเพื่อเอาแรง แล้วค่อยมารวมกันที่นี่ในตอนกลางคืน”
มื้อนี้ทุกคนดูจะกินกันได้เยอะเป็นพิเศษผิดจากมื้อที่ผ่านๆ มา
บางทีอาจเป็นเพราะพวกเธอรู้สึกโล่งใจที่ยังเห็นลูก้าปลอดภัยอยู่
แต่ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าคาร์ล่าซัง ก็เบื่ออาหารเป็นกับเขาด้วยเหรอ?
แบบนี้เธอจะไม่เป็นอะไรจริงๆ แน่นะ?
หลังจากกินมื้อเย็นเสร็จ ผมก็ขอตัวไปอาบน้ำจากนั้นก็ไปนอน
“นายท่าน ถึงเวลาแล้วค่ะ”
“อืม? อ้อ โอเค ขอบใจนะ เฟลิเซีย”
เมื่อผมเดินไปถึงที่ห้องนั่งเล่นทุกคนก็มารออยู่ก่อนแล้ว
“ขอโทษที่ให้รอนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราแค่มารอเพราะร้อนใจกันเฉยๆ”
“ถ้างั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า…”
ผมขับเรือเข้าไปจอดแอบๆ ไว้อยู่แถวริมชายฝั่ง
จากนั้นก็อัญเชิญเรือยางสองลำกับ กาเล็ตต์ หนึ่งลำ ออกมาจากนั้นก็เรียก ลูโตะ กลับไป
แล้วอัญเชิญ กาเล็ตต์ อีกสองลำออกมา มันค่อนข้างยุ่งยากนิดหน่อยเพราะผมไม่สามารถอัญเชิญพวกมันทั้งหมดออกมาพร้อมกันได้
“”งั้นพวกเราไปก่อนนะคะ””
“เดินทางปลอดภัยครับ”
เนื่องจากพวกเธอใช้เรือยางและระยะทางก็ค่อนข้างไกลเลยต้องใช้เวลากันพอสมควรเลยล่ะ
ขอให้พวกเธอกลับมาโดยไม่ถูกจับได้ที่เถอะ…
“นายท่าน คิดว่าทุกคนจะโอเคไหมคะ?”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะนี่มันต่างจากการออกไปสำรวจแบบปกติมาก
ดังนั้นเราต้องค่อยจับตาดูกันไว้ให้ดีๆ ถ้าพวกเธอถูกจับได้พวกเราต้องรีบเข้าไปช่วย”
“”ค่ะ””
พวกเรารอกันมานานเท่าไหร่แล้วนะ? ในขณะที่คิดผมก็ลูบริมุที่อยู่ในอ้อมแขนไปด้วย
และในขณะที่ผมเริ่มที่จะเบื่อจากรอแล้ว กลุ่มของอลิเซียซังก็กลับมา
และอีกประมาณยี่สิบนาที กลุ่มของโดโรธีซังก็กลับมา
ผมเรียกเรือยางกลับแล้วก็อัญเชิญ ลูโตะ ออกมา
พวกเรามารวมตัวกันในห้องนั่งเล่นเพื่อรับฟังผลของการสำรวจ
“กลุ่มของอลิเซียซังเป็นยังไงกันบ้างครับ?”
“พวกเราเจอเรือเวทมนตร์ขนาดใหญ่หนึ่งลำ ขนาดกลางสองลำ และขนาดเล็กอีกสิบลำค่ะ
นอกจากนี้ยังมีเรือกัลเลย์และเรือใบอยู่อีกเป็นจำนวนมากค่ะ และถึงแม้จะเป็นเวลากลางคืน
เรือทุกลำก็เปิดไฟไว้และมีทหารคอยตรวจตราอยู่ตลอดค่ะ ฉันว่าการลอบเข้าไปโดยใช้เรือยางน่าจะเป็นไปไม่ได้ค่ะ”
“อืม…ถ้าสามารถแอบเข้าไปได้ก็คงดีแต่ดูเหมือนจะยากแฮะ แล้วทางฝั่งของโดโรธีซังล่ะ?”
“ส่วนใหญ่ก็เหมือนกันกับของอลิเซียค่ะ จักรวรรดิคงจะคอยจับตาพวกที่พยายามจะหนีออกจากท่าเรือหรือแอบลอบเข้าไปค่ะ
มีเรือเวทมนตร์ขนาดเล็กออกลาดตระเวนในอ่าวอยู่สองสามลำ”
“เข้าใจล่ะ ดูเหมือนว่าการแอบเข้าไปดูแทบเป็นไปไม่ได้เลยสินะ”
“ใช่ค่ะ ถึงแม้เราจะว่ายน้ำเข้าไปได้แต่ตอนที่ถึงท่าเรือจะต้องถูกจับได้อย่างแน่นอนค่ะ”
หา! ว่ายน้ำ? นี่คุณพูดอะไรของคุณครับเนี่ยอลิเซียซัง!?
ถึงทุกคนจะแข็งแกร่งขึ้นเพราะเลเวลอัปก็เถอะ
แต่การว่ายน้ำในระยะทางที่ไกลถึงขนาดนั้นแล้วยังต้องหลบหลีกเรือรบด้วย นี่มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยนะ
“ถ้าแอบเข้าไปไม่ได้ ก็คงต้องฝ่าเข้าไปตรงๆ สินะครับ?”
ผมหวังว่าเราจะสามารถแอบเข้าไปได้จริงๆ นะ แต่ดูแล้วน่าจะไม่ไหว
แบบนี้งานหยาบแล้วสิ…
“ค่ะ ฉันคิดว่าถ้าเป็นเรือของวาตารุซังจะต้องทำได้แน่ค่ะ”
“ขอฉันพูดอะไรหน่อยได้ไหมคะ?”
“อะไรเหรอครับ โดโรธีซัง?”
“แทนที่จะพยายามฝ่าเข้าไป ฉันคิดว่าเราควรจมเรือรบของจักรวรรดิก่อนค่ะ
เพราะถ้าเราบุกกันเข้าไปตรงๆ พวกทหารจะยิ่งเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นค่ะ
แล้วในตอนขากลับพวกเราจะลำบากเพราะต้องเปลี่ยนเรือไปมา ฉันคิดว่ามันเสี่ยงที่จะถูกจับได้ค่ะ
ฉันว่าพวกเราควรลดจำนวนเรือรบลงก่อน ในช่วงที่พวกมันยังไม่รู้ตัวว่าพวกเราอยู่ที่นี่”
เป็นข้อเสนอที่บ้าระห่ำกว่าที่คิด… เอายังไงดีล่ะทีนี้?
รู้งี้น่าจะอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับสงครามหรือยุทธวิธีทางการทหารมามากกว่านี้
“แล้วจะสามารถจมเรือรบได้เหรอครับ? ผมได้ยินว่ามันมีของอย่างบาเรียหรืออะไรทำนองนั้นอยู่”
“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ เพราะฉันไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรือเวทมนตร์ประเภทอื่นเลยนอกจากเรือขนาดเล็ก
แต่ฉันมั่นใจว่าพวกเราสามารถจมเรือเวทมนตร์ขนาดเล็ก เรือใบ และเรือกัลเลย์ได้ค่ะ
แค่นี้การปิดล้อมก็น่าจะเบาบางลงแล้ว ถึงแม้อาจจะมีการส่งกำลังเสริมมาแต่ก็น่าจะใช้เวลา”
“อืม ผมติดใจเรื่องเรือกัลเลย์อยู่นิดนึงน่ะครับ เพราะด้วยความที่มันเป็นเรือของจักรวรรดิ
ผมเลยคิดว่าพวกคนที่พายเรือก็น่าจะเป็นทาสชาวมนุษย์สัตว์ โดโรธีซังคิดว่าไงครับ?”
“ฉันก็คิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้นเหมือนกันค่ะ วาตารุซัง
แต่ตอนนี้ฉันต้องโฟกัสที่การช่วยลูก้าก่อน ถึงฉันจะรู้สึกเสียใจกับพวกเขา
แต่ก็ทำได้แค่หวังว่าพวกเขาจะรอดขึ้นฝั่งให้ได้มากที่สุดเท่านั้นค่ะ”
“งั้นเหรอครับ…”
ผมก็รู้อยู่หรอก แต่คงทำอะไรไม่ได้ เพราะถ้าไม่โจมตีเรือกัลเลย์พวกมันก็คงตั้งขบวนใหม่ได้อยู่ดี
“งั้นตอนนี้เราก็มีสองทางเลือก หนึ่งคือบุกเข้าไปตรงๆ สองคือโจมตีเรือรบของจักรวรรดิเพื่อลดจำนวนเรือก่อน มีใครมีแผนอื่นอีกไหมครับ?”
ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากได้ไอเดียที่สามารถลอบเข้าไปได้ง่ายๆ นะ
“”””””…”””””
ไม่มีเลยเหรอ?
“งั้นก็มีแค่สองทางนี้สินะครับ ส่วนตัวผมคิดว่าการบุกเข้าไปตรงๆ ง่ายกว่าเพราะแค่ต้องพุ่งเข้าไป ทุกคนคิดว่าไงครับ?”
“ฉันคิดว่าควรลดจำนวนเรือรบก่อนค่ะ เพราะไม่ว่าจะเป็นการป้องกันหรือการหนีออกมา
ถ้าท่าเรือโล่งก็จะเคลื่อนไหวได้ง่ายและต่อให้ฝ่าไปถึงประตูแล้วการเข้าไปข้างในก็ยังต้องใช้เวลาถ้ากองทัพจักรวรรดิตามมาทันก็จะยุ่งยาก”
ดูเหมือนสมาชิกคนอื่นๆ จะเห็นด้วยกับแผนการลดจำนวนเรือ
ผมทำสัญญากับพวกเธอไว้ว่าจะไม่ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ
ดังนั้นถ้าผมยืนกรานว่าจะบุกฝ่าเข้าไปพวกเธอก็คงค้านไม่ได้
แต่…การจมเรือจะทำให้พวกเราได้เปรียบมากกว่า และอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า?
แต่ถ้าพวกเราจมเรือ พวกขุนนางหรืออะไรพวกนั้นต้องมายุ่งกับพวกเราแน่ๆ
พวกเขาอาจจะร้องขออะไรที่ไม่สมเหตุสมผลหรือไม่ก็พยายามดึงพวกเราเข้าไปเกี่ยว
และผมก็ยังสงสัยอีกเรื่องสมาชิกจิราโซเล่ตั้งใจจะปกป้องลูก้ากันสุดกำลังจริงๆ เหรอ?
ผมอยากช่วยพวกเธอก็จริง แต่ผมไม่อยากถูกลากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสงครามแบบเต็มตัว
ดังนั้นผมต้องคุยเรื่องนี้กับพวกเธอให้ชัดเจน
“อืม…เข้าใจแล้วครับ เราจะใช้แผนลดจำนวนเรือรบกันก็ได้
แต่ก่อนอื่นผมมีเรื่องที่อยากจะถามทุกคนครับ
นี่ ทุกคนตั้งใจจะสู้เพื่อปกป้องลูก้ากันจริงๆ ใช่ไหมครับ?”
“เอ๊ะ? พวกเราอยากปกป้องลูก้ากันนะคะ วาตารุซัง”
โอ้! อลิเซียซังคนเดิมแล้วสินะ…ก็หลังจากเรื่องของลูก้าทุกคนก็อยู่ในโหมดพร้อมรบกันตลอดเลยนี่
ก็นะมันคงไม่ง่ายที่จะทำตัวผ่อนคลายในสถานการณ์ที่บ้านเกิดมีภัยแบบนี้
“ผมเข้าใจครับว่าอลิเซียซังกับทุกคนอยากปกป้องลูก้า
แต่ในข้อตกลงของเราถ้ามีโอกาสป้องกันได้ผมก็จะช่วย
และถ้าไม่ได้ผมจะให้การช่วยเหลือครอบครัวและเพื่อนของสมาชิกจิราโซเล่ในการหลบหนีไม่ใช่เหรอครับ? หรือว่าผมเข้าใจผิด?”
“ไม่ค่ะ นั่นคือสิ่งที่พวกเราตกลงกันไว้”
“ที่ผมยอมทำตามแผนนี้เพราะมันมีประโยชน์ทั้งต่อการป้องกันและการหลบหนี
แต่นี่ดูเหมือนทุกคนจะออกนอกกรอบของสัญญากันไปไกลแล้วนะครับ”
“…”
“ผมไม่ได้อยากเข้าไปปกป้องเมืองใหญ่แบบนี้ครับ ผมไม่ได้อยากเขาไปยุ่งเกี่ยวกับสถานการณ์แบบนี้เลยด้วย
เพราะแค่พวกเราลดจำนวนเรือรบลงในปฏิบัติการครั้งนี้พวกขุนนางก็สังเกตเห็นแล้ว
ผมไม่อยากถูกใช้ประโยชน์จากคนพวกนั้นในการปกป้องลูก้า ดังนั้นต่อจากนี้ไปได้โปรดทำตามข้อตกลงของเราให้ถูกต้องด้วยครับ”
“ค่ะ ฉันต้องขอโทษจริงๆ นะคะ วาตารุซัง…”
เห้อ…ผมล่ะไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลยจริงๆ
ผมทำให้ความฮึกเหิมของสมาชิกจิราโซเล่ทุกคนลดลงไปซะแล้ว
แต่ถ้าผมไม่พูดมันออกไปล่ะก็ ผมคงได่ถูกลากเข้าไปพัวพันกับสงครามแบบเต็มตัวแน่ และเมื่อถึงตอนนั้นผมก็คงช่วยอะไรไม่ได้
“ครับ ขอโทษที่ต้องพูดขัดขึ้นมาระหว่างการประชุมนะครับ”
“งั้นเรามาวางแผนของเราต่อดีกว่าครับ ยังไงก็ต้องเป็นจุดสนใจอยู่แล้วหวังแผนของเราจะสร้างผลกระทบให้ได้มากที่สุดนะครับ”
แผนการในครั้งนี้ถูกตัดสินออกมาอย่างง่ายดายจนน่าประหลาด
พรุ่งนี้ตอนเที่ยงคืนพวกเราจะใช้ กาเล็ตต์ ทั้งสามลำ
เข้าโจมตีโดยอาศัยช่องว่างในแนวป้องกันของศัตรู
โดยเราจะเข้าใกล้เรือของพวกมันอย่างรวดเร็วจากนั้นจะโจมตีเรือศัตรูในระยะประชิดเพื่อเจาะรูขนาดใหญ่ที่ท้องเรือแล้วจึงเคลื่อนไปยังลำอื่น
เป้าหมายแรกถูกกำหนดให้เป็นเรือเวทมนตร์ขนาดใหญ่ พวกเราสามารถจัดการกับเรือใบและเรือกัลเลย์ได้ทีหลัง
ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเราจะสามารถจมพวกมันได้จริงไหม
แต่แผนของเราคือใช้ กาเล็ตต์ ทั้งสามลำเข้าใกล้เรือเวทมนตร์ขนาดใหญ่พร้อมกันแล้วรวมพลังโจมตีไปที่จุดเดียว
ถ้าพวกเราสามารถจมมันได้ เราจะเดินหน้าไปทำลายเรือเวทมนตร์ลำอื่นต่อ
โดยเรียงลำดับการโจมตีดังนี้ เรือขนาดใหญ่ > ขนาดกลาง > ขนาดเล็ก > และสุดท้ายคือเรือใบกับเรือกัลเลย์
เราแบ่งกันออกเป็น 4 กลุ่มดังนี้
กลุ่มวาตารุ…มีผมกับอิเนส (จะรออยู่ที่ ลูโตะ)
กลุ่มเฟลิเซีย…เฟลิเซียกับคาร์ล่าซัง
กลุ่มอลิเซีย …อลิเซียซังกับคลอเร็ตต้าซัง
กลุ่มโดโรธี…โดโรธีซัง มารีน่าซัง และอัลม่าซัง
สำหรับผมที่เลือก กาเล็ตต์ มาก็เพราะคิดว่ามันจะสามารถสร้างความปั่นป่วนให้แนวรบของศัตรูได้
แต่สำหรับทุกคน พวกเธอตั้งเป้าแต่จะจมเรือของศัตรูให้ได้อย่างเดียว
ทำเอาผมอดสงสัยไม่ได้ว่านี่อาจจะเป็นความแตกต่างระหว่างคนของโลกนี้กับชาวต่างโลกอย่างผมก็ได้
เอ๊ะ! หรือว่าผมแค่จิตใจอ่อนไหนเกินไปกันนะ?
“เอาล่ะครับ ตอนนี้แผนการของเราก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว งั้นพวกเราถอยห่างจากลูก้ากันก่อนดีกว่าเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกพบ”
พอผมนำเรือออกมาถึงจุดที่กำหนด พระอาทิตย์ก็เริ่มขึ้นแล้ว
เราสลับกันไปอาบน้ำแล้วเข้านอน โดนพยายามข่มความกังวลเกี่ยวกับการต่อสู้ในวันพรุ่งนี้
MANGA DISCUSSION