“วาตารุคุง มาอธิษฐานที่โบสถ์ล่ะ!”
“ถ้าข้าจะเรียกเขาขึ้นมามันจะผิดมั้ย?”
“ไม่หรอกค่ะ แต่เทพแห่งการสร้างได้ตัดสินใจแล้วไม่ใช่เหรอคะ”
“ว่าเราจะไม่ควรเข้าไปแทรกแซงโลกเบื้องล่างมากจนเกินไป การอัญเชิญครั้งก่อนถือเป็นกรณีพิเศษค่ะ”
“เพราะหากเราเข้าไปยุ่งมากเกินไป เทพองค์อื่นๆ อาจจะบ่นเอาได้ค่ะ”
“แต่เทพแห่งสงครามยังบ่นกับข้าไม่หายเลยนะ”
“เขาบอกว่ามันน่าเบื่อมากที่ต้องมาทนดูเขาต่อสู้ด้วยสกิลที่ห่วยแตกแบบนั้น”
“ดังนั้นเทพแห่งแสงคุณ ช่วยไปบอกเขาทีสิ”
“ค่ะ ฉันจะไปบอกพวกเขาให้”
“แต่ วาตารุคุงก็ดูจะปรับตัวได้ดีขึ้นบ้างแล้วนะคะ”
“มีอะไรที่เทพแห่งสงครามยังไม่พอใจอีกเหรอคะ?”
“ลองเล่าให้ ฉันฟังที”
“มันน่าเบื่อน่ะสิ! เขายังสู้ได้แค่กับกระต่ายมีเขาและก็อบลินอยู่เลย”
“ในขณะที่ชาวต่างโลกคนอื่นๆ ที่เคยมาในอดีตมักจะสร้างความฮือฮาให้กับกิลด์นักผจญภัย หรืออย่างน้อยก็ต้องเลื่อนแรงค์ไปแล้วสักสองถึงสามครั้ง!”
“เทพแห่งสงครามพูดถูก”
“ไม่เข้าใจเลยว่าทำไม ท่านถึงไม่ยอมมอบสกิลเวทมนตร์อะไรให้เขาเลย”
“การที่ต้องมาเห็นเขานั่งฝึกเวทมนตร์ชีวิตประจำวันอยู่ทุกวี่ทุกวันแบบนี้”
“ในฐานะเทพแห่งเวทมนตร์แล้ว ฉันรู้สึกสงสารเขาขึ้นมาจับใจเลยล่ะ”
“นั่นสิ ฉันเห็นด้วยกับเทพแห่งสงครามและเทพแห่งเวทมนตร์”
“ตอนนี้เขาเป็นแค่เด็กหนุ่มที่มีแค่เรือเอง เขาหาเงินด้วยการอยู่แต่บนเรือ แบบนี้มันน่าเบื่อ”
“ฉันเข้าใจที่พวกคุณพูดค่ะ แต่การตัดสินใจว่าจะใช้ชีวิตในโลกนี้แบบไหนเป็นเรื่องของวาตารุคุง”
“มันไม่ใช่หน้าที่ของพวกเราที่จะไปยุ่งเกี่ยว”
“โอ้ ท่านเทพแห่งแสง พวกเรารู้เรื่องนั้นดี”
“ไม่ต้องพูดซ้ำหรอก สิ่งที่เรารู้สึกไม่พอใจคือเรื่องที่เทพแห่งการสร้างมอบสกิลที่มันไร้สาระให้เขาต่างหาก”
“เพราะอีโก้ของเขาแท้ๆ เห้อ…”
“ฉันเห็นด้วย หลังจากที่คุยกับเทพแห่งการสร้าง วาตารุคุงก็ขยันทำงานมากขึ้น”
“แม้ฉันในฐานะเทพแห่งความบันเทิง จะไม่ได้ไม่พอใจที่เขาเลือกทำงานง่ายๆ”
“ก็เขาดันต่อสู้ไม่เก่ง มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?”
“ตอนที่เขาอธิษฐานขอสกิลมองทะลุเนี่ย ฉันขำมากเลยนะ”
“รู้สึกเสียดายจริงๆ ฉันคิดว่ามันคงจะน่าสนใจมากกว่านี้ถ้าเทพแห่งการสร้างคิดให้รอบคอบกว่านี้ก่อนที่จะมอบสกิลอะไรให้เขา”
“ในฐานะเทพแห่งเวทมนตร์ ฉันอดสงสัยไม่ได้จริงๆ ว่าทำไมถึงไม่ให้เวทย์โจมตีเขาไปสักบท”
“อืมม ฉันในฐานะเทพแห่งสงครามก็อดสงสัยไม่ได้เช่นกันว่า”
“ทำไมถึงไม่ให้สกิลต่อสู้หรือทักษะเสริมกำลังกับคนอ่อนแอแบบนั้น ทั้งที่เขาเป็นแค่มือสมัครเล่นแท้ๆ”
“แต่กลับไปให้สกิลเรียกเรือบ้าๆ แบบนั้นไปแทนเนี่ยนะ? ไปตายซะ!!”
“แล้วท่านเทพแห่งการสร้างคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้?”
“พวกเจ้าพูดอะไรกันตามใจปากเลยนะ”
“ไว้หน้าข้าที่เป็นเทพแห่งการสร้างบ้างสิ”
“ข้าก็บอกไปหลายครั้งแล้วไงว่าสกิลเรียกเรือนั้นยอดเยี่ยมมาก”
“หากหาเงินได้มากพอที่จะซื้อเรือลำใหญ่ๆ ได้ เจ้าจะสามารถสร้างประเทศของตัวเองได้เลยนะ”
“มันเป็นสกิลที่ยอดเยี่ยม เพียงแค่ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงต้นเกมเท่านั้น!”
“และเจ้าเทพแห่งสงคราม ข้าต่างหากที่จะส่งเจ้าไปตาย!”
“ถึงจะบอกว่าเพิ่งเริ่ม แต่เขาก็คงจบแค่การหาเงิน ซื้อเรือสำราญสุดหรูนั่นล่ะ”
“จากนั้นก็คงขังตัวเองอยู่ในเรือใช่ไหมล่ะ?”
“ถึงในฐานะเทพแห่งความบันเทิง ฉันจะคิดว่าเรือสำราญฟังดูสนุกดี แต่ไม่คิดว่าเขาจะอยากสร้างประเทศหรอกนะ”
“ไม่ต้องห่วง เขาซื้อทาสมาแล้ว และพวกทาสก็มีความปรารถนาและแรงจูงใจของตัวเอง”
“พวกเธอจะลากเขาเข้าไปยุุ่งเกี่ยวเองนั่นล่ะ”
“วาตารุคุงน่ะแพ้ทางผู้หญิง ไม่มีทางขัดพวกเธอได้หรอก”
“เดี๋ยวนะ ทาสที่แสนสะดวกแบบนั้นนั่น!”
“เป็นฝีมือของท่านใช่ไหมเทพแห่งการสร้าง?”
“เอ๊ะ! ปะ-เปล่า…ขะ-ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย”
“อืม…จากท่าทางของท่าน…”
“น่าสงสัย…เทพแห่งแสง ท่านล่ะคิดว่ายังไง?”
“อืม ข้าเองก็ไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกัน เทพแห่งการสร้าง ท่านช่วยอธิบายหน่อยสิ”
“เอ๊ะ? ข้าไม่ได้รับอนุมัติจากพวกเจ้าไม่ใช่เหรอ?”
“แล้วทำไมข้าถึงต้องโดนกล่าวหาว่าเข้าไปแทรกแซงด้วยล่ะ?”
“ขะ-ข้าไม่ได้ทำอะไรนะ”
“ข้าไม่ได้ต้องการฟังคำแก้ตัวของท่านซักหน่อย”
“ข้าแค่สงสัยว่าทำไมท่านถึงทำแบบนั้น?”
“อย่ามาตัดสินข้านะ ข้าคือ—”
“ท่าน…เทพ…แห่ง…การสร้าง!”
“อะ…อืม ข้าทำเองล่ะ ข้าแค่คิดว่าถ้าข้าไม่ทำอะไรเลย พวกเจ้าก็จะบ่นว่ามันน่าเบื่ออีกน่ะ”
“เหตุผลแค่นั้น ท่านถึงกับยอมลดคนๆ หนึ่ง ให้กลายเป็นทาสเลยอย่างงั้นหรือ!?”
“ไม่ใช่นะ ข้าไม่ได้ทำอะไรกับไอเนสเลยนะ และข้าก็แค่ขัดขวางไม่ให้เฟลิเซียถูกส่งไปที่โรงค้าทาสของเมืองหลวงเท่านั้นเอง”
“พวกเธอเป็นทาสอยู่ก่อนแล้ว ข้าไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”
“เห้อ…ปัญหาคือท่านเข้าไปแทรกแซงต่างหากล่ะตะ แม้จะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม”
“ท่านควรรู้สึกและละอายใจในตัวเองบ้างนะคะ”
“ขะ-เข้าใจแล้ว ขะ-ข้าขอโทษ”
“แต่การที่มีคนจากต่างโลกเข้ามาเป็นแรงกระตุ้นในโลกนี้เนี่ยมันดีหรือเปล่าเนี่ย?”
“อืม ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่เทพแห่งอาหารดูจะพอใจกับซุปสาหร่ายและซุปไก่มากเลย”
“มันเริ่มแพร่หลายเล็กน้อยแล้วในเมืองทางใต้”
“ฟังดูเรียบง่ายจังเลยนะ”
“แต่เทพแห่งอาหารน่ะ ตั้งความหวังไว้มากเลยนะ”
“ว่าหากคนจากต่างโลกซื้อเรือสำราญสุดหรูแล้วเผยแพร่วัตนธรรมเรื่องอาหาร ขนมหวาน รวมไปถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากร้านอาหาร
บนเรือนั้น มันอาจจะนำไปสู่การปฏิวัติด้านอาหารในโลกนี้เลยนะ”
“ฉันเองก็อาจจะพอใจด้วยเหมือนกัน ในฐานะเทพแห่งความบันเทิง ถ้าเกม ภาพยนตร์ คาสิโน และสิ่งบันเทิงอื่นๆ จากเรือสำราญแพร่หลายออกไป”
“นั่นอาจจะเป็นไปได้ ฉันเองก็ไม่ค่อยคาดหวังเรื่องการต่อสู้เท่าไหร่แล้วล่ะ ตอนนี้”
“แต่ถ้าไวน์ดีๆ แพร่หลายออกไปล่ะก็”
“ฉันก็คงน่าจะได้สนุกบ้าง คงต้องรอดูกันต่อไป”
“อย่างนั้นเหรอ? แต่ฉันว่าควรรีบให้เขามีสกิลดีๆ ไปเลยจะดีกว่านะ”
“ไม่ว่าจะเป็นเวทมนตร์หรือศิลปะการต่อสู้”
“อืม เทพแห่งเวทมนตร์พูดมีเหตุผลนะ”
“แต่ลองคิดดูสิ คนจากต่างโลกคนนั้นไปสวดภาวนาที่โบสถ์และคิดว่าพวกเรามีความสุขดี”
“เพราะเขาไม่ได้ถูกเรียกมายังแดนเทพ”
“ถ้าจู่ๆ เราไปให้สกิลเขาแบบนั้น เพราะคิดว่าเขาน่าเบื่อ มันจะไม่ดูแปลกไปหน่อยเหรอ”
“ถ้าเขาซื้อเรือสำราญสุดหรู จากการค้าพริกไทยได้ ก็น่าจะดีขึ้นบ้างล่ะนะ ลองดูกันไปก่อนแล้วกัน”
“อืม เทพแห่งการสร้างบอกเองนิ ว่าเขาจะประสบความสำเร็จในตอนท้ายๆ”
“ดังนั้น เรามาลองดูกันไปก่อน”
“ไว้ถ้าไม่เป็นไปตามนั้น เราค่อยให้สิ่งต่างๆ กับเขา”
“เทพแห่งแสง เราจะกลับกันแล้วนะ”
“อย่าลืมตำหนิเทพแห่งการสร้างให้หนักด้วยล่ะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ พวกเจ้าก็อย่ายั่วยุเทพแห่งการสร้างมากจนเกินไปล่ะ”
“เราไม่ได้ยั่วซักหน่อย แค่พูดความจริงเอง”
“ฉันเข้าใจค่ะ”
“แต่ถ้าเทพแห่งการสร้างทำอะไรขึ้นมาจริงๆ มันจะลำบอกฉัน ดังนั้นช่วยอย่าแกล้งเขามากจนเกินไปนะคะ”
“ก็ได้ๆ งั้นไว้เจอกันใหม่”
“ไว้เจอกันค่ะ”
“เอาล่ะค่ะ บทลงโทษคือ ท่านจะต้องทำงานอย่างหนักโดยไม่มีการหยุดพักนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปค่ะ”
“หา! ข้าเป็นถึงเทพผู้ส….”
“คำตอบคือ ‘Yes’ ถูกต้องไหมคะ?”
“อะ…อืม เข้าใจแล้ว”
บ่นไปเรื่อยหลังจบตอน
ตอนนี้ก็เป็นบทขั้นตอนจบเล่ม 2 ของ wn นะครับ
แหม๋ พึ่งรู้เหมือนกันนะครับเนี่ย ว่ามันมีเบื้องลึกเบื้องหลังแบบนี้ซ่อนอยู่ด้วย
MANGA DISCUSSION