เมื่อพวกเราไปถึงน้ำก็เต็มทั้งสองบ่อเรียบร้อย
ส่วนน้ำที่เกินจะไหลตามทางที่พวกเราทำเอาไว้
แล้วไหลลงกลับลงไปสู่ลำธารเหมือนเดิม
“บรรยากาศดีจังเลยนะครับ”
ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า…แต่ภาพของอ่างหิน
ที่มีน้ำไหลลงมากลางป่าแบบนี้ มันเป็นภาพที่ดูดีสุดๆ เลย
แบบนี้เรียกว่าความงามแบบญี่ปุ่นได้ไหมนะ?
อืม…คงได้ล่ะมั้ง เพราะถ้าที่ญี่ปุ่นมีสถานที่แบบนี้
ป่านนี้มันคงกลายเป็นบ่อน้ำพุร้อนชื่อดังไปแล้ว
“ใช่ค่ะ มันให้ความรู้สึกที่ดูผ่อนคลายสุดๆ เลย”
“ฉันเองก็ชอบบรรยากาศแบบนี้เหมือนกันค่ะ”
“ฟุฟุ ฉันเองก็ชอบ”
อลิเซียซัง โดโรธีซัง อัลม่าซัง ดูเหมือนจะชอบกันสินะ…
ผมเอามือแตะที่ขอบบ่อที่สองเพื่อตรวจสอบอุณหภูมิของน้ำ
…ร้อนไปนิด แต่ก็พอทนไหว
ถ้าฝืนเอาหน่อยก็น่าจะพอลงแช่ได้…หรือผมควรเติมน้ำลงไปเพิ่มดี?
“ทุกคนครับ ช่วยมาเช็คอุณหภูมิน้ำกับผมหน่อยสิครับ
คือผมอยากรู้ว่าอุณหภูมิน้ำเท่านี้มันโอเคกับทุกคนแล้วหรือยัง
เพราะผมกำลังลังเลอยู่ว่าจะเติมน้ำลงไปเพิ่มดีไหม?”
จากนั้นสาวๆ ก็เปลี่ยนกันมาเอามือแตะลงในน้ำ
และบอกว่าพวกเธอชอบให้น้ำมันเย็นลงกว่านี้หน่อย
โอเค งั้นเติมน้ำลงไปอีกหน่อยแล้วกัน
อืม…เท่านี้ก็น่าจะพอแล้วหรือเปล่านะ?
หรือผมควรทำให้มันเย็นลงมากกว่านี้?
จะว่าไปถ้าต้องมาทำอะไรแบบนี้ทุกครั้งก็คงจะลำบากน่าดู…
คงต้องหาทางทำให้น้ำมันเย็นลงมากกว่านี้แล้วล่ะ
อีกเรื่องคือเรื่องเท้า เมื่อวานผมไม่ได้สังเกตเรื่องนี้เพราะเราแช่น้ำในเรือยางกัน
แต่วันนี้พวกเราออกมาแช่กันข้างนอก ก็เลยมีดินติดอยู่ที่ฝ่าเท้าของเรา
แบบนี้คงต้องทำที่ล้างเท้าขึ้นมาแล้วสิ…แต่วันนี้ใช้เรือยางไปก่อนก็แล้วกัน
“ตอนนี้อุณหภูมิกำลังดีเลยครับ! แต่เดี๋ยวมันคงกลับไปร้อนอีกที
ไว้เราค่อยช่วยกันเติมน้ำเย็นลงไปเป็นระยะๆ ก็แล้วกัน
ผมจะทำที่ล้างตัวให้ที่หลัง ส่วนวันนี้ขอให้ทุกคนใช้เรือยางในการล้างเท้าไปก่อนนะครับ
เอาล่ะ…งั้นผมขอลงก่อนเลยนะครับ”
“อะ อ๊าาาาาาาาาาาา”
“วาตารุซัง คุณทำเสียงแปลกๆ ออกมาอีกแล้วนะคะ”
“อีกไม่นาน อลิเซียซังก็จะทำเสียงแบบนี้ออกมาเหมือนกันครับ”
“จริงเหรอคะ?”
“จริงครับ”
ผมมั่นใจเลยว่าอีกหน่อยเธอจะต้องทำเสียงแบบนี้ออกมาแน่ๆ
เพราะยิ่งได้แช่น้ำแบบนี้ต่อไปเท่าไหร่ ก็ยื่งจะรับรู้ได้ถึงความสุดยอดของมันมากขึ้นเท่านั้น
ผมมั่นใจเลยว่าอีกเดี๋ยวพวกเธอก็ต้องส่งเสียงแบบนี้ออกมาเหมือนกัน
เพราะนี่เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของบ่อน้ำพุร้อน
ฟู่…สบายชะมัด!
บ่อน้ำพุร้อนนี่มันดีจริงๆ เลย…
ตอนแรกผมก็แอบกังวลเรื่องพื้นของอ่างอยู่เหมือนกัน
เพราะเรายังไม่ได้ขัดให้มันเรียบ
ก็เลยยังมีจุดที่ตะปุ่มตะป่ำอยู่บ้าง แต่แค่นี้คงไม่มีผลอะไรกับการลงแช่หรอก
แต่ผมติดภาพของออนเซ็นแบบพื้นเรียบๆ แบบญี่ปุ่นนี่นา…
พอจะหาอะไรมาขัดมันให้เรียบได้ไหมนะ?
ไว้ลองไปถามคุณช่างไม้ดาร์กในหมู่บ้านหรือไม่ก็ดอนนิโน่ซังดูดีกว่า
หลังจากลงมาแช่เสร็จเรียบร้อย ผมเฝ้ามองดูสาวๆ
ค่อยๆ ลงมาแช่ในอ่างทีละคนๆ
ซี่งมันเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมสุดๆ ไปเลยล่ะ
เพราะยิ่งพวกเธอเปียกมากเท่าไหร่ ภาพมันก็ยิ่งน่าดูมากเท่านั้น
โดยเฉพาะภาพตอนที่น้ำมันไหลผ่านล่องอกของพวกเธอลงมา
มันช่างเป็นภาพที่แสนวิเศษจริงๆ…
“สบายจังเลยค่ะ วาตารุซัง
ทั้งที่มันก็ดูเหมือนอ่างอาบน้ำธรรมดาๆ แท้ๆ
แต่ทำไมมันถึงได้รู้สึกดีถึงขนาดนี้เหรอคะ?”
“อาจเป็นเพราะน้ำพุร้อนมันมีแร่ธาตุต่างๆ ละลายผสมอยู่ก็ได้นะครับ
หรือไม่ก็เพราะบรรยากาศโดยรอบ เพราะปกติเราเห็นแต่วิวทะเลกัน
เลยไม่ค่อยได้เห็นวิวป่าแบบนี้ ก็เลยทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากกว่าปกติ”
เพราะวิวส่วนใหญ่ที่เราเห็นมันเป็นวิวทะเล
และถึงจะมีวิวของป่าอยู่บ้าง แต่ก็เป็นป่าปีศาจที่มีพวกแมลงมาคอยรบกวนสายตา
เลยทำให้ไม่ค่อยได้เห็นวิวของป่าจริงๆ จังๆ แบบนี้สักเท่าไหร่
“จริงด้วยค่ะ เพราะวิวส่วนใหญ่ที่พวกเราเห็นเป็นวิวทะเล
หรือไม่ก็เป็นวิวที่มองลงมาจากบนเรือ
การได้มาเปลี่ยนบรรยากาศแบบนี้ก็รู้สึกดีไปอีกแบบเหมือนกันนะคะ วาตารุซัง”
วิวของธรรมชาติที่สวยงาม ป่าไม้ที่สงบร่มรื่น มันก็เป็นวิวที่ดีจริงๆ นั่นล่ะ
แต่…ผมละสายไปจากสาวๆ ไม่ได้นี่สิเวลาเดียวที่ผมพอจะสงบใจลงได้
ก็มีแค่ตอนที่ริมุกับฟูจังลอยเข้ามาใกล้ๆ ผมเท่านั้น
นอกนั้นผมก็เอาแต่จดจ่ออยู่กับอย่างอื่น จนแทบไม่ได้มองวิวรอบๆ เลย
“ก็จริงครับ แต่เพราะที่นี่ไม่มีบาเรีย
ก็เลยต้องระวังพวกก็อบลินเอาไว้…”
“ฮ่าๆ ไม่เป็นไรค่ะ วาตารุซัง ถ้าแค่ก็อบลินล่ะก็…
เอ๊ะ! ก่อหน้านี้เราจับก็อบลินไว้ไม่ใช่เหรอคะ? วาตารุซัง”
ก็อบลินเหรอ? จับไว้ตอนไหน…แล้วจับมาทำไม?
อ้อ! พวกเราเคยจับมันมาตัวหนึ่งนี่นา
ถ้าจำไม่ผิดเราเอามันแช่น้ำไว้ตรงจุดที่ต่ำลงไปกว่านี้นี่นา…ผมลืมไปซะสนิทเลย
“ปะ-ไปดูกันดีหน่อยไหมครับ?”
“กะ-ก็ดีเหมือนกันค่ะ”
ไม่ใช่ผมคนเดียวสินะ ที่ลืม…เพราะจากอาการคนอื่นๆ ก็น่าจะลืมเหมือนกัน
ผมชักรู้สึกสงสารมันขึ้นมานิดๆ แล้วสิ เพราะถึงจะเป็นก็อบลิน…
แต่ปล่อยมันไว้แบบนั้นก็ดูจะโหดร้ายกับมันเกินไปหน่อยอยู่เหมือนกัน
รู้งี้ลืมๆ มันไปซะก็ดี…กว่าที่จะมานึกขึ้นได้แบบนี้ล่ะมั้ง?
“นี่ วาตารุซัง น้ำพุร้อนนี่มันช่วยทำให้ผิวลื่นๆ ดีนะคะ”
อัลม่าซังถามขึ้นในขณะที่เดินเข้ามาใกล้ๆ ผม
ไม่รู้ว่าผมลามกไปเองหรือเปล่า แต่คำว่า “ลื่น” จากปากของอัลม่าซังมันฟังดู…อืม ก็นะ…
“น่าจะเป็นเพราะน้ำมันช่วยละลายสิ่งสกปรกกับเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วออกไปก็ได้นะครับ”
“ละลายเหรอคะ?”
“ใช่ครับ แต่ก็แค่ผิวชั้นนอกเล็กน้อยเท่านั้น
มันไม่เป็นอันตราย แต่ก็เคยได้ยินมาว่าคนที่ผิวแพ้ง่าย
ไม่ควรลงแช่น้ำพุร้อนหลายๆ รอบติดๆ กันนะครับ”
…น่าจะใช่ล่ะมั้ง?
“เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ วาตารุซัง”
รอยยิ้มทรงเสน่ห์กับเนินอกที่เผยออกมาเล็กน้อยของอัลม่าซัง…
นี่คือรางวัลตอบแทนคำตอบของผมใช่ไหมครับ? อัลม่าซัง
หรือนี่จะเป็นแค่การแกล้งผมเล่นเฉยๆ ? …แต่ไม่ว่าจะยังไง
ตอนนี้ต้องเก็บภาพพวกนี้เอาไว้ในหัวให้ได้มากที่สุด
หลังจากแช่น้ำกันอยู่สักพัก สาวๆ ก็เริ่มออกไปอาบน้ำกันที่เรือยาง…
และนั่นเป็นภาพที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน มันเป็นภาพที่สุดยอดลยล่ะ
ภาพของสาวสวยในชุดว่ายน้ำ หน้าอกที่กำลังสั่นไหว
จังหวะที่พวกเธอก้มตัว แล้วไหนจะฉากที่สอดมือเข้าไปล้างในชุดว่ายน้ำอีก…
มันเป็นภาพที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะปกติพวกเธอจะอาบน้ำกันในห้องส่วนตัว
แต่ครั้งพวกเธอเลือกที่จะอาบน้ำกันที่นี่ คงต้องยกให้เป็นความดีความชอบของน้ำพุร้อนสินะ
เพราะมันช่วยให้พวกเธอเลือกที่จะอาบน้ำกันที่นี่แทนที่จะกลับไปอาบกันทีห้อง…ละมั้ง?
“อัลม่าซัง ปกติพวกคุณไม่มาอาบน้ำกันข้างนอกนิครับ?
ทำไมวันนี้ถึง…หรือคุณไปพูดอะไรอีกแล้ว?
“ฟุฟุ เปล่าค่ะ พวกเราแค่รู้สึกว่า
ถ้ากลับไปอาบที่ห้องหลังจากแช่น้ำพุร้อนเสร็จแล้ว
มันจะทำให้ประสิทธิภาพของน้ำพุร้อนลดลงน่ะค่ะ
คือ วาตารุซังไม่ชอบแบบนี้เหรอคะ?”
“ไม่เลยครับ ผมชอบมากเลยต่างหาก”
ชอบมากจริงๆ นะ ไม่สิ ผมรักเลยต่างหาก
“งั้นก็ดีค่ะ”
ผมชอบภาพที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้สุดๆ เลยล่ะ
แต่…การที่ฟองจากแชมพูแล้วก็สบู่ไหลลงไปในลำธารแบบนี้…
มันจะทำให้น้ำเสียหรือเปล่านะ?
เอาเถอะ แค่ 9 คนเองคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง?
ที่เหลือผมจะฝากให้ชาวบ้านเป็นคนจัดการ ผมเชื่อว่าพวกเขาจะต้องคิดหาวิธีได้
หลังจากพวกเธอล้างตัวเสร็จ พวกเธอก็กลับลงมาแช่น้ำกันอีกรอบ
ผมเลยถือโอกาสบอกเรื่องถ้ำกับพวกเธอ
“อลิเซียซัง พวกเราขอไปสำรวจถ้ำด้วยได้ไหมครับ”
“ได้สิคะ พวกเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่วาตารุซังจะไปกับพวกเรา
แต่คุณรู้ใช่ไหมคะว่าในถ้ำมันเต็มไปด้วยแมลง?”
“…ผมเองก็ไม่อยากไปหรอกครับ
แต่ถ้าปล่อยให้มดยักษ์ขยายพันธุ์ไปเรื่อยๆ แบบนี้
ชาวบ้านคงได้เดือดร้อนกันแน่ ดังนั้นผมเลยต้องไปทำอะไรสักอย่าง
เพราะผมเป็นคนพาพวกเขามาที่นี่ ผมจะต้องรับผิดชอบพวกเขาให้ถึงที่สุด”
แม้ผมจะเกลียดแมลงสักแค่ไหน แต่ก็ต้องอดทนกับเรื่องนี้
เพราะถ้าผมปล่อยมันไปจนมันออกไปโจมตีหมู่บ้านล่ะก็
ผมคงได้มองหน้าเฟลิเซียไม่ติดแน่
ผมลองถามอลิเซียซัง ว่ามดยักษ์ในถ้ำ
มันเหมือนกับที่ออกมาในนิยายแนวแฟนตาซีหรือเปล่า?
แล้วก็ได้คำตอบว่า มันเหมือนอย่างที่ผมคิดเอาไว้
มีราชินีมด มีรัง มีการเพิ่มขึ้นของมดงานและมดทหารอย่างต่อเนื่อง
และที่ยังไม่มีมดออกมาข้างนอกถ้ำ ก็คงเพราะอาหารในนั้นยังมีเพียงพอ
แต่ถ้าจำนวนของมันขึ้นเรื่อยๆ จนอาหารไม่พอเมื่อไหร่
พวกมันจะออกมาอย่างแน่นอน และจากที่ได้ยิน
ข้างในถ้ำมีมดเยอะมาก…ถ้าจะทำอะไรก็ต้องรีบทำ
ผมอยากกำจัดราชินีมดให้ได้ก่อนที่มันจะสายเกินไป
“เข้าใจแล้วค่ะ วาตารุซัง”
“ครับ ขอฝากตัวด้วย”
ทุกคนดูเหมือนจะดีใจที่ผมตามไปด้วยสินะ
ถึงผมจะทำได้ แค่เตรียมอาหารกับที่พักก็เถอะ
แต่ดูจากรอยยิ้มของคาร์ล่าซังแล้ว
ตอนนี้ผมคงกลายเป็นตัวตนที่ขาดไม่ได้สำหรับพวกเธอไปแล้วสินะ?
หรือในอีกความหมายคือ พวกเธอเริ่มที่จะติดสบายกันแล้ว
แบบนี้มันก็เข้าทางผมเลยน่ะสิ แต่…ปัญหาตอนคือ
ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงให้ความสัมพันธ์ของพวกเรามันก้าวหน้ามากไปกว่านี้นี่สิ…
หรือผมควรเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับอัลม่าซังดี?
แต่แบบนั้นมันก็ออกจะเสี่ยงอยู่นะ แต่ก็มีโอกาสที่จะได้รับคำแนะนำดีๆ มาเหมือนกัน
ระหว่างที่คิด ผมก็ลุกออกจากอ่าง
เช็ดตัว แล้วก็กำลังจะเดินกลับไปที่ไฮด์อเวย์
ส่วนสาวๆ ก็กำลังแช่น้ำกันอยู่
แต่พอมาลองคิดๆ ดูแถวนี้ควรจะมีรั้วไหมนะ
เพราะถ้ามีมันจะทำให้วิวดีๆ เสียไป…
แต่ผมอยากได้ที่ล้างตัวอ่ะ แล้วไหนจะหลังคาสำหรับบังแดดอีก…
ไว้ลองไปปรึกษาเรื่องนี้กับคุณหัวหน้าหมู่บ้านดูดีกว่า
“วาตารุซัง! พวกเราต้องไปดูเจ้าก็อบลินกันนะคะ”
จริงด้วย! คำพูดของอลิเซียซังทำให้ผมนึกขึ้นมาได้…อีกครั้ง
ผมลืมเจ้าก็อบลินตัวนั้นไปอีกแล้ว
“ผมว่าไปทั้งที่ใส่ชุดว่ายน้ำอยู่แบบนี้คงไม่เหมาะครับ
ไว้เรากลับไปเปลี่ยนชุดกันก่อนแล้วค่อยไปน่าจะดีกว่า”
“โอเคค่ะ งั้นฉันขอใส่ชุดธรรมดาไปนะคะ วาตารุซัง”
อืม คงไม่ต้องเตรียมอะไรไปมากหรอกมั้ง?
เพราะเราแค่จะไปดูเจ้าก็อบลินที่จับเอาไว้เฉยๆ
อีกอย่างแถวนี้ก็มีแต่มอนสเตอร์ที่อ่อนแอด้วย…
“โอเคครับ”
จากนั้นพวกเราก็กลับไปเปลี่ยนชุดที่ไฮด์อเวย์
เสร็จแล้วก็มุ่งหน้าไปยังจุดที่จุ่มเจ้าก็อบลินเอาไว้
“คือ…ตรงนี้ถูกแล้วใช่ไหมครับ?”
“ใช่ค่ะ ตรงนี้แน่นอน”
มารีน่าซังตอบกลับมาด้วยความมั่นใจ
“เอ่อ…มันหนีไปได้เหรอครับ?”
มารีน่าซังที่ออกไปตรวจบริเวณรอบๆ มา
บอกกับผมว่า เธอพบร่องรอยของก็อบลินเดินเข้ามาในบริเวณนี้
ดูเหมือนพรรคพวกของมันจะมาช่วยมันออกไปสินะ
…เจ้าก็อบลินนั่นโกรธพวกเราพอสมควรเลยนิ
ปล่อยมันไปแบบนี้ มันคงไม่กลับมาแก้แค้นหรอกใช่ไหม?
แบบว่ากลับไปฝึกฝนจนสามารถวิวัฒนาการไปเป็นก็อบลินคิงได้หรืออะไรแบบนั้น
จากนั้นก็กลับมาแก้แค้น คืออะไรแบบนี้มันมีให้เห็นบ่อยๆ ในนิยายไม่ใช่เหรอ?
น่ากลัวแฮะ หรือเราควรออกล่ามันก่อนที่จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นดี?
…แต่ถ้าทำแบบนั้นสาวๆ อาจหาว่าผมคิดมากไปเองก็ได้
งั้นเอาเป็นว่าปล่อยมันไปก็แล้วกัน ขอกลับไปกินข้าวที่ไฮด์อเวย์ดีกว่า
ระหว่างมื้อเย็น พวกเราคุยกันเรื่องความประทับใจทีแต่ละคน
มีต่อออนเซ็นกันอย่างสนุกสนาน
และวางแผนสำหรับการสำรวจถ้ำในวันพรุ่งนี้
เพราะผมไปด้วย พวกเธอเลยบอกว่าจะสำรวจถ้ำกันให้ทั่ว
เพราะเรามีเสบียงมากพอสำหรับใช้ไปอีกหลายเดือน
แล้วไหนจะมีเรือกระท่อมที่ใช้เป็นที่พักที่ปลอดภัยได้อีก
แถมถ้าเจอพื้นที่กว้างๆ ผมก็สามารถอัญเชิญไฮด์อเวย์ออกมาได้ด้วย
จะอาบน้ำ พักผ่อน หรือแม้แต่จัดงานปาร์ตี้ก็สามารถทำได้
แบบนี้ไม่เรียกว่าสบายสุดๆ ไปเลยเหรอ?
อีกอย่างสำหรับผมการที่อยู่ในถ้ำนานขึ้นอีกหน่อย
แล้วสามารถสำรวจให้จบได้ภายในรอบเดียว
ก็ยังดีกว่าการที่ต้องเข้าไปในถ้ำอีกหลายๆ รอบ
เพราะถ้าผมต้องเข้าไปในถ้ำที่มีแต่แมลงอีกหลายๆ รอบล่ะก็…
ผมคงได้เป็นบ้าตายไปก่อนเแน่ๆ
หลังทานอาหารเสร็จ พวกเราก็แยกย้ายกันกลับห้อง
“นายท่านจะไหวจริงๆ เหรอคะ?
เพราะขนาดฉันยังคิดว่ามดยักษ์มันน่าขยะแขยงเลย”
“ไม่ไหวก็ต้องไหวนั่นล่ะ ไอเนส
เพราะงั้นช่วยกำจัดพวกมันให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ในการสำรวจครั้งนี้ทีนะ
เพราะยิ่งพวกมันเหลือน้อยเท่าไหร่ ชาวบ้านก็ยิ่งปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น”
“โอ้ว! เชื่อมือฉันได้เลย”
“ขอขอบคุณจริงๆ นะคะ นายท่าน”
“ไม่เป็นไร เงยหน้าขึ้นเถอะ เฟลิเซีบ
ผมเป็นคนพาทุกคนมาที่นี่ ผมก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบพวกเขาสิ”
นี่แหละ คือช่วงเวลาที่จะได้แสดงความเท่ของผม
ผมจะถือโอกาสนี้ ในการเพิ่มคะแนนความนิยมของผมกับสาวๆ
ที่ต้องระวังอย่างเดียวคืออย่าทำอะไรน่าอายออกไป
ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าผมกลัวแมลง
ดังนั้นขอแค่ไม่ทำอะไรที่มันน่าอายจนเกินไปก็น่าจะพอแล้ว
“ฉันต้องขอขอบคุณจริงๆ นะคะ นายท่าน”
“ไม่เอาน่า ไม่ต้องเกรงใจหรอกกันหรอกนะ เฟลิเซีย”
ฮ่าๆ แค่นี้ค่าความชอบของเฟลิเซียก็เพิ่มขึ้นอีกแล้ว
ถึงเธอจะเป็นทาสและเราก็ทำอะไรอย่างนั้นกันอยู่แล้ว
แต่ถ้าความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อกันเพิ่มขึ้น อะไรๆ มันก็ดีขึ้นทั้งนั้นล่ะ
…ผมรู้สึกว่า ความคิดแนวเกมจีบสาวแบบนี้แหละที่ทำให้ผมไม่ฮิตในหมู่สาวๆ
แต่สมองมันกลับไหลไปทางนี้เองโดยอัตโนมัตินี่สิ…
ผมนี่เป็นเหยื่อของสังคมญี่ปุ่นยุคใหม่ ที่เต็มไปด้วยสื่อความบันเทิงจริงๆ สินะ
“วาตารุ บิน!”
“หือ? อ้อ ริมุ อยากฝึกแปลงร่างเหรอ?”
ตั้งแต่ผมบอกว่าอย่าแปลงร่างให้คนอื่นเห็นอย่างเด็ดขาด
ริมุก็จะมาขออนุญาตผมก่อนทุกครั้ง ที่เขาจะแปลงร่างเสมอ
ริมุนี่ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ เขาจะมาขอผมฝึกแปลงร่างเสมอก่อนที่พวกเราจะนอน
จนมันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว และเขาก็ดูสนุกกับมันมาก
“ใช่”
“โอเค งั้นผมจะดูอยู่ตรงนี่นะ ริมุก็พยายามเข้าล่ะ”
“อืม ริมุจะพยายาม”
พูดจบ ริมุก็เปล่งแสงจากนั้นก็มีวงแหวนและปีกเล็กๆ ปรากฏขึ้นมา…
น่ารัก น่ารักสุดๆ ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันใช้หลักอะไร
แต่เวลาที่ปีกเล็กๆ นั่นขยับ ตัวของริมุก็จะลอยขึ้นจากพื้น
ช่วงแรกริมุบินได้สูงถึงแค่บริเวณหัวเข่าของผม
แต่ตอนนี้เขาสามารถบินขึ้นมาได้ถึงระดับอกของผมแล้ว
ริมุช่างเป็นเด็กที่ขยันขันแข็งดีจริงๆ เพราะเขาตั้งใจฝึกในทุกๆ วัน
แต่ดูเหมือนริมุจะยังไม่ถนัดเรื่องการควบคุมความสมดุลสินะ
เพราะเขายังบินเอนไปเอนมาอยู่เลย จากนั้น…
จู่ๆ ริมุก็บินพุ่งเข้ามาที่หน้าอกของผม แล้วก็กระพือปีกผับๆ สุดแรง
“บินเยอะเลย”
น่ารัก…ไม่ไหวเลือดกำเดาจะพุ่งอยู่แล้ว…
“เก่งขึ้นมากเลย ริมุ”
“อื้ม”
ผมอุ้มริมุเอาไว้ในอ้อมแขน จากนั้นก็ลูบหัวเขาเบาๆ
แล้วก็เอาเขาไปส่งที่เตียง ไม่นานริมุก็หลับไปด้วยความเหนื่อยล้า…
ต่อไปก็เป็นช่วงเวลาสำหรับผู้ใหญ่
วันนี้ผมจะใช้เวลากับไอเนสและเฟลิเซียให้เต็มที่เลย
เพราะเราต้องไปอยู่ในถ้ำกันอีกนาน
ดังนั้นคืนนี้ต้องเอาให้สุดแล้วไปหยุดที่ฝันดีเลยแล้วกัน…
………………
ผมขยี้ตาเบาๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นจากเตียง
ทำกิจวัตรยามเช้า จากนั้นก็ออกไปยังห้องอาหารเพื่อทานมื้อเช้า
วันนี้เป็นวันที่เราจะออกไปสำรวจถ้ำกัน
ผมเลยรู้สึกหดหู่อยู่นิดหน่อย แต่…
สาวๆ กลับรู้สึกตื่นเต้นกันซะงั้น…ผมล่ะไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าพวกเธอตื่นเต้นอะไรกัน
พวกเรากำลังจะเข้าไปในรังมดกันอยู่นะ เฮ้อ…
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย พวกเราก็เริ่มออกเดินทางกัน
สาวๆ นำทางผมไปที่ถ้ำพวกเราใช่เวลาเดินไม่ถึง 10 นาที ด้วยซ้ำ
ก็มาถึงปากทางเข้าถ้ำแล้ว…
“อยู่ใกล้จังเลยนะครับ…”
“อลิเซียซัง คุณคิดว่าเราพอจะมีโอกาสไปถึงตัวของราชินีได้ไหมครับ?”
“อืม…มันก็ขึ้นอยู่กับจำนวนของพวกมันค่ะ
แต่ฉันมั่นใจว่าถ้ามีวาตารุซังอยู่ด้วย
พวกเราจะสามารถไปถึงตัวของราชินีได้อย่างแน่นอน”
แบบนี้ก็พอมีหวังสินะ…ที่นี่กับบ่อน้ำพุร้อนห่างกันแค่ 10 นาที
ถ้าพวกเราสามารถกำจัดราชินีมดลงได้ ก็น่าจะพอสร้างหมู่บ้านขึ้นที่นี่ได้สินะ
แบบนี้คงต้องพยายามหน่อยแล้ว
ผมจะต้องกำจัดมดยักษ์ และราชินีมดให้ได้เลย…
MANGA DISCUSSION