หลังจากตรวจสอบคุณสมบัติของน้ำกันจนแน่ใจแล้ว
สมาชิกจิราโซเล่ทุกคนก็รีบวิ่งกลับไปเปลี่ยนชุดกันที่ ไฮด์อเวย์ ในทันที
บอกตามตรง ผมน่ะเฝ้ารอช่วงเวลานี้มานานแล้ว
เพราะตั้งแต่ที่ทุกคนได้รับการดูแลผิวและความงามเป็นอย่างดี
ตอนที่อยู่บน คาสเซิล ผิวพรรณของพวกเธอทุกคน
ก็ดูเปล่งประกายและเรียบเนียนยิ่งขึ้น จนทำให้ผมถึง…
“นายท่าน น้ำมันเริ่มเย็นแล้วนะคะ
ฉันคิดว่าเราค่อยจะเปลี่ยนน้ำก่อนที่พวกเธอจะกลับมาะ”
“อ-โอ้ว!”
จากนั้น ผม ไอเนส และเฟลิเซีย ก็ไปช่วยกันเปลี่ยนน้ำในอ่าง
โดยเทน้ำเก่าออกและนำอ่างไปรองน้ำใหม่ที่ต้นน้ำ…
แต่…การที่ผมเทน้ำเก่าลงในลำธารโดยตรงแบบนี้ มันจะเป็นอะไรไหมนะ?
อืม ชักสงสัยขึ้นมาแล้วสิ ไว้หาเวลาไปตรวจสอบดีกว่า
ว่าลำธารสายนี้มันไหลไปถึงที่ไหน…
“นี่ นายท่าน ถ้าเราต้องมาเปลี่ยนน้ำกันบ่อยๆ แบบนี้
ทำไมเราถึงไม่เอาน้ำพวกนี้ ไปเติมลงในอ่างจากุซซี่ที่ ไฮด์อเวย์ แทนล่ะคะ?”
ไอเนส…นี่เธอเป็นอัจฉริยะงั้นเหรอ!?
“…จริงด้วย! เป็นความคิดที่ดีมาก ไอเนส
งั้นเรามาช่วยกันเติมน้ำลงอ่างให้เต็มกันเถอะ
จากนั้นค่อยเอามันไปเติมลงในอ่างบนไฮด์อเวย์”
พวกเรา 3 คน ช่วยกันตักน้ำเติมลงมาในอ่าง
ผมคิดว่าน่าจะต้องทำแบบนี้สัก 2 รอบ กว่าที่อ่างจากุซซี่จะเต็ม
โดยปกติการเติมน้ำแร่แบบนี้ ลงไปในอ่างจากุซซี่มันจะทำให้อ่างพัง
แต่ด้วยคุณสมบัติที่ไม่สามารถถูกทำลายได้ของเรือ
ผมเลยคิดว่าอ่างมันน่าจะไม่เป็นอะไร
อ่างจากุซซี่ที่ใช้น้ำแร่จากบ่อน้ำพุร้อนงั้นเหรอ?
แค่ฟังก็ทำให้รู้สึกดีแล้ว ผมจะต้องลงแช่มันให้ได้…
โอ๊ะ! ทุกๆ คนกลับมากันแล้ว
“เอ๊ะ? กำลังเปลี่ยนน้ำอยู่เหรอคะ? วาตารุซัง”
“ใช่ครับ เพราะน้ำมันเริ่มเย็นแล้ว”
จากนั้นผมก็เล่าไอเดียที่ไอเนสเสนอขึ้นมาให้ทุกคนฟัง
คือเราจะนำเอาน้ำพวกนี้ ไปเติมลงในอ่างจากุซซี่ที่อยู่บนไฮด์อเวย์
เพื่อรักษาอุณภมูิของน้ำเอาไว้ และจะได้ลงแช่ได้ทีละหลายๆ คน
พอผมเล่าไอเดียนี้ให้ทุกคนฟัง ทุกคนต่างก็เห็นด้วยกับความคิดนี้
และอดใจรอที่จะได้ลงแช่ในอ่างที่มีน้ำแร่นี้กันแทบไม่ไหว
หลังจากนั้นเมื่อผมเติมน้ำร้อนจนเต็มอ่างแล้ว
พวกเราก็ช่วยกันเอามันไปเติมลงในอ่างจากุซซี่
พวกเราทำแบบนี้อยู่ด้วยกันทั้งหมด 2 รอบ
จากนั้นเราก็เติมน้ำเย็นลงไปเพื่อปรับอุณภูมิของน้ำ
แค่นี้อุณหภูมิก็น่าจะพอเหมาะแล้วล่ะมั้ง…
จากนั้นผมก็ไปนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ด้านข้างของอ่างจากุซซี่
และเฝ้ามองสาวๆ ที่กำลังแช่น้ำกันอย่างสบาย
ฮ่าๆ ตอนนี้ ผมสามารถมองดูทุกคนแช่น้ำได้อย่างสบายใจเลยล่ะ
เพราะตอนนี้ผมมีข้ออ้างดีๆ อย่างการตรวจสอบผลของน้ำพุร้อนมาอ้างยังไงล่ะ
“น้ำร้อนเป็นยังไงบ้างครับทุกคน?”
“มันยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ วาตารุซัง
เพราะแค่ลงแช่ก็ทำให้รู้สึกว่าผิวนุ่มลื่นขึ้นเลย…
มันช่างเป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่ดีจริงๆ ค่ะ”
อลิเซียซังพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ดีใจสุดๆ
“แล้วคลอเร็ตต้าซังล่ะครับ เรื่องกลิ่นพอจะรับไหวหรือเปล่า?”
“ไม่มีปัญหาค่ะ เพราะไม่รู้ทำไมตอนนี้ฉันถึงได้รู้สึกว่าไม่มีปัญหาอะไรกับกลิ่นแล้ว
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะจมูกของฉันมันพังไปแล้วหรือไม่ก็แค่ชินกับกลิ่มของมันเฉยๆ”
ดูเหมือนตอนนี้ทุกคนจะไม่มีปัญหาอะไรสินะ
เพราะจากที่ดู ทุกคนก็ดูจะรู้สึกดีกับการแช่น้ำ
ผมดีใจที่การเดินทางครั้งนี้มันไม่สูญเปล่า
หลังขึ้นจากน้ำ ทุกคนก็มาช่วยกันตรวจสอบสภาพผิวของแต่ละคน
จากนั้นก็พากันหัวเราะคิกคักกันอย่างมีความสุข อ๊า…ช่างเป็นภาพที่น่าดูจริงๆ
“วาตารุซัง น้ำพุร้อนสุดยอดไปเลยค่ะ”
อลิเซียซังพูดพร้อมส่งรอยยิ้มสดใสมาให้ผม
ใช่ครับ สุดยอดมาก…ชุดว่ายน้ำตัวนี้เหมาะกับคุณมากเลยครับ อลิเซียซัง
มันเหมาะซะจนผมอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้เลยล่ะ…
“ผมดีใจที่คุณชอบมันนะครับ”
พูดจบผมก็ส่งเบียร์เย็นๆ ไปให้อลิเซียซัง
เธอรับมันไปจากนั้นก็ยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมดกระป๋อง…
“อ๊าาาา~ สดชื่นนนนนนนน!
เบียร์เย็นๆ หลังอาบน้ำนี่มันดีจริงๆ เลยนะคะ วาตารุซัง”
ถูกต้อง! ผมเห็นด้วยกับความคิดของคุณเลยครับ อลิเซียซัง
เพราะการได้ดื่มเบียร์เย็นๆ หลังอาบน้ำนี่
มันไม่มีอะไรจะสุดยอดเท่าอีกแล้ว
ไม่สิ แบบนี้ต้องเรียกว่าดื่มหลังจากแช่ออนเซ็นมากกว่า
นี้แหละ คือชีวิตที่คุณพ่อทั้งหลายใฝ่ฝันที่จะมีในวันหยุดน่ะ…
“การแช่น้ำพุร้อนแบบนี้มันให้ความรู้สึกดีที่มากๆ เลยนะคะ นายท่าน
ว่าแต่ คุณมีแผนจะทำยังไงกับบ่อน้ำพุร้อนนี้ต่อไปเหรอคะ?”
“อืม…ตอนนี้ผมยังไม่มีแผนอะไรเลยค่ะ
เพราะถ้าดูจากระยาทางที่ใช้ในการมาที่นี่แล้ว…
ทุกคนมีความคิดเห็นกับเรื่องนี้ยังไงบ้างครับ?”
ผมต้องลองถามความคิดเห็นของทุกคนดูก่อน
เพราะเรื่องระยะทาง ถ้าที่นี่มันสามารถเดินทางมาด้วย แอดด์ ได้ล่ะก็
ป่าวนี้ผมคงตัดสินใจที่จะสร้างที่นี่ให้มันเป็น ออนเซ็น ไปแล้ว
แต่ที่ยังลังเลอยู่จนถึงตอนนี้ ก็เพราะระยะทางของมัน
เพราะกว่าที่พวกเราจะเดินทางมาถึงที่นี่ได้
พวกเราต้องฝ่าฟันอุปสรรคมานานับประการ
ไม่ว่าจะเป็นการปีนเขา เดินบุกเข้าป่า หรือแม้แต่ต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์
เฮ้อ…กว่าจะมาถึงที่นี่ได้มันลำบากมากเลยนะ…
“ถึงการเดินทางมาที่นี่จะลำบาก แต่การปล่อยที่นี่ไว้เฉยๆ
มันก็ออกจะน่าเสียดายไปหน่อยนะคะ นายท่าน”
ขณะที่ผมกำลังคิดไม่ตกอยู่นั้น จู่ๆ เฟลิเซียก็เสนอความคิดหนึ่งขึ้นมา
“ฉันคิดว่าถ้าเราลองเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับคุณพ่อ
บางทีพวกเราอาจจะพอมีหนทางก็ได้นะคะ
เพราะฉันเชื่อว่าคุณพ่อน่าจะพอมีวิธีที่จะช่วยพวกเราจัดการกับเรื่องนี้
บางทีเขาอาจจะไปเกณฑ์ชาวบ้านขึ้นมาช่วยกับตัดต้นไม้
เพื่อสร้างทางจากหมู่บ้านมาถึงที่นี่เลยก็ได้”
สร้างทางงั้นเหรอ? หรือบางที่ผมควรจะไปลองขอ
ให้พวกเขาสร้างหมู่บ้านออนเซ็นขึ้นมาที่นี่ดีนะ?
หมู่บ้านออนเซ็นที่มีดาร์กเอลฟ์เป็นเจ้าของงั้นเหรอ…
เอ่อ…นึกภาพไม่ออกเลยแฮะ แต่ถ้าทำได้จริงๆ
มันอาจกลายเป็นสถานที่พักผ่อน ของคนในหมู่บ้านไปเลยก็ได้
เป็นความคิดที่ไม่เลวเลย…แต่ก็ติดตรงที่มันต้องใช่แรงงานเยอะมากเลยนี่สิ
“การทำทางขึ้นมันดีอยู่หรอก แต่ที่นี่มันอยู่ไกลจากหมู่บ้านมากเลยนะ เฟลิเซีย
แถมคนในหมู่บ้านยังมีกันอยู่แค่ไม่กี่คนเอง
ผมคิดว่ามันจะเป็นการเพิ่มภาระงานให้กับคนในหมู่บ้านมากจนเกินไป”
“ก็จริงค่ะ เพราะถ้าเราทำแบบนั้น
มันจะเป็นการเพิ่มภาระงานให้กับคนในหมู่บ้าน
แต่นายท่านต้องไม่ลืมนะคะ
ว่าพวกเขาต้องสร้างหมู่บ้านเอาไว้ที่กลางป่าด้วย
ดังนั้นฉันเลยคิดว่าพอมีความเป็นไปได้ที่พวกเขา
จะมาสร้างหมู่บ้านที่ตรงนี่ได้ เพราะพวกเขาไม่ต้องคอยไปขนไม้ออกจากป่า”
“งั้นพวกเราลองไปพาหัวหน้าหมู่บ้านกับคนอื่นๆ มาดูสถานที่ก่อนดีไหม?
แล้วถ้าพวกเขาชอบบ่อน้ำพุร้อน ก็ค่อยให้พวกเขาสร้างหมู่บ้านกันที่นี่?”
จากหมู่บ้านกลางป่า กลายมาเป็นหมู่บ้านกลางหุบเขางั้นเหรอ…
แบบนี้มันจะไม่ไกลจากหมู่บ้านหลักเกินไปหน่อยหรือไง?
“แบบนั้นจะดีเหรอคะ?”
“อืม ยังเราพวกเราก็ไม่ได้อยู่ที่นี่กันตลอดเวลาอยู่แล้ว
ไว้จะมาค่อยขอคนในหมู่บ้านเป็นครั้งครางเอาก็แล้วกัน
ว่าแต่ ที่นี่มันจะไม่ไกลจากหมู่บ้านหลังเกินไปหน่อยเหรอ?”
“ถ้าเรามีจุดแวะพักระหว่างทาง เรื่องระยะทางก็คงจะไม่มีปัญหาหรอกค่ะ
ถ้าเราสามารถใช้ประโยชน์จากบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ได้
ฉันเชื่อว่าชาวบ้านจะต้องยินดีกันอย่างแน่นอนค่ะ
ดังนั้นได้โปรดพิจารณาเรื่องนี้ด้วยนะคะ นายท่าน”
ผมชักสงสัยแล้วสิ ว่าถ้าพวกสร้างหมู่บ้านออนเซ็นขึ้นมาที่นี่
วัฒนธรรมการอาบน้ำพุร้อนของเกาะนี้มันจะเป็นยังไง?
“โอเค แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหัวหน้าหมู่บ้านนะ
เพราะผมจะบอกพวกเขาแค่คุณสมบัติของน้ำพุร้อนเท่านั้น
ส่วนเรื่องที่จะมาสร้างหมู่บ้านขึ้นที่นี่หรือไม่
ผมจะปล่อยให้พวกเขาเป็นคนตัดสินใจกันเอาเอง”
“ขอบคุณค่ะ นายท่าน”
ฮ่าๆ แค่นี้ผมก็โยนงานน่าเบื่อไปให้คนอื่นทำได้แล้ว
แถมถ้าพวกเขาตกลงที่จะขึ้นมาสร้างหมู่บ้านกันที่นี่จริงๆ
ตัวผมเองก็จะได้ประโยชน์ไปด้วย
เพราะถ้าพวกเขาขึ้นมาสร้างหมู่บ้านกันที่นี่จริงๆ ล่ะก็อย่างน้อยๆ
พวกเขาก็ต้องขึ้นมาเคลียร์ทางจากที่นี่ลงไปจนถึงหมู่บ้านหลัก
แค่นี้ต่อไปเวลาที่ผมจะมาที่นี่ก็แค่นั่ง แอดด์ มาเท่านั้น
“วาตารุซัง เรื่องน้ำพุร้อนฉันพอจะเข้าใจแล้วค่ะ
แล้วหลังจากนี้พวกเราจะทำอะไรต่อไปเหรอคะ?”
หือ? จากคำพูดของอลิเซียซังทำให้ผมหันไปดูเวลา
นี่มันยังไม่ถึงเที่ยงเลยนี่นา…
“เอ่อ…งั้นพักอยู่ที่นี่ต่ออีกสัก 2-3 วัน ดีไหมครับ?
จะได้แช่น้ำพุร้อนกันให้เต็มที่ก่อนแล้วหลังจากนั้นค่อยกลับ”
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ งั้นพวกเราขอไปสำรวจถ้ำที่อยู่แถวๆ หน่อยนะคะ
วาตารุซัง จะไปกับพวกเราด้วยหรือเปล่าคะ?”
สำรวจถ้ำเหรอ? อ้อ ถ้ำที่โดโรธีซังไปเจอมาเมื่อวานสินะ
“…ขอผ่านดีกว่าครับ”
หลังปีนเขา ก็จะไปสำรวจถ้ำกันต่องั้นเหรอ? ผมไม่เอาด้วยหรอกนะ
“เอ๋! ทำไมล่ะคะ? ถ้าวาตารุซังไปด้วย มันจะช่วยได้มากเลยนะคะ”
“เอ่อ…ผมก็ดีใจอยู่หรอก ที่ได้ยินแบบนั้น
แต่ผมไม่ค่อยถูกกับแมลงนี่สิ…แล้วคุณจะไปสำรวจถ้ำบนเกาะร้างแบบนี้ทำไมเหรอครับ?
เพราะในความคิดของผม ไม่เห็นว่ามันจะมีประโยชน์ตรงไหนเลย”
หรือต่อให้มี ก็คงเจอพวกแร่หายาก หรือ ไม่ก็พวกสมุนไพรล่ะมั้ง
ดีไม่ดีอาจเจอกับมอนสเตอร์หายากเข้าก็ได้…เอ๊ะ!?
“ก็เพื่อความสนุกยังไงล่ะคะ! เพราะการออกสำรวจโดยไม่รู้ว่าจะไปเจอกับอะไร
มันสนุกจะตาย อีกอย่างถึงเกาะนี้จะเป็นเกาะร้าง
แต่ก็ใช่ว่าในอดีตจะต้องเป็นแบบนั้น บางทีเกาะนี้อาจเคยมีคนเคยอยู่อาศัยก็ได้
ดังนั้นการไปสำรวจในครั้งนี้บางทีพวกเราอาจเจอเข้ากับสมบัติก็ได้นะคะ
เพราะที่นี่ยังไม่เคยมีใครไปสำรวจมาก่อนเลย”
เอ่อ…จริงๆ เมื่อก็ผมก็พึ่งคิดขึ้นมาได้
ว่ามันอาจจะมีของมีค่าหรือสมบัติอยู่ก็ได้
และยิ่งมาได้ยินที่อลิเซียซังพูดแบบนี้หรือบางที…
ที่นี่อาจมีซากปรักหักพังของอารยธรรมโบราณซ่อนอยู่ก็ได้…
นี่นั่นความฝันของลูกผู้ชายเลยไม่ใช่เหรอ? ที่ได้ไปสำรวจซากปรักหักพังแบบนี้!
“ใช่ค่ะ บางทีพวกเราอาจเจอเรือเวทมนตร์ หรือ พาหนะเวทมนตร์ ก็ได้นะคะ”
“ใช่ๆ หรืออาจมีสมบัติอย่างอื่นอีกก็ได้
รู้แบบนี้คุณอยากไปกับเราแล้วใช่ไหมคะ วาตารุซัง?”
“เอ่อ…ไม่ดีกว่าครับ”
เพราะผมสามารถอัญเชิญ เรือเวทมนตร์ กับ พาหนะเวทมนตร์ ออกมาได้อยู่แล้ว
หรือต่อให้มันจะเป็นสมบัติก็เถอะ ตอนนี้ผมก็มีเงินเยอะแยะอยู่แล้ว
ถึงผมจะสนใจเรื่องนี้อยู่บ้าง…แต่ถ้าจะให้เลือกจริงๆ ขอไม่ไปดีกว่า
เพราะผมนึกภาพตัวเองที่กรี๊ดออกมา ตอนเจอแมลงตอนที่กำลังเดินสำรวจออกเลยล่ะ
ผมไม่อยากโชว์ด้านน่าอายแบบนั่นให้สาวๆ เห็นอีกแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้ขอผ่านเถอะ…
“งั้นเหรอคะ…น่าเสียดาย ไว้คุณอยากไปเมื่อไหร่ก็มาบอกนะคะ
อ้อ ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบครั้งที่แล้ว
พวกเราต้องขอรบกวนวาตารุซังด้วยนะคะ”
“ได้เลยครับ”
แต่ผมไม่คิดว่าจะมีสถานการณ์ไหน
ที่ต้องใช้ความสารมารถของผมบนบกแบบนั้นอีกแล้วล่ะ…มั้ง?
เอาเถอะ…พักเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้วกัน
ถึงจะเร็วไปหน่อย แต่ไปกินมื้อที่ยงกันเลยดีกว่า
เพราะพวกเธอจะออกไปสำรวจถ้ำ
หลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จ พวกเธอก็ขอตัวออกไปสำรวจถ้ำ
โดยพวกเธอบอกว่า วันนี้จะสำรวจกันบริเวณปากถ้ำเท่านั้น และจะกลับในตอนมื้อเย็น
“แล้วเราจะทำอะไรกันดีคะ? นายท่าน”
ตอนนี้ผมยังไม่มีแผนการอะไร ที่คิดได้ก็คือกลับไปแช่น้ำต่อ
แล้วทีนี่ก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นให้ทำมากนัก
ผมซื้อเครื่องมือก่อสร้างมาแล้ว งั้นลองไปทำอะไรแถวๆ น้ำพุร้อนดูก็แล้วกัน
ผมกำลังอยากได้อ่างหินแบบบ่อ ออนเซ็น อยู่พอดี…
ผมเคยเห็นในรายการทีวีมาก่อนเลยพอจะรู้วิธีทำมันอยู่บ้าง
ถึงจะไม่แน่ใจว่ามันจะได้ผลหรือเปล่าก็เถอะ แต่ลองดูก็ไม่เสียหาย
วัตถุดุที่ใช้ก็มี ดินเหนียว ปูนขาว แล้วก็น้ำเกลือแบบเข้มข้นสินะ?
ปูนขาวทำจากการเผาเปลือกหอย ส่วนน้ำเกลือเข้มข้นก็ได้มาจากการทำน้ำเกลือ…
ว่าแต่ผมจะไปหาดินเหนียวจากไหนกันล่ะเนี่ย? นึกภาพตัวเองที่ทำทั้งหมดนี่ไม่ออกเลยแฮะ…
ไหนจะต้องกลับไปศึกษาสูตรการทำปูนข้าว ไหนจะเรื่องของน้ำเกลืออีก…
มันต้องใช้เวลามากเกินไป บางอย่างอาจหาได้จากหมู่บ้านดาร์กเอลฟ์ก็ได้
เช่นน้ำเกลือเข้มข้น แต่ที่เหลือมันยุ่งยากนี่สิ…
“อืม…ผมอยากลองทำอ่างหินดูนะ
แต่ตอนนี้ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะทำมันได้ยังไงดี
พวกเธอพอมีวิธีดีๆ แนะนำบ้างไหม?”
“อ่างหินเหรอคะ? ก็แค่ไปหาหินก้อนใหญ่ๆ มา
แล้วเจาะตรงกลางให้เป็นรู แค่นั้นก็ได้อ่างหินแล้วไม่ใช่เหรอคะ?”
“เจาะหินเหรอ? แล้วเราจะเจาะรูในหินได้ยังไง
ที่สำคัญคือเราจะไปหาหินก้อนใหญ่ขนาดนั้นมาจากไหน
แล้วผมก็ไม่คิดว่ามันจะเหมาะกับเรือยางหรอกนะ”
“ถ้าจะเจาะรูบนหิน ฉันสามารถให้ดาบทำให้ได้ค่ะ แต่เรื่องการขนย้ายนี่…
ลำพังแค่พวกเรา 3 คน ไม่น่าจะไหว เราคงต้องขอให้จิราโซเล่มาช่วยแล้วล่ะค่ะ”
จริงด้วย! นี่มันต่างโลกนี่นา…ในโลกนี้การใช้ดาบตัดหินคงเป็นเรื่องธรรมดาสินะ
ที่เหลือก็คือไปหาหินก้อนใหญ่ๆ แค่นี้พวกเราก็สร้างอ่างหินได้แล้ว
อ่างหินที่ทำจากหินทั้งก้อนงั้นเหรอ…ฟังดูหรูหราชะมัดเลย
“งั้นพวกเราลองออกไปหาก้อนหินกันเถอะ
ผมจำได้ว่าระหว่างทาง ผมเห็นหินลูกใหญ่ลูกนึงจากไกลๆ”
“ค่ะ!”
ผมอุ้มริมุขึ้นมาวางไว้บนหัว
แล้วออกเดินทางเพื่อไปตามหาก้อนหิน… ปรากฏว่ามันหาเจอได้ง่ายๆ เลยล่ะ
“ใหญ่มาก!”
“ค่ะ…”
“นายท่าน ก้อนหิน ก้อนใหญ่ขนาดนี้
ต่อให้จะมีจิราโซเล่มาช่วย พวกเราก็ขนมันไปไม่ไหวหรอกค่ะ”
เฟลิเซียพูดถูก หินก้อนนี้สูงประมาณ 3 เมตร กว้าง 5 เมตร และลึกอีก ประมาณ 3 เมตร
“ถ้าเราตัดมันให้เหลือสักประมาณ 70 เซนติเมตร กว้าง 2 เมตร ลึก 2 เมตร
ก็น่าจะพอไหว ไอเนส ถ้าหินมีรอยร้าวมันจะใช้ไม่ได้นะ
ดังนั้นช่วยตัดรอบๆ ให้ได้ขนาดหน่อยได้ไหม?”
“เข้าใจแล้วค่ะ ก่อนอื่นจะตัดรอบนอกเพื่อดูว่ามีรอยร้าวไหมใช่ไหมคะ?”
“ใช่ ช่วยหน่อยนะ”
ไอเนสดึงดาบของเธอออกมาแล้วเดินเข้าไปใกล้กับก้อนหิน
จากนั้น…หินก็ขาดออกตามแนวที่เธอฟันจากนั้นมาก็ค่อยๆ เลื่อนลงมา…
ว้าว ไม่มีเสียงเลยสักนิด…ต่างโลกสุดยอดอย่างกับในอนิเมะเลย!
หินมันเลื่อนลงมาแตะพื้น โดยที่ไม่มีเสียงเลย อย่างกับหินมันนิ่มงั้นล่ะ
และที่น่าทึ่งยิ่งกว่านั้น คือรอยตัดบนหินมันยาวยิ่งกว่าตัวใบดาบเสียอีก
“สุดยอดเลยใช่ไหม ริมุ?”
“อื้อ!”
ริมุกระโดดดึ๋งๆ อยู่บนหัวของผมอย่างสนุกสนาน
คงตื่นเต้นกับเห็นหินถูกฟันสินะ ริมุ
“เสร็จแล้วค่ะ นายท่าน”
ผมถึงกับต้องตกตะลึง เมื่อพบว่าผิวด้านนอกของหิน
ที่ถูกฟันออกมา มันเรียบเนียบแบบสุดๆ เลยล่ะ
“ขอบใจนะ ไอเนส
งั้นเราไปช่วยกันดูว่ามีรอยร้าวตรงไหนบ้างหรือเปล่าเถอะ”
“ค่ะ”
พวกเราช่วยกันตรวจดูอย่างละเอียด และพบว่ามันมีรอยร้าวแค่ตรงขอบเท่านั้น
ซึ่งถือว่าโชคดีมากๆ เพราะเราสามารถตัดมันออกได้อย่างง่ายดาย
“แบบนี้เราน่าจะสามารถทำอ่างหินขนาดใหญ่ได้ถึง 2 บ่อ เลยล่ะ”
“มันจำเป็นต้องมีถึง 2 บ่อเลยเหรอคะ? นายท่าน”
“ใช่ เพราะบ่อแรกจะใช้สำหรับการรองน้ำร้อน
ส่วนบ่อที่ 2 จะใช้สำหรับให้น้ำจากบ่อแรกไหลลงไป
การทำแบบนั้นจะช่วยในการปรับอุณหภูมิของบ่อที่ 2 ให้เย็นลง
แต่คงต้องมีการปรับระดับพื่นกันนิดหน่อย แต่ผมคิดว่าน่าจะพอทำได้
เอาเป็นว่าเรามาทำบ่อแรกให้เสร็จก่อนแล้วค่อยคิดเรื่องบ่อที่ 2 ก็แล้วกัน”
“ค่ะ”
ผมเป็นคนกำหนดขนาด จากนั้นก็ให้ไอเนสช่วยตัดหินตามขนาดให้
คราวนี้เธอฟันลงในแนวดิ่งแล้วเฉียงอีกครั้งเพื่อเอาชิ้นหินออกมา
แล้วผมกับเฟลิเซียก็ไปช่วยกันยกหินออก ในขณะที่ไอเนสฟันต่อไปอย่างเงียบๆ
“ฟู่… เสร็จสักที”
“เก่งมาก ไอเนส
เหลือก็แค่เอาค้อนมาเก็บรายละเอียดข้างในก็เสร็จเรียบร้อย”
“ใช้แค่ค้อนอย่างเดียวเหรอคะ นายท่าน?
เฮ้อ…คงจะเป็นงานที่เหนื่อยน่าดูเลยนะคะ”
ผมเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน
แต่จะปล่อยให้พิ้นผิวมันขรุขระอยู่แบบนี้ก็ไม่ได้
เพราะมันอาจจะบาดผิวเอา…
“งั้นตอนเย็นผมจะเอาเหล้าอร่อยๆ ออกมาให้
ตอนนี้ก็สู้ๆ กันหน่อยนะ”
“…ค่ะ”
เรา 3 คน ช่วยกันเอาค้อนตอกด้านในอ่างให้เรียบ
ซึ่งมันเป็นงานที่เหนื่อยมากเลยล่ะ เพราะถ้าออกแรงมากเกินไปหินจะแตก
เลยต้องใช้เวลาทำกันอยู่พักใหญ่ๆ เลย
แต่ในที่สุดทุกอย่างก็จบลงจนได้… เอาเป็นว่าเท่านี้ก็น่าจะพอแล้วล่ะ
“อีกเดี๋ยวพระอาทิตย์ก็จะตกแล้ว งั้นเรากลับกันเถอะ
วันนี้เอาแค่นี้ก่อน ไว้พรุ่งนี้เราค่อยขอแรงทุกคนมาช่วยขน”
“ค่ะ ฉันเหนื่อยกับการทุบหินมากกว่าฟันดาบอีกนะคะ”
ไอเนสพูดพร้อมบิดคอและไหล่ไปมา
“ฮ่าๆ เป็นงานที่หนักจริงๆ นั่นล่ะ”
“นายท่าน ถ้าเราจะขนหินก้อนใหญ่ขนาดนี้ไปวาง
พื้นที่ที่จะเอาไปวางก็ต้องปรับให้เรียบด้วยไม่ใช่เหรอคะ?”
“พอเธอพูดขึ้นมาแล้วก็…”
“แล้วแบบนี้เราจะทำยังไงกันดีคะ?”
“งั้นก่อนขนไป เราไปปรับพื้นดินแถวๆ ต้นน้ำให้เรียบก่อนก็แล้วกัน
จะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลัง ถ้าหินมันพังลงมา”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
มีเรื่องให้ทำเพิ่มขึ้นอีกแล้ว ทั้งหมดเริ่มจากแค่ความคิดชั่ววูบแท้ๆ
เมื่อผมกลับไปถึง ไฮด์อเวย์ ทุกคนก็รออยู่ที่นั่นแล้ว
“ยินดีต้อนรับกลับค่ะ วาตารุซัง ไปไหนมาเหรอคะ?”
“กลับมาแล้วครับ อลิเซียซัง ผมไปทำอ่างหินมาน่ะครับ
พรุ่งนี้คงต้องขอแรงทุกคนช่วยหน่อยนะครับ”
“อ่างหินเหรอ? เอ่อ…ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร
แต่ถ้าจะให้ช่วยก็ไม่มีปัญหาค่ะ”
นี่เธอไม่รู้จักคำว่า ‘อ่างหิน’ งั้นเหรอ?
งั้นพรุ่งนี้ค่อยพาไปดูของจริงแล้วค่อยอธิบายให้ฟังก็แล้วกัน
“ขอบคุณครับ แล้วที่ถ้ำเป็นยังไงบ้าง?”
“วันนี้แค่ออกไปสำรวจเบื้องต้นค่ะ เลยยังไม่รู้รายละเอียดเท่าไหร่
แต่ดูจากมอนสเตอร์แล้ว น่าจะเป็นถ้ำที่ลึกพอสมควรเลยค่ะ”
“มอนสเตอร์เหรอครับ หรือว่า…?”
“อย่าทำหน้าขยะแขยงแบบนั้นสิคะ วาตารุซัง”
โดยจับได้งั้นเหรอ! ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา
ผมมั่นใจเลยว่ามันต้องมีมอนสเตอร์แมลงอยู่ที่นั้นแน่ๆ
“มอนสเตอร์แมลงใช่ไหมครับ?”
“…ค่ะ”
ก็แน่อยู่แล้วล่ะ…
“แล้วมีมอนสเตอร์อย่างอื่นบ้างหรือเปล่าครับ?”
“ก็มีสไลม์ ก็อบลิน แล้วก็ตะขาบยักษ์ค่ะ
แต่ที่เจอมากที่สุดคือมดยักษ์…ถ้าเป็นรังขนาดใหญ่ล่ะก็ถ้ำคงจะลึกมากๆ เลยค่ะ”
“มดเหรอครับ…ถ้ามีรังมด คือต้องค้นหาต่อใช่ไหมครับ?”
มีมดยักษ์เดินกันเป็นฝูงเหรอ? แค่คิดก็ไม่ไหวแล้ว ผมไม่อยากนึกถึงมันเลย
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ โอกาสเจอสมบัติน่ะมีน้อย
แต่ถ้ารังมันใหญ่มากๆ มันจะแตกแขนงไปหลายทิศทาง
ซึ่งมีโอกาสเจอที่จะเจอกับแร่หรืออัญมณีมีค่ามากกว่า
พวกเราจะเริ่มไปสำรวจกันจริงๆ จังๆ อีกทีมะรืนนี้”
เฟลิเซียดูมีความสุขมากกับความเป็นไปได้ที่จะเจอแร่
ถ้ามีแร่จริงๆ มันก็คงจะเป็นประโยชน์กับดาร์กเอลฟ์ด้วยใช่ไหม?
แต่… พรุ่งนี้เราจะไปจัดการกับบ่อน้ำพุร้อนกัน ดังนั้นลืมเรื่องถ้ำไปก่อน…
MANGA DISCUSSION