เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากรับประทานนอาหารเช้าเสร็จแล้ว พวกเราก็มุ่งหน้าไปที่เกาะ
เมื่อคืนนี้ ก่อนจะไปทำศึก ผมได้ตั้งจุดหมายปลายทางของ ซีกเกอร์ เอาไว้แล้ว
เลยทำให้เช้านี้เหลือระยะทางอีกไม่มาก ก่อนที่พวกเราจะไปถึงที่เกาะ
เมื่อมาถึงผมก็เอาเรือเข้าไปเทียบท่าที่ท่าเรือบนเกาะ
ที่นั้นชาวบ้านก็ได้มารวมตัวกันอยู่แล้ว พวกเราทักทายซึ่งกันและกัน
จากนั้นผมกับทุกคนก็ช่วยกันขนของที่ผมซื้อมาลงจากเรือ
พอขนของเสร็จ ผมก็ไปทักทายคุณหัวหน้าหมู่บ้านกับรองหัวหน้า
จากนั้นก็มีชาวบ้านประมาณ 10 คน มาช่วยกันขนของเข้าไปที่หมู่บ้าน
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณหัวหน้าหมู่บ้าน แล้วก็ คุณรองหัวหน้าหมู่บ้าน ด้วย”
“”อรุณสวัสดิ์ครับ วาตารุซัง””
“ตอนนี้ที่หมู่บ้านเป็นยังไงบ้างครับ ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือเปล่า?”
“ครับ ต้องขอบคุณวาตารุซังมาก ตอนนี้จำนวนคนกับเสบียงก็เพิ่มขึ้นแล้ว
ทุกคนเองก็ดูมีชีวิตชีวากันมาก ด้วยความร่วมมือของรองหัวหน้าหมู่บ้าน
ดูเหมือนว่าทั้ง 2 หมู่บ้านจะรวมกันได้โดยไม่มีปัญหาเลยครับ”
“ไม่เลยครับ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ที่นี่เป็นที่ๆ ดี
ดังนั้นทุกคนจึงสามารถผ่อนคลายกันได้
ช่วงแรกๆ ทุกคนอาจจะยังสับสนกันหน่อย เพราะสภาพแวดล้อมใหม่
แต่พอทุกคนปรับตัวกันได้ ที่เหลือก็ไม่มีอะไรแล้วครับ
อีกอย่าง ท่านหัวหน้าหมู่บ้านเองก็ดูแลพวกเราดีมากๆ
ดังนั้นพวกเราจึงไม่มีปัญหาอะไรกันเลยครับ”
หัวหน้าหมู่บ้าน กับ รองหัวหน้าหมู่บ้าน ดูจะเข้ากันได้ดีสินะ
พวกเขาต่างเกรงใจซึ่งกันและกัน และไม่มีวี่แววว่าจะมีความขัดกันเลย
จริงๆ พอสถานการณ์มันเป็นแบบนี้ ผมกลับคิดว่ามันแปลก
เพราะปกติเวลาที่เราเอาคน 2 กลุ่มมารวมอยู่ในที่เดียวกัน ก็มักจะมีปัญหาเกิดขึ้นมาเสมอ…
“งั้นเหรอครับ ผมดีใจที่ได้ยินว่าพวกคุณไม่มีปัญหากันนะครับ
ถ้างั้น พวกเราก็ไปที่หมู่บ้านกันเถอะ”
พวกเราเดินไปที่หมู่บ้านพลางพูดคุยกันไปด้วย
จำนวนคนในหมู่บ้านเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยแฮะ
หมู่บ้านเองก็กำลังขยายตัว เพราะมีคนเพิ่มขึ้น
เลยทำให้ตอนนี้มีงานที่ต้องทำมากมายเลยล่ะ
การร่วมมือกันสร้างบ้านทำให้เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ถึงจะผ่านไปแค่เดือนเดียว แต่ทั้งหมู่บ้านก็ดูรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างน่าทึ่ง
เมื่อมาถึงหมู่บ้าน ผมเห็นว่ากำลังมีการก่อสร้างบ้านใหม่ในพื้นที่ที่กว้างขวางขึ้น
มีเสียงเพลงดังขึ้นมาปะปนกับเสียงของการตอกไม้
จนทำเอาผมสงสัยเลยล่ะว่า หรือจริงๆ แล้วดาร์กเอลฟ์เป็นเผ่าพันธ์ที่ชอบร้องเพลงกันนะ
เพราะ พวกเขาร้องเพลงกันเพราะมากๆ เลยล่ะ
ที่ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้ร้องเพลงกันเลย อาจเป็นเพราะต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ สินะ
ว่าแต่ การได้ยินเสียงเพลงเพราะๆ ดังออกมาจากไซต์งานก่อสร้างแบบนี้ มันฟังดูแปลกๆ แฮะ
“ยังเช้าอยู่แท้ๆ แต่ทุกคนดูจะคึกคักกันดีนะครับ”
“เหรอครับ? ผมว่ามันก็ปกตินะ”
คุณหัวหน้าหมู่บ้านมองมาที่ผมด้วยความแปลกใจ…
จะว่าไป ถึงจะมีเวทมนตร์แสง แต่โดยปกติแล้วพวกเขาคงจะไม่ได้นอนดึกันสินะ
เพราะถ้าเข้านอนตอนพระอาทิตย์ตกดิน แล้วตื่นขึ้นมาตอนพระอาทิตย์ขึ้น
ตอนนี้ก็จะเป็นเวลาที่ต้องออกมาทำงานพอดี…
“อ้อ ขอโทษครับ ผมแค่รู้สึกแบบนั้นเพราะปกติผมตื่นสายกว่านี้…”
“อ๊ะ! เด็กๆ ดูจะสนิทกันดีนะครับ”
ผมรู้สึกเหมือนพึ่งจะพูดอะไรที่มันน่าอายออกไป เลยต้องรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“ใช่ครับ พวกเขาสนิทกันได้เร็วมาก
เลยทำให้ตอนนี้เด็กๆ ทั้ง 8 คน วิ่งเล่นกันไปทั่วหมู่บ้านด้วยเลยล่ะครับ”
ทั้งหัวหน้าและรองหัวหน้าหมู่บ้านต่างก็ยิ้มออกมาอย่างอบอุ่นขณะมองดูเด็กๆ
พวกเขาเองก็เปลี่ยนเรื่องได้อย่างแนบเนียนเหมือนกัน
ผมบอกให้เฟลิเซียไปช่วยเซซิเลียซังตามปกติ
ส่วนตัวผมก็เดินดูรอบๆ หมู่บ้านเพื่อฟังเรื่องราวจากพวกเขา
แค่เดือนเดียว แต่ผมรู้สึกว่าบ้านจะดูเยอะขึ้นแบบผิดหูผิดตาเลยนะ
“คุณหัวหน้าหมู่บ้านครับ ยังสร้างบ้านกับแบบเหมือนอยู่ไหมครับ?
ที่สร้างแค่ภายนอกก่อนแล้วค่อยทำข้างในทีหลัง?”
“ใช่ครับ เพราะทุกคนเริ่มชินกันแล้ว เลยทำให้สร้างได้เร็ว
จนขนาดพวกช่างไม้ประจำหมู่บ้านยังบ่นกันเลยว่า
ถ้าเป็นแบบนี้พอหมู่บ้านสร้างเสร็จแล้วมีหวังพวกเขาได้ตกงานกันหมดแน่”
กลุ่มของดาร์กเอลฟ์ที่เก่งเรื่องงานไม้งั้นเหรอ…?
ก็นะนี่มันโลกแฟนตาซี จะมีเอลฟ์แบบนี้ก็คงไม่แปลกสินะ
จากนั้นพวกเขาพาผมเดินชมหมู่บ้านต่อ
พวกเขาบอกว่าแต่ละคนก็เลือกงานที่ตัวเองถนัด
แล้วก็มารวมตัวช่วยกันทำในสิ่งที่ตัวเองพอที่จะทำได้
ผมกับไอเนสเองก็มาช่วยพวกเขาขนไม้ด้วยเหมือนกัน
ขนแล้วก็ขนอีก พอหมดแล้วก็มาขนใหม่
ทำแบบนี้วนไปเรื่อยๆ จนกระทั้งถึงช่วงบ่าย
จากนั้นก็ไม่มีงานให้ทำ ผมเลยไปเล่นกับริมุและฟูจังที่กำลังเล่นอยู่กับพวกเด็กๆ
เด็กๆ ขอให้ผมเล่าเรื่องผจญภัยให้ฟัง แต่ผมไม่มีเรื่องจะเล่านี่สิ…
ก็เลยสอนพวกเด็กๆ เล่น ตำรวจจับโจร กับ ดารุมะซังล้มแล้ว แทน
ซึ่งพวกมันเป็นเกมที่เล่นได้โดยที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดๆ
จริงๆ เด็กๆ ก็มีเกมอย่างวิ่งไล่จับกับซ่อนแอบกันอยู่แล้ว
เลยทำให้ผมอธิบาย เกมตำรวจจับโจร ได้ง่ายๆ
โดยเปลี่ยนบทบาทของ ตำรวจ มาเป็น ทหาร แทน
แต่กับเกม ดารุมะซังล้มแล้ว ผมไม่รู้จะใช้คำไหนมาแทน
เลยใช้ชื่อเดิมไปทั้งแบบนั้นเลย เกม ดารุมะซังล้มแล้ว
เป็นเกมที่พวกเด็กๆ จริงจังกันแบบสุดๆ เลยล่ะ
พวกเขาจริงจังกับการเล่นมากๆ จนมันเป็นเกมที่ดุเดือดเลยล่ะ
ตอนแรกผมก็ยังพอสามารถเอาชนะเด็กๆ ได้อยู่หรอก
แต่พอพวกเขาเริ่มจับทางกันได้ ผมก็แพ้ไปหลายรอบเลยล่ะ
เวลาที่เราพยายามเต็มที่แล้วก็ยังแพ้ให้กับเด็กๆ นี่มัน…ก็แอบรู้สึกเศร้าอยู่เหมือนกันนะ
เพราะรู้สึกแค้นใจ ผมเลยสอนพวกเขาเล่นเกม จริงหรือหลอก
แล้วผมก็ชนะรัวๆ จนเด็กๆ ถึงกับพูดว่า ‘พี่วาตารุจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!’
จากนั้นพวกเขาก็มองมาที่ผมด้วยสายตาเคารพ…
อึกก! สายตาที่ใสซื่อของเด็กๆ มันแทงใจผมชะมัดเลย
แบบนี้ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ ยังไงหัวใจของผมก็เจ็บอยูดีนี่หว่า
สุดท้ายแล้วผมก็ต้องยอมปล่อยให้พวกเด็กๆ ชนะไป
ผมเล่นกับเด็กๆ จนถึงช่วงเย็นแล้วก็กลับไปที่ ซีกเกอร์
หลังอาหารเย็น ผมก็ไปอาบน้ำเพราะรู้สึกเหนื่อย
“นายท่าน หมู่บ้านดูมีชีวิตชีวาดีนะคะ
แต่ฉันกังวลว่าพวกเขาจะหักโหมกันเกินไปหรือเปล่า”
พอเธอพูดแบบนั้น ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีหลายคนที่วิ่งไปวิ่งมาไม่หยุดเลย
ไม่สิ พวกเขาไม่หยุดพักกันด้วยซ้ำ
“อืม แต่ทุกคนก็ดูจะมีความสุขกันดีนะ…เฟลิเซีย เซซิเลียซังได้บอกอะไรมาบ้างหรือเปล่า?”
“ท่านแม่บอกว่าทุกคนคึกคักกันสุดๆ เลยค่ะ
เพราะหลังจากเลิกงานก็ยังไม่กลับไปนอน
แต่ไปเล่นโอเทลโล่ เจงก้า ร้องเพลง หรือไม่ก็ไปเตรียมเครื่องดื่มกันต่อ”
หา? ไม่ใช่ว่าพอพระอาทิตย์ตกดินแล้ว ทุกคนจะไปนอนกันเลยเหรอ?
แบบนี้มันไม่ใช่แล้วนะ ทั้ง โอเทลโล่ เจงก้า แล้วไหนจะเพลงอีก…
เอ่อ…พอมาคิดดูดีๆ ทั้งหมดนั้นมันเกิดจากผมนี่หว่า!
“กลางวันทำงานกันไปตั้งขนาดนั้น พอตกเย็นยังไปเล่นกันต่ออีกเหรอ!
แบบนี้มันจะไม่ล้มกันไปก่อนหรือไง”
“แม่เองก็กังวลเรื่องนี้อยู่เหมือนกันค่ะ
เพราะคนในหมู่บ้านตื่นเต้นกับเพื่อนใหม่กันมาก
ส่วนคนจากหมู่บ้านริมทะเลสาบก็ตื่นเต้นเพราะความอิสระกับความบันเทิง”
…ผมว่าพวกเขายังอยู่ในช่วงไฮป์กันอยู่สินะ เลยไม่รู้สึกเหนื่อย
พอหมดช่วงเมื่อไหร่ ก็คงจะหมดแรงไปเองล่ะมั้ง
“ก็จริง พวกเขาต้องพักกันบ้าง ไม่งั้นพวกเขาได้ล้มกันแน่ๆ”
“ค่ะ พวกผู้หญิงในหมู่บ้านเองก็รู้สึกกังวลเหมือนกัน
แต่พวกเธอก็ไม่รู้จากควบคุมพวกเขายังไง”
…ตอนแรกผมกะจะให้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปแล้วจัดงานปาร์ตี้
แต่ผลมันจะออกมาเป็นตรงข้ามไหมนะ? …แต่ถ้าให้พวกเขาดื่มแล้วหลับไป
พรุ่งนี้ก็จะได้พักกันล่ะมั้ง แบบนี้ก็น่าจะดีกว่าล้มพับไปเพราะความเหนื่อยสะสมละมั้ง?
“งั้นพรุ่งนี้เราจัดงานปาร์ตี้กันดีกว่า
ถ้าพวกเขาทำงานกันเสร็จแล้วไปดื่มกัน
บางทีอาจจะช่วยให้ร่างกายได้พักบ้าง”
อาการเมาค้างมันก็เป็นอะไรที่หนักหนาอยู่นะ
แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้พักเลย…แต่ก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน
เพราะผมเองก็รู้สึกเหนื่อยแปลกๆ หลังจากเมาค้างทุกที
อยากลองไปค้นหาเรื่องนี้ในเน็ตดูจัง…
เอาเถอะ แค่หลับได้ ระดับความเครียดก็น่าจะลดลงแล้ว
“ปาร์ตี้เหรอคะ? ทุกคนน่าจะดีใจกันนะคะ แต่แบบนั้นมันจะไม่เหนื่อยกันกว่าเดิมเหรอ?”
“อืม ผมว่า ถ้าได้ดื่มแล้วปลดปล่อยออกมาให้หมด
และถึงจะเมาค้างในวันต่อมา แต่ก็น่าจะช่วยให้พวกเขาหายคึกกันได้บ้างละมั้ง?”
ปกติตอนเมาค้างจะรู้สึกเสียใจที่ดื่มมากจนเกินไป
ยังไงวันต่อมาก็คงจะไม่สามารถคึกกันได้มากจนเกินไปหรอก
“เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ เดี๋ยวฉันจะไปคุยกับแม่พรุ่งนี้”
“อืม เดี๋ยวผมจะเอาเหล้าออกมาให้ ไปขอให้พวกเขามาช่วยกันทำอาหารด้วยล่ะ”
“ค่ะ นายท่าน ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะ ฉันจะพยายามตอบแทนให้ดีที่สุด”
ผมตกใจนิดหน่อยตอนที่เธอก้มหัวให้แบบนั้น
“เฟลิเซีย ไม่ต้องคิดมากหรอก เพราะผมเองก็สนุกกับการสร้างหมู่บ้านเหมือนกัน”
ผมไม่อยากบอกหรอก เดี๋ยวเธอจะโกรธ
แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนกำลังเล่นเกมสร้างหมู่บ้านอยู่เลยล่ะ
มันสนุกดีนะ ถึงผมจะไม่สามารถไปจัดวางบ้านได้เองเหมือนในเกมก็เถอะ
พรุ่งนี้จะมีงานปาร์ตี้ งั้นคืนนี้นอนให้สบายก็แล้วกัน…
เช้าวันรุ่งขึ้น พวกเราไปรวมตัวกันที่ห้องนั่งเล่นเพื่อทานอาหารเช้า
พอผมบอกกับสาวๆ ว่าผมจะจัดงานปาร์ตี้
พวกเธอก็ดูตื่นเต้นกันใหญ่ ก็แน่อยู่แล้วล่ะ เพราะพวกเธอเป็นนักดื่มกันนี่นะ
ชาวหมู่บ้านเองก็ดูเหมือนจะไม่มีปัญหา กับงานปาร์ตี้
เพราะตอนงานเทศกาลเองก็คึกกันน่าดู …แต่จะให้พวกเขาจัดปาร์ตี้กันคืนนี้เลยเหรอ?
แบบนี้มันจะเร็วเกินไปไหมนะ? …ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกลำบากใจ
ถ้าไม่ไหวจริงๆ เลื่อนไปพรุ่งนี้ก็ได้
พอไปถึงหมู่บ้าน ผมก็รีบไปหาคุณหัวหน้าหมู่บ้านแล้วพูดเรื่องนี้กับเขาทันที
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณหัวหน้าหมู่บ้าน ขอรบกวนเวลาสักเดี๋ยวได้ไหมครับ?”
“อรุณสวัสดิ์วาตารุซัง มีอะไรรึเปล่ครับ?”
ผมมองไปที่คุณหัวหน้าหมู่บ้าน ก็สังเกตเห็นอะไรแปลกๆ ทันที
เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย เพราะตาของเขาตอนนี้มันดูแดงๆ …
กับท่าทางที่อิดโรยแบบแปลกๆ ถึงผมจะไม่ได้รู้จักเขาดีก็เถอะ
แต่ดูแล้วอาการพวกนี้มันต้องเป็นอาการของคนที่เหนื่อยสะสมอย่างแน่นอน
“คือแบบนี้ครับ ผมได้ยินมาว่าทุกคนทำงานกันหนักมาก
โดยแทบจะไม่มีการหยุดพักกันเลย ผมเลยคิดว่าจะจัดงานปาร์ตี้เย็นนี้
เพื่อให้ทุกคนได้พักกันหน่อยนะครับ คุณคิดว่านี่เป็นความคิดที่ดีไหมครับ
ทุกคนจะได้ผ่อนคลายจากการทำงานหนักกันบ้าง อ้อ เรื่องเครื่องดื่มผมจะเป็นคนจัดหามาให้เองครับ”
“ปาร์ตี้เหรอ? ช่วงนี้ทุกคนก็ทำงานหนักกันจริงๆ นั้นล่ะ
ถ้าได้พักกันสักหน่อยก็ดีเหมือนกันนะครับ อีกพวกเราก็ไม่ได้ดื่มกันมาสักพักแล้ว
เพราะกำลังหมักเหล้ากันอยู่… ดีครับ ผมจะตั้งหน้าตั้งตารองานปาร์ตี้เลยครับ”
ดวงตาของหัวหน้าหมู่บ้านดูเป็นประกายขึ้นมาในทันที
ดูเหมือนช่วงนี้เขาจะเหนื่อยจริงๆ สินะ
หลังจากพูดคุยเรื่องรายละเอียดกันสั้นๆ ก็ได้ข้อสรุปว่า
พวกเราจะจัดงานปาร์ตี้กันในตอนเย็นของวันนี้
จากนั้นคุณหัวหน้าหมู่บ้านก็วิ่งออกไปทันที พร้อมกระจายข่าวนี้ออกไปทั่วทั้งหมู่บ้านและเข้าไปในป่า
…ผมว่าก็ดีนะที่คุณหัวหน้าหมู่บ้านยังมีพลังงานเต็มเปี่ยม
แต่ก็ไม่ควรหักโหมจนเกินไปนะ ผู้ชายคนนี้ต้องดื่มหนักแน่ๆ วันนี้
ผมหวังว่าถ้าพรุ่งนี้เขาเมาค้าง เขาจะได้หยุดพักนะ
พวกเราช่วยงานคนในหมู่บ้านเหมือนเมื่อวาน
จิราโซเล่ เองก็ดูจะสนุกกับการช่วยงานในหมู่บ้านด้วยเหมือนกัน
เพราะผมเห็นพวกเธอคุยกันไปพลางหัวเราะไปพลาง
ขณะที่พวกเธอช่วยชาวบ้านสร้างบ้านหลังหนึ่งอยู่ด้วยความสนุกสนาน
เฟลิเซียเองก็ไปกระจายข่าวให้พวกผู้หญิงในหมู่บ้านเรื่องงานปาร์ตี้กับเซซิเลียซัง
และเมื่อข่าวลือเรื่องการจัดงานปาร์ตี้แพร่กระจายออกไป
ผมก็ได้ยินเสียงโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจดังกระจายไปทั่วหมู่บ้าน
ชาวบ้านที่มาจากหมู่บ้านทะเลสาบดูจะงงกับเหตุการรณ์นี้มาก
เพราะพวกเขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น จนคนที่อยู่ใกล้ๆ ต้องช่วยอธิบายสถานการณ์ให้ฟัง
จากนั้นเมื่อพวกเขารู้เรื่องราวโดยตลอดแล้ว พวกเขาก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
ก็นะ จู่ๆ ก็มีคนตะโกนคำว่า งานเทศกาล! ขึ้นมา
เป็นใครก็คงต้องตกใจนั่นล่ะ แต่นี่ไม่ใช่งานเทศกาลหรอกนะ เพราะนี่คือปาร์ตี้ต่างหาก…
และนี่ก็เป็นอีก 1 ข้อที่ทำให้ภาพลักษณ์ของเอลฟ์ในหัวของผมต้องพังทลาย
เอลฟ์ที่รักการดื่ม แถมยังเก่งงานช่าง…
เห้อ…แบบนี้มันจะมีบทเหลือไปถึงคนแคระมั้ยเนี่ย
ตามบทแล้วดาร์กเอลฟ์มันควรจะดูลึกลับ หรือไม่ก็อาศัยอยู่ในความมืดมิดสิ…
แล้วนี่มันอะไร มาตะโกนกันกลางวันแสกๆ ว่า งานเทศกาล! แล้วก็คึกคักใหญ่เนี่ยนะ?
…หรือว่าทั้งหมดนี่จะเป็นเพราะผม?
หวังว่าตอนที่พวกเขาสร้างหมู่บ้านเสร็จทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ
หลังจากทานมื้อกลางวันเสร็จ ผมก็ขอตัวไปเล่นกับเด็กๆ เหมือนกับเมื่อวาน
“พี่วาตารุ วันนี้จะมีงานเทศกาลใช่ไหมคะ?”
ไม่ใช่งานเทศกาลนะ มันคือปาร์ตี้ต่างหาก…
“หนูรอกินอาหารอร่อยๆ อยู่นะคะ!”
“ผมหิวแล้ว!”
เมื่อกี้พวกเธอเพิ่งกินข้าวเที่ยงกันไปไม่ใช่เหรอ?
“หนูแทบรอไม่ไหวแล้วค่ะ~”
ผมควรจะแก้ความเข้าใจผิดให้ถูกต้องก่อนสินะ
ผมคิดไปพลางมองเด็กๆ ที่กำลังตื่นเต้นไปพลาง…
“เด็กๆ ฟังนะ วันนี้ไม่ได้จัดงานเทศกาลหรอก
แต่ที่พวกเราจะจัดน่ะมันคือ งานเลี้ยง(ปาร์ตี้) ต่างหากล่ะ”
“แล้วมันต่างกันยังไงเหรอคะ?”
“…งานเทศกาลคืองานที่จัดขึ้นเพื่อเป็นการขอบคุณเทพเจ้า
แต่ งานเลี้ยง(ปาร์ตี้) เป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อกินดื่มและสนุกกันน่ะ”
น่าจะประมาณนั้นแหละมั้ง?
“แล้วมีอาหารหรือเปล่า?”
“มีสิ”
“งั้นดีเลย เพราะหนูไม่ได้สนว่ามันเรียกว่าอะไร
ขอแค่มีของกินอร่อยๆ ก็พอแล้ว!”
แค่มีอาหารอร่อยๆ ก็ไม่มีปัญหาแล้วเหรอ?
ผมเข้าใจความรู้สึกนั้นดีเลยล่ะ เพราะตอนอยู่ที่ญี่ปุ่น
ผมเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้นเหมือนกัน
แต่ว่า นับแต่มาที่ผมมายังโลกแห่งนี้
ผมเองก็เรื่มสนใจเรื่องพวกนี้มากขึ้น
ถ้าให้นับจริงๆ ก็ตั้งแต่ตอนที่ผมได้พบกับท่านเทพผู้สร้าง
หลังจากนั้นเวลาที่ผมสวดภาวนา ผมก็มักจะทำอย่างอย่างจริงจังเสมอ
จริงๆ วันนี้เด็กๆ วางแผนที่จะเล่นกับผมไปจนถึงตอนเย็นเลยล่ะ
เด็กๆ บอกว่าจะเล่นกันให้เยอะๆ เพื่อที่จะได้หิวกันมากๆ
แล้วจะไปจัดเต็มกันตอนมื้อค่ำ แต่ผมก็โน้มน้าวพวกเขาว่าให้พอกันแค่นี้
เพราะถ้าเล่นกันเยอะไปกว่านี้ พวกเขาอาจจะเหนื่อยไปเสียก่อน
จนเผลอหลับไป แล้วพลาดมื้อค่ำไปเลยก็ได้
เรื่องนี้ทำให้เด็กๆ กลัวกันมาก จนหยุดเล่นไปตามๆ กัน
เฮ้อ…รอดแล้ว บอกตรงๆ นะว่า การเล่นกับเด็กๆ
ที่มีพลังเต็มเปี่ยมนี่ มันไม่ไหวจริงๆ
พอตกเย็น ผมก็แยกย้ายกับเด็กๆ เพื่อกลับไปยัง ซีกเกอร์
จากนั้นก็ไปขนเหล้าลงจากเรือแล้วก็ให้ชาวบ้านช่วยกันขนพวกมันไปที่หมู่บ้าน
อืม…ไวน์กับเอลยังเหลืออีกเยอะแต่เหล้ากลั่นนี่สิ…มันใกล้จะหมดแล้ว
จะไปหาซื้อแบบเดิมมาเพิ่มก็ยุ่งยากด้วยสิ จะเอายังไงดีน้า?
พอพวกเราไปถึงที่หมู่บ้านพร้อมกับเหล้า
ก็เห็นคนมารวมตัวกันอยู่ที่ลานกลางหมู่บ้านแล้ว
ดูเหมือนพวกเขากำลังเตรียมงานกันอยู่สินะ
เพราะตอนนี้มีกลิ่นหอมของอาหารลอยมาเตะจมูก พร้อมกับก่อกองไฟที่เตรียมเอาไว้…
“คุณหัวหน้าหมู่บ้านครับ คือ…ผมเห็นว่ามีกองไฟอยู่ด้วย
แบบนี้มันจะไม่เป็นอะไรเหรอครับ? ไม้พวกนี้ต้องเก็บเอาไว้สร้างบ้านไม่ใช่เหรอ?”
“โอ้! วาตารุซัง ขอบคุณสำหรับเหล้านะครับ
พอดีพวกเราอยากให้คนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ได้เห็นภาพแบบนั้นน่ะครับ
ถึงแม้จะต้องใช้ไม้ไปบ้าง แต่พวกเราอยากให้พวกเขาเห็นจริงๆ ครับ
ไว้พวกเราค่อยไปตัดไม้ส่วนที่พวกเราใช้ไปในวันนี้มาเพิ่มทีหลังก็ได้”
ดูเหมือนพวกเขาจะประทับใจภาพของกองไฟในงานเทศกาลครั้งที่แล้วกันมากเลยสินะ
เอาเถอะ ไหนๆ ก็มาถึงขนาดนี้แล้ว
มาจัดงานนี้ให้ยิ่งใหญ่ไปเลยดีกว่า เพราะยิ่งบรรยากาศในงานดีเท่าไหร่
เหล้าก็ยิ่งไหลลงคอได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
ผมหวังว่าพรุ่งนี้ภายใยหมู่บ้านแห่งนี้จะเงียบสงบแบบเดียวกันกับคราวที่แล้วนะ
ตอนนี้บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารหลากหลายชนิด
บางเมนูผมเป็นคนสอนพวกเขา แต่บางเมนูก็น่าจะเป็นการเอาเมนูที่ผมสอบไปปรับปรุง
ส่วนเหล้า…ผมสงสัยว่าถังที่ไม่รู้จักพวกนี้ คือเหล้าที่ชาวบ้านหมักกันเองใช่ไหม?
ผมควรลองดื่มมันดูดีไหมนะ…มันทั้งน่าสนใจและน่ากลัวไปในเวลาเดียวกันเลยล่ะ
“วาตารุซัง ฉันชอบบรรยากาศแบบนี้มากเลยค่ะ
อาหารมากมาย เหล้า! และผู้คนที่มีความสุข…”
อลิเซียซังที่กำลังยิ้มแฉ่งเดินเข้ามาคุยกับผม…
อืม นี่ผมคิดมากไปเอง หรือเมื่อกี้เธอพูดคำว่า เหล้า
แบบเน้นหนักจริงๆ นะ แบบว่าเธอออกเสียงคำว่า เหล้า ชัดเจนมากเลยอ่ะ
ดูท่าอลิเซียซังจะเล็งเรื่องนี้เอาไว้แต่แรกแล้วสินะ
จากนั้นการเตรียมงานก็ดำเนินการกันต่อไป จนพระอาทิตย์ใกล้ที่จะลับขอบฟ้า
ในที่สุดการเตรียมงานทั้งหมดก็เสร็จสิ้น ใกล้ได้เวลาฉลองกันแล้วสินะ…
MANGA DISCUSSION