“เฮ้ พวกเจ้าเป็นยังไงกันบ้าง? ข้าเองเทพผู้สร้าง”
“”…..””
“หืม…พวกเจ้าดูอารมณ์ไม่ดีกันเลยนะ”
“แต่ไม่ต้องกังวล เพราะข้ามีข่าวดีมาฝาก มันเป็นเรื่องของวาตารุคุง…”
“”…..””
“ท่านเทพผู้สร้าง ที่ท่านมาถึงที่นี่ก็เพื่อแจ้งเรื่องของวาตารุคุงอย่างงั้นเหรอคะ?”
“ก็ใช่น่ะสิ จะมีเหตุผลอะไรที่ข้าต้องมาที่นี่อีกล่ะ เทพแห่งแสง?”
“…ข้างหน้าท่านตอนนี้ คือ เทพแห่งสงคราม และ เทพแห่งเวทมนตร์
ที่กำลังพักรักษาตัวอยู่ เพราะท่านปิดกันการฟื้นฟูของพวกเขา ใช่ไหมคะ?”
“ก็ใช่”
“และถ้าท่านหยุดปิดกันการฟื้นฟูของพวกเขา
พวกเขาก็จะสามารถฟื้นตัวได้ในวันนี้ ใช่ไหมคะ?”
“ใช่”
“แต่ท่านก็ยังอยากมาคุยกับพวกเขา”
“ใช่”
“แต่ก็ไม่อยากให้พวกเขาฟื้นตัว?”
“ใช่”
“ท่านเทพผู้สร้าง ได้โปรดหยุดทีเถอะค่ะ เพราะตอนนี้ภาระหน้าที่ทั้งหมด
ของ เทพแห่งสงคราม และ เทพแห่งเวทมนตร์ มันมาตกอยู่ที่ฉัน”
“นี่เป็นการลงโทษนะ เทพแห่งแสง
เจ้าจะให้ข้าปล่อยเรื่องนี้ไปเฉยๆ ได้ยังไง
พวกผู้นำการกบฏจะต้องไม่ได้รับการอภัยง่ายๆ สิ”
(รู้งี้ฉันน่าจะเข้าร่วมกับพวกซะก็ดี…)
“เมื่อกี้เจ้าว่าอะไรนะ ท่านแห่งแสง?”
“เปล่าค่ะ ฉันแค่บ่นไปเรื่อย เพราะถึงมาพูดตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้ว”
“จริงเหรอ? ถ้าอย่างนั้น ข้าจะเล่าเรื่องวาตารุคุงให้ฟังนะ
ข้ามั่นใจว่าพวกเจ้าจะต้องพอใจกันแน่ๆ เทพแห่งสงคราม เทพแห่งเวทมนตร์”
“เฮ้อ…ในที่สุดก็กลับไปได้สักที”
“เป็นอิสระกันสักทีนะ ท่านเทพแห่งแสง”
“อย่าพูดประชดประชันแบบนั้นสิคะ เทพแห่งเวทมนตร์”
“ขอโทษที…พอดีข้าหงุดหงิดไปหน่อยน่ะ
ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ ว่าเขาจะยังกล้าพูดไม่หยุดแบบนั้น
ทั้งๆ ที่พวกเราไม่ได้ตอบอะไรเขากลับไปเลย”
“เทพแห่งเวทมนตร์ เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าเขาจะสนใจกับแค่การที่พวกเราทำเป็นไม่สนใจเขาน่ะ?”
“ก็เปล่า เพราะถ้าสมองเขาปกติจริงๆ พวกเราคงไม่ต้องมาลำบากกันขนาดนี้”
“นั่นสิคะ…ว่าแต่ พวกท่านพอจะฟื้นตัวกันได้บ้างหรือยังคะ?”
“ยังเลย เพราะการฟื้นฟูทุกอย่างถูกขัดขวางเอาไว้หมด
ไม่ว่ามันจะเป็นจุดที่เล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม”
“ข้าเองก็เหมือนกัน รู้สึกเหมือนว่า ‘อยากให้อยู่แต่ แต่ก็จะไม่ปล่อยให้ตาย’ ยังไงยังงั้น…”
“ถ้าอย่างนั้น พวกท่านก็คงจะไม่สามารถฟื้นฟูได้แล้วล่ะคะ
จนกว่าพวกท่านจะไปขอโทษ หรือไม่ก็จนกว่าเทพผู้สร้างจะไปก่อเรื่องขึ้นอีก”
“ข้าไม่มีอะไรที่ต้องไปขอโทษ”
“ใช่ อย่างที่เทพแห่งเวทมนตร์บอกเลย”
“พวกท่านไปท้าทายท่านเทพผู้สร้างมานะคะ
แค่พวกท่านยังอยู่กันได้จนถึงตอนนี้ก็ถือว่าเขาเมตตาแล้ว”
“เมตตาเหรอ…? ท่านเชื่อจริงๆ เหรอว่าเขาเมตตาน่ะ ท่านเทพแห่งแสง?”
“เฮ้อ…งั้นก็จบเรื่องนี้เอาไว้เท่านี้เถอะค่ะ”
“ถูกของท่าน พวกเราไม่ควรมาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระแบบนี้
จะว่าไปได้ยินมาว่า เจ้าชาวต่างโลกนั้นประสบความสำเร็จไม่น้อยเลยใช่ไหมนี้?
ข้าได้ยินมาว่าเขาไปช่วยหมู่บ้านดาร์กเอลฟ์ ที่อยู่ในป่าปีศาจมา
แล้วก็ยังช่วยให้พวกเขาอพยพย้ายถิ่นฐานได้อีก”
“เรื่องการอพยพเป็นเรื่องจริงค่ะ แต่…”
“ข้าพอจะเข้าใจแล้ว ท่านไม่ต้องพูดแล้วล่ะ ท่านเทพแห่งแสง”
“ขอบคุณค่ะ”
“ไม่เป็นไร ว่าแต่ เทพแห่งความบันเทิงหายไปไหนตั้งนานแล้วเนี่ย?
ช่วงนี้ข้าไม่เห็นเขาเลย เขามัวไปทำอะไรอยู่ที่ไหนกันนะ?”
“อ้อ ตอนนี้เขากับเทพแห่งอาหารกำลังช่วยกันวิจัยเรื่องอาหารสำหรับผู้ป่วยอยู่ค่ะ
เพราะไม่เคยมีเทพที่ฟื้นตัวไม่ได้มาก่อน พวกเขาเลยสนใจหัวข้อนี้กันมาก
ฉันคิดว่าพวกเขาน่าจะอยากให้พวกท่านไปช่วยในการทดลองนะคะ
อ้อ แล้วก็ตอนนี้วาตารุคุง สามารถซื้อเรือสำราญได้แล้ว
และกำลังเพลิดเพลินไปกับอาหาร เครื่องดื่ม และความบันเทิง บนเรืออยู่ค่ะ
ฉันคิดว่าพวกเขาคงจะกำลังติดตามเรื่องนี้อยู่จนไม่ได้มาเยี่ยมพวกท่านค่ะ
หรือว่าท่านจะคิดถึงเขา ให้ฉันไปตามเขามาให้ดีไหมคะ?”
“ไม่ต้องหรอก ข้าแค่สงสัยเฉยๆ เรื่องอาหารถ้ามีเทพแห่งอาหารอยู่ด้วย
ก็คงจะไม่ทำอะไรแปลกๆ ออกมาหรอก ว่าแต่…เรือสำราญอย่างงั้นเหรอ?
เขาไปช่วยเหลือเผ่าพันธ์ที่ถูกกดขี่และพวกเขาในการอพยพ…
แบบนี้มันเหมือนกำลังบอกเป็นนัยๆ ว่าเขาคิดที่จะสร้างประเทศกลางทะเล แล้วตั้งตัวเองเป็นราชาเลยไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันคิดว่าตอนนี้เขาคงยังไม่คิดถึงขั้นนั้นหรอกค่ะ
เพราะตอนนี้เขาเอาแต่สนใจอยู่กับเรื่องการสำรวจสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ บนเรือเสียมากกว่า
แต่…มันก็เป็นเรือที่น่าสนใจจริงๆ นะคะ เพราะขนาดเทพองค์อื่นๆ ยังสนใจเลย”
“งั้นเหรอ! แล้วบนนั้นมันมีหนังสือไหม?”
“มีเยอะเลยค่ะ แถมยังเป็นหนังสือที่มาจากต่างโลกด้วย”
“จะไปสนใจทำไมกับอิแค่หนังสือ นี่ ท่านเทพแห่งแสง บนเรือมีเหล้าไหม?”
“เทพแห่งสงคราม เจ้าน่ะควรจะอ่านหนังสือบ้างนะ
เพราะมีแต่กล้ามแต่ไม่มีสมองน่ะมันน่าเศร้านะ”
“เจ้าน่ะเงียบไปเลย เทพแห่งเวทมนตร์ แล้วเรื่องเหล้าล่ะ? ท่านเทพแห่งแสง”
“มีค่ะ บนเรือมีร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลายร้านเลย
แถมยังมีเหล้าให้เลือกอีกหลากหลายชนิดอีกด้วย”
“งั้นเหรอ! หวังว่าเทพแห่งอาหารกับเทพแห่งสุราจะช่วยเรื่องนี้ได้นะ”
“ถึงเทพแห่งอาหารกับเทพแห่งสุราจะทำตามที่พวกเราหวังเอาไว้ได้
แต่เราก็ยังดื่มไม่ได้อยู่ดี ถ้าเรายังอยู่ในสภาพแบบนี้น่ะ”
“…เทพแห่งเวทมนตร์ เจ้าไม่มีเวทมนตร์อะไรเจ๋งๆ ที่พอจะช่วยพวกเราได้เลยเหรอ?”
“ถ้ามี ข้าคงทำไปแล้วล่ะ”
“…งั้นเหรอ ข้าล่ะสงสัยจริงๆ ว่าพวกเราจะทำอะไรกับเจ้าหมอนั่นได้บ้างไหมนะ?”
“…ถ้าอย่างนั้น ฉันขอตัวก่อนนะคะ ไว้เจอกันใหม่…”
“อืม ไว้เจอกัน ท่านเทพแห่งแสง”
“คราวหน้า ถ้าท่านมาอีก เอาหนังสือมาฝากข้าสักเล่มด้วยนะ”
“อ้อ แล้วก็เหล้าด้วยนะ”
“ของทั้งสองอย่างนี้ถูกห้ามเอาไว้ไม่ใช่เหรอคะ?
เอาเถอะ ไว้ฉันจะลองไปขอเทพแห่งการรักษาให้นะคะ”
“โอ้ว ขอบใจมาก ท่านเทพแห่งแสง
ข้าล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ว่าแค่การอ่านหนังสือทำไมถึงจะต้องห้ามกันด้วย
ข้าก็ยังพูดคุยได้ปกติไม่ใช่เหรอ? จะอ่านหนังสือก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่นา…”
“คำพูดนั้นมันไม่ควรจะออกจากปากคนที่เอาแต่สนใจหนังสือของเทพแห่งการรักษา
จนเผลอใช้พลังเกินตัวจนเกือบสลายไปหรอกนะคะ เอาเถอะ ไว้เจอกันใหม่ค่ะ…”
“…..”
“ในที่สุดก็กลับมาแล้วสินะ เทพแห่งแสง
เทพแห่งสงคราม กับ เทพแห่งเวทมนตร์
ถูกใจเรื่องที่ข้าเล่าให้พวกเขาฟังบ้างหรือเปล่า?”
“พวกเขาถูกใจกันมากเลยค่ะ…ถึงกับซาบซึ้งจนน้ำตาไหล…”
“จริงเหรอ!? แต่ข้ารู้สึกแปลกๆ กับน้ำเสียงเรียบๆ ของเจ้านะ เทพแห่งแสง…
แต่ก็นะ ในทีสุดเจ้าพวกนั้นก็เข้าใจถึงความยอดเยี่ยมของข้าสักที”
“ค่ะ ฉันเองก็คิดว่าท่านยอดเยี่ยมเช่นกัน
ดังนั้นก็ควรจะได้เวลาที่ท่านจะต้องรักษาพวกเขาแล้วใช่ไหมคะ?”
“อืม…ข้าว่ามันยังเร็วเกินไปหน่อยนะสำหรับข้อหากบฏแบบนี้ งั้นเอาไว้ทีหลังก็แล้วกัน…”
“งั้นเหรอคะ…”
“แย่แล้ว!!!!”
“ท่านเทพแห่งแสง เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
“เทพแห่งบันเทิงเหรอคะ!?”
“เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไม จู่ๆ ถึงได้พรวดพราดเข้ามาแบบนี้?”
“คือ เทพผู้สร้างไปก่อเรื่องมาอีกแล้ว!”
“เดี๋ยวก่อน! จู่ๆ พูดอะไรของเจ้าน่ะ เทพแห่งความบันเทิง
เจ้ากล้าดียังไงถึงได้มาใส่ร้ายข้าซึ่งๆ หน้าแบบนี้?”
“อ้าว เทพผู้สร้างก็อยู่ด้วยรึ? พอดีเลย…
แบบนี้ท่านเทพแห่งแสงจะได้เฉ่งท่านได้ง่ายหน่อย”
“เดี๋ยวๆ เทพแห่งความบันเทิง นี่มันหมายความว่ายังไง
ข้ายังไม่ได้ทำอะไรที่จะทำให้โดนเทพแห่งแสงโกรธเลยนะ
อีกอย่างคำพูดที่เจ้าใช้กับข้ามันฟังดูแปลกๆ นะ”
“จริงเหรอ? แต่ข้าว่าท่านไม่รอดแน่ๆ ถ้าข้าเล่าเรื่องนี้ให้เทพแห่งแสงฟังน่ะ”
“ไม่จริงสักหน่อย…”
“ท่านดูไม่ค่อยมั่นใจเลยนะ เอาเถอะ ยังไงเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับข้า…
คือ ท่านเทพแห่งแสง เทพผู้สร้างเขา…”
“เดี๋ยวก่อน! เทพแห่งความบันเทิง มาคุยกับข้าเดี๋ยวสิ…”
“มีอะไรรึ?”
“นี่เจ้ากำลังจะบอกอะไรกับเทพแห่งแสงน่ะ?”
“ก็เรื่องที่ท่านไปทำ…”
“เดี๋ยว!…ข้าว่าเพื่อความสงบสุข เราอย่าเอาเรี่องนี้ไปบอกนางจะดีกว่านะ”
“เอ๋? ยังไงท่านเทพแห่งแสงก็ต้องรู้อยู่แล้ว ข้าว่ายิ่งเราบอกเรื่องนี้เร็วเท่าไหร่
เธอก็ยิ่งจะจัดการเรื่องนี้ได้เร็วขึ้นเท่านั้นนะ แถมดีไม่ดีท่านอาจจะโดนโกรธน้อยลงด้วยก็ได้”
“ฟังข้านะ เทพแห่งความบันเทิง ในโลกนี้น่ะไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอก
ดังนั้นถ้าพวกเราไม่บอกเธอซะอย่าง เธอก็จะไม่มีทางรู้เรื่องนี้”
“อืม มันก็ฟังดูมีเหตุผลนะ เพราะท่านเป็นคนสร้างโลกนี้ขึ้นมา แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่า…”
“ทั้ง 2 คน คุยกันจบแล้วหรือยังคะ?”
“จบแล้ว!”
“เหรอคะ…แล้วเทพแห่งความบันเทิง ท่านมีอะไรจะบอกกับฉันเหรอคะ?
เทพผู้สร้างไปก่อเรื่องอะไรมางั้นเหรอ?”
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก เทพแห่งความบันเทิงแค่เข้าใจผิดไปน่ะ
เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั่น…”
“งั้นเหรอคะ แต่เทพแห่งความบันเทิง
กำลังทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ข้างหลังท่านนะคะ ตอนนี้…”
“เอ๋? …อ๋อ เขาแค่อายที่ตัวเองเข้าใจผิดน่ะ”
“เหรอคะ…งั้น เทพแห่งความบันเทิง ช่วยเล่า ‘ความเข้าใจผิด’ ของท่านมาหน่อยสิคะ”
“ได้เลย! คือ เทพผู้สร้างเขา—”
“เดี๋ยวสิ เทพแห่งความบันเทิง”
“ท่านเทพผู้สร้างคะ…กรุณาเงียบด้วยค่ะ”
“…..”
“เอาล่ะค่ะ เทพแห่งความบันเทิง เชิญท่านเล่าต่อได้เลยค่ะ”
“คือ…เทพผู้สร้างเขาแอบไปสร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ไว้บนเรือสำราญของชาวต่างโลกคุงน่ะ
แถมยังไปปรับรูปลักษณ์ของตัวเองให้ดูเท่มากกว่าเดิมอีก เขาคิดได้ยังไงว่าพวกเราจะไม่สังเกตน่ะ?
ทั้งๆ ที่พวกเราเองก็กำลังเฝ้ามองชาวต่างโลกคุงอยู่เหมือนกัน”
“ท่านเทพผู้สร้างคะ…?”
“ไม่ใช่นะ เทพแห่งแสง คือข้าไม่ได้คิดที่จะปกปิดอะไรเลยนะ
แล้วเรือของวาตารุคุงน่ะ ก็เป็นของที่ออกมาจากสกิลที่ข้ามอบให้เขาใช่มั้ย
ดังนั้นนี่ไม่ถือว่าเป็นการแทรกแซงโลกเบื้องล่างโดยตรงนะ…จริงไหม?”
“ท่านคิดว่าข้ออ้างแค่นั้น จะทำให้ฉันยอมรับได้เหรอคะ?”
“มันไม่ใช่ข้ออ้างนะ นี่คือข้อเท็จจริง ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด!”
“ท่านเทพผู้สร้าง มหาวิหารแห่งปาแลร์โม่ คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งเดียวบนทวีปนี้ค่ะ
และการที่สกิลของวาตารุคุง สามารถเรียกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แบบนั้นออกมาได้
แถมยังสามารถเคลื่อนที่ไปไหนมาไหนได้อีก มันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอคะ?
สกิลที่ท่านมอบเขามันจะเกินขอบเขตเกินไปแล้วนะคะ
ท่านคิดว่าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มันเป็นเรื่องเล็กๆ หรือไง?
การที่สถานที่แบบนั้นปรากฏขึ้นมาบนโลกมันส่งผลกระทบมหาศาลมากเลยนะคะ
เกิดวาตารุซังเปิดให้บุคคลภายนอกเข้าไปในเรือขึ้นมา
แล้วคนพวกนั้นได้เห็นว่าที่นั่นมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ล่ะก็ มันได้กลายเป็นเรื่องใหญ่แน่นอนค่ะ”
“ยังไงผลกระทบจากสกิลอัญเชิญเรือมันก็ร้ายแรงอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว
เจ้าจะมาพูดอะไรตอนนี้ มันก็สายเกินไปแล้วล่ะ
อีกอย่าง วาตารุคุงน่ะไม่มีทางยอมให้ใครขึ้นเรือของเขาไปง่ายๆ หรอก
เรื่องที่เขาจะให้คนอื่นขึ้นไปบนเรือน่ะ ตัดออกไปได้เลย
ข้าว่าคนอย่างเขาน่าจะเอาแต่เก็บตัวอยู่บนเรือสำราญเสียมากกว่า”
“ท่านเทพผู้สร้าง หากท่านลืมไปแล้ว งั้นฉันจะช่วยเตือนความทรงเจ้าให้นะคะ
การที่ท่านจะมอบพลังให้มนุษย์จากต่างโลกน่ะ มันเป็นเรื่องการตัดสินใจของท่านก็จริง
แต่กับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มันไม่ใช่นะคะ เพราะผู้คนจะคิดว่าสิ่งที่วาตารุซังทำนั้นได้รับการอนุญาตจากเทพแล้ว
เฮ้อ…ทั้งๆ ที่ตอนแรกท่านบอกวว่าจะไม่เพิ่มจำนวนของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แล้วแท้ๆ
แล้วทำไมถึงทำแบบนี้ล่ะคะ ถ้าวาตารุคุงเอาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ไปใช้ในทางที่ผิดมันจะเกิดอะไรขึ้น”
“เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้น วาตารุคุงเป็นคนดี
เขาจะไม่มีวันทำอะไรบุ่มบ่าม หรือทำอะไรโง่ๆ อย่างเด็ดขาด
เขาน่ะเป็นคนรอบคอบ ที่จะไม่ยอมไปในจุดที่เขาไม่มั่นใจโดยเด็ดขาด”
“ฉันรู้ค่ะว่าวาตารุคุงเป็นคนดี แต่ท่านก็รู้ใช่ไหมคะ ว่าเขาน่ะแพ้ทางผู้หญิง
อีกอย่างตอนนี้เขาก็เลเวลอัพไปเยอะแล้ว จนทำให้เขามีอายุที่ยืนยาวขึ้นแล้ว
พวกเราไม่รู้เลยนะคะ ว่าในเวลาข้างหน้า
จะมีผู้หญิงที่พยามจะเข้ามาหาเขาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์หรือเปล่า
แล้วถ้าเกิดเขาเผลอเอาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ไปอวดสาวล่ะค่ะ
แบบ ‘เรือลำนี้เป็นเรือของพระเจ้านะ’ มันจะไม่กลายเป็นเรื่องใหญ่เหรอคะ?”
“ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริง ข้าก็แค่เรียกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์กลับมาก็พอไม่ใช่เหรอ?”
“มันก็จริงค่ะ…งั้นก็ช่วยเรียกมันกลับมาด้วยค่ะ”
“…..”
“ทำไมถึงเงียบไปล่ะคะ?”
“…..”
“ท่านเทพผู้สร้างคะ?”
“อ๊า! ข้ารู้แล้ว! เทพผู้สร้างจะต้องอยากไปเที่ยวบนเรือสำราญลำนั้นแน่ๆ
แบบนี้มันไม่ยุติธรรมนะ ท่านเทพผู้สร้าง!”
“มันหมายความว่ายังไงคะ? เทพแห่งความบันเทิง ช่วยอธิบายให้ฉันฟังหน่อย”
“ก็ท่านเคยบอกไว้ไม่ใช่เหรอ? ว่าพวกเราลงไปยังโลกมนุษย์ไม่ได้
แล้วถ้าเกิดไปก๊อปสิ่งของต่างๆ จากโลกอื่นมาใช้โดยตรง ก็จะถูกเทพของในโลกนั้นโกรธเอา
ข้าเลยคิดว่าเทพผู้สร้างน่าจะแอบไปก๊อปปี้ของพวกนั้นมาโดยใช้ข้ออ้างว่ามันเป็น ‘สกิลพิเศษ’
เพื่อหลีกเลี่ยงข้อครหาจากเทพองค์อื่นๆ แล้วก็ไปสร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เอาไว้
เพื่อที่เขาจะได้สามารถแอบไปเที่ยวบนเรือสำราญลำนั้นได้ใช่ไหมล่ะ?
แบบนี้มันไม่แฟร์เลยนะ ท่านเทพผู้สร้าง ข้าเองก็อยากจะไปด้วยเหมือนกัน!”
“…ท่านเทพผู้สร้าง?”
“…..”
“ที่เทพแห่งความบันเทิงพูดมาเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าคะ?…
อย่าหลบตาฉันนะคะ มองหน้าฉันตรงๆ แล้วตอบคำถามมาด้วยค่ะ”
“เอ่อ…สายตาของเจ้าตอนนี้น่ากลัวมากเลยนะ เทพแห่งแสง
ข้าว่าเจ้าไปทำจิตใจให้สงบ แล้วเราค่อยมาคุยกันใหม่ดีไหม?”
“ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้ฉันใจเย็นลงแล้ว เชิญท่านพูดต่อได้เลยค่ะ”
“อย่าทำแบบนี้เลยนะ…”
“ท่านเทพผู้สร้าง ได้โปรดพูดความจริงด้วยค่ะ”
“…ม-ไม่ใช่แบบนั้นนะ ข้าไม่ได้ทำเรื่องนี้เพื่อตัวเองเลยนะ ข้าทำเพื่อทุกคน
เจ้าก็เห็นใช่ไหมว่าทุกคนสนใจเรือสำราญลำนั้นกันมาก
เพราะงั้น ข้าในฐานะเทพผู้สร้างก็เลยคิดจะมอบโอกาสให้พวกเราทุกคนได้ลงไปสนุกกับเรือลำนั้นไง
ใช่! นี่เรียกว่า…สวัสดิการ ไงล่ะ!”
“หืมม… ท่านเทพผู้สร้าง เชิญมาคุยกับฉันทางนี้ด้วยค่ะ
ฉันก็นึกว่าครั้งก่อนได้สลักเหตุผลที่ไม่ควรแทรกแซงโลกเบื้องล่างไว้ในจิตวิญญาณของท่านแล้วเสียอีก
แต่ดูเหมือนแค่นั้นจะยังไม่พอสินะคะ งั้นครั้งนี้ให้ฉันจะสลักมันลงไปในร่างกายของท่านเลยดีไหมคะ?”
“ม-ไม่ได้นะ! การทำร้ายร่างกายข้า ถือเป็นการกระทำความผิดนะ!”
“งั้นเหรอคะ?… ถ้าอย่างนั้นฉันจะสลักมันลงไปในจิตวิญญาณของท่านแทนก็แล้วกัน
คราวนี้ฉันจะสลักมันให้ลึกลงไปยิ่งกว่าเดิมอีกค่ะ ท่านจะได้จำมันได้ดี”
“ไม่เอา! แบบนั้นไม่ได้นะ! คราวที่แล้วข้ายังนึกเลยว่าตัวเองจะตายซะแล้ว!
อีกอย่างถึงนี่จะเป็นการแทรกแซง แต่มันก็เกิดกลางทะเลนะ มันก็น่าจะไม่มีปัญหาไม่ใช่เหรอ?”
“ปฏิเสธค่ะ^^”
“ตาย…ท่านเทพผู้สร้างถูกลากตัวไปซะแล้ว… นี่เขาตั้งใจจะไปเที่ยวบนเรือสำราญลำนั้นจริงๆ เหรอ?
หรือข้าจะไม่ควรพูดเรื่องนี้ไปจริงๆ ? เอาเถอะ ยังไงก็ต้องโดนท่านเทพแห่งแสงจับได้อยู่แล้ว
โอ้! ชาวต่างโลกคุงมาขอพรพอดีเลย…จังหวะแย่สุดๆ เลยแฮะ
ขอโทษด้วยนะ ท่านเทพผู้สร้าง แล้วก็ชาวต่างโลกคุง…”
“เฮ้อ ในที่สุดก็หายสักที ว่าแต่…ทำไม จู่ๆ
เขาถึงหยุดการแทรกแซงการฟื้นฟูอย่างกระทันหันแบบนี้ล่ะ?
เจ้าคิดว่าไงเทพแห่งเวทมนตร์?”
“ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ พวกเราไปถามท่านเทพแห่งแสงกันเถอะ”
“อ้อ จริงด้วย!”
“…ข้าหาเธอไม่เจอเลย เจ้าเจอเธอบ้างไหน?”
“ไม่เลย…”
“หืม? เทพแห่งสงคราม กับ เทพแห่งเวทมนตร์ ไม่ใช่เหรอ!
พวกเจ้าฟื้นตัวได้แล้วเหรอ เยี่ยมไปเลย”
“โอ้ เทพแห่งความบันเทิง คือ อยู่ๆ การแทรกแซงมันก็หยุดไปน่ะ
พวกเราเลยสามารถฟื้นตัวได้ ตอนนี้พวกเราเลยกำลังตามหาท่านเทพแห่งแสงกันอยู่
จะได้ถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ การแทรกแซงมันถึงได้หยุดไป เจ้าพอจะรู้อะไรบ้างไหม?”
“อ๋อ ข้าว่าเทพผู้สร้างน่ะจะกำลังโดนท่านเทพแห่งแสงเฉ่งอยู่ล่ะมั้ง
เขาถึงไม่มีเวลามาแทรกแซงการฟื้นฟูของพวกเจ้า”
“หืม? เขาไปทำอะไรผิดมาอีกล่ะ?”
“อ้อ ก็เรื่อง…………………ก็อย่างที่ว่ามานั่นแหละ”
“โอ้ เขาอยากลงไปเที่ยวบนเรือสำราญลำนั้นงั้นเหรอ! น่าสนใจดีแฮะ”
“โอ้ เจ้าเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันเหรอ เทพแห่งเวทมนตร์”
“อ๊ะ ท่านเทพแห่งแสงกลับมาแล้ว”
“อ๊ะ! เทพแห่งสงคราม กับ เทพแห่งเวทมนตร์ พวกท่านฟื้นตัวแล้วเหรอคะ ยินดีด้วยนะคะ”
“อา เรื่องนี้ต้องขอบคุณท่านเลย ท่านเทพแห่งแสง
แล้วเทพผู้สร้างตอนนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ?”
“เขาพยายามพูดเกลี้ยกล่อมฉันไม่หยุดเลยค่ะ ฉันก็เลยขอตัวมาพักก่อน
เพราะเขาเอาแต่ยืนกรานว่าจะไม่ยอมเรียกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คืนมาอย่างเดียวเลย”
“ฮ่าๆ เทพผู้สร้างนี่ก็ทำเรื่องน่าสนุกเป็นเหมือนกันสินะ
ว่าแต่ไหนๆ ก็มีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่บนเรือลำนั้นแล้ว
พวกเราก็ขอลงไปสนุกกับเรือลำนั้นบ้างได้ไหม
ท่านพอจะทำอะไรกับเรื่องนี้ได้บ้างไหม เทพแห่งแสง ?”
“…อืม ถ้าให้ท่านเทพผู้สร้างอัญเชิญตัวของ วาตารุคุง มา
แล้วลองขอยืมเรือจากเขา ตอนที่ไม่มีคนอยู่บนเรือ บางทีอาจจะไม่มีปัญหาก็ได้นะคะ”
“เย้! แบบนี้ข้าก็จะได้ลงไปเล่นสนุกบนเรือลำนั้นแล้ว ยังไง วาตารุคุง ก็มาที่โบสถ์เป็นครั้งคราวอยู่แล้ว
แบบนี้พวกเราเองก็สามารถติดต่อกับเขาได้เองเลยใช่ไหม เอ๊ะ? แต่ทำแบบนี้เทพผู้สร้างจะไม่โกรธเอาเหรอ?”
“ไม่ๆ นี่มันไม่เหมือนกันนะ เทพแห่งความบันเทิง
เพราะพวกเราได้รับการอนุญาตจากท่านเทพแห่งแสงแล้ว
เพียงแต่ต้องทำด้วยความระมัดระวังก็เท่านั้น”
“จริงด้วย! งั้นเรื่องเรือสำราญก็รอกันไปก่อนจนกว่าเทพผู้สร้างจะฟื้นตัว
ตอนนี้พวกเรามาสังเกตเรือสำราญกันต่อ แล้วมาวางแผนเที่ยวกันดีกว่า ข้าชักตื่นเต้นขึ้นมาแล้วสิ!”
MANGA DISCUSSION