ขณะที่ผมกำลังวางแผนพาทัวร์เส้นทางอยู่ในหัว
อลิเซียซัง กับ คลอเร็ตต้าซัง ก็กำลังฟัดเจ้ากระต่ายกันอย่างเมามันส์
อืม…ผมควรเรียกมันกลับไปก่อนจะดีกว่าไหมนะ?
หรือว่าควรจะปล่อยให้มันอยู่แบบนั้นต่อไป?
ว่าแต่…ดูเหมือนพวกมันจะไม่ได้ใช้พลังเวทในการอัญเชิญพวกมันออกมาแฮะ
แถมยังไม่ต้องใช้พลังเวทในการคงสภาพของมันไว้อีก…
อืม ถ้าผมอัญเชิญพวกมันออกมาเยอะๆ จนมันมีกันเป็นฝูงล่ะ?
พวกมันจะกลายเป็นกระต่ายคลั่งแบบในพวกหนังแนวสยองขวัญไหม?
ผมชักเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ แล้วสิ
ไม่รู้ว่าท่านเทพผู้สร้าง จะมีการแอบใส่อะไรแปลกๆ ลงไปหรือเปล่า?
“อลิเซียซัง คลอเร็ตต้าซัง พวกเราไปกันต่อเถอะครับ”
เสียงของผมทำให้ทั้งสองคนได้สติกลับมา
พร้อมกับทำสีหน้าตกใจเล็กน้อย ตอนที่รู้ตัว
จากนั้นพวกเธอก็ขอโทษด้วยท่าทางเขินอาย
“วาตารุซัง เด็กคนนี้ชื่อว่าอะไรเหรอคะ?”
คลอเร็ตต้าซัง ถามขึ้นมา
“เอ๋? ชื่อเหรอครับ? อืม…ผมลองดูในหน้าจอแล้ว แต่มันไม่มีอะไรเขียนเอาไว้เลย… ดูเหมือนพวกมันจะไม่มีชื่อน่ะครับ”
“เอ๋! จริงเหรอคะ?”
“ครับ ในนี้บอกแค่ว่ามันเป็นพนักงานผู้ช่วยเฉยๆ ครับ”
“แต่มันน่าเศร้านะคะ ถ้าน้องคนนี้ไม่มีชื่อ”
ที่คลอเร็ตต้าซังพูดมาก็ถูกแฮะ…เพราะปกติเธอจะตั้งชื่อให้กับตุ๊กตาทุกตัวที่เธอได้มาจากตู้คีบตุ๊กตาเสมอ
การที่เธอมาเห็นเจ้ากระต่ายไม่มีชื่อแบบนี้น่าจะทำให้เธอรู้สึกไม่ดีสินะ
แต่เอาจริงๆ ตอนที่ผมเห็นคลอเร็ตต้าซังตั้งชื่อให้พวกตุ๊กตาในช่วงแรกๆ
ผมก็เคยแอบอึ้งอยู่เหมือนกัน เพราะเธอตั้งชื่อให้พวกมันไม่ซ้ำกันเลยสักตัวแถมยังจำชื่อได้หมดอีกต่างหาก!
“แต่ผมน่าจะต้องอัญเชิญพวกมันออมาประจำที่ร้านต่างๆ อีกเยอะเลยนะครับ
ถ้าจะให้ตั้งชื่อพวกมันทุกตัว ผมคิดว่ามันคงจะลำบากไปหน่อย…”
เพราะแค่ชื่อเรือกว่าที่ผมจะคิดได้แต่ละชื่อยังต้องใช้เวลาคิดตั้งนานเลย
ถ้าต้องให้มาตั้งชื่อให้พวกกระต่ายทีละตัวล่ะก็ ผมคิดว่าผมไม่ไหวแน่
“อย่างนั้นเหรอคะ… งั้นเรามาตั้งชื่อเผ่าพันธุ์ของพวกมันดีไหมคะ!
หรือไม่ก็ตั้งชื่อที่เอาไว้ใช้เรียกพวกมันแบบรวมๆ?
เพราะถ้าแค่เรียกมันว่า ‘กระต่ายมีเขา’ เฉยๆ ฉันคิดว่ามันฟังดูน่าสงสารเกินไป”
การตั้งชื่อแบบรวมๆ งั้นเหรอ?
อืม! ก็น่าสนใจดีแฮะ ฮอร์นแรบบิท…ที่เป็น ซัพพอร์ต…งั้นเหรอ…
งั้นเอาเป็น ซาโปราบิ ก็แล้วกันแถมความหมายยังเข้าใจง่ายด้วย
“งั้นเรียกพวกมันว่า ซาโปราบิ ดีไหมครับ?
มันเป็นการเอาคำว่า ฮอร์นแรบบิท ที่แปลว่ากระต่ายมีเขา
ไปผสมกับคำ ซัพพอร์ต ที่แปลว่าผู้ช่วยนะครับ
อ้อ แล้วก็เรือลำนี้ผมตั้งชื่อให้มันว่า ‘คาสเซิล’ นะครับ”
“ซาโปราบิ กับ คาสเซิล งั้นเหรอคะ…
ฉันชอบชื่อพวกนี้ค่ะ วาตารุซังเนี่ยตั้งชื่อเก่งเหมือนกันนะคะ”
อลิเซียซัง นี่คุณแอบแซะผมทางอ้อมหรือเปล่าเนี่ย?
ผมเนื่ยนะตั้งชื่อเก่ง ขนาดตัวผมเองยังรู้เลยว่าตัวเองไม่ค่อยเก่งเรื่องการตั้งชื่อน่ะ
“ผมไม่เก่งเรื่องพวกนี้เท่าไหร่หรอกครับ”
“งั้นเหรอค่ะ? อืม…ซาโปราบิ กับ คาสเซิล… ฉันจะจำมันเอาไว้ค่ะ”
ดีนะที่พวกเธอยอมรับชื่อนี้ได้น่ะ ทำเอาผมรู้สึกโล่งใจเลยล่ะ
อีกอย่างผมไม่อยากอธิบายเรื่องที่มาของชื่อไปมากกว่านี้แล้ว ไม่งั้นได้ยาวแน่ๆ
“งั้นพวกเราก้ไปกันต่อเถอะครับ”
พวกเราเดินออกจากคาเฟ่ แล้วเดินไปตามทางเดินของที่ส่องสว่างไปด้วยแสงไฟ
“นายท่าน นั่นใช่ร้านพิซซ่าไหมคะ?”
“หืม? อ้อ ใช่นั่นคือร้านพิซซ่ามันเป็นแบบเดียวกับที่ผมเคยสอนให้หมู่บ้านเซียน่าเลย
แต่วันนี้พวกเราคงต้องผ่านไปก่อน เพราะวันนี้ผมจะพาทุกคนไปกินกันที่ห้องอาหารหลัก
เพราะงั้นเราค่อยมาลองกินร้านนี้กันทีหลังนะ เพราะยังไงเราก็ต้องกินกันให้ครบทุกร้านที่มีอยู่บนเรือลำนี้อยู่แล้ว”
“ฟุฟุ ฉันจะตั้งตารอเลยค่ะ”
“วาตารุซัง เรือลำนี้มีร้านอาหารเยอะขนาดนั้นเลยเหรอคะ? แล้วแต่ละร้านอร่อยไหมคะ?”
คาร์ล่าซัง ที่ดวงตาเป็นประกายพุ่งเข้ามาหาผมเพื่อถามเรื่องนี้ทันที!
ดีนะที่เธอไม่ถึงกับน้ำลายไหลไปด้วยน่ะ แต่แบบนี้มัน…ใกล้! มันจะใกล้เกินไปแล้ว ถึงจะรู้สึกดีก็เถอะ
“ใช่ครับ บนเรือลำนี้มีร้านอาหารเยอะมากๆ เลย
ดังนั้นการจะกินให้ครบทุกร้านได้นั้นจะต้องใช้เวลากันพอสมควรเลย
แต่เราก็มีเวลาพักกันอยู่ที่นี่ตั้ง 1 เดือน ดังนั้นการจะกินให้ครบทุกร้านจึงไม่ใช่เรื่องยากครับ
ดีไม่ดี เราอาจได้กลับไปซ้ำร้านเดิมที่ชอบกันอีกหลายๆ ครั้งเลยก็ได้”
“จริงเหรอคะ! ตอนนี้ฉันตื่นเต้นแบบสุดๆ เลยค่ะ วาตารุซัง”
ริมุ ที่กำลังฟังบทสนทนาอยู่บนหัวของผมเอง ก็กระโดดลงไปหาคาร์ล่าซังด้วยความดีใจด้วยเหมือนกัน
“วาตารุซัง ริมุจังเป็นอะไรไปเหรอคะ?”
“…ริมุบอกว่าจะตามคาร์ล่าซังไปด้วยตอนที่ไปตะลุยกินร้านอาหารน่ะครับ”
ริมุ… เข้าใจเลือกคนจริงๆ นะ เพราะถ้าตามคาร์ล่าซังไปล่ะก็
คงได้กินของอร่อยๆ เยอะแน่ๆ … ทำเอาผมรู้สึกเศร้านิดๆ เลยล่ะ
โอ้! ฟูจัง เองก็กระโดดตามลงไปแล้ว เหตุผลก็คงจะเหมือนกันสินะ
“ฟุฟุ ริมุจัง ฟูจัง พวกเรามากินกันให้เยอะๆ เลยนะ”
ดูเหมือนกลุ่มสามสหายนักกินจะถือกำเนิดขึ้นแล้วสินะ
ถ้าอาหารบนเรือลำนี้ไม่ฟรีล่ะก็…หรือว่าผมควรจำกัดงบในกินอาหารดี?
“วาตารุซัง นั่นใช่ยานพาหนะเวทมนตร์ที่เหมือนกับในหนังหรือเปล่าคะ?”
หือ? ทางที่มารีน่าซังชี้ไป… อ่อ รถยนต์นี่เอง
ว่าแต่ทำไมในเรือถึงได้มีรถยนต์มาตั้งโชว์อยู่แบบนี้ล่ะ?…ช่างแปลกประหลาดดีจริงๆ
ถ้าผมไม่มีพวกรถสะเทินน้ำสะเทินบกให้ซื้อล่ะก็ ผมคงได้รีบทุกเข้าไปหาพวกมันแน่
แต่ตอนนี้มันไม่จำเป็นแล้ว เพราะผมมีตัวเลือกที่ดีกว่ายังไงล่ะ
ก็คุณสมบัติ ไม่สามารถถูกทำลายได้ นี่มันของดีเลยใช่มั้ยล่ะ
แต่จะว่าไป พวกเธอไม่เคยถามถึงเรื่องรถที่อยู่ในหนังเลยนี่นา
หรือพวกเธอจะเข้าใจว่ามันเป็นยานพาหนะเวทมนคตร์ชนิดนึง?
“มันเรียกว่ารถยนต์ครับ มันเป็พาหนะชนิดหนึ่งที่อยู่ในโลกเดิมของผม”
ว่าแต่มันดูเท่จังเลยแฮะ รถคลาสสิกงั้นเหรอ?
จะว่ายังไงดี…,มันมีเสน่ห์ดึงดูดแปลกๆ ยังไงก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน
ถ้าผมมีความรู้เรื่องรถมากกว่านี้ ผมก็คงจะรู้สึกตื่นเต้นมากกว่านี้ล่ะมั้ง?
“นี่มันของล้ำค่ามากๆ เลยนะคะ! วาตารุซัง”
มาริน่าซังดูจะตื่นเต้นมากๆ เลยสินะ
ผมเองก็เคยได้ยินว่าโลกนี้เองก็มียานพาหนะที่เรียกว่า รถเวทมนตร์ อยู่เหมือนกัน
ดังนั้นรถสะเทินน้ำสะเทินบกก็คงจะไม่เด่นเท่าไหร่สินะ…
ไม่สิ เธอพึ่งบอกว่ามันล้ำค่ามากเมื่อกี้เองนี่นา ว่าแต่มันจะมีค่ามากขนาดไหนกันนะ?
“เหรอครับ…จะว่าไปผมเองก็ยังไม่เคยเห็นรถเวทมนตร์มาก่อนเลยนี่นา
มันมีค่ามากขนาดนั้นเลยเหรอครับ พอจะเทียบกับเรือเวทมนตร์ได้ไหมครับ?”
“ได้ค่ะ…จริงๆ แล้วมันถูกขุดพบน้อยยิ่งกว่าเรือเวทมนตร์ขนาดใหญ่อีกนะคะ
ฉันได้ยินมาว่าขนาดบางประเทศยังไม่มีมันในครอบครองเลย”
ชิบหา…! ระดับความยุ่งยากนี่มันอะไรกัน
รถมันต้องหาง่ายกว่าเรือไม่ใช่เหรอแล้วทำไมรถมันถึงได้หายากกว่าล่ะ?
“ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะครับ ในโลกของผมรถหาง่ายยิ่งกว่าเรืออีกนะครับ
ก็อย่างที่พวกคุณเห็นกันในหนัง โลกนี้ไม่เหมือนกันเหรอครับ?”
หลังจากลังเลอยู่เล็กน้อย มาริน่าซังก็ตอบผมกลับมา
“ก็ถูกของคุณค่ะ วาตารุซัง มีการขุดพบรถเวทมนตร์มากกว่าเรือเวทมนตร์ตามที่คุณบอกจริงๆ
แต่พวกมันเกือบทั้งหมดเสียหายจนไม่สามารถนำกลับมาใช้งานได้เลยค่ะ
จนถึงตอนนี้ก็ยังมีคนที่พยายามจะศึกษามันอยู่เหมือนกันแต่ก็ยังไม่เข้าใจมันเหมือนกับเรือเวทมนตร์อยู่ดีค่ะ”
…หมายความว่า รถเวทมนตร์ไม่ได้รับการเสริมเวทมนตร์ป้องกันเหมือนเรือสินะ
พวกมันถึงพังง่ายกว่าน่ะ? แบบนี้ผมก็คงหาโอกาสใช้รถสะเทินน้ำสะเทินบกยากแล้วล่ะ
“ตอนนี้ผมสามารถอัญเชิญบางอย่างที่มันคล้ายๆ กับรถเวทมนตร์ออกมาได้ครับ
แต่…จากที่คุณพูด…มันจะเป็นเรื่องใหญ่ใช่ไหมครับ?”
“…ค่ะ เพราะถ้าถูกจับได้มันจะเป็นปัญหาใหญ่แบบมากๆ เลยค่ะ”
ไม่ใช่แค่มาริน่าซัง แต่สาวๆ คนอื่นๆ เองก็พยักหน้าเห็นด้วย
“สกิลของวาตารุซังมันพิเศษมากๆ เลยนะคะ เพราะถึงจะดูธรรมดายังไง
แต่มันก็เป็นถึงสกิลที่ท่านเทพผู้สร้างทรงประทานมาให้…
ดังนั้นมันจึงใช้งานได้ดีทั้งบนบกแล้วก็ในน้ำ ถ้าเกิดมีคนจับได้เรื่องความลับนี้ขึ้นมา…
ฉันมั่นใจเลยค่ะว่าพวกเขาจะต้องใช้ทุกวิถีทางเพื่อดึงตัวคุณไปเป็นพวกอย่างแน่นอน ต่อให้จะต้องใช้วิธีที่เสี่ยงมากขนาดไหน…”
อลิเซียซัง คุณอย่าพูดเรื่องน่ากลัวแบบนั้นขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจังแบบนั้นสิครับ ผมกลัว…
แล้วแบบนี้การแปลงโฉมเรือมันพอจะช่วยได้ไหมนะ?
แบบปลอมแล้วมันออกมาดูเหมือนเกวียนอะไรแบบนี้
แล้วก็มีฟังก์ชั่นเพิ่มรูปม้าแบบหลอกๆ เอาไว้ที่ด้านหน้า
แต่แบบนั้นมันจะรอดหรือเปล่าหว่า? มันอาจจะหลอกสายตาคนจากระยะไกลๆ ได้…
แต่ถ้าเป็นระยะใกล้ล่ะ? ผมคงต้องลองหาวิธีหลายๆ วิธีดูล่ะนะ
“อืม…ไว้ค่อยคิดเรื่องนั้นกันอีกทีก็แล้วกันนะครับ งั้นเราไปเดินชมเรือกันต่อดีกว่า”
พักเรื่องปวดหัวเอาไว้ก่อน จริงๆ ผมเองก็ไม่ได้อยากไปทำกกิจกรรมอะไรบนบกอยู่แล้ว
เพราะแค่หมกตัวอยู่บนเรือผมก็ไม่ต้องไปทำอะไรแล้ว
ใครล่ะจะไม่ชอบทริปล่องเรือสำราญล่ะจริงมั้ย?
พวกเรายังคงเดินชมร้านอาหาร บาร์ และร้านค้าต่างๆ กันต่อไปเรื่อยๆ
“วาตารุ ซัง ร้านนี้ขายอะไรเหรอ?”
“…ดูเหมือนจะเป็นร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นะครับ”
พอผมตอบดวงตาของอลิเซียซังและกลุ่มนักดื่มก็เปล่งประกายขึ้นในทันที
ดูเหมือนตอนนี้พวกเธอจะอยากเข้าไปข้างในกันจนตัวสั่นแล้วสินะ
เมื่อเข้าไปข้างใน ผมก็เห็นเหล้าระดับ Hi-end เรียงรายกันอยู่เต็มไปหมดเลยล่ะ
ว้าว! บางตัวผมยังไม่เคยเห็นของจริงมาก่อนเลย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเคยดื่มเลย
อ๊ะ แต่ผมก็เคยได้ยินชื่อของพวกมันมาบ้างนะ
ตอนนี้ผมเองก็หาเงินได้เยอะแล้วจะลองซื้อมาดื่มดูดีมั้ยนะ
แต่ผมแยกรสชาติของเหล้าไม่ออกนี่สิ เพราะไม่ว่าผมจะดื่มอันไหนสุดท้ายมันก็เมาเหมือนกัน
หรือว่าพอลองดื่มไปบ่อยๆ แล้วมันจะเริ่มแยกแยะรสชาติได้เอง?
“มีแต่ขวดสวยๆ ทั้งนั้นเลยนะคะ…เอ๊ะ! วาตารุซัง คือ…ไม่รู้ว่าฉันเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่านะคะ
แต่ราคามัน…ทำไมมันถึงมีตั้งแต่แก้วละไม่กี่เหรียญทองแดงไปจนถึงหลายเหรียญเงินเลยล่ะคะ?
แถมแต่ละแก้วก็รินให้แค่นิดเดียวเอง เหล้าที่นี่เขาไม่ได้ขายกันเป็นถังเหรอคะ?”
“ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ เพราะผมเองก็ไม่เคยดื่มเหล้าพวกนี้เหมือนกัน
ที่ผมบอกได้ก็คือเหล้าพวกนี้มันเป็นเหล้าชั้นสูงที่มาจากโลกเดิมของผม”
พอผมพูดจบ กลุ่มนักดื่มก็เริ่มแสดงท่าทีว่าอยากลองมันขึ้นมาทันทีเลยล่ะ
“งั้นแปลว่า…ทั้งหมดนี่เป็นเหล้าชั้นสูงจากโลกเดิมของวาตารุซังสินะคะ!”
อลิเซียซัง มารีน่าซัง อัลม่าซัง และไอเนส มารวมหัวกันและเริ่มปรึกษากันอย่างจริงจัง
“ฉันอยากลองเจ้านี่ดูจัง”
“ฉันจะซื้อขวดนี้”
“อืม…จะเริ่มจากเกรดไหนดีนะ?”
“ดีจังเลยที่เก็บเงินที่นายท่านให้เอาไว้”
ดูเหมือนพวกเธอพร้อมบวกกันแล้วสินะ ว่าแต่ไอเนสนี่เธอก็เนียนไปเขาด้วยเหรอ
พักหลังๆ นี่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ ว่าแต่ไอ้เงินเก็บนั้น ตั้งใจจะเก็บเอาไว้เล่นที่คาสิโนไม่ใช่เหรอ?
“ทุกคน บนเรือนี้ยังมีบาร์อีกหลายที่ในโซนคาสิโนนะครับ
ผมว่าลองไปดื่มกันที่ตรงนั่นก่อน แล้วค่อยกลับมาซื้อเหล้าที่ชอบกันทีหลังก็ได้นะครับ”
กลุ่มนักดื่มเห็นด้วยกับที่ผมพูด แต่แววตาของพวกเธอกลับดูน่าสงสัยมากขึ้นขณะที่เดินสำรวจบาร์ที่เหลือ
เอาเถอะ พวกเราออกจากบาร์และไปดูร้านถัดไปกันดีกว่า
“ที่นี่มัน…ร้านขายเครื่องสำอางงั้นเหรอ?”
“”””””ร้านขายเครื่องสำอางเหรอคะ!?””””””
สาวๆ ดูจะตื่นเต้นกันมากเลย…
“อ-เอ่อ ใช่ครับ แต่ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเครื่องสำอางเลยนะครับ
เอายังไงดี…อ๊ะ เดียวผมอัญเชิญซาโปราบิออกมาให้ครับ”
ผมเรียกซาโปราบิออกมา จากนั้นก็มีซาโปราบิในเครื่องแบบพนักงานหญิงออกมา…
นี่พวกมันมีเพศด้วยเหรอเนี่ย!? แต่ผมไม่เห็นแยกออกเลยว่าพวกมันต่างกันตรงไหนนอกจากเสื้อผ้าน่ะ
“ซาโปราบิ ช่วยอธิบายเรื่องเครื่องสำอางให้หน่อยได้ไหม?”
“…..”
หือ? หน้าที่ขั้นต่ำไม่รวมเรื่องอธิบายเครื่องสำอางเหรอ? ว่าแต่มันพูดได้หรือเปล่าหว่า?
“เอ่อ ซาโปราบิพูดได้หรือเปล่า?”
มันพยักหน้าแล้วก็ส่ายหัว… เอ่อ ตกลงว่าได้หรือไม่ได้นิ?
“หมายความว่าบางกรณีพูดได้ แต่บางกรณีก็พูดไม่ได้ใช่ไหม? แล้วในงานนี้ก็พูดไม่ได้?”
มันพยักหน้าอีกครั้ง ผมสงสัยจังว่าต้องเป็นตำแหน่งไหนมันถึงจะพูดได้
นักแสดงละครเวทีหรืออะไรพวกนั้นหรือเปล่านะ?
แล้วถ้าเป็นพนักงานขายล่ะ มันไม่ต้องมาอธิบายเรื่องสินค้าเลยเหรอ?
แล้วหน้าที่ขั้นต่ำนี่มันคือยังไง มันไม่รวมเรื่องการอธิบายสินค้าด้วยเหรอ? หรือทำได้แค่งานหลังร้าน?
“ดูเหมือนเธอจะอธิบายสินค้าไม่ได้นะครับ แล้วแบบนี้พวกเราจะทำยังไงกันดี?
หรือว่าจะลองใช้ไปแบบสุ่มๆ ดีครับ?”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ วาตารุซัง คุณพอจะแต่งตั้งฉันให้เป็นพนักงานของร้านนี้ได้ไหมคะ?”
โอ้! เป็นความคิดที่ฉลาดมากครับ อัลม่าซัง
แค่นี้คุณก็สามารถเข้าใจวิธีใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้แล้วสินะครับ
“เข้าใจแล้วครับ ผมจะตั้งให้อัลม่าซังเป็นพนักงานนะครับ”
เมื่อผมแต่งตั้งเธอ วงเวทก็ส่องสว่างขึ้นที่เท้าของของอัลม่าซัง
“ว้าว สุดยอดไปเลยค่ะ ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าโลกเดินของวาตารุซัง
สาวๆ จะใส่ใจกับเรื่องความสวยความงามกันมากถึงขนาดนี้ มันสุดยอดมากจริงๆ ค่ะ”
ความเย้ายวนของอัลม่าซังยิ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่อเธอรู้สึกตื่นเต้นสินะ
ตอนนี้เธอดูเปล่งประกายแบบสุดๆ เลยล่ะ
มันเป็นความเปล่งประกายที่มาพร้อมกับความเซ็กซี่ที่เต็มเปี่ยมเลย
จากนั้นสาวๆ ก็มารุมล้อมที่อัลม่าซัง และบทสนทนาต่อจากนั้นก็เหมือนเธอกำลังร่ายเวทลงท่ามกลางกลุ่มสาวๆ …
จะว่าไป ทำไมผมไม่แต่งตั้งทุกคนให้เป็นพนักงานล่ะเนี่ย
ถ้าทำแบบนั้นมันน่าจะเร็วกว่าหรือเปล่า ผมพยายามที่จะเรียกทุกคน
แต่…คำพูดของผมส่งไปไม่ถึงพวกเธอเลย
พอเป็นเรื่องความสวยความงามเนี่ย ผู้หญิงก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยสินะ
แบบนี้คงอีกนานแน่ ตอนนี้ไม่มีใครได้ยินเสียงของผมเลย
ผมเลยได้แต่บอกว่าจะออกไปรอที่ข้างนอกแล้วเดินออกจากร้านมาอย่างเงียบๆ
ดูเหมือนเสียงของผมจะส่งไปถึงฟูจังสินะ เพราะเขากระโดดตามผมออกมาด้วย
เมื่อออกมาผมก็ไปซื้อกาแฟมาแก้วนึงคัพเค้กมา 3 ชิ้นแล้วก็ไปนั่งที่ม้านั่ง
ผมแบ่งคัพเค้กให้ริมุและฟูจัง จากนั้นพวกเราก็เล่นด้วยกัน
เวลามันผ่านไปนานขนาดไหนแล้วนะ เพราะความทีผมนั่งเหม่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับเล่นกับริมุและฟูจัง
ก็เลยไม่ได้สั่งเกตเลยว่าเวลามันผ่านไปนานขนาดไหนแล้ว
เอาเถอะ คิดในแง่ดีบางทีตอนสาวๆ กลับมาพวกเธออาจจะสวยขึ้นก็ได้
ในระหว่างที่ผมกำลังนั่งเปื่อยไปเรื่อยๆ ในที่สุดสาวๆ ก็เดินออกมาจากร้าน
“ขอโทษนะคะ วาตารุซัง พวกเผลอเลือกกันนานเกินไปหน่อย”
อลิเซียซังเอ่ยขอโทษออกมาอย่างจริงใจ จากนั้นสาวๆ คนอื่นๆ เองก็โค้งขอโทษออกมาเหมือนกัน
…ดูเหมือนทุกคนจะมีของติดไม้ติดมือกันออกมาหมดเลยสินะ
“ฮ่าๆ ไม่เป็นไรครับ เพราะผมเองก็สนุกกับการเล่นกับริมุแล้วก็ฟูจังเหมือนกัน งั้นเราไปดูร้านต่อไปกันเถอะครับ”
ผมมองไปรอบแล้วก็ไปสะดุดเข้ากับ… เอ๊ะ หรือว่า!?
ผมจะสามารถหาเจ้าสิ่งนั้นมาได้จริงๆ น่ะ?
เพราะร้านที่อยู่ตรงหน้าของผมก็คือ…ร้านขายกล้องยังไงล่ะ!
สิ่งที่ผมอยากได้มาตลอดมันมาอยู่ตรงหน้าของผมแล้วตอนนี้
หรือต่อไปจะมีพวกคอมพิวเตอร์แล้วก็แท็บเล็ตด้วย ถึงจะไม่มีอินเทอร์เน็ต…
แต่ถ้าได้มันมาก็จะดีมากเลย เอาเถอะ อย่างน้อยๆ ตอนนี้ก็มีกล้องถ่ายรูป
ด้วยกล้องนี้ ผมจะสามารถเก็บภาพและวิดีโอในช๊อตประทับใจต่างๆ ได้…
เอ๊ะ! แต่ถ้าพวกเธอมาตราบสอบรูปล่ะ แล้วก็เห็นเจ้านั่น…
บางทีพวกเธออาจจะเลิกใส่เสื้อยืดโนบราหรือพวกชุดวาบหวิวอื่นๆ ไปเลยก็ได้
“เป็นอะไรไปเหรอคะ วาตารุซัง? กำลังมองหาอะไรอยู่เหรอ?”
แย่แล้ว ถ้าผมทำหน้าเหม่อลอย พวกเธออาจจะจับไต๋ได้
ผมควรจะทำตลกกลบเกลื่อนไปหรือควรบอกไปตรงๆ ดีนะ?
…แต่นี่มันภาพและวิดีโอสุดเซ็กซี่เลยนะ
บางทีพวกเธออาจจะไม่ใส่ใจกับอะไรแบบนี้ก็ได้
และผมก็อยากจะสามารถบันทึกภาพแบบไม่ต้องกังวลด้วย
“อันนั้นเรียกว่ากล้องถ่ายรูปครับ มันเป็นเครื่องมือที่ใช้เก็บภาพ ผมอยากจะซื้อมาแล้วลองใช้ดูน่ะครับ”
ผมเดินเข้าไปในร้านแล้วเลือกว่าจะซื้อรุ่นไหนดี ผมไม่ค่อยมีความรู้เรื่องกล้องสักเท่าไหร่
เพราะผมเคยใช้แต่กล้องดิจิทัลราคาถูกๆ หรือไม่ก็กล้องจากมือถือเท่านั้น
โอ้โห มีสินค้าของ Sony ด้วย ถึงจะไม่รู้มากนัก แต่ของญี่ปุ่นน่าจะใช้ง่ายที่สุด
จะเอากล้องวิดีโอหรือกล้องถ่ายภาพธรรมดาดีนะ… พออ่านคำอธิบายแล้ว
ผมก็สะดุดตากับกล้องวิดีโอรุ่น HDR-PJ680 ดูเหมือนมันจะเป็นรุ่นล่าสุดสินะ
คำอธิบายบอกว่ามีซูมออปติคัล 30 เท่า แต่เอาจริงๆ ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
แต่มันมีฟังก์ชันโปรเจกเตอร์ด้วย…และสามารถฉายวิดีโอที่บันทึกไว้ได้ 7 เหรียญเงิน…? เอาอันนี้แล้วกัน
ผมเลือกสินค้า แล้วช่องหยอดเหรียญก็ปรากฎขึ้นมา
แล้วผมก็หยอดเหรียญลงไปจากนั้นก็เดินออกมาพร้อมกล่อง
พอเปิดกล่องออกมากล้องก็พร้อมใช่แล้ว
ช่วงแรกๆ จะต้องพยายามไม่ให้กล้องไปจับภาพหน้าอกเด้งๆ หรืออะไรพวกนั้นมากจนเกินไป
เอาล่ะ ผมไปขอให้สาวๆ แต่ละคนไปยืนเรียงกันแล้วแนะนำตัวกันทีละคนดีกว่า
หลังจากทุกคนแนะนำตัวเสร็จ เราก็มานั่งดูด้วยกัน
ผมเป็นคนถือกล้องเลยถูกสาวๆ ห้อมล้อมตอนดูวิดีโอด้วยกัน…กลิ่นหอมมากๆ เลยล่ะ แถมยังนุ่มด้วย…
พวกเธอตื่นเต้นกับการได้เห็นตัวเองในวิดีโอมาก และพากันบ่นขำๆ ว่าเสียงของตัวเองแปลกแค่ไหนตอนที่แนะนำตัว
ตอนแรกผมก็นึกว่าพวกเธอจะอยากได้กล้องกันบ้าง
แต่ดูเหมือนพวกเธอจะไม่คุ้นชินกับการบันทึกความทรงจำด้วยภาพสินะ
อาจเพราะวัฒนธรรมของพวกเราไม่เหมือนกันสินะ…แต่ถ้าพวกเธอเห็นผมบันทึกภาพบ่อยๆ เข้า
บางทีพวกเธออาจจะอยากได้กล้องเองก็ได้…
MANGA DISCUSSION