ก่อนรุ่งสาง ไอเนสกับเฟลิเซียปลุกผมขึ้นมาอย่างอ่อนโยน
“นายท่าน เป็นอะไรไปเหรอคะ?”
“หืม? เปล่าหรอก ไปกันเลยดีไหม?”
“ค่ะ”
เมื่อคืนพวกเราออกไปยังทะเลเปิดแล้วเปลี่ยนไปขึ้นเรือซีกเกอร์
เพราะถ้าแล่นเรือออกจากท่าเรือไปโดยตรง พวกที่ตามสืบเรื่องของจอมเวท
อาจจะตามพวกเราไปด้วยก็ได้ อีกอย่างนี่เป็นการซื้อขายกันอย่างลับๆ พวกเราจึงต้องระวังตัว
การออกมาค้างคืนที่ทะเลเปิดช่วยป้องกันไม่ให้พวกเราถูกติดตามได้
ถึงจะดูเป็นวิธีง่ายๆ แต่ก็ไม่มีใครสามารถทำตามได้ถ้าไม่มีสกิลอย่างการอัญเชิญเรือ
“ผมจะตั้งระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติไว้แล้วพวกเราไปกินอาหารเช้ากันเถอะ”
“ค่ะ เอ่อ แล้วพวกจิราโซเล่ล่ะคะ?”
“แค่เตรียมอาหารเผื่อไว้ก็พอ ไม่ต้องไปปลุกพวกเธอหรอก
เดี๋ยวตอนที่จะไปเปลี่ยนเรือค่อยไปปลุก”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
หลังพูดกับเฟลิเซียจบ ผมก็มุ่งหน้าไปที่ห้องอาหาร
โดยอุ้มริมุไว้ในอ้อมแขนโดยไม่ให้เขาตื่น แต่พอไปถึงห้องอาหาร…ทุกคนในจิราโซเล่ก็รออยู่ที่นั่นแล้ว
“อรุณสวัสดิ์ครับทุกคน”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ วาตารุซัง”
“นี่ผมไปปลุกทุกคนหรือเปล่าครับ? ถ้าใครยังง่วงอยู่จะกลับไปนอนต่อก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันแค่รู้สึกตัวเพราะเรือเริ่มเคลื่อนเฉยๆ
เดี๋ยวฉันจะกลับไปนอนต่อค่ะ ดังนั้นไม่ต้องกังวลนะคะ”
พวกเธอรู้สึกตัวเพราะเรือเริ่มเคลื่อน! ผมไม่เห็นรู้สึกอะไรเลยเวลาที่เรือเคลื่อนที่น่ะ
หรือเพราะปกติผมจะตื่นเป็นคนสุดท้าย คงเพราะพวกเธอไวต่อความเปลี่ยนแปลงของสิ่งรอบตัวสินะ
อ่อ ยกเว้นตอนเมานะ เพราะตอนนั้นพวกเธอนอนยาวเลยล่ะ
ผมเอาเรืออาหารออกมาแล้วจัดอาหารเช้าไว้บนโต๊ะ
เมื่ออาหารออกมาตั้งริมุกับฟูจังก็เริ่มขยับตัว แม้จะเช้าขนาดนี้ก็ยังกินได้ตามปกติสินะ
พวกเขานี่ตื่นขึ้นมาตรงกับเวลาอาหารเสมอเลย ช่างน่ารักจริงๆ
หลังจากพวกเราทานอาหารเช้าเสร็จ เรือก็เดินทางไปถึที่งจุดหมาย
ผมอัญเชิญเรือยางออกมาแล้วค่อยเอาพริกไทยออกมาเรียง
จริงๆ ถ้าอัญเชิญเรือยางออกมาบนฝั่งมันจะเร็วกว่านี้
แต่เพราะวงเวทมันเด่นสะดุดตาเกินไปจึงอาจจะมีคนเห็นได้
ดังนั้นผมจึงต้องอัญเชิญพวกมันออกมาในเรือแล้วค่อยขนพวกมันขึ้นฝั่ง
พริกในครั้งนี้ที่นำออกมามามีมีจำนวนที่มหาศาลมาก เพรามันมีถึง 120 เรือยาง
ถ้าผมไม่เลเวลอัพล่ะก็ผมคงไม่มีทางขนพวกมันออกมาได้หมดเร็วขนาดนี้หรอก
พริกทั้งหมดนี้จะถูกนำไปขายทั่วทั้งทวีป
ผมล่ะสงสัยจริงๆ ว่าต้องใช้พริกมากขนาดไหนจึงจะทำให้ตลาดอิ่มตัวได้กันนะ?
แต่ก็กลัวว่าเหรียญทองคำขาวมันจะหมดซะก่อนเหมือนกัน…
ระหว่างที่เรานั่งจิบชาบนดาดฟ้าเรือของ ซีกเกอร์ ก็มีเรือกัลลีย์ขนาดกลางลำหนึ่งแล่นเข้ามา
นั่นคงเป็นเรือของคามิลล์ซังสินะ? ถ้าไม่ใช่ก็คงจะยุ่งยากน่าดู เพราะงั้นขอให้เป็นคามิลล์ซังทีเถอะ
คามิลล์ซังลงมาจากเรือกัลลีย์ที่ทอดสมออยู่ใกล้ๆ กับ ซีกเกอร์
ผมจึงเดินไปหาคามิลล์ซัง โดยมีสาวๆ ล้อมรอบเอาไว้
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ วาตารุซัง นี่คือเรือลำใหม่ใช่ไหมคะ?
พ่อค้าที่มีเรือขนาดกลางเป็นของตัวเองมีน้อยมากๆ เลยนะคะ ช่างน่าทึ่งจริงๆ”
ผมรู้สึกเหมือนเธอกำลังจะพยายามสื่ออะไรอยู่เลยอ่ะ ต้องระวังตัวหน่อยแล้ว
ผมยิ่งไม่ค่อยถนัดเรื่องการอ่านความหมายแฝงด้วยสิ
ถ้าเป็นไปได้ช่วยพูดกับผมตรงๆ ทีนะครับ คามิลล์ซัง
“ฮ่าๆ ขอบคุณครับ พริกไทยที่ขนมานั้นอยู่ตรงนั้นครับ เชิญไปตรวจสอบได้เลย”
“เข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะตรวจสอบพวกมันระหว่างที่เราขนของขึ้นเรือ
แต่เนื่องจากการซื้อขายครั้งนี้มีคนรู้เห็นไม่มาก ดังนั้นเราจึงจำเป็นใช้ทาสในการขนส่งสินค้าค่ะ
แต่ฉันได้สั่งให้ทาสทุกคนเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับแล้ว คุณคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะถ้าจะให้พวกเขาช่วยขนของ?”
“ไม่เป็นไรครับ ขอแค่คุณสั่งให้พวกเขาเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับก็พอ”
ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องแรงงานที่จะใช้ในขนของเลย
สมแล้วที่เป็นคามิลล์ซังใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ดีจริงๆ
เธอช่างเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถจริงๆ หรือเป็นเพราะผมไม่ค่อยจะใส่ใจเองหว่า
แต่คามิลล์ซังเป็นคนที่ไว้ใจได้อย่างแน่นอน ว่าแต่การไปทาบทามคนจากกิลด์การค้านี่มันจะผิดไหมนะ?
เพราะผมอยากถูกดูแลโดยอัลม่าซังกับคามิลล์ซัง
มีพี่สาวหูจิ้งจอก 2 คนมาคอยดู…วู้ฮู้ แค่คิดก็มีความสุขแล้ว
“ขอบคุณมากค่ะ งั้นเรามาเริ่มกันเลยนะคะ”
พูดจบ เธอก็เรียกทาสจากเรือกัลลีย์มาช่วยขนของพร้อมกับตรวจสอบคุณภาพพริกไทยไปด้วย…
ผมคิดว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นทาสเป็นครั้งแรกนอกจากตอนที่ไปโรงค้าทาส
ทุกคนเป็นชายที่มีร่างกำยำ คงถูกมอบหมายให้มาประจำที่เรือกัลลีย์โดยเฉพาะสินะ
แต่ทำไมถึงไม่พูดไม่จาอะไรเลยล่ะ จากที่ดูก็ไม่ได้ดูจะถูกปฏิบัติอย่างโหดร้ายอะไร
เพราะถึงจะเป็นทาส ผมก็ไม่คิดว่ากิลด์การค้าจะทำอะไรทิ้งๆ ขว้างๆ กับทรัพย์สินของพวกเขาหรอกนะ
“…ฉันตรวจสอบเรียบร้อยแล้วค่ะ พวกเราขอบคุณสำหรับพริกไทยคุณภาพดีที่วาตารุซังนำมานะคะ
การชำระเงินจะเป็นในอีก 9 วันตามที่ได้ตกลงกันไว้ แบบนั้นโอเคไหมคะ?”
เพราะเวลาถูกหยุดเอาไว้พริกไทยจึงยังสดอยู่เสมอ
ว่าแต่ถ้าไม่ใช่พริกไทย ผมจะสามารถทำเงินได้มากขนาดนี้จากอะไรอีกไหมนะ
ถ้าลองขนส่งปลาสดจากทะเลแล้วเอาไปขายที่เมืองใหญ่ดูล่ะ?
ไม่ดีกว่า เพราะการเดินทางบนบกมันยุ่งยากเกินไป
“ครับ ผมจะไปที่กิลด์การค้าในอีก 9 วัน”
“ขอบคุณค่ะ พวกเราจะรอคุณนะคะ”
เฮ้อ ต้องบอกลาคามิลล์ซังอย่างรวดเร็วโดยที่แทบไม่ได้คุยอะไรกันเลยแบบนี้ รู้สึกเซ็งชะมัด
ก็นะ เพราะนี่เป็นการซื้อขายลับ มันจึงเป็นเหมือนเกมที่วัดกันด้วยความเร็ว
แต่ถึงแม้ผมจะไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แต่การมาทำอะไรแบบนี้
มันก็อดที่จะรู้สึกประหม่าขึ้นมาไม่ได้เลย มันให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเล่นบทเป็นพวกคนไม่ดีกันอยู่เลยล่ะ
หลังจากแยกกับคามิลล์ซัง พวกเราก็กลับออกไปที่ทะเลเปิดแล้วเปลี่ยนเรือไปใช้ ลูโตะ
ก่อนจะกลับมาที่เมืองทางใต้ เราพักกันอยู่บนลูโตะเหมือนกับเมื่อวาน
แล้วขอให้จิราโซเล่ออกไปซื้อของให้อีก และค่อบรับสัมภาระที่พวกเธอเอามาส่ง
จากของที่ส่งมาในวันนี้ ดูเหมือนว่าเราจะสามารถออกเดินทางไปยังเกาะดาร์กเอลฟ์ได้แล้วล่ะ
ผมว่าจะออกเดินทางในเย็นของวันเลยนี้เพราะ ที่เมืองทางใต้ตอนนี้ผมไม่ค่อยอยากออกไปไหนเท่าไหร่
แต่ถ้าไปกับจิราโซเล่ก็พอไหว ดังนั้นผมจึงอยากรีบออกเดินทางวันนี้เลย
เพราะอีก 9 วันข้างหน้า ตอนที่กลับมาอีกครั้งผมจะได้เรือสำราญแล้วยังไงล่ะ
“ยินดีต้อนรับกลับครับทุกคน ขอบคุณที่เหน็ดเหนื่อยนะครับ”
“กลับมาแล้วค่พ ของในรายการได้มาครบหมดแล้วใช่ไหมตะ?”
“ครับ ได้มาครบหมดแล้ว ขอบคุณทุกคนมากเลยนะครับ
เอ่อ คือว่า…ถ้าพวกคุณไม่มีแผนอะไรผมขอไปที่เกาะดาร์ฟเอลฟ์คืนนี้เลยได้ไหมครับ?”
“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ…นี่ทุกคนคิดว่าไง?”
…หลังจากพูดคุยกัน ก็ได้ข้อสรุปว่าในเมื่อไม่มีธุระอะไรเร่งด่วน
พวกเธอจึงสามารถออกเดินทางไปที่เกาะดาร์กเอลฟ์ได้ในทันที ผมจึงรีบไปเตรียมตัวและออกเรือในทันที
“ทุกคน ตอนนี้เราออกถึงทะเลเปิดกันแล้วนะครับ
ผมว่าจะเปลี่ยนเรือไปเรือลำอื่น พวกคุณอยากขึ้นเรือลำไหนเป็นพิเศษกันไหมครับ?”
ปกติผมจะเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้ แต่วันนี้ผมจะให้พวกเธอเลือกกันเอง
ปรากฏว่าสาวๆ กลับถกเถียงกันอย่างดุเดือด
ถ้าให้สรุปคร่าวๆ ก็แบ่งได้ดังนี้
กลุ่มฟอร์เทรส – อเลสเซียซังกับอัลม่าซัง เหตุผล คือ มีมุมตู้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
กลุ่มสตรองโฮลด์ – คาร์ล่าซังกับคลอเร็ตต้าซัง เหตุผล คือ บุฟเฟ่ต์กับมุมตู้คีบตุ๊กตา
กลุ่มซีกเกอร์ – โดโรธีซังกับมารีน่าซัง เหตุผล คือ อยากเดินชม ซีกเกอร์ ให้ทั่วๆ เพราะยังสำรวจไม่หมด
แบ่งทีมกันได้ แบบ 2 ต่อ 2 แบบพอดิบพอดีเลยสินะ
แบบนี้ชักจะยุ่งยากแล้วสิ เพราะพวกเธอพยายามชักชวนอีกฝ่ายให้เปลี่ยนใจกันอยู่ตลอดเวลา
“นายท่าน ฉันขอพูดอะไรหน่อยได้ไหมคะ”
“อืม เธออย่างพูดอะไรงั้นเหรอ ไอเนส”
“เป็นคำถามที่ไม่เข้าท่าเลยค่ะ นายท่าน ทำไมถึงต้องไปเปิดวอร์อย่างนั้นล่ะคะ?”
นี่ อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้นสิ
“ขอโทษ…”
“ฉันคิดว่านายท่านควรรีบเข้าไปหยุดพวกเธอน่าจะดีกว่านะคะ”
“เฟลิเซีย…นี่ เธอคิดจริงๆ เหรอว่าผมจะสามารถเข้าไปหยุดสาวๆ ที่เป็นแบบนั้นไปแล้วได้น่ะ?”
นี่! อย่ามาเบือนหน้าหนีไปเงียบๆ แบบนั้นนะ…
“แล้ว…วาตารุซังกับพวกเธอ 2 คน อยากไปขึ้นเรือลำไหนเหรอ?”
ว๊าก! โดนลากเข้าไปร่วมซะแล้ว…
“ฉันชอบฟอร์เทรส เพราะมันมีมุมเครื่องดื่ม”
“ถ้าขอเลือกซีกเกอร์ค่ะ เพราะฉันอยากเดินสำรวจเรือ”
..เอ้า? ทำไมถึงตัดช่องน้อยแต่พอตัวอย่างนั้นล่ะ ไอเนส เฟลิเซีย…
ผมควรจะต้องเป็นคนที่ตอบคนแรกไม่ใช่เหรอ? แย่ล่ะ…
อึก…สายตาที่ทุกคนมองมามัน…แบบนี้ผมควรจะทำยังไงดี?
ถ้าจะให้พูดตรงๆ สำหรับผมไม่ว่าจะเรือลำไหนมันก็ไม่ต่างกัน
แต่ถ้าตอบส่งๆ ออกไปตอนนี้ล่ะก็…มีหวังได้กลายเป็นเรื่องใหญ่แน่
“…งั้น พวกเราไปกินบุฟเฟ่ต์กับเล่นตู้คีบตุ๊กตากันที่ สตรองโฮลด์ ก่อน
จากนั้นก็ไปซื้อเครื่องดื่มกับของที่อยากได้กันที่ ฟอร์เทรส แล้วค่อยไปนั่งดื่มกับบน ซีกเกอร์ ดีไหมครับ?”
…ผมพยายามรวบรวมรความคิดเห็นของทุกคนเข้าด้วยกัน
แล้วพยายามหาทางให้มันออกมาปลอดภัยเท่านี่สุดเท่าที่จะทำได้…ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาสินะ
ผมเองก็อยากดูดีวีดีอยู่เหมือนกัน เลยว่าจะไปเช่าดีวีดีที่ ฟอร์เทรส แล้วจะไปเปิดดูที่ซีกเกอร์
ในเมื่อตอนนี้เราอยู่กันกลางทะเล ผมเลยจะปล่อย ฟอร์เทรส ไว้อย่างนั้นเลย
เพราะถึงจะมีใครมาเจอก็เข้าไปไม่ได้อยู่ดี แล้วผมค่อยอัญเชิญมันกลับตอนที่ดูดีวีดีจบ
นับจากนี้ไป ผมจะไม่ถามความเห็นใครในการเลือกเรืออีกแล้ว ผมจะตัดสินใจด้วยตัวของผมเอง
บางทีตอนที่ไปอยู่ที่เกาะดาร์กเอลฟ์ลองหาวันออกไปที่ทะเลเปิดสัก 2-3 วันน่าจะดีกว่า
ลองเรียก ฟอร์เทรส สตรองโฮลด์ และ ซีกเกอร์ ออกมาพร้อมกัน แล้วลองสนุกกับพวกมันให้เต็มที่ดีกว่า
จะว่าไป พอมาลองคิดดูดีๆ ปกติผมมักจะอัญเชิญเรือพวกนี้ออกมาแค่ที่ละลำเองนี่…
มาลองเรียกออกมาพร้อมๆ กันก็น่าจะสนุกดีเหมือนกัน
พวกเราก็ไปกินบุฟเฟ่ต์และเล่นตู้คีบตุ๊กตากันที่ สตรองโฮลด์
จากนั้นก็แวะไปซื้อเครื่องดื่มและของกินเล่นกันที่ ฟอร์เทรส
ถึงจริงๆ จะซื้อของบางส่วนมาจาก สตรองโฮลด์ แล้วก็เถอะ
แต่ดูเหมือนสาวๆ จะชอบเมนูอุ่นร้อนที่มีขายตรงมุนตู้ขายของอัตโนมัติที่ ฟอร์เทรส มากกว่า
ผมเองก็เห็นด้วย เพราะเมนูร้อนที่มีขายอยู่บน ฟอร์เทรส มันอร่อยกว่าจริงๆ
ไหนๆ ก็มาแล้วผมว่าผมซื้ออาหารพวกนี้มาตุนไว้ในเรือเก็บเสบียงให้เยอะๆ น่าจะดีว่า…
เมื่อทุกคนซื้อของที่ต้องการกันเสร็จเรียบร้อยพวกเราก็ย้ายไปที่ ซีกเกอร์
และเริ่มต้นออกเดินทางไปยังเกาะของดาร์กเอลฟ์กันต่อไป
เราเปิดดีวีดีที่ผมเช่ามาดูกันบนทีวีจอยักษ์ที่ ซีกเกอร์ พร้อมกับดื่มกันไปด้วย
อัลม่าซังเองก็ดื่มเหมือนกัน หมายความว่าผมจะได้สนุกไปกับหน้าอกอันเปลือยเปล่าของเธอน่ะสิ!
ไม่สิ…เพราะตอนนี้เธอกำลังใส่เสื้อยืดอยู่ คงจะไม่ได้…แต่เสื้อยืดโนบราก็ดีเหมือนกันนะ
แต่ยังไงก็สู้ชุดยูกาตะไม่ได้…น่าเสียดายจริงๆ ที่ทุกคนไม่ชอบชุดยูกาตะ
เพราะพวกเธอบอกว่ามันเคลื่อนไหนลำบากเลยชอบเสื้อยืดมากกว่า
มันไม่เป็นไปตามที่ผมหวังเอาไว้เลย เพราะผมคิดว่าพวกเธอจะชอบชุดที่มันดูหลวมๆ ใส่สบายแบบนั้นซะอีก
พูดถึงชุด…บนเรือสำราญจะมีพวกร้านขายเสื้อผ้าอยู่ไหมนะ?
เพราะถ้ามี อาจจะมีพวกชุดกี่เพ้าหรืออะไรแนวๆ นั้นขายอยู่ก็ได้
ชุดผ่าสูงสินะ…ต้องเหมาะกับทุกคนแน่ๆ เพราะทุกคนขายาว
แต่…ที่ผมรู้แน่ๆ บนเรือสำราญจะต้องมียกทรงขายอย่างแน่นอน แล้วแบบนี้ผมจะทำยังไงดีล่ะ?
จะบอกว่าผมไม่รู้ว่าของพวกนี้มีเอาไว้ใช้ทำอะไรอย่างงั้นเหรอ? ไม่…ไม่น่าจะเวิร์ค
แต่ถ้ายกทรงเกิดฮิตกันในหมู่สาวๆ ล่ะก็ มันได้กลายฝันร้ายสำหรับผมแน่ ๆ
จะทำยังไงดี? จะซื้อเรือสำราญดีไหม…แต่ถ้าซื้อเสื้อยืดโนบราก็จะหายไป
แต่ถ้าไม่ซื้อผมกับไอเนสก็จะ…มันช่างตัดสินใจยากจริงๆ
ผมอยากได้เรือสำราญ แต่ก็ไม่อยากให้จิราโซเล่ได้รู้จักกับยกทรง…ที่มันเรื่องใหญ่เลยนะสำหรับผม
กับไอเนสหรือเฟลิเซียน่ะไม่เป็นไรหรอก เพราะผมสามารถสั่งให้พวกเธอไมใส่ยกทรงได้
แต่กับจิราโซเล่นี่…ไม่น่าจะไหว หรือผมควรปิดผนึกร้านขายยกทรงไปเลยดี?
หรือไม่ก็ไม่ต้องอธิบายเรื่องยกทรงหรือไม่ก็บอกว่ามันเป็นของใช้สำหรับผู้ชายไปเลย
แต่…บนเรือสำราญมันมีสระว่ายน้ำอยู่ด้วยนี่นา…งั้นก็หมายความว่าต้องมีชุดว่ายน้ำขาย…อ๊า หมดหวังแล้ว…
…คิดอะไรดีๆ ไม่ออกเลย หรือผมควรไปที่โบสถ์…แล้วขอพบท่านเทพผู้สร้างเพื่อให้ท่านช่วยดี?
ไม่สิ ท่านไม่น่าจะออกมาพบได้ง่ายๆ เพราะคราวก่อนที่ได้พบท่าน
ท่านเทพแห่งแสงก็ดูโกรธมากเลย ถ้าผมไปขอพบท่านอาจจะโดนโกรธไปด้วยก็ได้ อ๊าก ลำบากใจจริงๆ…
พวกเรามาถึงเกาะของดาร์กเอลฟ์แล้ว หลังจากขนของลงจากซีกเกอร์เสร็จ
ชาวบ้านที่มารอต้อนรับก็มาช่วยกันขนของไปยังหมู่บ้าน ยิ่งมีคนเยอะ งานก็ยิ่งเสร็จไว
“สวัสดีครับ คุณหัวหน้าหมู่บ้าน คุณรองหัวหน้าหมู่บ้าน
สถานการณ์ในหมู่บ้านเป็นยังไงบ้างครับ? มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า?”
“ไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ เพราะเดิมทีหมู่บ้านของพวกเราทั้ง 2 มีจำนวนคนอยู่ไม่มากอยู่แล้ว
ดังนั้นการที่จำนวนประชากรเพิ่มขึ้นจึงถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี”
“หัวหน้าหมู่บ้านพูดถูก โดยเฉพาะหมู่บ้านของพวกราที่แทบจะไม่ได้มีอิสระอะไรเลย
พอได้ย้ายมาอยู่ที่นี่ ทุกคนก็ดีใจกันมาก เด็กๆ ก็ตื่นเต้นที่มีเพื่อนใหม่ๆ เหมือนกัน”
ผมดีใจที่ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ในระหว่างที่พวกเราเดินเข้าไปในหมู่บ้าน
ก็ได้ยินเสียงตอก เสียงเลื่อย และเสียงโหวกเหวกจากการทำงานไม้ดังไปทั่ว
ดูเหมือนพวกเขาจะเร่งสร้างบ้านกันอยู่สินะ เพราะพวกเขามีไม้แห้งเตรียมไว้อยู่แล้ว
จึงสามารถเริ่มการสร้างบ้านได้เลย ถึงกับเว้นที่เอาไว้สำหรับก่อกองไฟด้วย
น่าแปลก…ผมคิดว่าดาร์กเอลฟ์จะเป็นพวกรักธรรมชาติและไม่กล้าตัดต้นไม้กันเสียอีก
แต่นี่กลับตัดไม้กันโดยไม่มีความลังเลเลยสักนิด และเมื่อลองถามดู
ก็ได้คำตอบจากคุณหัวหน้าว่า ป่าของที่นี่ไม่เคยมีใครแตะต้องมาก่อน
จึงจำเป็นต้องมีการตัดถางเพื่อเว้นระยะให้ป่าได้เจริญเติบโต
ซึ่งพอมาลองคิดดูดีๆ ก็เหมือนจะเคยได้ยินอะไรแบบนี้ตอนที่อยู่ที่ญี่ปุ่นเหมือนกัน
แม้จะสร้างบ้านเสร็จหมดแล้ว พวกเขาก็ยังต้องขนไม้ออกมาจากป่าอยู่ดี
ตอนนี้ทำได้แค่ตากไม้เอาไว้และเก็บสำรองไว้ใช้เมื่อคราวจำเป็นเท่านี้
แต่ถ้ามีพวกมันมากจนเกินไปในอนาคตอาจต้องหาวิธีเอามาใช้…
ทุกคนดูสนุกกับงานไม้กันมาก ถ้าในอนาคตที่มีไม้เหลือเฟือ
อาจจะได้เห็นสิ่งประดิษฐ์จากไม้ที่น่าสนใจจากพวกเขาก็ได้
ถ้าผมหาหนังสือที่เกี่ยวข้องกับพวกงานสถาปัตย์ได้ ผมจะลองเอามาให้พวกเขาดู
ดาร์กเอลฟ์ที่อาศัยอยู่ในบ้านสไตล์ญี่ปุ่นงั้นเหรอ…มันจะเข้ากันไหมนะ?
พอเดินมาถึงในหมู่บ้าน ก็ตามที่ได้ยินมาเลย
เสียงภายในหมู่บ้านคึกคักไปด้วยเสียงทุบ เสียงเลื่อย และเสียงไม้กระทบกัน
เครื่องมือช่างไม้ที่ซื้อมาในครั้งนี้คงจะช่วยทำให้เสียงยิ่งดังขึ้นไปอีกสินะ
“หืม? เปลี่ยนตำแหน่งของรั้วเหรอครับ?”
“ใช้ครับ เพราะตอนนี้พวกเรามีคนเพิ่มขึ้น และในอนาคตก็อาจจะมีเด็กๆ เกิดขึ้นมาด้วย
พวกเราเลยถือโอกาสนี้ ในการขยายพื้นที่ของหมู่บ้านไปด้วยเลย”
คุณหัวหน้าหมู่บ้านดูจะขยันมากเลยสินะ ได้ยินว่าเฟลิเซียเป็นห่วงเขามากเลยในเรื่องนี้
หวังว่าเขาจะไม่ทำงานหนักเกินจนล้มลงหรอกนะ
พวกเขาวางแผนว่าจะเพิ่มจำนวนคนที่จะไปประจำอยู่ในป่าและจะสร้างหมู่บ้านเล็กๆ ขึ้นที่นั่น
ดูเหมือนว่าพอไม่มีใครมากำหนดชีวิต ทุกคนก็เริ่มจะมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้นสินะ…
MANGA DISCUSSION