ผมเปลี่ยนเรือจาก สตรองโฮลด์ ไปเป็น ลูโตะ เมื่อถึงใกล้ๆ เมืองทางใต้
จริงๆ ผมก็เคยคิดที่จะลองใช้ ซีกเกอร์ ไปที่เมืองอยู่เหมือนกัน
แต่สุดท้ายก็ต้องเลิกล้มความคิดนั้นไป เพราะถ้าความวุ่นวายทั้งหมดที่เมืองทางใต้สงบลงแล้ว
การใช้ ซีกเกอร์ ไปที่เมืองก็จะทำให้ผมกลับมาเป็นจุดสนใจอีกครั้ง
แต่ถ้าความวุ่นวายนั้นยังอยู่ ผมก็จะลองกลับมาอีกครั้งโดยใช้ ซีกเกอร์
เพราะถ้าไฟมันยังลุกอยู่ การจะเติมน้ำมันเข้าไปนิดๆ หน่อยๆ ผลของมันก็คงจะไม่ต่างกันนัก
ใครจะไปรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างล่ะ จริงมั้ย?
แต่ถ้าเรื่องทั้งหมดมันถูกลืมไปแล้ว การที่ผมทำอย่างนั้นมันก็เหมือนการจุดไฟขึ้นมาใหม่
แต่… 6 เดือน มันก็ไม่ใช่เวลาน้อยๆ เลยนะจากมุมมองของผม
แต่กับเรื่องใหญ่ระดับประเทศขนาดนี้ มันก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ล่ะนะ
…แผนเดิมคือผมจะมาขายส่งพริกทุกๆ 2 เดือน
แต่ตอนนี้เวลามันกลับล่วงเลยผ่านมาถึง 6เดือน แล้ว
ลองขายพริกที่เก็บไว้ทั้งหมดในคราวเดียวเลยดีไหมนะ…
ไม่…มันจะดูไม่เป็นธรรมชาติ คงต้องทำซ้ำแบบเดิมนั่นล่ะดีแล้ว
เพราะถ้าผมยิ่งทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามแผนมากเท่าไหร่
ก็ยิ่งจะใช้เวลานานมากขึ้นเท่านั้นกว่าที่จะสามารถซื้อเรือสำราญสุดหรูได้…
ทั้งหมดมันเป็นความผิดของป่าปีศาจ จริงๆ ก็รู้อยู่แล้วตั้งแต่ที่ได้ยินชื่อว่ามันจะนาน
แต่ก็ไม่คิดเลยว่ามันจะนานถึงขนาดนี้ ช่างเป็นสถานที่ที่น่ารำคาญจริงๆ
ผมอยากจะขายส่งพริกให้ได้คราวละมากๆ แต่ก็ไม่มีทางไหนเลยที่จะทำได้…
เพราะถ้าขายไปที่ละมากๆ จนเกินไปอาจจะถูกสงสัยได้
และอาจถูกมองว่าผมกำลังได้รับความช่วยเหลือจากจอมเวทในการซื้อขายพริกอยู่ก็ได้
อืม…ตัดสินใจแล้ว ผมจะขายพริกเท่ากับที่เคยขายในครั้งที่แล้ว
และจะบอกเรื่องของ ซีกเกอร์ แค่กับคามิลล์ซังแค่คนเดียวเท่านั้น
ผมคิดว่าถ้าทำแบบนี้กิลด์มาสเตอร์น่าจะเข้าใจ แต่ถ้าเขาไม่เข้าใจก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้
เพราะการบอกเรื่องของ ซีกเกอร์ ไปตั้งแต่ตอนนี้ แล้วอ้างชื่อจอมเวทน่าจะสะดวกกว่าไปบอกทีหลัง
ถ้าดูแล้วไม่มีปัญหาผมก็จะเอา ซีกเกอร์ เข้ามาจอดที่ท่าเรือเลย
แต่ถ้าดูแล้วจะมีปัญหา ผมจะลองเอาพริกไทยไปขายที่ต่างเมืองดู
แต่ฟังๆ แล้วเหมือนกำลังทำอะไรที่ผิดกฎหมายอยู่เลยแฮะ แค่จะค้าพริกไทยเองนะ
ทำไมมันถึงต้อมางยุ่งยากถึงขนาดนี้ด้วยนะ…แต่ด้วยวิธีนี้
ผมจะสามารถขายส่งพริกได้คราวล่ะมากๆ เพราะ ซีกเกอร์ ลำใหญ่กว่า ลูโตะ มาก
มันสามารถขนพริกไทยได้คราวละ 100…ไม่สิ อาจจะถึง 120 ลำเลยก็ได้
อีกนิดเดียวผมก็จะสามารถซื้อเรือสำราญได้แล้ว ดังนั้นลองเสี่ยงหน่อยดีกว่า
แต่…แบบนี้จะถือว่าผมคิดตื้นเกินไปไหมนะ? ลองไปปถามความเห็นของคนอื่นๆ ดูดีกว่า
“ฉันคิดว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สำหรับคุหรอกนะคะ
ถึงโดยปกติกิลด์การค้าจะไม่ยอมอะไรง่ายๆ แต่กับวาตารุซังและสินค้าอย่างพริก
ฉันมั่นใจว่าพวกเขาจะต้องยอมยืดหยุ่นให้อย่างแน่นอนค่ะ”
“ฉันก็เห็นด้วยค่ะ แต่วาตารุซังควรจะค่อยๆ ทำไปโดยที่ไม่ต้องรีบจะดีกว่านะคะ
หรือไม่ก็ทำเหมือนครั้งก่อนที่บอกว่าสินค้าถูกเก็บไว้ที่เกาะ แล้วคุณก็เดินทางไปกลับหลายรอบเพื่อไปเอาก็ได้”
อลิเซียซังโอเคกับแผนการนี้ และโดโรธีซังก็เห็นด้วย แต่ถ้ามีวิธีที่เสี่ยงน้อยกว่านี้ ผมก็ควรเลือกวิธีนั้นสินะ…
“ถ้าผมไม่รีบ มันก็คงจะไม่สดุดตาเท่าไหร่หรอก แต่ผมทนกับสายตานั่นไม่ค่อยจะไหวน่ะสิ
ครั้งที่แล้วที่ผมเอาพริกไทยไปขาย คามิลล์ซังก็มองมาที่ผมด้วยสายตาสงสัยเพราะพริกมันยังสดอยู่
แถมยังถามอีกว่าผมเก็บพริกเอาไว้ด้วยวิธีไหนอีก ถ้าไม่ว่าทางไหนมันก็มีข้อเสีย
งั้นผมขอเลือกการขนทีละมากๆ ด้วย ซีกเกอร์ ยังจะดีกว่า เพราะขายได้คราวละมากๆ ด้วย”
สุดท้าย ทุกคนก็เห็นด้วยกับผม ดูเหมือนนิสัยชอบพูดออกเสียงของผมจะติดไปถึงคนอื่นด้วยสินะ
อัลม่าซังบอกว่าถ้าทุกอย่างยุ่งยากขึ้น เราก็แค่หนีออกไปทางเรือก็พอ
แค่นั่นพวกเราก็ไม่เป็นอะไรแล้ว เพราะพวกเธอสามารถคุ้มกันผมไปถึงที่นั่นได้
ก่อนเข้าเทียบท่า ผมวางพริกไว้บนดาดฟ้าและเตรียมทุกอย่างให้พร้อม
พอจอดเรือ ผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรไหวๆ อยู่รอบตัว… นี่ผมกังวลเกินไปหรือเปล่านะ?
“อื้อ~ ไม่ได้มาที่เมืองทางใต้นานเลยนะคะ วาตารุซัง เราจะไปที่กิลด์การค้าเลยไหมคะ?”
อลิเซียซังถามพลางบิดตัวไปมา…ถ้าเธอไม่ใส่ชุดเกราะอยู่ล่ะก็
มันคงเป็นภาพที่แจ่มสุดๆ เลยล่ะเวลาที่เธอบิดตัว ช่างน่าเสียดายจริงๆ
“ไม่ครับ ผมจะให้คามิลล์ซังมารับพริกที่นี่ จากนั้นผมค่อยจะไปที่กิลด์
ผมจะฝากให้เธอช่วยจัดการเรื่องของที่ต้องซื้อด้วย ดังนั้นมันอาจจะต้องใช้เวลานิดหน่อย ทุกคนไม่ว่าอะไรใช่ไหมครับ?”
“ของที่ต้องซื้อเหรอคะ?…อ่อ หมายถึงของที่ต้องใช้ที่หมู่บ้านใช่ไหมคะ?”
“ใช่ครับ ผมจะขอให้กิลด์การค้าเป็นคนจัดการให้ เพราะของมันมีจำนวนเยอะมากๆ”
“ฉันคิดว่าปล่อยเรื่องการซื้อของให้เป็นหน้าที่ของพวกเราจะดีกว่านะคะ
เพราะกิลด์การค้าจะต้องสนใจแน่ว่าคุณจะเอาของพวกนั้นไปทำอะไร
และถึงเราจะแบ่งกันออกไปซื้อจากหลายๆ ร้าน แต่ถ้ามีคนไปตรวจสอบ
พวกเขาก็คงจะรู้อยู่ดี เพราะงั้นระวังเรื่องนี้เอาไว้หน่อยก็ดีนะคะ”
ผมคิดว่าการไปซื้อตามร้านต่างๆ เองจะยิ่งเป็นที่สังเกตมากกว่า
ก็เลยคิดจะให้กิลด์การค้าเป็นคนจัดการให้… แต่ถ้าให้จิราโซเล่ช่วยทำแทนให้ล่ะ
มันจะดูเนียนกว่าหรือเปล่า? …แต่ผมรู้สึกว่านั่นจะยิ่งโดดเด่นกว่าเดิมนะสิ …
เอาเถอะ ไหนๆ พวกเธอก็อาสาจะช่วยแล้ว ก็ฝากให้พวกเธอไปจัดการก็แล้วกัน
“เข้าใจแล้วครับ เดี๋ยวผมจะเอารายการของให้นะครับ”
“ค่ะ ไว้ใจพวกเราได้เลย”
ผมขอให้พนักงานกิลด์ที่ประจำอยู่ที่ท่าเรือไปตามคามิลล์ซังมาให้
ปกติเธอควรจะเอารถเข็นมาเตรียมไว้ที่นี่แล้วนิ จนถึงตอนนี้คามิลล์ซังไม่เคยผิดนัดมาก่อนเลยนะ
แล้วถ้าผมไปเรียกเธอทั้งที่เธอกำลังลาพักผ่อนอยู่ล่ะ? ถ้าเป็นผมคงจะรู้สึกหงุดหงิดน่าดู
…หลังจากรออยู่พักหนึ่ง คามิลล์ซังก็มาพร้อมกับรถเข็น เธอยังคงสวยเหมือนเดิมเลย
“วาตารุซัง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ ฉันเห็นคุณไม่มาที่นี่นานเลย
ฉันยังคิดอยู่เลยว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณหรือเปล่า”
“มันก็นานจริงๆ นั่นล่ะครับ ช่วงนี้ผมเจอปัญหาเยอะหน่อยน่ะ
แต่ก็ยังโอเคอยู่ ผมมีพริกไทยมาด้วย สามารถเอามันไปขายได้เลยไหมครับ?”
“แน่นอนค่ะ เอาไว้ค่อยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฉันฟังทีหลังนะคะ
ตอนนี้พวกเรามาช่วยกันขนพริกออกจากที่นี่กันก่อนดีกว่า”
…ผมกลัวว่าตัวเองจะเผลอเล่าเรื่องที่ไม่ควรเล่าออกไปจังเลย
เห็นที่ต้องระวังหน่อยแล้วล่ะ คามิลล์ซังที่ยิ้มแบบนั้นอันตรายสุดๆ เลยล่ะ
ระหว่างที่ผมกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย พริกไทยทั้งหมดก็ถูกขนขึ้นรถเข็นเรียบร้อย
จากนั้นพวกเราก็มุ่งหน้าไปที่กิลด์การค้าโดยมีจิราโซเล่ทุกคนเป็นคนคุ้มกัน
เมื่อมาถึงผมก็ถูกพาเข้าไปยังห้องด้านใน ในทันทีเลยล่ะ
ขณะที่ผมกำลังนั่งรออยู่นั้น คามิลล์ซังก็กลับเข้ามาในห้องพร้อมกับกิลด์มาสเตอร์…
ผมไม่ค่อยชอบเวลาที่กิลด์มาสเตอร์อยู่ด้วยเลย เพราะผมจะคุยกับคามิลล์ซังได้น้อยลง…
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ วาตารุ ข้าก็นึกว่าเจ้าหนีไปแล้ว หรือ ไม่ก็โดนลักพาตัวไปแล้วเสียอีก”
นั่นไม่น่าจะใช่เรื่องที่ควรพูดกันด้วยรอยยิ้มแบบนั้นสิ
“ถึงครั้งนี้จะไม่ได้เอาของฝากมาด้วย แต่ผมยังอยู่ดีครับ”
“…น่าเสียดายจริงๆ แต่ไม่เป็นไร แล้วเจ้าไปทำอะไรมาบ้างล่ะ?”
น่าสนใจที่เขาดูจะเสียดายจริงๆ ดูเหมือนว่าแม้แต่กิลด์มาสเตอร์ก็ชอบของฝากสินะ
“คือ…ถึงจะไม่ได้ไปทำอะไรมามากก็เถอะ แต่ช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับด้วยนะครับ”
“…โอ้ ว่ามาเลย”
“ไม่ใช้แบบนั้นสิครับ ต้องให้สัญญามาก่อนว่าจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ
ทำไมถึงได้ตอบกลับมาแบบชิลๆ แบบนั้นล่ะครับ?”
ผมละไม่ชอบพวกพ่อค้าเลยจริงๆ ทำท่าทางเหมือนจะเข้าใจแต่สุดท้ายก็ไม่ให้คำมั่นอะไร
“อืม เข้าใจแล้ว แต่ไม่รวมถึงเรื่องที่ไปก่ออาชญากรรมมา
หรือเรื่องที่จะสร้างปัญหาให้กับประเทศนี้หรือทวีปนี้หรอกนะ”
ผมเนี่ยนะไปก่ออาชญากรรม แล้วปัญหากับประเทศหรือทวีปนี่มันยังไง?
นี่ในสายตาของกิลด์มาสเตอร์ผมเป็นคนยังไงกันล่ะเนี่ย?
แต่ถ้าเขาดูจะจริงจังขนาดนี้ การบอกว่าซื้อเรือลำใหม่มาจากจอมเวทมันคงจะดูน่าสงสารสินะ
“มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ ดังนั้นช่วยสัญญามาก่อนว่าคคุณจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ”
กิลด์มาสเตอร์ดูระแวงผมมากเลยสินะเนี่ย…
“ก็ได้ ข้าสัญญา”
“…งั้นเรามาทำสัญญากันเลยดีไหมครับ”
“…นี่เจ้า ไม่เชื่อในในคำพูดของข้างั้นรึ!?”
“ฮ่าๆ ก็เพราะเป็นคุณนั่นแหละผมถึงไม่ไว้ใจ”
“นี่ อยากถูกไล่ออกจากกิลด์รึไงฮะ?”
โฮ่ๆ ขู่กันตรงๆ แบบนี้เลยรึ แต่คำพูดแค่นั่นน่ะใช่กับผมไม่ได้แล้วนะครับตอนนี้
“น่าๆ คามิลล์ซังเองก็ต้องสัญญาด้วยนะครับ”
“เข้าใจแล้วค่ะ ฉันสัญญา”
จริงๆ ถ้าพวกเขาอยากจะเปิดโปงอะไรผมก็คงทำไปตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นถึงบอกไปก็ไม่มีเสียหายอะไร
“คือ… ผมไปช่วยงานท่านจอมเวทมาน่ะครับ เขาก็เลยขายเรือเวทลำใหม่มาให้
แต่ผมบอกไม่ได้หรอกนะครับ ว่าไปช่วยเรื่องอะไรมา”
“…เรือลำนั่นมีบาเรียของจอมเวทติดอยู่ด้วยไหม? แล้วขนาดล่ะ?”
“มีครับ และมันเป็นเรือขนาดกลาง”
กิลด์มาสเตอร์ขมวดคิ้วและมองมาที่ผมดูสีหน้าจริงจัง…
“เรือเวทขนาดกลางที่มีบาเรียที่สามารถต้านทานการโจมตีของแรงค์ S ได้โดยไม่ได้รับความเสียหายใดๆ…
วาตารุ เจ้ารู้ตัวไหมว่าตอนนี้เจ้ากลายเป็นบุคคลอันตรายไปแล้ว?
ถ้าไม่มีภัยคุกคามจากจอมเวท อย่างน้อยๆ เจ้าก็จะโดนยึดเรือ และที่แย่ที่สุดก็คือโดนฆ่า”
ว่าแล้วเชียว ถ้ามีเรือดีๆ พวกเขาก็จะมายึดไป ถ้าไม่มีจอมเวทคอยหนุนหลังก็คงแย่แน่ๆ
“ผมรู้ครับ เพราะงั้นถึงอยากให้เก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ
พอพูดถึงเรื่องนี้ ตอนนี้มีใครกำลังตามสืบเรื่องของจอมเวทอยู่ไหมครับ?”
“มีนับไม่ถ้วนเลยล่ะ ที่กำลังตามสืบเรื่องนี้อยู่น่ะ นี่นับแค่ที่ข้ารู้นะ
ยังมีคนที่ข้ายังไม่รู้อีกเยอะ เพราะงั้นตามหาไปก็เปล่าประโยชน์”
แค่ 6 เดือน พวกเขาคงยังไม่ยอมแพ้สินะ
โชคดีแล้วล่ะที่ทำให้เจ้าชายลำดับที่ 2 ยอมคุกเข่าก่อนหน้านี้
เพราะถ้าจอมเวทถูกประเมินไว้ต่ำกว่านี้ ผมก็คงมาทำธุรกิจที่เมืองนี้อีกไม่ได้
“ผมคงจะตกเป็นเป้าสินะครับ?”
“ก็ต้องแน่อยู่แล้วสิ”
“นั่นสินะครับ…”
หลังจากจัดการกับธุระเสร็จ คงต้องรีบหลบไปอยู่ที่เกาะของดาร์กเอลฟ์สักพักแล้วสิ
หรือถ้าผมสามารถซื้อเรือสำราญได้แล้ว ก็คงจะกลับมาที่อีกทีในอีก 1 ปี หรือ มากกว่านั้นเลยล่ะ
“คือ…ครั้งนี้ผมเอาเรือลำใหม่ไปซื้อพริกไทยมา ก็เลยได้มาในจำนวนที่เยอะกว่าครั้งที่แล้วมาก
น่าจะเยอะกว่าสักประมาณ 6 เท่าได้ แล้วคุณอยากให้ผมทำยังไงกับพวกมันดีครับ?
ผมสามารถใช้ ลูโตะ ทยอยขนพวกมันมาส่งให้ที่นี่ได้ หรือไม่ก็จะทำการนัดซื้อขายกันในที่ลับตาก็ได้
เพราะถ้าเอาเรือลำใหม่เข้ามาเทียบท่าที่ท่าเรือมันจะดูเด่นสะดุดตาเกินไป”
“อืม…พวกเราขอรับซื้อไว้ทั้งหมดนั่นแหละ และข้าจะเพิ่มราคาให้เป็นพิเศษด้วย
ถ้าเป็นที่ลับตา…ก็เอาตรงที่เราเคยไปทดสอบเรือกันก่อนหน้านี้ก็แล้วกัน
คามิลล์ เจ้าช่วยไปจัดการเรื่องนี้ให้ข้าหน่อยนะ”
“แต่มาสเตอร์ถึงพวกเราจะเตรียมเหรียญทองคำขาวเอาไว้ล่วงหน้าสำหรับการซื้อพริกไทยแล้วก็ตาม
แต่เราก็ไม่มีมากพอที่จะซื้อพริกไทยจำนวน 6 เท่า ของปริมาณเดิมได้หรอกนะคะ
อีกอย่างพารีสซังก็กำลังตามหาตัวของวาตารุซังอยู่ด้วย เขาขอให้พวกเราช่วยหาช่องทางติดต่อวาตารุซังให้ค่ะ”
สถานที่ทดสอบงั้นเหรอ…ที่นั่นเป็นสถานที่ที่ทำให้ผมได้รู้เป็นครั้งแรกว่าแรงค์ S นั้น
น่ากลัวถึงขนาดไหน แล้วพารีสซังคนนั้น…กำลังตามหาผมอยู่อย่างงั้นเหรอ!
ผมไม่อยากเจอเขาอีกแล้ว เพราะงั้นผมจะไม่ยอมให้ช่องทางการติดต่อใดๆ ไปแน่
“งั้นทำแบบครั้งที่แล้วก็ได้ครับ คือผมจะเอาพริกไทยไปส่งให้ก่อน
จากนั้นพวกคุณก็ค่อยไปรวบรวมเงินมาให้ผม เพราะถ้าจ่ายเป็นเงินสดมันจะช่วยผมได้มาก
แล้วก็เรื่องของพารีสซัง ผมไม่อยากไปเกี่ยวของอะไรกับเขาอีกแล้ว ดังนั้นช่วยไปคุยกับเขาให้หน่อยนะครับ”
“ค่ะ ฉันจะรีบไปรวบรวมเงินสดมาให้ ส่วนเรื่องพารีสซัง ฉันจะไปคุยกับเขาให้
แต่คุณคิดจริงๆ เหรอคะ ว่าเขาจะยอมแพ้กับเรื่องแค่นี้น่ะ?”
ไม่ว่าเขาจะยอมหรือไม่ยอมก็ตาม นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญหรอก
เพราะถ้าเขาสามารถหาช่องทางติดต่อผมได้จริงๆ เขาได้พุ่งตรงเข้ามาหาผมแน่
เขาจะหาข้ออ้างดีๆ ขึ้นมาแล้วบอกว่าอยากลองทำอะไรสักอย่าง
จากนั้นเขาก็จะสาดการโจมตีอันบ้าคลั่งใส่เรือของผม
ผมเชื่อในพลังของบาเรียนะ แต่ผมรู้สึกไม่สบายใจเลยที่มีคนที่เหมือนกับสัตว์ประหลาดอย่างนั้นมาอยู่ใกล้ๆ
ดังนั้นสิ่งที่ผมควรจะทำคือการหลีกเลี่ยงเขาในทุกวิถีทาง
“ต่อให้เขาจะไม่ยอมแพ้ ผมก็จะพยายามหนีเขาต่อไปให้ถึงที่สุดครับ
ดังนั้นกรุณาอย่าให้ข้อมูลติดต่อของผมกับพารีสซังโดยเด็ดขาด”
“กิลด์การค้าจะไม่มีวันเปิดเผยข้อมูลของคู่ค้าอย่างแน่นอนค่ะ
แต่ถ้าเป็นสายข่าวอื่นๆ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะ?”
อีกสัก 2 ปี หลังจากได้เรือสำราญมาแล้วผมค่อยกลับมาที่เมืองทางใต้อีกครั้งก็แล้วกัน
“ผมจะพยายามหลบให้ดีที่สุดครับ ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วง”
ไม่รู้ทำไมคามิลล์ซังถึงมองผมเหมือนว่ามันเป็นปัญหา
มันก็ลำบากใจอยู่นะที่จะไม่ได้เจอกับเธอตั้ง 2 ปี งั้นขอเปลี่ยนเป็นปีครึ่งก็แล้วกัน
“ว่าแต่วาตารุ ที่ข้าเคยบอกให้เจ้าลองไปถามจอมเวทดูว่าเขาจะขายได้อีกไหม
เจ้าได้ลองไปถามเขาดูแล้วยัง ถ้าถามแล้วเขาให้คำตอบมาแบบไหมหรือ?”
กิลด์มาสเตอร์ คุณนี่มัน…. ตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาของผมกับคามิลล์ซังนะครับ
กรุณาอ่านบรรยากาศหน่อยสิ ส่วนเรื่องเรือเวทนะเหรอ?
ผมไม่คิดว่าเขาเคยฝากผมถามอะไรแบบนั้นนะ แต่ยังไงผมก็ไม่ขายเรือให้หรอก
“ถามแล้วครับ แต่เขาบอกว่าไม่อยากขาย”
“…เจ้าถามแล้วจริงๆ ใช่ไหมเปล่า?”
“ใช่ครับ ผมถามแล้ว ถามด้วยความจริงใจเลยครับ”
“ทำไมเจ้าถึงดูจริงจังขึ้นมาซะเฉยๆ ล่ะ?
แบบนั้นมันดูไม่เข้ากับบุคลิคของเจ้าเลยนะ แถมยังดูน่าสงสัยอีกต่างหาก”
ปล่อยผมไปเถอะ แค่ผมทำหน้าจริงจังหน่อยเดียว
ก็ถูกสงสัยแล้วเหรอ แบบนี้ฟังแล้วก็เจ็บเหมือนกันนะ
“ยังไงก็เถอะ มันไม่มีทางสำเร็จอย่างแน่นอนครับ
เพราะงั้นยอมแพ้เรื่องการซื้อเรือเถอะนะครับ กิลด์มาสเตอร์”
“…..”
ถึงเขาจะมองผมด้วยสายตาแค้นสุดๆ ผมก็จะทำเป็นไม่สนใจ
แล้วกลับไปคุยเรื่องแผนการในอนาคตกับคามิลล์ซังต่อ
ดูเหมือนว่าเธอพูดจริงเรื่องที่ว่ามีการเตรียมเหรียญทองคำขายเอาไว้แล้ว
เพราะตอนที่เธอจะไปเอาพริกไทยในวันนี้ เธอจะนำเหรียญทองคำจำนวน 75 เหรียญทองคำ ไปด้วย
อีกทั้งยังตกลงกันแล้วว่าจะส่งพริกที่เหลือในตอนรุ่งสางของวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่คนไม่เยอะ
“คามิลล์ซัง นั่นมันเงินเยอะมากเลยนะครับ เอามาให้แบบนี้มันจะไม่เป็นไรเหรอ
อีกอย่างผมก็ขายพริกไปให้เยอะมาก มันยังมีที่ว่างในตลาดเหลืออีกเหรอครับ?”
“ฟุฟุ พริกเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่ราชวงศ์ ขุนนาง พ่อค้าที่ร่ำรวย
และเหล่าคนที่มีตังค่ะ อีกทั้งมันยังเป็นสินค้าสิ้นเปลือง ดังนั้นเราจึงสามารถขายมันได้เรื่อยๆ”
ดูเหมือนพวกเธอจะทำกำไรได้มหาศาลเลยสินะ
ทำเอาผมเริ่มสงสัยเลยสิ ว่าพวกเธอจะทำกำไรกันได้มากขนาดไหน?
เพราะขนาดแค่ผมเอาพวกมันไปขายส่งให้กับร้านค้าก็กำไรเพิ่มขึ้นมากแล้ว
แล้วถ้าผมเอาพริกไปขายตรงให้กับราชวงศ์โดยตรงล่ะ จะได้กำไรมากขนาดไหนกันนะ?
“คามิลล์ซัง กิลด์การค้าทำกำไรได้มหาศาลจากพริกที่ผมเอามาขายใช่ไหมครับ?
แล้วพวกคุณเอากำไรเหล่านั้นไปทำอะไรเหรอครับ? คือผมแค่รู้สึกแปลกๆ ที่กิลด์การค้ามาหากำไรซะเองน่ะครับ”
“โอ้ นั่นเป็นเรื่องเข้าใจผิดค่ะ ถึงพวกเราจะได้กำไรก็จริง
แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือการเพิ่มอิทธิพลของกิลด์ผ่านการกระจายพริกให้พ่อค้ารายย่อยค่ะ
ต้องขอขอบคุณวาตารุซังจริงๆ นะคะ ที่นำพริกไทยมาขายส่งให้พวกเราเป็นจำนวนมาก
จนทำให้กิลด์การค้าของเมืองทางใต้แห่งนี้มีอิทธิพลและผลกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลเลย
และพนักงานอย่างพวกเราก็ได้เงินเดือนที่เพิ่มขึ้นด้วย ต้องขอขอบคุณจริงๆ นะคะ วาตารุซัง”
ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าระบบมันเป็นแบบนี้ ดูเหมือนว่าพริกไทยจะมีพลังมากกว่าที่ผมคิดนะ
เพราะมันสามารถสร้างอิทธิพลได้แบบนี้ และแน่นอนว่าอันดับของกิลด์การค้าก็คงสำคัญเหมือนกัน
ดูเหมือนทุกคนจะยิ้มกันหน้าบานเลยสินะ ที่กิลด์ของที่นี่ติดอันดับต้นๆ น่ะ
“อย่างงี้นี่เอง ถ้าเรื่องนี้ช่วยคามิลล์ซังได้ ผมก็ดีใจครับ”
ผมบอกลากิลด์มาสเตอร์และคามิลล์ซัง จากนั้นก็กลับมาที่ ลูโตะ
หลังจากกลับมาถึง ลูโตะ พวกเราก็แยกกับจิราโซเล่
พวกเราจะอยู่ที่บน ลูโตะ ต่อ ส่วนจิราโซเล่จะไปที่กิลด์นักผจญภัย
และจะออกไปซื้อของตามรายการที่ผมให้ไว้ …อ๊ะ ผมลืมเช็คค่าลิขสิทธิ์ของโอเทลโล่อีกแล้ว
เงินสดในมือ: 48 เหรียญทอง 19 เหรียญเงิน 77 เหรียญทองแดง
บัญชีกิลด์: 70 เหรียญทอง
เงินเก็บบนเรือ: 995 เหรียญทองคำขาว
เรือพริกไทย: 405 ลำ
MANGA DISCUSSION