เช้าวันรุ่งขึ้น…ผมตื่นขึ้นมาแล้วทำกิจวัตรประจำวันของตัวเองไปตามปกติ สวมฮู้ด และออก…
เอ๊ะ! ผมไม่ได้นัดจุดรวมตัวกันในตอนเช้าเอาไว้นี่นา…
“เนส เชีย คิดว่าทุกคนจะไปรวมตัวกันที่ไหนเหรอ?”
“ตามปกติตอนที่อยู่ที่ ฟอร์เทรส พวกเราจะนัดรวมตัวกันที่มุมตู้ขายของอัตโนมัติข้างๆ ร้านอาหารค่ะ
ฉันคิดว่าพวกเธอน่าจะไปรอกันอยู่แถวบริเวณหน้าร้านอาหาร”
“ฉันก็คิดเหมือนกันค่ะ”
“งั้นเราไปที่ร้านอาหารกันเถอะ”
“”ค่ะ””
เมื่อเราไปถึงร้านอาหารทุกคนก็มารออยู่ก่อนแล้ว
อย่างที่เนสกับเชียคาดไว้…ไม่รู้เพราะผมบื้อไปเองหรือว่าพวกเธอนฉลาด
…แต่น่าเสียดายที่ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นอย่างแรกมากกว่า
“อรุณสวัสดิ์ครับทุกคน”
“””อรุณสวัสดิ์ค่ะ”””
“พวกคุณจะว่าอะไรไหมครับ ถ้าเราจะกินบุฟเฟ่ต์อาหารเช้ากัน?
อ๊ะ! แต่ถ้ามันหนักไปจะไปกินที่ตู้ขายของอัตโนมัติกันก็ได้…”
“กินค่า! ฉันอยากลองกินบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าของที่นี่ดูค่า…”
คาร์ล่าซังตอบกลับมาอย่างรวดเร็วและคนอื่นๆ ก็ดูจะไม่มีปัญหาอะไร
ดังนั้นพวกเราจึงเข้าไปในร้านอาหาร เช้านี้ผมอยากกินอาหารเช้าแบบญี่ปุ่น
เลยเลือกหยิบปลาแซลมอนย่างไข่หวานซุปมิโซะและผักดองมา
เยี่ยมเรียบง่ายแต่อร่อย ส่วนของริมุผมใส่ไส้กรอกเพิ่มลงไปให้ด้วย
มันน่าแปลกที่ผมเริ่มมากินอาหารเช้าอย่างเป็นกิจจะลักษณะมากขึ้นตั้งแต่มาอยู่ที่โลกนี้
บางทีอาจเป็นเพราะผมต้องเคลื่อนไหวร่างกายมากกว่าตอนที่อยู่ญึ่ปุ่นก็ได้
เพราะถ้าไม่กินอาหารให้เพียงพอก็จะรู้สึกไม่มีแรง
ก่อนที่จะมาที่โลกนี้ผมมักจะนอนดึกและตื่นสายอยู่เสมอ
ทำให้ไม่ค่อยได้มีโอกาสกินอาหารเช้าสักเท่าไหร่
และพอมาคิดดูดีๆ มันเป็นวิถีชีวิตที่ไม่ค่อยดีต่อสุขภาพเท่าไหร่เลย…
หลังจากกินอาหารเช้าแบบญี่ปุ่นเสร็จฉันก็เปลี่ยนไปลองเมนูสไตล์ตะวันตก
จากนั้นก็ลองกินนั่นกินนี่ไปเรื่อยๆ ถ้ากินตามปกติผมคงกินไม่ได้เยอะขนาดนี้
นี่อาจจะเป็นมนตร์วิเศษของบุฟเฟ่ต์ก็ได้ที่ทำให้ผมกินได้มากขนาดนี้
แต่การกินเยอะๆ จนขยับตัวไม่ไหวในตอนเช้าแบบนี้มันไม่น่าจะดีสักเท่าไหร่ ผมว่าผมต้องควบคุมตัวเองหน่อยแล้ว…
หลังจากกินเสร็จพวกเราก็ไปนั่งที่โซฟาหน้าตู้ขายของอัตโนมัติแล้วพูดคุยกันเรื่องแผนการของวันนี้พร้อมกับดื่มกาแฟกระป๋อง
“ถ้าระยะทางจาก ลูก้าไปยังออร์ฮูส เท่ากับเรือเวทมนตร์ปกติเดินทางสี่วัน
พวกเราก็น่าจะไปถึงบริเวณที่เมืองตั้งอยู่ในช่วงเย็นของวันนี้
ผมว่าน่าจะยังพอมีเวลาเหลือให้ค้นหาเมืองก่อนที่พระอาทิตย์จะตกอยู่
ถ้าเราเจอเมืองเราจะทอดสมอรอยู่ข้างนอกก่อนแล้วค่อยเข้าไปที่นั่นในตอนเช้า
แต่ถ้าไม่เจอเราจะออกคนหากันอีกทีในตอนเช้าว่าแต่โดโรธีซังพวกคุณเคยไปที่ออร์ฮุสมาก่อนหรือเปล่าครับ?”
“ไม่เคยค่ะ ก่อนหน้านี้พวกเราเดินทางกันทางบกมาตลอดเลยไม่เคยผ่านไปที่นั่นเลยค่ะ
แต่ฉันมั่นใจว่าในตอนกลางคืนที่นั่นต้องยังพอมีแสงไฟอยู่บ้างพอให้เราสังเกตได้อยู่ค่ะ
ฉันพอรู้ตำแหน่งคร่าวๆ ของเมืองแต่ก็อาจคลาดเคลื่อนได้ดังนั้นเรารอให้ถึงเช้าก่อนแล้วค่อยออกค้นหากันอีกทีค่ะ”
“ถ้างั้นพวกเราก็ไม่มีอะไรต้องทำมากนักจนกว่าจะถึงพรุ่งนี้เช้า
งั้นทุกคนก็ไปทำอะไรที่อยากทำได้ตามสบายเลยครับ
ส่วนผมว่าจะไปฝึกซ้อมเบาๆ จากนั้นก็ว่าจะไปดูหนัง”
“ริมุไปดูด้วย”
“งั้นเหรอ เราไปดูด้วยกันหลังจากฝึกเสร็จน้า ริมุ”
“พวกเราขอไปด้วยนะคะ”
“ได้สิครับ”
สาวๆ เองก็ตัดสินใจว่าจะไปดูหนังด้วยเหมือนกัน
ดังนั้นพวกเราจึงตกลงกันว่าจะมาดูหนังด้วยกันหลังฝึกซ้อมเสร็จ
ว่าแต่จะดูเรื่องอะไรดีนะ…?
Titanic ดีมั้ยนะ…ไม่ ไม่เอาดีกว่ามาดูหนังเกี่ยวกับเรือรบบนเรือแบบนี้มันก็ยังไงๆ อยู่
งั้นเอาเป็น Pirates of the Caribbean ดีมั้ยนะ?
มันทั้งตลกและมีเนื้อหาที่ไม่ได้ซับซ้อนอะไร อีกอย่างผมก็ชอบเพลงประกอบของมันด้วย…
หรือว่าจะดู Mac and Me ดีนะ? มันเป็นหนังตลกที่มีเพลงสนุกๆ อยู่หลายเพลงเลย ผมคิดว่าทุกคนน่าจะชอบกัน
หลังจากฝึกซ้อมเสร็จเราก็ไปอาบน้ำจากนั้นก็ไปเตรียมขนมและน้ำผลไม้ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่โรงหนัง
ห้องนี่อย่างใหญ่เลย ใหญ่กว่าที่ ฟอร์เทรส ซะอีก
เพราะมันมีทั้งเวทีและเปียโนอยู่ด้วย สงสัยจังว่าโลกนี้จะมีเปียโนหรือเปล่า?
แต่ถึงจะมีผมก็เล่นไม่เป็นอยู่ดีเพราะงั้นมันคงไม่มีประโยชน์อะไร
พักเรื่องเปียโนเอาไว้ก่อนแล้วกัน มาเริ่มดูหนังกันเลยดีกว่า
ทุกคนดูจะสนุกับ Mac and Me มาก อย่างที่คิดยิ่งจอใหญ่เท่าไหร่ก็ยิ่งให้ความรู้สึกตื่นเต้นและสนุกมากขึ้น
พวกเราใช้เวลาทั้งวันไปกับการดูหนังสลับไปกับมื้ออาหารและการพักผ่อน
จนกระทั่งถึงเช้าวันใหม่
ผมตื่นขึ้นมาทำกิจวัตรประจำวันตามปกติสวมฮู้ดและปรับโหมดตัวเองให้การเป็นโหมดจอมเวท
จากนั้นก็มุ่งหน้าไปที่ร้านอาหารเพื่อพบกับทุกคน
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
“””อรุณสวัสดิ์ค่ะ”””
วันนี้ตามกำหนดการเราจะไปถึงที่ออร์ฮุส
ดังนั้นผมเลยอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศดูสักหน่อย
วันนี้ผมจะพาทุกคนไปกินข้าวเช้ากันที่ร้านอาหารอีกแห่งหนึ่ง…ขอเรียกมันว่าโรงอาหารก็แล้วกัน
เมื่อผมสั่งอาหารเช้าจากเมนูของโรงอาหารก็มีช่องหยอดเหรียญปรากฏขึ้นมาข้างๆ เมนู
หลังจากจ่ายเงินวงเวทก็ปรากฏขึ้นบนโต๊ะและอาหารเช้าที่ผมสั่งก็ออกมา…มันดูน่าขนลุกอยู่เหมือนกันนะเนี่ย…
“โดโรธีซัง คุณคิดว่าเจ้าอาหารนี่จะกินได้ไหมครับ?”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ…”
“…งั้นก็คงต้องลองเสี่ยงดูสินะครับ ผมเชื่อในตัวท่านนะครับ ท่านเทพผู้สร้าง!”
จากนั้นผมก็ตักสลัดขึ้นมาด้วยความกล้าๆ กลัวๆ แล้วก็เอามันเข้าปาก….
นะ นี่มัน !!! ก็สลัดธรรมดานี่หว่า…แบบนี้คงไม่น่าจะเป็นอะไรหรอกมั้ง?
“ท่านจอมเวททุกอย่างปกติดีใช่ไหมคะ?”
“ครับ…รสชาติของมันเหมือนกับสลัดตามปกติเลย และตอนนี้ผมก็ไม่ได้รู้สึกแปลกๆ อะไรครับ”
ก็นะ ท่านเทพผู้สร้างเคยบอกว่าสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ บนเรือจะพร้อมใช้งานเสมอ
ดังนั้นผมคิดว่ามันคงไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่ก็นะการที่จู่ๆ อาหารมันโผล่ออกมาจากวงเวทแบบนี้เลยมันก็ดูแปลกๆ จริงๆ นั่นล่ะ
เอาเถอะในเมื่อผมสามารถเอาอาหารออกมาจากเรือที่อัญเชิญมาได้แบบนี้
มันก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องอาหารอีก
จากนั้นเมื่อเห็นว่าผมกินได้โดยไม่มีปัญหาอะไร
สาวๆ เองก็เริ่มสั่งอาหารที่ตัวเองอยากกินมา จากนั้นก็เริ่มกินมื้อเช้าด้วยความระแวงเล็กน้อย
เอาล่ะมาคุยเรื่องแผนการในวันนี้กันดีกว่า…
“หลังจากนี้เราจะมุ่งหน้าไปที่ออร์ฮุสกันนะครับ ทุกคนมาช่วยกันสังเกตด้วยว่ามีเรือมุ่งหน้าไปที่ทางไหนบ้างนะครับ จะได้หาเมืองเจอ”
“เราควรขึ้นไปดูบนดาดฟ้าเรือไหมคะ?”
“ก็ดีครับ ถึงแม้มันจะเป็นไปได้ยากที่เราจะแล่นเลยเมืองไป แต่การขึ้นไปเช็คบนดาดฟ้าก็ไม่เสียหายอะไร
แต่ตอนนี้ที่ผมกังวลคือถ้าเราแล่นสตรองโฮลด์เข้าไปที่ออร์ฮุสมันอาจเกยตื้นได้ครับ
ผมไม่มั่นใจเลยว่าเราจะสามารถเข้าไปที่ท่าเรือได้หรือเปล่า…?”
“ฉันก็เคยได้ยินมาว่ามีเรือลำใหญ่เข้ามาเทียบท่าแล้วเกิดตื่นที่ท่าเรือของลูก้าอยู่เหมือนกันค่ะ
ขนาดท่าเรือของลูก้าใหญ่กว่าของที่นี่ถึงสองเท่าเรือขนาดใหญ่ยังไม่สามารถเข้าใกล้ท่าเรือได้เลย
ดังนั้นที่ท่าเรือของออร์ฮุสก็คงไม่ได้เหมือนกันค่ะ”
“เข้าใจละ งั้นเราคงต้องหารือเรื่องนี้กับบริษัทการค้าโกเฟรโด้ดูแล้วล่ะ”
“ค่ะ พวกเขาให้เงินเรามามากถึง 20 เหรียญทองคำขาว และพวกเขาต้องการให้เราซื้อเสบียงมาให้ได้มากที่สุดค่ะ”
“หา! 20 เหรียญทองคำขาว สำหรับเสบียง? ลูก้ามีประชากรไม่ถึงสองหมื่นคนไม่ใช่เหรอ
มันต้องใช่เสบียงเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ! ผมล่ะสงสัยจริงๆ ว่าพวกเขาจะเก็บเสบียงปริมาณขนาดนั้นเอาไว้ที่ไหน?”
“เราคงต้องปรึกษาเรื่องนี้กับบริษัทการค้าดูค่ะ”
“เข้าใจแล้วครับ งั้นเราก็ออกเดินทางกันเถอะ”
“ค่ะ”
“นายท่านเราควรใช้ลูโตะออกไปสำรวจก่อนดีไหมคะ?
เพราะถ้าพวกเราหาเมืองเจอพวกเราก็แค่ต้องทอดสมอไว้ จากนั้นนายท่านก็จะรู้ตำแหน่งของเมืองเอง”
“โอ้! เป็นความคิดที่ดีนิ ถ้างั้นก็ฝากจัดการเรื่องนี้ด้วยนะ เนส”
“ค่ะ”
“ฉันจะไปกับเนสด้วยค่ะ พอไปถึงเมืองฉันจะเป็นคนไปแจ้งเรื่องของท่านงจอมเวทที่บริษัทการค้าโกเฟรโด้
และจะไปส่งจดหมายให้ท่านเจ้าเมืองของเมืองออร์ฮุสค่ะ”
“เข้าใจแล้วครับ ถ้างั้นผมกับเซียจะรออยู่ที่นี่ส่วนพวกโดโรธีซังก็ล่วงหน้าไปกับลูโตะก่อนได้เลยครับ”
“ฉันคิดว่ามันจะดูแปลกนะคะ ที่ท่านจอมเวทจะมีผู้ติดตามแค่คนเดียว
ฉันคิดว่าให้คาร์ล่าอยู่ที่นี่คอยคุ้มกันท่านจอมเวทอีกคนจะดีกว่า
ฉันจะไปส่งจดหมายและไปติดต่อกับบริษัทการค้าโกเฟรโด้กับมารีน่าเอง ส่วนเนสจะคอยเฝ้าระวังอยู่ที่ลูโตะ”
“เข้าใจแล้วครับ งั้นผมขอฝากจดหมายของมาร์ควิสไว้กับมาริน่าซังนะครับ”
“ไม่ค่ะ ท่านจอมเวทควรจะเป็นคนเก็บมันเอาไว้เองค่ะ เพราะมันอาจมีข้อมูลเกี่ยวกับท่านอยู่ในจดหมายก็ได้”
“เอ๊ะ-อย่างนั้นเหรอครับ?”
อืม ในเมื่อพวกเขาไหว้วานผม ก็คงมีการพูดถึงผมอยู่แล้ว
ถ้าจดหมายบอกว่ามีจอมเวทที่น่าสงสัยไปที่ร้านค้ามันคงจะดูแปลกๆ ถ้ามารีน่าซังเป็นคนไป
“เข้าใจแล้วครับ ถ้าทุกคนเตรียมตัวกันเสร็จแล้วให้มารวมตัวกันที่หน้าทางออกของเรือนะครับ”
“””ค่ะ”””
“อ๊ะ ผมจะออกตั๋วใบใหม่ให้ก่อน”
ฉันออกตั๋วสำหรับใช้กับ สตรองโฮลด์ ให้กับทุกคนจากนั้นพวกเราก็แยกย้ายกันไปเตรียมตัวสำหรับการออกเดินทาง
เฮ้อ…ผมไม่ทันคิดเรื่องให้ลูโตะออกไปสำรวจก่อนเลย
“เนส เธออาจจะต้องจ่ายค่าจอดเรือ ดังนั้นเอานี่ไปด้วย”
“ค่ะ”
ผมยื่นเหรียญทอง และ เหรียญเงินอีก 10 เหรียญ ให้เธอ
หลังจากเตรียมตัวเสร็จผมก็ไปที่ทางลงเรือทุกคนก็มารออยู่ก่อนแล้ว นักผจญภัยนี่เตรียมตัวกันไวดีจริงๆ
หลังจากส่งทุกคนที่จะไปสำรวจล่วงหน้าเสร็จแล้ว ผมก็กลับไปที่โรงอาหารเพื่อพักผ่อนและจิบกาแฟ
“ผมรู้ตำแหน่งของลูโตะอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ดังนั้นทุกคนไปใช้เวลาว่างกันได้ตามสบายเลยนะครับ”
“ค่ะ”
มีการเปลี่ยนกำหนดการนิดหน่อยจึงทำให้ผมมีเวลาว่าง…งั้นไปผ่อนคลายกันที่เก้าอี้นวดหน่อยดีกว่า
ผมลองตรวจสอบตำแหน่งของเรือทุกลำดูและพบว่าผมสามารถรับรู้ตำแหน่งของพวกมันคราวๆ ได้
อ๊ะ! แบบนี้ก็หมายความว่าถ้ากาเล็ตต์เคลื่อนที่ก็แสดงว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นที่ลูก้าสินะ ดีแล้วล่ะที่ผมทิ้งมันไว้ที่นั่น
และถ้ากาเล็ตต์เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วก็แสดงว่าพวกเธอกำลังต่อสู้อยู่…
เว้นแต่ว่าอลิเซียซังจะใช้มันซิ่งเพื่อระบายอารมณ์…ผมหวังว่าเธอคงไม่ทำอะไรแบบนั้นในสภาวะสงครามแบบนี้หรอกนะ
“วาตารุ”
“หืม? มีอะไรเหรอริมุ?”
เมื่อผมลืมตาขึ้นก็พบเห็นริมุกับเชียสงสัยว่าริมุจะตามเชียไปเพราะเธอกำลังจะไปกินขนมสินะ?
“ริมุอยากเขย่าด้วย”
“เขย่า?…ริมุอยากนั่งเก้าอี้นวดเหรอ?”
“อืม”
…เก้าอี้นวดใช้กับสไลม์ได้ด้วยเหรอ? ว่าแต่สไลม์นี่มันจำเป็นต้องนวดด้วยเหรอ?
“ได้สิ แต่ถ้ามันดูอันตรายให้รีบออกมาเลยนะ”
“อืม”
ผมรู้สึกกังวลนิดหน่อยแต่ผมก็วางริมุลงบนเก้าอี้นวด…
จากนั้นแรงสั่นจากเก้าอี้นวดก็ทำให้ริมุเริ่มสั่นไปมาอย่างรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ริ-ริมุ ไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ตอนนี้ริมุสั่นเร็วมากเลยนะ รู้สึกไม่สบายหรือเปล่า?”
“สนุก”
โอเค ถ้าสนุกก็แล้วไป ผมหวังว่าริมุจะไม่ติดเก้าอี้นวดหรอกนะ เพราะถ้าเขาติดล่ะก็ผมคงห้ามไม่ได้…
“นายท่านริมุจังจะไม่เป็นไรเหรอคะ?”
เซียก็ดูจะเป็นห่วงริมุอยู่เหมือนกัน ผมเข้าใจนะไอ้การสั่นด้วยความเร็วสูงแบบนั้นมันทำให้รู้สึกกังวลจริงๆ
“ผมก็เป็นห่วงเหมือนกัน แต่ริมุบอกว่าสนุก แล้วแบบนี้ผมควรทำยังไงล่ะ?”
“ถ้าเขาสนุกก็คงไม่เป็นไรมั้งคะ?”
“งั้นเหรอ?”
“ค่ะ”
เลเวลของริมุสูงกว่านักผจญภัยทั่วไปเสียอีก ผมไม่ควรจะเป็นห่วงเขามากเกินไปสินะ
แต่การให้สไลม์ใช้เก้าอี้นวดแบบนี้มันก็ชวนให้กังวลจริงๆ นั่นล่ะ
แม้ว่าทุกคนจะรู้สึกประหม่ากันเล็กน้อยแต่ริมุก็ส่งความรู้สึกมีความสุขมาให้ผมอยู่เรื่อยๆ
ขณะที่ผมมองดูเก้าอี้นวดก็ค่อยๆ หยุดทำงาน
เฮ้อ…ในที่สุดก็จบลงสักที ปกติแล้วเวลานั่งเก้าอี้นวดผมจะรู้สึกว่าเวลามันผ่านไปเร็ว แต่นี่กลับรู้สึกว่านานกว่าปกติ
“จบแล้วเหรอ?”
“ใช่ มันหมดเวลาแล้วน่ะ ดังนั้นก็พอแค่…”
“อีก”
จะเอาอีกเหรอ? ไม่ไหว จิตใจของผมรับไม่ไหวหรอกแบบนั้นน่ะ
“ริมุ ผมว่าวันนี้พอแค่นี้ก่อนดีกว่านะ เพราะนี่เป็นครั้งแรกของริมุ เอาไว้ดูอาการก่อนแล้วค่อยมาเล่นใหม่นะ”
“…อืม”
ผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเศร้าของริมุแว๊ปนึง จากนั้นก็หายไปแสดงว่าริมุอดทนได้ ริมุช่างเป็นเด็กดีจริงๆ
“เก่งมากที่อดทดได้ริมุเป็นเด็กดีจริงๆ”
“เก่ง?”
“ใช่ ริมุเก่งมากเลย งั้นเรากลับไปที่โรงอาหารแล้วหาของว่างกินกันดีกว่าไหม?”
“อืม”
ผมจะใช้การชมริมุและเบี่ยงเบนความสนใจของเขาด้วยของว่าง
ผมก็รู้สึกผิดนิดๆ เหมือนกันที่ต้องใช้วิธีนี้แต่ฉันไม่อยากให้ริมุไปเด้งดึ๋งด้วยความเร็วสูงแบบนั้นอีกแล้ว
พวกเรากลับไปที่โรงอาหารและผมก็สั่งแพนเค้กให้ริมุ
ริมุก็กระโดดไปมาด้วยความดีใจเมื่อเห็นแพนเค้กออกมาจากวงเวท ท่าทางไร้เดียวสาของริมุนี่มันน่ารักดีจริงๆ
คาร์ล่าซังมาสมทบกับพวกเราและเราก็นั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน
“น่าเสียดายนะคะ ที่เรือลำนี้ไม่มีมุมตู้ของขายอัตโนมัติ”
“ใช่ครับ ผมเองก็ชอบมุมนั้นเหมือนกัน เพราะเรือลำนี้มีโรงอาหารแทนตู้ขายของอัตโนมัติไปแล้ว
ดังนั้นมาเพลิดเพลินไปกับที่นี่กันเถอะ ฟอร์เทรสจะกลับมาเมื่อสงครามจบ ไว้ตอนนั้นเราค่อยไปสนุกที่มุมตู้ขายของอัตโนมัติกันดีไหมครับ?”
“ค่ะ”
พอคาร์ล่าซังเริ่มคลายความกังวลลง ความอยากอาหารของเธอก็เริ่มที่จะกลับมาสินะ
งั้นถ้าผมคอยเลี้ยงอาหารอร่อยๆ ให้เธอไปเรื่อยๆ แบบนี้สักวันเธอจะตกหลุมรักผมไหมนะ…
ไม่อ่ะ เป็นไปไม่ได้ ผมเห็นแต่ภาพของเธอที่เอาแต่กินจนไม่สนใจผมซะมากกว่า
อืม… ลูโตะหยุดนิ่งอยู่กับที่และไม่ได้ขยับไปไหนมาสักพักแล้ว
ดูเหมือนพวกเธอจะไปถึงออร์ฮุสกันกันแล้วสินะ ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงงั้นไปเตรียมตัวขึ้นฝั่งกันเถอะ
“คาร์ล่าซัง ลูโตะจอดเทียบท่าแล้วและมันอยู่ห่างออกไปไม่ถึงชั่วโมง ดังนั้นเราไปเตรียมตัวขึ้นฝั่งกันเถอะครับ”
“ค่ะ”
ผมจึงตั้งจุดหมายการเดินทางไปที่ ลูโตะ
จากนั้นไม่นานผมก็มองเห็นเมือง…มันเป็นเมืองขนาดค่อนข้างใหญ่เลยล่ะ
และเมื่อไปถึงที่ลูโตะ ผมก็แล่นผ่านมันไปโดยพยายามเข้าไปใกล้กับท่าเรือที่สุดโดยพยายามไม่ให้เกยตื้น
ดูเหมือนเราจะเทียบท่าข้างๆ ท่าเรือไม่ได้สินะ แบบนี้การขนถ่ายเสบียงคงลำบากน่าดู
ผมลดทางลาดลงและขึ้นไปบนลูโตะเมื่อมันเข้ามาใกล้
“ขอบคุณนะ เนส ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม?”
“ค่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยดี ฉันแจ้งพวกทหารยามไว้แล้วว่าจะเรือขนาดใหญ่เข้ามาเทียบท่า ดังนั้นไม่น่าจะไม่มีปัญหาอะไร”
…แจ้งทหารยามเหรอ? …อ้อ ถ้าจู่ๆ มีเรือขนาดใหญ่ที่ระบุตัวตนไม่ได้มาจอดใกล้ๆ โดยไม่มีการแจ้งเตือนล่ะก็
มันจะต้องเกิดความโกลาหลขึ้นแน่ๆ สินะ ผมนี่เป็นคนที่ขาดความละเอียดรอบคอบจริงๆ…
พักหลังๆ ผมเริ่มตระหนักถึงความไม่รอบคอบของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วแฮะ
MANGA DISCUSSION