ดูเหมือนอลิเซียซังและโดโรธีซังจะกลับมากันแล้ว ผมจึงขับเรือไปที่ท่าเรือเพื่อรับพวกเธอ
เอ๊ะ! นั่นมันพวกอัศวินที่เราเจอเมื่อตอนเช้านี่ มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า?
ผมขับเรือเข้าไปจอดที่ท่าจากนั้นก็ทักทายอลิเซียซังกับโดโรธีซัง แล้วอัศวินคนนั้นก็เดินเข้ามาหาผม
“ข้าขอติดตามพวกเจ้าไปด้วยได้หรือไม่?”
ไม่อ่ะ ผมไม่อยากให้ใครมาติดตามแค่นี้ผมก็รู้สึกอึดอัดจะแย่แล้ว
นี่ยังคิดที่จะขอติดตามขึ้นมาบนเรืออีกหรือ?
เมื่อได้ยินดังนั้นผมก็มองไปอลิเซียซัง…
ว้าว! สีหน้าของเธอดูจะไม่พอใจสุดๆ เลย
เมื่อเห็นดังนั้นผมก็ส่ายหน้าและนำเรือออกจากท่ามันที
“ต้องขออภัยจริงๆ ค่ะ ท่านจอมเวท ฉันพยายามปฏิเสธพวกเขาแล้ว”
“ฮ่าๆ ไม่เป็นไรครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
“แล้วการเจรจาเป็นยังไงบ้างครับ?”
“ฉันได้รายการเสบียงกับเงิน 120 เหรียญทองคำขาว ตามที่คุณขอมาแล้วค่ะ
เราจะไปซื้อเสบียงกันที่เมืองท่าออฮุสในอาณาจักรเทสซาโลนิกิซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านค่ะ
จริงๆ พวกเขาขอให้เราพาคนเขาท่านมาร์ควิสไปด้วยเพื่อทักทายเจ้าเมืองของออฮุส
แต่ฉันปฏิเสธไป ดังนั้นพวกเขาจึงขอให้เราส่งจดหมายไปก่อนที่จะเข้าไปค่ะ ซึ่งพวกเราจะเป็นคนนำมันเข้าไปส่งเอง”
“เข้าใจแล้วครับ งั้นคืนนี้ผมจะอัญเชิญฟอร์เทรสออกมาให้…ว่าแต่ออฮุสนี่ต้องใช้เวลาประมาณกี่วันในการเดินทางเหรอครับ?”
“ถ้าเดินทางด้วยเรือเวทมนตร์ก็ประมาณ 4 วัน ค่ะ ฉันคิดว่าเราน่าจะผ่านมันมาแล้วตอนที่เดินทางมาที่ลูก้า”
“อย่างงั้นเหรอครับ! ว่าแต่อลิเซียซังพวกคุณไม่ต้องกลับไปที่ลูก้ากันเหรอครับ?”
“ไม่ค่ะ พวกเราจะกลับกันพรุ่งนี้”
“เข้าใจแล้วครับ งั้นพวกเราก็ไปกินข้าวเย็นกันเถอะ”
“”””ค่ะ””””
ระหว่างมื้อเย็นผมถามอลิเซียซังและโดโรธีซังเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในปราสาท
จากนั้นพวกเราคุยกันเรื่องแผนการในอนาคต ดูเหมือนลูก้าจะไม่ใช่ปัญหาเดียวสินะ…
เห้อ…หวังว่าผมจะได้กลับไปใช้ชิวิตสบายๆ เหมือนเดิมเร็วๆ นะ
หลังทานมื้อเย็นเสร็จผมก็ขอตัวไปอาบน้ำจากนั้นก็แวะไปงีบ
“นายท่าน นายท่าน ตื่นได้แล้วค่ะ ถึงเวลาแล้ว”
“หือ? อ่อ จริงด้วย ขอบใจนะ”
“ค่ะ”
แม้จะเป็นกลางดึกแต่ก่อนที่ผมจะไปที่ห้องนั่งเล่น
ก็ขอทำกิจวัตรประจำวันกับไอเนสและเฟลิเซียก่อนล่ะ
“เอ๊ะ! อลิเซียซัง โดโรธีซัง ทำไมถึงยังไม่นอนกันครับ?”
“พวกเรายังนอนไม่ได้ค่ะ ก็คุณอุตส่าห์ทำเพื่อลูก้าถึงขนาดนี้ อย่างน้อยพวกเราก็ควรมาส่งคุณ”
“ฮ่าๆ ขอบคุณครับ ถ้างั้นผมไปก่อนนะครับ”
“”ไปดีมาดีนะคะ””
ผมอัญเชิญกาเล็ตต์ออกมาและมุ่งหน้าออกไปที่ทะเลเปิด
“ผมคิดว่าแค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว ผมจะอัญเชิญฟอร์เทรสออกมาแล้วนะ”
“”ค่ะ””
ผมอัญเชิญฟอร์เทรสออกมาจากนั้นก็กระโดดขึ้นไปบนวงเวท
อ๊ะ! จริงสิตอนที่ให้เช่าเรือผมต้องลดทางลาดและประตูทางขึ้นลงเอาไว้ด้วยนี่นา ต้องจำเอาไว้
จากนั้นผมก็เข้าไปข้างในเรือและเริ่มแปลงโฉมมันก่อนอื่นก็ปิดกั้นทางเข้าห้องควบคุม
กับสถานที่ที่มีสิ่งของที่ไม่ควรอยู่ในโลกนี้และห้องที่พวกเรากับจิราโซเล่ใช้
ว่าแต่จะทำยังไงกับหน้าต่างดีล่ะ? เพราะถ้าผมปิดไฟข้างในนี้จะมืดมากๆ เลย…
ถึงพวกเขาจะใช้เวทมนตร์ชีวิตประจำวันได้แต่ยังไงก็ต้องมีหน้าต่างล่ะนะ
งั้นผมเปลี่ยนหน้าต่างส่วนนึงเป็นไม้แล้วลดจำนวนหน้าต่างลงดีกว่า
ทำแบบนั้นน่าจะดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น เอาล่ะ งั้นก็เอาแบบนั้นแล้วกัน
ผมทำการปรับแต่งเรือต่อไปโดยถกเถียงกับตัวเองว่าควรทำหรือไม่ควรทำอะไรดี
มันใช้เวลานานพอสมควรเลยล่ะ แต่ในที่สุดไอเนสก็บอกว่ามันเกือบจะเหมือนกับเรือธรรมดาแล้ว ยกเว้นก็แต่ขนาด…
จากนั้นพวกเราก็มุ่งหน้ากลับไปที่ลูก้าโดยใช้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ
ผมเปิดทางเข้าไว้แค่ห้องของตนเองเท่านั้นและใช้เวลาสนุกไปกับไอเนส เฟลิเชีย และริมุ
“ริมุ ขอโทษนะ คงเบื่อแย่เลยที่ออกไปไหนไม่ได้”
“ริมุ สนุก”
“จริงเหรอ? อะไรสนุกเหรอ?”
“สนุกที่ได้อยู่กับทุกคน”
“งั้นเหรอ อยู่กับทุกคนสนุกสินะ?”
“ใช่”
“ผมดีใจที่ริมุสนุกนะ”
“ริมุมีความสุข”
จากนั้นพวกเราก็เดินทางมาถึงจุดที่ผมจะจอด ฟอร์เทรส
ผมปิดทางเข้าห้องของตนเองอีกครั้ง จากนั้นลดทางลาดและประตูขึ้นลงลง แล้วอัญเชิญ กาเล็ตต์ ออกมาเพื่อกลับไปที่ ลูโตะ
“ยินดีต้อนรับกลับ ขอบคุณที่ทำงานหนักนะคะ”
“ผมกลับมาแล้วครับ อลิเซียซัง โดโรธีซัง ผมจอดฟอร์เทรสไว้ตรงนั้นก่อนนะครับ ไว้ตอนเราออกไปซื้อของผมค่อยย้ายมันอีกที”
“ค่ะ แล้วจะไปซื้อของกันเมื่อไหร่เหรอคะ?”
“อืม ถ้ากองเรือของจักรวรรดิมาถึงมันจะยุ่งยาก งั้นออกเดินทางกันเร็วหน่อยน่าจะดีกว่าครับ”
“งั้นช่วยแจ้งพวกเราตอนที่คุณจะออกเดินทางด้วยนะคะ ฉันจะได้ไปบอกทุกคนให้เตรียมพร้อม”
“หืม? สมาชิกจิร่าโซเล่คนอื่นรออยู่ที่นี่ก็ได้นิครับ? พวกเราไปซื้อกันเองก็ได้”
“ไม่ได้ค่ะ เพราะวาตารุซังไปในฐานะจอมเวท และทางกองทัพจักรวรรดิก็คงยืนยันรูปลักษณ์ของคุณเอาไว้แล้ว
เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างดังนั้นพวกเราต้องไปกับคุณค่ะ”
อ้อ จริงด้วย ผมในร่างจอมเวทเป็นศัตรูกับจักรวรรดินี่นา… อ๊า ชักอยากกลับบ้านแล้วสิ
“เข้าใจแล้วครับ แต่เราจะไปกันทั้งหมดไม่ได้พวกเราต้องเหลือคนเอาไว้ติดต่อกับมาร์ควิสด้วย
และยังต้องเหลือคนเอาไว้ปกป้องครอบครัวของพวกคุณอีกในกรณีที่มีอะไรเกิดขึ้นในเมือง
ดังนั้นคุณช่วยไปจัดการเรื่องแบ่งกำลังคนทีนะครับอลิเซียซัง เราจะออกเดินทางกันหลังเที่ยงวันพรุ่งนี้”
“ค่ะ”
“อ้อ ผมจะออกตั๋วไม่ระบุชื่อสำหรับฟอร์เทรสไว้ให้ประมาณ 500 ใบ นะครับ ถ้าไม่พอยังไงก็ให้มาบอกผม”
“ค่ะ”
ไหนดูสิ…ไม่ระบุชื่อ ไม่มีการกำหนดห้อง ใช้ได้เฉพาะฟอร์เทรส ส่วนเรื่องอายุก็…ไม่มีกำหนดสินะ?
เอาไว้ตอนเอาเรือคืนผมค่อยลบตั๋วพวกนี้ออกไปแล้วกันจากนั้นก็ ‘ออกตั๋ว’
จากนั้นตั๋ว 500 ใบ ก็ปรากฏออกมา
“อลิเซียซัง นี่ครับตั๋ว ช่วยไปอธิบายวิธีใช้ให้มาร์ควิสฟังทีนะครับ”
“ค่ะ”
“ส่วน 30 ใบ นี้สำหรับครอบครัวของคุณของพวกคุณครับ
มันสามารถใช้ได้ทั้ง ฟอร์เทรส และ กาเล็ตต์ เอาไว้เผื่อในกรณีฉุกเฉินนะครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
ตอนนี้ผมทำในสิ่งที่ต้องทำเกือบหมดแล้ว ขอตัวไปพักก่อนแล้วกัน ราตรีสวัสดิ์…
มุมมองของ จัตติส เดอ ลูก้า
ข้าได้รับรายงานว่าอาณาจักรของเรากำลังถูกจักรวรรดิโจมตี
เดิมทีข้าคิดว่ามันคงเป็นเพียงแค่การปะทะกันประปรายอย่างที่เคย
แต่ดูเหมือนครั้งนี้จักรวรรดิจะระดมกำลังทหารมามากกว่าปกติ
อย่างไรก็ตาม การตีฝ่า ป้อมลูฮอร์น ซึ่งสามารถป้องกันการรุกรานของจักรวรรดิมาได้หลายปีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
ข้าก็แอบกังวลอยู่ว่าทำไมพวกมันถึงได้ระดมกำลังทหารมามากมายถึงขนาดนั้นในครั้งนี้
แต่ตอนนี้เหล่าขุนนางที่เป็นกำลังหนุนได้ไปถึงที่นั่นแล้วเพียงแค่รอให้กองทัพหลวงไปสมทบทุกอย่างก็จะเรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม ข้าก็ยังรู้สึกไม่สบายใจกับความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของจักรวรรดิอยู่ดี
หรือข้าควรออกคำสั่งให้เฝ้าระวังทางทะเลอย่างเข้มงวดดีนะ?
อะไรนะ! ป้อมลูฮอร์นแตกแล้ว!
พร้อมกับข่าวที่ไม่น่าเชื่อ เราก็พบเห็นกองเรือรบของจักรวรรดิมุ่งหน้ามาทางลูก้า
พวกเราจึงเข้าประจำตำแหน่งเพื่อสกัดกั้นทันที และในขณะเดียวกันก็ส่งคำร้องขอกำลังสนับสนุนไปยังขุนนางที่อยู่ใกล้เคียง
เมืองลูก้าถูกเปลี่ยนเข้าสู่ภาวะสงคราม เรือค้าขายและเรือประมงทั้งหมดถูกอพยพออกจากลูก้า
เรารวบรวมเรือรบที่มีอยู่และตั้งแนวป้องกันเพื่อไม่ให้กองทัพเรือของจักรวรรดิผ่านเข้ามาในอ่าวได้
“โดมุน เราพอจะสามารถต้านกองทัพเรือของจักรวรรดิได้ไหม?”
“เราเสียเปรียบอย่างมากครับ นายท่าน”
“กองทัพเรือของจักรวรรดิมีเรือเวทมนตร์ขนาดใหญ่หนึ่งลำ เรือเวทมนตร์ขนาดกลางสองลำ
เรือเวทมนตร์ขนาดเล็กสิบสองลำ และเรือรบอื่นๆ อีกมาก ลูก้าไม่สามารถต้านทานพวกมันได้เพียงลำพังและแม้แต่การซื้อเวลาก็เป็นไปได้ยาก”
“อืม… ตอนนี้อาณาจักรกำลังตกอยู่ในสถานการณ์วุ่นวายหลังจากป้อมลูฮอร์นถูกตีแตก
คิดว่ากองทัพเรือหลวงจะส่งกองกำลังเสริมมาเร็วๆ นี้ไหม?”
“ไม่ครับ ประการแรก ฐานทัพของกองเรือหลวงตั้งอยู่ระหว่างจักรวรรดิกับลูก้า
การที่กองทัพจักรวรรดิสามารถมาถึงที่นี่ได้หมายความว่ากองทัพเรือก็น่าจะกำลังมีปัญหาบางอย่างอยู่เหมือนกันครับ”
“…แบบนี้ก็หมายความว่าเราไม่มีโอกาสชนะในการรบทางทะเลเลยใช่ไหม?”
“ใช่ครับ กำลังรบของเราแตกต่างกันเกินไป”
“แล้วทำไมกองทัพเรือจักรวรรดิยังไม่โจมตี? พวกเขาก็น่าจะรู้ถึงความแตกต่างของกำลังรบแล้วนิ?”
“เหตุผลคือการที่ลูก้าเปลี่ยนเข้าสู่สภาวะสงครามได้รวดเร็วเกินคาด แม้ว่าจักรวรรดิจะมีเรือเวทมนตร์มากมาย
แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอที่จะฝ่าแนวป้องกันของลูก้าที่เตรียมพร้อมแล้วได้
หากพวกเขาเข้าจู่โจมแบบสายฟ้าแลบและสร้างความสับสนในท่าเรือได้ก่อน เราก็อาจจะตกอยู่ในอันตราย”
“อืม… การที่เราเสริมความระมัดระวังทางทะเลไว้ล่วงหน้าทำให้เราหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดได้สินะ
แต่ถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไปเราก็ทำอะไรไม่ได้ …เราสามารถรวบรวมทหารไปที่กำแพงฝั่งท่าเรือ
ถอนเรือรบกลับมา แล้วช่วยทหารกับเรือเวทมนตร์ได้ไหม?”
“ถอนเรือรบกลับมา? ถ้าทหารสามารถกลับเข้าฝั่งได้ เราก็สามารถช่วยพวกเขาได้ครับ
อย่างไรก็ตาม การช่วยเหลือเรือเวทมนตร์อาจเป็นเรื่องยาก และที่สำคัญ หากเราทำการถอนกำลังจักรวรรดิก็อาจโจมตีทันที”
“การสูญเสียทหารและเรือเวทมนตร์ในสงครามที่ไม่มีทางชนะนี่มันเจ็บปวดจริงๆ… ไม่มีทางแก้ไขเลยหรือ?”
“…เราอาจให้ทหารเปลี่ยนไปขึ้นเรือลำอื่นในเวลากลางคืนแล้วปล่อยให้เรือครึ่งหนึ่งว่างได้ครับ
จากนั้นเรานำเรือเปล่ามาผูกติดกันเทน้ำมันลงไปและเผาพวกมันทิ้งตอนที่พวกเราถอนกำลังครับ
เราจะล่อกองทัพเรือจักรวรรดิเข้ามาและจุดไฟเผาด้วยเรือเวทมนตร์ขนาดเล็ก วิธีนี้น่าจะทำให้เรามีเวลาช่วยทหารออกมาได้
แต่ไม่แน่ใจว่าเราจะช่วยเรือเวทมนตร์ได้หรือไม่”
“ถ้าเราไม่มีโอกาชนะ ก็ควรช่วยทหารออกมาให้ได้มากที่สุด โดมุน ไปจัดประชุมเพื่อหารือและดำเนินการตามแผนนี้ต่อไป”
“รับทราบ!”
สถานการณ์เลวร้ายลงทุกที แม้จะสามารถรวบรวมกองกำลังได้ แต่สิ่งที่เรารวบรวมได้คือขุนนางในบริเวณใกล้เคียงเท่านั้น
แผนการถอนกำลังเริ่มดำเนินการในเวลาดึกคืนนั้น กองทัพเรือจักรวรรดิเคลื่อนไหวช้าเกินไป
ทำให้เราสามารถช่วยทหารและกองเรือเวทมนตร์ออกมาได้อย่างปลอดภัย
ข้ากังวลเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าของกองทัพเรือจักรวรรดิ ข้าไม่รู้ว่าพวกมันมีจุดประสงค์อะไร
นอกจากนี้ข้าก็เป็นห่วงเมืองหลวงแต่เราก็ไม่มีทางไปที่นั่นได้ในขณะที่กองทัพเรือจักรวรรดิยังอยู่
การเผชิญหน้ากับกองทัพเรือจักรวรรดิยังคงดำเนินต่อไป วันเวลาผ่านไปโดยมีเพียงกำลังเสริมเพียงน้อยนิด
ไม่มีอะไรเปลี่ยนจนกระทั่งเมื่อไม่กี่วันต่อมาสถานการณ์ก็เริ่มเปลี่ยนไป
หน่วยลาดตระเวนพบกองทัพจักรวรรดิที่กำลังเคลื่อนพลมา เนื่องจากพวกเราไม่สามารถเผชิญหน้ากับกองทัพขนาดใหญ่ในสนามรบได้
พวกเราจึงเลือกที่จะตั้งรับภายในเมืองในขณะที่พวกเราไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากหลบซ่อน
กองทัพจักรวรรดิก็ตั้งค่ายและล้อมเมืองลูก้าอย่างสมบูรณ์พวกเขาคงคิดจะทำการปิดล้อมพวกเราแบบเต็มรูปแบบ
โดยมีเพียงการปะทะเล็กน้อยเกิดขึ้นเท่านั้น สิ่งที่พวกเราทำได้มีเพียงอดทนและรอให้สถานการณ์ดีขึ้น
แต่เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่ากองทัพจักรวรรดิเลือกที่จะโจมตีขณะที่พวกเขามีเสบียงเพียงพอ นั่นหมายความว่าพวกเราไม่มีความหวังเลย
ข้าพยายามฝืนนอนให้หลับเพื่อกลบความวิตกกังวล แต่แล้ว…
“ท่านมาร์ควิส! ท่านมาร์ควิส!”
“หืม? เกิดอะไรขึ้น? กองทัพจักรวรรดิโจมตีงั้นหรือ?”
“ไม่ใช่ขอรับ มีใครบางคนกำลังต่อสู้กับกองทัพเรือจักรวรรดิอยู่ครับ
ทหารยามรายงานมาว่าพวกเขาสามารถจมเรือเวทมนตร์ขนาดใหญ่ได้หนึ่งลำ เรือเวทมนตร์ขนาดกลางสองลำ
และเรือเวทมนตร์ขนาดเล็กอีกหลายลำ และตอนนี้ก็กำลังจมเรือรบของกองทัพเรือจักรวรรดิต่อไปเรื่อยๆ”
“จริงหรือ!? ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!”
“ไม่ได้ขอรับ พวกเราไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร กรุณารอรายงานอยู่ที่นี่ครับ”
“…เข้าใจแล้ว”
พวกเขาจมเรือเวทมนตร์พวกนั้นได้… หลังจากหลายวันที่เราทำได้เพียงอดทน
ในที่สุดสถานการณ์ก็เปลี่ยนแล้ว ข้าหวังว่ามันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่นำมาซึ่งความหวังให้กับพวกเรา
รายงานการทำลายกองเรือของจักรวรรดิเข้ามาอย่างต่อเนื่อง มันทำให้ข้ารู้สึกฮึกเหิม
รายงานสุดท้ายเป็นข่าวดีว่ากองเรือของจักรวรรดิแทบจะถูกทำลายสิ้น และพวกเรายึดเรือรบที่ยอมจำนนมาได้หลายลำ
จนข้าแทบอยากจะตะโกนออกมา ทหารที่เฝ้าประตูแจ้งมาว่าจิราโซเล่ กลุ่มนักผจญภัยจากเมืองนี้
ได้รับรู้ถึงวิกฤติของลูก้าและรีบมาที่นี่โดยขอความช่วยเหลือจากจอมเวท
ข้ารู้สึกดีใจเหมือนมีบ้างอย่างกำลังเอ่อล้นออกมา แต่เจ้าเมืองข้าไม่ควรแสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา…
ข้ารู้สึกว่าคำสอนนี้กำลังรบกวนข้าอย่างหนัก จอมเวทผู้นั้นบอกว่าจะมาเยือนลูก้าอีกครั้งในช่วงเช้าตรู่
แต่เขาไม่มีความตั้งใจที่จะเปิดเผยตัวตน ข้าสั่งให้ต้อนรับเขาแต่สุดท้ายก็ถูกคัดค้าน
เราไม่อาจต้อนรับจอมเวทที่ไม่เปิดเผยตัวตนได้ในช่วงสงคราม นั่นก็จริง
แต่ในขณะเดียวกัน การเพิกเฉยต่อบุคคลที่สร้างผลงานยิ่งใหญ่ก็เป็นปัญหาเช่นกัน
ข้าตกลงที่จะให้จับตาดูเขาอย่างใกล้ชิด และจะไปพูดคุยกับจิราโซเล่ก่อน
ยังมีเวลาเหลือก่อนถึงเช้า ข้าจะพยายามนอนให้หลับแต่ก็ทำไม่ได้อย่างไรก็ตาม
ข้ารู้สึกดีใจที่ครั้งนี้ข้านอนไม่หลับเพราะความตื่นเต้น ไม่ใช่อาการนอนไม่หลับเพราะความสิ้นหวังเหมือนก่อนหน้านี้
ข้าพอจะข่มตาหลับลงได้บ้างแต่แล้วเมื่อตื่นขึ้นมา สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง
เราจึงจัดการประชุมทางการทหารขึ้นอีกครั้งในระหว่างทางไปที่ประชุม จิราโซเล่ ผู้ที่มีผลงานยอดเยี่ยมในครั้งนี้ก็เดินเข้ามา
จอมเวทไม่ชอบถูกจับตามอง ดังนั้นเขาจึงรออยู่บนเรือ
ข้ากลัวว่าเรื่องน่าอาจทำให้จอมเวทรู้สึกไม่พอใจ แต่พอได้รับแจ้งว่าจะไม่มีปัญหา ข้าก็สบายใจขึ้น
หลังจากถามคำถามข้าก็ได้ข้อมูลบางอย่างมา แต่แทบไม่มีอะไรเกี่ยวกับตัวจอมเวทเลย
ดูเหมือนเขาจะต้องการปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้สินะ…
หลังจากที่จิราโซเล่ออกไปแล้ว การประชุมทางทหารก็ยังคงดำเนินต่อ
อย่างแรก พวกเราตัดสินใจนำเรือออกจากท่าเรือที่ได้รับการปลดปล่อยแล้วเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ในอาณาจักรเบรสเซีย
หลังจากการประชุมสิ้นสุดลง จิราโซเล่ก็กลับมาพบข้าอีกครั้ง
ขณะนั้นข้ากำลังยุ่งอยู่กับการจัดการเอกสารอยู่ในห้องทำงาน
ข้าจึงเชิญพวกเธอให้เข้ามาพบข้าที่นั่นจากนั้นก็สอบถามเรื่องที่ข้าขอให้จอมเวทช่วย
พวกเธอบอกว่าจอมเวทสามารถไปซื้อเสบียงและสามารถปกป้องท่าเรือให้ได้
เขาบอกว่าเขาสามารถติดตั้งเรือขนาดใหญ่ไว้บริเวณทางเข้า-ออกของอ่าวได้
แต่ปัญหาคือ เขาคิดค่าตั้งถึง 120 เหรียญทองคำขาว ข้าไม่สามารถตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเองได้ ข้าจึงเรียกโดมุนมา
เมื่อข้าบอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็แสดงความประหลาดใจกับจำนวน 120 เหรียญทองคำขาว
ข้าล่ะอดอิจฉาความตรงไปตรงมาในการแสดงความรู้สึกของเขาไม่ได้
เนื่องจากเราไม่สามารถคาดหวังความช่วยเหลือได้หากยังคงปิดล้อมอยู่แบบนี้
ข้าจึงตัดสินใจเดิมพันกับจอมเวท จิราโซเล่เองก็ดูเหมือนจะไว้ใจจอมเวทเช่นกัน
พวกเธอคงไม่เสี่ยงชีวิตเพื่อหลอกลวงพวกเราในยามที่บ้านเกิดของตัวเองกำลังเผชิญกับวิกฤติอยู่แบบนี้หรอก
เพราะพวกเธอนั้นแข็งแกร้ง ข้าเชื่อว่าพวกเธอสามารถหาเงินได้มากมายจากวิธีที่ง่ายกว่านี้
วันรุ่งขึ้นหลังจากที่เรามอบเหรียญทองคำขาวให้
ข้าก็ได้รับรายงานว่ามีเรือขนาดมหึมาได้มาทอดสมออยู่ที่ปากอ่าว
ข้าจึงรีบไปดูและแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง นั่นคือเรือจริงๆ เหรอ!
ถึงแม้จะมองจากระยะไกลแต่มันช่างใหญ่โตจริงๆ
และในวินาทีนั้นแสงแห่งความหวังก็ได้ส่องเข้ามาในจิตใจของข้า
มันทำให้ข้ารู้สึกยินดีจนกลั้นเอาไว้ไม่อยู่…
MANGA DISCUSSION