พวกเราผลัดกันเฝ้ายามจนกระทั่งถึงเช้า
ในตอนเช้าหลังจากที่พระอาทิตย์ขึ้นทหารก็เริ่มออกมาเข้าแถวกันบนกำแพงเมืองของลูก้า
ไม่นานหลังจากนั้นประตูเมืองก็เปิดออกพวกเขาเริ่มออกมารับตัวเชลยกันแล้ว
ผมล่ะสงสัยจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรือของฝั่งลูก้าในตอนที่ท่าเรือของพวกเขาถูกปิดล้อม
ผมเฝ้าดูพวกเขาอยู่สักพัก แต่ก็ไม่เห็นเรือที่ว่านั่นเลยสักลำ
จากนั้นผมก็เดินกลับเข้าไปข้างในเพื่อปลุกทุกคนขึ้นมาทานอาหารเช้า
“ท่านจอมเวท หลังทานอาหารเช้าเสร็จพวกเราขอไปที่ประตูเมืองได้ไหมคะ?”
“ได้สิครับ ฝั่งลูก้าเองก็เริ่มออกมารับตัวเชลยแล้วผมคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร”
“แล้วตอนที่ผมอยู่ในลูก้าผมจะพยายามไม่พูดอะไรนะครับ ดังนั้นขอฝากเรื่องการเจรจาไว้กับทุกคนด้วย”
“ค่ะ ตามสัญญาฉันจะเป็นคนจัดการเรื่องการเจรจาเอง”
มันรู้สึกแปลกจริงๆ ที่ถูกเรียกว่า “ท่านจอมเวท” ตั้งแต่เช้าแบบนี้…
แต่เดี๋ยวก็คงชินไปเอง เพราะผมคงจะถูกเรียกแบบนี้ไปตลอดในช่วงที่เราอยู่กันที่ลูก้า
หลังทานอาหารเช้าเสร็จ พวกเราก็แยกย้ายกันไปเตรียมตัวสำหรับการเดินทางไปที่ลูก้า
ผมใช้ ลูโตะ ในการเดินทางไปที่ลูก้าในครั้งนี้
โอ้โห…มีซากเรือลอยอยู่เต็มไปหมดเลย พวกเขาจะจัดการกับซากเรือพวกนี้กันยังไงนะ?
จากที่ได้ยินมาเรือเวทมนตร์ขนาดใหญ่นั้นมาค่ามาก ถ้าใช้เวทมนตร์ช่วยก็น่าจะเก็บกู้ซากของพวกมันได้…
พวกเรามุ่งหน้าไปยังท่าเรือ โดยหลบหลีกสิ่งกีดขวางที่สามารถหลบได้
ทหารบนกำแพงเมืองดูเหมือนจะกำลังจับตามองพวกเราอยู่
ก็แน่ล่ะ มีคนสวมฮู๊ดที่อ้างตัวว่าเป็นจอมเวทเดินทางมาด้วยนี่นาเป็นใครก็ต้องระแวง…
ถ้าผมไม่ได้อยู่ที่นี่และมีแค่จิราโซเล่ล่ะก็ พวกเธอคงได้รับการต้อนรับด้วยเสียงเชียร์ไปแล้ว
ขอโทษนะครับที่ผมมาด้วย ผมต้องขอโทษจริงๆ
ทางฝั่งค่ายทหารจักรวรรดิก็ดูวุ่นวายเช่นกัน ผมหวังว่าพวกเขาจะไม่โจมตีพวกเราอย่างกะทันหันนะ…
เอาเถอะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นผมหวังว่าพวกทหารที่อยู่บนกำแพงจะควบคุมสถานการณ์ได้นะ
พวกเราจอดเรือที่ท่าเรือ แต่ผมลังเลว่าควรจะเรียกลูโตะกลับไปเลยดีหรือเปล่า…
อืม ผมไม่อยากทำอะไรที่ทำให้เป็นจุดสนใจไปมากกว่านี้แล้ว
งั้นถ้ามีใครพยายามที่จะยึดมันไป ผมก็แค่เรียกมันกลับมาก็พอ งั้นปล่อยไว้อย่างนี้แล้วเดินไปที่ประตูเมืองกันดีกว่า
“นายท่านจะไม่เก็บลูโตะเหรอคะ?”
“อืม เพราะตอนนี้พวกเรากำลังถูกจับตามองอยู่ ผมไม่อยากทำอะไรที่มันเด่นเกินไป
แต่ถ้ามีใครพยายามแย่งมันไปผมจะเรียกมันกลับมา เธอคิดว่ายังไง เชีย?”
“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ แต่ถ้าเกิดจักรวรรดิโจมตีมาที่ลูโตะล่ะคะ พวกเราจะทำยังไงกัน”
“ถึงตอนนั้นพวกทหารที่อยู๋บนกำแพงก็น่าจะทำอะไรสักอย่างล่ะมั้ง ผมว่าไม่น่ามีปัญหาหรอก”
“นั่นสินะคะ”
เมื่อเรามาถึงประตูเมือง ประตูก็เปิดออกเล็กน้อย และมีอัศวินสองนายพร้อมกับทหารมากกว่าสิบคนเดินออกมา…
ผมรู้สึกว่าพวกเขาจะมากันเยอะเกินไปหน่อยไหมนิฦ
“ข้ามีนามว่าบรอนน์ พวกเจ้าคือจิราโซเล่และจอมเวทใช่หรือไม่?
“ใช่ค่ะ”
“ข้ามาที่นี่เพื่อประกาศเจตนารมณ์ของลูก้า”
อยู่ๆ ก็เข้าประเด็นเฉยเลย…เอาเถอะ คงไม่มีเวลามาคุยเรื่องไร้สาระกันในสถานการณ์แบบนี้หรอก
ผมจะไม่พูดอะไรในสถานการณ์นี้ ผมจะคอยสังเกตการณ์อย่างเดียว
ฝากด้วยนะครับ อลิเซียซัง…
“ถึงแม้ว่าพวกเจ้าจะทำผลงานได้ยอดเยี่ยม แต่เราไม่อาจเชิญจอมเวทที่ไม่รู้จักเข้าไปในปราสาทได้โดยทันที
ข้าจึงอยากขอปรึกษากับจิราโซเล่ก่อน แล้วจึงค่อยตัดสินใจว่าจะจัดการกับท่านจอมเวทอย่างไร
พวกเราจะเตรียมห้องพักให้ท่านจอมเวท แต่จะต้องอยู่ภายใต้การจับตาดู”
เอ๋? รออยู่ในห้องโดยมีคนจับตามองเหรอ… แบบนั้นมันต่างอะไรจากการถูกกักบริเวณกัน?
(นายท่าน จะทำยังไงดีคะ?)
(ไอเนส ถ้าปฏิเสธไปจะเป็นอะไรไหม?)
(ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ฉันเป็นแค่อดีตนักผจญภัยเองนะคะ ท่านจะให้ฉันไปบอกอลิเซียแบบไหนดีคะ?)
(อืม ผมไม่อยากถูกจับตามองหรืออะไรทั้งนั้น ไปบอกอลิเซียซังว่าผมจะรออยู่บนเรือ แต่ถ้าปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ผมก็จะทนเอา)
(เข้าใจแล้วค่ะ)
ไอเนสไปกระซิบบอกอลิเซียซัง
“ท่านอัศวิน ท่านจอมเวทบอกว่าท่านไม่ประสงค์ที่จะถูกจับตามองค่ะ ดังนั้นท่านจึงจะขอรออยู่ที่เรือ”
“เอ๊ะ!…แต่แบบนั้นมันถึงการถูกจับตามองจะดูไม่ค่อยสบายใจนัก แต่ข้ารับรองได้ว่าท่านจะปลอดภัย”
“หากพูดถึงเรื่องความปลอดภัยก็ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ท่านจอมเวทจะอยู่ที่เรือ”
“เข้าใจแล้ว เช่นนั้นเชิญพวกเจ้าจิราโซเล่ตามข้ามา”
พวกผมจึงแยกกับกลุ่มของจิราโซเล่ แล้วกลับไปที่ ลูโตะ
จากนั้นก็ขยับเรือออกจากท่าเล็กน้อย ก่อนจะเข้าไปข้างในและถอดฮู้ดออก ริมุเองก็กระโดดออกมาจากกระเป๋า
“เฮ้อ รู้สึกผิดกับอลิเซียซังกับคนอื่นๆ จังที่ต้องทำแบบนี้ แต่ก็น่าอยู่บนเรือนี่สบายใจที่สุดแล้ว”
“แต่นายท่าน ถ้าพวกจักรวรรดิโจมตีขึ้นมาล่ะ?”
“ไอเนส ใช้ภาษาให้สุภาพหน่อย”
“จริงด้วย ข้าขออภัยค่ะ นายท่าน ถ้ากองทัพจักรวรรดิโจมตีเข้ามาท่านจะทำยังไงคะ?”
“พวกเขาอาจจะไม่โจมตีก็ได้ และหากเกิดขึ้นจริง ตราบใดที่เรายังอยู่บนเรือก็ไม่มีปัญหา
อย่างน้อยมันก็ดีกว่าถูกจับตามอง ถ้าเรื่องมันยุ่งยากนักก็แค่หนีไปพักผ่อนเงียบๆ สักพัก
แล้วค่อยวนกลับมารับจิราโซเล่”
“”เข้าใจแล้วค่ะ””
~มุมมองของอลิเซีย~
วาตารุซัง… ฉันมองไม่เห็นหน้าของเขาเพราะมีฮู้ดบังไว้
แต่เขาต้องดีใจมากแน่ๆ ที่ได้กลับขึ้นเรือ
ก็แน่ล่ะ ฉันเป็นคนบังคับเขาให้มาด้วยเองนี่นา…
พวกเขาจะต้องถามเรื่องของวาตารุซังเยอะแยะแน่ๆ
ฉันต้องใช้สัญญาเป็นเกราะป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับเขา
พวกเราขึ้นรถม้าที่นำโดยอัศวิน แล้วมุ่งหน้าไปที่ปราสาท
เมืองที่มองเห็นจากรถม้าไม่ได้ดูคึกคักนัก แต่มันเป็นภาพที่ทำให้รู้สึกคิดถึง
ฉันอยากพบครอบครัวให้เร็วที่สุด แต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้
ยังดีที่เมืองไม่ได้กลายเป็นสนามรบ เพราะงั้นพวกเขาน่าจะยังปลอดภัย
ฉันต้องหาเวลาไปพบพวกเขาให้ได้
พวกเราฝากอาวุธไว้ที่หน้าประตูแล้วถูกพาไปยังด้านในของปราสาท
เห้อ..อุตส่าได้กลับบ้านเกิดทั้งทีแต่กลับไม่รู้สึกดีใจเลย
เมื่อประตูเปิดออก ฉันก็เห็นว่าข้างในเป็นห้องประชุม …ในกรณีนี้มันควรเป็นห้องโถงไม่ใช่เหรอ?
“ข้าคือจัสติน เดอ ลูก้า เจ้าเมืองของเมืองแห่งนี้ การทำลายกองเรือของจักรวรรดิได้นั้นยอดเยี่ยมมาก
โดยปกติข้าควรจะมอบรางวัลให้พวกเจ้าที่ห้องโถงรับ แต่ข้าต้องจัดประชุมทางการทหารในทันที ข้าต้องขออภัยด้วย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณสำหรับคำชื่นชม”
“ข้าจะมอบรางวัลให้พวกเจ้าในภายหลัง ตอนนี้ข้ามีคำถาม พวกเจ้ายืนยันได้หรือไม่ว่า การรบทางทะเลครั้งนี้เกิดขึ้นได้เพราะความร่วมมือของจอมเวท?”
“ค่ะ ถ้าปราศจากความช่วยเหลือของท่านจอมเวทสิ่งนั้นคงจะเป็นไปไม่ได้”
“อย่างงั้นเหรอ…ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงของพวกเจ้ามาบ้างจิราโซเล่ พวกเจ้านั้นมีฝีมือที่ยอดเยี่ยม
แต่ข้าไม่เคยได้ยินว่าพวกเจ้ามีความสามารถในการรบทางทะเล ช่วยบอกข้าเกี่ยวกับจอมเวทคนนั้นหน่อย”
“ฉันต้องขออภัยด้วยค่ะ แต่ฉันไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับท่านจอมเวทได้เลยค่ะ เนื่องจากติดพันธสัญญา”
“อืม… อย่างน้อยช่วยบอกสิ่งที่พวกเจ้าพอจะบอกได้หน่อยสิ ข้าจะไปตรวจสอบสัญญาทีหลัง”
…ทำไมกัน? ทำไมท่านเจ้าเมืองถึงเอาแต่ถามฉันแบบนี้ล่ะ
ถึงตั้งแต่ที่เป็นนักผจญภัยแรงก์ A ฉันจะมีโอกาสได้พบปะกับพวกขุนนางอยู่บ้างก็เถอะ
แต่ไม่เคยพบขุนนางที่มีตำแหน่งสูงถึงขั้นมาร์ควิสมาก่อนเลยนะ
“เข้าใจแล้วค่ะ เขาเป็นคนที่เกลียดความขัดแย้งและไม่ชอบเป็นจุดสนใจค่ะ
ตอนที่ฉันได้ยินว่าลูก้ากำลังถูกปิดล้อม ฉันก็ไปขอร้องเขาให้มาช่วยค่ะ
แต่เนื่องจากสัญญาฉันจึงบอกพวกท่านได้เพียงเท่านี้ค่ะ สิ่งเดียวที่เขายินดีให้ความร่วมมือคือการช่วยป้องกันลูก้า
และหากพวกเราจำเป็นต้องหลบหนี สัญญาระบุว่าเขาจะช่วยพวกเราหนีออกไปให้ถึงที่สุดตามความสามารถของเขาค่ะ”
“เช่นนั้น พวกเราสามารถคาดหวังความร่วมมือจากเขาได้หรือไม่?”
“ฉันคิดว่าไม่ค่ะ ฉันไม่คิดว่าพวกเราจะสามารถขอความร่วมมือจากเขาได้นอกเหนือจากข้อตกลงที่ทำไว้ในสัญญา
สัญญายังระบุอีกว่าเขาจะไม่เข้าร่วมการเจรจาใดๆ และจะต้องไม่ถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่เขาไม่อยากทำค่ะ”
“เข้าใจละ… แล้วเขาทำอะไรได้บ้าง?”
“ขออภัยค่ะ ฉันไม่สามารถบอกได้”
“งั้นพวกเราก็ไม่รู้อะไรเลยน่ะสิ! นี่เป็นคำถามจากท่านมาร์ควิสนะ พวกเจ้าต้องตอบ!”
“โดมุน สงบปากสงบคำซะ เจ้าก็รู้ว่าพวกเธอไม่สามารถพูดถึงจอมเวทได้เพราะติดพันธสัญญามิใช่หรือ?”
“ขออภัยครับ ท่านมาร์ควิส”
“เช่นนั้น ข้าจะขออธิบายสถานการณ์ในปัจจุบันของลูก้าให้พวกเจ้าฟัง แล้วพวกเจ้าค่อยไปพูดคุยกับจอมเวท
และขอความร่วมมือจากเขาไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
“ท่านมาร์ควิส ข้าขอเป็นคนอธิบายเองครับ”
“ได้ แต่ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าขึ้นเสียงแบบเมื่อครู่อีกเข้าใจไหม โดมุน?”
“ครับ ข้าน้อยขอน้อมรับคำสั่ง”
“เอาล่ะ พวกเจ้าก็น่าจะทราบกันอยู่แล้วว่าตอนนี้ลูก้ากำลังถูกกองทัพของจักรวรรดิปิดล้อมอยู่
และการที่พวกเจ้าทำลายกองเรือของพวกมันได้ทำให้ทางฝั่งทะเลเป็นอิสระ
แต่ตอนนี้กองทัพเรือของลูก้าถูกทำลายไปจนหมดเกือบหมดแล้วเหลืออยู่แค่เพียงไม่กี่ลำ
ที่ลูก้ายังสามารถต้านทานกองทัพจักรวรรดิไว้ได้ก็เพราะป้อมปราการ
แต่อย่างไรก็ตามเสบียงอาหารของเรามีจำกัด ดังนั้นทางเลือกของเราตอนนี้คือตีโต้กองทัพจักรวรรดิหรือไม่ก็นำเข้าอาหาร”
“ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ?”
“ว่ามา”
“กองเรือของจักรวรรดิมาอยู่ที่นี้ได้ยังไงคะ?
ฉันไม่คิดว่าพวกมันจะมีทางที่จะสามารถนำกองเรือมาถึงที่นี่ได้มากขนาดนี้
อีกอย่างฉันยังได้ยินข่าวลือมาว่าเมืองหลวงเองก็กำลังถูกปิดล้อมอยู่เช่นกัน”
“…..”
“ไม่เป็นไร โดมุน บอกพวกเธอไปยังไงข้อมูลนั่นก็หลุดออกไปแล้ว”
“จิราโซเล่ ถึงแม้ข้อมูลเรื่องนี้นี่จะหลุดออกไปแล้ว แต่มันไม่ใช่เรื่องที่ควรเอาออกมาพูดโดยไม่คิดเข้าใจไหม?”
“เค่ะ”
“ป้อมลูห์ฮอร์นถูกตีแตกแล้ว”
“ป-ป้อมลูห์ฮอร์น…!?”
“เจ้าก็รู้สินะว่าป้อมลูห์ฮอร์นเป็นป้อมปราการแห่งสำคัญที่ใช้ในการต่อต้านกองทัพของจักรวรรดิ
จริงๆ บรรดาขุนนางทางเหนือก็ได้ส่งกำลังสนับสนุนไปแล้ว และไม่ว่าจักรวรรดิจะระดมกำลังพลมามากเพียงใด
พวกเขาก็น่าจะสามารถยื้อเวลาได้นานพอที่กองทัพหลวงจะเดินทางไปถึง
แต่ ไวส์เคานต์ดูปุยส์ และ ไวส์เคานต์จูม่า ได้ทรยศพวกเรา
ในตอนเที่ยงคืนพวกเขาทั้งสองได้ร่วมมือกันก่อความวุ่นวายภายในป้อมและเปิดประตูของป้อมออก
จากนั้นกองทัพจักรวรรดิที่เฝ้ารออยู่ก็บุกเข้ามาในทันทีและเมื่อพวกมันเข้ามาได้
ก็ไม่มีอะไรที่ฝ่ายจะสามารถทำได้อีกแล้วจากนั้นไม่นานป้อมลูห์ฮอร์นก็ล่มสลาย
และกองทัพจักรวรรดิก็เริ่มรุกคืบเขามาในอาณาจักรเบรสเซีย
กองทัพเบรสเซียที่เป็นฝ่ายตั้งรับไม่สามารถต้านทานการรุกรานของกองทัพจักรวรรดิได้และพ่ายแพ้ไป
ส่งผลให้เมืองหลวงถูกปิดล้อม และในเวลาเดียวกันกองเรือของจักรวรรดิก็ปรากฏตัวที่ลูก้า
พวกเราได้ร้องขอกองกำลังสนับสนุนจากพื้นที่โดยรอบแล้ว แต่ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน
เลยไม่มีใครส่งกำลังเสริมมาที่ลูก้าเลย และในที่สุดพวกเราถูกบีบให้ถอยล่นเข้ามาในเมือง นี่คือทั้งหมดที่ข้าบอกเจ้าได้”
“ขอบคุณค่ะ”
สถานการณ์เลวร้ายกว่าที่พวกเราคิด ไม่ใช่แค่ลูก้า แต่ทั้งอาณาจักรเบรสเซียกำลังตกอยู่ในอันตราย
ฉันเองก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงเหมือนกัน ที่ทำได้ตอนนี้คือฟังข้อมูลให้ได้มากที่สุด
“แล้วบรรดาขุนนางที่ดินแดนยังไม่ถูกโจมตีล่ะคะ มีโอกาสที่พวกเขาจะรวมกำลังกันเพื่อต่อต้านกองทัพของจักรวรรดิหรือไม่
แล้วมีความเป็นไปได้ไหมที่อาณาจักรมนุษย์สัตว์จะส่งกำลังเสริมมาช่วย?”
“ข้าก็ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่ามันมีโอกาส เพราะหากขุนนางที่เหลือไม่ร่วมมือกันพวกเราก็ไม่สามารถต้านทานกองทัพของจักรวรรดิได้
ส่วนเรื่องอาณาจักรมนุษย์สัตว์ก็น่าจะมีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะสงกำลังมาช่วย โดยอ้างอิงจากความสัมพันธ์ในอดีต
แต่การระดมพลก็ต้องใช้เวลา อีกทั้งอาณาจักรมนุษย์สัตว์เองก็อยู่ติดกับบรรดาประเทศที่มีแนวคิดมนุษย์เป็นใหญ่ซึ่งไม่ใช่จักรวรรดิด้วย
หากพวกเราทำได้เพียงแค่รอความหวังโดยไม่มีแผนอื่น อนาคตของพวกเรามืดมนแล้วล่ะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
“จิราโซเล่ เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่ข้าควรจะขอร้องนักผจญภัยให้ทำ ท่าเรือที่ได้รับการปลดปล่อยคือลมหายใจของลูก้า พวกเจ้าพอจะรักษามันไว้ได้หรือไม่?”
“ท่านมาร์ควิส ฉันต้องขออภัยด้วยค่ะ หากปราศจากความช่วยเหลือของท่านจอมเวท
พวกเราก็ไม่สามารถทำอะไรในทะเลได้เลย ฉันจึงไม่สามารถให้คำตอบกับท่านได้ในตอนนี้”
“เข้าใจแล้ว… เช่นนั้นก็ช่วยแจ้งเขาให้ทีว่าข้าต้องการขอให้เขาช่วยปกป้องท่าเรือและช่วยในเรื่องการนำเข้าเสบียงอาหาร
อีกเรื่องคือ ข้าไม่อาจอนุญาตให้จอมเวทผู้ทรงพลังที่แม้แต่ชื่อก็ยังไม่เปิดเผย เข้าเมืองโดยไม่มีการควบคุมได้ ข้าหวังว่าเขาจะยอมรับการเฝ้าระวังนี้”
“ค่ะ”
หลังจากยืนยันว่าเรามีสัญญาแล้ว พวกเราก็ได้รับรางวัล คนที่เหลือนอกเหนือจากฉันและโดโรธีต่างแยกย้ายกันไปเยี่ยมครอบครัวก่อนจะกลับมาที่เรือ
เห้อ…รู้สึกโล่งใจจริงๆ ที่ได้เห็นลูโตะอีกครั้ง
~สิ้นสุดมุมมองของอลิเซีย~
ขณะที่ผมกำลังพักผ่อนอยู่ในห้อง อลิเซียซังและโดโรธีซังก็กลับเข้ามา
ผมจึงสวมฮู้ดแล้วกล่าวทักทายพวกเธอ
“ยินดีต้อนรับกลับครับ” อ่าว! แล้วคนที่เหลือล่ะครับ?”
“กลับมาแล้วค่ะ”
” อ่าว! แล้วคนที่เหลือล่ะครับ?”
“ทุกคนแยกย้ายกันไปเยี่ยมครอบครัวค่ะ”
“อย่างงั้นเหรอครับ…”
“ถ้างั้นเราไปคุยกันที่ห้องนั่งเล่นดีกว่า ผมจะชงชาให้”
“ค่ะ”
ผมนั่งฟังอลิเซียซังอธิบายเกี่ยวกับสถานการณ์ภายในของลูก้าพร้อมกับจิบชาไปด้วย
ตัวลูก้าเองน่าจะยังต้านการโจมตีไหวอยู่ในตอนนี้ แต่ราชอาณาจักรเบรสเซียทั้งหมดกำลังตกอยู่ในวิกฤติ
ดังนั้นในท้ายที่สุดลูก้าก็จะได้รับผลกระทบ…ผมรู้สึกเหมือนโดนกดดันไปหมดทุกทางเลย…
การป้องกันท่าเรือและนำเข้าเสบียงสินะ…? มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
เพราะสกิลอัญเชิญเรือมันโกง แค่มีใครสักคนที่มีพลังโจมตีบนเรือมันก็จะกลายเป็นป้อมปราการแล้ว
ผมสามารถปกป้องท่าเรือและนำเข้าอาหารได้ แต่ถ้าทำอย่างงั้นผมก็ต้องไปมีส่วนเกี่ยวของกับสงคราม…
แบบนี้ผมควรจะทำยังไงดี? นี่มันน่าปวดหัวจริงๆ
“อืม… ป้องกันท่าเรือและนำเข้าเสบียงสินะครับ ผมจะหาทางให้
แต่ผมไม่อยากถูกจับตามองจริงๆ ดังนั้นช่วยบอกพวกเขาด้วยว่าผมจะไม่ยอมรับมัน เว้นแต่ว่าสถานการณ์จะแย่ลงจริงๆ”
“เข้าใจแล้วค่ะ นอกจากนี้นี่คือรางวัลสำหรับตอนนี้ค่ะ”
เมื่อผมเปิดดูก็พบว่ามันมีเหรียญทองคำขาวอยู่ในนั้น และก็มีมากถึง 10 เหรียญเลยล่ะ…
“นี่มัน… ไม่มากเกินไปหน่อยเหรอครับ?”
“ไม่มากไปค่ะ ฉันคิดว่ามันสมเหตุสมผลแล้ว เพราะพวกเราช่วยปลดปล่อยพื้นที่ส่วนหนึ่งของเมืองที่ถูกกองทัพจักรวรรดิล้อมไว้ได้
แถมพวกเรายังปฏิเสธตำแหน่งขุนนางและที่ดินมาด้วย”
“อืม เข้าใจแล้วครับ ถ้างั้นผมขอรับมันไว้ครึ่งหนึ่งนะครับ”
“ไม่ได้ค่ะ โปรดรับมันไว้ทั้งหมด”
“หา? แค่ 5 เหรียญทองคำขาว ก็มากเกินพอแล้วนะครับ ผมทั้งหมดไว้ไม่ได้หรอก”
“ไม่ค่ะ ตามสัญญาเงินค่าจ้างจะถูกจ่ายในขอบเขตที่เหมาะสม ดังนั้นสุดท้ายแล้วมันก็จะตกเป็นของท่านจอมเวทอยู่ดีค่ะ”
“เอ่อ…เข้าใจแล้วครับ ผมจะรับมันไว้ก็แล้วกัน”
“ค่ะ”
ผมรู้สึกผิดที่รับรางวัลไว้คนเดียว แต่ถ้าผมยังยืนยันว่าจะรับเอาไว้แค่ครึ่งแล้วล่ะก็
สุดท้ายมันก็จะกลับมาหาผมอยู่ดี ดังนั้นปฏิเสธไปก็ยุ่งยากเปล่าๆ
ที่เหลือก็คือนำเข้าเสบียงกับปกป้องท่าเรือสินะ…
เป็นเรื่องที่ยุ่งยากจริงๆ แต่ผมจะพยายามหาทางให้ได้
เงินสด : 62 เหรียญทอง 87 เหรียญเงิน 66 เหรียญทองแดงเงินฝากในบัญชีกิลด์ : 33 เหรียญทองคำขาว 70 เหรียญทองเงินเก็บบนเรือ : 60 เหรียญทองคำขาวจำนวนเรือพริกไทย : 485 ลำ
คุยไปเรื่อยหลังจบตอน
ตอนนี้แปลโคตรยากเลยครับ ยิ่งช่วงที่บรรยายเรื่องสภาพของสงครามนี่หนักเลย
ถ้าแปลแล้วมันออกมางงๆ ก็ขออภัยด้วยครับ
MANGA DISCUSSION