เมื่อมาถึงเมืองทางใต้ ผมก็นำเรือไปจอดที่ท่า
“ขอบคุณนะคะ วาตารุซัง ที่ทำให้ฉันได้ไปที่มหาวิหารที่อยากไปมานาน”
“ฮ่าๆ ไม่เป็นไรครับ คลอเร็ตต้าซัง”
“จริงๆ ผมก็ตั้งใจจะไปที่ปาแลร์โม่อยู่แล้ว เพราะงั้นไม่ต้องคิดมากครับ”
“ค่ะ แต่ก็ต้องขอขอบคุณจริงๆ”
ผมรู้สึกซึ้งใจนิดหน่อยที่ ริมุ กับ ฟูจัง บอกลากัน มันเป็นภาพที่น่ารักจริงๆ
พวกเราแยกกับจิราโซเล่แล้วมุ่งหน้าไปที่กิลด์การค้า โดยมีริมุเกาะอยู่บนหัวของผม
“นายท่าน คราวนี้จะเอาไวน์ไปเป็นของฝากให้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงเลยใช่มั้ยคะ?”
“ใช่ เพราะผมหาของฝากพิเศษอย่างอื่นไม่ได้เลย
อีกอย่างผู้หญิงคนเดียวที่ผมจะให้ก็คือคามิลล์ซัง
ดังนั้นผมเลยคิดว่าจะให้พุดดิ้งกับไอศกรีมเธอไปด้วย”
“โอ้ พวกมันมันอร่อยมากๆ เลยค่ะ ฉันคิดว่าเธอจะต้องชอบแน่ๆ”
“ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่ไอศกรีมมันละลายง่าย
หวังว่าคามิลล์ซังจะอยู่ที่กิลด์นะ…ป่ะรีบไปกันเถอะ”
“”ค่ะ””
พวกเราจึงรีบตรงไปที่ กิลด์การค้า และมองหาคามิลล์ซัง
“คามิลล์ซัง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”
“อ๊ะ! วาตารุซัง ยินดีต้อนรับกลับค่ะ”
“ผมกลับมาแล้วครับ คามิลล์ซัง”
“คือผมก็ไม่ได้มีธุระอะไรหรอก แต่พอจะมีเวลาไหมครับ?”
“ค่ะ ตอนนี้ฉันว่างอยู่พอดี จะให้พาไปอีกห้องดีไหมคะ?”
“ถ้าได้ก็จะดีมากเลยครับ”
ผมเข้าไปในห้องรับรองพร้อมกับคามิลล์ซัง และเธอก็นำน้ำชามาเสิร์ฟให้ผม
“เอาล่ะ วาตารุซัง มีอะไรให้ฉันช่วยอย่างงั้นเหรอคะ?”
“ครับ ก่อนอื่นเลย นี่ครับ…”
“ก่อนหน้านี้ที่เราคุยกันเรื่องเกี่ยวกับนม แล้วคุณก็แนะนำหมู่บ้านเซียน่าให้ผมจำได้ไหมครับ?”
“จำได้ค่ะ คุณบอกว่ามีอะไรที่อยากทำ มันคือสิ่งนี่สินะคะ?”
“ใช่ครับ มันเรียกว่าไอศกรีม”
“ลองชิมดูครับ ก่อนมันจะละลาย”
“นี่คืออาหารที่ทำมาจากนมสินะคะ…? งั้นฉันขอลองนะคะ”
เธอมีท่าทางกังวลเล็กน้อย ผมก็เองก็รู้สึกกังวลเหมือนกัน…
จากนั้นเธอก็หยิบช้อนขึ้นมาแล้วตักลงไปในไอศกรีม
หลังจากลังเลเล็กน้อย เธอก็เอามันเข้าปากจากนั้นก็ค้างไปเลย…
และพอเธอได้สติกลับมา เธอก็ไม่พูดไม่จาอะไร…
เธอค่อยๆ ลิ้มรสชาติของไอศกรีมไปอย่างช้าๆ…
หลังจากกินหมด เธอก็ดื่มชาหนึ่งแก้ว แล้วก็เริ่มกินพุดดิ้งต่อโดยไม่พูดอะไร…
อะไรเนี่ย? ผมเริ่มประหม่าแล้วนะ…
ตอนที่ไอเนส เฟลิเซีย แล้วก็สมาชิกจิราโซเล่ ลองกินพุดดิ้งกับไอศกรีมครั้งแรก
พวกเธอต่างก็ยิ้มออกมาและบอกว่าอร่อยมากๆ ในทันทีเลยไม่ใช่เหรอ?
นี่ผมทำอะไรพลาดไปตรงไหนหรือเปล่า…?
“วาตารุซัง”
“ค-ครับ?”
เสียงเรียบๆ แต่ทรงพลังดังขึ้นมา ทำเอาผมสะดุ้ง…
เดี๋ยวนะ? ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ
ผมนึกว่าเธอจะยิ้มแล้วก็ชมผมซะอีกว่า “มันอร่อยมากเลค่ะ วาตารุซัง” หรืออะไรพวกนั้น
นี่ผมพลาดที่ตรงไหนกัน?
สายตาของเธอคมกริบ เยือกเย็น และทรงพลัง
ไม่เหมือนกับคามิลล์ซังที่ผมรู้จัก
คามิลล์ซังผู้อ่อนโยนเหมือนทุกทีหายไปไหนแล้ว!
“อาหารพวกนี้ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ…พวกมันเรียกว่าอะไรนะคะ?”
“เอ่อ…ไอศกรีม กับ พุดดิ้ง ครับ”
ผมไม่ได้ฟังอะไรผิดไปใช่ไหม?
ถ้ามันยอดเยี่ยมขนาดนั้น ก็ช่วยยิ้มแล้วชมผมหน่อยสิ
“ไอศกรีมกับพุดดิ้ง? วาตารุซังเป็นคนคิดค้นพวกมันขึ้นมาเหรอคะ?”
“เปล่าครับ คือผมแค่พยายามทำขนมจากบ้านเกิดของผมขึ้น…หรือว่าทำอะไรผิดไปเหรอครับ!?”
“ไม่เลยค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้กินอะไรแบบนี้
มันอร่อยมากๆ เลยค่ะ… ขอถามได้ไหมคะว่าตอนนี้มีใครที่รู้สูตรนี้บ้าง?”
อ่อ… ผมเริ่มเข้าใจแล้ว นี่เป็นสีหน้าของคามิลล์ซังตอนที่ทำธุรกิจนี่เอง
ผมไม่เคยเห็นมันมาก่อนก็เลยตกใจ…
แต่ผมอยากได้คามิลล์ซังผู้อ่อนโยนกลับคืนมามากกว่านะครับ…
“ก็มีแค่พวกเรากับคลอเร็ตต้าซังจาก จิราโซเล่ แล้วก็คาร์ล่าซังครับ”
“งั้นเหรอคะ… แล้วคุณมีแผนจะลงทะเบียนกับ กิลด์การค้า เพื่อเผยแพร่สูตรอาหารนี้ไหมคะ?”
สุดท้ายเธอก็เข้าสู่โหมดนักธุรกิจเต็มตัว แล้วผมควรทำยังไงดีล่ะเนี่ย?
“เอ่อ… ถ้าทำสัญญาเงื่อนไขจะเป็นยังไงเหรอครับ?”
“เอาล่ะ ในกรณีนี้ วาตารุซังจะต้องทำสัญญากับ กิลด์การค้า ภายใต้ชื่อของเทพเจ้าแห่งการค้าค่ะ
จากนั้นร้านค้าที่ต้องการใช้สูตรอาหารจะต้องทำสัญญากับ กิลด์การค้า
โดยมีข้อตกลงเกี่ยวกับการรักษาความลับ ฉันคิดว่า วาตารุซังจะได้รับ 3% ของยอดขาย และกิลด์จะได้รับ 2% ค่ะ”
“เอ่อ… นอกจากไอศกรีมแล้ว พุดดิ้งมันเป็นของหวานที่ทำได้ง่ายๆ ได้ที่บ้านนะครับ แบบนั้นมันจะไม่เป็นปัญหาเหรอ?”
“ถ้าทำได้ง่ายๆ ก็หมายความว่าร้านค้าต่างๆ ก็จะสามารถทำได้
ไม่มีปัญหาอะไรเลยค่ะ ยิ่งมีกำลังผลิตมากเท่าไหร่ก็ยิ่งขายได้มากขึ้นเท่านั้น
ผู้เลี้ยงโคนม ร้านค้า กิลด์การค้า วาตารุซัง และคนอื่นๆ อีกมากมายก็จะได้รับผลประโยชน์
และถ้าพุดดิ้งกับไอศกรีมสามารถหากินได้ทุกที่ ผู้คนก็จะมีความสุข มันเป็นเรื่องดีใช่ไหมล่ะคะ?”
เราจะทำเงินจากพุดดิ้งกับไอศกรีมได้จริงๆ เหรอ?
ตอนนั้นผมเลือกที่จะปล่อยให้สูตรมายองเนสหลุดมือไปเอง…
แต่คำพูดของคามิลล์ซังฟังดูเหมือนพวกคนคนที่ทำธุรกิจขายตรงเลยแฮะ… มันโอเคจริงๆ เหรอ?
“จะมีบทลงโทษอะไรไหมครับ ถ้าเกิดขายมันไม่ออก?”
“ไม่มีค่ะ เพราะถ้าเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นก็หมายความว่า กิลด์การค้า และร้านค้าไม่มองการณ์ไกลกันเอง
และฝ่านที่ต้องมานั่งเสียใจก็คือพวกเขา… อ้อ หรือว่าการที่ไม่มีเงินเข้ากระเป๋า ถือเป็นบทลงโทษของวาตารุซัง?”
“เอ่อ… ก็อาจจะใช่นะครับ?”
เอาไงดีล่ะ… ถ้าผมสามารถหาเงินได้แม้ตอนที่นอนอยู่เฉยๆ ก็ควรจะลองทำดูไหม?
“วาตารุซัง พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ที่หมู่บ้านเซียน่ามีอาหารอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากๆ เรียกว่าพิซซ่า… คุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับมันหรือเปล่าคะ?”
“ครับ ผมเป็นคนสอนพวกเขาเอง”
“วาตารุซัง สูตรอาหารก็ถือเป็นทรัพย์สินนะ
คุณสามารถทำสัญญากับ กิลด์การค้า เพื่อขายสูตรพิซซ่าได้เหมือนกัน”
“ฮะๆ แต่มันจะเป็นปัญหาไหมครับ ถ้าผมลงทะเบียนอาหารที่มาจากบ้านเกิดของผม?”
จริงๆ แล้วมันมาจากอีกประเทศหนึ่ง ไม่ใช่บ้านเกิดของผมด้วยซ้ำ…
“ถ้ามีคนลงทะเบียนไว้ก่อนแล้ว สัญญาจะถูกปฏิเสธโดยอัตโนมัติค่ะ”
“งั้นเหรอครับ… แล้วถ้าเกิดมีใครทำพุดดิ้งขึ้นมาเองหลังจากที่เราทำสัญญาไปแล้วล่ะครับ?”
“ถ้าทำกินเองที่บ้านก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ แต่ถ้านำมันไปขาย
มันจะถูกรายงานมาที่ กิลด์การค้า และจะถูกดำเนินการตามข้อตกลง
นอกจากนี้ ถ้ามีใครรู้จักพุดดิ้งแล้วลอกเลียนแบบวิธีทำเพื่อเผยแพร่ออกไป เขาจะถูกลงโทษโดยเทพแห่งการค้าค่ะ”
เทพผู้สร้างบอกว่าไม่สามารถแทรกแซงโลกเบื้องล่างได้มากนัก…
แต่เทพเจ้าแห่งการค้านี่แทรกแซงเยอะใช้ได้เลยแฮะ แบบนี้มันจะโอเคจริงๆ เหรอ?
“ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณครับ”
“ถ้าอย่างนั้น วาตารุซัง จะเซ็นสัญญาเลยไหมคะ?”
“ครับ รบกวนด้วย”
ผมเดินเข้าไปในห้องทำสัญญา ซึ่งตั้งอยู่ในสถานที่เดียวกันกับ โรงค้าทาส
จากนั้นก็ประกาศทำสัญญา เขียนสูตรของพุดดิ้งและไอศกรีมลงไป
แล้วมอบให้คามิลล์ซัง เนื่องจากที่นี่ไม่มีตู้แช่สำหรับไอศกรีม
ผมจึงตัดสินใจให้สูตรที่ทำโดยใช้น้ำแข็งและเกลือแทน
“ขอบคุณมากค่ะ จำนวนเงินตามสัญญาจะถูกโอนเข้าบัญชีของวาตารุซังทันที
นอกจากนี้ โปรดแจ้งให้คลอเร็ตต้าซังและคาร์ล่าซังทราบเกี่ยวกับสัญญานี้ด้วย
และบอกพวกเธอว่าอย่าแพร่งพรายข้อมูลออกไป…”
“เข้าใจแล้วครับ”
ว่าแต่ อาหารที่ผมสอนคลอเร็ตต้าซังและจีโน่ซังไปก่อนหน้านี้
จะสามารถจดสิทธิบัตรได้เหมือนกันหรือเปล่านะ?
ถ้าถามคามิลล์ซัง เธออาจจะโกรธก็ได้… งั้นอย่าถามดีกว่า
หลังจากทำสัญญาเสร็จ เราก็กลับไปที่ห้องเดิม
“นี่เป็นของฝากสำหรับคุณครับ เป็นเซ็ตไวน์แดงและไวน์ขาวชื่อดังจากปาแลร์โม่
นอกจากนี้ ผมฝากอันนี้ให้กิลด์มาสเตอร์ด้วยนะครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ กิลด์มาสเตอร์จะต้องดีใจแน่ๆ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็เป็นหนี้บุญคุณเขาอยู่เหมือนกัน ถือเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากผม”
“ฟุฟุ อย่างนั้นเหรอคะ? แต่ก็ขอบคุณมากค่ะ”
หลังจากพูดคุยกับคามิลล์ซังสักพัก ผมก็ให้เธอช่วยเรียกดีโน่ซังกับเอนริเก้ซังมาเพื่อมอบของฝาก
ส่วนกุยโดซังและคนอื่นๆ ออกไปทำภารกิจที่เกาะ
ผมเลยฝากของฝากไว้กับคามิลล์ซังแล้วก็ออกมาจากกิลด์การค้า
เห้อ…ผมไม่อยากเห็นใบหน้าด้านธุรกิจของคามิลล์ซังอีกแล้ว…
ตอนนี้ผมรู้ซึ้งแล้วล่ะว่า “จิ้งจอก” เป็นสัตว์นักล่า แววตาของเธอช่างน่ากลัวจริงๆ…
“นายท่าน พวกเราจะไปหาดอนนิโน่ซังกันต่อเลยไหมคะ?”
“อืม ร้านของดอนนิโน่ซังเป็นที่สุดท้าย หลังจากเสร็จธุระแล้ว ไปกินข้าวกลางวันที่ร้านอาหารทะเลกันดีไหม?”
“ดีค่ะ!”
“ฉันก็เห็นด้วยค่ะ”
“ริมุกินด้วย!”
“ตกลงตามนี้ งั้นไปหาดอนนิโน่ซังกัน”
“”ค่ะ!””
จากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปที่ร้านของดอนนิโน่ซัง
ร้านอาหารกับตู้กดอัตโนมัติก็ดีอยู่หรอก แต่การได้กินอาหารทะเลสดๆ ย่างบนเตาก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน
ที่สำคัญ ผมมีอาวุธลับอยู่ด้วย… รีบไปกันเถอะ ท้องเริ่มหิวแล้ว
“สวัสดีครับ ดอนนิโน่ซัง ผมเอาของมาฝากครับ”
“โอ้ วาตารุ กำลังรออยู่เลย! ของเล่นที่เจ้าทิ้งไว้มันน่าสนใจมาก ฉันเลยอยากลองทำขายกับพวกเด็กฝึกดูสักหน่อย”
“อ้อ หมายถึงโอเทโล่กับเจ็งก้านะเหรอครับ? ได้สิครับ ไม่มีปัญหา”
“งั้นไปที่ กิลด์การค้า กันเถอะ”
“เอ๊ะ? ทำไมต้องไปด้วยล่ะครับ?”
“นายท่าน นั่นก็เพื่อทำสัญญากับเทพเจ้าแห่งการค้าไงคะ”
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง ขอบใจนะ เฟลิเซีย ดอนนิโน่ซัง รอแป๊บ แล้วช่วยรับของฝากไปก่อนครับ”
“หืม? อ้อ จริงด้วย ขอบใจนะ วาตารุ”
หลังจากส่งมอบของฝากให้เรียบร้อย เราก็ปล่อยให้พวกเด็กฝึกงานจัดการส่วนที่เหลือ
แล้วเดินทางกลับไปที่ กิลด์การค้า อีกครั้ง
เมื่อผมอธิบายถึงเหตุผลให้คามิลล์ซังฟัง
เธอถึงกับมองผมด้วยสีหน้ามึนงง ก่อนจะเดินนำไปที่ห้องทำสัญญา…
แปลกจัง แต่ก่อนผมเคยรู้สึกขนลุกเวลามีคนมองผมด้วยสายตาแบบนั้นด้วยเหรอ!?…
อ๊ะ! เธอกลับมาเป็นปกติแล้ว…หรือจริงๆ แล้วผมยังรู้สึกกลัวอยู่ เพราะเคยเห็นด้านที่น่ากลัวของคามิลล์ซัง?
หลังจากทำสัญญาเสร็จ ดอนนิโน่ซังก็กลับไปทำงานต่อ
เราจึงแยกย้ายกันแล้วออกจาก กิลด์การค้า
“เฮ้อ… สัญญานี่เสร็จเร็วมากจนผมยังไม่ทันตั้งตัว แบบนี้โอเคแน่เหรอ?”
ผมถามขึ้นขณะที่กำลังมุ่งหน้าไปที่ร้านอาหารทะเล
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ ต่อให้ขายไม่ได้เลย ชีวิตของนายท่านก็ยังเป็นเหมือนเดิม
แต่ถ้าขายได้ นายท่านก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้น แบบนี้ถือว่าคุ้มแล้วค่ะ”
“ถ้ามันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ก็คงไม่มีปัญหาอะไรสินะ”
เลิกคิดเรื่องยุ่งยาก แล้วมาสนใจกับอาหารทะเลดีกว่า! รีบเข้าไปที่ร้าน แล้วเริ่มย่างอาหารทะเลกันเลย!
“ทั้งสองคนดูนี่ ผมมีของดีติดมาด้วย”
“นั่นมัน… โชยุใช่ไหมคะ?”
“ถูกต้อง ผมไปเจอมันในชุดเครื่องปรุงแบบพกพาที่ร้านค้าบนเรือน่ะ
เลยซื้อติดมือมาด้วย อาหารทะเลย่างราดโชยุอร่อยมากเลยนะ”
ผมบีบเลมอนลงบนหอยนางรมย่าง แล้วราดโชยุตามลงไป
ดูดเนื้อหอยออกจากเปลือกพร้อมกับน้ำซุปข้นๆ ที่อยู่ข้างใน…
รสชาติของหอยนางรมกระจายในทั่วปาก โชยุกับเลมอน
ช่างเข้ากันดีจริงๆ อร่อยจนขนลุกเลย…
ไอเนส เฟลิเซีย และริมุเองก็ดูจะพอใจกันมาก
พื้นที่รอบๆ เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของอาหารทะเลย่างกับโชยุที่กำลังไหม้ไฟ
…แล้วผมก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัวว่ากลายเป็นจุดสนใจไปซะแล้ว…
ผมอุตส่าห์ทำให้ อลิเซียซัง กับคนอื่นๆ สัญญาว่าจะไม่บอกใครได่แล้วแท้ๆ แต่ดันมาทำตัวเด่นเองซะนี่!
ผมรีบกินอาหารทะเลที่เหลือให้หมดแล้วรีบลุกออกมาก่อนที่ใครจะเข้ามาถามอะไร…
เกือบไปแล้ว… แค่คิดว่าอาหารทะเลของผมมีโชยุหยดลงไปจากเตาก็ไม่สามารถคิดเรื่องอื่นได้เลย
“ขอโทษนะ พวกเธอยังไม่ได้กินกันเท่าไหร่เลย…ไปกินที่ร้านอื่นต่อกันไหม หรือจะกลับไปกินบนเรือดี?”
“กลิ่นของโชยุที่ไหม้ไฟนี่มันสุดยอดจริงๆ เลยนะคะ
อร่อยมากๆ เลย ไม่แปลกเลยที่มันจะดึงดูดความสนใจ
ฉันอยากไปกินต่อที่เรือมากกว่าค่ะ”
“ฉันก็อยากกลับไปกินที่เรือเหมือนกันค่ะ นายท่าน”
“ริมุ อยากกินโอนิกิริด้วย!”
“งั้นกลับกันเถอะ ไปจัดปาร์ตี้บาร์บีคิวกันบน ไฮอเวย์ อีกสักรอบกัน?
คราวนี้เรามีเครื่องปรุงกับเหล้าใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาด้วย
เพราะงั้นมันน่าจะยิ่งใหญ่กว่าครั้งก่อนแน่ๆ”
“อุฟุฟุ ฟังดูน่าสนุกจังเลยค่ะ ฉันตั้งตารอเลย…”
“ถ้าอย่างนั้นเรามาดื่มกันให้เต็มที่เลยดีไหมคะ นายท่าน?”
“ฟังดูน่าสนใจ ไหนๆ ก็เป็นปาร์ตี้อยู่แล้ว เรามาสนุกกันให้เต็มที่ไปเลย”
“เย้ ขอบคุณมากค่ะ นายท่าน”
“ริมุจะปิ้งย่างด้วย”
“จ้าๆ เราไปปิ้งย่างด้วยกันอีกนะ”
“อื้ม!”
กลับไปที่เรือแล้วกินมื้อกลางวันกันต่อดีกว่า!
MANGA DISCUSSION