“…ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเราควรจะขึ้นเรือจากตรงไหน”
“ลองใช้ ลูโตะ ขับวนไปรอบๆ เรือเฟอร์รี่ดูก่อนแล้วกัน”
“…มันไม่ได้ล็อกเอาไว้ใช่ไหมคะ?”
“ฮะๆๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เฮ้อ…บอกว่าจะให้ขึ้นเรือ แต่ผมดันไม่รู้ว่าต้องขึ้นจากตรงไหนซะงั้น…
พอเห็นสีหน้าของอลิเซียซังที่มองมาด้วยแววตาเหมือนจะพูดว่า “จริงดิ?” ก็ทำเอาผมรู้สึกอายสุดๆ เลยแฮะ…
พอขับ ลูโตะ วนไปรอบๆ เรือเฟอร์รี่
ผมก็อดไม่ได้ที่จะทึ่งอีกครั้งกับขนาดของมัน
เรือเฟอร์รี่มีความยาว 192 เมตร กว้าง 27 เมตร ถึงจะรู้อยู่แล้วจากหน้าจอซื้อเรือก็เถอะ
แต่พอได้มาเห็นของจริงเข้าแบบนี้มันใหญ่กว่าที่ผมจินตนาการเอาไว้เยอะเลย
มันเหมือนป้อมปราการเหล็กที่กำลังลอยน้ำอยู่เลย…
ตัดสินใจแล้ว ผมจะตั้งชื่อเรือเฟอร์รี่ลำนี้ว่า “ฟอร์เทรส”
“จู่ๆ ก็พูดขึ้นมามีอะไรอย่างงั้นเหรอคะ วาตารุซัง”
“อ่อ ผมพึ่งคิดชื่อเรือลำนี้ได้น่ะครับ ผมจะตั้งชื่อมันว่า ‘ฟอร์เทรส’ “
“แล้วมันแปลว่าอะไรเหรอคะ?”
“มันแปลว่า ‘ป้อมปราการ’ น่ะครับ”
“ในเมื่อพวกเราไม่รู้ว่าจะเข้าไปข้างในได้ยังไง ชื่อแบบนี้ก็น่าจะเหมาะดีไม่ใช่เหรอครับ อลิเซียซัง?”
“…เหมาะมากเลยค่ะ แต่ก่อนอื่น มาหาวิธีขึ้นไปบนป้อมปราการนี่กันก่อนดีกว่านะคะ”
“…ครับ”
จากนั้นพวกเราก็ช่วยกันมองหาทางที่จะเอาไว้ใช้ขึ้นเรือกันต่อ
เราเดินเรือสำรวจไปรอบๆ ฟอร์เทรส จนกระทั่ง…
ตรงนั้น!… ดูเหมือนจะมีสะพานหรืออะไรสักอย่างอยู่ตรงส่วนเว้าที่ทางด้านขวาของเรือนะ
ถ้าทำให้มันลดลงมาได้ พวกเราก็น่าจะเข้าไปข้างในได้
บางทีตรงนั้นอาจจะเป็นประตูที่เอาไว้ใช้สำหรับนำรถขึ้นเรือก็ได้ ผมจะสั่งเปิดมันได้มั้ยนะ?
แต่ตอนนี้ผมยังไม่กล้าลอง เอาไว้ค่อยลองหลังจากหาทางเข้าไปข้างในได้ก่อนแล้วกัน
นอกจากนี้ก็ต้องแปลงโฉมภายนอกของเรือให้เป็นไม้ด้วย
ถึงมันจะดูเด่นอยู่ดีก็เถอะจากขนาดของมัน แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้เป็นเหล็กอยู่แบบนี้…
…อืม ฟอร์เทรส …ชื่อนี้ช่างเหมาะจริงๆ
เพราะขนาดตอนนี้พวกเรายังหาทางขึ้นเรือไม่ได้เลยยังไงล่ะ
คงต้องใช้วิธีแบบดั้งเดิมซะแล้ว…นั้นก็คือเรียกเรือกลับมาก่อน แล้วค่อยขึ้นไปยืนบนวงเวทตอนที่อัญเชิญเรือออกมา
“ทุกคนครับ เดี๋ยวผมจะเรียกมันกลับไปแล้วจะอัญเชิญออกมาใหม่อีกครั้งนะครับ
พอวงเวทปรากฏขึ้นมา ทุกคนช่วยกรุณาขึ้นไปยืนบนวงเวททีนะครับ”
“ขึ้นไปยืนบนวงเวทอย่างงั้นเหรอคะ?”
“ครับ ตอนที่อัญเชิญเรือ เราสามารถขึ้นไปยืนบนวงเวทได้ ไม่ต้องกังวลนะครับ”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
เราจะขึ้นไปบนวงเวทตรงไหนก็ได้ใช่ไหม? งั้นเตือนทุกคนอีกทีแล้วกัน เพื่อความชัวร์
“งั้น หลังจากที่ผมเรียกเรือกลับไป… แล้วอัญเชิญมาใหม่… ทุกคน กระโดดขึ้นไปเลยนะครับ”
พอทุกคนกระโดดขึ้นไปบนวงเวท เราก็ถูกแสงสว่างรายล้อมไว้ในทันที
ผมสังเกตเห็นว่าด้านหน้าเป็นศูนย์ข้อมูล และข้างๆ กันมีร้านค้าอยู่ด้วย
“โว้วววว บะหนี่ถ้วย น้ำอัดลม ขนมขบเคี้ยว ไอศกรีม ไวท์เลิฟเวอร์ ซุปมิโซะสำเร็จรูป แปรงสีฟัน เสื้อยืด โว้วววว!”
“นายท่านๆ ใจเย็นก่อนค่ะ ถึงจะเข้าใจความรู้สึกก็เถอะ แต่ทุกคนลำบากใจกันหมดแล้วนะคะ”
“เอ๋? อ๊ะ ขอโทษนะ ไอเนส พอดีผมตื่นเต้นมากไปหน่อยน่ะ
ได้เห็นของที่เคยคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นอีกแล้วมาอยู่ตรงหน้าแบบนี้ เลยเผลอไปหน่อย”
“ฉันเข้าใจค่ะ แต่ตอนนี้ทุกคนจากจิราโซเล่อยู่ด้วยนะคะ
นายท่านช่วยใจเย็นลงก่อน แล้วพาพวกเราเดินชมเรือก่อนดีไหมคะ?
เรายังมีเวลาอีกเยอะ ค่อยๆ เที่ยว ค่อยๆ สนุกกันไปเถอะค่ะ”
“เข้าใจแล้ว ขอโทษด้วยนะครับทุกคน เดี๋ยวผมจะพาทุกคนเดินชมเรือเดี๋ยวนี้ล่ะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ วาตารุซัง”
“ถึงฉันจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ดูจากท่าทางของคุณเมื่อกี้แล้วคงจะคิดถึงของพวกนี้มากเลยสินะคะ?”
“งั้นจากนี้ก็ช่วยพาพวกเราเดินชมเรือหน่อยนะคะ วาตารุซัง”
“ได้เลยครับ อลิเซียซัง”
ใจเย็นๆ ผมต้องใจเย็นๆ เข้าไว้
พอมาเห็นของที่ผมคิดถึงพวกมันมาตลอดมาปรากฏอยู่ตรงหน้าแบบนี้ ก็เลยเผลอปล่อยตัวปล่อยใจมากเกินไปหน่อย…
ก็จริงอย่างที่ไอเนสบอก พวกเรายังมีเวลาอีกเยอะ เพราะงั้นค่อยๆ สนุกไปทีละอย่างแล้วกัน
ตอนนี้ขอพาทุกคนเดินชมเรือให้ทั่วก่อนดีกว่า
“เอาล่ะครับ ตรงนี้คือร้านค้านะครับ ถึงจะเล็กเพราะอยู่บนเรือ
แต่ถ้าอยากซื้ออะไรก็จ่ายเงินแล้วซื้อได้เลย เดี๋ยวผมจะทำให้ดูเป็นตัวอย่างนะครับ”
ผมหยิบเจ้าเครื่องดื่มสีดำออกมาจากตู้แช่ จากนั้นก็เดินไปที่เครื่องคิดเงิน…
หน้าจอแสดงราคาขึ้นมาว่า 2 เหรียญทองแดง 2 เหรียญ… แล้วต้องเอาเงินใส่ลงไปตรงไหนล่ะเนี่ย?
อ๊ะ นี่ไง! มีช่องหยอดเหรียญอยู่บนถาดวางเหรียญข้างเครื่องคิดเงิน
ผมเลยหยอดเหรียญทองแดง 2 เหรียญลงไป…
แล้วเครื่องก็คิดเงินออกมาให้… ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันทำงานยังไง
แต่ถ้าให้พูดตรงๆ มันดูแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้สิ
ผมเคยดูวิดีโอเกี่ยวกับเครื่องคิดเงินที่ไม่มีคนเฝ้าอยู่เหมือนกัน
แต่แบบนั้นก็ยังพอเข้าใจได้ แต่ไอ้เครื่องนี่มัน…ผมไม่เข้าใจมันเลยสักนิดว่ามันทำงานยังไง…
“เรียบร้อยครับ ผมจ่ายเงินเสร็จแล้ว
ถ้าใครสนใจอะไรหรืออยากซื้ออะไรก็เลือกได้เลยนะครับ
ถ้าไม่เข้าใจอะไรก็ถามผมได้เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ครับ”
หลังจากผมพูดจบ ทุกคนก็ค่อยๆ เดินดูของในร้านด้วยความสนใจ
พวกเธอดูสงสัยไปหมด ถามผมนู่นนี่เกี่ยวกับของแต่ละอย่างไม่หยุดเลย
ของส่วนใหญ่ที่พวกเธอเห็น ถึงจะมองยังไงก็ไม่เข้าใจหรอกนะ
เพราะมันเป็นของที่มาจากต่างโลกยังไงล่ะ
ผมเลยต้องอธิบายตั้งแต่เครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว เสื้อยืด แปรงสีฟัน ไปจนถึงของอื่นๆ ด้วยไปทีละอย่าง
ผมซื้อของบางอย่างให้ลองชิมกันด้วย โดยเฉพาะไวท์เลิฟเวอร์นี่ได้รับความนิยมสุดๆ
พอถึงตอนแนะนำบะหมี่ถ้วย พวกเธอก็ถึงกับชะงักเหมือนโดนหยุดเวลาไปเลยล่ะ
แต่พอได้ลองชิมดูก็ดูเหมือนจะถูกใจกันหมด ผมก็เลยโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
ส่วนตัวผมเอง พอได้กินบะหมี่ถ้วยกับทุกคนแบบนี้ก็เกือบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
บะหมี่ถ้วย รสโชยุ รสซีฟู้ด รสแกงกะหรี่ แล้วก็รสน้ำซุปอุด้ง… มันช่างสุดยอดจริงๆ
ว่าแต่ ตอนที่ผมให้อัลม่าซังลองชิม คิทสึเนะ อุด้ง…
เธอก็ยิ้มหวานออกมาพร้อมกับพูดแบบเย้ายวนว่า “มันอร่อยมากๆ เลยค่ะ”…
ตกลงนี่มันยังไงกันแน่? คิทสึเนะ อุด้ง ได้ผลกับสาวหูจิ้งจอกอย่างเธอด้วยเหรอ!?
ถึงสุดท้ายผมจะยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ถ้าเธอชอบมันจริงๆ ล่ะก็
ผมว่าผมควรเอามันไปให้คามิลล์ซังลองกินดูด้วยน่าจะดีกว่า เผื่อจะได้แต้มพิเศษเพิ่มอีกหน่อย
แล้วทุกคนก็ดูเหมือนจะอยากซื้อบะหมี่ถ้วยไปตุนไว้สำหรับการผจญภัย
ผมเลยขอให้พวกเธอรอก่อน เพราะยังต้องเดินทางกันอีกไกล
จากนั้นผมก็ซื้อไอศกรีมแจกให้ทุกคนกินกันไปพลางก่อน
สาวๆ ที่เคยกินแต่ไอศกรีมนมที่ผมทำ ต่างก็กินกันด้วยความตื่นเต้น
เสียงชื่อชมเองก็ดังออกมาไม่ขาดสาย ว่ามันอร่อยยังไง รสชาติเป็นยังไง บรรยากาศตอนนี้ดีสุดๆ เลยล่ะ
ริมุกับฟูจังเองก็สนุกสนานกับการกินของพวกนี้เหมือนกัน
ได้ยินพวกเขาบอกว่า “อร่อย!” กับ “ชอบมาก!” ซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายครั้งเลยล่ะ
มันทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้เลยจริงๆ
“ยังมีอะไรอีกเยอะที่ผมอยากแนะนำนะครับ แต่ต้องไปต่อกันแล้ว”
“อ๊ะ วาตารุซัง ขอฉันซื้ออันนี้ก่อนได้ไหมคะ?”
“ฉันด้วยค่ะ!”
พวกเธอหยิบขนมช็อกโกแลตแบรนด์ดังกันมาคนละกล่องสองกล่อง
แล้วก็จ่ายเงินกันอย่างคล่องแคล่ว ดูเหมือนจะเริ่มชินกับระบบนี้กันแล้วสินะ…
ถึงจะเป็นในโลกนี้เจ้าขนมช็อกโกแลตนี่ก็ยังคงเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ สินะ..
ขออย่าให้มีสงครามระหว่าง เห็ด กับ หน่อไม้ ที่นี่เลยนะ…
“ริมุก็อยากได้เหมือนกัน!”
จากนั้นริมุก็ไปเอากล่องช็อกโกแลตมาวางไว้บนหัว… โอ้ ริมุ เป็นสายหน่อไม้สินะ
“ริมุ ของพวกนี้ถ้ายังไม่ได้จ่ายเงิน จะเอาออกไปไม่ได้นะ
คราวหลังถ้าอยากได้อะไรก็มาบอกผมก่อน”
“เข้าใจแล้ว!”
“งั้นพวกเราก็ไปต่อเถอะ”
พวกเราเดินไปยังห้องถัดไป โดยมีสาวๆ ที่กำลังคุยกันเสียงดังเจื้อยจ้าวพร้อมกับถือขนมกันเต็มไม้เต็มมือไปด้วย
“ตรงนี้เป็นโซนห้องแบบประหยัดครับ”
“ว้าว ห้องใหญ่จังเลย เป็นห้องนอนรวมอย่างงั้นเหรอตะ?”
“ใช่ครับ ที่นอน หมอน แล้วก็ผ้าห่มที่วางเรียงอยู่นั่นคือของ ของแต่ละคนครับ”
“ว้าว ที่นอนแบบนี่เรียกว่าอะไรเหรอคะ? นุ่มมากเลย ไม่น่าเชื่อว่าจะมีของแบบนี้ให้ในห้องรวม!”
ที่นอนพวกนี้…น่าจะเหมาะกับการเอาไปวางในเรือกระท่อมนะเนี่ย…
ว่าแต่ถ้าผมเรียก ฟอร์เทรส กลับไป พวกที่นอนจะหายไปด้วยหรือเปล่านะ?
อืม… ถ้ามันเป็นของที่ติดมากับเรือ ก็คงหายไปเหมือนพายสินะ
ส่วนของในร้านค้าที่เราซื้อมาแล้ว ไม่น่าจะหายไป เพราะเราจ่ายเงินไปแล้ว… ใช่ไหม?
“ต่อไปก็ทางนี้ครับ ห้องพวกนี้เป็นห้องแบบมาตรฐาน มีทั้งแบบ 2 คน และ แบบ 4 คน”
“ถึงจะไม่ใหญ่มาก แต่เตียงนุ่มมากเลยค่ะ!”
“ครับ เรามีห้องหลากหลายประเภท ถ้าสนใจก็ลองเดินดูได้เลย
ส่วนตรงนี้คือห้องน้ำรวมครับ ฝั่งนี้สำหรับผู้ชาย ส่วนฝั่งนี้สำหรับผู้หญิง
แต่ห้องที่พวกคุณจะพักมีห้องน้ำในตัวอยู่แล้ว เลยอาจจะไม่ต้องใช้ห้องน้ำรวมพวกนี้”
“เอ๋? ห้องที่เราพักมีห้องน้ำด้วยเหรอคะ?”
“ครับ ห้องพวกนั้นเป็นห้องระดับสูงกว่าห้องที่เราเห็นมาจนถึงตอนนี้
มันมีทั้งอ่างอาบน้ำและห้องน้ำในตัว มีหลายห้องเลยนะครับ ดังนั้นแต่ละคนสามารถพักกันคนละห้องได้เลย”
“ว้าว ห้องจะเป็นยังไงกันนะ?”
“ฉันชักตื่นเต้นแล้วสิ!”
“แต่พวกเราไม่เอาห้องดีที่สุดหรอกนะคะ นั่นเป็นสิทธิพิเศษของเจ้าของเรือนี่นา”
“จริงด้วย แต่ก็อยากเห็นห้องนั้นเหมือนกันนะ”
“ครับ เดี๋ยวผมพาไปดู”
“เอ๊ะ วาตารุซัง ทำไมบันไดถึงขยับได้ล่ะคะ?”
“อ้อ นี่เรียกว่า บันไดเลื่อน ครับ สำหรับคนที่ขาไม่ค่อยดีหรือเดินเยอะๆ แล้วเมื่อย
เพียงแค่ขึ้นไปยืนเฉยๆ มันจะพาเราขึ้นลงเองโดยไม่ต้องเดิน”
“เข้าใจแล้วคะ มันสะดวกมากเลยนะคะเนี่ย!”
“ต่อไปก็ตรงนี้ครับ เจ้านี่เรียกว่า ลิฟต์ แค่กดปุ่มเลือกชั้นที่อยากไป มันก็จะพาเราไปชั้นนั้น ถ้าใครไม่อยากใช้ก็เดินขึ้นบันไดแทนได้นะครับ”
“ลิฟต์ อย่างงั้นเหรอคะ มันสะดวกมาเลยนะคะ
ว่าแต่มันมีคนขาไม่ดีเยอะขนาดนั้นเลยเหรอตะ?”
“อืม… ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ แต่พอคนเราอายุมากขึ้น
บางคนก็เดินลำบาก เลยคิดว่าน่าจะเป็นเหตุผลนั้น”
“อ่อ จริงด้วย”
เหตุผลจริงๆ ในญี่ปุ่นเหรอก็คงอย่างที่คิดนั่นแหละ ส่วนหนึ่งก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้คนที่ขาไม่ดี
หรือผู้สูงอายุ แต่จริงๆ แล้วสำหรับคนทั่วไปก็คง ‘ขี้เกียจเดินขึ้นลงบันได’ ซะมากกว่า
มันง่ายและสะดวกกว่ายังไงล่ะ แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ไปถึงที่หมายแล้ว เลยกลายเป็นสิ่งที่พบเห็นได้แทบทุกที่ในญี่ปุ่น
“งั้นมาลองกันเถอะครับ แต่ถ้าพวกเราขึ้นพร้อมกันหมด
น้ำหนักอาจจะเกินได้ งั้นแยกกันขึ้นดีกว่า กลุ่มละสี่คน ลงไปที่ลานจอดด้านล่างกัน”
จังหวะที่ทุกคนแยกกลุ่มกันด้วยท่าทางตื่นเต้นเหมือนเด็กๆ
แต่ในขณะเดียวกันก็ดูมีระเบียบแบบ สมแล้วที่เป็นนักผจญภัย…
ผมล่ะอดคิดแบบนี้ไม่ได้เลยจริงๆ นี่ล่ะคือ นักผจญภัยตัวจริง!
พวกเราแบ่งกันออกเป็นสองกลุ่มแล้วลงลิฟต์ไปที่ลานจอดรถชั้นล่าง
ทันทีที่ประตูเปิดออกก็พบกับพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีแสงสลัวๆ ด้านในเต็มไปด้วยความเงียบ
ทุกคนก็ดูตกใจไม่น้อยที่บรรยากาศเปลี่ยนไปขนาดนี้ ทั้งๆ ที่พวกเธอไม่ได้ขยับตัวไปไหนเลยด้วยซ้ำ
“วาตารุซัง ฉันเข้าใจการทำงานของ ลิฟต์ แล้วค่ะ แต่ที่นี่มันที่ไหนกันคะ? มันดูเหมือนแค่พื้นที่กว้างๆ มืดๆ เท่านั้นเอง”
“ครับ ตรงนี้ เอ่อ จะว่าไงดีล่ะ… มันเหมือนที่จอดรถม้าน่ะครับ
มีอีกชั้นด้านบนที่เป็นที่จอดเหมือนกัน
แต่ชั้นนี้จะมีประตูขนาดใหญ่ให้รถม้าเข้าออกได้”
“ที่กว้างขนาดนี้ ยังมีชั้นบนอีกเหรอคะ?”
“ว่าแต่พื้นที่ขนาดนี้ จะเอาไว้ให้ทำอะไรดีล่ะคะ?”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ อลิเซียซัง”
“สำหรับผมผมไม่คิดจะให้คนอื่นขึ้นมาบนเรืออยู่แล้วล่ะครับ อาจจะใช้ที่นี่เป็นที่ออกกำลังกายเวลาอากาศไม่ดี หรือเวลาออกไปที่ดาดฟ้าไม่ได้แทนก็ได้”
“มันกว้างมากจริงๆ ค่ะ อาจจะกว้างเกินไปด้วยซ้ำ”
“งั้น… ไปกันต่อเถอะครับ”
ลานจอดรถไม่มีอะไรให้ดูมากนัก
“ตรงนี้คือชั้นที่สูงกว่าจุดที่พวกเราเริ่มต้นมา 1 ชั้น
ห้องพักของพวกเราจะอยู่ที่ชั้นนี้ครับ ก่อนอื่น มีห้องดีลักซ์ทั้งหมด 20 ห้อง
พวกคุณคงคุ้นเคยกับห้องแบบตะวันตกกันอยู่แล้ว แต่ห้องสไตล์ญี่ปุ่นพวกนี้
ต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าไปนะครับ ระวังกันด้วย”
“เราสามารถเลือกใช้ห้องพวกนี้ได้ตามใจชอบได้เลยอย่างงั้นเหรอคะ?”
“ใช่ครับ เลือกได้ตามใจชอบเลย เดี๋ยวค่อยมาตัดสินใจกันอีกทีหลังจากเดินชมเรือเสร็จ
นี่คือห้องสวีทเพียงห้องเดียวของเรือลำนี้ครับ ผมคิดว่านี่คงเป็นห้องของผมครับ”
“ว้าว มันดูดีมากเลยค่ะ”
“ใช่หรูหราสุดๆ”
“ฟุฟุ น่าอิจฉาจังเลยนะคะ…วาตารุซัง”
“ไม่ได้ครับ ผมไม่ยอมยกให้หรอกนะคะ อลิเซียซัง”
“ฟุฟุ อย่างงั้นเหรอคะ…งั้นเราก็ไปต่อกันเถอะคะ”
“ครับ จุดต่อไปคือ… ที่นี่คือโซนเกม เดี๋ยวผมจะอธิบายวิธีเล่นให้ฟังทีหลังนะครับ”
“วาตารุซัง อันนี้คืออะไรเหรอ? น่ารักจังเลย”
“เอ๋? อ๋อ นั่นเรียกว่า ‘ตู้คีบตุ๊กตา’ ครับ ข้างในมีตุ๊กตาอยู่”
“ตุ๊กตา? ฉันอยากได้มันค่ะ วาตารุซัง ต้องทำยังไงเหรอตะ?”
“ใจเย็นๆ นะครับ คลอเร็ตต้าซัง เดี๋ยวดูผมทำเป็นตัวอย่างก่อนนะครับ
ใส่เหรียญทองแดงหนึ่งเหรียญเข้าไปตรงนี้ จากนั้นก็กดปุ่มนี้เพื่อเลื่อนแขนกลไปด้านข้าง
แล้วกดปุ่มนี้เพื่อให้มันเลื่อนลงไปจับตุ๊กตา… จะจับได้ไหมนะ? อ๊ะ… ไม่ได้แฮะ”
เสียดายแฮะ เพราะถ้าผมจับได้ ผมก็คงเอามันไปให้คลอเร็ตต้าซังได้แท้ๆ… เสียดายสุดๆ!
“อ๊ะ เสียดายจัง แต่ฉันพอเข้าใจแล้วค่ะ เดี๋ยวฉันจะกลับมาลองเอง”
“รอให้เดินชมเรือให้เสร็จก่อนนะครับ แล้วค่อยกลับมาเล่นทีหลัง”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
“วาตารุซัง พวกกล่องที่มีเครื่องดื่มที่เราซื้อจากร้านค้านั่นคืออะไรเหรอ?”
“อ๋อ นั่นเรียกว่าตู้กดน้ำครับ เดี๋ยวพอขึ้นไปชั้นบน พวกเราจะเห็นโซนที่รวมตู้กดน้ำไว้หลายเครื่องเลยครับ ผมจะอธิบายตอนนั้นนะครับ”
“เข้าใจแล้วคะ”
ถ้าจะอธิบายห้องดูหนัง คงต้องเปิดหนังให้ดูไปด้วยสินะ…
แต่ถ้าทำแบบนั้น พวกเธอคงรู้แน่ๆ ว่าผมมาจากต่างโลก แบบนี้คงต้องเลือกเวลาที่เหมาะสม
“ที่นี่คือห้องพักธรรมดาครับ เป็นห้องพักสี่คน มีผ้าม่านปิดเพื่อความเป็นส่วนตัว แต่คิดว่าพวกคุณคงไม่ได้ใช้มัน”
“ค่ะ ห้องดีลักซ์คงจะสะดวกสบายกว่ามาก”
“แน่นอนครับ และนี่คือโรงอาบน้ำ ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผมซื้อเรือลำนี้”
“ว้าว อ่างอาบน้ำใหญ่มากเลยค่ะ จะลงไปได้กี่คนกันนะ? น่าตื่นเต้นสุดๆ เลย!”
“และนี่คือของที่ผมอยากนำเสนอมากๆ เลยครับ ของที่อยู่ในขวดพวกนี้เรียกว่า ‘แชมพูและครีมอาบน้ำ’
เมื่อเทียบกับผงอาบน้ำที่ใช้กันก่อนหน้านี้ อันนี้ช่วยทำให้ผมกับผิวสะอาดกว่าเยอะเลยครับ แถมยังทำให้เส้นผมนุ่มลื่นและผิวพรรณเปล่งปลั่งขึ้นด้วย”
แย่ล่ะ… แววตาของสาวๆ มัน น-น่ากลัว…
“วาตารุซัง… มันใช้งานยังไงอย่างงั้นเหรอคะ?”
“ค-ครับ แค่เทแชมพูลงบนผมที่เปียก จากนั้นก็ถูให้เกิดฟอง แล้วล้างออกด้วยฝักบัว
ส่วนครีมอาบน้ำก็ใช้คู่กับผ้าขนหนูที่ซื้อมาจากร้านค้า ถูให้เกิดฟองแล้วใช้ขัดตัวครับ”
“ถ้างั้น… ขออาบน้ำก่อนเลยได้ไหมคะ?”
“เดี๋ยวก่อนสิครับ! ผมว่าเราไปเตรียมตัวกันก่อนน่าจะดีกว่านะครับ แล้วก็มีของบางอย่างที่ผมต้องไปเตรียมด้วย
อีกอย่างผมยังมีเรื่องที่ต้องอธิบายอีกนิดหน่อยด้วย”
ผมจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด! ผมอยากให้พวกเธอใส่ชุดยูกาตะหลังจากอาบน้ำเสร็จ
แล้วตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้อธิบายเรื่องชุดยูกาตะเลย! ผมอยากเห็นพวกสาวๆ ในชุดยูกาตะหลังอาบน้ำเสร็จจริงๆ นะ!
“ขอเตรียมของสำหรับอาบน้ำให้เรียบร้อยก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะพาชมส่วนที่เหลือหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว”
ภายใต้แรงกดดันอันมหาศาล ผมรีบไปจัดเตรียมผ้าขนหนู
แล้วก็อธิบายวิธีใส่ยูกาตะให้พวกเธอฟังจากนั้นก็ส่งพวกเธอเข้าห้องอาบน้ำ
อ๊ะ ไอเนสกับเฟลิเซียก็เข้าไปอาบด้วยเหรอ!
ผมเองก็อยากไปด้วยเหมือนกันนะ แต่… ผมทำได้แค่เดินเข้าห้องอาบน้ำชายไปอย่างเดี่ยวดายเท่านั้น…
แต่เอาจริงๆ ตอนที่ผมอธิบายเรื่องแชมพู แววตาของพวกเธอเปลี่ยนไปจนผมนี่แอบกลัวเลยล่ะ…
“อ๊าาา~ อ่างอาบน้ำใหญ่ๆ นี่มันสุดยอดจริงๆ!”
เสียงพึมพำของผมก้องไปทั่วห้องอาบน้ำ…
ตั้งแต่ที่ผมมาโลกนี้ผมก็ทำเต็มที่ได้แค่อาบน้ำกับผักบัวเท่านั้น
ดูเหมือนว่ายังมีคราบสกปรกที่ล้างออกไม่หมดติดอยู่นะ แต่พอได้ใช้แชมพูกับครีมอาบน้ำ มันรู้สึกสะอาดกว่าปกติเยอะเลย
ผมเอนตัวลงแช่น้ำอุ่นอย่างสบายใจ แล้วทอดสายตามองวิวรอบๆ
อากาศวันนี้ดีสุดๆ การได้แช่ในอ่างอาบน้ำกว้างๆ มองออกไปเห็นทะเลสีครามแบบนี้…
มันดีกว่าตอนอยู่บนไฮด์อเวย์อีกนะ วิวสูงกว่า อ่างก็กว้างกว่า แถมได้แช่คนเดียวอย่างหรูหราสุดๆ
หืม…? เอ๊ะ… หรือว่าไฮด์อเวย์จะหมดประโยชน์ไปแล้ว?
ที่นี่มีอ่างที่ใหญ่กว่า แถมยังมีห้องพักที่เป็นส่วนตัวอีก…
แย่แล้วๆ แบบนี้โอกาสที่พวกเราจะได้อาบน้ำด้วยกันก็ลดลงไปเยอะเลยสิ
…ผมต้องหาทางสร้างบรรยากาศให้เหมือนเดิม ต้องจัดปาร์ตี้บาร์บีคิว
แล้วก็จัดกิจกรรมอื่นๆ เหมือนที่เคยทำบนไฮด์อเวย์ให้ได้!
พอผมออกจากอ่างอาบน้ำ พวกสาวๆ ก็ยังไม่ได้ออกมา
ผมเลยไปนั่งรอด้วยความหวัง… ผมอยากเห็นพวกเธอใส่ยูกาตะหลังจากอาบน้ำเสร็จจัง!
และแล้วไม่นานหลังจากนั้น ผมก็เห็นพวกเธอค่อยๆ ทยอยกันออกมาจากโรงอาบน้ำ…
ขอบคุณมาก ขอบคุณมากครับ ท่านเทพผู้สร้าง
แค่พวกเธออยู่ในชุดปกติก็ว่าสวยแล้ว แต่พอมาเห็นพวกเธอในชุดยูกาตะแบบนี้
ผมรู้ได้ในทันทีเลยว่า… ที่ผ่านมามันยังไม่สุด!
ผิวของพวกเธอเปล่งประกาย ผมก็นุ่มลื่นดูเป็นเงางาม
นี่คือพลังของแชมพูเหรอ…?
ถ้าพวกเธอได้ใช้ของระดับไฮเอนด์ที่มีส่วนผสมที่เทพมากกว่านี้ล่ะ…?
แค่คิดก็ขนลุกแล้ว…แต่ที่น่าทึ่งที่สุดก็คือ หน้าอกของพวกเธอ!
ชุดยูกาตะที่พวกเธอใส่ มันยกเนินอกขึ้นมาอย่างสวยงาม
ทำให้เห็นร่องอกได้ชัดแบบเต็มสองตาเลยล่ะ…
ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณจริงๆ นะครับ ท่านผู้สร้าง! ผมขอขอบคุณจากใจจริงเลย!
MANGA DISCUSSION