“นี่ ช่วงนี้เจ้าคนจากต่างโลกดูดีขึ้นนะ ว่าไหม?”
“หือ อยู่ดีๆ พูดเรื่องอะไรขึ้นมาเนี่ย เทพแห่งความบันเทิง?”
“ข้าก็แค่จะบอกว่าเจ้าคนจากต่างโลกช่วงนี้ดูดีขึ้นก็เท่านั้นเอง”
“เหรอ? มีอะไรเปลี่ยนไปงั้นเหรอ? นี่ เทพแห่งเวทมนตร์ เจ้ารู้อะไรบ้างไหม?”
“อ่อ ที่เทพแห่งความบันเทิงหมายถึงก็คงเป็นเรื่อง โอเทลโล่ กับ เจงก้า แน่ๆ เลย”
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง ข้าก็นึกว่าเจ้าชาวต่างโลกนั้นจะคลั่งการต่อสู้ขึ้นมาซะอีก”
“ใช่แล้ว โอเทลโล่ กับ เจงก้า น่ะ แม้จะเป็นเกมง่ายๆ แต่ก็สนุกมาก
ข้ามั่นใจว่ามันจะต้องแพร่หลายไปทั่วโลกแน่ๆ แต่เพราะเจ้าคนจากต่างโลกนั่นจากไปแทบจะในทันทีหลังจากที่สอนเกมพวกนั้น…
ทำให้เจ้าช่างต่อเรือนั่นไม่กล้าขายมันจนกว่าจะได้รับอนุญาตจากเขา ข้าล่ะหวังว่ามันจะแพร่หลายไปเร็วๆ”
“ก็คงต้องใช้เวลาหน่อยล่ะนะ แต่จะว่าไป เจ้าคนจากต่างโลกนั่นก็ไม่เห็นออกไปสู้เลย ทั้งๆ ที่เลเวลของเขาก็เพิ่มขึ้นตั้งขนาดนั้นแล้ว”
“อืม พลังเวทของเขาก็เพิ่มขึ้นมากเลย ตอนนี้เขาก็น่าจะเรียนรู้เวทมนตร์ระดับสูงได้แล้ว…
แต่มันอาจจะเป็นเพราะเขาเลือกที่จะเป็นพ่อค้าล่ะมั้ง?”
“ก็เป็นไปได้ เขาพบหนทางในหาเงินที่ไม่ต้องพึ่งพาการต่อสู้แล้ว”
“ใช่ แต่ถึงอย่างงั้นข้าก็จะดีใจมาก ที่เขานำของอย่าง โอเทลโล่ และ เจงก้า เข้ามา
ถ้าเขาเผยแพร่ความบันเทิงมากกว่านี้มันจะดีมาก
อ๊ะ อีกเรื่องดูเหมือนเทพแห่งอาหารจะพอใจกับ พิซซ่า พุดดิ้ง แล้วก็ไอศกรีมมากเลยนะ เขาบอกว่าในที่สุดนมกับชีสก็ได้รับความสนใจซะที”
“คนจากต่างโลกคราวนี้ดูธรรมดาจังน้า…”
“เอาน่า…รอดูกันไปก่อน เพราะตั้งแต่ที่ชาวต่างโลกคนนั้นเริ่มไปพัวพันกับพวกผู้หญิง
การกระทำของเขาก็ดูเริ่มดูดีมากขึ้นเรื่อยๆ บางทีพวกเราอาจจะได้เห็นอะไรสนุกๆ จากเขาก็ได้ในอนาคต”
“หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้นนะ”
“โอ๊ะ! ดูเหมือนเทพผู้สร้างจะเรียกชาวต่างโลกคนนั้นมาอีกแล้วนะ ไปแอบดูกันไหม?”
“เอาสิ ข้าว่าเทพผู้สร้างต้องพูดอะไรบ้าๆ ออกไปอีกแน่ เราไปดูกันเถอะ”
“น่าสนุกนิ งั้นข้าไปด้วย”
“หืม? นั่นมันท่านเทพแห่งแสงนิ”
“เทพแห่งแสงๆ เทพผู้สร้างเรียกชาวต่างโลกมามีเรื่องอะไรเหรอ?”
“อ๋อ ก็แค่เรื่องไร้สาระน่ะคะ ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก”
“ชิ พูดเรื่องไร้สาระจริงๆ เหรอเนี่ย…”
“ว่าแต่ พวกเขาคุยอะไรกันบ้างอย่างงั้นเหรอ ท่านเทพแห่งแสง?”
“ชาวต่างโลก ถามท่านเทพผู้สร้างเกี่ยวกับเรื่องรูปปั้นในมหาวิหารน่ะค่ะ”
“อ่อ แล้วเขาตอบไปว่ายังไงเหรอ?”
“เขาบอกว่ามันเป็นเรื่องของ ภาพลักษณ์ และ มันเท่กว่า ค่ะ แล้วก็เกือบจะหลุดเรื่องนั้นออกไป…”
“เห๊อะ ใครมันจะแคร์กันล่ะว่าภาพลักษณ์ของเทพผู้สร้างจะเป็นยังไงน่ะ?”
“ฮ่าๆ ก็ช่วยไม่ได้นิ ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้าชาวต่างโลกนั่นนะ”
“อืม ก็จริง เทพผู้สร้างคงอยากปรับปรุงภาพลักษณ์ของตัวเองในฐานะเทพเจ้าให้ดูดีขึ้นล่ะนะ”
“เป็นข้าก็เหวอเหมือนกันล่ะ ถ้าได้คำตอบแค่วัน ‘มันดูเท่กว่า’ น่ะ ฮ่าๆๆๆ “
“ว่าแต่เขาตอบไปแบบนั้นจริงๆ น่ะเหรอ”
“นี่ ท่านเทพแห่งแสง เทพผู้สร้างเขา…”
“อ้าว! ไปซะแล้ว เป็นเธอก็ลำบากเหมือนกันนะ”
“ใช่ ว่าแต่เขาปล่อยข้อมูลหลุดออกไปแบบนั้นมันจะดีจริงๆ เหรอ…?”
“เฮ้อ น่าอับอายจริงๆ”
“ฮ่าๆ มันก็ต้องไม่อยู่แล้วสิ คืนนี้เขาต้องโดนเทศน์ยาวจนไม่ได้นอนแน่ๆ!”
“…ท่านเทพผู้สร้าง ท่านมีอะไรที่อยากจะพูดหรือเปล่าคะ?”
“เอ่อ คือ… ข-ข้าไม่ได้ตั้งใจ แค่เผลอหลุดปากไปเท่านั้น…”
“ท่านเทพผู้สร้างคะ กรุณานั่งลงด้วย”
“เอ๊ะ? อะ-อืม”
“ท่านนั่งผิดท่าอยู่นะคะ ในกรณีนี้ ท่านควรจะต้องนั่งคุกเข่าไม่ใช่หรือ?”
“อย่าบอกนะคะ ว่าท่านไม่รู้เรื่องนี้ ท่านเทพผู้สร้าง?”
“ข-ข้ารู้…”
“งั้นก็ช่วยอธิบายมาตั้งแต่ต้นเลยว่าทำไมพวกเราถึงไม่ควรแทรกแซงโลกเบื้องล่าง”
“เอ๊ะ? คือเรื่องมันยาวนะ แล้วอีกอย่าง วาตารุคุงก็อยู่ที่นี่ด้วย ไว้ค่อยคุยกันทีหลังได้ไหม…”
“ไม่ค่ะ ฉันจะเป็นคนส่งวาตารุคุงกลับไปเอง…”
“ส่วนท่านก็นั่งคุกเข่ารออยู่ตรงนี้ ถ้าขยับล่ะก็…”
“ข-ข้าเข้าใจแล้ว ข้าขอโทษ ข้าจะไม่ขยับไปไหนทั้งนั้น”
“ค่ะ เดี๋ยวกลับมานะคะ….”
“ข-เข้าใจแล้ว…”
“เอาล่ะคะ ท่านเทพผู้สร้าง ตอนที่ฉันก็ส่งวาตารุคุงกลับไปเรียบร้อยแล้ว
ก่อนไปเขาถามว่าถ้าเขาเปลี่ยนแปลงการกระทำของตัวเองในอนาคตตามข้อมูลที่ท่านหลุดปากออกไป
มันจะส่งผลอย่างไร แล้วฉันก็ตอบเขาไปว่า มันแทบไม่ต่างกันไม่ว่าเขาจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนการกระทำของตัวเอง แบบนี้ท่านคิดว่ายังไงคะ?”
“ข-ข้าเผลอพูดออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ จนมันเกือบจะเป็นปัญหาแต่โชคดีที่ผลลัพธ์มันยังคงใกล้เคียงเดิม”
“(แทบไม่ต่างกัน…) นั่นก็หมายความว่ามันต้องมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอนค่ะ”
“เอาล่ะค่ะ ก่อนอื่นเริ่มจากการท่องกฏว่าทำไมพวกเราถึงไม่ควรเข้าไปแทรกแซงโลกเบื้องล่างมาค่ะ
ท่องไปจนกว่าจนกว่ามันจะฝังลึกลงไปในหัวของท่าน”
“เอ๊ะ? ทำไมข้าต้องทำอะไรแบบนั้นด้วยล่ะ?”
“หรือจะให้ฉันสลักมันลงบนร่างกายของท่านดีคะ?”
“ม-ไม่เป็นไร! ข้าจะท่องมันจนกว่ามันจะฝังเข้าไปในหัวเอง!”
“อืมม เทพแห่งสงคราม เจ้าคิดว่าเขาจะมีสติขึ้นมาหน่อยไหม ถ้ามันถูกฝังเข้าไปในหัวของเขา?”
“เทพแห่งเวทมนตร์ เจ้าอย่าถามในสิ่งที่เจ้าเองก็รู้คำตอบอยู่แล้วสิ”
“ฮ่าๆ ข้าว่าไม่มีทางเป็นไปได้หรอก”
“โอ๊ะ! ดูเหมือนเขาจะซื้อเรือเฟอร์รี่มานะ”
“จริงเหรอ! เป็นความคิดที่ไม่เลวแฮะ…”
“ว่าแต่ก่อนหน้านี้เขาเจอเกล็ดของริวด้วยใช่ไหม?”
“ใช่ ข้าเองก็แปลกใจเหมือนกัน ไม่คิดเลยว่าสกิลอัญเชิญเรือจะมีประโยชน์ขนาดนั้นในถ้ำ”
“ใช่ เพราะไม่เคยมีใครไปสำรวจถึงตรงนั่นเลย ที่นั่นไม่เคยมีใครไปถึงมาหลายร้อยปีแล้ว
ข้ายังนึกเสียดายอยู่เลยว่าวัตถุดิบจากริวพวกนั้นคงจะไม่ได้ใช้ประโยชน์ซะแล้ว
แต่ไม่คิดเลยว่าสกิลอัญเชิญเรือจะมีประโยชน์ในสถานการณ์แบบนี้ด้วย”
“ก็จริง ว่าแต่เขาอุตส่าซื้อธนูใหม่มาแท้ๆ แต่สุดท้ายก็ฆ่าได้แค่ก็อบลินตัวเดียว แบบนี้จะดีเหรอ?”
“โอ้ย อย่าไปกังวลเรื่องนั้นเลย แค่มีความเปลี่ยนแปลงบ้างก็น่ายินดีจะตายแล้ว”
“นั่นสิ เห็นว่าเทพแห่งอาหารเองก็อยากมอบสกิลหรือพรอะไรสักอย่างให้เขาเหมือนกัน
เขาชื่นชมเรื่อง ลาซานญ่า และ ชีสฟองดูว์ มาก
เขาดีใจมากเลยที่ชาวต่างโลกคนนั้นมอบสูตรอาหารให้ร้านอาหาร อีกย่างเขาก็สนใจอาหารบนเรือเฟอร์รี่ด้วย”
“เห้อ…จนถึงตอนนี้ อิทธิพลของเจ้าชาวต่างโลกนั้นมีแค่เรื่องอาหารกับความบันเทิงเอง ข้าอยากให้เขาทำอย่างอื่นด้วย”
“ก็นะ ข้าเองก็อย่างเห็นด้านอื่นๆ ด้วยเหมือนกัน”
“งั้นพวกเราก็คงต้องรอดูกันต่อไป”
“อ๊ะ พูดถึงเรื่องนี้แล้ว วันนี้เทพผู้สร้างเป็นอะไรไปน่ะ?”
“หือ?”
“ก็ปกติทุกครั้งที่เจ้าชาวต่างโลกนั่นทำอะไร เขาก็จะมาคุยโวไม่หยุดจนรำคาญเลยไม่ใช่เหรอ?”
“ฮ่าๆ ตอนนี้เขาก็น่าจะยังท่องกฎซ้ำๆ อยู่ละมั้ง ว่าทำไมพวกเราถึงไม่ควรแทรกแซงโลกเบื้องล่าง”
“จริงดิ! ข้าชักอยากไปดูใบหน้าอันแสนว่างเปล่าของเขาขึ้นมาแล้วสิ”
“โอ้ ฟังดูเป็นความคิดที่ดีนิ เทพแห่งเวทมนตร์ ข้าขอไปด้วย”
“นี่ ข้าว่าพวกเราเอาของไปฝากท่านเทพแห่งแสงเพื่อให้กำลังใจเธอกันดีมั้ย?”
“โอ้ เป็นความคิดที่ดีนี่…ว่าแต่ทำไมเธอถึงไม่ฆ่าเขาไปเลยให้มันจบๆ กันนะ?”
“ข้าว่าข้าเอาเจ้านี่ไปให้เธอดีกว่า ข้าอยากหาอะไรไปให้เธอเติมพลังซักหน่อย”
“เป็นความคิดที่ดี….”
“สวัสดี ท่านเทพแห่งแสง พวกเรามาให้กำลังใจท่านแล้ว กินนี่เข้าไปก่อนสิจะได้มีพลัง แล้วก็ สู้ๆ”
“โอ้ ดูเหมือนเขาจะพังไปอย่างสวยงามเลยนะ ทำดีต่อไปนะ ท่านเทพแห่งแสง”
“ว้าว เขาพังไปแล้วจริงๆ ด้วย เขาดูยับเยินยิ่งกว่าครั้งก่อนอีกนะ ฮ่าฮ่าฮ่า”
“ขอบใจนะ เทพแห่งสงคราม เทพแห่งเวทมนตร์ แล้วก็เทพแห่งความบันเทิง
แต่ดูจากปฏิกิริยาของเขาฉันว่าน่าจะพอได้แล้ว…”
“อ๊ะ! จากคำพูดของท่านทำให้แววตาของเขากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งแล้ว
แปลว่าเขายังไหวอยู่จัดการต่อได้เลย ท่านเทพแห่งแสง”
“เอ๊ะ! อย่างนั้นเหรอคะ? ก็ได้ค่ะ เอาล่ะท่านเทพผู้สร้าง เรามาเริ่มใหม่กันอีกรอบดีกว่านะคะ…”
“ฮะ…ฮะ ฮะ…ฮะ ฮะ ฮะ….วะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“โอ้ เขาพังไปแล้วจริงๆ ด้วย”
“อืมม จากที่เห็นตอนนี้จิตใจของเขาน่าจะแตกสลายจากการที่
ตัวเขากำลังจะหลุดพ้นจากสภาพนี้เพราะการเทศนาใกล้จะจบแล้ว แต่จู่ๆ การเทศน์ก็เริ่มใหม่ซะงั้นสินะ…ข้าว่าเขาพังไปแล้วล่ะ
เพราะงั้นตอนนี้ล่ะ เทพแห่งสงคราม รีบฆ่าเขาเลย!”
“ไม่ได้ ยิ่งเขาพังหนักมากเท่าไหร่ มันยิ่งอันตรายเพราะเราไม่รู้เลยว่าเขาจะทำอะไรลงไปบ้าง
เกิดบ้าขึ้นมาจริงๆ เขาอาจถึงขั้นระเบิดโลกนี้ทิ้งไปเลยก็ได้”
“ชิ อย่างงั้นเหรอ”
“ใช่…”
“เอ๊ะ! แต่ถ้าเราให้ท่านเทพแห่งแสงเทศนนาเขาต่อไปเรื่อยๆ แบบนี้บ้างทีเขาอาจจะฆ่าตัวตายไปเองก็ได้นะ”
“โอ้ เป็นความคิดที่ดีนี่…ท่านเทพแห่งแสงลุยเลย”
“นี่อย่าพูดอะไรกันตามใจชอบแบบนั้นสิคะ ถ้าเกิดท่านเทพผู้สร้างหายไป พวกเราจะเดือดร้อนกันหมดนะคะ
ทุกคนมั่นใจแล้วเหรอว่าจะให้ฉันทำแบบนั้น?”
“”มั่นใจ!””
“เห้อ…พอๆ ทุกคนกลับกันไปได้แล้ว ขืนยังอยู่กันมีหวังท่านเทพผู้สร้างได้ไปแล้วไปรับไม่กลับมาแน่ๆ”
“โอ้ ดูท่ามันจะง่ายกว่าที่คิดนะเนี่ย!”
“ใช่ๆ ดูน่าจะง่ายกว่าที่คิดจริงๆ ด้วย”
“…ม่ายยยยยยยยยยยยยย”
“โอ้ ตอนนี้เขาเริ่มอาการหนักแล้ว”
“ใช่ๆ”
“นี่ พวกเจ้าทำแบบนั้น ท่านเทพแห่งแสงลำบากใจนะกลับกันได้แล้ว
เราควรจะต้องขอบคุณเธอสิถึงจะถูกที่คอบยับยั้งเทพผู้สร้างไว้ให้น่ะ”
“โอ้ จริงด้วย ข้าต้องขอโทษด้วย ท่านเทพแห่งแสง พยายามต่อไปนะ”
“เทพแห่งความบันเทิงพูดถูก ข้าต้องขอโทษด้วยจริงๆ แต่ว่าท่านช่วยพยายามๆ หน่อยนะ”
“เห้อ ฉันคงทำแบบที่เทพแห่งเวทมนตร์กับเทพแห่งสงครามพูดไม่ได้หรอกค่ะ
แต่ต้องขอขอบคุณเทพแห่งความบันเทิงนะคะ คำพูดของคุณทำให้ฉันมีกำลังใจขึ้นมากเลยค่ะ”
“หุหุๆ งั้นไว้เจอกันใหม่น้า พยายามเข้าล่ะ ท่านเทพแห่งแสง”
“ค่ะ”
เหตุการณ์ทางด้านกิลด์มาสเตอร์ของกิลด์นักผจญภัย
“กิลด์มาสเตอร์ มีนักผจญภัยแรงก์ A ค้นพบเกล็ดของริวและแหล่งของสมุนไพรล้ำค่า
แต่ทางเราไม่มีข้อมูลหรือคำร้องขอใดๆ ถูกส่งเข้ามาเลย ตอนนี้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“เห้อ…ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นเกล็ดของริว เรื่องทั้งหมดย้อนกลับมาเล่นงานพวกเราซะแล้ว”
“แล้วทำไมตอนนั้นท่านถึงต้องไปก่อเรื่องวุ่นวายแบบนี้ขึ้นมาด้วย?”
“ข้าคิดว่าพวกแค่เขาพูดเกินจริงน่ะ พวกเขาทำอย่างกับว่ามันเป็นเรื่องใหญ่จนแม้แต่พนักงานต้อนรับก็ไม่อาจพูดคุยด้วยได้
พวกเขาถึงกับให้ข้าไล่คนของข้าออกไปทั้งหมดด้วยซ้ำ นั้นทำให้ข้ารู้สึกหงุดหงิดมาก ข้าก็เลยมีปากเสียงกับพวกเขา”
“อ้อ สุดท้ายแล้วท่านก็ไปทะเลาะกับพวกเขาว่างั้น…
ท่านไม่รู้หรือไงว่าข้อมูลสำคัญบางอย่างไม่สามารถพูดคุยกับพนักงานต้อนรับหรือคนอื่นๆ ได้น่ะ?”
“ข้ารู้ แต่ทุกข้อมูลที่ข้าเคยได้ยินจากพวกคนที่พูดแบบนี้ มักจะถูกเติมแต่งให้มันเกินความจริงเพื่อให้พวกเขาได้ค่าตอบแทนมากขึ้น
ข้าเบื่อที่จะต้องรับมือกับเรื่องพวกนี้เต็มทีแล้ว”
“แต่นี่เป็นข้อมูลจากนักผจญภัยแรงก์ A น่ะ ท่านควรจะอดทนฟังพวกเขาบ้างไม่ใช่เหรอ?”
“ข้ารู้ว่ามันเป็นสำคัญตั้งแต่ที่ได้ยินเรื่องสมุนไพร แต่ข้าก็อดไม่ไหวอยู่ดี”
“เห้อ…ไม่แปลกเลยที่พวกเธอจะโกรธ”
“พวกเธออุตส่ามาที่นี่เพื่อรายงานเรื่องสำคัญอย่างการค้นพบเกล็ดของริว แต่สุดท้ายกลับต้องมาทะเลาะกับกิลด์มาสเตอร์”
“เจ้าพูดถูกทุกอย่าง”
“งั้นท่านจะทำยังไงต่อไป?”
“ก็… ตอนนี้ทั้งกิลด์การค้า กิลด์นักปรุงยา รวมถึงพระคาร์ดินัลเองก็พากันตีตัวออกห่างจากกิลด์นักผจญภัยหลังจากที่ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้น”
“เฮ้อ หนักเลยแบบนี้ ถ้าเราสามารถไปเก็บสมุนไพรล้ำค่าที่ถ้ำนั่นได้
กิลด์ของเราก็จะมีงานคุ้มกันและขนส่งมากขึ้น รวมถึงคำร้องขออื่นๆ ด้วย เราต้องรีบไปปรับความเขาใจกับพวกเธอและดึงความสัมพันธ์กลับมาให้ได้”
“ข้ารู้ ข้ารู้ ข้าเองก็รู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน… แต่พวกเขาก็ควรจะมาขอโทษข้าด้วยไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ ไม่ใช่เลย คราวนี้มันเป็นความผิดของกิลด์มาสเตอร์เต็มๆ
พวกเขาไม่ได้ทำอะไรที่มันเกินเหตุไปหรือพยายามที่จะขอเพิ่มค่าตอบแทน
มันเป็นฝ่ายกิลด์มาสเตอร์ต่างหากที่ทำให้ข้อมูลสำคัญของนักผจญภัยที่ซื่อสัตย์ต้องเสียเปล่าเพราะหาเรื่องทะเลาะ”
“ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ไม่น่าพูดแบบว่า ‘ถ้างั้นเราก็คุยกันไม่ได้’ แล้วเดินออกไปเลยใช่ไหมล่ะ?”
“ไม่ จากที่ข้าได้ยินมา จิราโซเล่ อดทนกับพฤติกรรมของท่านมามากพอแล้ว
พวกเธอถึงกับยอมให้ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งของสมุนไพรมาด้วย แต่นี่มันเหลือเชื่อจริงๆ ว่ากิลด์มาสเตอร์จะยังมีท่าทีแย่ใส่พวกเธออยู่อีก…”
“เฮ้อ เข้าใจแล้วๆ พรุ่งนี้ข้าจะไปขอโทษพวกเธอ”
“กรุณาทำเช่นนั้น อีกอย่างท่านต้องไปที่กิลด์การค้า กิลด์นักปรุงยา รวมถึงไปที่มหาวิหารเพื่อขอพบพระคาร์ดินัลเพื่อขอโทษด้วย”
“เฮ้อ เข้าใจแล้ว ข้าจะไปขอโทษพวกเขาทุกคน”
เช้าวันรุ่งขึ้น ณ โรงแรมของโซเลน
“ห๊ะ! ว่ายังไงนะจิราโซเล่ออกเดินทางกันไปแล้วอย่างงั้นเหรอ?”
“ใช่”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“ทางโรงแรมบอกว่า พวกเธอพึ่งออกกันไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน”
“อะไรนะ!? เป็นไปได้ยังไงขบวนพาเหรดเพิ่งจะจบไปเมื่อวานเองไม่ใช่หรือ?”
“ใช่ แต่พวกเธอบอกว่าการอยู่ในเมืองหลวงมันเด่นสะดุดตามากเกินไป
และอาจจะก่อให้เกิดปัญหาได้ พวกเธอจึงรีบออกเดินทาง”
“ง-งั้นเหรอ เข้าใจแล้ว… ข้าขอโทษจริงๆ นะ”
ไม่ดีเลย… ไม่ดีแล้วแบบนี้ พวกเราจะทำยังไงกันดีล่ะเนี่ย?
ตอนนี้เป็น Side story หลังจบบทนะครับ
จะมีแบบนี้อีก 3 ตอน ก่อนจะขึ้นบทต่อไปที่เป็น บทของเรือเฟอร์รี่ และ สงคราม
MANGA DISCUSSION