9 วันหลังจากพายุผ่านไป
ในที่สุดผมก็มองเห็นเมืองท่าเบอร์กาโม่ที่อยู่ทางทิศตะวันออกของปาแลร์โม่
ปรากฏให้เห็นที่ปลายสายตาแล้ว แม้เราจะมาถึงช้ากว่ากำหนดการเดิมถึง 2 วันเพราะติดพายุก็เถอะ
“ทุกคนครับ เรามาคุยเรื่องแผนการเดินทางในอีกไม่กี่วันข้างหน้ากันดีไหมครับ?”
“”””””””ค่ะ””””””””
“ผมว่าเราควรพักอยู่ที่เมืองนี้สัก 2 วัน นะครับ ผมอยากไปเตรียมตัวให้พร้อม
ก่อนที่พวกเราจะออกเดินทางไป บาร์เล็ตต้า ที่เป็นเมืองหลวงของปาแลร์โม่
อีกอย่างผมอยากลองไปถามเรื่องการค้าขายพริกไทยด้วยครับ
พวกคุณ มีแผนหรือเป้าหมายอะไรที่เมืองนี้กันบ้างหรือเปล่าครับ?”
“พวกเราไม่มีแผนอะไรเป็นพิเศษหรอกค่ะ เราจะไปด้วยกับวาตารุซัง และแน่นอนว่าเราจะเป็นคนคุ้มกันให้ด้วย”
“ว่าแต่ หลังจากที่วาตารุซังทำธุระที่เมืองนี้เสร็จแล้ว เราจะไปที่บาร์เล็ตต้ายังไงดีคะ…รถม้าโดยสาร?”
“ผมยังไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลยครับ จริงๆ ไปด้วยรถม้าโดยสารก็น่าจะได้…แต่ผมจะใช้สกิลอัญเชิญเรือได้ไม่สะดวก”
“…ถ้าพวกเราเช่ารถม้าแล้วเดินทางไปกันเอง มันจะดีกว่าหรือเปล่าครับ?”
“นั่นสิคะ การเช่ารถม้าน่าจะสะดวกสำหรับวาตารุซังมากกว่าการใช้รถม้าโดยสาร
อีกอย่างพวกเราก็ขับรถม้ากันได้ด้วย ถ้าเช่ารถม้าไปเอง ฉันคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
“งั้นเหรอครับ ผมจะลองไปถามเรื่องเช่ารถม้าดู ถ้าถึงตอนนั้น ผมขอรบกวนทุกคนด้วยนะครับ”
“ไว้ใจได้เลยค่ะ”
“นายท่าน จะทิ้งเรือไว้ที่ท่าเรือแบบนี้เลยเหรอคะ?”
“โอ๊ะ! จริงด้วย”
“งั้นไว้ค่อยแล่นเรือออกไปก่อนที่เราจะเดินทางไปที่บาร์เล็ตต้าแล้วกัน
จากนั้นค่อยไปนัดเจอกันที่นอกเมืองหลังจากที่ผมเรียกเรือกลับไปแล้วดีไหม?”
“ฉันว่านั่นเป็นความคิดที่ดีค่ะ นายท่าน”
“แล้วเรื่องที่พักเราจะเอายังไงกันดีครับ? จะพักบนเรือหรือจะไปพักที่โรงแรมดี? ไหนๆ ก็เป็นครั้งแรกที่มาที่เมืองนี้แล้ว”
“เอ… เอายังไงดีน้า? บนเรือยังไงก็สบายกว่าอยู่แล้ว แต่การได้นอนบนบกหลังจากที่อยู่บนเรือมานานก็น่าจะดีเหมือนกัน”
หลังจากพูดคุยกัน เราก็ตัดสินใจว่าจะไปพักกันที่โรงแรมในเมือง
แต่จะไปอาบน้ำและทานมื้อเย็นกันบนเรือ ตามคำขอของคาร์ล่าซังและคลอเร็ตตาซัง
“แล้วริมุล่ะครับ เราจะเอายังไงกันเขาดี? ตอนอยู่ที่ทวีปทางใต้เพราะสถานการณ์ความปลอดภัยไม่ค่อยจะดีนัก ผมเลยต้องซ่อนเขาไว้ในกระเป๋าตลอดเวลา”
“ที่นี่ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรค่ะ ฉันได้ยินมาว่าที่นี่เป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูงมาก
ไหนๆ ก็มาแล้ว ลองปล่อยให้เขาอยู่ข้างนอกตามปกติดูดีไหมคะ?”
“เข้าใจแล้วครับ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ผมขอฝากทุกคนด้วยนะครับ”
“แน่นอนค่ะ พวกเราจัดการได้อยู่แล้ว”
“ขอบคุณครับ”
“อ๊ะ อีกไม่นานก็ถึงแล้วนะครับ ทุกคนไปเตรียมตัวกันได้เลย”
พวกเธอต่างไปเก็บสัมภาระและเตรียมตัวลงจากเรือ
เห้อ…การเดินทางร่วมกับสมาชิกจิราโซเล่จบลงจนได้… ถึงจะมีสถานการณ์ที่น่าตื่นเต้นเกิดขึ้นมากมาย แต่ผมกลับไม่มีโชคเลยสักนิด
นี่มันอะไรกัน ผมอยู่กับสาวสวยอกตู้ม 6 คน มาตั้งเกือบ 20 วันเลยนะ…จะไม่มีอีเวนต์อะไรเด็ดๆ เกิดขึ้นบ้างเลยเหรอ
หลังจากเทียบท่า ผมต้องจ่ายค่าจอดเรือในราคาวันละ 2 เหรียญเงิน
ผมจ่ายไปทั้งหมด 6 เหรียญเงินสำหรับ 3วัน แพงมาก!
ผมล่ะสงสัยจริงๆ ว่าทำไมราคามันถึงได้ต่างจากเมืองทางใต้ของอาณาจักรลาติน่าขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ก็อยู่ในทวีปเดียวกันแท้ๆ
แต่เมื่อผมลองไปถามสมาชิกจิราโซเล่ดู ผมก็พบความจริงว่าแม้แต่ในเมืองทางใต้
ถ้ามาเพื่อทำธุรกิจ ก็จะต้องเสียค่าจอดเรือราวๆ 2 เหรียญเงินต่อวันเหมือนกัน
ดูเหมือนว่าตอนที่ผมลงทะเบียนกับกิลด์การค้าที่เมืองทางใต้ พวกเขาจะลงทะเบียนว่าผมอาศัยอยู่ที่นั่น
ค่าจอดเรือของผมมันจึงถูกลง ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย
พอเข้าใจเหตุผลแล้ว ว่าทำไมมันถึงแพง พวกเธอบอกว่าถ้าไม่ทำแบบนั้น ท่าเรือจะถูกจองเต็มจนหมดถ้าไม่ตั้งราคาเอาไว้สูงๆ
เพราะมีเรือเข้ามาเยอะมาก… คิดไปคิดมาก็มีเหตุผล บางทีที่ทวีปทางใต้อาจจะเป็นแบบเดียวกันก็ได้
“ฮะ ฮ่า นานแล้วที่ไม่ได้เหยียบแผ่นดินแบบนี้”
“อาร๊า? อลิเซีย เธอดูผ่อนคลายดีนะ”
“งั้นเหรอ? อัลม่า… ก็นะอาจะเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็ได้”
“อุฟุฟุ นั่นสินะ”
“อลิเซียซัง ผมกำลังจะไปที่กิลด์การค้า คุณจะไปกับผมไหนครับ?”
“ค่ะ ไปด้วยกันน่าจะสะดวกกว่า…อ๊ะ หลังจากนี้ คุณต้องไปที่กิลด์นักผจญภัยกับพวกเราด้วยนะคะ”
“อ๊ะ… ได้สิครับ”
ผมเผลอรับปากว่าจะไปที่กิลด์นักผจญภัยกับพวกเธอไปซะแล้ว…แบบนี้มันจะไม่เป็นอะไรจริงๆ เหรอ?
แค่เดินอยู่บนถนน พวกเราก็เด่นสะดุดตากันแบบโคตรๆ แล้ว
ผู้ชายที่มีสาวสวย 8 คน รายล้อม แถมชายคนนั้นยังเป็นผู้ชายธรรมดาๆ ที่มีสไลม์เกาะอยู่บนไหล่อีก
ถ้าผมเข้าไปในกิลด์นักผจญภัยในสภาพนี้ ผมรู้สึกว่าตัวเองจะต้องเจอกับปัญหาเข้าแน่ๆ
เมื่อเข้าไปในกิลด์การค้า ผมก็เดินไปที่เคาน์เตอร์ พนักงานทุกคนสวยกันมากๆ
แต่จู่ๆ ผมสายตาของผมก็หยุดที่สาวสายหูจิ้งจอกคนนึงโดยไม่รู้ตัว ดูเหมือนว่าผมจะชอบหูจิ้งจอกจริงๆ สินะ
ผมไปมาหลายกิลด์แล้ว ดูเหมือนทุกกิลด์จะมีพี่สาวหูจิ้งจอกแสนสวยเป็นของตัวเองทุกกิลด์เลย หรือคนในโลกนี้จะชอบหูจิ้งจอกกัน?
“ขอโทษที่ให้รอค่ะ วันนี้ต้องการมาติดต่อเรื่องอะไรเหรอคะ?”
“สวัสดีครับ ผมชื่อวาตารุ มาจากอาณาจักรลาติน่า ผมอยากให้คุณช่วยแนะนำบริษัทการค้ามีชื่อเสียงดีๆ ให้หน่อยครับ อ๊ะ แล้วก็ที่พักดีๆ ด้วยนะครับ”
“เข้าใจแล้วค่ะ บริษัทการค้าฟิลิปเป้ถึงจะเป็นบริษัทการค้าขนาดกลาง แต่ที่นั่นมีชื่อเสียงในเรื่องการทำธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ค่ะ
ฉันจะวาดแผนที่ของที่นั่นให้ ส่วนเรื่องที่พัก ฉันขอทราบงบประมาณของคุณหน่อยได้ไหมค่ะ?”
หือ? ผมแนะนำตัวไปแล้ว แต่เธอไม่เห็นบอกชื่อตัวเองกลับมาเลย… กลยุทธ์แนะนำตัวก่อนของผมพลาดสินะ ผมรู้สึกช็อกเล็กน้อย
ผมหันไปถามสมาชิกจิราโซเล่เกี่ยวกับที่พัก พวกเธอบอกให้ผมตัดสินใจได้เลย
“ผมไม่อยากได้ที่ๆ มันแพงเกินไป ขอเป็นระดับกลางค่อนไปทางสูงแล้วกันครับ ขอเน้นที่ๆ มันปลอดภัยและมีอาหารอร่อยๆ ครับ”
“เข้าใจแล้วค่ะ ถ้าอย่างนั้น โรงแรมเซลิสถือว่าเหมาะสมที่สุดค่ะ นี่คือแผนที่ของบริษัทการค้าฟิลิปเป้และโรงแรมเซลิสค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยอีกไหมคะ?”
“อ้อ ผมกำลังจะไปที่บาร์เล็ตต้าในเร็วๆ นี้ เลยอยากจะเช่ารถม้า พอจะแนะนำที่เช่ารถม้าให้ผมหน่อยได้ไหมครับ?”
“ถ้าจะไปที่บาร์เล็ตต้า ฉันขอแนะนำเป็นรถม้าโดยสารที่ออกเป็นรอบๆ ดีกว่าค่ะ ราคาก็สมเหตุสมผลด้วย คุณอยากจะเช่ารถม้าไปเองจริงๆ เหรอคะ?”
“ใช่ครับ พวกเรามีกันหลายคนแถมสัมภาระก็ยังเยอะอีก ผมคิดว่าการเช่ารถม้าไปเองน่าจะสะดวกกว่าครับ”
“เข้าใจแล้วค่ะ คุณสามารถเช่ารถม้าผ่านกิลด์การค้าได้ค่ะ ค่าเช่าคือวันละ 3 เหรียญเงิน และต้องวางมัดจำก่อน 2 เหรียญทองค่ะ
มัดจำจะคืนให้เมื่อคุณนำรถม้ากลับมาคืน คุณสามารถคืนรถม้าที่กิลด์การค้าที่ใดก็ได้ ดังนั้นสามารถนำไปคืนที่บาร์เล็ตต้าได้เลยค่ะ”
“สามารถเช่า 2 คันได้ไหมครับ? แล้วผมก็ยังไม่แน่ใจว่าจะได้ออกเดินทางวันไหน ต้องมีจองล่วงหน้าเอาไว้ไหมครับ?”
“สามารถเช่า 2 คันได้ค่ะ ถ้ามีรถว่าง คุณสามารถมาได้ในวันเดินทางเลยค่ะ
แต่ฉันแนะนำให้มาจองล่วงหน้าก่อนอย่างหน่อย 1 วันค่ะ มีอะไรให้ช่วยอีกไหมคะ?”
“ไม่มีแล้วครับ ขอบคุณมาก”
รู้สึกเหมือนได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างจากกิลด์การค้าอื่นๆ จังเลยแฮะ
ทำไมกันน้า? หรือนี่คือเรื่องปกติของประเทศนี้?
อ้อ… หรืออาจเป็นเพราะผมเป็นแค่สมาชิกแรงค์ F
ถึงที่ผ่านมา ผมจะได้รับการปฏิบัติอย่างดีที่เมืองทางใต้ และทวีปทางใต้ก็เถอะ
ที่เมืองทางใต้ผมสามารถไปถึงที่เกาะได้ แถมยังเอาพริกไทยกลับมาขายได้ในปริมาณมากอีก
ส่วนทวีปทางใต้ เพราะผมเป็นพ่อค้าที่มาจากอีกทวีป ที่มาพร้อมกับผ้าไหมแมงมุมและสินค้ามีค่าอื่นๆ
แต่คราวนี้ ผมมีแค่บัตรกิลด์แรงค์ F ไม่แปลกที่จะถูกปฏิบัติแบบนี้
พอมาคิดดูดีๆ ที่กิลด์การค้า พวกสาวๆ ก็เป็นจุดสนใจเหมือนกัน
แอบรู้สึกกังวลนิดๆ แล้วสิตอนนี้ ผมว่าผมควรออกไปจากที่นี่ได้แล้ว
เราออกจากกิลด์การค้าและมุ่งหน้าไปที่กิลด์นักผจญภัย
พอเข้าไปในกิลด์นักผจญภัย สาวๆ ก็กลายเป็นจุดสนใจอีกครั้ง
ผมต้องหาทางเลี่ยงสายตาของพวกเขา… อะไร!? ทุกคนมัวแต่มองสาวๆ จนไม่สังเกตเห็นผมเลย
สมาชิกจิราโซเล่ดูจะไม่เดือดร้อนกับความสนใจที่มุ่งเป้าไปที่พวกเธอเลย
พวกเธอเดินไปที่เคาน์เตอร์กันอย่างสบายๆ โดยมีผมเดินตามไปติดๆ ผมพยายามทำตัวให้กลมกลืนที่สุด
ระหว่างที่จิราโซเล่คุยธุระที่เคาน์เตอร์ ผมก็แอบไปหลบอยู่นอกเขตสายตาของพวกเขา
พอพวกเธอคุยธุระเสร็จ ผมก็เตรียมตัวเดินออกจากกิลด์… โอ้ คราวนี้ดูเหมือนผมจะออกไปได้อย่างสงบล่ะ
…อ๊ะ! มีนักผจญภัย 5 คนที่ดูเหมือนพวกตัวร้ายออกมายืนขวางทางซะแล้ว…แบบนี้มันเหตุการณ์ตามสูตรชัดๆ หวังว่าผมจะคิดผิดนะ
“เฮ้ สาวๆ ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลยนิ พวกเรามีงานดีๆ ให้ทำด้วยนะ มากับพวกเราสิ”
“ไม่ล่ะ พวกเรามีตารางงานของตัวเองแล้ว”
โอ้… อลิเซียซัง เท่มาก แววตาของเธอดูจริงจังมากกว่าปกติประมาณ 30% แน่ะ นี่คือโหมดนักผจญภัยของเธอเหรอ?
“โถๆ อย่าพูดแบบนั้นสิจ๊ะ คนสวย พวกเราน่ะเป็นถึงปาร์ตี้แรงค์ C เลยนะ เพราะงั้นถ้าพวกเราชวนพวกเธอก็ควรตามมาแบบเงียบๆ เขาใจมั้ย?”
ว้าว…เป็นสถานการณ์ตามสูตรเป๊ะๆ จริงๆ ด้วย
แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ผมที่โดนหาเรื่อง แต่เป็นจิราโซเล่…
ตื่นเต้นๆ อยากรู้จังว่าจะเป็นยังไงต่อไป?
“ชิ! น่ารำคาญจริง ดูนี่”
โอ้! อลิเซียซังหยิบกิลด์การ์ดออกมาแล้ว จากนั้นสีหน้าของนักผจญภัยพวกนั้นก็ซีดลง
ใช่แล้ว! เป็นไงล่ะเจ้าพวกโง่ จิราโซเล่น่ะเป็นปาร์ตี้นักผจญภัยแรงค์ A เฟ้ย!
“ข-ขอโทษด้วยครับ!”
พวกตัวร้ายรีบวิ่งหนีไปกันอย่างรวดเร็ว…แต่ถึงจะมีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น
พวกสาวๆ ก็ยังคงเป็นจุดสนใจของผู้คนรอบข้างเหมือนเดิม
แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะไม่มีใครปล่อยจิตสังหารมาทางผมเลย หรือ… พวกเขาจะไม่ทันสังเกตเห็นผมกันนะ?
ผมสามารถออกจาากิลด์นักผจญภัยมาได้อย่างสงบล่ะ
“เห้อ ฉันนึกว่าวาตารุซัง จะออกมาปกป้องพวกเราแบบเท่ๆ ซะอีก น่าเสียดาย”
“อัลมาซัง อย่าพูดอะไรที่เป็นไปไม่ได้สิครับ! ถ้าผมต้องไปสู้กับพวกเขาล่ะก็ผมต้องตายแน่ๆ”
“งั้นเหรอคะ? แต่จะยืนดูเฉยๆ ในขณะที่สาวๆ กำลังเดือดร้อนแบบนั้นมันก็ไม่ได้ไม่ใช่เหรอคะ?”
“เอ๊ะ? หมายความว่าคุณอยากให้ผมเดินไปข้างหน้าแล้วบอกว่า “อย่ามายุ่งกับสาวๆ” แบบนี้เหรอครับ?
ถ้าผมทำแบบนั้น ผมเห็นแต่อนาคตที่ผมจะโดนรุมกระทืบแล้วต้องขอให้พวกคุณช่วยอย่างเดียวเลย…”
“อุฟุฟุ น่าเสียดาย ถ้าคุณทำแบบนั้น ฉันคิดว่าจะดูแลคุณอย่างอ่อนโยนให้เป็นกรณีพิเศษอยู่แท้ๆ เชียว~”
“…ครั้งหน้าผมจะพยายามให้เต็มที่ครับ!”
ถ้าอัลม่าซังบอกว่าจะดูแลผมอย่างอ่อนโยน ผมคิดว่าผมน่าจะทนรับหมัดได้สัก 2-3 หมัดอยู่ ไหนจะมีบาเรียอีก
“นายท่าน อย่าไปหลงกลอัลม่าซังนะคะ ต่อให้พยายามเต็มที่ยังไง ท้ายที่สุดคุณก็จะโดนฮีลแล้วก็จบเรื่องค่ะ”
เอ๋? ไม่จริงใช่ไหม? ผมหันไปมองอัลม่าซัง ด้วยความตกตะลึง เธอเพียงแค่ยิ้มอย่างเย้ายวนให้ผมเท่านั้น
ไม่รู้จริงๆ ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แต่มันให้ความรู้สึกที่อันตรายสุดๆ เลย
เล่นเอา ผมเห็นภาพอนาคตที่ตัวเองโดนอัลม่าซังจับไปเป็นของเล่นขึ้นมาแว๊ปนึงเลย
…โดนอัลม่าซังจับไปเป็นของเล่น… คำๆ นี้มันฟังดูน่าตื่นเต้นแบบแปลกๆ แฮะ ถ้าได้ก็คงดี…
ไม่ ไม่ คิดให้ดีๆ สิตัวผม มันไม่มีอะไรดีทั้งนั้นล่ะ มีแต่จะซวยเปล่าๆ
“นายท่าน?”
“ขอบคุณนะ เฟลิเซีย ผมว่าผมทำตัวตามปกติน่าจะดีกว่า”
“ค่ะ นั่นเป็นทางเลือกที่ถูกต้องแล้วค่ะ”
“อีกอย่างการประกาศตัวออกไปแบบนั้นไม่น่าจะเป็นความคิดที่ดีค่ะ”
“เอ๋ ไม่ดีเหรอ?”
“ใช่ค่ะ”
ก็จริง…ที่เมื่อก่อนมีบางครั้งที่ผมพยายามทำตัวดูเท่เพื่อโชว์สาวๆ
แต่พักหลังมานี้ ทุกคนเหมือนจะเริ่มรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของผมกันแล้ว ผมเลยไม่คิดที่จะปิดบังอะไรอีกต่อไป
อ๊ะ แต่ก็ไม่ถึงขึ้นที่จะไปทำอะไรที่มันโจ่งแจ้งหรอกนะ อย่างน้อยผมก็พยายามสงวนท่าทีของตัวเองอยู่บ้าง
“เอาล่ะครับ ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เราไปที่โรงแรมกันเถอะ”
พอเราเดินตามแผนที่ไป เราก็มาถึงโรงแรมเซลิส
“ขอโทษนะครับ พวกเรามีกัน 9 คนกับสไลม์ที่เป็นสัตว์เลี้ยงอีก 1 ตัว คุณพอจะมีห้องว่างไหมครับ?”
“ยินดีต้อนรับค่ะ ที่นี่มีห้องเดี่ยว ห้องคู่ และห้องใหญ่สำหรับ 4 คนค่ะ อยากแบ่งห้องกันอย่างไรดีคะ?”
“พวกเรา 3 คนจะพักห้องใหญ่สำหรับ 4 คนครับ”
“พวกเราขอห้องใหญ่สำหรับ 4 คน 2ห้องค่ะ”
“รับทราบค่ะ จะเข้าพักกี่คืนดีคะ?”
“3 คืนก่อนแล้วกันครับ”
“รับทราบค่ะ ห้องสำหรับ 4 คน ราคาจะอยู่ที่คืนละ 4 เหรียญเงิน
ทั้งหมด 3 ห้องก็ 12 เหรียญเงินต่อคืนค่ะ และสำหรับ 3 คืนจะเป็นเงินทั้งหมด 36 เหรียญเงินค่ะ”
“วาตารุซัง พวกเราจะจ่ายค่าห้องเองค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจ่ายเอง เพราะพวกคุณเป็นคนคุ้มกันของผม”
“แต่พวกเราเป็นฝ่ายขอให้คุณพามาที่นี่นะคะ ดังนั้นอย่างน้อยพวกเราก็ควรจ่ายค่าที่พักกันเอง”
“เอ๋ แต่พวกคุณเป็นคนคุ้มกันของผมนะครับ การที่ให้พวกคุณจ่ายค่าที่พักกันเองนี่มัน…”
สุดท้าย ก็ไม่มีใครยอมใคร จนมาจบที่พวกเราจะจ่ายค่าที่พักในส่วนของตัวเอง
พอจัดแจงเรื่องห้องเสร็จ เราก็เข้าไปพักจนกว่าจะถึงเวลาอาหารเย็น
เอาล่ะ วันนี้ผมจะพักให้เต็มที่เลย พรุ่งนี้ค่อยไปที่บริษัทการค้าฟิลิปเป้
แล้วจะลองไปเจรจาดูว่าจะสามารถขายพริกไทยได้ไหม
จะขายพริกไทยได้เท่าไหร่กันน้า…แล้วผมควรตั้งราคาไว้เท่าไหร่ดี?
ผมรู้แค่ราคาที่กิลด์การค้าเสนอมาให้ 3 เหรียญทองคำขาว กับ 60 เหรียญทอง ต่อเรือยางหนึ่งลำ
แต่คามิลล์ซังเคยบอกว่าถ้าเอาไปขายให้กับร้านค้าโดยตรงจะได้ราคาที่สูงกว่านี้
ผมควรบวกค่าขนส่งส่งเข้าด้วย แต่ไม่ค่อยแน่ใจเลย…
ผมไม่เคยทำธุรกิจแบบนี้มาก่อน เอาเป็นลองตั้งไว้ที่ 4 เหรียญทองคำขาวแล้วกัน
ถ้ารวมค่าขนส่งเข้าไปด้วยก็น่าจะเพิ่มได้อีกประมาณ 40 เหรียญทอง แบบนี้มันจะดูโก่งราคาเกิดไปหรือเปล่านะ?
“ไอเนส เฟลิเซีย พวกเธอรู้ไหมว่าค่าขนส่งมันอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่
และราคาสินค้ามันจะสูงขึ้นมากแค่ไหน เมื่อเราไปขายส่งที่บริษัทการค้าโดยตรง โดยที่ไม่ผ่านกิลด์การค้า?”
“ฉันเคยคุ้มกันพ่อค้ามาบ้างตอนที่เป็นนักผจญภัย แต่ก็ไม่รู้เรื่องพวกนั้นเลยค่ะ เฟลิเซียรู้ไหม?”
“ผมออกจากหมู่บ้านครั้งแรกก็ตอนที่เป็นทาสแล้วค่ะ… ฉันเลยไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย”
“ผมเคยได้ยินว่าพริกไทยเป็นสินค้าที่ขายง่าย ดังนั้นถ้าฉันพยายามสักหน่อย ก็น่าจะขายได้ราคาดีอยู่ล่ะมั้ง?”
เอาเถอะ ถือว่านี่เป็นครั้งแรกของผม ขอแค่ขายได้ราคาสูงกว่า 3 เหรียญทองคำขาว กับ 60 เหรียญทอง ก็พอแล้ว
หลังจากพูดคุยและเล่นกับริมุฆ่าเวลาไปสักพัก เราก็ไปทานอาหารเย็นกับจิราโซเล่
อืม…มันก็อร่อยดีนะ รสชาติคล้ายๆ กับอาหารที่เคยกินที่เมืองทางใต้เลย ไม่มีอะไรแปลกใหม่เลยแฮะ
พวกเราเดินทางด้วยเรือกันมาตลอด ดังนั้นที่ที่เราแวะก็มักจะเป็นเมืองท่า…
แสดงว่าต่อไปนี้ ผมก็คงจะได้กินแต่ร้านที่เน้นเรื่องอาหารทะเลสดสินะ
ผมชอบอาหารทะเลนะ แต่ถ้ากินเมนูเดิมๆ ซ้ำๆ ก็เบื่อเหมือนกัน
อยากลองอะไรที่มันพิเศษกว่านี้ดูจัง อย่างล๊อบสเตอร์…
อ้อ จริงสิ ผมเคยอยากลองกินเจ้าปูยักษ์ที่เป็นมอนสเตอร์ที่อยู่แถวๆ เมืองทางใต้ด้วยนิ ลืมไปเลย
ไม่รู้รสชาติมันจะเป็นยังไงนะ พวกจิราโซเล่จะรู้กันหรือเปล่านะ ผมลองไปถามพวกเธอดูดีกว่า
“ทุกคนครับ ผมจำได้ว่าแถวๆ เมืองทางใต้มีมอนสเตอร์ปูขนาดใหญ่อยู่ใช่มั้ยครับ พวกคุณเคยลองกินมันดูไหม?”
“ปูยักษ์เหรอคะ? อ้อ หมายถึงเจ้าปูตัวใหญ่ๆ นั่นสินะคะ? แน่นอนค่ะ ฉันเคยกินมันแล้ว เนื้อมันแน่น แถมอร่อยมากเลย แต่ทำไมอยู่ดีๆ ถึงถามขึ้นมาล่ะคะ?”
“งั้นเหรอครับ? ขอบคุณมากครับ อลิเซียซัง ผมเคยคิดไว้ว่าถ้าแข็งแกร่งขึ้น ผมอยากจะลองไปสู้กับมันแล้วก็กินมันที่เมืองทางใต้ดู
แต่ดันลืมไปสนิทเลย เพิ่งจะนึกขึ้นมาได้เมื่อกี้นี้เอง”
“ถ้าอย่างงั้นเหรอคะ ไว้ฉันจะเลี้ยงคุณตอนที่เรากลับไปที่เมืองทางใต้เองค่ะ พวกเราจัดการมันได้อย่างสบายเลย”
“จริงเหรอครับ? ขอโทษที่ต้องรบกวนนะครับ”
“ฟุฟุ ไม่เป็นไรค่ะ”
“วาตารุซัง คุณทำเมนูอร่อยๆ จากปูยักษ์ได้ไหมคะ?”
“เอ่อ…ผมไม่เคยกินเจ้าปูยักษ์นั่นมาก่อน เลยยังบอกไม่ได้เหมือนกันครับ
แต่…นอกจากต้มกับย่างแล้ว ผมน่าจะทำโคร็อกเกะครีมปูได้ ผมยังไม่เคยทำโคร็อกเกะเลยตั้งแต่มาโลกนี้
งั้นเดี๋ยวคราวหน้าผมจะทำให้ลองนะครับ คาร์ล่าซัง”
“ค่ะ ฉันจะรอนะคะ”
หลังจากตกลงเรื่องแผนสำหรับวันพรุ่งนี้กัยแบบคร่าวๆ เรียบร้อย
ผมก็ขอตัวกลับห้องเพื่อไปพักผ่อน
คุยไปเรื่อยหลังจบตอน
เจ้อัลม่านี่สายปั่นจริงๆ
อยากรู้จริงๆ ว่าวาตารุมันจะเอาวิธีไหนมาตกเจ้แกกันน้า…
MANGA DISCUSSION