“นายท่าน… นายท่าน…”
“มีอะไรเหรอ ไอเนส?”
“อุฟุฟุ~ นายท่านกำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?”
“อ่อ กำลังคิดเกี่ยวกับการเดินทางครั้งนี้อยู่น่ะ มีอะไรหรือเปล่า?”
“ใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้วค่ะ แต่ตอนนี้เรือโคลงเคลงมากเลย”
“ฉันเลยอยากให้นายท่านเอาอาหารสำเร็จรูปออกมาจากที่เก็บของให้หน่อย”
“ใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้วเหรอ?”
“งั้นเราไปที่ห้องอาหารกันเถอะ ผมจะเอาอาหารออกมาให้”
“ค่ะ”
“ทุกคน ตอนนี้เรือโคลงเคลงมาก มีใครที่มีอาการเมาเรือไหมครับ?”
“ฉันสบายดีค่ะ คนอื่นล่ะ?”
ทุกคนตอบกลับมาว่าสบายดี แต่กลับมีริมุที่ตอบกลับมาว่า ไม่สบาย สไลม์ก็สามารถเมาเรือได้ด้วยเหรอ?
ผมประหลาดใจที่ไม่มีใครเมาเรือเลย แม้ว่าจะโคลงเคลงขนาดนี้
แต่ก็น่าจะเป็นไปได้ว่ายิ่งเลเวลสูง หูชั้นในก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น และผมก็ไม่ได้เมาเรือมาพักใหญ่แล้ว
ผมนำอาหารที่ซื้อจาก ร้านอาหาร แผงลอย และโรงแรมต่างๆ ออกมาวางไว้บนโต๊ะ
“งั้นเรามากินกันเถอะครับ…จะทานแล้วนะครับ”
“””””””จะทานแล้วนะคะ”””””””
“อาหารที่ วาตารุซังกับคลอเร็ตต้าทำ อร่อยกว่าที่ร้านอีกค่ะ”
“ขอบคุณครับ คาร์ล่าซัง”
“ฟุฟุ ฉันก็สงสัยเหมือนกันว่าฝีมือทำอาหารของตัวพัฒนาไปขนาดไหมแล้วตั้งแต่ที่ วาตารุซังสอนฉันทำอาหาร”
“อ๊ะ แล้วก็ขอบคุณนะคาร์ล่า”
“ใช่ๆ อาหารของคลอเร็ตต้าตอนนี้อร่อยขึ้นมากเลย”
“ฟุฟุ ดีใจจังที่ได้ยินแบบนั้น”
หลังมื้อกลางวัน พวกเราก็มานั่งคุยกัน
“วาตารุซัง คุณพอรู้ไหมว่าพายุลูกนี้จะอยู่ไปอีกนานแค่ไหน?”
“ขอโทษครับ อลิเซียซัง นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมเจอพายุเหมือนกัน”
“เข้าใจแล้วค่ะ ตราบใดที่มันไม่จม พวกเราก็แค่ต้องทนกับการโคลงเคลงไปมาเท่านั้นสินะคะ”
“เพราะงั้น วาตารุซัง ฉันอยาขอกลองออกไปขับเรือฝ่าพายุดูหน่อยค่ะ”
อึก… แย่ล่ะ ตอนนี้ไอเนสมีพวกแล้ว แบบนี้ยิ่งทำให้ผมปฏิเสธยากขึ้นไปอีก
พวกเธอต้องไม่ยอมแพ้กันง่ายๆ แน่ ทำยังไงดีต้องหาจังหวะเหมาะๆ ปฏิเสธ
…ทำไมต้องมาขอต่อหน้าพรรคพวกของเธอย่างไอเนสด้วยล่ะเนี่ย! หรือว่า…นี่จะเป็นแผนของเธอมาตั้งแต่แรก
เมื่ออลิเซียซังเปิดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมา ไอเนสกับมารีน่าซังก็มองมาที่ผมด้วยดวงตาที่เปร่งประกายและเต็มไปด้วยความคาดหวัง
อึก ถูกสาวๆ จ้องแบบนี้มัน…ผมเกือบจะเผลออนุญาตพวกเธอไปแล้ว
“อลิเซีย อย่าเอาแต่ใจสิ”
“ก็แหม มันน่าสนุกออกนี่นา โดโรธี”
“ตกลงว่าไม่ได้จริงๆ เหรอคะ วาตารุซัง?”
ว้าว… นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้เห็นอลิเซียซังทำหน้าออดอ้อนแบบนี้
เธออยากออกไปขับเรือฝ่าพายุขนาดนั้นเลยเหรอ?
“เอ่อ อย่างออกไปขับเรือฝ่าพายุกันขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”
“””ค่ะ”””
“เห้อ…เข้าใจแล้วครับ งั้นก็ระวังกันหน่อยนะครับ ถ้าล้มหรือเป็นอะไรขึ้นมามันจะลำบาก”
“””ค่ะ”””
“เฟลิเซีย ไปกับพวกเธอด้วย ถ้าเกิดพวกเธอจะทำอะไรบ้าๆ ขึ้นมา ก็ช่วยหยุดเอาไว้ด้วย”
“ค่ะ นายท่าน”
ว้าว…รอยยิ้มของแต่ล่ะคน… ผมชักเริ่มกังวลนิดๆ แล้วสิ
ผมเรียก ลูโตะ ออกมาและมองดูไปที่ทั้ง 4 คน ที่กำลังเดินขึ้นเรือด้วยความตื่นเต้น
พอมองไปรอบๆ ผมก็เห็นคนที่เหลือต่างยิ้มเจื่อนๆ ออกมา
ผมมองดู ลูโตะ ที่ค่อยๆ แล่นห่างออกไป…เอ๊ะ!?
ผมสามารถระบุตำแหน่งของเรือได้ แต่พวกเธอ 4 คนล่ะ จะสามารถหาเรือลำนี้เจอได้หรือเปล่า?
ถ้าพวกเธอยังไม่กลับมาตอนค่ำ ผมจะออกไปเปิดไฟทุกดวงบน ไฮด์อเวย์ เพื่อที่พวกเธอจะได้มองเห็นจากระยะไกล
มันอาจเป็นปัญหาได้…ถ้าพวกเธอหลง ถึงผมจะสามารถออกไปรับพวกเธอได้ก็เถอะ
แต่ผมสงสัยจังว่าคลื่นมันจะแรงขนาดไหนนะ
กับ ไฮด์อเวย์ ที่ใหญ่กว่ามากยังโคลงขนาดนี้ แล้ว ลูโตะ ที่เล็กกว่าล่ะจะเป็นยังไง?
“ทุกคน ผมจะกลับไปพักนะครับ”
“”””ค่ะ””””
“ริมุไปด้วย”
“ริมุ จะไปด้วยเหรอ?”
“ใช่”
“โอเค ไปกันเถอะ”
ผมดีใจมากที่ริมุไปกับผมด้วย ริมุกระโดดเข้ามาในอ้อมแขนของผม และผมก็อุ้มเขากลับไปที่ห้อง
“…ริมุไม่เมาเรือแล้วเหรอ?”
“ริมุ สบายดี”
“งั้นเหรอ ถ้ารู้สึกไม่สบายหรือเป็นอะไรขึ้นมา ให้รับบอกผมทันทีเลยนะ”
“อืม”
ริมุกลิ้งไปมาเหมือนกำลังสนุกกับการโคลงเคลงของเรือ
ถึงผมจะรู้ว่าเรือไม่จมก็จริง แต่เพราะผมเป็นคนขี้กลัว ผมเลยอดที่จะหวั่นใจไม่ได้
แต่ก็นะ คงไม่มีใครหรอกที่ไม่กลัวพายุน่ะ
ริมุกำลังกลิ้งไปมาตามจังหวะการโยกของเรือ…ช่างน่ารักจริงๆ
ผมพยายามหนีจากความจริง แต่พอหันไปมองนอกหน้าต่างก็เห็นคลื่นลูกใหญ่ซัดเข้ามาแล้วก็ถูกบาเรียสะท้อนออกไป
ผมคงทำอะไรไม่ได้นอกจากรอให้ถึงค่ำ ผมพยายามทำเป็นลืมเรื่องพายุแล้วจดจ่ออยู่กับการเล่นกับริมุ
หลังจากเล่นกันได้สักพัก ริมุก็ขอกินขนม ผมจึงพาเขาไปที่ห้องนั่งเล่น
“ทุกคน ถ้าไม่มีใครเมาเรือหรือรู้สึกไม่สบาย มาทานของว่างกันดีไหมครับ?”
“”””ค่ะ””””
“เมื่อวานเรากินไอศกรีมกันไปแล้ว วันนี้เอาเป็นพุดดิ้งดีไหมนะ?”
ทุกคนเห็นด้วย ผมจึงเสิร์ฟพุดดิ้งให้ทุกคน
“ริมุ อร่อยไหม?”
“อร่อย ริมุ ชอบพุดดิ้ง”
“ดีแล้วล่ะ ถ้าอยากกินเพิ่มอีกก็บอกนะ”
“อืม”
“วาตารุซัง ฉันขอเพิ่มอีกถ้วยได้ไหมคะ?”
“ได้สิครับ คาร์ล่าซัง แต่นี่เป็นถ้วยสุดท้ายของวันนี้แล้วนะครับ”
“อืม…เข้าใจแล้วค่ะ”
“ขอเพิ่ม”
“ได้เลย ริมุ นี่ของริมุน้า…”
“โดโรธีซัง อัลม่าซัง คลอเร็ตต้าซัง พวกคุณจะเอาเพิ่มไหมครับ?”
“ฉันขออีกถ้วยค่ะ”
“อุฟุฟุ~ ฉันก็ขอด้วย ขอบคุณนะ วาตารุซัง”
“ฉันก็เอาเหมือนกันค่ะ”
พวกเรานั่งคุยกันไปพลางทานกินพุดดิ้งกันไปพลาง
“เรือโคลงเคลงตั้งขนาดนี้ พวกคุณไม่มีใครเมาเรือกันเลยหรอครับ?”
“ค่ะ บ้านเกิดของพวกเราเป็นเมืองท่า”
“เราเลยได้ขึ้นเรือไปทำภารกิจคุ้มกันกันอยู่บ่อยๆ ค่ะ แล้วก็ยังมีตอนที่นั่งเรือไปที่เกาะด้วย”
“อ้อ จริงสิ พวกเราเคยไปที่เกาะด้วยกันนี่นา…ผมลืมไปเลย”
“แล้วยังมีภารกิจคุ้มกันเรือสินค้าสำหรับนักผจญภัยอีก อยู่เมืองท่าคงมีโอกาสได้ขึ้นเรือกันบ่อยสินะครับ”
“ค่ะ ส่วนใหญ่พวกเราจะไปคุ้มกันเรือประมง แต่ตอนแรกๆ ก็ลำบากอยู่เหมือนกัน
เพราะถ้าสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงกะทันหัน เรือจะโคลงหนักมากๆ แม้จะเป็นบริเวณใกล้ชายฝั่งก็ตาม”
พวกเธอเคยขึ้นเรือลำอื่นมาแล้วมากมาย ผมกลับไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย พวกเรานั่งคุยไปพลางรอให้พายุสงบไปพลาง
“วาตารุซัง ฉันอยากเล่นโอเทลโล่ค่ะ ช่วยมาเล่นด้วยกันหน่อยได้ไหมคะ?”
“ได้สิครับ”
“ฟุฟุ คราวนี้ฉันต้องชนะให้ได้ค่ะ”
“ผมไม่แพ้ง่ายๆ หรอกนะครับ โดโรธีซัง ว่าแค่คุณชนะอัลม่าซังได้แล้วหรือยังครับ?”
“บางครั้งก็ชนะได้ค่ะ ฉันเองก็พัฒนาขึ้นมากแล้ว ครั้งนี้ฉันจะต้องเอาชนะวาตารุซังให้ได้ค่ะ”
ทุกคนเริ่มเก่งขึ้นเรื่อยๆ อัลม่าซังที่เคยเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ตอนนี้โดโรธีซังกลับสามารถเอาชนะเธอได้แล้ว
ผมว่าซักวันผมคงถูกเอาชนะได้แน่ๆ เลย
เราผ่านช่วงเวลาโคลงเคลงบนเรือ ไปอย่างสนุกสนาน จากนั้นก็ไปที่ห้องอาหารเพื่อทานอาหารเย็น
“…อลิเซียกับคนอื่นๆ ยังไม่กลับมาเลย ทุกอย่างโอเคหรือเปล่าคะ วาตารุซัง”
ผมพอจะรู้คร่าวๆ ว่าเรืออยู่ตรงไหน มันกำลังแล่นวนไปวนมาอยู่
ผมคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร ถ้าพวกเธอยังไม่กลับมากันภายในเที่ยงคืน ผมจะถือว่าพวกเธอหลงทางแล้วจะออกไปตามหา
“ผมพอจะบอกได้ว่าเรืออยู่ตรงไหนครับตอนนี้ และมันกำลังเคลื่อนที่อยู่ ผมว่าคงไม่มีปัญหาอะไร”
“ถ้าพวกเธอยังไม่กลับมาภายในเที่ยงคืน ผมจะออกไปรับพวกเธอเอง”
“ผมจะไปเปิดไฟทุกดวงเพื่อให้พวกเธอสังเกตเห็นเรือลำนี้ได้”
“ขอโทษด้วยนะคะ วาตารุซัง ที่ต้องรบกวนคุณอีกแล้ว”
“ไม่เป็นไรครับ ก็ผมเป็นคนอนุญาตพวกเธอเองนี่นา”
“อีกย่างไอเนสกับเฟลิเซียก็ไปด้วย ดังนั้นไม่มีอะไรที่คุณต้องขอโทษหรอกนะครับ โดโรธีซัง”
“ถึงจะได้รับอนุญาตก็จริง แต่มาเล่นกันจนดึกขนาดนี้มันก็เกินไปจริงๆ ค่ะ”
“ไว้ฉันจะไปดุพวกเธอให้นะคะ”
“ฮ่าฮ่า เอาน่า ผมเองก็ไม่ได้กำหนดเวลากลับให้แน่ชัดเหมือนกัน ดังนั้นก็อย่าไปดุพวกเธอหนักนักล่ะครับ”
ในที่สุดพวกเธอก็กลับมา พวกเรากินข้าวเย็น และอาบน้ำกันแล้ว และกำลังนั่งพักอยู่ในห้องนั่งเล่น
พอผมอนุญาตให้ขึ้นเรือ พวกเธอก็ขึ้นมาที่ ไฮด์อเวย์ ด้วยความโซเซเหมือนคนหมดแรง
อลิเซียซังยิ้มอย่างเหนื่อยล้า แต่ก็เต็มไปด้วยความพึงพอใจ
แล้วพูดขึ้นว่า “หิวแล้ว” แต่เสียงของเธอกลับแหบแห้งมาก
“โห… ทำไมเสียงของทุกคนถึงแหบหมดเลยแบบนั้นล่ะครับล่ะ… คลอเร็ตต้าซัง รักษาเสียงแหบด้วยฮีลได้ไหมครับ?”
…ผมล่ะสงสัยจริงๆ ว่าพวกเธอไปทำอะไรกันมาถึงเสียงแหบขนาดนี้ ทั้งที่แค่ไปขับเรือเล่นกันแท้ๆ
“เอ๋? ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ จะให้ลองดูไหมคะ?”
“อืม… เอาไงดีน้า?”
“ไม่ต้องไปสนใจอลิเซียหรอก ถือว่าเป็นบทลงโทษที่ไปเล่นจนดึก”
“ว่าแต่…มารีน่าสนุกถึงขนาดที่เสียงหายเลยเหรอ?”
“เอ๋! โดโรธี นี่มันอะไรกัน 2 มาตราฐานงั้นเหรอ?”
“ก็ไม่นิ ฉันแค่ไม่เคยเห็นมารีน่าเป็นแบบนี้มาก่อนเท่านั้นเอง”
“และการได้เห็นเธอออกไปสนุกแบบนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี”
“อึก…น่าอายจัง… แต่มันก็สนุกจริงๆ”
“นี่ เธอให้ความสำคัญกับมารีน่ามากกว่าฉันงั้นเหรอ!”
“เธอแค่คิดไปเอง”
สมาชิกของ จิราโซเล่ ดูจะสนิทสนมกันจริงๆ
“นายท่าน หิวแล้ว”
“ฉันก็เหมือนกันค่ะ”
“โอ๊ะ? ไอเนสกับเฟลิเซียยังไหวอยู่เหรอ?”
“อุฟุฟุ สบายมาก”
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ”
“ดีแล้วล่ะ แต่ก็อย่าหักโหมล่ะ”
“”ค่ะ””
ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าเฟลิเซียจะเป็นไปกับเขาด้วย ผมบอกให้เธอไปคอยคุมไม่ให้พวกเธอทำอะไรบ้าๆ แท้ๆ
ผมนำอาหารมาตั้งบนโต๊ะในห้องนั่งเล่น แล้วทั้ง 4 สาวก็เริ่มกินกันอย่างตะกละตะกราม คงเพราะแต่ละคนหิวกันมากจริงๆ
พวกเธอเลเวลอัพกันไปเยอะแล้วตั้งแต่ออกเดินทางมา ร่างกายก็น่าจะแข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นตามหลักแล้ว เสียงก็น่าจะแข็งแรงขึ้นด้วย…
แล้วนี่ไปทำอะไรกันมาถึงขนาดทำให้เสียงแหบกันไปแบบนี้ แสดงว่าคงตื่นเต้นกันมากเลยสินะ แล้วแบบนี้จะไม่หิวได้ยังไง?
หลังจากพวกเธอกินเสร็จ ผมก็เข้าไปถามว่าพวกเธอไปทำอะไรกันมาบ้างหลังจากที่พวกเธอออกมาจากห้องอาบน้ำ
“ไอเนส เฟลิเซีย พวกเธอไปทำอะไรกันมาบ้าง?”
“ฉันก็แค่ขับเรือไปตามปกติค่ะ แต่พอมีคลื่นลูกใหญ่ซัดเข้ามา มันก็สนุกดี…เลย ขอโทษค่ะ นายท่าน”
“ขอโทษค่ะ นายท่าน ฉันสนุกมากเกินไปหน่อยจริงๆ”
อืม ฟังดูพวกเธอน่าจะสนุกกันสุดๆ เลยสินะ…
ผมไม่เข้าใจเลยว่าการฝ่าพายุไปกลางทะเลแบบนั้นมันสนุกตรงไหน
แต่ถ้ามันช่วยให้พวกเธอคลายความเครียดได้ก็คงดีแล้วล่ะมั้ง?
เอาล่ะ ผมลองถามพวกเธอดูดีกว่าว่ากลับมากันได้ยังไง
“พวกเธอไม่หลงทางกันเหรอ ตอนที่แล่นเรือออกไปกลางพายุแบบนั้น? “
“ผมพึ่งนึกขึ้นมาได้หลังจากที่พวกเธอออกไปกันแล้ว พวกเธอกลับมากันถูกได้ยังไงโดยไม่หลง?”
“มีพวกเราคนหนึ่งที่คอยจับตำแหน่งของ ไฮด์อเวย์ เอาไว้ตลอดเวลาค่ะ แล้วพอตกกลางคืน ไฟก็เปิดขึ้นมา เราเลยไม่หลง”
แม้จะเล่นกันจนสนุกสุดเหวี่ยง แต่พวกเธอก็ยังเช็กตำแหน่งกันไว้อย่างดีสินะ
สมแล้วที่เป็น นักผจญภัยและนักล่า
“อย่างนี้นี่เอง ดีแล้วล่ะที่กลับมาได้อย่างปลอดภัย งั้นพวกเราไปนอนกันเถอะ”
“”ค่ะ””
“อือ…อรุณสวัสดิ์ นายท่าน”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ นายท่าน”
“ไอเนส เฟลิเซีย อรุณสวัสดิ์ เสียงพวกเธอยังแหบอยู่เลยนะ”
“เดี๋ยวผมจะลองไปขอให้ริมุรักษาให้นะ”
“”ขอบคุณค่ะ””
พวกเราเดินไปที่ห้องอาหารเพื่อรับประทานอาหารเช้า
หืม? คลื่นสงบลงแล้วเหรอ? หรือว่าพายุผ่านไปแล้ว?
ผมทักทายสมาชิก จิราโซเล่ ก่อนจะออกไปข้างนอก
โอ้ ท้องฟ้าสดใส พายุผ่านไปแล้ว…
ปกติในนิยาย เวลาผ่านพายุมาได้มักจะพบเกาะลึกลับหรือเจอเหตุการณ์แปลกๆ แต่…ผมกลับไม่เจออะไรเลย
ผมมีแค่สาวๆ 4 คน ที่สนุกกับการขับเรือมากเกินไปหน่อย จนคุมตัวเองไม่อยู่เท่านั้น
ก็ถือว่าโชคดีแล้วล่ะ ฉันไม่ค่อยชอบอะไรที่มันตื่นเต้นซักเท่าไหร่ ดังนั้นการที่ไม่มีเรือผีโผล่ออกมานับว่าดีที่สุดแล้ว
ผมกลับไปที่ห้องอาหาร หลังกินข้าวเช้าเสร็จ ผมก็ไปขอให้ริมุช่วยรักษาไอเนส กับ เฟลิเซียให้
“ริมุ พอช่วยใช้เวทรักษาคอของไอเนสกับเฟลิเซียได้ไหม?”
“รักษา? ริมุ ทำได้”
“ฝากด้วยนะ”
ร่างกายของริมุสั่นเล็กน้อยก่อนจะเปล่งแสงออกมา แล้วแสงนั้นก็พุ่งไปที่คอของไอเนส
“ไอเนส รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”
“อ่ะ อ่า… ดีขึ้นแล้วค่ะ นายท่าน ริมุจัง ขอบคุณนะ”
“ว้าว ริมุ เก่งมาก ช่วยรักษาให้เฟลิเซียด้วยได้ไหม?”
“ทำได้”
ริมุใช้เวทรักษาที่คอของเฟลิเซียด้วยเหมือนกัน
“อา… นายท่าน หายแล้วค่ะ ริมุจัง ขอบคุณนะ”
“ริมุ ทำได้! ริมุเก่งไหม?”
“ริมุ เก่งมากเลย! ขอบคุณริมุ ไอเนสกับเฟลิเซียหายดีได้เพราะริมุเลย”
พวกเรา 3 คนช่วยกันชมริมุ แล้วลูบหัวเขา
ริมุดูภูมิใจมากๆ จนเขาตัวสั่นไปหนดเลยล่ะ…ช่างน่ารักจริงๆ
“วาตารุซัง ช่วยขอให้ริมุจังรักษาให้พวกเราหน่อยได้ไหมคะ?”
ผมหันไปทางเสียงที่แหบแห้ง ก็พบอลิเซียซังและมารีน่าซังยืนอยู่
“มันก็ได้อยู่หรอกครับ แต่… ทำไมพวกคุณถึงไม่ไปขอให้คลอเร็ตต้าซังรักษาให้ล่ะครับ
ผมว่าคลอเร็ตต้าซังน่าจะใช้เวทย์รักษาได้ดีกว่าริมุอีก…
แต่นี่พวกคุณกลับมาขอให้ผมช่วยมันดูแปลกๆ …ผมว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ”
“…ม-ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
“ไม่มีเหรอครับ อืม…แต่สีหน้าของคุณตอนนี้มัน ผมคิดว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ”
“แหม๋ วาตารุซังนี่ล่ะก็ มันไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะ ฮะ ฮะ ฮ่า…”
“ไม่-มี-อะ-ไร อย่างงั้นเหรอ อลิเซีย?”
“ด-โดโรธี ธ-เธอมาอยู่นี่ได้ยังไง!?”
“นี่มันหมายความว่ายังไง? อลิเซีย มารีน่า…”
“พวกเธอกำลังถูกลงโทษที่ออกไปเล่นจนดึกกันอยู่ แล้วนี่มันอะไร…แอบออกมารักษางั้นเหรอ!”
“อึก… ก็ไอเนสกับเฟลิเซียยังได้รักษาเลยนิ แล้วทำไมพวกเราถึงจะทำไม่ได้ล่ะ?”
โอ๊ะ ไอเนสกับเฟลิเซียโดนลากเข้าไปเป็นพวกซะแล้ว
พายุครั้งนี้ทำให้ทั้ง 4 คน สนิทกันมากขึ้นเหรอ?
ถ้าผมไปกับพวกเธอด้วย บางทีผมอาจจะได้สนิทสนมกับพวกเธอมากขึ้นก็ได้… น่าเสียดายจริงๆ
แต่อีกมุมหนึ่ง ถ้าผมไปด้วย พวกเราคงกลับมาเร็วนี้ และอาจจะไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นก็ได้
“…ไม่ได้! เพราะพวกเธอพยายามแอบออกมารักษา เพราะงั้นถ้าอยากจะให้รักษาให้จริงๆ ก็ไปนั่งสำนึกผิดซะ”
“ริมุจังงง ไปเล่นกับฉันดีกว่าเนอะ…”
โอ๊ะ ริมุถูกพาตัวไปแล้ว…
“เอาล่ะครับ น่าจะได้เวลาที่พวกเราต้องออกเดินทางกันแล้ว”
“ทุกคนกลับไปเตรียมตัวให้พร้อม แล้วเราจะกลับไปที่ ลูโตะ กันครับ”
ผมรีบกลับไปที่ห้องเพื่อเตรียมตัว แล้วก็ถือโอกาสนี้ หนีจากสายตากดดันของอลิเซียซังกับมารินาซังไปในตัว
ถึงแม้กำหนดการจะล่าช้าไปบ้างเพราะพายุ
แต่ในที่สุดพวกเราก็ได้ออกเดินทางไป ปาแลร์โม่ กันต่อ
คุยไปเรื่อยหลังจบตอน
โดโรธี คงเป็นบอสที่แท้จริงของตี้จิราโซเล่สินะ
ส่วนเจ้อัลม่า ก็เป็นบอสลับ
MANGA DISCUSSION