“นี่ เทพแห่งแสงช่วงนี้วาตารุคุง ทำได้ดีเลยไม่ใช่เหรอ?”
“ค่ะ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้สู้ด้วยตัวเอง แต่การจัดการเรื่องการอพยพของดาร์กเอลฟ์และการค้าพริกไทยก็ถือว่าประสบความสำเร็จ
ดังนั้น จึงถือว่าเขาทำได้ดีเลยทีเดียว”
“นั่นไง! เห็นไหมบอกแล้วว่าข้าคิดถูก เทพแห่งสงครามกับพวกที่เคยบ่นเรื่องสกิลที่ข้ามอบให้กับวาตารุคุง ต้องไปทบทวนตัวเองใหม่แล้วล่ะ
จริงๆ พวกเขาควรมาคุกเข่าขอขมาที่บังอาจมาลบหลู่การตัดสินใจของเทพแห่งการสร้างอย่างข้าด้วยซ้ำ”
“เฮ้อ…เทพแห่งสงครามกับเทพองค์อื่นๆ ต่างยอมรับความพยายามของวาตารุคุงค่ะ
แต่ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ยอมรับท่านค่ะ ท่านเทพแห่งการสร้าง”
“หา? ทำไมถึงไม่ยอมรับข้าล่ะ? หมายความว่ายังไง? ข้าคือเทพแห่งการสร้างเลยนะ
เป็นเทพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่สร้างโลกใบนี้ขึ้นมาเลยนะ จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง?”
“ก็…ทั้งหมดมันน่าจะเกิดจากการกระทำในอดีตของท่านค่ะ”
“จากการกระทำในอดีตของท่าน มันได้ทำให้พวกเขาหมดเคารพในตัวท่านไปแล้วค่ะ
ดังนั้น ที่เรื่องมันออกมาเป็นแบบนี้ก็ไม่น่าแปลกอะไร”
“หา?! หมดความเคารพ? ต่อข้า ข้าผู้เป็นเทพแห่งการสร้างที่สร้างพวกเขาขึ้นมาเนี่ยนะ?”
“ค่ะ และถ้าจะให้พูดตรงๆ ฉันเองก็ไม่ได้เคารพท่านเหมือนกัน”
“หา!? ทำไมล่ะ?”
“ถ้าจะถามว่าทำไม…ฉันก็คงตอบได้แค่ว่าฉันหาเหตุผลที่จะเคารพท่านไม่เจอเลยซักข้อค่ะ”
“ฮ่าๆๆ เทพแห่งแสงนี่ล่ะก็เล่นมุกเก่งขึ้นเยอะน้า…”
“คิดว่าที่ฉันพูดมาเป็นมุกงั้นเหรอคะ?”
“ใช่แล้ว ไม่มีเทพองค์ไหนที่ไม่เคารพข้าหรอกนะ ฮ่าๆๆ แต่…ก็มีบางครั้งเหมือนกันนะ ที่ข้ารู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ”
“ฉันคิดว่าไม่มีใครมาสนใจเรื่องการเคารพท่านกันหรอกนะคะ…ถ้าท่านไม่เชื่อให้ฉันไปลองทำแบบสำรวจมาให้ดูดีไหมคะ?”
“ข-ข้าไม่สนใจหรอก แล้วก็ไม่จำเป็นจะต้องไปทำแบบสำรวจมาด้วย เพราะมันชัดเจนอยู่แล้วว่าข้าน่ะได้รับการเคารพ
ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลเลย ที่สำคัญคือเทพแห่งสงครามกับพวก ควรจะมาขอโทษเรื่องที่เคยดูถูกเรื่อง สกิล อัญเชิญเรือ มากกว่า
เทพแห่งแสง ไปเรียกพวกเขามาหน่อย”
“ฉันก็ไม่ขัดข้องที่จะไปเรียกพวกเขามาให้หรอกค่ะ แต่…ท่านเอาจริงเหรอ?”
“แน่นอน มันเป็นความผิดของเทพแห่งสงครามกับพวกนั่นล่ะที่มาดูถูกข้า พวกเขาจะต้องกำลังเสียใจอยู่แน่ๆ
ดังนั้นการให้พวกเขามาขอโทษก็ไม่ใช่เรื่องยาก…”
“และ…นั่นคือสิ่งที่เทพแห่งการสร้างพูดค่ะ”
“ท่านเทพแห่งแสง ท่านคิดว่าเทพแห่งการสร้างเสียสติไปแล้วหรือเปล่า?”
“ฉันเข้าใจที่คุณพูดค่ะ เทพแห่งเวทมนตร์ แต่ต้องขอโทษด้วย ที่เขายังสติดีอยู่ค่ะ”
“งั้นเหรอ… เทพแห่งสงคราม เจ้าพอทำอะไรกับเขาได้ไหม?”
“น่าเสียดายที่ทำไม่ได้ ถ้าทำได้ ข้าคงทำไปนานแล้ว ปัญหาคือแม้แต่ในหมู่เทพแห่งการสร้างด้วยกัน เขาก็ถือว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมาก
ต่อให้พวกเราทุกคนรวมพลังกันก็คงจะเอาชนะเขาไม่ได้”
“อย่างงั้นเหรอ…แย่จัง”
“ข้าก็ยอมรับนะว่าเจ้าคนจากต่างโลกนั้นทำได้ดี แต่ข้าก็ยังคิดว่าสกิลที่เทพแห่งการสร้างมอบให้เขายังไงมันก็ไม่ถูกต้องอยู่ดี
ดังนั้นข้าไม่มีอะไรที่ต้องไปขอโทษ”
“ในฐานะเทพแห่งความบันเทิง ข้าก็คาดหวังกับเรือสำราญอยู่หรอก แต่สกิลที่ชาวต่างโลกควรจะได้แล้วมันจะทำให้สนุกกว่านี้มีอีกตั้งเยอะแยะ
อย่างสกิลที่ชาวต่างโลกคนนั้นอยากได้จริงๆ เช่น สกิลญาณทิพย์ หรือ สกิลแบ่งปันประสาทสัมผัสกับสไลม์ตัวนั้น
น่าเสียดายที่ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนลามกแท้ๆ ถ้าเขาได้สกิลพวกนั้นไปจะต้องสนุกแน่ๆ เลย”
“จะทำไงได้ล่ะ สกิลของเขามันเหมาะกับการใช้ชีวิตแบบเก็บตัวนี่ แค่เรื่องที่เขาเคยเอาชนะกระต่ายมีเขากับก็อบลินได้ก็ถือว่าเป็นปาฎิหาริย์แล้ว”
“ใช่ แค่มีข่าวความเป็นไปได้ที่จะเกิดสงครามกลางเมืองในประเทศที่เขาไป เขาก็คิดจะถอนตัวในทันทีแล้ว
ข้าก็ไม่ได้คาดหวังให้เขาไปหยุดสงครามหรอก แต่เขาน่าจะถือโอกาสนี้ในการสร้างชื่อเสียงบ้าง”
“ทุกคน นี่มันเริ่มจะกลายเป็นการบ่นเรื่องของวาตารุคุงกันแล้วนะ”
“ไม่หรอก ท่านเทพแห่งแสง เพราะต้นเหตุจริงๆ ของความไม่พอใจต่อชาวต่างโลกคนนั้น ล้วนมาจากสกิลที่เทพแห่งสร้างมอบให้เข้าทั้งสิ้น
จะให้สกิลที่เหมาะกับการเก็บตัวอยู่เงียบๆ กับคนขี้ขลาดอย่างเขาไปทำไมจริงไหม?”
“ใช่ ข้าก็คิดว่าที่ชาวต่างโลกคนนั้นต้องมาใช่ชีวิตอย่างขี้ขนาดอยู่แบบนี้เป็นเพราะ สกิลที่เทพแห่งการสร้างให้เขาไปนั่นล่ะ
ถ้าให้สกิลที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้เขามากกว่านี้ล่ะก็ปัญหาแบบนี้ก็คงไม่เกิด”
“ใช่ เทพแห่งเวทมนตร์พูดถูก ถ้าให้สกิลเรียกเรือไปพร้อมกับสกิลที่สามารถทำให้เขาปกป้องตัวได้ในขณะที่อยู่บนบกไปล่ะ
เขาอาจจะทำอะไรได้มากกว่านี้ก็ได้ แต่…แบบนั้นมันจะเป็นการช่วยเขามากเกินไปหรือเปล่า?”
“ข้าไม่คิดว่ามันเกินไปหรอก ถ้าเป็นข้า ข้าคงให้สกิลที่มันแข็งแกร่งและมีประโยชน์มากกว่าสกิลอัญเชิญเรือไปด้วยซ้ำ
ต่อให้ต้องลดพลังลงนิดหน่อยก็เถอะ”
“แต่ข้าเห็นด้วยกับเทพแห่งการสร้างนะ สกิลอัญเชิญเรือ เป็นสกิลที่ออกดอกออกผลช้าก็จริง
แต่การซื้อและสามารถใช้สิ่งของจากต่างโลกได้ ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบที่ใหญ่มากๆ เลย”
“ข้ารู้ นั่นแหละที่ทำให้ข้าบอกว่าจะรอดูไปจนกว่าเขาจะเรือสำราญมาได้ แต่แล้วเทพแห่งการสร้างกลับพูดเรื่องให้เราไปขอโทษซะงั้น
ดังนั้นเราจึงต้องมาตัดสินจากสถานการณ์ปัจจุบันของชาวต่างโลกกัน สกิลที่เขาได้ไปนั้นยังไม่ผลิบานเต็มที่
และข้าคิดว่าเทพแห่งเวทมนตร์ก็น่าจะพูดจากมุมมองนี้”
“เทพแห่งสงครามพูดถูก เพราะสกิลที่ออกดอกออกผลช้าเช่นนี้เลยทำให้ตอนนี้ยังวัดอะไรไม่ได้ว่าสกิลนี้เป็นสกิลที่ดีหรือไม่
ถ้าพูดถึงพลังเขาชาวต่างคุงในปัจจุบัน ท่านเทพแห่งแสงไม่คิดว่าสกิลนี้มันให้อะไรกับเขาน้อยเกินไปหรือ?”
“ฉันเองก็เห็นด้วยกับที่ทุกท่านพูดค่ะ แต่ฉันมั่นใจว่าวาตารุคุงจะต้องได้เรือสำราญมาแน่นอน ดังนั้นถ้าเราให้พลังเขาเพิ่มไปตอนนี้
มันอาจจะมากเกินไปในภายหลังได้ค่ะ ฉันเลยคิดว่าเราควรรอดูไปก่อน แต่ในความคิดของเทพแห่งการสร้าง เขาคงเห็นว่าสกิลอัญเชิญเรือแสดงประโยชน์
มากเพียงพอแล้วในตอนนี้ค่ะ”
“ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเทพแห่งการสร้างคิดอะไรอยู่ สิ่งที่ชาวต่างโลกทำก็มีแค่การค้าพริกไทยกับช่วยในการอพยพของดาร์กเอลฟ์
ส่วนเรื่องทำอาหาร? คนที่ไม่มีสกิลอะไรพิเศษก็ทำได้ ข้าไม่คิดว่ามันจะพิสูจน์ความเหมาะสมของสกิลอัญเรือได้หรอกนะ”
“ทำไมจะต้องให้สกิลที่ออกดอกออกผลช้าไปตั้งแต่แรกด้วย? ปกติมันต้องให้สกิลที่สามารถเอาไปใช้ได้เลยไม่ใช่เหรอ?
หรือไม่ก็ต้องเป็นสกิลที่สามรถแสดงพลังได้ในระดับหนึ่ง แบบนั่นมันถึงจะทำให้เขาพอจะอยู่รอดในโลกที่ไม่คุ้นเคยได้
แล้วนี่อะไรแค่เจอก๊อบลินเขาก็ต้องวิ่งป่าราบแล้ว…”
“ข้าเห็นด้วยกับทั้งเทพแห่งสงครามและเทพแห่งเวทมนตร์ แต่มันก็ตลกดีนะ ตอนที่เขาวิ่งหนีก๊อบลินทั้งๆ
ที่มีบาเรียที่ป้องกันได้กระทั่งลมหายใจของมังกรได้ ดังนั้นสำหรับข้าก็น่าจะถือว่ามันโอเค แต่จะให้เราไปขอโทษเขาเนี่ยนะ?
ถ้าเราไม่ไปบ่นเรื่องที่ชาวต่างโลกตอนนั้น เทพแห่งการสร้างก็คงไม่ยอมไปเรียกชาวต่างโลกมาคุยแน่ๆ
แล้วบางที่เขาอาจจะใช้ชีวิตอยู่แบบนั้นไปตลอดชีวิตเลยก็ได้ แล้วตอนนี้กลับจะให้เราไปขอโทษเนี่ยนะ?”
“เฮ้อ ฉันเข้าใจสิ่งที่ทุกท่านพยายามจะบอกนะคะ และฉันก็เห็นด้วยกับความคิดของทุกท่าน
แต่เทพแห่งการสร้างจะทำตัวน่าปวดหัวมากๆ เลยเวลาที่เขาโกรธ เพราะฉะนั้น ฉันขอร้องล่ะค่ พอจะช่วยไปขอโทษเขาหน่อยได้ไหม?”
“ข้าเข้าใจถึงความยากลำบากของท่านนนะ ท่านเทพแห่งแสง แต่ถ้าเราไปขอโทษ เทพแห่งการสร้างก็จะได้ใจน่ะสิ
ข้าคงไปขอโทษแบบส่งๆ ไม่ได้หรอก แค่คิดถึงสีหน้าของเขาตอนที่ชาวต่างโลกคุงได้เรือสำราญสุดหรูมาก็ทำให้ข้าขนลุกแล้ว”
“เห้อ…ฉันมั่นใจว่าถ้าวาตารุคุงได้เรือสำราญสุดหรูมาและทำผลงานได้ดีมากกว่านี้ เขาจะต้องเอาเรื่องพวกนี้มาโม้กับพวกท่านแน่นอนค่ะ”
“มันจะต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ…ดังนั้น ขอโทษทีนะ ท่านเทพแห่งแสง แต่ช่วยไปบอกเทพแห่งการสร้างด้วยว่าเขาต่างหากล่ะที่ต้องมาคุกเข่าขอบคุณพวกเรา”
“ฉันไม่ใช่ผู้ส่งสารนะคะ เห้อ…ดูท่าจะช่วยไม่ได้จริงๆ สินะคะเนี่ย”
“หา!? ทำไมข้าต้องไปเป็นฝ่ายไปคุกเข่าด้วยล่ะ? เจ้าบอกว่าพวกเขายอมรับเรื่องความสำเร็จของข้าไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ค่ะ พวกเขาพูดแบบนั้น… แต่ขอบอกตามตรงว่าฉันเองก็เห็นด้วยกับพวกเขาค่ะ”
“ถ-ถึงพวกเขาจะไม่พูดอะไน ข-ข้าก็คิดจะเรียกวาตารุคุงขขึ้นมาคุยอยู่แล้ว แต่พวกนั้นกลับโวยวายไปซะก่อน”
“มาพูดตอนนี้ก็คงพิสูจน์ไม่ได้แล้วล่ะคะ ว่าเป็นความตั้งใจแต่เดิมของท่านหรือเปล่า และที่สำคัญถ้าท่านมอบสกิลที่เหมาะสมให้กับเขาไปตั้งแต่แรก
ท่านก็คงไม่จำเป็นต้องเรียกเขามาคุย และเรื่องทั้งหมดนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น พอท่านเรียกเขาขึ้นมาคุยหลังจากที่พวกนั้นพูด
มันก็เหมือนกับท่านยอมรับในสิ่งที่พวกเขาพูด ท่านอยากจะไปคุกเข่าตอนนี้เลยไหมคะ?”
“ม-ไม่มีทางที่ข้าจะไปคุกเข่า… หนอย…ข้าจะต้องไปหาวิธีต้อนเจ้าพวกนั้นให้จนมุมให้ได้”
“ถ้าอย่างงั้นก็คงต้องรอดูกันไปก่อนนะคะ ว่าวาตารุคุงจะประสบความสำเร็จและสามารถสร้างผลกระทบในทางที่ดีต่อโลกนี้ได้หรือไม่
ถ้าเขาทำได้ ฉันคิดว่าพวกเขาจะต้องยอมรับอย่างแน่นอนค่ะ”
“จริงเหรอ! ล-แล้วพวกเขาจะคุกเข่าขอโทษข้าไหม?”
“ฉันคิดว่าไม่นะคะ”
“แบบนั้นไม่ได้นะ พวกเขามาพูดจาหยาบคายใส่เทพแห่งการสร้างอย่างข้า
อย่างน้อยก็ต้องมาคุกเข่าขอโทษสิ ไม่งั้นมันจะมีความหมายอะไร”
“อืม ถึงท่านจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่สถานการณ์ตอนนี้มันยากเกินกว่าที่จะยอนกลับแล้ว…ฉันเองก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำยังไง…
ฉันว่า ท่านเทพแห่งการสร้างคงต้องไปจัดการเอาเองแล้วล่ะค่ะ แต่ว่าอย่าได้ไปทำผิดอะไรที่มันกฎล่ะ”
“หา? ข้าต้องทำเองหมดเลยเหรอ? หมายความว่าเจ้าจะไม่ช่วยอะไรข้าเลยเหรอ เทพแห่งแสง?”
“ใช่แล้วค่ะ”
“ถ=ถึงแม้มันจะเป็นคำสั่งจากเทพแห่งการสร้างอย่างข้าน่ะเหรอ?”
“ก็ฉันคิดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ นี่คะ ถึงต่อให้เป็นคำสั่งฉันก็คงช่วยอะไรไม่ได้”
“เข้าใจละ งั้นก็ได้แต่รอว่าให้วาตารุคุงประสบความสำเร็จเท่านั้นสินะ ถึงจะช่วยแก้ไขสถานการณ์ตอนนี้ได้
บางทีหลังจากผ่านไปสักพัก ข้าอาจคิดอะไรดีๆ ออกก็ได้ ถ้าเทพแห่งแสงมีความคิดอะไรดีๆ ก็บอกข้านะ”
“ค่ะ มารอจนกว่าท่านจะคิดไอเดียอะไรดีๆ ออกอันเถอะค่ะ”
“อืม”
คุยไปเรื่อยหลังจบตอน
แหม๋ แดนเทพก็โบ๊ะบ๊ะกันใช่เล่นเลยนิเนี่ย
MANGA DISCUSSION