“เช้าแล้วสินะ…?”
“อึ้ม…อรุณสวัสดิ์ค่ะ นายท่าน”
“อรุณสวัสดิ์ ไอเนส”
ผมตื่นขึ้นมาเตรียมตัว ทานอาหารเช้า แล้วก็เตรียมตัวออกเดินทาง
ระหว่างที่ผมเดินไปที่ประตูหมู่บ้าน ผมก็เห็นดาร์ดเอลฟ์ผู้ชายคนหนึ่งจ้องมาที่ผมด้วยสายตาอาฆาต
เขาจ้องมาที่ผมแบบไม่ละสายตาเลยล่ะ ผมไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่านะ?
“ขอบคุณที่มาส่งครับ ผมจะกลับมาในอีก 7 วัน แล้วจะรอฟังคำตอบนะครับ”
“อืม ขอบคุณมาก ดูแลตัวเองด้วย”
หลังจากกล่าวลาหัวหน้าหมู่บ้าน พวกเราก็ออกเดินทางไปที่ชายหาด
“เฟลิเซีย เธอได้คุยกับพ่อแม่จนพอใจหรือยัง?”
“ค่ะ พวกท่านเป็นห่วงฉันมาก แต่เพราะนายท่าน พวกเขาเลยรู้สึกเบาใจขึ้นมาหน่อยแล้วค่ะ”
“แค่ได้ยินแบบนั้นผมก็ดีใจแล้ว”
พวกเราพูดคุยกันไปพลาง กำจัดก็อบลินที่โผล่มาเป็นครั้งคราวไปพลาง
จนมาถึงชายฝั่งและขึ้นเรือ ในระหว่างที่อยู่ในป่า ผมก็เอาแต่ลูบริมุเล่นไปตามทาง การมีบอดี้การ์ดดีๆ เนี่ยมันทำให้รู้สึกดีจริงๆ
“ฮึ่ม… ดูจากระยะทาง คงจะถึงเมืองทางใต้ตอนเช้าวันพรุ่งนี้ เราคงต้องตื่นเช้ากันหน่อยแล้วล่ะเพื่อขนย้ายพริกไทยออกไปด้านนอก”
“ค่ะ นายท่าน แล้วที่เมืองทางใต้ เราจะไปพักที่โรงแรมมั้ยคะ?”
“อืม? ยังไม่ได้คิดเลย พวกเราก็พักที่โรงแรมนางแอ่นมาตลอด ผมอยากกินอาหารของที่นั่นอีกสักครั้ง”
“งั้นเราไปพักที่โรงแรมกันเถอะ”
“ค่ะ”
“งั้นเราคงไม่ได้อาบน้ำไปอีกสักพัก ทำไมวันนี้ไม่ไปอาบน้ำก่อนล่ะ นายท่าน?”
“ดีเลย งั้นไปอาบน้ำกันเถอะ”
ผมเปลือยกายอยู่ในอ่างน้ำบนดาดฟ้าหน้าเรือ พวกเธอช่วยล้างตัวให้ผมจากนั้นเราก็แช่ลงในอ่างอาบน้ำด้วยกัน
ผมอยากลองไปล้างตัวให้พวกเธอบ้างจัง แต่ทุกครั้งที่ผมถามไอเนสมักจะห้ามผมไว้เสมอเพราะมันดูใกล้ชิดกันมากเกินไป
แต่แค่ได้เห็นสองสาวสวยเล่นน้ำด้วยกัน แค่นั้นผมก็มีความสุขแล้ว
ผมลูบตัวริมุที่ลอยอยู่ในน้ำ แล้วจดจำภาพเหล่านั้นไว้ในหัว หลังจากแช่น้ำจนพอใจแล้ว
พวกเราก็ไปทานมื้อเย็นกัน เราหยอกล้อกันบนเตียงก่อนจะผล็อยหลับไป
ผมตื่นขึ้นมา ทำกิจวัตรประจำวัน จากนั้นก็ทานอาหารเช้า และเตรียมตัวออกเดินทาง
“ผมจะเอาพริกไทยออกมา พวกเธอช่วยขนไปวางไว้ตรงพื้นที่ว่างๆ หน่อย”
“ผมอยากให้มันดูเหมือนวพวกเราขนพริกไทยกลับมาเป็นจำนวนมาก”
“ดังนั้นควรวางไว้ทั้งดาดฟ้าหน้าและหลังเรือให้เต็ม จากนั้นค่อยเอาผ้ามาคลุมทับไว้”
“นายท่าน พริกไทยเต็มพื้นที่แล้วค่ะ”
“จริงดิ… เอาไงดีล่ะที่นี้?”
“ผมเพิ่งขนเอาออกมาได้แค่ครึ่งเดียวจากทั้งหมดเองน่ะ”
“แต่เรือกลับเต็มแล้ว… ถ้าเอาออกมาทั้งหมดมันจะดูน่าสงสัยไหมนะ?”
“ฉันคิดว่ามันจะดูน่าสงสัยค่ะ”
“เพราะ ถ้าทำแบบนั้นพวกเขาต้องคิดว่านายท่านมีความสามารถพิเศษอะไรบางอย่างแน่ เช่น พวกสกิลเกี่ยวกับพื้นที่ค่ะ”
“อืม ก็จริง เรือเวทมนตร์ลำเล็กๆ ของผมก็เคยเป็นประเด็นมาแล้ว”
“อีกอย่างเรือลำนี้ก็ดูเด่นสะดุดตามากเกินไปอยู่แล้ว”
“ดังนั้นผมคิดว่าเราควรเลี่ยงการเป็นจุดสนใจให้ได้มากที่สุด”
“เอาล่ะ งั้นหยุดเอาไว้แค่นี้แล้วไปจัดการเรื่องอื่นๆ เถอะ”
“ค่ะ/ค่ะ”
เมื่อมาถึงที่ท่าเรือ ผมขอให้พวกเขาช่วยติดต่อคามิลล์ซังให้ หวังว่าเธอจะอยู่ที่กิลด์นะ
หลังจากนั้นไม่นาน คามิลล์ซังก็มาพร้อมกับรถเข็นจำนวนหลายคัน
ผมแปลกใจที่เธอเตรียมรถเข็นมาเยอะขนาดนี้ คามิลล์ซัง คุณนี่ช่างเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถจริงๆ
“อรุณสวัสดิ์ คามิลล์ซังขอโทษที่มารบกวนแต่เช้านะครับ”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ วาตารุซัง ฉันดีใจที่คุณกลับมาได้อย่างปลอดภัยนะคะ”
“ริมุจังเองก็ดูจะสบายดีด้วยเหมือนกัน”
ริมุกำลังกระโดดอยู่บนหัวของผมพลางพูดว่า
“…ฉันสบายดี…” อ๊า…ช่างน่ารักจริงๆ
“ครับ ริมุเองก็บอกว่าสบายดีเหมือนกัน”
“ผมจะขนพริกไทยออกไปแล้วนะครับ”
“ค่ะ”
“ว่าแต่ วาตารุซัง คุณพอจะสามารถขายส่งให้กับทางกิลด์จะได้ไหมคะ?”
“ได้ครับ ผมตั้งใจจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว”
“ขอบคุณมากค่ะ”
เราขนพริกไทยจากเรือลงไปยังท่าเรือและให้คนจากกิลด์ค้าช่วยขนไปยังรถเข็น
รถเข็นเริ่มจะไม่พอแล้วสิ ยังเหลือพริกไทยอีกประมาณหนึ่งในสามเลยนะ…
“คุณขนกลับมาได้เยอะมากเลยนะคะ วาตารุซัง ยังเหลืออีกเยอะไหมคะ?”
“น่าจะเหลืออีกประมาณหนึ่งในสามครับ”
เกือบไปแล้ว ถ้าขนออกมาหมดล่ะก็ต้องถูกสงสัยหรือถูกตั้งคำถามแปลกๆ แน่เลย
“เข้าใจแล้วค่ะ ตอนที่เราขนพวกนี้กลับไปที่กิลด์ ฉันจะบอกให้พวกเขานำรถเข็นมาเพิ่มค่ะ”
ในที่สุดเราก็ขนพริกไทยทั้งหมดลงมาเสร็จสิ้น จากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปที่กิลด์การค้า
โชคดีที่ตอนนี้ยังเช้าอยู่ เลยไม่ค่อยเด่นเท่าไหร่
“งั้นกรุณารอที่นี่สักครู่นะคะ ฉันจะไปตรวจสอบสินค้าให้ค่ะ”
ผมถูกพาไปพักรออยู่ในห้องๆ หนึ่ง จากนั้นก็ได้รับการเสิร์ฟชาในระหว่างรอ
ขณะที่กำลังรออยู่อย่างสบาย คามิลล์ซังก็กลับเข้ามาในห้อง
“พริกไทยทั้งหมดอยู่ในสภาพดีมากเลยค่ะ”
“ทางกิลด์จะขอรับซื้อไว้ทั้งหมดในราคา 72 เหรียญทองคำขาว แบบนี้โอเคไหมคะ?”
“โอเคครับ”
“ผมขอรับเป็นเงินสด 50 เหรียญทอง แล้วกันครับ ส่วนที่เหลือรบกวนฝากไว้ในบัญชีกิลด์ของผม”
“แล้วก็ช่วยแลก 1 เหรียญทองเป็นเหรียญเงินให้ด้วยนะครับ”
“ได้ค่ะ ฉันจะจัดการให้ ยินดีด้วยอีกครั้งนะคะสำหรับความสำเร็จในการค้าพริกไทย”
“อ๊ะ! ผมมีของฝากให้คามิลล์ซังด้วยครับ มันเป็นชุดเครื่องเทศและผ้าหายากจากทวีปทางใต้ครับ”
“ขอบคุณสำหรับน้ำใจนะคะ แต่ฉันรับของมีค่าขนาดนี้ไว้ไม่ได้หรอกค่ะ”
“ฮ่าฮ่า ไม่เป็นไรครับ”
“ตอนที่ผมซื้อพริกไทยกับของฝากผมซื้อมาเป็นจำนวนมาก พวกเขาเลยลดราคาให้ผมเป็นพิเศษน่ะครับ”
“ดังนั้นอย่ากังวล แล้วรับไปเถอะครับ”
“มันเป็นของล้ำค่ามากเลยนะคะ ในทวีปนี้”
“ผมทราบครับ”
“แต่ของพวกนี้ ผมตั้งใจเลือกมันมาเป็นของฝากจริงๆ ครับ ดังนั้นช่วยรับมันไปเถอะครับ”
“เข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะดูแลพวกมันอย่างดีค่ะ ขอบคุณมาก”
รอยยิ้มของเธอมันทำให้ผมรู้สึกดีจริงๆ ขอบคุณสำหรับรอยยิ้มหวานๆ นะครับ คามิลล์ซัง
“อ้อ ส่วนเครื่องดื่มนี้ เป็นของฝากสำหรับกิลด์มาสเตอร์นะครับ”
“เขาน่าจะเป็นคนที่ยุ่งมากๆ ดังนั้นคุณช่วยส่งให้เขาแทนผมได้ไหมครับ คามิลล์ซัง?”
“ได้เลยค่ะ ว่าแต่ วาตารุซัง ทวีปทางใต้เป็นยังไงบ้างคะ?”
“อืม เรื่องนั้น ผมไปแค่ที่ราชอาณาจักรคาทาเนียนะครับ”
“…ถ้ารวมช่วงเดินทางกลับด้วย ก็น่าจะประมาณสามเดือนก่อน ได้ยินว่ากษัตริย์ของที่นั่นเสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน”
“และถึงแม้จะยังไม่มีการต่อสู้ด้วยอาวุธ แต่สถานการณ์ในประเทศก็ค่อนข้างแย่เลยล่ะครับ เนื่องจากศึกแย่งชิงบัลลังก์”
“อืม เข้าใจแล้วค่ะ การไปค้าพริกไทยในช่วงที่ประเทศไม่มีความมั่นคงคงจะเป็นอะไรที่ยากลำบากมากเลยสินะคะ”
“ครับ พวกเราไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย”
“จริงๆ ผมก็ว่าจะลองไปค้าพริกไทยอีกสักสองสามครั้งดูอยู่ แต่ยังห่วงเรื่องความปลอดภัยนี่สิ”
“เอ๋!? คุณยังจะไปค้าพริกไทยอีกเหรอคะ!”
“ครับ ผมตั้งใจไว้แบบนั้น”
“อ๊ะ ถ้าผมนำพริกไทยเข้ามาเยอะๆ มันจะทำให้ราคาขายมีปัญหาหรือเปล่าครับ?”
“ไม่ค่ะ ที่นี่ยังมีตลาดรองรับอีกเยอะ”
“แต่คุณทำเงินกับมันได้มากมายแล้วนะคะ ฉันคิดว่าคุณควรไปทำธุรกิจด้วยวิธีที่ปลอดภัยจะดีกว่านะคะ”
“อา จริง ๆ ผมตั้งใจจะไปเยี่ยมชมหลายๆ ที่นะครับ การค้าพริกไทยก็แค่ทางผ่าน”
“ผมกำลังคิดว่าจะไปประเทศถัดไปที่อยู่ติดกับราชอาณาจักรคาทาเนียด้วยครับ”
“งั้นเหรอคะ? แต่กรุณารับรู้ไว้ด้วยนะคะว่าการเดินทางนี้อันตรายจริงๆ ดังนั้นอย่าตายนะคะ วาตารุซัง”
เธอจ้องมองผมเหมือนกับว่าเธอปลงแล้ว แบบนี่มันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ นะ
เหมือนเคยเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อน…เลย
“ครับ ผมจะระวัง ขอบคุณมากครับ”
“อีกเรื่อง ผมอยากจะเช่าท่าเรือสำหรับจอดเรือลำนั้นน่ะครับ พอมีที่ว่างไหมครับ?”
“รอสักครู่นะคะ…มีค่ะ คุณสามารถเช่าท่าเรือสำหรับเรือลำนั้นได้ในราคา 3 เหรียญเงินต่อเดือนค่ะ”
“งั้นหัก 3 เหรียญเงิน จากราคาพริกไทยได้เลยครับ”
“เข้าใจแล้วค่ะ คุณสามารถใช้ท่าเรือหมายเลข 55 ได้เลยนะคะ”
“อ้อ อีกเรื่องครับ อีกหกวันผมว่าจะออกเดินทาง”
“ผมจะเดินทางกลับไปยังทวีปใต้อีกครั้ง ดังนั้นผมจึงอยากถอนเงินจำนวน 30 เหรียญทองคำขาวในอีกห้าวันน่ะครับ”
“แล้วก็อยากซื้อผ้าไหมแมงมุมด้วยครับ ขอซื้อจำนวนเท่ากับ 10 เหรียญทองคำขาวครับ”
“ฉันสามารถจัดเตรียมเหรียญทองคำขาวให้คุณได้ในเวลาห้าวันค่ะ”
“แต่สำหรับผ้าไหมแมงมุม ฉันคิดว่าคงรวบรวมได้มากสุดที่ประมาณ 5 เหรียญทองคำขาว เท่านั้นค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น รบกวนเตรียมผ้สไหมแมงมุมในราคา 5 เหรียญทองคำขาวให้ด้วยครับ”
“แล้วก็ไม่ต้องฝืนรวบรวมให้ครบก็ได้ครับ เอาเท่าที่ทำได้ก็พอ ขอบคุณครับ!”
“ขอบคุณสำหรับความเข้าใจค่ะ ฉันจะพยายามรวบรวมให้ได้มากที่สุด”
“ขอบคุณมากครับ ผมซาบซึ้งใจจริงๆ”
ผมต้องการเงินอย่างน้อย 500 เหรียญทองคำขาวเพื่อที่จะซื้อเรือสำราญสุดหรู
ถ้าผมถอนทีเดียว 500 เหรียญ มันจะต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ
ดังนั้นผมควรถอนออกมาทีละน้อยๆ และค่อยๆ ทยอยเก็บสะสมไป
หลังจากได้รับเงินแล้ว ผมก็ออกจากกิลด์การค้า ระหว่างทางผมเจอดิโน่ซังและเอ็นริเก้ซัง
เลยยื่นของฝากให้พวกเขา ผมบอกไปว่าไม่รู้ว่าพวกมันอร่อยไหม…แต่พอบอกว่ามันมาจากอีกทวีปหนึ่ง
พวกเขาก็หัวเราะออกมาและบอกว่าจะลองเอาไปดื่มดู
ผมยังเอาเหล้าพวกนี้ไปฝากดอนนิโน่ซังด้วย แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าผมต้องเอาไปฝากกีโดซังกับคนอื่นๆ ด้วย
ผมจะฝากไว้นี้ได้ไหมนะ…ถ้าไม่ได้ คงต้องรบกวนคามิลล์ซังช่วยส่งไปให้
ส่วนของฝากของทุกคนในจิราโซเล่ ผมจะเอาไปส่งให้ด้วยตัวของตัวเอง
พอมาถึงที่โรงแรมและได้ห้องพักเรียบร้อย
ผมก็ยื่นของฝากให้กับคุณเจ้าของด้วยเช่นกัน พวกเขาดีใจกันมากๆ กับเครื่องเทศ
ดีใจมากยิ่งกว่าผ้าอีก และบอกว่าจะนำไปใช้ในหลายๆ รูปแบบ
“เฮ้อ… ตอนนี้ผมต้องเอาของฝากไปให้กีโดซังกับคนอื่นๆ แล้วก็ทุกคนๆ ในจิร่าโซเล่”
“หลังจากนั้นเราค่อยไปซื้ออาหารและอุปกรณ์สำหรับการอพยพ”
“นายท่าน ฉันอยากกินอาหารอร่อยๆ ค่ะ”
“อาหารอร่อย? ผมนึกร้านไม่ออกเลย ไอเนส เธอพอรู้จักร้านบ้างไหม?”
“ร้านอาหารแถวท่าเรือค่ะ พวกเขาเสิร์ฟปลาสดๆ ด้วย”
“ตอนนี้ก็ใกล้เที่ยงแล้ว งั้นไปที่ร้านนั้นกันเถอะ”
“ระหว่างทางกลับ เราจะแวะไปบ้านของกีโดซัง กับที่พักของพวกจิราโซเล่ แล้วก็ซื้อของก่อนกลับ ตกลงไหม ริมุ?”
“…ริมุ…ปลา…กิน…”
ริมุตอบพลางดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่บนหัวของผม…น่ารักจริง ๆ
ร้านอาหารที่ไอเนสแนะนำอร่อยมาก อาหารทะเลสดๆ มีรสชาติดีจนไม่ต้องปรุงแต่งอะไรเลย
มาคิดๆ ดูแล้ว ผมก็ไม่ได้ทานปลาสดๆ มานานมากๆ แล้ว
ทั้งๆ ที่อยู่บนเรือแทบจะตลอดเวลา บางทีผมควรลองตกปลาดูนะ แต่ผมไม่มีความรู้เรื่องนี้เลยน่ะสิ
ดังนั้นผมจึงไปซื้อปลาสดๆ มาจากตลาดปลาใกล้ๆ จากนั้นก็แอบเก็บมันไว้ในเรือยางเพื่อไม่ให้มันเสีย
อ๊ะ เกือบโดนคนที่เดินผ่านไปมาเห็นเข้าซะแล้ว ผมไม่ควรใช้เวทอัญเชิญบ่อยๆ กลางถนน
ผมแวะบ้านกีโดซัง โชคดีที่เขาอยู่บ้านพอดี เขาดีใจที่เห็นผมกลับมาอย่างปลอดภัย…และดูเหมือนจะดีใจยิ่งกว่าเมื่อผมยื่นเหล้าให้เขา
ได้ข่าวมาว่าคาร์โลซังกับแดเนียลซังยังอยู่ที่เกาะ ผมเลยฝากของฝากไว้กับกีโดซังและขอให้เขาช่วยส่งต่อให้
ผมแอบกังวลนิดหน่อยกับสายตาระยิบระยับของกีโดซังที่ดูตื่นเต้นกับเหล้ามากๆ
หวังว่าเขาจะส่งของฝากไปถึงมือคนอื่นๆ อย่างปลอดภัยนะ
ตอนนี้เราอยู่ใกล้ๆ กับย่านการค้าแล้ว และกำลังจะไปซื้อของ
“ข้าวสาลีถ้าเก็บทั้งๆ ที่เป็นเมล็ดจะเก็บได้นานกว่าไหม?”
“ในหมู่บ้านของเธอมีเครื่องมือสำหรับโม่ข้าวสาลีเป็นแป้งไหม เฟลิเซีย?”
“มีค่ะ หมู่บ้านของเราเก็บรักษาข้าวสาลีแบบเป็นเมล็ดอยู่แล้ว”
“เข้าใจแล้ว งั้นซื้อข้าวสาลีมาเพิ่มอีกเยอะๆ ดีไหม ว่าแต่หมู่บ้านของเฟลิเซียมีคนอยู่กี่คน?”
“คุณพ่อบอกว่าตอนนี้มีคนอยู่ในหมู่บ้าน 35 คนค่ะ การโจมตีของพวกศัตรูทำให้จำนวนคนของพวกเราลดลงเยอะเลย”
โอ้…ขอโทษที่ต้องให้พูดเรื่องเศร้าแบบนี้ออกมานะเฟลิเซีย ต่อไปผมจะคิดให้ดีก่อนพูด
ผมบอกกับเจ้าของร้านให้เตรียมข้าวสาลีจำนวนมาก ที่เพียงพอสำหรับคน 40 กินได้ประมาณ 6 เดือน
เราตกลงกันให้เขานำมาส่งที่หน้าเรือของพวกเราเป็นรอบๆ
ส่วนเรื่องเนื้อสัตว์ ในทุ่งหญ้ามีเจ้ากระต่ายเขาอยู่เป็นจำนวนมาก และดาร์กเอลฟ์ที่ล่าสัตว์เก่งก็คงจะจับพวกมันได้โดยไม่มีปัญหา
แต่เพื่อความปลอดภัย เราควรซื้อเนื้อแห้งเผื่อไว้ด้วย
ผักนั้นเสียง่าย เลยซื้อมาแค่เล็กน้อย และเมื่อเห็นว่ามีการขายเมล็ดพันธุ์ผัก ผมเลยซื้อมาเก็บไว้ทุกชนิด
ที่ร้านที่ผมเคยซื้อเต็นท์สำหรับแพ คราวนี้ผมสั่งเต็นท์ขนาดใหญ่สำหรับ 10 คน 2 หลัง เต็นท์สำหรับ 5 คน 5 หลัง
และเต็นท์สำหรับ 2 คนอีก 10 หลัง และให้พวกเขานำมาส่งที่เรือ พวกเขาดูตื่นเต้นกับการสั่งซื้อครั้งใหญ่นี้มาก
เรายังต้องการเครื่องมือช่างและอุปกรณ์สำหรับการทำเกษตร เลยไปที่ร้านขายของทั่วไปแล้วซื้อทุกอย่างที่นึกออก
เช่น จอบ 10 อัน พลั่ว 10 อัน ชุดเครื่องมือช่างไม้ 5 ชุด ตะปูจำนวนมาก และถังน้ำ 10 ใบ ผมให้พวกเขานำมาส่งที่เรืออีกเช่นเคย
เฟลิเซียบอกว่าไม่จำเป็นต้องซื้อเยอะขนาดนี้ แต่ผมอธิบายกับเธอว่า เราไม่ได้อยู่บนเกาะตลอด
สิ่งสำคัญคือต้องมีของสำรองไว้ จากนั้นเราก็ไปซื้อของกันต่อ หาซื้อของเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจจำเป็น
ไม่ทันรู้ตัว ผมก็ใช้เงินไปมากถึง 10 เหรียญทอง
ไอเนสและเฟลิเซียมองมาที่ผมด้วยสายตาอึ้งๆ…
เอ๊ะ! แบบนี้มันรู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ แฮะ ผมเคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนรึเปล่านะ…
ผมพยายามอธิบายให้พวกเธอเข้าใจว่า การเริ่มต้นตั้งรกรากในที่ที่ไม่มีอะไรเลยมันยากแค่ไหน
ไม่ได้ตั้งใจจะพยายามช็อปปิ้งแบบคนรวยเลยสักนิด
รู้สึกเหมือนถูกมองด้วยสายตาสงสัย…เลย แต่คงเป็นแค่จินตนาการของผม…ใช่ไหม?
“ผมคิดว่าเรามีของจำเป็นครบแล้ว มีอะไรที่พวกเธออยากได้อีกไหม?”
“อืม… ฉันคิดว่าเราควรไปอยู่ที่เกาะจริงๆ ก่อน แล้วค่อยซื้อสิ่งที่จำเป็นทีหลังดีกว่า”
“พวกเราจะไปตรวจดูที่เกาะเป็นระยะๆ ใช่ไหมคะ?”
“ใช่ โดยเฉพาะช่วงแรกๆ ที่ต้องขนผักหรือของจำเป็นต่างๆ”
“ถ้างั้นก็พอแล้วล่ะค่ะ ฉันขอโทษจริงๆ นะคะที่นายท่านต้องมาเสียเงินมากมายขนาดนี้”
“ไม่ต้องกังวลหรอก เฟลิเซีย เรื่องนี้อยู่ในสัญญาตั้งแต่แรกแล้ว”
“การช่วยเรื่องการย้ายถิ่นฐานเป็นส่วนหนึ่งในนั้น ผมแค่ทำตามสัญญา และนี่ก็เป็นสิ่งที่เธอควรจะได้ด้วย”
“อุฟุฟุ…(เก๊กเสียง) ผมแทบรอไม่ไหวที่จะอพยพให้เสร็จแล้ว จากนั้นผมก็จะได้…”
“เดี๋ยวสิ ไอเนส ผมกำลังพูดเท่ๆ อยู่นะ”
“อารา? หรือว่าคุณไม่อยากคะ?”
“มะ มะ ไม่ใช่อย่างนั้นนะ ผมอยากทำสิ”
“ความซื่อสัตย์เป็นเรื่องที่ดีนะคะ นายท่าน”
“อย่ากังวลไปเลย เฟลิเซีย”
“ถ้านายท่านทำงานหนัก เธอก็แค่ตอบแทนเขาให้หนักบ้างก็เท่านั้น”
“ฉันเชื่อว่าถ้าทำแบบนั้น นายท่านจะมีความสุข ใช่ไหมคะนายท่าน?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…ก็ต้องใช่อยู่แล้วสิ…”
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ นายท่าน”
“เอาล่ะ ไปเอาของฝากไปให้ทุกคนในจิราโซเล่กันเถอะ”
ยอดเงินคงเหลือ: 39 เหรียญทอง 98 เหรียญเงิน 70 เหรียญทองแดง
ยอดเงินฝากในกิลด์: 71เหรียญทองคำขาว 49เหรียญทอง 97เหรียญเงิน
MANGA DISCUSSION