ในขณะ ที่ผมยังคงตื่นเต้นกับการทำสัญญาทาสกับไอเนสซังอยู่
ดูซิโอ้ซังเดินเข้ามาคุยกับผม
“แล้วจะเอายังไงกับ เฟลิเซียดีครับ?”
เฟลิเซีย? อ๊ะ ใช่แล้ว ผมจำได้ว่าผมของการเธอด้วยนี่…ผมจะลองคุยกับเธอดู
“ผมจะคุยกับเธอครับ รบกวนช่วยเรียกเธอเข้ามาให้ด้วยครับ”
“อารา~ คุณโลภจังเลยนะคะ นายท่าน”
“ทั้งๆ ที่ซื้อฉันมาแล้ว แต่คุณก็ยังอยากได้เพิ่มอีกคนงั้นเหรอคะ แถมยังเป็นเฟลิเซียอีก”
“ฮะ ๆ ไอเนสซังคนเดียวคงจะคุ้มกันผมตลอดเวลาไม่ได้หรอก ใช่ไหมล่ะครับ”
“ดังนั้นผมเลยต้องการอีกอย่างน้อยหนึ่งคนครับ”
“ก็จริงนะคะ”
ในขณะที่เรากำลังพูดกันอยู่ ริมุก็โผล่ออกมาจากกระเป๋า
มันปีนขึ้นมาบนไหล่ของผมแล้วส่งข้อความมา
“…หิว…”
“อ้อ เข้าใจแล้ว หิวแล้วสินะ ขอโทษน้า…ที่ต้องให้รอนาน”
“รอแปปนะ”
“ดูซิโอ้ซัง ผมขอเริ่มอีกทีหลังจากทานมื้อกลางวันได้ไหมครับ?”
“ได้เลยครับ ถ้าคุณต้องการ ผมสามารถจัดมื้อกลางวันให้คุณได้ที่นี่เลยครับ”
“โอ้ งั้นผมขออาหารสำหรับ 5 คน นะครับ?”
“แล้วก็ คุณพอมีเสื้อผ้าสำหรับไอเนสซังขายบ้างไหม?”
“ได้เลยครับ กรุณารออยู่ในห้องนี้ซักครู่นะครับ”
“ริมุ เดี๋ยวอาหารก็มาแล้ว รอหน่อยนะ”
“…อืม…”
“นายท่าน เด็กคนนี้เป็นอสรูรับใช้ของคุณอย่างงั้นเหรอคะ?”
“ใช่ครับ ผมยังไม่ได้แนะนำมันเลย นี่คือริมุ เป็นโฮลี่สไลม์และเป็นอสูรรับใช้ของผมครับ”
“ริมุ คนนี้คือไอเนสซัง เธอจะมาเป็นหนึ่งในพวกพ้องของเรานับตั้งแต่วันนี้ไป”
“…พวกพ้อง…”
“นายท่าน คุณคุยกับริมุได้ด้วยเหรอคะ?”
“ครับ ถึงอาจจะดูเหมือนผมพูดอยู่คนเดียวก็เถอะ แต่จริงๆ แล้วผมกำลังคุยกับริมุอยู่ครับ”
“เข้าใจแล้วค่ะ ริมุจัง ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“…พวกพ้อง…”
ริมุรู้ความหมายของคำว่า “พวกพ้อง” ไหมนะ?
เอาเถอะ ยังไงก็แล้วแต่ ริมุ น่ารัก
“มันดูนุ่มลื่นและดูจะให้สัมผัสที่ดีมากเลยนะคะ”
“ใช่ครับ ริมุให้สัมผัสที่ดีมาก”
ในขณะที่ผมกำลังอธิบายถึงความน่ารักของริมุให้ไอเนสซังฟังอยุ่นั้น…อาหารกลางวันก็ถูกนำมาเสิร์ฟ
“อาหารและเสื้อผ้าของคุณพร้อมแล้วครับ”
“ขอบคุณมากครับ ทั้งหมดนี่ ราคาเท่าไหร่ครับ?”
“ทั้งหมดนี่ถือว่าเป็นบริการครับ”
“เอ๊ะ? จะดีเหรอครับ? เสื้อผ้าพวกนี่ดูเป็นของดีมากเลยนะครับ”
“ไม่มีปัญหาครับ”
“งั้นเหรอครับ ถ้างั้นก็ขอบคุณมากเลยครับ”
“ไอเนสซัง คุณไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะครับ ระหว่างที่ผมจะไปตามดีโน่ซังกับเอนริเก้ซัง”
“ได้เลยค่ะ”
ผมออกไปข้างนอกเพื่อไปเรียกดีโน่ซังและเอนริเก้ซัง
“ดีโน่ซัง เอนริเก้ซัง ขอโทษที่ทำให้ต้องรอนะครับ ผมเตรียมอาหารไว้ให้แล้ว เชิญเข้ามาทานได้เลยครับ”
ผมพาดีโน่ซังกับเอ็นริเก้ซังกลับเข้ามาในห้อง
อ๊ะ จริงสิ ผมควรจะแนะนำไอเนสซังให้พวกเขารู้จัก
“ไดโนซัง เอ็นริโกซัง นี่คือไอเนสซัง เธอจะมาเป็นพวกพ้องของผมนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฝากดูแลเธอด้วยนะครับ”
“ฉันชื่อไอเนสค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“เอาล่ะ มาทานข้าวกันเถอะครับ”
“จะทานแล้วนะครับ”
“จะทานแล้วนะครับ/คะ”
“ริมุ อร่อยไหม?”
“…อร่อย…”
ริมุกำลังกระโดดไปกระโดดมารอบๆ จานอาหาร เหมือนตอนมื้อเช้า
ห๊า มันช่างน่ารักจริงๆ
หลังมื้อเที่ยง ผมขอให้ไอเนสซังกับผู้ติดตามทั้งสองของผมไปรออยู่อีกห้องนึงก่อน
แล้วผมก็พาริมุไปพบกับอีกคนเพียงลำพัง
ผมเดินเข้าไปในห้องที่มีบาเรียของเทพแห่งการค้า ไม่นานหลังจากนั้นเฟลิเซียซังก็เดินเข้ามาในห้อง
“ฉันชื่อเฟลิเซียค่ะ เป็นดาร์คเอลฟ์ค่ะ ยินดีที่ได้พบนะคะ”
“ครับ ผมชื่อวาตารุ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากเลย ผมสีเงินเปล่งประกาย ผิวสีน้ำตาลเข้มกว่าของโดโรธีซังเล็กน้อย
หน้าอกคัพ F เป็นอย่างน้อย ผมสามารถเห็นสัดส่วนที่โค้งเว้าของเธอได้ชัดเจนเลยผ่านเสื้อผ้าบางๆ ของเธอ…
ไม่สิ ตอนนี้ต้องตั้งใจคุยเพื่อให้เธอยอมเซ็นสัญญากับผม
“ท่านวาตารุคะ เงื่อนไขที่ฉันได้ยื่นให้กับทางโรงค้าทาสคือ”
“ดิฉันต้องการอาหารในปริมาณเพียงพอและอนุญาตให้มีความสัมพันธ์ทางเพศในบางกรณีได้ค่ะ”
“เงื่อนไขน้อยมากเลยนะครับ ผมว่าคุณสามารถตั้งเงื่อนไขที่ดีได้มากกว่านี้อีกระครับ”
“ใช่ค่ะ ฉันทำแบบนี้เพราะคิดว่าเงื่อนไขที่น้อยแบบนี้ จะทำให้ได้ราคาที่ดีขึ้นถ้าฉันต้องถูกส่งไปประมูลค่ะ”
เธอดูแตกต่างจากไอเนสซังมากเลย จะว่ายังไงดีเธอดู จริงจังหรือจะพูดว่าดูรีบร้อนก็ได้?
มาลองฟังเรื่องของเธออย่างตั้งใจดูดีกว่า
“ผมขอถามได้ไหมครับว่าเฟลิเซียซังกลายมาเป็นทาสได้ยังไง?”
“ค่ะ ฉันเป็นลูกสาวของหัวหน้าหมู่บ้านดาร์คเอลฟ์ในป่าแห่งหนึ่งค่ะ”
“อยู่มา วันหนึ่ง หมู่บ้านของพวกเราถูกโจมตีโดยนักล่าค่ะ พวกเราพยายามต่อต้านอย่างสุดกำลังและสามารถขับไล่พวกเขาไปได้”
“แต่ก็มีชาวบ้านหลายคนที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิตไปค่ะ และอาหารของเราก็กำลังจะหมด ดังนั้นฉันจึงขายตัวเองไปเป็นทาสเพื่อซื้ออาหารและยาค่ะ”
โอ้โห เรื่องนี้มันหนักหนากว่าที่คิดไว้เสียอีก
แต่นักล่าอย่างงั้นเหรอ? ผมได้ยินมาว่าประเทศนี้แทบไม่มีการเหยียดเชื้อชาติเลยนะ
ทำไมถึงยังมีเหตุการแบบนี้เกิดขึ้นได้?
“เฟลิเซียซัง ผมได้ยินมาว่าประเทศนี้แทบไม่มีการเหยียดเชื้อชาติเลยนะครับ หรือผมเข้าใจผิดไปเองหรือเปล่าครับ?”
“ไม่ค่ะ ประเทศนี้เป็นประเทศที่ที่น่าอยู่และแทบจะไม่มีการเหยียดเชื้อชาติเลยค่ะ”
“ฉันคิดว่าคงเป็นพวกประเทศที่ยึดถือว่ามนุษย์เป็นใหญ่น่าจะเป็นคนที่โจมตีหมู่บ้านของเราค่ะ”
“พวกเขาโจมตีเราและจับตัวคนของเราไป ไม่ใช่ในฐานะทาสตามหลังการของเทพแห่งการค้า แต่เป็นการใช้วงเวทย์บังคับให้กลายเป็นทาสค่ะ”
“แล้วกษัตริย์ของประเทศนี้ไม่มีมาตรการอะไรรับมือกับเรื่องแบบนี้เลยเหรอครับ?”
“ไม่มีค่ะ ท่านได้เพิ่มการรักษาความปลอดภัยตามขอบชายแดนและเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่แล้ว”
“แต่ประเทศนี้ใหญ่เกินไปจนดูแลได้ไม่ทั่วถึง”
“แล้วอีกเรื่องก็คือ เผ่าของพวกเราส่วนใหญ่จะมีรูปร่างหน้าตาดีที่ดี เลยมักจะถูกซื้อขายในราคาที่สูงค่ะ”
“แม้แต่ในประเทศนี้ พวกเราก็ยังถูกตามล่าจากนักล่าและโจรค่ะ”
“ยังมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อีกหรือครับเนี่ย?”
“ค่ะ และฉันรู้ว่านี่เป็นเงื่อนไขที่ยากมาก”
“แต่ฉันอยากให้คุณช่วยหาแหล่งที่อยู่ใหม่ที่ปลอดภัยให้กับพวกเราค่ะ”
“และเนื่องจากจำนวนคนในหมู่บ้านของเราลดลง ฉันเลยอยากตามหาดาร์คเอลฟ์ที่อาศัยอยู่ตามที่อื่นๆ และเชิญชวนพวกเขามาอยู่ด้วยกัน”
“หากคุณสามารถช่วยเหลือพวกเราได้ ฉันจะทุ่มเททุกอย่างที่มีให้กับคุณค่ะ ดังนั้นได้โปรดช่วยพวกเราด้วย”
อืม…การที่จู่ๆ มีสาวสวยผมเงินแถมหน้าอกใหญ่ มาพูดว่าจะทุ่มเททุกอย่างให้แบบนี้
มันควรจะเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสิ แต่ผมกลับตื่นเต้นไม่ออก เพราะบรรยากาศมันชวนให้รู้สึกเศร้าแทน
จริงๆ แล้วปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ด้วยสกิลอัญเชิญเรือ
แต่ว่าการที่เงื่อนไขในสัญญาทาสของทั้งสองคน สามารถจัดการได้ด้วยสกิลอัญเชิญเรือทั้งคู่เลยเนี่ย มันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ มันดูง่ายเกินไป…
“ฉันรู้ค่ะ ฉันรู้ว่ามันยาก และฉันก็ต้องขอโทษที่ขออะไรที่ดูป็นการเรียกร้องมากเกินไป”
“ฉันรู้ดีว่าต่อให้ฉันทุ่มเททุกอย่างให้ มันก็อาจไม่เพียงพอกับสิ่งที่ฉันขอด้วยซ้ำ แต่…”
ในขณะที่ผมกำลังคิดอยู่นั้น บทสนทนาก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
ผมไม่มีทางเลือกแล้วสินะ นอกจากต้องลุยเท่านั้น ไม่ว่าจะออกมาดีหรือร้าย…
“ผมพอมีความคิดดีๆ ครับ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้ผลไหม คุณอย่างลองฟังดูไหมคครับ”
“จริงเหรอคะ? ช่วยบอกฉันทีเถอะค่ะ”
“ดูที่สกิลของผมครับ ผมมีสกิลพิเศษที่ชื่อว่า ‘อัญเชิญเรือ’ อยู่ครับ”
“ผมสามารถอัญเชิญเรือที่ ไม่มีวันจม ไม่มีวันเสียหาย และไม่มีใครสามารถบุกเข้ามา ออกมาได้ครับ”
“ตอนนี้ผมกำลังหาคนคุ้มกัน เวลาที่ผมต้องลงจากเรือเพื่อไปค้าขาย”
“ถ้าเฟลิเซียซังมีความสามารถมากพอที่จะสามารถปกป้องผมได้”
“ผมก็สามารถช่วยคุณตามหาเกาะ เพื่อเป็นที่อยู่ใหม่และอพยพผู้คนไปอาศัยอยู่ที่นั่นพร้อมกับทำการค้าได้ครับ”
“แต่มันก็ยังมีความเป็นไปได้ที่อาจจะไม่มีเกาะที่อาศัยอยู่ได้ด้วยนะครับ”
“หรืออาจจะหาไม่เจอเลยก็ได้”
“แต่ถ้าผมสามารถหาเกาะที่เหมาะสมเจอได้จริงๆ ผมจะช่วยพวกคุณอพยพไปที่เกาะนั้นเองครับ”
“ในทะเลเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ทะเลขนาดใหญ่ ซึ่งโอกาสที่คนอื่นจะไปถึงที่เกาะนั้นได้จึงต่ำมาก”
“แต่ทั้งหมดที่ผมพูดมาต้องอาศัยโชคเป็นอย่างมากเลยนะครับ และนั่นก็เป็นทั้งหมดที่ผมพอจะช่วยคุณได้ครับ”
“คุณสามารถเรียกเรือ ที่ไม่มีวันจมได้จริงๆ เหรอคะ?”
“ถ้างั้น คุณก็สามารถเดินเรือข้ามมหาสมุทรได้อย่างอิสระ บางทีคุณอาจหาเกาะร้างที่สามารถอยู่อาศัยเจอก็ได้นะคะ”
“ผมไม่ได้เดินเรือข้ามมหาสมุทรได้อย่างอิสระขนาดนั้นหรอกครับ”
“เรายังมีปัญหาเรื่องเสบียงอยู่ แต่ผมสาบานต่อเทพแห่งการค้าเกี่ยวกับสกิลพิเศษของฉันได้ครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ เอ่อ…ฝากตัวด้วยนะคะ”
“ครับ ก่อนอื่น คุณช่วยแสดงค่าสถานะของคุณให้ผมดูหน่อยจะได้ไหมครับ?”
“แล้วเราค่อยมาตกลงกันเรื่องเงื่อนไข”
“ได้ค่ะ สถานะ”
ชื่อ: เฟลิเซีย
อายุ: 62
เผ่าพันธุ์: ดาร์คเอลฟ์
อาชีพ: ทาส
เลเวล: 92
ค่าสถานะ:
พลังชีวิต: 920
พลังเวท: 1840
ความแข็งแกร่ง: 92
สติปัญญา: 268
ความคล่องแคล่ว: 178
โชค: 18
สกิล:
เวทสายฟ้า เลเวล 3
เวทบาเรีย เลเวล 3
ธนู เลเวล 3
ศิลปะการใช้มีดสั้น เลเวล 2
ตรวจจับ เลเวล 2
เสริมพลังร่างกาย เลเวล 2
อายุ 62 อย่างงั้นเหรอ!
คงเป็นเรื่องปกติของดาร์คเอลฟ์สินะ?
ชัดเจนว่าเธอเป็นสายโจมตีระยะไกล แต่เวทสายฟ้ากับเวทบาเรียเนี่ย
โดยเฉพาะเวทบาเรีย ดูมีประโยชน์มากเลย สำหรับความปลอดภัยของผม
ผมอยากให้เธอมาร่วมทีมจังเลย
“เฟลิเซียซัง เวทบาเรียนี้ทำงานยังไงเหรอครับ?”
“เวทบาเรียคือเวทที่สร้างบาเรียรอบขึ้นมารอยๆ วัตถุเพื่อป้องกันการโจมตีค่ะ”
“ด้วยความสามารถของฉัน ฉันสามารถป้องกันการโจมตีที่รุนแรงได้หนึ่งครั้งค่ะ ไม่ว่าจะเป็นทางกายภาพหรือเวทมนตร์”
“แล้วขณะใช้ที่ใช้บาเรีย เราสามารถเคลื่อนไหวได้ไหมครับ?”
“ได้ค่ะ บาเรียจะตรวจจับอันตรายโดยอัตโนมัติและป้องกันไว้ ไม่มีผลต่อการเคลื่อนไหวปกติเลยค่ะ”
ยอดเยี่ยมมาก ผมอยากได้เธอมาร่วมทีมมากๆ เลย
อ๊ะ ลืมไปเลย ผมต้องถามริมุก่อนว่าโอเคไหม
ผมปลุกริมุที่หลับอยู่ในกระเป๋าขึ้นมา มันคงง่วงเพราะเพิ่งกินข้าวเที่ยงไป
แต่ผมต้องปลุกมันขึ้นมาเพื่อพบกับเฟลิเซียซัง
“ริมุ คิดยังไงกับพี่สาวคนนี้?”
“…?…”
มันดูไม่ค่อยเข้าใจที่ผมพูดเท่าไหร่ แต่ถ้ามันไม่ได้เกลียดอะไร ก็ไม่น่าจะมีปัญหา
“เฟลิเซียซัง ผมอยากให้คุณเซ็นสัญญากับผมครับ ช่วยบอกเงื่อนไขของคุณมาหน่อยครับ”
“ค่ะ ฉันอยากให้คุณช่วยหาแหล่งที่อยู่ใหม่ที่ปลอดภัย ช่วยอพยพพวกเราไปเมื่อเจอที่ๆ เหมาะสมค่ะ”
“และหากพบดาร์คเอลฟ์ที่อื่นหลังจากนั้น ก็ช่วยพาพวกเขาย้ายมาอยู่ด้วยค่ะ”
“ถ้าทำได้ ฉันจะมอบทั้งกายและใจให้คุณค่ะ แต่ขอให้เป็นหลังจากหาเกาะเจอและอพยพสำเร็จแล้วนะคะ?”
“ในระหว่างนั้นฉันจะรับใช้คุณอย่างสุดความสามารถค่ะ”
การรับใช้อย่างสุดความสามารถ? ผมดีใจมากเลย
แต่นี่เป็นครั้งที่สองแล้วนะ ที่ผมไปไม่ได้จนถึง(ตอนจบ) คงต้องไปโบสถ์เพื่อเช็กดูว่าท่านเทพไม่ได้ลิขิตอะไรแปลกๆ ไว้ให้ผมใช่ไหม
“เข้าใจแล้วครับ ภายใต้เงื่อนไขเหล่านั้น ผมยินดีที่จะทำสัญญาทาสกับคุณ”
เมื่อผมออกไปแจ้งดูซิโอ้ซัง ว่าเราตกลงเงื่อนไขกันได้แล้ว
เขาก็ถึงกับตกตะลึงอีกครั้ง ผมขอให้เขาหัก 30 เหรียญทองจากบัตรกิลด์ขอผม แล้วเราก็เดินไปยังห้องสำหรับทำสัญญา
ในห้องนั้น เราขึ้นไปยืนบนวงเวทและกล่าวคำสาบานและเงื่อนไข
“ผมขอสาบานต่อเทพแห่งการค้าว่าจะไม่โกหกเกี่ยวกับความสามารถของตนเอง และเงื่อนไขของสัญญาทาสคือการค้นหาแหล่งที่อยู่ที่ปลอดภัย
ให้กับเหล่าดาร์คเอลฟ์ ช่วยเหลือในการอพยพเมื่อเจอเกาะที่เหมาะสม และหลังจากหาเกาะเจอหากพบดาร์คเอลฟ์ในที่อื่นๆ
จะช่วยพวกเขาในการย้ายถิ่นฐานมา และเมื่อการอพยพเสร็จสิ้น ผมจะขอให้คุณมอบทั้งกายและใจให้กับผม และเราจะมีความสัมพันธ์กัน
หลังจากการอพยพเสร็จสิ้นแล้วเท่านั้น ระหว่างนี้คุณจะต้องรับใช้ผมอย่างสุดความสามารถ”
เมื่อผมหยดเลือดลงบนปลอกคอของเฟลิเซียซัง วงเวทก็เปล่งแสงและดูดซับเลือดเข้าไป
“เฮ้อ เราทำสำเร็จสินะครับ ผมไม่ถนัดกับอะไรที่ตึงเครียดแบบนี้เลย”
“นายท่าน ฉันจะทำให้ดีที่สุดตราบที่สัญญานี้ยังคงอยู่ ฝากตัวด้วยนะคะ”
“ครับ”
“ดูซืโอซัง ขอโทษที่ต้องรบกวนอีกครั้ง แต่ช่วยจัดการเรื่องเสื้อผ้าของเฟลิเซียซังให้หน่อยได้ไหมครับ?”
“ได้เลยครับ รอสักครู่นะครับ”
ผมขอให้เขาไปจัดการเรื่องเสื้อผ้ามาให้ และหลังจากเฟลิเซียซังเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ พวกเราก็ไปยังห้องที่ทุกคนรออยู่
เมื่อเข้าไปในห้อง พวกเราก็ทักทายกัน หลังจากนั้นก็จะกลับไปที่โรงแรมและจัดการห้องพักใหม่สำหรับพวกเราทุกคน
เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ผมจะไปวางแผนว่าเราควรจะต้องซื้อของอะไรเพิ่มบ้าง
เรากลับไปที่โรงแรมนกนางแอื่น แล้วเปลี่ยนห้องพักเป็นห้องสำหรับสี่คน และจัดให้คนคุ้มกันสองคนพักอยู่ห้องข้างๆ
“ผมอยากจะพูดคุยเกี่ยวกับแผนการในอนาคตของพวกเราครับ”
“ไอเนสซังกับเฟลิเซียซังจะต้องไปซื้อของใช้ที่จำเป็น เช่น เสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว อาวุธ และชุดเกราะ”
“ผมต้องไปทำงานบนเกาะอีกประมาณสิบวัน ในระหว่างนี้ ไอเนสซังกับเฟลิเซียซังจะต้องไปฝึกวิธีการเป็นคนคุ้มกันจากดีโน่ซังกับเอ็นริเก้ซัง”
“ฉันเคยรับงานเป็นผู้คุ้มกันอยู่หลายครั้งเลยนะคะ ตอนที่เป็นนักผจญภัย”
“ดีโน่ซังกับเอ็นริเก้ซังเป็นผู้คุ้มกันมืออาชีพที่กิลด์การค้าแนะนำให้ผมมาครับ ผมคิดว่าคุณน่าจะได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากพวกเขาเยอะเลย”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
“งั้นไอเนสซัง เฟลิเซียซัง ช่วยคิดมาด้วยนะครับ ว่าพวกคุณต้องการอะไรบ้าง แล้วก็จดรายการมาให้ด้วยนะครับ”
“”ค่ะ””
พวกเราเริ่มกันที่ร้านอาวุธ เราซื้อดาบและคทาเล็กให้กับไอเนสซัง และมีดสั้น กับธนู และคทาเล็กให้กับเฟลิเซียซัง
ที่ร้านชุดเกราะ ไอเนสซังเลือกซื้อชุดเกราะเบา ส่วนเฟลิเซียซังซื้อชุดเกราะที่ทำจากหนังของมอนสเตอร์
ผมฉันถามพวกเธอว่าทำไมถึงไม่ใช้คทาใหญ่ พวกเธออธิบายว่าคทาใหญ่ใช้สำหรับสร้างวงเวทขนาดใหญ่ในพิธีกรรม
แต่คทาเล็กใช้สำหรับวงเวทที่ใช้ในการต่อสู้
จากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปยังร้านขายเสื้อผ้าและร้านอุปกรณ์
วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนานจริงๆ แม้ในโลกนี้
ผู้หญิงก็ยังต้องใช้เวลาในการเลือกซื้อของนานเหมือนกันสินะ
แต่ดูเหมือนพวกเธอจะกำลังสนุกกันอยู่ ผมคิดว่าแบบนี้คงไม่มีปัญหาอะไรสินะ?
ส่วนผมกับผู้คุ้มกันทั้งสอง อย่างดีโน่ซังและเอ็นริเก้ซัง ก็ได้แต่ยืนเฝ้ามองอย่างเงียบๆ อยู่ห่างๆ
ยอดเงินคงเหลือ: 3 เหรียญทอง 11 เหรียญเงิน 10 เหรียญทองแดงยอดเงินฝากในบัญชีกิลด์: 4 เหรียญแพลตินัม 23 เหรียญทอง 80 เหรียญเงิน
บ่นไปเรื่อยหลังจบตอน
เย้ ตอนนี้ไม่ค่อยยาวเท่าไหร่ แปลสบายกว่าตอนที่แล้วเยอะเลย
เอาล่ะครับ ในที่สุดวาตารุของเราก็ได้ สาวๆ มาครบแล้ว ตอนหน้าก็เตรียมตัวออกเดินทางกันซักที
MANGA DISCUSSION