หกเดือนผ่านไปนับตั้งแต่การพิจารณาคดีที่สุดแสนไร้สาระสิ้นสุดลง
ชีวิตในเมืองทางใต้ของผมก็ยังคงเต็มไปด้วยปัญหาวุ่นวายต่างๆ มากมาย
แต่ในทางกลับกัน ชีวิตบนเกาะของผมนั้น สงบสุขและสะดวกสบายเป็นอย่างมาก
แทนที่การไปที่เกาะจะเป็นการทำเพื่องาน…แต่สำหรับผม
ผมกลับรู้สึกว่าการไปที่เกาะเหมือนกับการไปพักผ่อนซะมากกว่า
ชีวิตที่สงบสุข ไม่ต้องกังวลอะไร รอผมอยู่บนเกาะ
แต่พอคิดถึงต้องที่กลับไปที่เมืองทางใต้ เพื่อรับงานเพิ่มแล้วมัน… ผมไม่ชอบเลย
ผมหวังว่าเมื่อการพิจารณาคดีจบลง ผมจะได้พักผ่อนสบายๆ บ้าง แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น
ดูเหมือนการสามารถนำมอนสเตอร์ทั้งตัวกลับออกมาจากเกาะได้นั้น เป็นสิ่งที่สามารถทำกำไรได้สูงมาก
นอกจากนี้ แต่เดิมแล้วจะ มีเพียงของที่ถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดีและมีมูลค่าสูงเท่านั้นจึงจะถูกนำออกมาจากเกาะ
แต่ตอนนี้ของหายากที่มีมูลค่าต่ำลงมาเล็กน้อยและชิ้นส่วนของมอนสเตอร์ที่เคยถูกทิ้งก็สามารถนำกลับออกมาได้แล้ว
ทำให้ทั้งกิลด์การค้าและกิลด์นักผจญภัยมีความสุขกันมาก
ส่งผลให้มีการเชิญชวน ติดสินบน การข่มขู่ และการบุกโจมตีเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง
ดิโน่ซังและเอ็นริเก้ซังคอยขับไล่พวกผู้บุกรุกให้ผมอยู่เสมอๆ
จนทำให้ช่วงนี้ภาพของเอ็นริเก้ซังที่ยิ้มไปด้วยพร้อมกับการหักกระดูกของเหล่าผู้บุกรุกไปด้วย
กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว บางทีอาจเป็นเพราะอิทธิพลจากการใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่นของผม
จึงทำให้ผมรู้สึกเห็นใจพวกผู้บุกรุกเหล่านั้นทุกครั้ง ตอนที่พวกเขาถูกหักกระดูก
แม้จะรู้ว่าแนวคิดแบบนี้มันจะไม่ถูกต้องซักเท่าไหร่กับสถานการณ์ของผมในตอนนี้
เพราะที่เอ็นริเก้ซังและดิโน่ซังทำไปนั้นก็เพื่อปกป้องผม เห้อ…ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่สงบสุขจริงๆ
แต่สิ่งที่เป็นอันตรายที่สุดในบรรดาการโจมตีทั้งหมดที่ผมเคยเจอมาก็ คือ แผนการนารีพิฆาต หรือ (Honey Trap)
แม้ว่าผมจะรู้ว่ามันเป็นกับดักแต่ก็มักมีหลายครั้งที่ผมเผลอตามพวกเธอไปอยู่ดี
ดิโน่ซังและเอ็นริเก้ซังได้เข้ามาช่วยผมไว้หลายครั้งแล้วในสถานการณ์แบบนี้
ผมพยายามควบคุมตัวเองให้มากขึ้นตั้งแต่ที่เอ็นริเก้ซังส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจมาให้ผม แม้ว่าเขาจะยิ้มก็เถอะแต่ตามัน…
สำหรับเรื่องมอนสเตอร์ ผมก็มีออกล่าอบลินบ้าง แต่ก็เพียงไม่กี่ตัวเพื่อที่จะทำให้บัตรนักผจญภัยของผมไม่หมดอายุ
ดังนั้นระดับของผมจึงไม่เพิ่มขึ้นเลย เมื่อเร็วๆ นี้
ผมเพิ่งรู้ว่าเมื่อเลเวลของคนเราเพิ่มสูงขึ้น ร่างกายก็จะได้รับการเสริมความแข็งแกร่งขึ้นและอายุขัยก็จะยืนยาวมากขึ้นด้วย
มีตำนานเล่าไว้ว่าเคยมี วีรชน ที่มีเลเวล 700 สามารถมีชีวิตยืนยาวอยู่ได้ถึง 1,000 ปี
ผมอยากยืดอายุขัยของตัวเองบ้าง ดังนั้นผมจึงคิดว่าจะพยายามกำจัดมอนสเตอร์ให้มากขึ้น
ผมรู้สึกได้ถึงการพักผ่อนมากขึ้นเมื่อขึ้นมาอยู่บนเกาะ ดังนั้นผมจึงรับงานเกือบตลอดเวลา
ไม่เพียงแต่กับปาร์ตี้จิราโซเล่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงกลุ่มอื่นๆ ของนักผจญภัยระดับ A และ B ด้วย
พวกเขาทุกคนต่างชื่นชอบการอาบน้ำและอาหารทอดกันมากๆ และก็มีบางกลุ่มที่นำถังเบียร์มาด้วยเวลาที่พวกเขามาที่เกาะ
กุยโดซังเพิ่มแพอีกลำและกำลังสร้างห้องอาบน้ำ นอกจากนี้
ผมยังได้ยินมาว่ากุยโดซังสร้างห้องอาบน้ำในบ้านของเขาเองด้วย
บาร์ราบัสซังที่เป็นอีกคนที่มีเรือเวทมนตร์ที่สามารถเดินทางมายังเกาะได้ เขาก็สร้างแพเหมือนนกัน
ดังนั้น ตอนนี้เลยมีแพทั้งหมดเจ็ดลำลอยอยู่ในอ่าว
เหล่านักผจญภัยมักจะกลับมายังแพที่มีเต็นท์เพื่อพักผ่อนหลังจากที่พวกเขาอยู่ในป่ามานาน
พวกเขามักกลับมาเพื่ออาบน้ำในเต็นท์ซึ่งพวกเขาบอกว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
ในหมู่พวกเขา คนที่แข็งแกร่งมากๆ จะหยุดพักหนึ่งวันระหว่างที่พวกเขามาที่เกาะ
และเปิดเต็นท์แพในตอนกลางวัน แช่น้ำในห้องอาบน้ำและดื่มเบียร์พร้อมกับชมวิวไปด้วย
ทำเหมือนกำลังมาพักผ่อนที่รีสอร์ท ที่มีราคาประมาณ 3 เหรียญทองต่อคืน
แต่สำหรับนักผจญภัยระดับสูงแล้ว นั่นถือว่าเป็นราคาที่ถูกมาก
เต็นท์แพถูกนักผจญภัยจองมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นผมกับกุยโดซังจึงกำลังพูดคุยกันว่า
จะซื้อแพอีกลำเพื่อทำเป็นเต็นท์แพสำหรับที่พักดีไหม?
ผมสะสมเงินได้มากพอสมควรเลยล่ะ จากการรับงานในตลอดเวลาที่ผ่านมา
ยอดเงิน: 3 เหรียญทอง 81 เหรียญเงิน 90 เหรียญทองแดง
ยอดเงินฝากในบัตรกิลด์: 4 เหรียญทองคำขาว 68 เหรียญทอง 80 เหรียญเงิน
คิดเป็นเงินเยนญี่ปุ่นก็ประมาณ 470 ล้านเยน ถือว่าเป็นจำนวนเงินที่เยอะมากๆ
แต่การจะซื้อเรือสำราญสุดหรูได้นั้นต้องใช้เงินอย่างน้อย 500 เหรียญทองคำขาว
หรือประมาณ 50,000 ล้านเยน ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ทำเอาผมแทบบ้าเมื่อต้องคิดว่าจะหาเงินมายังไง
ถึงตอนนี้ผมจะมีรายได้ประมาณ 75 ล้านเยนต่อเดือน หรือ 900 ล้านเยนต่อปี
ซึ่งนั่นหมายความว่าผมต้องใช้เวลาประมาณ 56 ปีในการหาเงิน เพื่อที่จะสามารถซื้อเรือสำราญลำนี้ได้
ผมคิดว่า แค่นี้มันก็น่าทึ่งแล้ว สำหรับผมที่สามารถเก็บเงินซื้อเรือสำราญได้ในเวลาแค่ 56 ปีได้
แต่ผมรู้สึกว่าท่านเทพผู้สร้างจะต้องโกรธมากแน่ๆ ถ้าผมทำให้ท่านต้องรอนานขนาดนั้น
เนื่องจากผมจะทำแบบนั้นไม่ได้ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจที่จะซื้อเรือลำใหม่
และลองลุยกับธุรกิจการค้าพริกไทยดู ซึ่งที่ต้องทำก็เพียงแค่ขนพริกไทยกลับมาแล้วก็ขาย
ซึ่งจะได้กำไรมากขึ้นกว่าเดิมถึง 20 เท่า
ซึ่งเป้าหมายที่ผมเล็งเอาไว้คือเรือระดับพรีเมียมที่เรียกว่า Ya-aha Exult 45
ผมไม่ค่อยมีความรู้เรื่องเรือมากเท่าไหร่ และเรือยอชต์สุดหรูก็แพงเกินไป
ดังนั้นผมจึงคิดว่าการซื้อของที่ผู้ผลิตเป็นบริษัทญี่ปุ่นน่าจะทำให้รู้สึกมั่นใจในความปลอดภัยมากกว่า
และยิ่งไปกว่านั้น การตกแต่งภายในก็ดูสุดยอดเลย ผมเลยตัดสินใจเลือกเรือลำนี้
เรืออื่นๆ สามารถซื้อได้ในราคา 40 ถึง 80 เหรียญทอง
แต่เรือลำนี้มีราคาถึง 1 เหรียญทองคำขาวกับอีก 37 เหรียญทอง เลยทีเดียว ซึ่งถือว่าแพงมาก
แต่เนื่องจากผมต้องใช้มันเพื่อการเดินทางแบบไปกลับซึ่งต้องใช้เวลากว่าสองเดือนในการเดินทาง
ดังนั้นผมจึงต้องยอมกัดฟันซื้อมัน แม้ว่าราคาจะสูงก็ตาม
ตอนนี้ผมมีผู้คุ้มกันสองคนอยู่ด้วย ดังนั้นค่อยไปคิดเรื่องการจัดการกับเรือที่หลังแล้วกัน
พรุ่งนี้ผมรีบงานไปที่เกาะพร้อมกับพวกของอลิเซียซัง ดังนั้นหลังจากเสร็จงานนี้
ผมจะลองไปคุยกับกิลด์มาสเตอร์และเตรียมตัวสำหรับการค้าพริกไทย
“อรุณสวัสดิ์ครับทุกคน”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ วาตารุซัง ยินดีที่ได้พบคุณอีกในวันนี้นะคะ”
เหมือนเคย ผมนัดพบกับอลิเซียซังและคนอื่นๆ ที่ท่าเรือ ทักทายกัน และเตรียมพร้อมสำหรับการออกเรือ
“งั้นเราออกเรือกันเลยนะครับ”
หลังจากขนสัมภาระและตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกคนขึ้นเรือเรียบร้อยแล้ว เรือก็พร้อมที่จะออกเดินทาง
“วาตารุซัง ครั้งนี้ฉันก็ขออาบน้ำอีกครั้งนะคะ?”
“ฮะ ๆ เข้าใจแล้วครับ ผมจะเตรียมทุกอย่างไว้ให้ครับ”
“แต่ดูเหมือนอลิเซียซังจะกลายเป็นคนชอบอาบน้ำไปแล้วสินะครับ?”
“ใช่ค่ะ ฉันชอบมันมากเลย พวกเราเองก็อยากสร้างห้องอาบน้ำไว้ที่ฐานของพวกเราเหมือนกัน”
“แต่ทำไม่ได้เพราะพวกเราพักกันอยู่ที่โรงแรม”
“หือ? ระดับพวกคุณก็น่าจะมีเงินเพียงพอที่จะสามารถซื้อฐานได้ไม่ใช่เหรอครับ?”
พวกเธอน่าจะมีรายได้ไม่น้อยเลยไม่ใช่เหรอ?
“เรามีเงินพอที่จะซื้อฐานได้ค่ะ แต่ในฐานะนักผจญภัย พวกเรายังอยากเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ อยู่”
“ดังนั้นมันคงเสียจะเปล่าถ้าพวกเราจะซื้อฐานที่เมืองใดเมืองหนึ่งในตอนนี้”
อ่อ เพราะพวกเธอเป็นนักผจญภัยนี่เอง บางทีนี่อาจเป็นธรรมชาติของนักผจญภัยระดับสูง ที่ต้องการไปยังสถานที่ใหม่ ๆ
“ถ้าคุณอยากออกผจญภัยไปยังที่ต่างๆ การซื้อฐานก็คงจะเป็นการเสียเงินเปล่าจริงๆนั่นล่ะครับ”
“สำหรับผมเอง ผมก็กำลังวางแผนจะลองไปค้าขายพริกไทยอยู่เหมือนกันครับ”
“มันคงจะตื่นเต้นน่าดูที่จะได้ลองอะไรใหม่ๆ บ้างใช่ไหมครับ?”
สำหรับผม เพราะมีท่านเทพคอยกดดันอยู่เลยทำให้ผมต้องทำแบบนี้
ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากพักผ่อนสบายๆ อยู่ที่ฐานของผมแทนที่จะออกเดินทาง
“ค้าพริกไทยอย่างงั้นเหรอคะ? ฉันเคยได้ยินมาว่ามันเป็นการค้าที่อันตรายมาก”
“และเส้นทางก็ลำบากมากจนมีเพียงเรือ 1 ใน 30 ลำเท่านั้นที่สามารถเดินทางไปกลับได้”
“คุณคงไม่ได้จะใช้เรือเวทมนตร์ลำนี้ไปใช่ไหมคะ?”
เรือสไตล์ญี่ปุ่นลำนี้ก็เป็นเรือที่ดีอยุ่หรอก แต่มันคงลำบากไปหน่อย ถ้าต้องอยู่บนเรือลำนี้เไปตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือน
“แน่นอนว่าไม่ใช่เรือลำนี้ครับ แต่เพราะเรือเวทมนตร์ลำนี้ ผมจึงสามารถเก็บเงินได้มากพอที่จะซื้อเรือเวทมนตร์ลำใหม่ครับ”
“ในที่ที่ผมได้เรือลำนี้มา ผมได้เจอเรือเวทมนตร์ที่ดีลำหนึ่ง และผมคิดว่าผมน่าจะพอซื้อมันได้”
“แต่ไม่ว่าเรือเวทมนตร์จะดีแค่ไหน ถ้าคุณออกไปในทะเลเปิด แล้วถูกโจมตีโดยมอนสเตอร์ทะเลขนาดใหญ่”
“คุณจะไม่สามารถหนีมันได้และเรืออาจจะถูกจมลงนะคะ”
อลิเซียซังพูดกับผมด้วยความกังวล ก็ถูกของเธอ
ถ้าผมไม่รู้ถึงความสามารถของเรือลำที่ผมจะซื้อ ผมก็คงกังวลเหมือนกัน แต่ผมก็รู้สึกดีนิดหน่อยนะ ที่เธอเป็นห่วง
“อลิเซียซัง ดูเหมือนว่าคุณจะคุ้นเคยกับทะเลเปิดนะครับ”
“แต่เรือลำนี้และเรือเวทมนตร์ที่ผมกำลังจะได้มามันมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ด้วยครับ”
“ดังนั้น นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผมเชื่อว่าตัวเองจะประสบความสำเร็จในการค้าขายพริกไทย”
“ในฐานะนักผจญภัย พวกเราก็เคยศึกษาเกี่ยวกับทวีปอื่นๆ ที่อยากไปอยู่เหมือนกัน”
“แต่พอคุณ พูดถึงความลับแบบนี้แล้ว ฉันเองก็ชักเริ่มสงสัยแล้วสิ คุณพอจะบอกพวกเราได้ไหมคะ?”
“ฮะ ๆ มันเป็นความลับครับ ฉันบอกไม่ได้”
“ไม่ได้อย่างงั้นเหรอคะ? พวกเราเองก็อยากไปทวีปอื่นสักครั้งในอนาคตเหมือนกัน คุณพอจะพาพวกเราไปได้ไหมคะ?”
“ได้สิครับ ยินดีเลย”
ถ้าพวกเราได้ไปด้วยกันจริงๆ…มันคงจะเป็นการเดินทางที่ผมมีความสุขมากเลยล่ะ
“ฉันหวังว่าคุณจะทำได้ดีนะคะ ว่าแต่คุณจะเดินทางไปคนเดียวอย่างงั้นเหรอคะ?”
“ผมก็ตั้งใจว่าจะไปคนเดียวนั่นล่ะครับ เพราะผมไม่สามารถให้ผู้คุ้มกันทั้งสองของผมตอนนี้ไปกับผมได้ในการค้าพริกไทย”
“ผมคิดว่าการซื้อทาส ก็น่าจะเป็นความคิดที่ดี แต่ผมไม่อยากอยู่กับผู้ชายสองต่อสอง ตลอด 2 เดือนบนเรือลำเล็กๆ หรอกนะครับ”
“และถึงจะเป็นผู้หญิง ผมก็ต้องหาคนที่แข็งแกร่งพอที่จะปกป้องผมได้อีก ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”
“แต่คุณควรพยายามหาคนที่จะมาปกป้องตัวเองให้ได้สิคะ ฉันได้ยินมาว่าทวีปทางใต้ไม่ได้ปลอดภัยเท่าไหร่นัก”
“และฉันก็ไม่รู้ว่าด้วยว่าคุณจะหาผู้คุ้มกันที่ดีได้ทันทีหรือเปล่า ตอนที่คุณเดินทางไปถึงที่ทวีปทางใต้”
“ฉันจึงคิดว่าคุณควรหาที่นี่น่าจะเป็นการดีกว่านะคะ อีกอย่างถ้าเป็นทาส คุณก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการทรยศ”
มันเป็นการเดินทางที่เกี่ยวข้องกับเงินจำนวนมาก การทรยศจึงเป็นอีกปัจจัยที่ต้องนำเข้ามาพิจารณา…
“อืม…ผมจะลองไปปรึกษากับกิลด์มาสเตอร์ดูครับ”
ผมยังคงต้องการผู้คุ้มกันจริงๆ ใช่ไหม? แต่ผมรับไม่ได้กับการซื้อทาสผู้ชาย
ผมจะพยายามหาทาสผู้หญิงที่แข็งแกร่ง สวย และหน้าอกใหญ่ให้เจอให้ได้
แต่ถ้าหากนี่เป็นมังงะหรือไลท์โนเวล ก็น่าจะมีอะไรอย่าง การพบเจอแห่งโชคชะตาหรืออะไรประมาณนี้ใช่ไหม?
แล้วทำไมเรื่องอะไรทำนองนั้นมันถึงไม่เกิดขึ้นกับผมบ้างเลยล่ะ? แม้จะมาต่างโลก แถมโลกนี้ยังอยู่ยากกว่าที่คิดอีก
“ช่วยทำตามที่ฉันพูดด้วยนะคะ มันจะน่าเศร้ามากที่คุณสามารถเดินทางไปถึงทวีปใต้ได้แต่กลับถูกฆ่าโดยพวกโจร”
“ครับผมจะลองดูครับ เพราะตอนที่ผมถูกโจมตีที่เมืองทางใต้ ผมไม่สามารถปกป้องตัวเองได้เลยถ้าผมอยู่คนเดียว”
“ดังนั้นผมจะจริงจังกับการหาคนคุ้มกันครับ ขอบคุณมาก”
“ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราอยากให้คุณพาพวกเราไปถึงทวีปใต้จริงๆ เพราะฉะนั้นช่วยพยายามด้วยนะคะ”
“ได้เลยครับ ผมจะพยายาม”
การเดินทางกับอลิเซียซังและคนอื่นๆ… ผมอยากให้มันเกิดขึ้นจริงๆ
เรามาถึงเกาะในที่สุด ผมจอดเรือที่แพเต็นท์และเสิร์ฟน้ำชา
“วาตารุซัง พวกเราวางแผนจะกลับมาในทุกๆ 2 วัน เหมือนครั้งที่แล้วค่ะ ฉันฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ”
“เข้าใจแล้วครับ ผมจะเตรียมอาหารและอ่างอาบน้ำไว้ให้ครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ งั้นพวกเราไปก่อนนะคะ”
หลังจากส่งอลิเซียซังและคนอื่นๆ บนเกาะ และจับสไลม์ ผมก็ไปทักทายกุยโดซังและคนอื่นๆ
“สวัสดีครับ… กุยโดซัง อ๊ะ! คุณดื่มอีกแล้วเหรอครับเนี่ย”
“คุณไม่ควรดื่มนะครับ เพราะอาจมีเหตุฉุกเฉิน…”
“ฉันรู้ๆ ฉันดื่มไปแค่แก้วเดียว ตอนนี้พวกเรามีแพเต็นท์และสิ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้น มันเลยอดใจไม่ไหวน่ะ”
“แค่แก้วเดียวจริงๆ ใช่ไหมครับเนี่ย?”
“แต่ก็นั่นแหละ เหล่านักผจญภัยนำของต่างๆ เพิ่มเข้ามาเยอะขึ้นมากเลย”
“แต่เครื่องดื่มนี่ คุณเป็นคนเอาเข้ามาเองไม่ใช่เหรอครับ กุยโดซัง?”
“ฮะๆ งั้นเราน่าจะเพิ่มแพอีกสักลำ”
“หือ…เมื่อก่อนเรามีแค่เรือเวทมนตร์ เลยไม่สามารถขนของมาได้มากเท่าไหร่”
“แต่ตอนนี้พวกเรามีแพเต็นท์กันแล้ว เลยทำให้พวกเรามีพื้นที่เพียงพอสำหรับการขนของมาที่นี่เพิ่มมากขึ้น”
“แบบนั้น มันน่าจะทำให้ชีวิตบนเกาะสะดวกสบายมากขึ้นไปอีกไม่ใช่เหรอ?”
กุยโดซังรีบเปลี่ยนหัวข้อทันที แต่ชีวิตบนเกาะในตอนนี้มันก็สบายจริงๆ นั่นล่ะ ถ้าเราเพิ่มแพอีกลำก็คงจะสบายยิ่งขึ้น
“ถ้าจะสร้างแพเพิ่ม ก็ช่วยรีบสร้างด้วยนะครับ”
“ถึงผมจะยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปเมื่อไหร่ แต่ผมกำลังวางแผนว่าจะลองไปค้าพริกไทยดู ในเร็วๆ นี้”
“ห๊ะ นายกำลังจะไปค้าพริกไทย? มันอันตรายนะ วาตารุ นายอยากได้เงินขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ผมไม่ได้ต้องการเงินขนาดนั้นหรอกครับ เพราะแค่ตอนนี้ผมก็มีรายได้เยอะมากพออยู่แล้ว”
“แต่…คือ…เอ่อ…พอดีผมพึ่งสามารถหาเรือเวทมนตร์ดีๆ ลำใหม่มาได้น่ะครับ ผมเลยอยากลองไปยังทวีปอื่นดูบ้าง เลยว่าจะลองค้าพริกไทยดู”
ผมไม่ได้มีหนี้สินอะไร แต่เรือที่ผมอยากได้มันแพงอย่างไม่น่าเชื่อ
ดังนั้น อาจจะคิดว่านี่เรียกว่าปัญหาทางการเงิน ได้หรือเปล่า?
“เข้าใจล่ะ แต่นายควรศึกษาให้ดีๆ ก่อนล่ะ และถ้าคิดว่าเป็นไปไม่ได้ก็ควรยอมแพ้”
“ครับ ผมจะศึกษาให้ดีครับ งั้นผมขอตัวกลับไปที่แพเต็นท์ก่อนนะครับ ขอบคุณมาก”
ผมล่ำลา กุยโดซัง จากนั้นก็ไปฝึกฝนตัวเอง เล่นกับสไลม์ อาบน้ำ และเข้านอน
ชีวิตอันแสนสงบสุขแบบเดิมๆ ของผมได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
“เหล่าจิราโซเล่ น่าจะกลับมาวันนี้สินะ ผมคงต้องเตรียมอ่างอาบน้ำและอาหารเย็นไว้ให้พร้อม”
ผมทำความสะอาดอ่างอาบน้ำ เติมน้ำลงไปครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็ไปเผาหินร้อนและจุดไฟเตาถ่านเพื่อต้มน้ำ แค่นี้อ่างอาบน้ำก็พร้อมใช้งาน
ต่อมา ผมก็เริ่มทำซุปผัก สำหรับเมนูหลักในวันนี้ ผมจะใช้เนื้อสัตว์ที่อลิเซียซังและคนอื่นๆ นำกลับมา
ตอนนี้คาราเกะ กำลังเป็นเมนูยอดนิยม และในกรณีของอลิเซียซังและทีม
พวกเธอมักจะนำเนื้อไก่กลับมาฝากผมเสมอ พวกเธอจะเลือกตัวที่ดีที่สุดกลับมาตลอด มันเลยเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับผมด้วยที่จะได้กินมัน
หลังจากเตรียมทุกอย่างเสร็จสิ้น ผมก็กลับมาเล่นกับสไลม์ ซักพักเหล่าจิราโซเล่ก็กลับมา
“ยินดีต้อนรับกลับครับทุกคน ปลอดภัยกันดีไหมครับ?”
“เรากลับมาแล้ว ทุกคนปลอดภัยดีค่ะ นี่ค่ะของฝากสำหรับคุณ ช่วยทำคาราเกะให้พวกเราด้วยนะคะ”
อย่างที่ผมคิด ของฝากคือเนื้อไก่จริงๆ ด้วย ถ้าผมเปิดร้านคาราเกะในโลกนี้ ผมคงจะประสบความสำเร็จแน่ ๆ
“เนื้อไก่เหรอครับ เข้าใจแล้ว งั้นเราไปที่แพเต็นท์กันก่อนก็แล้วกันนะครับ”
“ได้เลยค่ะ อ๊ะ แต่ฉันมีของฝากอีกอย่างหนึ่งมาให้คุณด้วยนะคะ”
“แต่ฉันไม่อยากเสียเวลาอาบน้ำและทานอาหารเย็น งั้นเราจะให้ทีหลังแล้วกันนะคะ”
“เอ๊ะ อะไรเหรอครับ? ผมอยากรู้จังเลย น่าตื่นเต้นมากครับ”
ของฝากอีกชิ้นอย่างงั้นเหรอ…
ผมไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าของฝากจากเกาะนี้จะเป็นอะไร
เรากลับไปที่แพเต็นท์ ผมหยิบผ้าร้อนกับถ้วยชาไปแจกจ่ายให้พวกเธอ
จากนั้นก็มุ่งหน้าไปที่แพอาบน้ำ ผมเติมน้ำเดือดลงไปในอ่าง และตรวจดูอุณภูมิของน้ำ
อืม…เย็นไปหน่อย ผมเลยใส่หินร้อนเพิ่มลงไปจนอถณภูมิพอดี
“อ่างอาบน้ำพร้อมแล้วครับ ใครจะเข้าเป็นคนแรก?”
“ฉันค่ะ!”
“งั้นเราไปเลยครับ อ๊ะ ว่าแต่คลอเร็ตตาซัง ทำไมช่วงนี้คุณถึงได้เข้าเป็นคนแรกบ่อยจังเลยครับ?”
“อุฟุฟุ… ฉันโชคดีในเรื่องการจับฉลากน่ะค่ะ”
คลอเร็ตตาซังยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ผมล่ะอิจฉาเธอจริง ๆ
“ดีจังครับ ผมไม่เคยโชคดีกับเรื่องจับฉลากเลย อิจฉาจังครับ”
“อ๊ะ พวกเรามาถึงแล้วครับ ลองเช็คอุณหภูมิก่อนลงด้วยนะครับ”
“ค่ะ!”
คลอเร็ตตาซังดูอารมณ์ดีมาก เมื่อส่งเธอเสร็จ
ผมก็กลับมาที่แพเต็นท์เพื่อเตรียมอาหาร ผมหมักเนื้อไก่ด้วยกระเทียมและขิง
หั่นมันฝรั่งเป็นแท่งๆ แล้วแช่น้ำเอาไว้ ผมจะทำที่เหลือต่อหลังจากที่ทุกคนอาบน้ำเสร็จ
“วาตารุซัง ฉันเสร็จแล้วค่ะ”
“เข้าใจแล้วครับ ใครเป็นคนต่อไป?”
“ฉันค่ะ!”
ฉันพาไปอัลม่าซังไปที่อ่างอาบน้ำ และพาคลอเร็ตตาซังกลับมาที่แพเต็นท์
ช่วงเวลาที่ได้เห็น สาวสวยอกตู้มหลังอาบน้ำแบบนี้…เห้อ ไม่มีเบื่อเลย
มันเป็นช่วงเวลาที่มีค่าที่สุดบนเกาะที่แสนสงบสุขแห่งนี้ หลังจากไปกลับระหว่างแพเต็นท์และแพอาบน้ำอยู่หลายครั้ง
ผมก็ไปรับคาร์ล่าซัง ซึ่งเป็นคนสุดท้ายที่อาบน้ำ แล้วก็เริ่มเตรียมอาหารเย็นต่อ
“อาหารเย็นพร้อมแล้วครับ”
“เย้!”
อลิเซียซังและคนอื่นๆ ออกมาจากแพเต็นท์ด้วยใบหน้าที่มีความสุข เมื่อได้ยินเสียงเรียกทานอาหาร
คาราเกะเป็นที่นิยมมาก ถึงแม้ทงคัตสึจะได้รับความนิยมเหมือนกันก็ตาม แต่ดูเหมือนคาราเกะจะเป็นเมนูที่ทุกคนชอบกันมากที่สุด
“ขอบคุณสำหรับอาหารค่ะ”
คาราเกะที่ผมเตรียมเอาไว้หมดเกลี้ยง ในที่สุดเวลาของมื้อเย็นก็เสร็จสิ้น
ถึงเวลาทำความสะอาด และแล้ววันนี้ก็จบลงไปอีกวันหนึ่ง…ใช่ไหม?
“วาตารุซัง ลืมอะไรไปหรือเปล่าคะ? ฉันบอกแล้วไงว่ามีของฝากอีกอย่างมาให้คุณ”
ขณะที่ผมกำลังจะเก็บจาน อลิเซียซังก็เรียกฉันขึ้นมา ผมลืมไปซะสนิทเลย
“จริงด้วยครับ ผมกำลังตั้งตารอมันอยู่เลย อลิเซียซัง”
“เฮ้อ คุณลืมไปเลยสินะคะ”
“มันเป็นของฝากที่น่ารักมากๆ เลยนะคะ โดโรธี ช่วยเอามาหน่อยสิ”
สิ่งที่โดโรธีซังนำออกมาจากเต็นท์คือลูกสไลม์ตัวเล็กๆ ที่มีขนาดไม่ถึง 20 เซนติเมตร
“น่ารักจังเลย! นี่คืออะไรครับเนี่ย?”
“ตัวเล็กจัง แถมยังเรืองแสงนิดๆ ด้วย หือ? สีขาว? ไม่ใช่สิ… มันแวววาวเหมือนสีของแพลตินัมเลย!”
“มันกลมดิ๊ก น่ารักสุดๆ เลย!”
“วาตารุซัง ใจเย็นก่อนค่ะ นี่คือลูกของสไลม์ศักดิ์สิทธิ์ มันหายากมากๆเลยนะคะ”
“แต่เพราะมันเป็นสไลม์ มันเลยไม่ได้มีราคาที่สูงมากบนเกาะแห่งนี้”
“แต่โดโรธีกับมาริน่าบอกว่าอยากเอามันมาให้คุณ เพราะรู้ว่าคุณจะต้องมีความสุขแน่ๆ คุณดีใจไหมคะ?”
“ดีใจสิครับ ดีใจมากเลย ขอบคุณมากนะครับ โดโรธีซัง มาริน่าซัง ผมดีใจมากจริงๆ ครับ”
ผมลูบ เจ้าสไลม์ศักดิ์สิทธิ์ตัวเล็กๆ พร้อมกับให้เนื้อแห้งชิ้นเล็กๆ กับมัน
มันน่ารักมากเลย แต่สไลม์สีฟ้ากับสไลม์สีเขียวก็น่ารักนะ
แต่ตัวนี้ยังเล็กมาก และมันดูพยายามย่อยเนื้อแห้งอย่างเต็มที่ น่ารักจริงๆ
“วาตารุซัง วาตารุซังคะ ได้ยินไหมคะ?”
“อืม…ไม่ไหว ไม่ได้ยินแน่ๆ เลยแบบนี้”
“เอาเถอะ พรุ่งนี้เขาคงได้สติกลับมาเองล่ะ”
“งั้นพวกเราเอาสไลม์สีฟ้ากับสีเขียวไปใส่ไว้กรงแล้วไปนอนกันเถอะ”
ขอเปลี่ยน กีโด เป็น กุยโด นะครับ เนื่องจากมีหลังไมค์มาบอกว่าแบบนี้น่าจะดีกว่า
แล้วก็ระหว่าง โฮลี่สไลม์ กับ สไลม์ศักดิ์สิทธิ์ อย่างไหนน่าจะดีกว่ากันครับ?
MANGA DISCUSSION