เช้าวันใหม่…
ผมเตรียมอาหารเช้าสำหรับทุกคน ทำความสะอาดอ่างอาบน้ำ
นำกวางยักษ์ที่อยู่ในเต็นท์ข้างๆ ไปใส่ไว้ที่เรือก่อนจะคลุมมันด้วยผ้า
ถ้าคลุมด้วยผ้าไว้น่าจะช่วยไม่ให้เกิดความวุ่นวายตอนถึงท่าเรือได้…
แม้ว่ามันอาจจะสายไปนิดก็เถอะ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
“อ๊ะ อรุณสวัสดิ์ครับทุกคน”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
ผมทักทายอลิเซียซังและคนอื่นๆ ที่เพิ่งออกมาจากเต็นท์
“อาหารเช้าอาจจะพิ้นๆ หน่อยนะครับ”
“วาตารุซัง ขอบคุณมากสำหรับการดูแลของคุณนะคะ”
อลิเซียซังขอบคุณผมพร้อมรอยยิ้มสดใส โดยปกติแล้ว งานของผมคือแค่พาพวกเธอไปและกลับจากเรือเท่านั้น
บริการแบบนี้ไม่เคยมีมาก่อน พวกเธอจึงรู้สึกซาบซึ้งมาก
“ไม่เป็นไรเลยครับ เอาล่ะ มาทานอาหารเช้ากันดีกว่า”
แต่ผมคงรู้สึกไม่ดีถ้าไม่ได้ทำอะไรตอบแทนพวกเธอบ้าง
เพราะฉันได้รับค่าจ้างมากถึง 15 เหรียญทอง นี่เหมือนกับการรวยทางลัดเลยนะ
การตอบแทนพวกเธอสักเล็กน้อยจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ พวกเราก็ออกเดินทางกลับไปที่เมืองทางใต้
“เฮ้อ… ในที่สุดเราก็กลับมาถึงอย่างปลอดภัย ขอบคุณทุกคนสำหรับความเหน็ดเหนื่อยนะครับ”
เรากลับมาถึงเมืองทางใต้อย่างราบรื่น ผมพูดขอบคุณอลิเซียซังและคนอื่นๆ
“ขอบคุณสำหรับความเหนื่อยยากเช่นกันค่ะ วาตารุซัง เดี๋ยวฉันจะพาคุณไปส่งที่กิลด์การค้านะคะ”
“ขอบคุณมากครับ รบกวนด้วย”
ผมรู้ว่ามันเป็นงานที่ลำบากทุกครั้ง แต่ชีวิตของผมยังอยู่ในความเสี่ยง
ผมจึงยอมรับการคุ้มกันอย่างเต็มใจ ถึงแม้ว่าการเดินกับเหล่าจิราโซเล่
ซึ่งเป็นกลุ่มสาวงามควรจะเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่สายตาที่เหล่าผู้ชายมองมานั้น
ไม่ใช่สายตาที่อยากได้เรือสไตล์ญี่ปุ่นของผม แต่เป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาและเกลียดชัง
ที่ผมได้เดินไปกับเหล่าสมาชิคของจิราโซล่…
ดูเหมือนว่าจำนวน “ศัตรู” ของผมจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วสิ
ผมแทบรอไม่ไหวที่จะกลับไปหาผู้คุ้มกันทั้งสองคนของผมแล้วสิ
“ขอบคุณสำหรับการคุ้มกันนะครับทุกคน”
“ฟุฟุ ไม่เป็นไรค่ะ วาตารุซัง เราคงจะขอให้คุณช่วยเรื่องเกาะอีกครั้งในเร็วๆ นี้ ฝากตัวด้วยนะคะ”
“ยินดีเลยครับ”
หลังจากแยกทางกับอเลสเซียซังและพวกของเธอ ผมก็เข้าไปที่กิลด์การค้าและเริ่มดำเนินการเรื่องเอกสาร
“ผมอยากให้คุณเรียกผู้คุ้มกันของผมมา และช่วยยืนยันการภารกิจให้ผมด้วยครับ”
“รับทราบค่ะ… คำร้องขอเสร็จสมบูรณ์ รางวัลคือ 15 เหรียญทองค่ะ”
“ช่วยจ่ายเป็นเงินสด 3 เหรียญทอง และที่เหลือผมขอฝากเข้าบัญชีกิลด์ของผมครับ”
ขณะที่ฉันกำลังรายงานเรื่องคำขอ คามิลล์ซังก็เดินเข้ามาหาผม
สีหน้าของเธอดูเหมือนกำลังเจอปัญหา… รู้สึกไม่ค่อยดีเลย
“วาตารุซัง กิลด์มาสเตอร์กำลังรอพบคุณอยู่ค่ะ ช่วยตามฉันมาทางนี้หน่อยได้ไหมคะ?”
“กิลด์มาสเตอร์? …ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่ผู้คุ้มกันทั้งสองคนของผมกำลังมาที่นี่นะครับ”
“เมื่อพวกเขามาถึง ฉันจะจัดการพาเขาไปที่ห้องของคุณค่ะ”
“เข้าใจแล้วครับ”
ห้องของกิลด์มาสเตอร์… แบบนี้ตามสูตรแล้วมันจะมีอยู่ 2 อย่าง
คือการได้รับคำชมเชย หรือการเผชิญหน้ากับปัญหา
แต่ดูจากสีหน้าของคามิลล์ซังแล้ว ดูเหมือนว่ามันต้องเป็นปัญหาแน่นอน
ผมเดินตามคามิลล์ซังไปที่ห้องของกิลด์มาสเตอร์
“วาตารุ นายมาแล้วสินะ นี่อาจเป็นเรื่องยุ่งยากหน่อย ดังนั้นฟังให้ดีนะ”
ทันทีที่ผมเข้าไปในห้อง ผมก็รู้เลยว่ามันเป็นปัญหาใหญ่
ก่อนที่ผมจะทันได้ตื่นเต้น เรื่องที่กิลด์มาสเตอร์กพูดขึ้นมา ผมก็ตอบเขาไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ผมฟังอยู่ครับ”
คำร้องขอและการโจมตีต่างๆ ที่ผ่านมา ทำให้ผมรู้สึกเบื่อหน่ายกับปัญหานี้แล้ว
และตอนนี้มันก็มาอีก… แม้ว่าผมจะคาดเดาได้ แต่ผมไม่ชอบเลย ผมล่ะอยากกลับไปพักจริงๆ
“ฟังนะ นายรู้จักพ่อค้าชื่อซาโบไหม?”
“ซาโบ? อืม…ผมไม่แน่ใจ…ว่าเคยได้ยินหรือเปล่า…ไม่รู้จักครับ”
ผมเจอพ่อค้าหลายคนมากจนจำไม่ได้แล้ว
“งั้นนายไม่รู้จักสินะ แต่ซาโบบอกว่าเรือเวทมนตร์ของนายเป็นของตกทอดในตระกูลของเขา”
“เขาจึงเรียกร้องให้นายถูกจับและต้องคืนเรือให้เขา”
“หา? นี่มันเรื่อบ้าอะไรกันครับ ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน เขาคงเข้าใจผิดแล้วล่ะ”
“อย่างที่คิด นายไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยสินะ ฉันรู้อยู่แล้วล่ะว่ามันเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูล”
“เพราะซาโบเป็นพ่อค้าที่มีชื่อเสียงแย่มาก”
แบบนี้หมายความว่าเจ้าคนมีชื่อเสียเล็งเป้าไปที่เรือของผมสินะ?
“ถ้ารู้ว่าเป็นข้อกล่าวหาเท็จ ทำไมไม่ปล่อยไปล่ะครับ?”
“มันไม่ง่ายแบบนั้น เพราะว่าซาโบมีขุนนางคนหนึ่งหนุนหลังอยู่”
“ขุนนางคนนั้นบอกว่าเรือเวทมนตร์นี้เป็นของตระกูลซาโบ และเขาเคยขึ้นเรือลำนี้มาก่อน”
“ถ้าขุนนางเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย มันจะยุ่งยากมาก เราจึงต้องทำให้เรื่องนี้จบลงผ่านการพิจารณาคดี”
“อะไรนะ? แค่ขุนนางบอกว่าเคยขึ้นเรือมาก่อนก็จะยึดเรือได้? แล้วประเทศนี้ยังปลอดภัยอยู่ไหมครับ?”
“มันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นหรอก มีขุนนางที่เลย ก็ย่อมมีขุนนางที่ดีอยู่ด้วย”
“อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่มีขุนนางอยู่เราก็ต้องสืบสวนและจัดการกับพวกเขาอย่างเหมาะสม”
“เราไม่สามารถแค่เพิกเฉยและปล่อยมันผ่านไปได้”
“ฮ้า…จริงๆ เลย น่ารำคาญชะมัด…ผมอยากกลับไปพักแล้วนิ…”
ผมหลุดเข้ามาในโลกนี้แล้ว ยังต้องผ่านการทดลองบ้าๆ อะไรแบบนี้อีกเหรอเนี่ย? อยากจะร้องไห้
“ฉันได้นำผู้คุ้มกันทั้งสองคนของคุณมาแล้วค่ะ”
ในขณะที่ผมกำลังบ่นเรื่องความไม่เป็นธรรมของโลกใบนี้
คามิลล์ซังก็้ดินเข้ามาในห้องพร้อมกับคนคุ้มกันทั้งสองคนของผม
“เอ่อ ดีโน่ซังแล้วก็เอนริเก้ซังดูเหมือนผมจะมีเรื่องวุ่นวายอีกแล้วนะครับ ดังนั้นช่วยดูแลผมด้วย”
ดีโน่ซังยิ้มอย่างขมขื่นและเอนริเก้ซังพยักหน้าให้ผมในขณะที่กำลังยิ้ม
ผมอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้ ให้พวกเข้าพังเรื่องของซาโบ
“อ่อ เจ้าคนแรกที่เข้ามาและส่งเสียงดังเรื่องสัญญาในตอนนั้น ใช่ไหม ซาโบ?”
“เอ๊ะ? เขามาขอทำสัญญา แล้วพอไม่ได้เลยไปบอกว่าเรือเวทมนตร์คือมรดกที่ถูกขโมย? อย่างนั้นเหรอ?”
“แล้วก็มีขุนนางคนหนึ่งออกมาเป็นพยานสินะครับ”
“ใช่ประมาณนั้นล่ะ ถ้าวาตารุแพ้ เขาก็จะถูกจับ”
กิลด์มาสเตอร์พูดขึ้นมาเหมือนเป็นเรื่องปกติ พูดแบบนั่นยังกับว่าผมกำลังจะกลายเป็นอาชญากรยังไงยังงั้นล่ะ…
“แต่ฝ่ายตรงข้ามกำลังพยายามเอาเรือเวทมนตร์ของผมไปโดยมีขุนนางอยู่เบื้องหลังใช่ไหมครับ?”
“พวกเขาจะไม่ยอมฟังอะไรที่ผมพูดงั้นเหรอ?”
“ใช่ มีโอกาสมากที่จะเป็นอย่างนั้น ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ฉันจะให้ขุนนางที่มีอำนาจสูงกว่ามาร่วมการพิจารณคดีในครั้งนี้”
“ขุนนางที่มีอำนาจสูงกว่า? เขาจะมาเพียงแค่กิลด์ลองขอเหรอครับ?”
“ปกติแล้วก็ไม่ ผู้สนับสนุนของซาโบคือบารอนและด้วยความช่วยเหลือของเขาเขาจึงสามารถทำในสิ่งที่เขาต้องการได้”
“แต่เมื่อที่นี่เปฌนเมืองทางใต้จึงมีขุนนางที่ยศสูงกว่าบารอนอยู่ จึงทำให้เขาไม่สามารถใช้อำนาจของเขาได้”
“และร้านค้าของเขาก็ไม่ได้ดีนัก ดังนั้นฉันจึงได้ขอให้ท่านเคานต์กำจัดซาโบซะ”
“รวมถึงตัวของบารอนด้วยเพราะดูเหมือนว่าพวกเขากำลังทำธุรกิจที่ผิดกฎหมายกันอยู่”
เขาต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อกำจัดขยะ…
“เข้าใจแล้ว ดังนั้นผมจึงต้องเป็นเหยื่อล่ะ ว่าแต่ผมต้องทำยังไง?”
“สิ่งที่ต้องการทำก็ขึ้นอยู่กับนายวาตารุ”
“เอ๊ะ? ผมต้องทำ?”
มันใช่เหรอ ที่มีเรื่องแล้วหนีไปแบบนี้น่ะ กิลด์มาสเตอร์ ไหนเขาว่ากันว่าพ่อค้าต้องมีความน่าเชื่อถือไง
“มันก็ชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอในเมื่อนายเป็นคนถูกฟ้อง นั้นก็หมายความว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่กิลด์การค้าจะเข้าไปช่วย”
“ผมเป็นสมาชิกของกิลด์จากกิลด์การค้านะ คุณควรจะปกป้องผมหน่อยสิ”
“ซาโบก็เป็นเหมือนกันแถมเขาอยู่แรงค์ B ด้วย แต่นายวาตารุ นายเป็นแค่แรงค์ F”
“ดังนั้นตามหลักแล้ว ฉันต้องปกป้องซาโบ”
“ชิ น่ารำคาชะมัด งั้นถ้าผมสามารถพิสูจน์ความจริงได้ ท่านเคานต์จะตัดสินอย่างยุติธรรมไหม?”
ถ้าหากเขาบอกว่าผมต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะ ผมจะหนี
“ใช่ เขาคือคนที่ปกครองเมืองการค้า ถึงจะไม่มั่นใจเต็ม 100 แต่ฉันคิดว่าเขาจะไม่เข้าข้างพวกหลอกลวงนั่น”
ดูเหมือนผมจะไม่ต้องให้เงินใต้โต๊ะสินะ เขาดูเหมือนต้องการกำจัดบารอนด้วย
และสิ่งที่ผมต้องทำก็คือพิสูจน์ว่าเรือสไตล์ญี่ปุ่นเป็นเรือของผม จากนั้นทุกอย่างก็จะจบ
“อืม… เข้าใจแล้ว เมื่อไหร่และที่ไหนที่ผมจะต้องพิสูจน์มัน?”
“อุมุ เมื่อใดที่ท่านเคานต์มีเวลาว่าง เราจะไปที่ปราสาท”
“ถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเริ่มเมื่อไหร่”
“แต่ฉันได้รายงานไปแล้วว่านายกลับมาแล้ว และเราน่าจะได้รับข่าวจากเขาในไม่ช้านี้”
“หา? ทำไมมันถึงได้ดูสุ่มๆ แบบนี้? นี่มันการพิจารณาคดีต่อหน้าท่านเคานต์ใช่ไหม?”
“ซาโบและบารอนเรียกร้องให้จับตัววาตารุทันที เพราะพวกเขากลัวว่าคุณอาจจะหลบหนีได้”
“หากคุณถูกจับติดคุก คุณจะถูกฆ่าอย่างรวดเร็ว ดังนั้นฉันจึงขอให้ท่านเคานต์ให้เวลาคุณ”
นี่มันระบบที่น่ากลัวจริงๆ ถ้าผมเข้าไปในคุก ผมจะถูกฆ่าในทันทีเลยใช่ไหม?
“นี่จะไม่เกิดขึ้นในสภาพปกติ ตอนนี้เขาขอให้ฉันช่วยลงโทษบารอนที่ไม่มีความสามารถ ดังนั้นเขาจึงตกลงทำตามคำขอของฉัน”
เข้าใจแล้ว ผมต้องแบกรับความคาดหวังของท่านเคานต์ด้วยสินะ เรื่องนี้มันน่ารำคาญจริงเลย…
“เข้าใจครัล ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้ได้”
“ทั้งซาโบและบารอนดูจะรีบร้อนเมื่อรู้ว่าท่านเคานต์จะเข้าร่วมการพิจารณาคดี”
“เงาที่ฉันส่งไปยังรายงานว่ามีกลุ่มโจรที่ตามหาคุณ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยอมแพ้ในการโจมตีเพราะการมีอยู่ของจิราโซเล่”
ดูเหมือนว่าการกระทำที่ไม่มีกำหนดการของท่านเคานต์ทำให้พวกเขาต้องการฆ่าฉัน
“กิลด์มาสเตอร์คะ ท่านเคานต์ขอให้คุณไปที่ปราสาทในอีกสองชั่วโมงค่ะ”
มีคนที่ดูเหมือนเลขาเข้ามาส่งข่าวจากท่านเคานต์ เราเหลือเวลาอีกเพียงสองชั่วโมงเท่านั้น
ไม่มีเวลามากในการเตรียมการ มันเหมือนการปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องของโชคชะตา
“เข้าใจแล้ว นั่นคือสิ่งที่เขาบอก วาตารุ เตรียมตัวให้พร้อม”
“เข้าใจแล้ว”
ชิ ผมไม่คิดเลยว่าต้องไปได้รับการพิจารณาคดีแบบนี้…มันไม่ใช่เรื่องดีเลยที่จะโดดเด่น
ถ้าสุดท้ายแล้ว มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นล่ะก็…
ผมจะเรียกเรือออกมาและหลบอยู่ในนั้น
ในระหว่างนี้ วิธีที่ดีที่สุดในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผมคือการใช้ความสามารถของสกิลเรียกเรือ
ผมจะคุยกับกิลด์มาสเตอร์
“เมื่อผมบอกว่าผมต้องการเรือเวทมนตร์ของผม เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์”
“กิลด์มาสเตอร์ก็บอกกับผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาและตกลงว่าจะขนมันไปให้”
“โดยไม่มีการอนุญาตให้ขึ้นเรือ พวกเขาก็ไม่สามารถสัมผัสมันได้”
“ดังนั้นผมต้องหาข้ออ้างเพื่อจะตามพวกเขาไปด้วย โดยอ้าวว่าจะไปขนสัมภาระและมุ่งหน้าไปที่ปราสาท”
ผมมาถึงปราสาทพร้อมกับกิลด์มาสเตอร์ก่อนเวลาที่กำหนดเล็กน้อยและถูกพาไปยังห้องโถงใหญ่
ทหารที่ปราสาทกำลังตรวจสอบเรือสไตล์ญี่ปุ่น ดังนั้นผมจึงอนุญาตให้พวกเขาขึ้นเรืออีกครั้งอย่างลับๆ
เราถูกพาไปยังสถานที่ที่ล้อมรอบไว้ด้วยรั้วและถูกบอกให้คุกเข่าและรอ
เรือสไตล์ญี่ปุ่นถูกวางอยู่ตรงกลางห้อง ผมสงสัยจังว่าผู้พิพากษาจะนั่งอยู่ที่โต๊ะใหญ่ตรงข้ามกับรั้วหรือไม่
กิลด์มาสเตอร์นั่งอยู่ห่างออกไปทางด้านหลัง บรรยากาศดูคล้ายกับศาลในญี่ปุ่น
ดี ผมเคยเห็นห้องพิจารณาคดีในละครหรืออะไรประมาณนั้นมาแล้ว…
หลังจากคุกเข่าและรออยู่ครู่หนึ่ง อัศวินมากกว่าสิบคนก็เข้ามาและเรียงแถวอยู่ข้างฝา
หลังจากนั้น ซาโบและชายแก่ตัวอ้วนก็เดินเข้ามา
ผมสงสัยจริงๆ ว่าชายแก่คนนั้นคือบารอนหรือเปล่า?
ต่อมา ประตูด้านหลังเปิดออก และชายสามคนในชุดที่ดูอลังการก็เดินเข้ามา
ซาโบและบารอนต่างก็ก้มหัวให้เขา จึงเดาได้ว่านั่นน่าจะเป็นท่านเคานต์ของเมืองทางใต้
ขณะที่ผมคุกเข่าและมองไปรอบๆ ผมก็เห็นว่ามีชายเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ และอีกสองคนยืนอยู่ข้างๆ
คนตรงกลางต้องเป็นท่านเคานต์แน่ๆ เขาดูเป็นคนที่มีท่าทางจริงจังและไม่แสดงสีหน้า
ชายที่อยู่ทางซ้ายของท่านเคานต์เริ่มพูด
“เราจะมาเริ่มการพิจารณาคดีเกี่ยวกับเรื่องการโจรกรรมเรือเวทมนตร์ที่พ่อค้าซาโบเป็นคนร้อง ณ บัดนี้”
“และเนื่องจากท่านเคานต์มีงานที่ยุ่งมาก ดังนั้นจงรีบทำให้เร็ขที่สุด”
การพิจารณาคดีเริ่มต้นขึ้น
“วาตารุ คุณมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับข้อกล่างหาของซาโบหรือไม่?”
“มีครับ ผมไม่ได้ขโมยเรือเวทมนตร์นี้มา ผมจ่ายเงินซื้อมันมาในราคาที่เหมาะสมแล้ว”
“นั่นเป็นเรื่องโกหกครับ ท่านประธาน นั่นคือมรดกตกทอดของครอบครัวของผม”
“บารอนเบนเวนู ที่อยู่ที่นี่เคยนั่งเรือลำนั้นครับ และมันเป็นเรือเวทมนตร์ที่สำคัญมากสำหรับผม”
ซาโบแสดงสีหน้าสลดใจขอโทษต่อผู้พิพากษา ผมควรจะแสดงความรู้สึกเหมือนอย่างนั้นไหม?
“บารอนเบนเวนู คุณแน่ใจหรือว่าสิ่งที่ซาโบพูดนั้นเป็นเรื่องจริง?”
“ใช่ครับ มันต้องเป็นเรือเวทมนตร์ที่ฉันเคยนั่งอย่างแน่นอนครับ”
“วาตารุ คุณมีข้อโต้แย้งไหม?”
“มีครับ แต่แม้ผมจะอธิบายด้วยวาจา ก็คงจะเป็นแค่การกล่าวอ้างลอยๆ”
“ดังนั้นผมจึงขอใช้เรือเวทมนตร์เป็ยเครื่องพิสูจน์ครับ แบบนั่นถือว่าได้ไหม?”
“อืม ไม่มีปัญหา”
โอ้ เป็นครั้งแรกที่ท่านเคานต์พูดเลย
“ขอบคุณมากครับ ถ้าเช่นนั้น ซาโบซัง กรุณาเปิดใช้งานเรือเวทมนตร์ลำนี้ด้วยครับ”
“ห๊ะ? พูดอะไร….!?”
ซาโบ มองผมด้วยสายตาเกลียดชัง
“คุณรู้ใช่ไหมล่ะครับ ถ้าหากเรือเวทมนตร์ลำนี้เป็นมรดกตกทอดของครอบครัวคุณจริงๆ”
“ผมแน่ใจว่าคุณต้องรู้วิธีเปิดการใช้งานมันใช่ไหมครับ? ดังนั้น กรุณาเปิดการใช้งานมันเพื่อเป็นการพิสูจน์ด้วยครับ”
“ง่ายมาก”
ซาโบเข้าไปใกล้เรือสไตล์ญี่ปุ่นด้วยความมั่นใจเต็มที่ กิลด์มาสเตอร์บอกว่ามีการตั้งค่าหลายแบบของเรือเวทมนตร์
แต่เรือที่ไม่มีอำนาจระบุเจ้าของ จะสามารถเปิดใช้งานได้ค่อนข้างง่าย
ถึงจริงๆ แล้วเรือที่ตั้งอยู่ตอนนี้จะไม่ใช่เรือเวทมนตร์ก็เถอะ
อ่า…ผมอยากกลับแล้วอ่ะ ผมรู้สึกอายที่ต้องมาเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องตลกไร้สาระแบบนี้
ถ้ามันมีเรื่องที่น่าตื่นเต้นพร้อมกับบทการสืบสวนและหลักฐานที่น่าเร้าใจ มันก็คงมีความตึงเครียดมากกว่านี้
แต่ว่านี่มันก็แค่เปิดใช้งานเรือเวทมนตร์ มันจะเป็นการพิจารณาคดีได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นการพิจารณาคดีต่อหน้าท่านเคานต์ที่สำคัญมากๆ และเมื่อกุญแจถูกดึงแบบนี้
เรือสไตล์ญี่ปุ่นจะไม่มีเปิดใช้งานได้ มันทำให้ผมรู้สึกว่างเปล่า
…ซาโบ ทำให้เต็มที่นะ ว่าแต่เราต้องรอไปอีกนานแค่ไหนกันเนี่ย?
“พอแล้ว ฉันพบแล้วว่าข้อเรียกร้องของซาโบนั้นไม่เป็นความจริง”
“ร-รอเดี๋ยวครับ ท่าน ผมว่าเรือลำนี้มันมีปัญหาครับ มันต้องเสียแล้วแน่ๆ กระผมมั่นใจว่าเรือลำนี้เป็นของผม”
ซาโบไม่ยอมแพ้ ตอนนี้เขาบอกว่าผมทำให้มันพังอีก…
“ชายคนนั้นต้องทำอะไรบ้างอย่างกับเรือของผมแน่ๆ ครับ”
“ทำ? ผมทำอะไร”
“เงียบ”
ท่านเคานต์พูดออกมา ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ดูเหมือนเขาอยากจะรีบๆไปจากตรงนี้แล้ว
“คุณต้องการให้ผมเปิดการใช้งานเรือเวทมนตร์ให้ไหมล่ะครับ?”
“หา! เชิญ ถ้านายทำได้ เรือลำนี้มันพังไปแล้ว”
“ท่านผู้พิพากษาผมขออนุญาตเปิดการทำงานของเรือนะครับ”
“ได้”
“เข้าใจแล้วครับ”
ซาโบมองมาที่ผมด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยการดูถูก
เพราะเขามั่นใจมากๆว่า ไม่มาทางเป็นไปได้ที่จะเปิดใช้งานมันในสถานการณ์นี้
แต่… ‘แง้นๆๆๆ’
ทุกอย่างจบลงด้วยการที่เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่นต่อหน้าของคนทุกคน
“คำตัดสิน ข้อกล่าวหาของซาโบเป็นเท็จ”
“ซาโบและบารอนเบนเวนู พวกคุณจะต้องไปรับโทษจากข้อหาพยายามนำเรือเวทมนตร์ของผู้อื่นไปด้วยข้อกล่าวหาที่เป็นเท็จ”
“ดังนั้นจงเตรียมตัวให้พร้อม”
“ไม่— ฉันแค่ถูกซาโบหลอก”
บารอนเบนเวนูเช็ดเหงื่อที่ใบหน้าและเริ่มแก้ตัว
“ก่อนการพิจารณาคดีนี้ เราได้ตรวจสอบข้อกล่าวหาก่อนหน้านี้ที่ซาโบและบารอนเบนเวนูได้ยื่นมาแล้ว”
“เราจะทำการตรวจสอบพวกมันทั้งหมดอีกครั้งในภายหลัง ดังนั้นอย่าได้มาแก้ตัวอะไรตอนนี้”
ผู้พิพากษาทำให้บารอนเงียบด้วยคำตัดสินที่เด็ดขาด สุดท้าย ความวุ่นวายครั้งนี้ก็จบลง
มันมืดแล้วเมื่อเราออกมาจากปราสาท
กิลด์มาสเตอร์บอกว่าจะไปส่งเราที่ท่าเรือ ดังนั้นเราเอาเรือไปเก็บแล้วกลับไปนอนกันดีกว่า
“กิลด์มาสเตอร์ ทำไมซาโบกับบารอนถึง…?”
ขณะเดินไปยังท่าเรือ ผมถามเขาเกี่ยวกับเรื่องที่สงสัย
“การพิจารณาคดีนั้งนี้เพียงครั้งเดียวทำให้สามารถเปิดเผยเรื่องต่างๆ มากมายต่อหน้าท่านเคานต์ได้”
“และนอกจากนี้ ซาโบจะถูกตั้งข้อหาว่าใช้การพิจารณาคดีเพื่อเอื้อผลประโยชน์ต่อตัวเอง”
“และบารอนก็คงจะได้รับความอับอายในหมู่สังคมของชนชั้นสูง”
“ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการพิจารณาคดีใหม่เกี่ยวกับคำร้องทุกคำร้องก่อนหน้า”
“ฉันคิดว่าเราไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้แล้วล่ะในตอนนี้”
เขาทำสิ่งต่างๆ มากมายจนถึงจุดที่แม้แต่ชนชั้นสูงก็ยังไม่สามารถช่วยเขาได้อีกแล้ว
“เข้าใจแล้วครับ ผมไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอะไรแบบนี้อีกแล้ว”
“แบบนั้นมันจะช่วยได้มากเลย แต่พวกเขาชนะตลอดเลยเหรือด้วยข้อเรียกร้องที่ไร้สาระแบบนั้น?”
“พวกเขาชนะได้ยังไง?”
“โดยปกติ การพิจารณาคดีจะถูกพิจารณาในศาลชั้นต้น พวกเขาทั้งหมดอยู่ใต้ตำแหน่งอำนวจของบารอน”
“ดังนั้น0เขาอาจเคยใช้สถานะของเขาเป็นเกราะป้องกันเพื่อทำให้ได้ในสิ่งที่เขาต้องการ”
“แต่ตอนนี้เมื่อท่านเคานต์มีส่วนร่วมด้วย สถานะของศาลจึงได้ถูกยกระดับ”
“และผู้พิพากษาก็มีตำแหน่งไม่ได้ต่ำกว่าบารอน ฉันเดาว่าการปลอมแปลง ข่มขู่ หรือให้สินบน”
“คงไม่สามารถใช้ได้เหมือนกัน นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น”
สำหรับซาโบและพรรคพวกองเขา ดูเหมือนจะก็เรื่องเอาไว้เยอะเลยสินะ และในที่สุดพวกเขาก็ไม่สามารถรับมือได้อีกต่อไป
ว่าแต่แบบนี่ก็รู้สึกดีเหมือนกัน หวังว่าต่อไปนี้ทุกอย่างจะสงบลงบ้างนะ…
ยอดเงินคงเหลือ: 3 เหรียญทอง 21 เหรียญเงิน 70 เหรียญทองแดง
ยอดเงินฝากในบัญชีกิลด์: 24 เหรียญทอง 40 เหรียญเงิน
MANGA DISCUSSION