หลังจากได้แช่น้ำและเพลิดเพลินไปกับภาพของสาวๆ ในชุดอาบน้ำจนพอใจแล้ว
ผมก็มาจัดการแปลงโฉมเรือไม่ว่าจะเป็น ลูโตะ หรือ ไฮด์อเวย์
ผมได้ทำการเปลี่ยนพวกมันให้เหมือนกับเรือของโลกใบนี้
ไม่ว่าจะข้างนอกหรือข้างใน เท่านี้ทุกอยากก็เตรียมการเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เพื่อเหลือก็รอแค่เวลาออกเดินทาง ผมเปลี่ยนมาที่เรือแบบญี่ปุ่น
จากนั้นพวกเราก็มุ่งหน้ากลับไปที่หมู่บ้านของดาร์กเอลฟ์อีกครั้ง
งานของพวกเราในวันนี้คือช่วยพวกเขาในการขนย้าย และออกตั๋วสำหรับคน 25 คน
ถ้าคิดเผื่อเวลาในการเดินทางของทุกคน พวกเราก็น่าจะใช่เวลาประมาณ 3 เดือน ในการออกจากป่า
หลังจากจัดการเรื่องจิปาถะระหว่างทางเสร็จแล้ว ไม่นานผมก็มาถึงหมู่บ้าน
เกลซังที่มารับบอกกับพวกเราว่าตอนนี้พวกเราได้รับความไว้วางใจจากคนในหมู่บ้านแล้ว
จึงสามารถเอาเรือเข้าไปจอดที่หมู่บ้านได้เลย
ดูเหมือนทุกคนในหมู่บ้านจะมารวมตัวกันอยู่ที่นี่หมดแล้วสินะ…
ว่าแต่ไปยืนรวมกันอยู่บนแพแค่สองอันแบบนั้นมันจะไม่เป็นไรเหรอ?
เพราะแค่เห็นผมก็แอบกังวลแล้วว่ามันจะจมน่ะ แต่ก็เป็นภาพที่ดูดีใช้ได้…
เพราะการเอาชายหญิงหน้าตาดีมายืนเรียงกันอยู่แบบนี้เป็นภาพที่น่าดูไม่น้อยเลยล่ะ
แต่มันก็อดคิดไม่ได้ว่านี่แหละความไม่ยุติธรรมของโลกนี้
มีเด็กตัวเล็กๆ อยู่ในกลุ่มของพวกเขาด้วย 2 คน
ดูเหมือนการเพิ่มจำนวนประชากรจะเป็นเรื่องที่ลำบากจริงๆ สินะ
ให้ตายสิ ทำไมดาร์กเอลฟ์ถึงมีแต่คนหน้าตาดีๆ นะ
ผู้หญิงสวยผมก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่ทำไมผู้ชายถึงหล่อไปซะหมดทุกคนเลยล่ะ นั่นทำให้ผมรู้สึกอิจฉามาก
หลังจากทักทายกับหัวหน้าหมู่บ้าน ผมก็แจกตั๋ให้กับทุกคน
และขอให้ทุกคนสัญญาว่าจะเก็บเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เอาไว้เป็นความลับ
จากนั้นผมก็อัญเชิญ ไฮด์อเวย์ ออกมา ที่ตรงหน้าของพวกเขา พร้อมกับสาธิตวิธีการกระโดดเข้าไปในวงเวทให้
ในตอนแรกๆ พวกเขาก็ดูจะกลัวกันหน่อยๆ แต่พอลองไปสักพักทุกคนก็เริ่มชิน และสามารถทำกันได้อย่างคล่องแคล่ว
จากนั้นเมื่อพวกเขาได้ลองทดลองขึ้นเรือกันดูสัก 2-3 เที่ยวแล้ว
ผมก็ขอให้พวกเขาลองโจมตีไปที่ไฮด์อเวย์ดูเพื่อยืนยันถึงความปลอดภัยของมัน
จากที่ผมสังเกตดูเหมือนพวกเขาจะแทบไม่ส่งเสียงดังกันเลย
ไม่ว่าจะตอนที่เรียกเรือออกมาหรือตอนที่กระโดดขึ้นไปบนวงเวท
จะมีก็แค่เสียงอุทานเบาๆ เท่านั้นทั้งดังออกมา หรือแม้แต่กับเด็กน้อยตัวเล็กๆ ก็ไม่มีเสียงร้องดังออกมาเลยสักแอะ…
อืม…ชีวิตประจำวันในหมู่บ้านแห่งนี้คงจะโหดร้ายมากลยสินะ
แต่สุดท้ายสกิลอัญเชิญเรือของผมก็ถูกเปิดเผยไปจนได้
ตอนนี้ผมล่ะอดกังวลไม่ได้เลยจริงๆ ว่าถ้าเกิดมีใครสักคนในที่นี้
เผลอหลุดปากพูดเรื่องสกิลของผมออกไป ตอนที่ไปอยู่บนเกาะแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?
…ตอนนี้ผมล่ะอยากได้วงเวทสัญญาจริงๆ แต่ถ้าต้องการจะติดตั้งมันผมก็คงต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ
แต่ผมไม่สามารถพาใครไปที่เกาะมั่วๆ ได้…แล้วแบบนี้จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย?
หลังจากสอนกฎการใช้เรือจนเสร็จ ก็ให้ทุกคนเริ่มขนสัมภาระขึ้นดาดฟ้า ไฮด์อะเวย์ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการอพยพ
“คณหัวหน้าหมู่บ้าน พรุ่งนี้เราจะออกเดินทาได้กันได้เลยไหมครับ? หรือถ้ายังไม่พร้อมจะเลื่อนออกอีกก็ได้…”
“ไม่เป็นไรครับ วาตารุซัง พวกเรามีของไม่มาก ผมคิดว่าพรุ่งนี้ก็น่าจะเตรียมตัวกันเสร็จ
แล้วก็ต้องขอขอบคุณจริงๆ นะครับ วาตารุซัง เพราะพลังคุณแท้ๆ ที่ทำให้เราสามารถขนของที่เคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้ได้ด้วย”
“ฮ่าๆ ไม่เป็นไรครับ เรือที่พวกเราจะใช้เดินทางออกจากป่าจะเป็นที่พักชั่วคราวไปในตัวด้วยนะครับ
ดังนั้นช่วยไปบอกให้ทุกคนเตรียมผ้าห่มและเครื่องนอนมาด้วยนะครับ เพราะคิดว่าห้องพักน่าจะไม่พอสำหรับทุกคน”
“ครับ ผมจะไปบอกพวกเขาให้”
“อ่อ แล้วก็เก็บเรื่องทั้งหมดนี้ไว้เป็นความลับด้วยนะครับ
เพราะถ้าเรื่องนี้หลุดไปมีหวังได้ยุ่งยากกันแน่”
“ครับ ผมจะไปกำชับกับทุกคนอีกครั้ง”
คุณหัวหน้าหมู่บ้านดูสดใสขึ้นมาก เหมือนกับว่าการตัดสินใจอพยพในครั้งนี้
ได้ช่วยปลดปล่อยเขาจากภาระบางอย่างที่เขาแบกไว้มานานยังไงยังงั้น
ทุกอย่างเป็นไปได้อย่างราบรื่น และการเตรียมการก็เสร็จสิ้นก่อนจะถึงวันออกเดินทาง
เราจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองกันเล็กน้อย เพื่อเป็นที่ระลึกในการเริ่มต้นการออกเดินทาง
ผมเอาอาหารและเครื่องดื่มออกมาและจัดงานอยู่ที่บนดาดฟ้า…
แต่ด้วยความที่ตอนนี้เราอยู่ที่ใจกลางของป่าปีศาจ เลยต้องระมัดระวังเรื่องเสียงกันนิดนึง
ด้วยความที่หมู่บ้านขาดแคลนเครื่องปรุงอย่างหนัก จึงทำให้พวกเขาประหลาดใจกับรสชาติอันหลากหลาย
ของอาหารที่ผมเอาออกมาจนกินกันไม่หยุดเลยล่ะ…รู้สึกดีจริงๆ ที่ทุกคนกินอาหารที่ผมทำด้วยความเอร็ดอร่อย
ผมนึกถึงคลอเร็ตต้าซังที่มักมาช่วยผมทำอาหารอยู่เสมอ
จากนั้นผมก็มองไปที่เธอเราสองคนยิ้มให้กันด้วยความรู้สึกเข้าใจ
แบบนี้เขาเรียกว่าใจตรงกันหรือเปล่านะ? แล้วคาร์ล่าซังล่ะ อ่อ ยังกินได้เยอะที่สุดเหมือนเดิมสินะ…
ริมุกับฟูจังเองก็กำลังเล่นกับเด็กๆ ทั้ง 2 คน อยู่ช่างเป็นภาพที่น่ารักจนใจแทบละลายเลยล่ะ
หลังจากงานเลี้ยง ทุกคนก็นอนกลิ้งกันอยู่บนพื้น
…ชายหญิงหน้าตาดีมานอนเกลื่อนเพราะเมาแบบนี้ ช่างเป็นภาพที่แปลกตาดีจริงๆ
พรุ่งนี้เราจะออกจากป่าปีศาจกันแล้ว ผมก็ควรไปพักผ่อนให้เต็ม…
คืนนี้สวีทกับไอเนสและเฟลิเซียนิดหน่อยพอแล้วกัน จากนั้นจะรีบเข้านอน…
3 เดือนผ่านไป ในที่สุดผมก็สามารถมองเห็นทะเลได้จากแนวต้นไม้แล้ว แค่นี้ก็สบายใจได้แล้วสินะ…
ที่พวกเราต้องใช้เวลาในการเดินทางกว่า 3 เดือน
ก็เพราะมีคนร่วมทางมาเป็นจำนวนมากเลยต้องใช้เวลาในการเดินทางมากกว่าที่คิด
ผมประเมินระยะเวลาในการเดินทางของคนกลุ่มใหญ่ๆ ต่ำปจริง ๆ
ช่วงแรกๆ ของการเดินทางมันลำบากมากๆ เลยล่ะ
เพราะผู้หญิงในหมู่บ้านแทบจะไม่เคยออกไปเผชิญกับอันตรายอะไรภายในป่าเลย
เพราะงั้นทั้งเลเวลและความแข็งแรงทางร่างกายของพวกเธอเลยไม่มากเท่าไหร่
แถมยังมีเด็กเล็กๆ เดินทางมาด้วย ทำให้ความเร็วในการเดินทางช้ามากๆ เลยล่ะ
แถมต้องให้ จิราโซเล่ ไปเดินล้อมชาวบ้านที่ปกป้องตัวเองไม่ได้ไว้อีก
ส่วนเด็กๆ 2 คนก็ผลัดกันไปขึ้นหลังของพวกผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่ง พวกเราเลยต้องค่อยๆ ไปกันอย่างระมัดระวัง
ช่วงที่เกิดการ ทริกเกอร์ ของมอนสเตอร์ขึ้นครั้งแรก
ก็มีช่วงที่ลำบากอยู่บ้าง แต่ทุกคนก็สามารถหนีขึ้นไปบน ไฮด์อเวย์ ได้โดยไม่มีปัญหาอะไร
เพราะการเดินที่ช้าลงเลยทำให้ต้องอยู่ในป่านานขึ้น ส่งผลให้เจอมอนสเตอร์เยอะขึ้นตามไปด้วย นี่มันวงจรอุบาทว์ชัดๆ
แม้ผมจะอึดอัดที่ต้องอยู่ร่วมกันถึง 34 คน บนเรือ
แต่ชาวบ้านกลับบอกว่านี่มันเหมือนกับอยู่บนสวรรค์เลย
เมื่อเทียบกับการต้องหลบอยู่ในโพรงหินแคบๆ ที่เคยเป็นที่หลบภัยกันมาก่อน
ผมไม่อยากจินตนาการเลยว่าพวกเขาต้องผ่านเรื่องอะไรกันมาบ้าง
ส่วนตอนที่มีการต่อสู้กับมอนสเตอร์ในระหว่างที่ไม่มีทริกเกอร์เกิดขึ้น
พวกผู้ชายในหมู่บ้านก็สามารถจัดการกับมอนสเตอร์ได้อย่างไม่มีปัญหา
แต่ถ้าเกิดทริกเกอร์ขึ้นเวลาที่พวกเขาออกไปล่าไกลๆ หมู่บ้าน
พวกเขาก็มักจะหนีไม่ทัน ทำให้จำนวนประชากรของหมู่บ้านลดลงเรื่อยๆ
ในเรื่องของอาหาร เพราะมีอาหารอร่อยๆ ให้กินเลยทำให้ทุกคนพอจะผ่อนคลายจากการเดินทางกันได้บ้าง
จนกระทั้งการเดินทางมาถึงทะเลได้อย่างราบรื่นเลยล่ะ อาหารนี่สำคัญจริงๆ สินะ
ระหว่างที่อยู่ในป่าปีศาจ สิ่งที่ทำให้ผมกังวลที่สุดก็คือเรื่องของการซื้อเรือลำใหม่
เพราะแม้จะสามารถใช้ ลูโตะ ลาก ไฮด์อเวย์ ไปได้ แต่มันต้องใช้เวลามากเกินไป
แถมตอนนี้กำหนดการของพวกเราก็ล่าช้าออกไปมากแล้ว ผมเลยไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้
ผมเคยคิดจะใช้เรือเฟอร์รี่ในการเดินทางที่ทะเลเปิด แล้วค่อยใช้ ลูโตะ ลาก ไฮด์อเวย์ ไปเมื่อถึงใกล้ๆ เกาะ
แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจ เพราะถ้าใช้เรือเฟอร์รี่มันจะไปเชื่อมโยงกันได้กับเรื่องของจอมเวท
เกิดมีข้อมูลหลุดออกไปพวกเราได้เดือดร้อนกันแน่
ดังนั้นผมเลยจะหาซื้อเรือลำใหม่ ที่ผมสนใจก็เป็นเรือจำพวกเรือท่องเที่ยว
เพราะมีเรือให้เลือกเยอะมากๆ เลย มีลำที่ทำเป็นรูปปราสาทด้วย
รูปหงส์ก็มี แถมบางลำยังมีหน้าต่างที่อยู่ใต้น้ำอีก หรือแม้แต่ลำที่ทำเป็นเรือโจรสลัดก็มี
แต่…มันดูเด่นเกินไป ต้องมานั่งดัดแปลงเรือเยอะขนาดนั้นไม่เอาดีกว่า
ตอนนี้เรือที่ผมสนใจที่สุดคือ Sunseeker 155 Yacht แต่ราคาของมันตั้ง 25 เหรียญทองคำขาว…

ตอนนี้ผมยิ่งอยากได้เรือสำราญเร็วๆ อยู่ เลยลังเลว่าจะซื้อมันมาดีไหม
แต่เรือลำนี้มันเท่มากๆ เลยนะ แถมภายในยังตกแต่งซะหรูหราอีก
ตัดสินใจแล้ว ผมจะซื้อมัน! ถึงราคาจะแพงไปหน่อยก็เถอะ
แต่ดีไซน์ของมันถูกใจผม แถมยังมีตั้ง 4 ชั้น แล้วก็มีอ่างจากุซซี่ที่บนดาดฟ้าเรือด้วย
อีกอย่างมันมีอะไรหมุนๆ อยู่ตรงที่ยอดเสาด้วย ผมรู้สึกสนใจมันมากๆ เลยล่ะ
ไอ้เจ้าหมุนๆ ที่อยู่บนยอดเสาเนี่ย ถึงจะไม่รู้ว่าเอาไว้ใช้ทำอะไร แต่แค่มีก็ทำให้รู้สึกว่ามันเท่แล้ว
ไฮด์อเวย์ ไว้ใช้เวลาที่อยู่บนบก ส่วน Sunseeker 155 ไว้ใช้ในทะเล
เอาล่ะ แค่นี้ก็มีเหตุผลประกอบการตัดสินใจแล้ว
แค่นี้ก็ไม่ใช่การใช้เงินสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุแล้ว… ใช่ มันมีประโยชน์มากๆ เลย คุ้มเงินสุดๆ ไปเลยล่ะ
ผมต้องคิดแบบนี้ไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกผิดไปมากกว่านี้
แต่ก็มีเสียดายอยู่อย่างนึงคือ การซื้อเรือลำนี้มันไม่ช่วยเพิ่มเลเวลของสกิลอัญเชิญเรือน่ะสิ
สงสัยต้องซื้อเรือสำราญจริงๆ สินะ เลเวลถึงจะอัพได้
ต่อไปก็ตั้งชื่อเรือ…เอาชื่ออะไรดีนะ? คิดไม่ออกแฮะ
เพราะถึงจะพยายามนึกชื่อจากรูปลักษณ์ภายนอกของมันแล้ว แต่ก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดี
เพราะถ้ายังไม่ได้เห็นของจริง… มันก็ไม่ค่อยมีแรงบัลดาลใจล่ะนะ…
งั้นเอาเป็นชื่อ ซีกเกอร์ ก็แล้วกัน ความหมายก็แปลว่าผู้แสวงหาด้วย
แบบนี้ก็เข้ากับธีมการออกสำรวจพอดี ถึงแม้จะมาตั้งหลังจากที่ผมเจอดาร์กเอลฟ์แล้วก็เถอะ
ผมเดินไปพลางย้อนนึกถึงช่วงเวลาตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา
ไม่นานทะเลที่เคยเห็นลิบๆ ก็ปรากฏที่ตรงหน้าของพวกเรา ในที่สุดพวกเราก็ออกมาจากป่าปีศาขกันได้แล้ว
แต่ถ้าตอนนี้เกิด ทริกเกอร์ ขึ้นมาคงจะวุ่นวายกันสุดๆ เลยล่ะ
ดังนั้นพวกเราต้องพยายามออกจากป่ากันให้เงียบที่สุด
ผมไม่รู้ว่าพวกเขาอาศัยกันอยู่ที่นี่มากี่รุ่นแล้ว
แต่จากที่เห็นดูเหมือนชาวบ้านทุกคนจะไม่เคยเห็นทะเลกันมาก่อนสินะ
เพราะทุกคนต่างพากันมองไปที่ทะเลด้วยความตกตะลึง
แต่ถึงแม้พวกเขาจะรู้สึกตกตะลึงกันขนาดไหน ก็ไม่มีเสียงอุทานอะไรหลุดลอดออกมาเลย
เมื่อมาถึงทะเลผมก็อัญเชิญ กาเล็ตต์ ออกมาและ ชวนไอเนสกับเฟลิเซียออกไปด้วย
เมื่อมาถึงบริเวณที่แน่ใจแล้วว่าจะไม่มีใครเห็น ผมก็ทำการอัญเชิญ ซีกเกอร์ ออกมา
“ว้าว! มันเท่มากเลยนะ ว่ามั้ย?”
“ใช่ค่ะ เรือจากโลกของนายท่านมีเสน่ห์ทีน่าดึงดูดมากเลย ครั้งนี้เป็นเรือขนาดกลางสินะคะ”
“อืม”
“ฉันคิดว่ามันดูดีมากๆ เลยค่ะ นายท่าน ขนาดเองก็พอเหมาะด้วย
นายท่านคิดว่าเรือขนาดนี้สามารถเอาเข้าไปจอดที่ท่าเรือตามปกติได้ไหมคะ?”
ไอเนสกับเฟลิเซียก็ดูจะชอบเรือลำนี้เหมือนกันสินะ
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะถ้าอ้างไปว่าซื้อเรือลำนี้มาจากจอมเวทอีกล่ะก็ คงได้เจอกับปัญหาตามมาอย่างแน่นอน”
“นั่นสินะคะ”
“จริงๆ ผมก็อยากสำรวจเรือลำนี้ให้ทั่วๆ ก่อนเหมือนกัน แต่นี้มีคนอื่นอยู่ด้วยไว้ค่อยมาสำรวจกันที่หลังก็แล้วกัน
ตอนนี้ผมจะแปลงโฉมให้มันดูเป็นเรือธรรมดาแล้วจะรับกลับไปรับคนอื่นๆ ก่อน”
“”ค่ะ””
เราขึ้นเรือ แล้วรีบพรางรูปร่างภายนอกและภายในของเรือให้ดูเข้ากับมาตรฐานของโลกนี้
ก่อนจะมุ่งหน้ากลับไปที่ฝั่ง เพราะถ้าโดนสุ่มตรวจตอนนี้ได้เดือดร้อนกันแน่ๆ
ถึงภายนอกของเรือตอนนี้จะดูอวบๆ หน่อย แต่ก็ดูเป็นเรือขนาดกลางปกติในโลกนี้แล้ว
แต่ด้านในมันถูกแบ่งเป็น 4 ชั้นนี่สิ…รู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ เรือเวทขนาดกลางในโลกนี้จะมีแบบแบ่งออกเป็น 4 ชั้นด้วยเหรอ?
หลังจากออกสู่ทะเลเปิดได้อย่างปลอดภัย ผมก็ตั้งจุดหมายปลายทางไปที่เกาะของดาร์กเอลฟ์
แล้วก็ไปรวมตัวกับทุกคนที่ห้องนั่งเล่นเพื่อพักหายใจหายคอกันหน่อย
“คุณหัวหน้าหมู่บ้าน ตอนนี้พวกเราปลอดภัยแล้วนะครับ
ที่เหลือก็แค่นั่งเรือลำนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงที่หมายเท่านั้น
ส่วนเรื่องห้องพักผมคิดว่าน่าจะไม่เพียงพอสำหรับทุกคน
ดังนั้นผมจะให้คุณหัวหน้าหมู่บ้านเป็นคนจัดการแบ่งห้องพักกันเองนะครับ
เหมือนกับที่เคยทำบน ไฮด์อเวย์ ส่วนห้องสำหรับพวกผมเดี๋ยวผมจะมาจัดการกันทีหลัง”
หืม? ทำไมคุณหน้าหมู่บ้านถึงดูตกใจแบบนั้นล่ะ? มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?
“…..”
เอ๋? ทำไมเงียบแบบนั้นล่ะ…
“คุณหัวหน้าหมู่บ้าน มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“เอ๊ะ? อ๋อ เรื่องการแบ่งห้องพักไม่มีปัญหาอะไรครับ แต่…มันจะไม่เป็นอะไรจริงๆ เหรอครับ
ที่จะให้พวกเรารออยู่เฉยๆ บนเรือจนกว่าจะถึงสถานที่ปลอดภัยน่ะครับ?”
“ไม่มีปัญหาครับ หรือคุณมีอะไรที่ต้องกังวลเหรอครับ?”
อยู่ๆ สีหน้าของคุณหัวหน้าหมู่บ้านก็ดูไม่ดีขึ้นมา
“คือ ในความคิดของผมสถานที่ปลอดภัยมันต้องมีอุปสรรคอันตรายมากมายกว่าจะไปถึงที่นั่นได้ใช่มั้ยล่ะครับ
ผมเลยอดกังวลเรื่องที่คุณบอกไม่ได้ ว่าพวกเราสามารถไปถึงที่นั่นกันได้อย่างสบาย…”
อ้อ อย่างงี้นี่เอง ถ้ามันดูง่ายเกินไปก็เลยรู้สึกไม่สบายใจสินะ
“ไม่ต้องห่วงครับ ระยะทางจากเกาะไปถึงแผ่นดินต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5 วัน ในการเดินทาง
อีกทั้งยังไม่ได้อยู่ในเส้นทางที่มีการเดินเรือตามปกติ และยังมีมอนสเตอร์ทะเลที่อันตรายอยู่เป็นจำนวนมาก
ดังนั้นตลอดเส้นทางจะมีมอนสเตอร์ทะเลเข้ามาโจมตีอยู่ตลอดเลยล่ะ
ดังนั้นคุณไม่ต้องกังวลนะครับ การไปถึงที่นั่นได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย”
“งั้นเหรอครับ ผมเข้าใจแล้ว”
แบบนี้ก็ดี ความกังวลทำให้การอธิบายง่ายขึ้นเยอะ เพราะถ้าบอกแค่ว่า ปลอดภัยแน่นอน คนฟังก็คงจะรู้สึกไม่สบายใจ
“แล้วผมต้องทำอะไรต่อไปครับ วาตารุซัง?”
โอ๊ะ เกือบลืมเลย ผมยังไม่ได้พาพวกเขาชมรอบเรือเลยนี่นา
“ผมจะพาไปชมเรือนะครับ เริ่มจากชั้นหนึ่งกันก่อนนะครับ เชิญมาทางนี้ได้เลยคุณหัวหน้าหมู่บ้าน”
ผมนำทางทุกคนไปยังหน้าห้องพัก
“มีห้องเตียงคู่อยู่ 4 ห้อง กับห้องเตียงเดี่ยวอีก 5 ห้อง
งั้น…ให้จิราโซเล่เอาห้องเตียงคู่ไป 3 ห้อง ส่วนที่เหลือให้คุณหัวหน้าหมู่บ้านเป็นคนจัดการนะครับ ที่เหลือก็ให้ไปพักตามพื้นที่ว่างๆ ได้เลย”
จริงๆ แล้วยังมีอีกห้องบนชั้นสาม แต่มันเชื่อมต่อกับห้องบังคับเรือ ผมเลยตั้งใจจะปิดไว้ไม่ให้ใช้ เผื่อเอาไว้ก่อน
“วาตารุซัง พวกเราไม่ต้องใช้ห้องก็ได้ค่ะ ขอแค่มีหลังคาคลุมหัวพวกเราก็อยู่ได้แล้ว เพราะพวกเราเป็นนักผจญภัย”
“ไม่เป็นไรครับ พวกเราคุ้นเคยกับการนอนรวมกันอยู่แล้ว
ดังนั้นห้องเท่านี้ก็มากเกินพอแล้วครับ อีกอย่างผมคิดว่าถ้าให้พวกคุณให้ห้องไปจะสะดวกกว่านะครับ”
“อา จริงด้วย ถ้าให้จิร่าโซเล่ใช้ห้องไปก็จะสะดวกกว่าที่พวกดาร์คเอลฟ์จะต้องมาแชร์ห้องกัน”
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ แล้ววาตารุซังจะไปพักที่ห้องไหนเหรอคะ?”
“ผมจะไปพักที่ห้องบนชั้นสองครับ”
หลังจากตกลงเรื่องการแบ่งห้องเรียบร้อย คุณหัวหน้าหมู่บ้านก็กลับไปที่ห้องนั่งเล่น
เพื่อไปคุยกับชาวบ้านเรื่องการจัดสรรห้อง
“ทุกคน ไปจิบชาที่ห้องด้านบนกันไหมครับ?
เดี๋ยวผมจะปลดการพรางตัวของเรือออกให้ได้เห็นว่าจริงๆ แล้วเรือลำนี้เป็นยังไง”
“ฟุฟุ น่าสนุกจังเลยคะ”
พวกเราจึงขึ้นไปที่ห้องและนั่งดื่มชากัน
พลางอวดความหรูหราของห้องบนเรือยอชท์สุดหรูที่มีการตกแต่งอย่างสวยงาม
หลังจากส่งเหล่าดาร์คเอลฟ์ลงที่เกาะแล้ว ผมจะเปลี่นทุกอย่างให้กลับมาเหมือนเดิมแล้วจะสนุกกับเรือลำนี้เต็มที่เลย…
เงินสดในมือ: 50 เหรียญทอง 21 เหรียญเงิน 38 เหรียญทองแดงบัญชีกิลด์: 70 เหรียญทองเงินเก็บบนเรือ: 920 เหรียญทองคำขาวเรือพริกไทย: 425 ลำ
MANGA DISCUSSION