“อืม… สุดท้ายวาตารุคุงก็อัญเชิญเรือออกมาอย่างเดียวสินะ…”
“แล้วมีตรงไหนที่ท่านไม่พอใจล่ะคะ? เจ้าชายก็ยอมคุกเข่าแล้ว
กองทัพเรือของจักรวรรดิเองก็ถูกทำลายไปเกือบหมด ทหารเองก็ได้รับการขนย้ายแล้ว
ถึงแม้ทั้งหมดนั้นจะทำโดยคนรอบตัวของเขา แต่ฉันคิดว่าเท่านี้
ก็น่าจะพอพิสูจน์ประสิทธิภาพของสกิลการอัญเชิญเรือแล้วไม่ใช่เหรอคะ?
แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอตามความประสงค์ของท่านแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“…มันก็ใช่ แต่สุดท้ายวาตารุคุงก็ไม่ได้เข้าไปที่ลูก้าเลยไม่ใช่เหรอ?
เขาลงจากเรือแค่ตอนที่ไปถึงที่ลูก้ากับตอนที่ไปซื้อเสบียงเองนะ
แถมตอนที่ไปส่งทหาร เขายังเอาแต่กินกับนอนอยู่ในห้องบังคับการอีก
เขาแทบจะไม่ได้ลงจากเรือเลยไม่ใช้เหรอ…เทพแห่งแสง แบบนี้จะให้ข้าคิดยังไง?”
“…นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของวาตารุคุงนะคะ อีกอย่างการที่ท่านเรียกวาตารุคุงมาคุยก่อนหน้านี้
ก็ถือว่าเป็นการแทรกแซงโลกเบื้องล่างมากแล้ว ท่านไม่ควรเข้าไปแทรกแซงมากกว่านี้นะคะ”
“อืม…มันก็ถูก…แต่ข้ารู้สึกว่ามันยังขาดอะไรบางอย่าง…”
“ท่านเทพผู้สร้าง ท่านลืมข้อความที่ท่านส่งให้วาตารุคุงไปแล้วเหรอคะ?
ท่านเป็นคนบอกให้เขาใช้ชีวิตอย่างสงบเสงี่ยมเองไม่ใช่เหรอ”
“…ข้ารู้ แต่…เอาเถอะ รอดูไปก่อนก็ได้ ไหนๆ พวกเทพสงครามก็เงียบไปแล้ว”
“ไม่ใช่เงียบไปค่ะ แต่ท่านทำร้ายพวกเขาจนหมดสภาพต่างหาก
แล้วไหนจะปิดกั้นการฟื้นฟูอีก ฉันหวังว่าท่านจะพอแค่นี้นะคะ”
“…แต่เจ้าพวกนั้นมันลุกฮือกันต่อต้านข้านะ ทำแค่นั้นก็ถือว่าใจดีมากแล้ว ดีเท่าไหร่แล้วที่ข้าไม่ลบพวกเขาไปน่ะ”
“ท่านแค่แกล้งทำเป็นใจดีค่ะ แต่เจตนาที่แท้จริงคือจะบังคับให้พวกเขาคุกเข่าขอโทษให้ได้
อีกอย่างฉันคิดว่านั่นมันออกแนวป้องกันตัวเองมากกว่าการลุกฮืออีกนะคะ”
“มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไง? ตอนนั้นเทพแห่งสงครามพุ่งเข้าใส่ข้าเลยนะ
ส่วนเทพแห่งเวทมนตร์ก็ยิ้มอยู่ตอนที่ซัดเวทมนตร์ใส่ข้า”
“ฉันเข้าใจความรู้สึกค่ะ เพราะฉันเองก็รู้สึกอย่างซัดไปสักเปรี้ยงเหมือนกัน”
“…เจ้าเองก็เข้าใจความรู้สึกข้าสินะ?”
“…ก็นั่นสิคะ”
“นี่ เทพแห่งแสง ตกลงเจ้าอยู่ข้างใครกันแน่ ?”
“ถ้าในแง่ของความรู้สึก ฉันอยู่ข้างเทพแห่งสงครามกับเทพองค์อื่นๆ ค่ะ
แต่ในแง่ของหน้าที่ ฉันอยู่ข้างท่านค่ะ ท่านเทพผู้สร้าง”
“ฮ่าๆ สุดท้ายแล้วเจ้าก็อยู่ข้างข้าสินะ”
“ฉันมีหน้าที่ที่ต้องอยู่ข้างท่านค่ะ”
“…”
“ฉันมีหน้าที่ที่ต้องอยู่ข้างท่านค่ะ”
“ฮ่าๆ แหม๋ๆ เทพแห่งแสงนี่ก็เล่นมุขตลกเป็นเหมือนกันนะ…”
“…”
“โอ๊ะ! วาตารุคุงกับพวกกำลังจัดงานเทศกาลที่เกาะดาร์กเอลฟ์อยู่นี่นา…
ว่าแต่ทำไมพวกเขาถึงไม่บูชาข้าแต่ไปบูชาเทพีแห่งป่าแทนล่ะ แบบนั้นมันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ?”
“เพราะที่นั่นเป็นเกาะของดาร์กเอลฟ์ค่ะ การบูชาเทพีแห่งป่าจึงเป็นเรื่องปกติ”
“หืมม ข้าว่าแบบนั้นมันไม่ถูกนะ วาตารุคุงเป็นผู้สนับสนุนหลัก
พวกเขาก็ควรจะบูชาข้าสิ…ขอส่งข้อความไปบอกให้พวกสร้างวิหารของข้าขึ้นบนเกาะได้ไหม?”
“มันก็ต้องไม่ได้อยู่แล้วสิคะ รู้อยู่แล้วทำไมถึงยังถามอีก?”
“ก็รู้แหละ แต่เจ้าไม่คิดว่ามันจำเป็นที่จะต้องมีวิหารของข้าอยู่บนเกาะเหรอ?
ข้าน่ะยินดีที่จะส่งรูปเคารพของข้าลงไปให้พวกเขาด้วยนะ”
“เรื่องนั้นห้ามทำแบบเด็ดขาดเลยนะคะ
แล้วก็อย่าพูดเรื่องสร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ขึ้มมาง่ายๆ แบบนั้นด้วย!”
“เอ๋…น่าเบื่ออ่ะ งั้นข้าลองไปเยี่ยมพวกเทพแห่งสงครามดูดีไหมนะ?”
“จะไปทำไมเหรอคะ? ก็ท่านเป็นคนปิดกั้นการฟื้นฟูของพวกเขาเอง”
“ข้าจะยอมยกโทษให้ก็ได้ ถ้าพวกเขายอมขอโทษ”
“ถ้าท่านทำอย่างนั้นจะเสียความไว้วางใจจากพวกเขาเพิ่มขึ้นไปอีกนะคะ
และฉันก็มั่นใจว่าพวกเขาไม่มีทางยอมมาขอโทษแน่”
“จริงดิ!? ชิ งั้นไม่ไปก็ได้…”
“แค่นั้นเหรอคะ ทำไมถึงไม่ยกเลิกการปิดกั้นการฟื้นฟูด้วยล่ะคะ?”
“นี่ เจ้ายังพูดเรื่องนี้อยู่อีกเหรอ? นี่ถือว่าเป็นการลงโทษ ต้องทำให้พวกเขาสำนึกผิดสิ”
“ถ้าท่านไม่ยอมหยุด ระวังจะโดนเทพแห่งการรักษาโกรธเอานะคะ
เพราะตอนนี้ท่านน่ะทำให้นางลำบากมากเลย”
“เอ่อ… ม-ไม่ ข้าจะไม่ยอมยกเลิกให้หรอก…”
“…เฮ้อ งั้นฉันไม่พูดแล้วก็ได้ค่ะ ต่อไปก็ระวังตัวเอาไว้ด้วยนะคะ”
“ร-รู้แล้วน่า ข้าเป็นถึงเทพผู้สร้างเลยนะ”
“…เข้าใจแล้วค่ะ เช่นนั้นฉันขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะคะ”
“…อืม”
“เทพแห่งสงคราม เทพแห่งเวทมนตร์ พวกท่านเป็นยังไงบ้างคะ?”
“โอ้ว! ท่านเทพแห่งแสง ข้ายังฟื้นตัวไม่ได้น่ะ อาการบาดเจ็บก็เลยไม่ดีขึ้นเลย”
“ข้าเองก็เหมือนกัน เจ็บใจนักที่พวกเราทำอะไรกับเรื่องนี้ไม่ได้เลย”
“อย่างนั้นเหรอคะ? ท่านเทพผู้สร้างบอกกับฉันว่านี่เป็นการลงโทษ
เลยจะปิดกั้นการฟื้นฟูแบบนี้ต่อไป แล้วก็ฝากมาบอกว่า
ถ้าพวกท่านยอมไปขอโทษเขา เขาจะยกเลิกการปิดกั้นการฟื้นฟูให้ค่ะ”
“ให้ตายข้าก็ไม่ทำ”
“ใช่ ข้ายอมสูญสลายไปยังดีเสียกว่าต้องไปขอโทษเทพผู้สร้าง”
“…ฉันเข้าใจความรู้สึกของทั้ง 2 ท่านดีค่ะ
แต่จะไม่ลองกลับไปคืนดีกับท่านเทพผู้สร้างหน่อยเหรอคะ ถือว่าฉันขอ…”
“เป็นไปไม่ได้”
“ใช่ เป็นไปไม่ได้”
“เฮ้อ…เรื่องมันมาถึงจุดนี้ได้ยังไงกันนะ?”
“ก็คงสะสมเรื่องมาเรื่อยๆ จนมันกลายเป็นแบบนี้ล่ะมั้ง ท่านเทพแห่งแสง
ข้ากับเทพแห่งสงครามน่ะ โดนเรื่องไร้สาระของเทพผู้สร้างทำวุ่นวายมาหลายครั้งแล้ว”
“ใช่ ถ้ามีโอกาสอีกข้าก็จะหาทางฆ่าเขาให้ได้ทุกครั้งนั่นล่ะ”
“…ฉันก็เข้าใจความรู้สึกของทั้ง 2 ท่านนะคะ ว่ามันลำบากมากจริงๆ แต่… เอ๊ะ! มีใครกำลังมา?”
“โอ้ ท่านเทพแห่งแสงก็อยู่ด้วยเหรอ ท่านรู้หรือยังว่าตอนนี้เทพแห่งสงครามกับเทพแห่งเวทมนตร์ฟื้นฟูตัวเองไม่ได้น่ะ
นี่แหละน้า บทลงโทษสำหรับการเพิกเฉยต่อคำเตือนและความหวังดีของข้า”
“นั่นเจ้าเหรอเทพแห่งความบันเทิง? นี่ไม่ใช่บทลงโทษเพราะเพิกเฉยเจ้า แต่เป็นเพราะเจ้าเทพผู้สร้างนั่นต่างหาก”
“ฮ่าๆ แล้วพวกเจ้ารู้สึกยังไงล่ะ เทพแห่งสงคราม เทพแห่งเวทมนตร์?”
“มันทำให้ข้าโมโหสุดๆ จนท้องไส้ปั่นป่วนเลย”
“ใช่ พวกเราไม่ควรมาโดนอะไรแบบนี้”
“เทพแห่งสงคราม แล้วก็ เทพแห่งเวทมนตร์นี่หัวแข็งกันจริงๆ
รู้มั้ยเทพแห่งการรักษาลำบากกับพวกเจ้ามากเลยนะ ทั้งๆ ที่ยังไม่ฟื้นตัวก็ยังจะไปดื่มเหล้า
อ่านหนังสือ แล้วก็ยังทำอะไรตามใจอีก ท่านเทพแห่งแสง ท่านควรตำหนิพวกเขาหน่อยนะ”
“ดื่มเหล้า อ่านหนังสือ? ทั้งๆ ที่อาการหนักขนาดนี้เนี่ยนะ?”
“ข้ารู้สึกไม่ดีตั้งแต่ที่แพ้เทพผู้สร้างมาน่ะ เลยต้องหาอะไรมาดื่มแก้เครียด”
“ข้าเองก็รู้สึกเบื่อๆ เลยต้องหาหนังสือมาอ่านน่ะ”
“เฮ้อ…พวกท่านนี่ไม่ต่างอะไรจากท่านเทพผู้สร้างเลยนะคะ
ไม่ไหวๆ ชอบทำอะไรเอาแต่ใจกันจริงๆ “
“พูดแบบนั้นมันไม่โหดร้ายไปหน่อยเหรอ? ท่านเทพแห่งแสง”
“ใช่ๆ ท่านพูดจาโหดร้ายมากเลยนะ ท่านเทพแห่งแสง”
“งั้นเหรอคะ? แต่พวกท่านก็เอาแต่ใจจริงๆ นี่นา”
“…ช่วยไม่ได้ งั้นพวกเรานอนพักกันดีว่าเนอะ เทพแห่งเวทมนตร์”
“อืม นอนพักกันเถอะ”
“โอ้ว! พวกท่านนี่พูดรู้เรื่องกว่าท่านเทพผู้สร้างอีกนะคะ”
“จริงด้วย”
“งั้นเราปล่อยให้พวกเขาพัก แล้วเราไปนั่งคุยกันเถอะ ท่านเทพแห่งแสง”
“ค่ะ”
~มุมมองของกิลด์มาสเตอร์ของกิลด์นักผจญภัยกิลด์แห่งเมืองบาร์เล็ตต้า~
ข้าไม่รู้ว่าควรยังไงต่อไปดี การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสงครามระหว่างอาณาจักรไม่ใช่เรื่องดี
แล้วนี่ก็เป็นการต่อสู้เพื่อปกป้องบ้านเกิด… ดังนั้นคงจะอีกนานกว่าที่พวกเธอจะกลับมา
มีข่าวลือว่าท่าเรือของลูก้าาได้รับการปลดปล่อยแล้ว แต่กองทัพจักรวรรดิยังคงปิดล้อมลูก้าอยู่
ดังนั้นสงครามคงจะยังไม่จบลงง่ายๆ แน่ แถมอาณาจักรเบรสเซียยังอยู่ไกลจากปาแลร์โม่มาก โชคไม่ดีเลยจริงๆ…
…ข้าคงไม่มีทางเลือกสินะ ข้าต้องไปแต่จะทำยังไงดีล่ะ?
ถ้าเกิดโดนจับได้ว่าข้าไปที่นั่นได้ลำบากแน่ การไปโผล่กลางสงครามแบบนั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่
ช้าควรไปในนามของกิลด์มาสเตอร์หรือควรไปแบบส่วนตัวดีนะ?
ถ้าไปแบบส่วนตัว…ไม่ไหวกิลด์มาสเตอร์ของประเทศอื่นไปที่เมืองที่กำลังมีสงครามอยู่แบบส่วนตัว… ฟังยังไงก็ดูไม่สมเหตุสมผล
งั้นไปที่อาณาจักรเทสซาโลนิกิที่อยู่ติดกับอาณาจักรเบรสเซียดีกว่า
น่าจะหาข้อมูลได้ง่ายกว่า ข้ามุ่งหน้าออกจากเมืองทางใต้ไปยังเมืองท่าออร์ฮูสด้วยเรือใบ
จริงๆ ข้าอยากไปด้วยเรือเวทมนตร์มากกว่า แต่หาเที่ยวเรือที่ไปออร์ฮูสไม่ได้เลย… ช่วงนี้โชคไม่เข้าข้างข้าเลยจริงๆ
หลังจากทนกับการเดินทางด้วยเรือใบที่แสนน่าเบื่อ ในที่สุดข้าก็เดินทางมาถึงออร์ฮูส
ตอนนี้มีข่าวลือแพร่กระจายออกไปทั่วว่า เจ้าชายลำดับที่ 2 แห่งอาณาจักรเบรสเซีย
คุกเข่าขอโทษต่อหน้าประชาชนและกองกำลังศัตรู ส่วนองค์รัชทายาทก็นำทัพบุกไปยังจักรวรรดิ
อะไร! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเจ้าชายลำดับที่ 2 ถึงต้องคุกเข่าขอโทษล่ะ?
แล้วการบุกจักรวรรดินี่มันหมายความว่ายังไงก? ข่าวลือดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือเลย…
หรือลูก้าจะถูกตีแตกแล้ว? แย่ล่ะ แบบนี้พวกจิราโซเล่จะปลอดภัยไหม?
เมื่อข้าลองออกไปหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็ได้พบกับข้อมูลที่น่าตกใจ
เพราะข่าวลือทั้งหมดนั่นเป็นความจริง และมันไม่ใช่ฝีมือของกองทัพจักรวรรดิด้วย
แต่เป็นฝีมือของจอมเวทที่จิราโซเล่พาตัวมา เขากดดันจนเจ้าชายลำดับที่ 2 ต้องออกมาคุกเข่าขอโทษ
ข้าล่ะไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
และยิ่งตกใจมากกว่านั้น เพราะจอมเวทคนนั้นเป็นคนปลดปล่อยท่าเรือของลูก้า
และยังเดินทางมาที่ออร์ฮูสนี้พร้อมกับจิราโซเล่เพื่อซื้อเสบียงอีก พวกเธอจะมาที่นี่อีกไหมนะ?
…ถ้าพวกเธอต้องการเสบียงก็น่าจะมาที่นี่อีก หรือข้าควรรอพวกเธอที่นี่
แต่…ถ้าท่าเรือถูกปลดปล่อยแล้ว พวกเธอก็ไม่น่าจะจำเป็นต้องมาที่นี่อีก
พอข้าไปลองหาข้อมูลต่อ ก็ได้ข้อมูลที่ไม่ค่อยน่ายินดีนักมา
มีข่าวว่ากำลังเสริมจากอาณาจักรมนุษย์สัตว์กำลังจะออกเดินทางจากท่าเรือของเมืองออร์ฮูส
เพื่อที่จะไปสนับสนุนในการบุกโจมตีจักรวรรดิ ดูเหมือนวจอมเวทคนนั้นจะเป็นคนนำทหารทั้งหมดนั้นไปที่จักรวรรดิด้วยเรือของเขา…
จอมเวทที่จิราโซเล่พามากำลังมุ่งหน้าไปยังจักรวรรดิ แล้วจิราโซเล่ล่ะ จะตามเขาไปด้วยไหม?…
ไม่ พวกเธอไม่น่าจะไปด้วย เพราะที่พวกเธอกลับมาก็เพื่อปกป้องบ้านเกิด ดังนั้นพวกเธอจะต้องอยู่ที่ลูก้า
ข้าจึงรีบตัดสินใจมุ่งหน้าไปที่ลูก้า ข้าไปที่กิลด์เพื่อขอให้พวกเขาแนะนำเรือที่จะพาข้าไปที่ลูก้าให้
แต่ข้าก็ยังหาขึ้นเรือเวทมนตร์ไม่ได้เหมือนเดิม เลยต้องทนนั่งเรือใบอีกครั้ง ช่างโชคร้ายเสียจริง
เมื่อมาถึงลูก้า ข้าก็ไม่เห็นเรือลำใหญ่ที่ได้ยินมาจากข่าวลือ จอดอยู่ที่ท่าเรือเลย
แต่ข้าเชื่อว่าจิราโซเล่ยังอยู่ จึงแสดงบัตรประจำตัวและเข้าเมืองไป
ยามที่ประตูเมืองดูตกใจมากเมื่อเห็นข้า แต่ข้าไม่สนใจ
ข้าบอกให้เขาเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ แล้วรีบตรงไปที่กิลด์นักผจญภัย
แม้จะบอกให้เก็บเป็นความลับ แต่สุดท้ายเขาต้องไปรายงานให้เจ้าเมืองทราบแน่ๆ… น่ารำคาญจริง
ข้าทักทายกับกิลด์มาสเตอร์ของลูก้าและขอข้อมูลเกี่ยวกับจิราโซเล่
เขาบอกว่าพวกเธอตามจอมเวทไปที่จักรวรรดิ…ข้ารู้ว่าพวกเธอต้องกลับมาปกป้องบ้านเกิด แต่มันไม่ควรไปถึงขั้นนี้สิ
และเมื่อข้าถามว่าพวกเธอจะกลับมาเมื่อไหร่ เขาก็ตอบว่าพวกเธอติดตามไปบนเรือที่ไปยังจักรวรรดิด้วย
และอาจจะได้มีส่วนร่วมในสงครามกับจักรวรรดิ… จบกันสิแบบนี้?
ข้าเคยประกาศว่าข้าจะตามไปขอโทษไม่ว่าพวกเธอจะอยู่ที่ไหน
แต่การตามไปถึงสนามรบที่กำลังรบกันอยู่นี่
…แต่นี่เป็นโอกาสสำคัญ ตามไปตอนนี้ยังจะมีประโยชน์ไหมนะ?
แหล่งสมุนไพรล้ำค่า ยังไงก็ต้องการคนคุ้มกัน มันจะเป็นแหล่งรายได้ใหม่ของกิลด์ ข้าจะยอมแพ้ไม่ได้
ข้าจึงตัดสินใจที่จะตามไป ข้าบอกเรื่องนี้กับกิลด์มาสเตอร์ของลูก้า
และขอให้เขาแนะนำเรือที่จะพาข้าไปยังจักรวรรดิได้
แต่มันไม่มีเลย เพราะไม่มีเรือพาณิชย์ลำไหนกล้าเข้าไปในเขตพื้นที่สงคราม
และถึงจะมีเรือที่เข้าไปก็เป็นเรือของทหาร พวกเขาไม่รับคนจากประเทศอื่น
ตอนนี้จึงมีอยู่ 2 ทางเลือก คือยอมแพ้แล้วกลับ หรือไม่ก็รออยู่ที่นี่ ข้าไม่อาจยอมแพ้ได้ ดังนั้นข้าจะรอจนกว่าพวกเธอจะกลับมา
ข้าส่งจดหมายไปที่บาร์เล็ตต้า แจ้งว่าต้องใช้เวลาอีกสักพัก ซึ่งข้าเองก็ไม่คิดเลยว่ามันจะให้เวลานานขนาดนี้
ข้ารออยู่ที่ลูก้าราวหนึ่งเดือน ระหว่างนั้นข้าก็รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับจอมเวท
แต่ก็มีข้อมูลน้อยมาก แถมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นเขาเป็นผู้ชายหรือว่าผู้หญิง
จิราโซเล่เองก็กลายเป็นที่นิยมในเมืองนี้ไปแล้ว จนกลายเป็นฝ่ายที่ยุ่งยากถ้าจะมีเรื่องด้วย
เมืองยังถูกล้อมโดยกองทัพจักรวรรดิอยู่ แต่ก็มีกองทัพเดินทางมาเสริมเรื่อยๆ
ทำให้การป้องกันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และเมืองก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
และในที่สุด เรือขนาดมหึมาก็ปรากฏขึ้นที่ท่าเรือ นั่นมันเรืออย่างงั้นเหรอ!
มันใหญ่กว่าที่ข้าจินตนาการเอาไว้เสียอีก จอมเวทคนนั้นจะต้องมีพลังขนาดไหนกันนะ
ข้ารีบขึ้นเรือเข้าไปใกล้ๆ เรือยักษ์ลำนั่น มีเรือลำหนึ่งออกมาและกำลังมุ่งหน้ามาที่ลูก้า
ข้าเห็นอลิเซียที่เป็นหัวหน้ากลุ่มของจิราโซเล่อยู่บนเรือลำนั้น ข้าเลยเรียกเธอ
แต่เมื่อเธอเห็นมาและพบว่าเป็นข้า สีหน้าของเธอก็เย็นชาลงในทันทีเลยล่ะ…
ข้าต้องขอโทษเธอให้ได้ แต่จะได้รับการให้อภัยไหมนะ?
ข้าเริ่มรู้สึกกังวลไม่น้อย เราตกลงนัดพบกันที่กิลด์นักผจญภัยในตอนเย็น แล้วข้าก็กลับไปที่ท่าเรือ
ข้าเช่าห้องที่กิลด์นักผจญภัย และกล่าวขอโทษจิราโซเล่ด้วยถ้อยคำที่นึกออกทั้งหมด
เอาเข้าจริงๆ พวกเธอเหมือนจะกังวลเรื่องที่ทำให้กิลด์นักผจญภัยไม่มีงานเข้ามามากกว่าที่จะมาโกรธข้าอีก…
แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนความจริงที่ว่าพวกเธอยอมให้อภัยข้าได้
อีกอย่างข้ายังหน้าด้านพอที่จะขอให้พวกเธอเขียนจดหมายยืนยันว่าพวกเธอให้อภัยข้าแล้วด้วย
จากนั้นเราก็แยกย้ายกัน ตอนนี้ข้าสามารถเอาจดหมายฉบับนี้ไปยืนยันกับพระคาร์ดินัลและกิลด์มาสเตอร์แห่งกิลด์การค้าได้แล้ว
จะได้กลับไปทำงานต่อ เรื่องในครั้งนี้ทำให้ข้าได้บทเรียนหลายอย่าง
ถ้าวันนั้นข้ายอมฟังจิราโซเล่ตั้งแต่แรก เรื่องทุกอย่างก็คงไม่เกิดขึ้น และกิลด์ก็คงทำกำไรได้มากกว่านี้
แต่ตอนนี้จะมานั่งนึกเสียใจกับเรื่องในอตีตมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ดังนั้นข้าต้องคิดถึงเรื่องอนาคต
มีอีกหลายอย่างที่ข้าต้องทำเมื่อกลับไปถึงบาร์เล็ตต้า งานคงจะกองท่วมหัวอย่างแน่นอน
เพราะข้าหายไปตั้ง 6 เดือน… ต่อแต่นี้ไปข้าจะปรับปรุงตัวเองและจะไม่ให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก
เอาล่ะ ได้เวลาเริ่มต้นกันใหม่อย่างจริงจังแล้ว
MANGA DISCUSSION