หลังจากจัดการธุระที่กิลด์การค้าเสร็จ พวกเราก็กลับมาที่ ลูโตะ
จากนั้นก็ประชุมกันเพื่อกำหนดจุดหมายปลายททาง
และในที่สุดพวกเราก็กำหนดจุดหมายปลายทางกันได้
นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ผมมายังโลกนี่เลยไม่ใช่เหรอ?
ที่จะได้ออกสำรวจแบบจริงๆ จังๆ แบบนี้
จุดหมายปลายทางของเราในครั้งนี้ถูกกำหนดขึ้นจากข้อมูลต่างๆ ที่ทุกคนไปรวบรวมกันมา
ที่นั่นเป็นป่าที่ตั้งอยู่ระหว่างเส้นทางเดินเรือที่เราใช้ในการเดินทางจากเมืองทางใต้ไปยังปาแลร์โม่ในครั้งที่แล้ว
ซึ่งป่านั่นตั้งอยู่ในอาณาเขตของอาณาจักรที่มีชื่อว่า เจอราห์ ซึ่งเป็นประเทศที่ยึดถือมนุษย์เป็นใหญ่
ถึงขั้นที่ต้องมีการตรวจสอบตัวตนก่อนจะมีการเข้าออกประเทศเลยล่ะ
พวกเธอบอกว่า ถ้าเรามีแผนที่จะช่วยเหลือดาร์กเอลฟ์ในการอพยพจริงๆ ล่ะก็
เราก็ควรเข้าไปช่วยออกมาจากประเทศที่ดูเป็นอันตรายก่อน ซึ่งผมเองก็เห็นด้วย
อันที่จริง ตอนแรกที่ความคิดนี้ถูกเสนอขึ้นมา ผมก็คิดที่จะปฎิเสธมันในทันทีอยู่เหมือนกัน
เพราะมันฟังดูยุ่งยาก แต่ผมจะลองฟังดูให้จบก่อน เพราะถ้าปฎิเสธไปเลยมันจะดูไม่ดี
จากที่โดโรธีซังที่ไปรวบรวมข้อมูลมาเล่าให้ฟัง ป่าแห่งนี้เป็นป่าขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตของอาณาจักรเจอราห์
และเป็นป่าที่ราชาของประเทศนี้พยายามที่จะเข้าไปบุกเบิกมาหลายชั่วอายุคนแล้ว
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะส่งกองกำลังเข้าไปมากขนาดไหน ก็ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่พวกเขาประสบความสำเร็จ
เธอบอกว่าพวกคนที่ถูกส่งเข้าไปมักจะหลงทาง สูญหาย หรือไม่ก็ถูกมอนเตอร์โจมตีจนต้องถอยร่นออกมา
จนทำให้ที่นั่นถูกเรียกว่า ‘ป่าปีศาจ’ ฮ่าๆ เป็นชื่อที่เรียบง่ายดีใช่ไหมล่ะ?
ทำเอาผมเกือบหลุดขำออกมาเลยล่ะถ้าไม่ต้องเดินทางไปที่นั่น
แต่พอคิดว่าจะต้องไปที่นั่นแล้ว มันก็ขำไม่ออก…
ไม่ไหว ผมขอคัดค้าน แล้วก็ไม่สนด้วยว่าใครจะคิดยังไง
ผมรู้อยู่ว่าพวกเราต้องไปในสถานที่ที่มันดูอันตราย แต่ ป่าปีศาจ นี่มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ?
“ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ?”
“ค่ะ มีตรงไหนที่ไม่เข้าใจเหรอคะ?”
“เปล่าครับ คำอธิบายของโดโรธีซังละเอียดดีแล้ว
แต่ที่ผมอยากถามคือที่นั่นมันจะไม่ดูอันตรายเกินไปหน่อยเหรอครับ?
ส่วนตัวผมไม่คิดว่าดาร์กเอลฟ์จะไปอยู่ในสถานที่ที่ดูอันตรายแบบนั้นนะครับ
เพราะงั้นต่อให้พวกเราไปที่นั่นก็คงจะไม่เจอกับพวกเขาหรอก…”
เยี่ยม! คอมโบ ไม่มีใครไปอยู่+ไปหาก็ไม่เจอ ช่างเป็นคอมโบที่สมบูรณ์แบบจริงๆ แค่นี้ก็ไม่ต้องไปที่นั่นแล้ว
แต่ก็นะ… ผมต้องขอบคุณข้อมูลที่โดโรธีซังหามาเลย เพราะแผนแรกของผมคือการเข้าไปสำรวจป่าทุกป่าที่เราเจอ
ซึ่งแปลว่าผมอาจจะเผลอเดินเข้าไปในป่าที่เหมือนกับป่าปีศาจโดยไม่รู้ตัวก็ได้ ดังนั้นข้อมูลนี่จึงมีค่ามากๆ สำหรับผม
“ที่ วาตารุซัง พูดมาก็ฟังดูมีเหตุผลนะคะ แต่ป่าที่ไม่มีมอนเตอร์ที่แข็งแกร่งอาศัยอยู่
มักจะถูกนักผจญภัยสำรวจไปจนหมดแล้วค่ะ ดังนั้นฉันคิดว่าพวกเขาคงไม่ไปซ่อนตัวในป่าแบบนั้นกัน
แต่กับป่าที่แม้แต่นักผจญภัยแรงค์สูงยังรู้สึกไม่อยากเข้า ฉันคิดว่ามีโอกาสสูงที่พวกเราจะได้เจอพวกเขาค่ะ”
“คุณกำลังจะบอกว่า ถ้าใช้ซ่อนตัวไม่ได้ป่านั้นก็ไม่มีความหมายสินะครับ
ดังนั้นถ้าเราอยากพบพวกเขาจริงๆ ก็ต้องไปในป่าที่มีอันตรายสูงสินะครับ?”
“ใช่ค่ะ”
พอพูดถึงเรื่องนี้ก็ทำให้นึกถึงหมู่บ้านของเฟลิเซียขึ้นมา
เธอบอกว่าการที่จะเข้าหมู่บ้านของเธอจากทางบกได้นั้นจะต้องผ่านพื้นที่อันตราย
ที่เป็นเขตของมอสเตอร์ที่แข็งแกร่งก่อนที่จะเข้ามาถึงหมู่บ้านของเธอได้…
งั้นพวกโจรที่บุกเข้าไปโจมตีหมู่บ้านของเธอเข้าไปได้ยังไง?
มันอาจจะฟังดูเสียมารยาทไปหน่อยถ้าจะถามตอนนี้
แต่ถ้าไม่มีข้อมูลในส่วนนี้ การสำรวจของพวกเราในอนาคตได้ลำบากแน่ๆ
“นี่ เฟลิเซีย ผมรู้ว่านี่อาจจะฟังดูเป็นคำถามที่เจ็บปวด
แต่ผมขอถามหน่อยได้ไหมว่า หมู่บ้านของเธอถูกโจมตีได้ยังไง?
ไหนเธอบอกว่าไม่สามารถเข้าถึงหมู่บ้านได้หากไม่ผ่านพื้นที่อันตรายไง?
แล้วพวกโจรบุกเข้าไปโจมตีหมู่บ้านของเธอได้ยังไง?”
…อึก สีหน้าของ เฟลิเซีย มัน…
ผมก็รู้หรอกนะว่านี่เป็นคำถามที่ไม่ควรถาม แต่ก็เผลอหลุดถามออกไปซะแล้ว แบบนี้จะทำยังไงดีล่ะ?
“อะ เอ่อ ขอโทษนะ เฟลิเซีย ไม่ต้องไปนึกถึงมันก็ได้…”
“ไม่เป็นไรค่ะ นายท่าน… หมู่บ้านของเราถูกโจมตีเพราะนักผจญภัยที่พวกเราช่วยไว้
เอาข้อมูลที่ตั้งของหมู่บ้านไปขายค่ะ และฉันยังได้ยินมาว่าเขาเป็นหนึ่งในคนที่บุกเข้ามาด้วย”
…ถูกนักผจญภัยที่ช่วยเอาไว้หักหลังสินะ พวกเธออุตส่าช่วยเขาไว้
แต่เขากลับตอบแทนด้วยการขายพิกัดของหมู่บ้านให้กับพวกล่าทาส แบบนั้นมันเลวสุดๆ เลยไม่ใช่เหรอ?
ว่าแต่ทำไมพวกเธอถึงปล่อยคนที่รู้พิกัดของหมู่บ้านไปล่ะ?
มันไม่เห็นสมเหตุสมผลเลยในเมื่อพวกเธอกำลังหลบซ่อนกันอยู่…
“ขอโทษที่ต้องถามแบบนี้นะ เฟลิเซีย แต่พวกเธอปล่อยให้นักผจญภัยที่รู้พิกัดของหมู่บ้านเป็นอิสระเหรอ?”
“ไม่ค่ะ พวกเราช่วยนักผจญภัยคนนั้นไว้ในสถานที่ที่ไกลจากหมู่บ้านมาก
และพ่อของฉันบอกว่า ช่วงเวลาระหว่างที่พวกเราช่วยเขากับตอนที่พวกเราถูกโจมตีมันห่างกันมาก
แสดงว่าเขาน่าจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าพวกเราซ่อนตัวอยู่ที่นี่ แล้วก็มาสำรวจจนรู้ตำแหน่งของหมู่บ้านค่ะ”
อา แบบนี้นี่เองเขาคงรู้อยู่แล้วว่ามีดาร์กเอลฟ์อาศัยอยู่แถวนี้ แล้วก็ถูกความโลภครอบงำจนยอมเสี่ยง
เข้าไปในเขตอันตรายเพื่อค้นหาหมู่บ้านสินะ? แสดงว่าเขาเป็นนักผจญภัยที่มีฝีมือพอสมควรสินะ
ถึงสามารถเข้าไปในเขตนั้นได้ แต่จิตใจนี่เลวร้ายมากเลย
ถ้าพวกเขาหาทางเข้าที่ปลอดภัยเจอก็คงจะพอเข้าใจได้…
แต่นี่เล่นบุกเข้าไปในเขตอันตรายทั้งๆ ที่รู้ว่ามันเสี่ยง ก็ออกจะ…
แต่พอลองมาคิดดูดีๆ ตามข้อมูลที่เฟลิเซียให้มา…หรือบางทีดาร์กเอลฟ์
จะมีความสามารถในการเลือกพื้นที่ที่ปลอดภัยภายในป่าที่เป็นเขตอันตรายก็ได้
คิดไปคิดมา ป่าปีศาจ ก็อาจจะไม่ได้อันตรายในทุกตารางนิ้วก็ได้…
“เข้าใจแล้ว ขอโทษนะที่ต้องให้รื้อฟื้นเรื่องที่เจ็บปวดขึ้นมานะ เฟลิเซีย”
“ไม่เป็นไรค่ะ นายท่าน”
ตอนที่ผมไปถึงหมู่บ้าน ก็ผ่านมาหลายเดือนนับตั้งแต่ที่ถูกโจมตีครั้งแรก
ถึงพวกที่บุกเข้ามาโจมตีจะถูกไล่กลับไปแต่พวกเขาก็ยังไม่ถูกฆ่าจนหมด
เลยยังไม่ความเป็นไปได้ที่จะมาโจมตีซ้ำสินะ ไม่น่าเชื่อเลยว่ายังจะกล้ากลับมาโจมตีซ้ำอีก…
ดาร์กเอลฟ์มันต้องทำเงินได้ดีขนาดไหนกันนะพวกเขาถึงได้กล้ายอมเสี่ยงขนาดนี้ ผมล่ะไม่เข้าใจเลยจริงๆ
“เขาตอบแทนบุญคุณด้วยการหักหลังแบบนั้นได้ยังไง!
ฉันยอมรับเจ้านักผจญภัยนั่นในฐานะของนักผจญภัยไม่ได้ค่ะ
เฟลิเซียซัง นักผจญภัยคนนั้นตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ?
ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ ฉันจะไปทำให้แน่ใจว่าเขาจะได้รับผลจากการกระทำของเขา”
โห… คลอเร็ตต้าซัง ในโหมดโกรธเกรี้ยวออกมาแล้ว!
ก็นะเรื่องนี้มันก็ชวนให้รู้สึกหดหู่จริงๆ นั่นแหละ
เพราะผมเองก็หวังให้ไอ้หมอนั่นมันไปลงนรกเหมือนกัน ถ้ามันยังมีชีวิตอยู่
“ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะคลอเร็ตต้าซัง
แต่จากที่ได้ยินมาพวกเราพบศพของนักผจญภัยคนนั้นแล้วค่ะ”
“จริงเหรอคะ! งั้นก็ดีแล้วล่ะ เพราะถ้าเขาหนีรอดไปได้ ฉันคงรู้สึกแย่ไปอีกนาน”
สมควรแล้ว…เอาล่ะ ต่อไปผมจะปลอบใจเฟลิเซียยังไงดีนะที่ทำให้เธอต้องไปนึกถึงเรื่องแย่ๆ แบบนั้น…
“ค่ะ”
อ๊า ขอบคุณที่ยิ้มออกมาได้นะ เฟลิเซีย
ผมเป็นคนเริ่มเรื่องนี้เองแท้ๆ แต่กลับหาทางทำอะไรกับบรรยากาศมาคุแบบนี้ไม่ได้เลย
เอาล่ะมาเปลี่ยนเรื่องกันดีกว่า….
“จากที่ฟังเรื่องของ เฟลิเซีย ดูเหมือนว่า ดาร์กเอลฟ์
จะอาศัยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยภายในป่าที่ดูเป็นอันตรายสินะครับ งั้นพวกเราไป ป่าปีศาจ กันเถอะ”
สุดท้ายผมก็สรุปออกมาเองว่าพวกเราจะไปที่ป่าปีศาจกัน
เพราะนั่นเป็นจุดที่มีโอกาสพบกับเหล่าดาร์กเอลฟ์มากที่สุดแล้ว… ถึงจะรู้สึกเซ็งอยู่นิดหน่อยก็เถอะ
แต่ในเมื่อไม่มีใครคัดค้าน การเดินทางไปที่ป่าปีศาจของเราจึงเป็นอันตัดสิน
ผมต้องหาทางใช้พลังของอัญเชิญเรือบนบกให้ได้เพื่อความปลอดภัยของพวกเรา
เอาล่ะ ตั้งเข็มไปที่บริเวณใกล้ๆ กับป่าปีศาจ จากนั้นก็ให้ระบบขับเคลื่นอัตโนมัติทำงานของมันไป…
“จุดหมายปลายทางของพวกเราคือ ป่าปีศาจ ก็จริง แต่ถ้าเราอยากได้ข้อมูล
ก็ต้องเข้าไปหาในประเทศที่นิยมมนุษย์เป็นใหญ่ไม่ใช่เหรอครับ? แล้วแบบนั้นพวกเราจะทำยังไงกันดีล่?”
“ฉัน โดโรธี แล้วก็ มารีน่า จะเป็นคนออกไปหาข้อมูลเองค่ะ
ส่วน วาตารุซังแล้วก็คนอื่นๆ ให้รอกันอยู่ที่เรือ”
“แบบนั้นมันจะไม่เป็นไรเหรอครับ?”
“ไม่เป็นไรค่ะ เพราะพวกเราเป็นมนุษย์ เลยไม่มีปัญหาเวลาที่จะเข้าออกเมือง
แต่ก็มีโอกาสที่จะถูกตรวจค้นนะคะ ดังนั้น วาตารุซัง คุณช่วยพรางเรือแล้วก็สร้างที่ซ่อนเอาไว้หน่อยได้ไหมคะ?”
“อ้อ จริงสิ ได้ครับ งั้นตอนที่ใกล้จะถึงอาณาจักรเจอราห์
ผมจะแปลงโฉม ลูโตะ ให้เหมือนกับเรือลำอื่นๆ นะครับ”
เมื่อตกลงทุกอย่างกันเรียบร้อยแล้ว ผมก็ลุกขึ้นไปชงชา
จากนั้นพวกเราก็นั่งจิบชาและคุยกัยอบ่างสบายใจ…
…ป่าปีศาจ งั้นเหรอนี่มันจะเป็นความคิดที่ดีจริงๆ ใช้มั้ย?
ว่าแต่… ผมไม่ได้เช็คเลเวลของตัวเองมาตั้งนานแล้วนิ
ลองเช็คดูสักหน่อยดีกว่าเพื่อความแน่ใจ
ผมมันใจเลยว่ามันจะต้องเพิ่มขึ้นแน่ๆ …
ชื่อ: โทโยมิ วาตารุ
อายุ: 21 ปี
เผ่าพันธุ์: มนุษย์
อาชีพ: กัปตันเรือ
เลเวล: 216
พละกำลัง: 4400พลังเวท: 438ความแข็งแกร่ง: 442สติปัญญา: 452ความคล่องแคล่ว: 448โชค: 15
สกิล:
การเข้าใจภาษา (สกิลเฉพาะตัว)
อัญเชิญเรือ: เลเวล 4 (สกิลเฉพาะตัว)
ทักษะหอก: เลเวล 1
ธนู: เลเวล 1
เวทมนตร์ชีวิตประจำวัน: เลเวล 1
ฝึกสัตว์: เลเวล 2
หือ? จำได้ว่าตอนออกมาจากปาแลร์โม่ ผมเลเวล 182 ไม่ใช่เหรอ?
นี่มันขึ้นมาตั้ง 34 เลเวลเลยนะ สุดยอดไปเลย!
จริงๆ ผมก็รู้สึกว่าความแข็งแกร่งกับพละกำลังของตัวเองมันเพิ่มขึ้นมาสักพักแล้วล่ะ
แต่ไม่รู้ทำไมค่า สติปัญญา(int) ดูจะไม่ค่อยเพิ่มขึ้นเลย
แถมโชคก็ยังต่ำเตี้ยเรี่ยดินเหมือนเดิมอีกต่างหาก ช่างน่าเศร้าใจจริงๆ
สกิลเองก็ไม่ค่อยพัฒนาเหมือนกัน แค่แกว่งอาวุธไปมาคงยังไม่พอสินะ
ผมอุตส่าคิดว่าผมใช้ธนูเก่งขึ้นมาบ้างแล้วนะ…แต่ไหงเลเวลสกิลมันถึงไม่เพิ่มขึ้นเลยล่ะ
…แล้วที่น่าตกใจอีกอย่างก็คืออายุผมเพิ่มขึ้น แสดงว่านี่มันผ่านวันเกิดของผมมาแล้ว
เวลา 1 ปีในโลกนี้ช่างผ่านไปเร็วจริงๆ อืม…
ถ้าดูจากเลเวลที่เพิ่มขึ้นบวกกับเวทบาเรียของเฟลิเซีย
ผมคิดว่าผมน่าจะพอเอาตัวรอดใน ป่าปีศาจ ได้…
ที่เหลือก็หาวิธีให้สกิลอัญเชิญเรือบนบกสินะ อืม…ถ้าจะใช้เรือบนบก
ก็คงต้องเป็นเรือจำพวกเรือยางที่มีขนาดเล็ก จะได้ไม่เกะกะเวลาที่อยู่ในป่า
แต่จะเอามาใช้ยังไงดีล่ะ? กลับด้านแล้วเอามาใช่ดีไหม…
ถ้าผมเอาเรือยางมากลับด้านแล้วใช้มันคลุมตัวล่ะ? แบบนั้นก็เหมือนเรามีบาเรียอยู่ตลอดเวลาเลยไม่ใช่เหรอ!
งั้นมาลองดูกันดีกว่าว่าพอที่จะเอาเรือยางคลุมหัวแล้วเดินไปข้างหน้าได้ไหม
เมื่อคิดได้ดังนั้น ผมก็เดินออกไปที่ดาดฟ้าเรือแล้วอัญเชิญเรือยางออกมา
“นายท่าน เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ อยู่ดีๆ ก็…”
“อ้อ ผมแค่อยากจะลองอะไรหน่อยน่ะ ไอเนสมาช่วยผมพลิกด้านเรือยางหน่อยสิ”
“หืม?…ได้ค่ะ”
พวกเราพยายามจับมันพลิกด้าน แต่มันกลับไม่ขยับเลยเพราะบาเรีย…
แปลกจัง? ตอนที่ผมอัญเชิญเรือยางออมาบนลูโตะ ก็ไม่เห็นมันมีปัญหาอะไรแบบนี้นิ?
หรือว่า! ตอนที่อัญเชิญออกมาครั้งแรก ถ้าสิ่งไหนอยู่ในบาเรียจะถือว่าได้รับอนุญาตไปแล้ว?
แต่ถ้าขยับเขยื้อนหรือมาทำอะไรกับมันทีหลัง จะถือว่าพื้นที่ตรงนั้นยังไม่ได้รับการอนุญาต…
งั้นถ้ามีคนกระโดดเข้าไปตอนที่วงเวทเรืองแสงอยู่ จะถือว่าอนุญาตให้ขึ้นเรือด้วยหรือเปล่า?
ไม่สิ ท่านเทพผู้สร้าง บอกเองว่าถึงจะอยู่ในระหว่างการเรียกเรือวงเวทก็มีฟังชั่นการปฏิเสธการขึ้นเรืออยู่…
งั้นแบบนี้…เอาเถอะไว้ค่อยคิดทีหลังก็แล้วกัน
“ไอเนส แป๊บนะ ตรงนี้มันแคบเกินไป
ไว้ค่อยไปลองอีกครั้งตอนที่เราเปลี่ยนไปที่ ฟอร์เทรส
ช่วยไปบอกทุกคนทีว่าเราจะย้ายเรือกัน”
“ได้ค่ะ”
จากนั้นเมื่อเราย้ายมาที่ ฟอร์เทรส ผมก็มายังดาดฟ้าของเรือ
เพื่อเริ่มการทดลองอีกครั้งโดยมีสาวๆ ตามมาดูด้วย
“นายท่าน ทำไมถึงอยากพลิกเรือล่ะคะ?”
“อ่อ พอดีผมคิดไอเดียหนึ่งขึ้นมาได้น่ะ”
“แต่มันพลิกไม่ได้ไม่ใช่เหรอคะ เพราะมันติดบาเรีย?”
ถ้าผมอนุญาตก็คงจะไม่มีปัญหา แต่ผมอยากรู้ว่าถ้าไม่อนุญาตมันจะเกิดอะไรขึ้น
“ใช่ แต่ผมมีอะไรที่อยากลองนิดหน่อยน่ะ
ผมอยากรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมไม่ให้อนุญาตให้เรือยางอยู่บนฟอร์เทรส
โดโรธีซัง คุณพอจะใช้หอกแทงเพื่อพลิกมันกลับด้านได้ไหมครับ?”
“เอ๊ะ? …ได้ค่ะ ฉันจะลองดู”
ผมขอโทษที่ถามอะไรแปลกๆ ออกไปนะ โดโรธีซัง
ถึงเธอจะมองมาด้วยสีหน้างงๆ แต่ก็ใช้หอกเกี่ยวใต้ท้องเรือแล้วก็ยกมันพลิกกลับด้านได้สำเร็จ จากนั้น…
“นี่มันเป็นภาพที่ไม่รู้จะพูดว่ายังไงดีเลยครับ จะบอกว่าแข็งหรืออ่อนดีนะ
ทั้งๆ ที่มันเป็นเรือที่ผมอัญเชิญออกมาแท้ๆ ทำไมมันถึงดูแปลกขนาดนี้”
“นั่นสิคะ มันดูแปลกจริงๆ ด้วย”
“ใช่ค่ะ”
“ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมมันถึงออกมาเป็นแบบนั้นได้?”
อลิเซียซัง คาร์ล่าซัง และอัลม่าซัง เห็นด้วยกับคำพูดของผม
ส่วน ริมุ กับ ฟูจัง กำลังตื่นเต้นกันสุดๆ เมื่อได้เห็นฉากที่แสนจะแปลกประหลาดตรงหน้า
ภาพของเรือยางที่ลอยอยู่กลางอากาศสูงประมาณ 2 เมตร
และถูกหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้นโดยมีบาเรียของเรือทั้ง 2 ลำ ต้านกันไว้อยู่
ผมรู้ว่ามันถูกยันไว้ด้วยบาเรีย แต่ภาพที่เห็นตรงหน้านี่มัน…
“นี่ วาตารุซัง ถึงจะถามช้าไปหน่อย แต่ฉันขอถามหน่อยได้ไหมคะ
ว่าทำไมคุณถึงอยากพลิกด้านของเรือขึ้นมา?”
แล้วผมควรจะตอบยังไงดีล่ะเนี่ย จะบอกว่าเป็นความคิดชั่ววูบที่เกิดจากการจินตนาการไร้สาระของผมก็ไม่ได้
งั้นลองลองอธิบายไปมั่วๆ แล้วก็ ขอแค่มันฟังออกมาดูดีก็พอ…
“คืออย่างนี้ครับ พวกเรากำลังจะเดินทางไปที่ป่าที่อันตรายมากๆ เลยใช่มั้ยล่ะครับ
ผมก็เลยพยายามหาวิธีที่จะทำให้พวกเราสำรวจป่าได้อย่างปลอดภัย
แล้วผมก็เกิดปิ้งไอเดียหนึ่งขึ้นมาได้ ว่าถ้าเราเอาเรือกลับหัวแล้วคลุมมันไว้ที่ด้านบน
ก็น่าจะสามารถกันอันตรายต่างๆ ที่เข้ามาได้น่ะครับ”
“อ๊า! เข้าใจแล้วค่ะ ถ้าทำแบบนั้นได้จริงๆ มันจะปลอดภัยขึ้นมากเลย
ว่าแต่เราจะทำยังไงกันดีค่ะ เพราะเท่าที่ดูก็…”
“อ่อ เดี๋ยวผมขอลองอะไรหน่อยนะครับ… ‘อนุญาต'”
ทันทีที่ผมพูดคำว่า ‘อนุญาต’ เรือยางก็ตกลงมาที่พื้นทันที
ถ้าผมยกเลิกคำสั่งอนุญาตมันจะลอยขึ้นไปอีกครั้งมั้ยนะ?
แล้วถ้าเป็น ฟอร์เทรส ล่ะ? ไม่ๆ อย่าคิดอะไรบ้าๆ เกิดเป็นอะไรขึ้นมามันจะยุ่ง
เพราะในกรณีที่เลวร้ายที่สุด มันอาจเกิดการต้านกันของบาเรียแบบไม่มีสิ้นสุดเลยก็ได้
ยิ่งเรือของผมมันไม่มีวันถูกทำลายอยู่ด้วย อีกอย่างนี่เป็นพลังที่ท่านเทพผู้สร้างให้มา
บางที่มันอาจจะมีฟังชั่นแปลกๆ ซ่อนอยู่ก็ได้ ทางที่ดีอย่าคิดที่จะทำอะไรแผลงๆ น่าจะดีกว่า
“นี่ไงครับ มันตกลงมาแล้ว”
“คุณทำอะไรกับมันเหรอคะ?”
“ผมอนุญาตให้มันขึ้นเรือน่ะครับ”
“อ่อ…”
“เอาล่ะครับ ถ้าเราเอามันขึ้นมาหิ้วไว้แบบนี้ก็จะสามารถใช้บาเรียของมันได้แล้วครับ”
“””””โอ้ว!”””””
“แล้วถ้าเจอกับต้นไม้ล่ะคะ?”
“เวลาที่เจอกับต้นไม้พวกก็แค่ต้องย่อตัวลงแบบนี้ครับ แค่นี้ก็ผ่านไปได้แล้ว”
“แต่ในป่า นอกจากต้นไม้แล้วมันยังมีอย่างอื่นอีกนะคะ
ไม่ว่าจะเป็นของอย่างพวกรากไม้ หิน หรือของอื่นๆ อีก
แบบนี้คุณไม่ต้องมานั่งอนุญาตทุกจุดที่เราผ่านไปเลยเหรอคะ?
ฉันคิดว่าเราควรใช้เรือยางเฉพาะในบริเวณที่ไม่ต้องอนุญาตในพื้นที่จะดีกว่านะคะ”
อลิเซียซัง พูดถูก…แล้วแบบนี้วิธีนี้ยังจะใช้ได้อยู่ไหมนะ?
“….”
“ฉันเข้าใจค่ะ ว่าใช้วิธีนี้มันปลอดภัย
แต่ถ้าทำแบบนั้นมันจะเรียกว่า ‘การผจญภัย’ ได้เหรอคะ?”
อ่อ เข้าใจล่ะ อย่างนี้นี่เอง… แต่ผมอยากให้ทุกคนปลอดภัยมากกว่านะ
“อลิเซีย พวกเราไม่ได้มาผจญภัยกันนะ ครั้งนี้พวกเรามาคุ้มกัน วาตารุซัง
ถ้ามันมีวิธีที่ปลอดภัยกว่าก็ต้องทำสิ…อีกอย่างถ้าทำแบบนี้พวกเราก็ไม่ต้องมาคอยเป็นห่วงวาตารุซังด้วย”
ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนนะครับ โดโรธีซัง
แล้วก็ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะครับ อลิเซียซัง
เพราะผมอยากให้ทุกคนปลอดภัยกันจริงๆ จากนั้นผมก็เรียกเรือยางกลับแล้วอัญเชิญมันออกมาใหม่อีกครั้ง
หือ มันกลับหัวขึ้นมาเป็นปกติอย่างงั้นเหรอ? แปลว่าทุกครั้งที่เรียกออกมาต้องพลิกมันกลับด้านใหม่สินะ
หลังจากลองกันอยู่หลายวิธี ในที่สุดพวกเราก็ได้วิธีที่ดีที่สุด
คือผมจะอัญเชิญเรือยางออกมาทั้งหมด 3 ลำ และแบ่งคนออกเป็น 3 กลุ่ม
กลุ่มละ 3 คน โดยแต่ละกลุ่มจะใช้เรือยางที่มีไม้ดันไว้คว่ำลงบนบริเวณเหนือศีรษะจากนั้นก็เดิน
ถึงแม้จะลำบากเวลาที่พื้นไม่เรียบ หรือมีสิ่งกีดขวาง แต่โดยรวมก็ถือว่าใช้งานได้ดี
ส่วนขอเสียคือมันไม่สามารถผ่านบริเวณแคบๆ ได้ และมันเด่นสะดุดตามากเกินไป
แต่โดยรวมก็ถือว่าโกงอยู่ดี เพราะเราสามรถเคลื่อนที่บนบกได้อย่างปลอดภัยเพราะบาเรียยังไงล่ะ ถึงจะต้องเดินด้วยเท้าก็เถอะ
จากนั้นพวกเราก็ใช้เวลาสนุกไปกับการคิดหาวิธีที่จะเอาไปใช้ในป่า
ดูหนัง เล่นเกม โดยเฉพาะ คลอเร็ตต้า ที่ดูจะมีความสุขมากเป็นพิเศษ
เพราะตู้คีบตุ๊กตาบน ฟอร์เทรส และ สตรองโฮลด์ ได้ถูกเปลี่ยนใหม่หมดแล้ว
ผมว่าคงต้องมีห้องสำหรับตุ๊กตาโดยเฉพาะแล้วสิ แบบนี้…
หลังจากพักผ่อนกันอย่างเต็มที่ ในที่สุดพวกเราก็เดินทางมาถึงทะเลเปิด
ใกล้ๆ กับอาณเขตของอาณาจักรเจอราห์แล้ว อีกนิดเดียวก็จะถึง ป่าปีศาจ สินะ!
ตอนต่อไปก็ทันมังงะแล้วนะครับ
MANGA DISCUSSION