ผมอยากรู้ว่าข้างในมันมีเหรียญอยู่ท่าไหร่กันแน่?
“เอ่อ…ถึงเมื่อกี้จะถามไปแล้วก็เถอะ แต่ข้างในนี่มันมีเหรียญอยู่เท่าไหร่กันแน่ครับ?
เพราะจากที่ดูมันเยอะมากเลย มันเยอะเสียจนผมรู้สึกไม่สบายใจแล้วเนี่ย!”
“อ่อ! ข้างในมีอยู่ทั้งหมด 313 เหรียญทองคำขาวค่ะ
ฉันคิดว่าถ้าเป็นเงินสดมันน่าจะดีกว่าสำหรับคุณ เลยไปถอนจากที่กิลด์มาให้ค่ะ”
313 เหรียญทองคำขาว… ก็เท่ากับ 3.13 หมื่นล้านเยน…!
แบบนี้มันจะไม่เว่อร์เกินไปหน่อยเหรอ!?
เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ… แบบนี้ก็หมายความว่ายังมีเงินจากการประมูลเกล็ดของริว
อีกครึ่งนึงหนึ่งฝากอยู่ในบัญชีกิลด์ของผมอย่างงั้นเหรอ? แบบนี้ผมก็น่าจะซื้อเรือสำราญได้เลยนะสิ!?
“เป็นเงินสดมันก็ดีอยู่หรอกครับ… อลิเซียซัง
แต่ผมคิดว่าเงินจำนวนนี้มันออกจะมากเกินไปหน่อยนะครับ
แล้วผมก็ยังได้รางวัลมาจากองค์รัชทายาทและท่านมาร์ควิสอีก
รวม ๆ แล้วผมได้เงินมามากถึง 350 เหรียญทองคำขาว เลยนะครับ…”
“ไม่ค่ะ ที่พวกเราให้คุณไปจริงๆ แค่ 56 เหรียญทองคำขาว เท่านั้น
รางวัลอื่นๆ ทั้งจากสงครามและเกล็ดของริวเป็นสิ่งที่พวกเราไม่มีทางหามาได้
โดยปราศจากความช่วยเหลือจากคุณค่ะ วาตารุซัง
แล้วถ้าคุณไม่รับวัตถุดิบจากริวไปอีก ทรัพย์สินของพวกเราก็มีแต่จะเพิ่มขึ้นไปอีกค่ะ
ฉันคิดว่าแบบนี้เหมาะสมแล้ว และคุณควรที่จะรับวัตถุดิบจากริวไปด้วยนะคะ”
ไม่ ไม่ ไม่… หมายความว่าไงแค่ 56 เหรียญทองคำขาวน่ะ…
5.6 พันล้านเยน นี่เรียกว่าแค่เเหรอ!?
ปาร์ตี้แรงค์ A นี่หาเงินกันได้เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?
เอาเถอะ ถ้าเธอว่าอย่างนั้น การที่ผมจะรับเงินทั้งหมดนี่ไว้คงไม่เป็นไร แต่…
“ไม่ครับ แค่เงินพวกนี้ก็มากเกินพอแล้ว
ส่วนวัตถุดิบของริวก็ถึอซะว่ามันเป็นของทุกคนก็แล้วกัน
เอาล่ะครับ แค่นี้ก็ถือว่าคำขอได้สำเร็จลุล่วงไปโดยสมบูรณ์แล้ว
ดังนั้นพวกคุณก็ทำตัวตามสบาย เหมือนกับที่เคยทำกันก่อนหน้านี้เถอะครับ
แบบนั้นมันจะทำให้ผมรู้สึกสบายใจมากกว่า การที่อลิเซียซังกับทุกคนพูดกับผม
แบบเป็นทางการแบบนี้ มันรู้สึกห่างเหินกันยังไงก็ไม่รู้…”
“ฟุฟุ เข้าใจแล้วค่ะ วาตารุซัง”
“ต่อไปนี้ถ้าคุณมีอะไรให้พวกเราช่วยก็บอกมาได้เลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณมาก”
“วาตารุซัง คุณจะพูดกับพวกแบบสบายๆ ก็ได้นะคะ ไม่ต้องพูดแบบเป็นทางการก็ได้”
“ให้ผมพูดกับพวกคุณแบบไม่ทางการเหรอครับ…? อืม…ผมนึกภาพอย่างนั้นไม่ออกเลย…”
“อย่างงั้นเหรอคะ? แต่ฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณนะคะ
เพราะคลอเร็ตต้าเองก็พูดแบบสุภาพอยู่ตลอดเหมือนกัน
งั้นเรามาค่อยๆ ปรับการพูดให้มันดูสบายขึ้นทีละนิดๆ กันเถอะค่ะ”
“ฮ่าๆ ผมจะพยายามค่อยๆ ปรับดูนะครับ”
“ฟุฟุ ค่อย ๆ ทำไปนะคะ ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องยาก
ที่จะปรับเปลี่ยนการกระทำที่เราทำมาตลอด”
“ช-ใช่ครับ ผมจะพยายาม”
“ค่ะ”
อะไรกันเนี่ย? มันเกิดอะไรขึ้น?
พวกเธอดูเป็นกันเองมากกว่าเมื่อก่อนอีก!
มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างที่พวกเราไม่ได้พบกันนะ?
จริงๆ ผมควรที่จะดีใจที่ความห่างเหินมันเริ่มค่อยๆ ลดลงแล้ว
แต่ด้วยความที่มันเกิดขึ้นอย่างกระทันหันเกินไป ผมเลยรู้สึกแปลกๆ
และเริ่มกังวลกับเรื่องนี้ แล้วในระหว่างที่ผมกำลังมึนๆ อยู่ว่าจะตอบรับพวกเธอกลับไปยังไงดี
สวรรค์เบื้องบนก็ได้ส่งความช่วยเหลือมาให้ผม..
“นายท่าน มีคนจากกิลด์การค้ามาหาค่ะ”
“โอ้ว! ขอบคุณนะ ไอเนส งั้นผมขอตัวแปปปนึงนะครับ”
“ค่ะ”
ผมออกไปพร้อมกับไอเนสและเฟลิเซียเพื่อต้อนรับพนักงานของกิลด์การค้า
“กิลด์มาสเตอร์บอกว่า การทดสอบจะเริ่มขึ้นในเวลาบ่ายโมงครับ
เขาและคนอื่นๆ จะเดินทางไปด้วยเรือเวทอีกลำ และต้องการให้คุณขับตามเรือลำนั้นไปครับ
คุณมีอะไรที่ต้องการให้พวกเราเตรียมการเป็นพิเศษไหมครับ?”
“ไม่ครับ ผมไม่ได้ต้องการอะไรเป็นพิเศษ”
“เข้าใจแล้วครับ ถ้างั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
“ครับ ฝากบอกกิลด์มาสเตอร์ด้วยนะครับ ว่าผมจะรอเขาอยู่ที่ท่าเรือตอนบ่ายโมง”
“ครับ ถ้างั้นผมขออนุญาตกลับก่อนะครับ”
บ่ายโมงสินะ…? น่าจะถามด้วยว่าพวกเขาจะพาใครมาบ้าง แบบนี้ถือว่าประมาทเกินไปแฮะ
ผมกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น แล้วบอกทุกคนว่ากิลด์มาสเตอร์จะมาที่ในตอนบ่ายโมง
“นี่ วาตารุซัง ให้พวกเราอยู่กับคุณด้วยดีไหมคะ?
เพราะถ้าพวกเขาพาคนเก่งๆ มาด้วย ฉันคิดว่าคนคุ้มกันแค่สองไม่น่าจะพอ”
“อืม…เรื่องนี้ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ
เพราะถ้ามันมีอะไรเกิดขึ้นมาจริงๆ พวกคุณอาจจะต้องเดือดร้อนไปด้วย
เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงท่านเคานต์ของเมืองทางใต้ กิลด์การค้า แล้วก็กิลด์นักผจญภัย…”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันรู้จักกิลด์มาสเตอร์ของกิลด์นักผจญภัยดี
ถึงเขาจะเป็นคนที่พอถึงเวลาแล้วจะสามารถทำได้ทุกอย่าง
แม้แต่เรื่องที่ดูเลือดเย็นมากแค่ไหนก็ตาม แต่โดยพื้นฐานแล้วเขาเป็นคนดี
ฉันคิดว่าพวกเราน่าจะไม่เป็นไรค่ะ แล้วถ้ามันเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ
คุณก็ให้พวกเราขึ้นไปอยู่บนเรือด้วยนะคะ วาตารุซัง”
“ค-ครับ ผมจะพยายาม…”
นี่มันอะไรกัน? มันต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ๆ ในระหว่างที่พวกเราไม่ได้เจอกัน
เพราะพวกเธอในตอนนี้ใจดีกับผมแบบสุดๆ เลย หรือเพราะผมช่วยลูก้าเอาไว้?
ไม่อ่ะ ไม่น่าใช่ เพราะตอนเดินทางกลับพวกเธอยังดูเป็นปกติอยู่แล้ว
นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ในระหว่างที่พวกเราไม่ได้เจอกัน?
โอ้ย! ปวดหัว มาคิดมากตอนนี้ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ไว้ค่อยเก็บไปคิดทีหลังแล้วกัน…
จากนั้นพวกเราก็ไปทางมื้อเที่ยงด้วยกัน
หลังอาหาร พวกเราก็มานั่งจิบชากันที่ห้องนั่งเล่น
รอเวลาให้กิลด์มาสเตอร์เดินทางมาถึง
ริมุกับฟูจังเองก็เล่นวิ่งไล่จับกันอยู่ในห้องด้วย
ดูเหมือนพวกเขาจะสนุกกันมากเลย รู้สึกเหมือนจะมีกติกาอะไรบางอย่างอยู่ด้วย
แต่ก็ช่างมันเถอะ เพราะพวกเขาน่ารัก ผมเลยว่าจะปล่อยไปโดยไม่ถาม
“ใกล้เวลาแล้ว งั้นพวกเราออกไปรอข้างนอกกันไหมครับ?”
“ดีค่ะ ว่าแต่วาตารุซัง คุณยังพูดแบบสุภาพกับฉันอยู่เลยนะคะ”
“เอ๊ะ! ก็… มันติดเป็นนิสัยน่ะครับ ผมจะค่อยๆ ปรับนะครับ”
“ฟุฟุ ได้ค่ะ”
ระหว่างที่เราคุยกันที่ท่าเรือ กิลด์มาสเตอร์ของกิลด์การค้า และ คามิลล์ซังก็มาพร้อมกับชายแปลกหน้าสองคน
“โอ้ วาตารุ ขอโทษที่ให้รอนะ ข้าจะแนะนำให้รู้จัก
นี่คือ มาร์โก้ เขาเป็นอัศวินของท่านเคานต์ที่จะมาดูการทดสอบในครั้งนี้
ส่วนคนตัวใหญ่ทางนี้คือกิลด์มาสเตอร์ของกิลด์นักผจญภัย
อีกคนหนึ่งก็… เดี๋ยวเจ้าก็น่าจะได้พบเองล่ะ”
“นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้พบกันสินะครับ
ผมชื่อวาตารุ ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณอัศวิน และก็คุณกิลด์มาสเตอร์”
“อืม ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”
“อา ยินดีที่ได้รู้จัก ว่าแต่ทำไมจิราโซเล่ถึงท่อยู่ที่นี่ได้ล่ะ? พวกเจ้าสนิทกัน?”
“หือ? นี่เจ้าไม่ได้อ่านรายงานเรื่องของพวกเขามารึ? ข้าว่าน่าจะมีรายงานส่งไปแล้วนะ…”
“หืม? อ้อ ใช่ๆ พอพูดแล้วก็นึกขึ้นมาได้
มีรายงานอะไรแบบนั้นส่งมาด้วยนี่นา ลืมไปสนิทเลย
ฮ่าๆ ขอบใจนะที่เตือน ตาแก่”
“เฮ้อ…ให้ตายสิ เรื่องสำคัญๆ ก็หัดจำให้มันได้ทีเถอะ
มันยากนักหรือไงแค่จำเรื่องพวกนี้ นี่มันกี่ครั้งแล้วที่ข้าต้องเตือนเจ้าเรื่องนี้?”
“ฮ่าๆ แย่หน่อยนะ ตาแก่ พอดีข้าไม่สนใจกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ น่ะ…”
“เจ้านี่มัน! …”
“เอ่อ…ทั้งคนสองคน ตอนนี้พวกเราอยู่ต่อหน้าท่านอัศวินกับวาตารุซังนะคะ”
“หืม? โอ้! จริงด้วย ขอโทษด้วยนะ คุณอัศวิน”
“ไม่เป็นไรครับ”
“เอาล่ะ งั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ
วาตารุ พวกข้าจะขึ้นเรือลำนี้ไปนะ เจ้าช่วยขับตามพวกเรามาที่”
“เข้าใจแล้วครับ”
ผมกลับมาที่ลูโตะแล้วขับตามเรือเวทลำนั้นไป พวกเรากำลังจะไปที่ไหนกันนะ?
หลังจากขับมาทางทิศตะวันออกของท่าเรือประมาณหนึ่งชั่วโมง
ในที่สุดเรือก็ไปจอดที่ริมชายฝั่งแห่งหนึ่ง ผมขับตามไปโดยจอดลูโตะไว้ข้างหลังเรือลำนั้น
จากนั้นพวกเราก็ออกไปที่ดาดฟ้าเรือ แล้วจู่ๆ ทุกคนก็ทำสีหน้าไม่สบายใจออกมา
“วาตารุซัง ห้ามลงจากเรือเด็ดขาดนะคะ”
“หืม? มีอะไรเกิดขึ้นเหรอครับ อลิเซียซัง?”
“คนที่อยู่ตรงนั้น เขาแข็งแกร่งถึงขนาดที่พวกเราทั้งหมดรวมพลังกันยังสู้ไม่ได้เลยค่ะ
ถ้าเป็นไปได้ ฉันไม่อยากให้คุณลงจากเรือเลยค่ะ วาตารุซัง”
หลังจากพูดจบ อลิเซียซังก็ตะโกนไปยังกลุ่มคนที่อยู่บนชายฝั่ง ผมเริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมานิดๆ แล้วสิ
“โดโรธีซัง เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”
“คุณเห็นผู้ชายถือหอกที่ยืนอยู่ตรงนั้นไหมคะ?”
“เห็นครับ”
เขาเป็นผู้ชายที่มีออร่าแปลกๆ บางอย่างแผ่ออกมา
แถมยังหล่อซะด้วย… ผมล่ะไม่ค่อยชอบเขาเลยจริงๆ
“เขาคนนั้นคือ พาริส หอกแห่งแดนใต้ค่ะ เขาเป็น นักผจญภัยแรงค์ S
ถ้าวาตารุซังลงจากเรือแล้วถูกเขาโจมตีล่ะก็ พวกเราไม่มีทางปกป้องคุณได้อย่างแน่นอนค่ะ”
“…เอ๊ะ เห็นกิลด์มาสเตอร์บอกว่าจะพาคนเก่งๆ มา แต่นี่เขาเล่นพาคนระดับนั้นมาเลยเหรอครับ…”
ทำไมถึงพาคนแบบนั้นมากันล่ะเนี่ย? แบบนี้มันมากเกินกว่าคำว่า มีความสามารถ ไปไกลแล้วนะครับกิลด์มาสเตอร์
“เป็นอะไรไป? ทำไมถึงไม่ลงมาล่ะ พวกเราจะเริ่มการทดสอบกันแล้วนะ”
“ขอโทษนะคะ ก่อนอื่น ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?”
“หือ อะไรล่ะ?”
“ทำไม พาริสซัง ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะคะ?”
“หืม? อ้อ พอดีตาแก่นั่นขอให้เขามาช่วยในการทดสอบน่ะ”
“จริงๆ เรื่องนี้มันควรที่จะต้องเป็นความลับน่ะ
แต่ไม่รู้ทำไมตาแก่นั้นถึงได้รู้เรื่องที่ พาริส อยู่ที่นี่ได้เหมือนกัน”
ตอนพูดเรื่องปกติล่ะเสียงเบาเลยนะ แต่พอเป็นเรื่องความลับกลับเสียงดังขึ้นมาซะงั้น กิลด์มาสเตอร์คนนี้ไหวไหมเนี่ย?
“อย่าพูดเรื่องของแรงค์ S ขึ้นมาง่ายๆ แบบนั้นสิคะ”
“ฮ่าๆ ช่างมันเถอะ เอาล่ะ ลงมากันได้แล้ว”
“…ถ้าคุณยังไม่รู้ ฉันจะบอกให้ค่ะ พวกเราเป็นคนคุ้มกันของวาตารุซัง
และพวกคุณก็รู้ถึงสถานะของวาตารุซังในตอนนี้ดี
พวกเราไม่สามารถปล่อยให้เขาไปอยู่ในสถานการณ์ที่พวกเรารับมือไม่ไหวหรอกนะคะ
ฉันไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าพอที่จะสามารถถ่วงเวลาเอาไว้ได้หรือเปล่า…”
“นี่พวกเธอไม่ไว้ใจข้าอย่างงั้นเหรอ! ข้าเป็นถึงกิลด์มาสเตอร์ของกิลด์นักผจญภัยเลยนะ?”
“ฉันไว้ใจคุณในฐานะคนที่สามารถตัดสินใจอย่างเยือกเย็นได้เพื่อกิลด์ค่ะ”
“หืม? นั่นถือว่าเป็นคำชมเหรอ?”
“คำชมค่ะ ฉันไว้ใจคุณในฐานะของผู้นำองค์กร แต่ฉันไม่ไว้ใจคุณในฐานะคนคนหนึ่งค่ะ”
“แล้วแบบนี้จะเอายังไงดีล่ะ ตาแก่?”
“นี่ วาตารุ ถ้าเจ้ายังอยู่ตรงนั้น พวกเราก็ทำการทดสอบไม่ได้หรอกนะ เพราะงั้นช่วยลงมาหน่อยเถอะ”
“ถึงคุณจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่ข้างนอกนั่นมีคนที่น่ากลัวอยู่นี่ครับ ผมไม่อยากโดนจับหรอกนะครับ”
“้ข้าก็บอกไปแล้วไงว่าจะพาคนเก่งๆ มา
และถ้าข้าอยากจับเจ้าจริงๆ ข้าก็คงให้พาริสไปซ่อนตัวไว้สิ”
“ก็ฟังดูสมเหตุสมผลนะครับ อลิเซียซัง คุณล่ะครับว่ายังไง?”
“ถึงความเป็นไปได้จะต่ำ แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่พวกเราจะโดนหักหลังค่ะ
พวกเราไม่มีทางหยุดเขาได้เลยถ้าพวกเขาตั้งใจจะทำอะไรกันจริงๆ “
“ก็จริงครับ”
“แล้วเจ้าจะให้ข้าทำยังไง?”
“ทำพวกสัญญาหรืออะไรพวกนั้นที่บอกว่าพวกคุณจะไม่ทรยศผมได้มั้ยครับ…”
“ขอโทษนะครับ ที่ต้องเข้ามาแทรก
ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ อลิเซียซัง ผมขอถามอะไรคุณหน่อยได้ไหมครับ?”
“ไม่ได้เจอกันนานเลยค่ะ พาริสซัง คุณมีอะไรจะถามอย่างงั้นเหรอคะ?”
“คุณรู้ถึงความสามารถของผมดีใช่ไหมล่ะครับ อลิเซียซัง?
แล้วคุณยังคิดว่าคุณจะหนีได้ถ้าอยู่บนเรือลำนั้นอีกเหรอครับ?”
“ค่ะ ฉันคิดว่าเราหนีได้ถ้าเรายังอยู่บนเรือลำนี้”
“ฮ่าๆ ชักสนุกขึ้นมาจริงๆ แล้วสิ ผมเองก็มั่นใจในฝีมือหอกของตัวเองเหมือนกันนะครับ
กับบาเรียที่อลิเซียซังคนนั้นบอกว่ามัjนใจว่าจะหนีได้นี่… ชักอยากลองมันเร็วๆ แล้วสิ
ผมสัญญาครับ ว่าจะไม่แตะต้องคุณเลย เพราะงั้นรีบๆ ลงมากันเถอะครับ ผมอยากลองสกิลเต็มแก่แล้ว”
“เอ่อ… โดโรธีซัง พาริสซัง นี่ดูจะอันตรายแปลกๆ นะครับ”
“ค่ะ ปกติเขาขะเป็นคนที่สุภาพเรียบร้อยและมีความเป็นสุภาพบุรุษมากค่ะ
แต่เวลาที่เขาได้เจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง หรือไม่ก็สิ่งที่หอกของเขาไม่สามารแทงทะลุได้ล่ะก็
เขาจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยค่ะ ดูเหมือนเขาจะได้ยินมาว่าบาเรียของจอมเวทสามารถป้องกันสกิลเฉพาะตัวได้
เลยเกิดตื่นเต้นขึ้นมา แล้วอยากลองโจมตีบาเรียนั่นแบบสุดๆ เลยค่ะ
“…ยุ่งยากจริงๆ เลยนะครับ”
“ค่ะ”
“เฮ้อ ยุ่งจริงๆ พวกเราไม่มีทรยศหรอก ข้าจะเอาหัวของเจ้ากล้ามนี่ไว้เป็นหลักประกัน
พวกเจ้ามัดมือมัดเท่าแล้วเอาดาบจ่อคอเขาไว้ได้เลย ถ้ามีปัญหาอะไรก็ตัดคอเขาไปได้เลย
ข้าว่าหัวของกิลด์มาสเตอร์แห่งกิลด์นักผจญภัยน่าจะมีค่ามากพอให้พวกเจ้ายึดไว้เป็นหลังประกันได้”
“เฮ้ย ตาแก่ อย่ามาตัดสินอะไรตามใจชอบสิ ถ้าจะมีหัวใครไปเป็นประกัน มันก็ควรเป็นหัวของเจ้าไม่ใช่เหรอ?”
“อะไร! นี่เจ้าไม่มีความเคารพกับคนแก่บ้างเลยเหรอ ไอ้งั่งนี่…”
หลังจากนั้น พาริสก็ถูกขอให้ถอยออกไป
แล้วกิลด์มาสเตอร์ของกิลด์นักผจญภัยก็ถูกมัดมือไขว้หลังแล้วคุกเข่าลงไป
โดยมีอลิเซียซังกับไอเนสจ่อดาบลงที่คอของเขาทั้งสองข้าง
มันเหมือนกับฉากก่อนการประหารในเรื่องอะไรสักเรื่องเลย แบบนี้มันจะดีจริงๆ เหรอ?
“เฮ้อ นี่ข้ากำลังอยู่สถานการณ์อะไรกันเนี่ย…นักผจญภัยในกิลด์ของข้ากำลังจอดาบมาที่คอของข้าอยู่ซะงั้น เรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน?”
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ มาสเตอร์…”
“ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจความรู้สึกของพวกเจ้าดี…แรงค์ S นี่มันก็เป็นปีศาจจริงๆ นั่นล่ะ…
แต่ปัญหามันอยู่ที่ตาแก่นั่นต่างหาก นี่เขาเล่นขายข้ามาง่ายๆ แบบนี้จริงดิ?”
“เรื่องนี้ฉันขอไม่ออกความเห็นแล้วกันค่ะ…”
“แต่ว่า… อลิเซีย ทำไมเจ้าถึงต้องไปทุ่มเทให้กับชายหนุ่มหน้าตาบ้านๆ คนนั้นถึงขนาดนี้ล่ะ?”
“เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะพวกเราค่ะ ถ้าเขาไม่แนะนำจอมเวทให้พวกเรารู้จัก เขาก็คงไม่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
เขาเป็นคนที่ช่วยบ้านเกิดและครอบครัวของพวกเราไว้ค่ะ ดังนั้นฉันจะปกป้องเขาให้ถึงที่สุด”
“อย่างงั้นก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ข้าจะอกทนแล้วกัน”
“ขอบคุณที่เข้าใจค่ะ”
อลิเซียซังบอกให้ผมเรียกเรือออกมาถ้ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น
และตอนนี้ผมกำลังถูกสาวๆ ล้อมเอาไว้อยู่
นี่มันเหมือนกับการมีบอดี้การ์ดสาวสวยรายล้อมอยู่เลยอ่ะ นี่มันการดูแลระดับประธานบริษัทชัดๆ
ผมขยับลูโตะให้ออกห่างจากเรือเวทอีกลำเล็กน้อยแล้วก็จะเริ่มการทดสอบกันเลย
“เอาล่ะ เริ่มได้เลย พาริส”
ทันทีที่กิลด์มาสเตอร์ของกิลด์การค้าพูดจบ
ร่างของพาริสซังก็หายไป แล้วตามมาด้วยเสียงดัง ตุ้ม!
และพาริสซังก็ไปปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งพร้อมกับแทงหอกไปที่ลูโตะ
นี่มันหรือว่าจะเป็น ก้าวพริบตา!
แบบนี้ตัวประกันก็สามารถถูกช่วยไว้ได้ในพริบตาเลยสิ…
อลิเซียซังกับคนอื่นๆ จะตอบสนองกับความเร็วขนาดนี้ทันไหมนะ?
ว่าแต่ แรงค์ S นี่มันเกินสามัญสำนึกเกินไปแล้วนะ
หวังว่าพลังโจมตีของเขาจะไม่ถึงขั้นที่เทียบเท่ากับเทพนะ…
ในนิยายยังมีคนที่สามารถล้มพระเจ้าได้เลย… ขอให้โลกอย่างมีคนแบบนั้นอยู่ทีเถอะ…
เงินสดในมือ: 62 เหรียญทอง 58 เหรียญเงิน 72 เหรียญทองแดง
บัญชีกิลด์: 33 เหรียญทองคำขาว 70 เหรียญทอง
เงินออมในเรือ: 478 เหรียญทองคำขาว
เรือพริกไทย: 485 ลำ
MANGA DISCUSSION