ภายใต้การนำของคามิลล์ซัง ในที่สุดพวกเราก็เดินมาถึงห้องของกิลด์มาสเตอร์ และเมื่อประตูเปิดออก…
“โอ้ วาตารุ มาแล้วเหรอ ขอโทษที่ต้องรบกวนเรื่องเหล้าเสมอมาเลยนะ ข้าซาบซึ้งใจจริงๆ”
ยังเป็นคนที่ดูมีพลังเหมือนเดิมเลย การได้เห็นคนแก่ที่ดูกระปรี้กระเปร่าขนาดนี้ช่างเป็นภาพที่หาดูได้ยากจริงๆ
“ไม่เป็นไรครับ ผมต่างหากที่เป็นฝ่ายที่ต้องรบกวนคุณเสมอมา”
“ฮ่าๆ จริงๆ ก็มีคนที่พยายามจะเอาพวกของแพงๆ หรือเงินทองมาเป็นของขวัญให้ก็เยอะแล้วนะ
แต่การได้รับเหล้าพวกนั้นเป็นของฝากนี่เป็นอะไรที่น่าสนมากๆ เลยล่ะ
ปกติข้าไม่ได้อยู่ในจุดที่ควรจะรับของฝากอะไรพวกนั้นหรอกนะ
แต่ของที่เจ้าเอามาให้มันเป็นของฝากจริงๆ ดังนั้นมันทำให้ข้าพอใจมากเลยล่ะ”
…อา พอนึกดูแล้ว ผมก็ให้เหล้าเขาไปเพราะรู้สึกว่าเป็นหนี้บุญคุณอยู่จริงๆ
ว่าแต่ของขวัญให้กิลด์มาสเตอร์นี่มันถือเป็นสินบนด้วยรึเปล่านะ?
เอาเถอะ ตอนนั้นผมโฟกัสไปที่ของฝากของจิร่าโซเล่ เลยแค่เลือกของที่ดูจะเหมาะกับกิลด์มาสเตอร์มาให้เท่านั้น
แต่ดูเขาจะพอใจกับมันมาก ดังนั้นก็ถือว่าผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจสินะ
“ขอบคุณครับ”
“มาสเตอร์ ไว้คุยเรื่องนั้นกันทีหลังเถอะค่ะ”
“โอ้ใช่! ได้ยินมาว่าเจ้าเป็นคนแนะนำจอมเวทให้กับจิราโซเล่สินะ?”
“ท่านจอมเวทเหรอครับ? ใช่ครับ ผมเป็นคนแนะนำเขาให้กับจิราโซเล่รู้จักเอง ว่าแต่มีอะไรเหรอครับ?”
จากนี้ไปผมจะเปิดโหมดโกหกแบบเต็มรูปแบบแล้ว ขอให้อย่ามีเรื่องอะไรที่มันขัดแย้งกับข้อมูลก่อนหน้านี้ทีเถอะ…
“หืม? นี่เจ้าไม่รู้ถึงความร้ายแรงของสถานการณ์จริงๆ เหรอ?
เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือว่าจอมเวทคนนั้นไปทำอะไรมาบ้าง?”
“ไม่ครับ ผมไม่เห็นได้ยินข่าวอะไรมาเลย อีกอย่างผมก็ไม่ได้อยู่ที่เมืองทางใต้นี้มาสักพักแล้ว”
“ก็จริง แต่เจ้าไม่ได้ไปที่ปาแลร์โม่มาไม่ใช่เหรอ?”
หืม? ผมตั้งใจจะโกหกว่าผมไปที่ปาแลร์โม่มา แต่กิลด์มาสเตอร์รู้อยู่แล้วเหรอว่าผมไม่ได้ไปที่นั่น?
อืม…หรือว่าจะเป็นแผนลวงแบบนี้ผมจะทำยังไงดีนะ?
เอาเป็นว่าทำตามแผนที่วางเอาไว้ก่อนแล้วกัน แกล้งทำเป็นว่าไม่ได้ไปที่ปาแลร์โม่ก็ได้
“ใช่ครับ ผมไม่ได้ไปที่ปาแลร์โม่ แต่ผมไปที่อื่นมา”
“โอ้ว…แล้วไปที่ไหนมาล่ะ?”
“ขอโทษด้วยครับ นั่นเป็นความลับ เพราะมันเกี่ยวข้องกับแหล่งรายได้ของผม”
“อุมุ นี่เจ้ารู้สถานะของตัวเองบ้างไหม?”
ผมรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้มันอันตรายแค่ไหน ดังนั้นต้องโกหกให้มันเนียนๆ
ผมต้องทำหน้าตาย แล้วโกหกออกให้เป็นธรรมชาติ แล้วหวังว่ามันจะได้ผมมา
“สถานะของผมเหรอครับ? ก็เป็นพ่อค้าแรงค์ F ไม่ใช่หรือครับ?”
“นั่นมันก็ใช่… นี่เจ้านายไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการประทำของจอมเวทบ้างเลยเหรอ?”
“ก็ไม่นี่ครับ ว่าแต่เขาไปทำอะไรมาเหรอ?”
กิลด์มาสเตอร์มองมาที่ผมด้วยความสงสัย ดูเหมือนเขาจะรู้สินะ ว่าผมกำลังโกหกอยู่
ก็นะ สำหรับคนหนุ่มอย่างผม จะไปโกหกคนที่มีประสบการณ์โชกโชนอย่างกิลด์มาสเตอร์ได้ยังไง
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่สารภาพหรอกนะ ผมจะยืนยันในคำพูดของผมให้ถึงที่สุด
“…งั้นข้าจะเล่าให้ฟังแล้วกัน ท่านจอมเวทน่ะได้ทำลายกองทัพเรือของจักรวรรดิไปจนหมด
เขาสังหารทุกคนยกเว้นคนที่ยอมจำนน และยังกดดันเจ้าชายลำดับที่ 2 แห่งอาณาจักรเบรสเซีย
ให้ต้องออกมาคุกเข่าขอโทษต่อหน้าประชาชนของตัวเองอีก และเขายังเป็นแกนหลัง
ในการบุกยึดดินแดนของจักรวรรดิและทำให้จักรวรรดิเกือบต้องล่มสลายด้วย
แล้วไหนจะมีเรื่องอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นการบดขยี้ขุนนางที่เขาไม่ชอบ หรือ…
แต่เรื่องที่ใหญ่ที่สุดคือ 3 เรื่องแรก เรื่องมันเกิดขึ้นตั้งมากมายขนาดนี้ เจ้าจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยได้ยังไง?”
หา? นี่กิลด์มาสเตอร์กำลังพูดเรื่องอะไรอยู่น่ะ? เรื่องมันเป็นไปถึงขนาดนั้นได้ยังไง
จากที่ผมจำได้.. จอมเวทยังมีชื่อเสียงที่ดีอยู่เลยนะ ตอนที่ผมออกจากลูก้ามาน่ะ
แล้วนี่มันอะไร…? ฆ่างั้นเหรอพวกเขาหนีออกมาจากเรือได้นี่นา แล้วมาบอกว่าฆ่าหมดนี่มันหมายความว่ายังไง
ถึงพวกเราจะไม่ได้เข้าไปช่วยก็จริง แต่พวกเขาก็รอดออกมาได้ไม่ใช่เหรอ หรือว่า…!
ยังไงก็ตาม เรื่องราวมันจะถูกใส่สีตีไข่มากเกินไปแล้ว แบบนี้มันจงใจบิดเบือนข้อมูลกันชัดๆ เลยนี่นา
หรือนี่ก็เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของจอมเวทผู้ไร้ความปรานี…แต่เรื่องพวกนั้นพวกเราไม่ได้เป็นคนปล่อยออกมานี่นา…
ผมยอมรับว่าตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และถ้าผมไม่ได้ไปที่นั่น
เรื่องทุกอย่างก็คงจะไม่เกิดขึ้น แต่ผมก็ยังรู้สึกค่อยไม่พอใจอยู่ดี
“ไม่ครับ ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย จริงๆ แล้วผมไปที่ทวีปทางใต้มาน่ะครับ
ที่นั่นมีแต่ข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องสงครามกลางเมืองในอาณาจักรคาทาเนีย
ผมเลยไม่ได้ยินข่าวลืออื่นๆ เลยครับ ช่วงนี้ นี่…ท่านจอมเวทไปทำเรื่องอย่างนั้นมาจริงๆ เหรอครับ
เพราะจากที่ผมรู้สึก เขาออกจะเป็นคนดีมากๆ เลยนะครับ”
ผมลองพูดออกไปสุ่มๆ ดู เพราะตอนนี้สงครามกลางเมืองก็น่าจะเริ่มไปแล้วจริงๆ
ดังนั้นข้ออ้างนี้น่าจะพอใช้ได้ อีกอย่างข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับทวีปทางตอนใต้ก็หายากมากๆ ด้วยในทวีปนี้
“ถ้าเจ้าอยู่ที่ทวีปทางใต้ก็น่าจะไม่ได้ข่าวสินะ อืม…สงครามกลางเมืองอย่างงั้นเหรอ น่าสนใจ…
ว่าแต่ไหนเจ้าบอกว่าจะไม่กลับไปทำการค้าพริกอีกแล้วไง? ทำไมถึงต้องโกหกว่าไปทำการค้าที่ปาแลร์โม่ด้วยล่ะ?”
“เอ่อ เรื่องนั้น… คือผมได้ยินมาว่าถ้าประสบความสำเร็จในการค้าพริกหลายครั้งเกินไป
มันจะดูน่าสงสัยน่ะครับ ผมเลยกลัวว่าจะเป็นจุดสนใจเลยต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ
แล้วว่าจะเอาพริกไทยออกไปเร่ขายตามประเทศต่างๆ โดยไม่ผ่านกิลด์การค้า”
“ก็แน่นอนล่ะ ถ้าทำการค้าพริกสำเร็จหลายๆ ครั้ง ยังไงก็ต้องมีคนตามสืบอยู่แล้ว”
“เห้อ…แล้วความลับที่เจ้าว่าคืออะไร?”
“ฮ่าๆ บอกไม่ได้ครับ”
“นี่เจ้ารู้ตัวบ้างไหมว่า ตัวเองกำลังดึงดูดความสนใจของหลายๆ ประเทศอยู่น่ะ
แม้แต่อาณาจักรลาติน่าเองก็สนใจในตัวเจ้าอยู่เหมือนกัน
ข้ามั่นใจเลยว่าท่านเคานต์แห่งเมืองทางใต้จะต้องเรียกเจ้าไปพบอย่างแน่นอน
ทางที่ดีเจ้าควรบอกกับข้าตรงๆ จะดีกว่านะ ถ้าเจ้าเป็นจอมเวทก็อาจจะไม่มีปัญหาอะไร
แต่ถ้าไม่ล่ะก็เจ้าไม่มีทางปกปิดความลับของตัวเองไปได้ตลอดหรอก”
“โอ้ว! มันฟังดูเป็นเรืองใหญ่กว่าที่ผมคิดเอาไว้อีกนะครับ
แต่…ถ้าผมบอกความลับของผมออกไป ผมกลัวว่ามันจะเป็นปัญหาน่ะครับ
คือ…ผมขอถามหน่อยได้ไหมครับ ว่าคุณพอที่จะเก็บเป็นความลับของผมเอาไว้ได้ไหม?”
“มันก็ขึ้นอยู่กับเนื้อหา เพราะถ้าไม่เปิดเผยออกไปเลย ยังไงก็ต้องมีคนตามสืบอยู่ดี”
“เข้าใจแล้วครับ ผมจะบอกความลับของผมให้ก็ได้
ที่เหลือคุณก็ไปพิจารณาเอาเองแล้วกันว่าจะเปิดเผยเรื่องไหนออกไปบ้าง”
“ได้ ข้าจะเอาไปพิจารณา แต่เจ้าจะยอมรับมันได้รึไม่นั้นเรื่องนี้ข้าไม่ขอรับประกัน”
แค่เขาเอาไปพิจารณาก็ดี เพราะยังไงผมก็ตั้งใจจะเปิดเผยเรื่องนี้ออกไปอยู่แล้ว
ดังนั้นต่อให้เล่าอะไรออกไปผมก็ไม่มีปัญหา
“คือเรือของผมมันเป็นเรือแบบพิเศษที่ซื้อมาจากท่านจอมเวทน่ะครับ
มันมีความสามารถแบบเดียวกันกับเรือที่เขาใช้ และนั่นเป็นเหตุผล
ที่ทำให้ผมสามารถเดินทางไปกลับทวีปทางใต้ได้อย่างอิสระเพราะบาเรียของมัน
และท่านจอมเวทได้เตือนผมเอาไว้ด้วยว่าให้เก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ
เพราะถ้าเรื่องนี้หลุดออกไปมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ และผมจะต้องเจอปัญหาแน่ๆ”
“…ถ้านั่นเป็นเรื่องจริง นี่มันก็เรื่องใหญ่แล้วล่ะ
เพราะแค่เรื่องพริกไทยอย่างเดียวก็ทำเงินได้จำนวนมหาศาลแล้ว
การที่เจ้ามีเรือลำนั่นอยู่ในครอบครองมันจะทำให้เจ้าตกอยู่ในอันตราย
มันจะไม่ดีกว่าเหรอถ้าเจ้าจะขายเรือลำนั่นให้กับทางกิลด์การค้าน่ะ?
ข้ารับรองว่าเจ้าจะได้เงินจำนวนมากเท่ากับที่เจ้าต้องการเลยล่ะ”
“ต้องขอโทษด้วยครับ คือผมไม่สามารถทำอย่างนั้นได้
ก็อย่างที่ผมเคยบอกกับคามิลล์ซังไป ว่าผมเป็นคนเดียวที่สามารถใช้งานเรือลำนี้ได้
อีกทั้งท่านจอมเวทยังไม่ชอบให้เรือของเขาไปตกอยู่ใครความครอบครองของประเทศ
หรือองค์กรใดองค์กรหนึ่ง แถมเขายังบอกมาอีกว่าเขาจะไม่ยอมให้ใครที่เขาไม่ชอบใช้เรือของเขาโดยเด็ดขาด
แล้วก็บอกว่าจะไม่มีใครสามารถเข้าไปในเรือได้ถ้าไม่มีผมอยู่ด้วย และถึงจะฆ่าผมไป
ก็ไม่สามารถเอาเรือลำนี้ไปได้อยู่ดี เขาบอกว่าเขาจะรู้ถ้าทันทีเมื่อมีอะไรเกิดขึ้นกับผม
แล้วเขาสัญญาว่าจะล้างแค้นให้ผมถ้ามีอะไรเกิดขึ้น แต่ถึงเขาจะบอกว่าจะมาแก้แค้นให้ก็เถอะ
แต่ถ้าผมถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ก็ถูกฆ่าไปแล้ว มันจะมีประโยชน์อะไร
ดังนั้นผมจึงตั้งใจว่าจะเก็บเรื่องทั้งหมดนี้เอาไว้เป็นความลับน่าจะดีกว่า”
“หืม… คามิลล์ สิ่งที่เขาพูดมาเป็นความจริงหรือ?”
“ค่ะ วาตารุซังเคยบอกกับฉันว่าเขาเป็นคนเดียวที่สามารถใช้เรือเวทมนตร์ลำนี้ได้ค่ะ
และฉันยังเคยขอให้เขาแนะนำคนที่ขายเรือเวทมนตร์ลำนี้ให้กับเขาด้วยค่ะ แต่เขาปฏิเสธไป”
“หา? งั้นแบบนี้เจ้าก็เป็นบุคคลอันตรายน่ะสิ
เกิดมีคนเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเจ้า มีหวังคนคนนั้นได้ถูกจอมเวทตามไปเล่นงานแน่
แบบนี้มันจัดว่าเป็นภัยคุกคามแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“เรื่องนี้ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่ที่คุณมองว่าท่านจอมเวทเป็นภัยคุกคาม
ไม่ใช่เพราะตอนนี้ท่านจอมเวทมีชื่อเสียงหรอกเหรอครับ?
เพราะโดยปกติแล้นท่านจอมเวทไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับใครเลย
เขาใช้ชีวิตอย่างสันโดษมาเกือบตลอดทั้งชีวิตของเขาเลยด้วยซ้ำ
จริงๆ ผมไม่คิดด้วยซ้ำว่าเขาจะกลายเป็นที่มีชื่อเสียงขนาดนี้
อีกอย่างเรื่องเรือของเขา ถ้าผมไม่พูดออกไปซะอย่าง
จะมีใครรู้เรื่องของท่านจอมเวทได้ล่ะครับ? นี่ล่ะครับที่ผมต้องปิดเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ
เพราะถ้าเรื่องเรือมันหลุดออกไป ผมอาจจะถูกลักพาตัวหรือไม่ก็ถูกฆ่าไปเลยก็ได้
ดังนั้นผมเลยตั้งใจว่าจะหาเงินให้ได้เยอะๆ แล้วรีบหลบไปใช้ชีวิตอย่างสงบยังไงล่ะครับ “
“อืม… ตอนนี้เจ้าคงหลีกเลี่ยงเรื่องวุ่นวายพวกนั้นไม่ได้แล้วล่ะ
งั้นข้าขอตรวจสอบอะไรบางอย่างหน่อยแล้วกัน และถ้าผลของมันออกมาดี
บ้างทีข้าอาจสามารถปล่อยข่าวเรื่องที่เจ้าเป็นผู้ที่ท่านจอมเวทสนับสนุนอยู่ออกไปก็ได้
และนั่นก็น่าจะทำให้พวกผู้มีอำนาจไม่กล้าที่จะเข้าไปลงมือกับเจ้าโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะใช้ได้ผลกับพวกเขาทั้งหมดหรอกนะ ยังไงเจ้าก็ต้องระวังตัวเอาไว้ด้วย”
ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ ที่จะใช้ชีวิตสบายๆ โดยไม่มีใครกล้าเข้ามาแตะต้องเพราะกลัวจอมเวทได้สินะเนี่ย…
เอาเถอะ แค่ผู้มีอำนาจลังเลที่จะยุ่งมายุ่งกับผมก็ดีมากแล้ว
“ขอบคุณมากครับ ว่าแต่เรื่องที่คุณจะตรวจสอบนี่มันเรื่องอะไรเหรอครับ?”
“เรื่องที่ เจ้าเป็นคนเดียวที่สามารถใช่เรือลำนั้นได้จริงไหม
และเรื่องความแข็งแกร่งของเรือลำนั้น ที่เจ้าบอกว่ามันสามารถเดินทางไปกลับทวีปทางใต้ได้อย่างอิสระ
ว่าแต่ถ้าเราโจมตีเรือลำนั้นท่านจอมเวทจะมาที่นี่หรือเปล่า?”
“เอ่อ ผมไม่รู้ว่าเงื่อนไขที่ท่านจอมเวทบอกไว้คือะไรครับ เพราะงั้นผมเลยตอบเรื่องนี้ไม่ได้”
“งั้นถ้าพวกเราทดลองกัน มันจะไม่เป็นอันตรายไหม?”
“มาสเตอร์ ฉันคิดว่าเราควรชะลอเรื่องการทดสอบความแข็งแกร่งของเรือลำนั้นออกไปก่อนค่ะ”
“หือ? เจ้าคิดอย่างนั้นรึคามิลล์ แล้วเหตุผลล่ะ?”
“ค่ะ ฉันคิดว่าแค่ตรวจสอบเรื่องที่วาตารุซังเป็นคนเดียวที่สามารถใช่เรือลำนั้นได้ก็น่าจะพอแล้วค่ะ”
ทำได้ดีมากครับ คามิลล์ซัง เป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นมากเลย
เพราะผมแค่พูดเรื่องของจอมเวทออกไปส่งๆ เท่านั้น
ผมยังไม่ได้คิดเรื่องเงื่อนไขการใช้พลังของเขาเลย…
“อือ…ถ้าเราสามารถพิสูจน์ได้ว่าต่อให้เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้ล่ะก็…
นี่ วาตารุ เจ้าพอที่จะคุยกับท่านจอมเวทได้ไหม ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นน่ะ?”
“…ผมไม่อยากให้เขาเอาเรือของผมคืนไปหรอกนะครับ เกิดเขามาแล้วผมเผลอไปทำให้เขาไม่พอใจล่ะ”
“…เจ้ามีอยู่สองตัวเลือก คือ เกลี้ยกล่อมท่านจอมเวทให้ได้
หรือไม่ก็ไปเจอกับประเทศ กิลด์ พ่อค้า อาชญากร แล้วอื่นๆ อีกเพียบ เลือกเอา”
ไอ้ ‘อีกเพียบ’ นี่มันอะไรกันครับ แค่ประเทศกับกิลด์ก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว
ไหนจะมีพวกพ่อค้าอีก และยิ่งอาชญากรนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย แบบนี้จะมีคนตามผมไปอีกกี่คนกันล่ะเนี่ย?
“เฮ้อ… เข้าใจแล้วครับ ผมจะร่วมมือกับการทดสอบของคุณเอง”
“ดีมาก ข้าจะขอให้ท่านเคานต์แห่งเมืองทางใต้ส่งอัศวินที่มีฝีมือดีที่สุดของเขามา
และจะไปขอคนที่มีแรงค์สูงสุดจากกิลด์นักผจญภัยมาด้วย
วาตารุ เจ้ากลับไปที่เรือและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการทดสอบในวันพรุ่งนี้”
“้เข้าใจแล้วครับ”
“เอาล่ะแค่นี้ก็…อ๊ะ! ข้าเกือบลืมเรื่องพริกไทยไปเลย ไหนๆ ตอนนี้ความลับของเจ้าก็ถูกเปิดเผยแล้ว
เจ้าคงพอที่จะขายพริกไทยพวกนั้นให้กับทางกิลด์การค้าได้ใช่ไหม?”
“ถ้าคุณให้ราคาสูงขึ้นอีกหน่อย ผมจะขายพริกไทยที่ผมเก็บเอาไว้ทั้งหมดให้ครับ
และถ้ามันมีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ ผมจะรีบหนี
ดังนั้นผมขอรับค่าสินค้าเป็นเงินสดนะครับ แล้วผมก็อยากถอนเงินทั้งหมดออกจากบัญชีกิลด์ของผมด้วย”
“โอ้ ดูท่าเจ้าจะเตรียมตัวหนีอย่างจริงๆ จังๆ เลยสินะ… ก็ได้ ข้าจะไปจัดการเรื่องเงินสดให้ แต่คงต้องใช้เวลาหน่อยนะ”
“ต่อให้ใช้เวลานานก็ไม่เป็นไรครับ ขอแค่เป็นเงินสดก็พอ แล้วผมจะเอาพริกไทยมาส่งเมื่อพร้อม”
“แล้วเจ้าจะขายให้พวกเราได้เท่าไหร่ล่ะ?”
“อืม เรื่องนั้น…”
จะขายเท่าไหร่ดีนะ? จริงๆ ผมก็อยากขายมันให้หมดๆ ไปอยู่หรอก
แต่ที่เหลืออยู่น่ะมันเยอะมากๆ เลยล่ะ ถ้าเทียบกับครั้งก่อนที่ผมเอามาขาย
ก็เท่ากับการไปกลับทวีปทางใต้ถึง 60 รอบ…
งั้นขายเป็นสามเท่าของจำนวนที่ผมเคยเอามาขายครั้งก่อนแล้วกัน
หวังว่าต่อไป ผมจะสามารถเอาพริกไทยกลับมาขายได้แบบนี้เรื่อยๆ นะ…
“ผมสามารถขายให้ได้เท่ากับปริมาณสามเท่าของที่เคยขายให้กิลด์ในครั้งก่อนครับ”
“เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ…? ได้ ข้าจะไปเตรียมการให้ ว่าแต่ วาตารุ นี่เจ้าจะขายพริกไทยทั้งหมดนั่นให้กับกิลด์จริงๆ เหรอ?”
“ครับ ขอแค่คุณให้ราคาสูงขึ้นอีกหน่อยก็พอ”
“โอเค งั้นคามิลล์เข้าช่วยไปจัดการเรื่องนี้ให้ข้าหน่อยแล้วกัน”
“ได้ค่ะ มาสเตอร์”
“งั้น พรุ่งนี้ผมจะอยู่บนเรือตลอดทั้งวันนะครับ
ถ้าไม่เป็นการรบกวนเกินไปก็ช่วยส่งคนไปบอกผมทีว่าจะเริ่มการทดสอบกันตอนไหน”
“ได้ ข้าจะส่งคนไป ถ้าทุกอย่างเตรียมการเรียบร้อยแล้ว”
เมื่อคุยธุระเสร็ข พวกเราก็ออกมาจากกิลด์การค้า
เยี่ยมผมสามารถรอดจากการสอบสวนของกิลด์มาสเตอร์แห่งกิลด์การค้ามาไดเแล้ว… แบบนี้คงไม่มีปัญหาอะไรแล้วใช่ไหม?
รู้สึกว่าผมน่าจะพูดออกไปได้ดีเลยล่ะ ถึงทั้งหมดจะฟังไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่
แต่ก็สามารถทำให้ผมเป็นคนที่จอมเวทสนับสนุกอยู่ได้
แค่นี้ผมก็น่าจะสามารถป้องกันการถูกแทรกแซงจากผู้มีอำนาจส่วนใหญ่ได้แล้วสินะ
และเนื่องจากผมได้บอกเขาถึงความสามารถของเรือ ผมเลยสามรถขายพริกไทยได้โดยไม่มีอะไรที่ต้องปิดบังอีก
แถมยังต่อรองได้ดีอีกด้วย จะว่าไปก็ใช้ข้ออ้างว่าไปค้าพริก ระหว่างการเดินทางตามหาดาร์กเอลฟ์ก็น่าจะได้นี่นา…
“ไอเนส เฟลิเซีย ในบทสนทนาที่ผมคุยกับกิลด์มาสเตอร์ มีอะไรที่ฟังดูเป็นปัญหาบ้างไหม?”
“กิลด์มาสเตอร์สงสัยในตัวนายท่านมากๆ เลยนะคะ
แต่ดูเหมือนเขาจะยอมเล่นไปตามบทที่นายท่านแต่งไว้นะคะ
ดังนั้นฉันคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรค่ะ”
“ใช่ค่ะ ฉันก็คิดแบบนั้น ฉันเห็นว่าเขาไม่พูดอะไรที่มันออกนอกบทสนทนาของนายท่านเลยค่ะ
เว้นแต่เขาคิดจะหลอกเราจริงๆ ดังนั้นฉันคิดว่าเราน่าจะปลอดภัยค่ะ”
หา? อะไรกันเนี่ย? ผมคิดว่าผมทำได้ดีซะอีก…
นี่เขาแค่พยายามเล่นตามบทของผมอย่างงั้นเหรอ? เห้อ…น่าอายชะมัด
“ง-งั้นเหรอ ฮ่าๆ งั้นเราไปที่ร้านของดอนนีโน่ซังกันต่อดีกว่าเนอะ”
“ค่ะ”
พวกเราไปที่ร้านของดอนนิโน่ซัง และเมื่อผมมอบสุรากลั่นที่เป็นของฝากไปให้เขา
มันก็ทำให้เขาอารมณ์ดีแบบสุดๆ เลยล่ะ
จนเขาก็มอบโอเทลโล่กับเจ็งกาที่เพิ่งทำเสร็จจากในเวิร์กช็อปให้ผมแบบฟรีๆ เลยล่ะ
เขาบอกว่าที่กิลด์การค้ากำลังโปรโมตสินค้าพวกนี้กันอย่างขยันขันแข็งอยู่เลยล่ะ
และบอกคาดหวังกับว่าผลตอบแทนได้เลย
ว่าแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ วันนี้ผมตั้งใจว่าจะไปถามคามิลล์ซังเรื่องการขายสูตรอาหารกับเงินจากเกล็ดของริวนี่นา…
แต่เพราะเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นผมเลยต้องรีบออกมา เลยยังไม่ได้ถามเธอเรื่องนี้เลย
เอาเถอะ เอาไว้คราวหน้าค่อยถามเธอก็แล้วกัน เพราะวันนี้ผมไม่อยากกลับไปที่นั่นอีกแล้ว
ผมแวะไปที่โรงแรม นางแอ่นหางดำ เพื่อไปหาพวกจิราโซเล่
แต่ดูเหมือนว่าพวกเธอจะออกไปทำภารกิจกัน และจะกลับมาครั้งในตอนค่ำ
ผมเลยฝากข้อความไว้ แล้วกลับมายังลูโตะ
เห้อ พรุ่งนี้จะมีการทดสอบสินะ… ชักเริ่มกังวลหน่อยๆ แล้วสิ
MANGA DISCUSSION