แล้วแบบนี้ผมควรจะทำอะไรต่อไปดีล่ะเนี่ย?
อยู่ๆ ก็ถูกขอให้เป็นคนขึ้นมากล่าวเปิดงานซะงั้น
แถมทุกคนก็ดูจะอยากเริ่มงานกันเต็มแก่แล้วด้วย…
เอาวะ! ไหนๆ ก็มาถึงขนาดนี้ขอลองดูสักตั้งก็แล้วกัน
“เอาล่ะครับ เนื่องด้วยโอกาสที่งานใหญ่อย่างการย้ายหมู่บ้านก็ได้เสร็จสิ้นลงอย่างเป็นทางการในวันนี้แล้ว
พวกเรามาสนุกสนานกันให้เต็มที่ กิน ดื่ม และสนุกกับงานกันให้เต็มที่เถอะครับ!
แต่อย่าลืมนะครับว่างานวันนี้ยังอีกยาว ดังนั้นอย่าพึ่งดื่มกันจนร่วงไปซะก่อนล่ะ
เอาล่ะ พวกเรามายกแก้วแล้วดื่มฉลองกับความสำเร็จของหมู่บ้านกันดีกว่าครับ!”
“ขอดื่มฉลองให้กับความสำเร็จของหมู่บ้าน ไชโย”
เมื่อผมส่งสัญญาณให้ยกแก้วขึ้น ทุกคนในหมู่บ้านก็ร่วมกันเปล่งเสียงและยกแก้วตามขึ้นมา…
โอ้ว! พวกเขาทำได้พร้อมเพรียงกันสุดๆ อย่างกับซ้อมมาแนะ
จากนั้นทุกคนก็เริ่มดื่มกัน เอาล่ะดูเหมือนทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยสินะ…
งั้นผมเองก็เดินไปตักอาหารบ้างดีกว่า ขณะที่ผมกำลังจะเดินไปตักอาหาร
“ฟุฟุ พูดได้ดีนะคะ นายท่าน”
“ขอบคุณนะคะ นายท่าน แล้วก็ต้องขอโทษสำหรับการกระทำที่ไม่คาดคิดของพ่อฉันนะคะ”
“ฮ่าๆ ไม่เป็นถึงจะกะทันหันไปหน่อย แต่ผมก็พอเอาตัวรอดมาได้
เพราะงั้นไม่มีปัญหา เอาล่ะ พวกเราก็ไปสนุกกับงานเทศกาลกันเถอะ”
“ค่ะ/ค่ะ”
เมื่อผมมองไปรอบๆ ก็เห็นว่าทุกคนกำลังหยิบอาหารที่อยากกินกันอยู่
แล้วก็ไปนั่งคุยกันอย่างสนุกสนานไปพร้อมๆ กับการรับประทาน
อาหารที่พวกเรานำมาได้รับความนิยมสุดๆ เลยล่ะ
ดูเหมือนพวกเขาจะชอบรสชาติที่ไม่เคยลิ้มลองมาก่อนสินะ
บางคนก็เริ่มคว้าไวน์แล้วดื่มกันแล้ว…ไม่รู้ว่าจะทนไปถึงช่วงก่อกองไฟตอนกลางคืนได้หรือเปล่านะ?
“ไอเนส เฟลิเซีย มีคนเริ่มwxรวมตัวที่โต๊ะเจนก้ากับโอเทลโล่กันแล้ว
พวกเราไปอธิบายกติกาให้พวกเขาฟังกันเถอะ ถ้าเราสอนให้บางคนได้ ที่เหลือก็คงไม่มีปัญหาแล้วล่ะ”
“ค่ะ/ค่ะ”
ผู้คนเริ่มมารวมตัวกันที่โต๊ะที่ตั้งเกมเจนก้ากับโอเทลโล่ไว้
และส่งเสียงเฮฮากันอย่างครึกครื้น เด็กๆ ดูสนุกสนานกับการเล่น
และผมก็เริ่มสงสัยว่าผู้ใหญ่เองก็คงจะสนใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
ว่าแต่เด็กคนนั้นล่ะ? โอ้! เขายังไม่ยอมลุกจากโต๊ะอาหารเลย
ผมอธิบายกติกาอย่างย่อๆ และแสดงวิธีเล่นโอเทลโล่ห้ดู
เมื่อพอเข้าใจกติกาแล้ว พวกเขาก็เริ่มเล่นกันอย่างคึกคัก
มีทั้งเสียงหัวเราะและเสียงเชียร์ดังขึ้นมาเป็นระยะๆ
พวกเขาดื่มไวน์กันไปด้วยเหรอนั่น?
ส่วนทางฝั่งของเจนก้าอาจเพราะกติกาเรียบง่าย แถมยังเข้าใจการแพ้ชนะได้ชัดเจน
จึงมีการเล่นกันหลายรอบแล้ว ทุกครั้งที่เจนก้าล้ม ก็มีเสียงกรี๊ดกร๊าดสลับกับเสียงหัวเราะตามมา
ดีจริงๆ ที่ผมเอาพวกมันมาด้วย ดูเหมือนว่ามันจะช่วยสร้างความคึกคักให้กับงานเทศกาลได้ไม่น้อยเลยจริงๆ
ชาวบ้านที่ก่อนหน้านี้มัวแต่กินอาหาร ก็เริ่มมารวมกลุ่มกันฟังกติกาอย่างสนใจ
ไม่นานพวกเขาก็นั่งล้อมวงคุยกัน บ้างก็กินอาหารไปด้วย บ้างก็ดื่มไวน์พลางโม้เรื่องบ้านของตัวเองไปด้วย
แบบนี้ล่ะค่อยเหมือนงานเลี้ยงฉลองเสร็จสิ้นการสร้างหมู่บ้านหน่อย
แม้จะไม่ใช่งานเทศกาลในแบบที่ผมจินตนาการไว้
แต่แบบนี้ก็ดีไปอีกแบบ ไม่มีแผงลอยอาหารเหมือนงานเทศกาลใหญ่
แต่การได้นั่งคุยกันอย่างสบายใจก็สนุกดีเหมือนกัน
ผมเองก็กินอาหารและพูดคุยกับทุกคนเหมือนกัน
และริมุเองก็กำลังไปหยิบของกินที่เขาอยากกินเหมือนกัน
“ริมุ สนุกไหม?”
“สนุกมากๆ”
“งั้นเหรอ ดีแล้วล่ะที่สนุก กินเยอะๆ เลยนะ”
“อืม”
ช่วงเย็นบรรยากาศเป็นเหมือนงานเลี้ยงอาหารค่ำ แต่ให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายและอบอุ่นกว่า
เหล่าสาวๆ ในหมู่บ้านเองก็ต่างพากันทยอยเข้ามารุมถามสูตรอาหารในเทศกาลกับผม
ว้าว! รู้สึกอย่างกับอยู่ในงานเลี้ยงของเหล่าแม่บ้านเลยล่ะ… ถึงผมจะไม่เคยไปก็เถอะ
เพราะกลัวจะทำลายบรรยากาศ ผมจึงไม่ขับอะไรพวกเธอ…พร้อมจินตนาการไปว่า
ตัวเองกำลังถูกรายล้อมไปด้วยเหล่าสาวๆ ดาร์กเอลฟ์แสนสวยและกำลังลำบากใจกับความเนื้อหอมของตัวเอง
ถึงความจริงบางคนจะมีอายุมากแล้วก็ตาม แต่ทุกคนก็ยังสาวและสวยมากๆ เลยยังไงล่ะ
แถมหน้าอกใหญ่อีกต่างหาก เรียกได้ว่าเป็นสถานการณ์ในฝันของผมเลยก็ว่าได้
แม้จะแค่พูดคุยกันเฉยๆ แต่นี่ก็เป็นช่วงเวลาที่แสนพิเศษ… ขอบคุณมากครับท่านเทพผู้สร้าง
ยิ่งการอพยพของเหล่าดาร์กเอลฟ์ประสบความสำเร็จมากเท่าไร
ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าเกาะแห่งนี้อาจกลายเป็นเกาะในฝันของผมไปจริงๆ ก็ได้…
ชักเริ่มรู้สึกว่าที่โรมาโน่พูดมาก่อนน่านี้มันอาจจะเป็นความจริงขึ้นมาแล้วสิ
(น่าจะหมายถึงการจับเอลฟ์มาเลี้ยงไว้ในเกาะหรืออะไรประมาณนี้ครับ)
“พี่วาตารุ อาหารเยอะมากเลย แล้วก็อร่อยมากด้วย!”
“อร่อย!”
“อิ่มแล้ว แต่ยังอยากจะกินอีก!”
เด็กๆ มาชมว่าอาหารอร่อย ผมเองก็รู้สึกดีใจอยู่นะ แต่มันเป็นเรียบๆ ยังไงก็ไม่รู้
อืม ดูเหมือนว่าผมจะไม่ใช่สายโลลิหรือโชตะจริงๆ สินะ งั้นนี่ก็คงเรียกได้ว่าการดีใจแบบปกติ
ผมไปนำอาหารออกมาเพิ่่ม แต่ทุกคนดูจะไม่กระตือรือล้นเหมือนตอนแรกๆ
อย่างที่คิดดูเหมือนทุกคนจะเริ่มอิ่มกันแล้วสินะ
เพราะงั้นถึงได้ทยอยกันมาหยิบอาหารไปกินทีละเล็กทีละน้อยแบบนั้น
เมื่อเริ่มมืด ก็ถึงเวลาเริ่มจุดกองไฟ ที่ผมเฝ้ารอ
จริงๆ ก็ไม่มีใครรู้ถึงความโรแมนซ์ของกองไฟแบบนี้นอกจากผมอยู่แล้ว
“ทุกคนครับ กรุณามารวมตัวกันตรงนี้ เราจะเริ่มจุดกองไฟกันแล้ว”
เมื่อได้ยินเสียงของผม ชาวบ้านก็มารวมตัวกัน
มันดูเหมือนพิธีกรรมอะไรบางอย่างเลยอ่ะ จากนั้นผมจึงขอให้คุณหัวหน้าหมู่บ้านเป็นคนจุดไฟ
“เอ่อ ทุกคนช่วยไปปิดไฟเวทมนตร์ลงด้วยครับ
แต่ถ้าไฟกองนี้สว่างและแสงไม่ถึงพื้นก็ค่อยไปเปิดไฟอีกครั้งทีหลังได้ครับ”
ทุกคนตอบสนองกับคำขอของผมอย่างรวดเร็ว
จากนั้นไฟในหมู่บ้านก็ค่อยๆ เริ่มดับลงทีละดวง
และเมื่อไฟดวงสุดท้ายดับลง ความมืดอันแสนลึกล้ำและท้องฟ้ายามราตรีที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็ปรากฏออกมา
ช่างเป็นภาพที่นี่สวยงามดีจริงๆ ว่าไหม?
“งั้น คุณหัวหน้าหมู่บ้าน กรุณาจุดฟางด้านในด้วยเวทไฟทีครับ”
“เข้าใจแล้วครับ”
ในความมืดมีแสงไฟดวงเล็กๆ สว่างขึ้นที่ตรงหน้าของคุณหัวหน้าหมู่บ้าน
จากนั้นดวงไฟดวงเล็กๆ นั้นก็ลอยขึ้นและพุ่งเข้าไปที่กองฟาง
จากนั้นไฟก็ค่อยๆ ลุกขึ้นจากนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งฟืนติด
และในที่สุดมันก็กลายเป็นเปลวไฟใหญ่ ทำให้ลานกว้างกลางหมู่บ้าน
สว่างไสวไปด้วยแสงไฟ จริงๆ แสงไฟจากเวทมนตร์มันก็สวยดีอยู่หรอก
แต่แบบนี้มันช่วยสร้างบรรยากาศได้ดีกว่าใช่มั้นล่ะ
ชาวบ้านทุกคนต่างมองดูภาพที่แสนแปลกตานี้ด้วยความตกตะลึง
“มันสวยจังเลยนะคะ สมัยที่ฉันยังเป็นนักผจญภัย
ก็มีโอกาศได้จุดกองไฟอยู่เหมือนกัน แต่ขนาดของมันไม่ใหญ่เท่านี้”
“ค่ะ จริงๆ ฉันก็สงสัยว่าทำไมนายท่านถึงอยากจุดกองไฟกองใหญ่ถึงขนาดนี้
แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วค่ะ มันสายจริงๆ นะคะ นายท่าน”
หือ? พวกเธอเข้าใจกันสินะ ถึงความโรแมนซ์ของกองไฟน่ะ
“ฮ่าๆ ผมดีใจที่พวกเธอชอบนะ”
“วาตารุซัง นี่มันสุดยอดมากเลยครับ ดูวิเศษสุดๆ เลย”
“ครับ คุณหัวหน้าหมู่บ้าน ผมเองก็แปลกใจเหมือนกันว่าบรรยากาศมันดีกว่าที่คิดไว้”
“เข้าใจล่ะ พวกเราเคยอยู่แต่ในป่าเลยไม่เคยได้ใช้ไฟกองใหญ่ถึงขนาดนี้ ทุกคนเลยก็เลยประทับใจ”
อย่างงี้นี่เอง ก็ไฟป่าน่ากลัวนี่นา
บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่เคยคิดที่จะจุดไฟกองใหญ่ๆ
“คุณหัวหน้าหมู่บ้านครับ ผมคิดว่าได้เวลาเปิดเหล้ากลั่นกันแล้วล่ะครับ
เพราะตอนนี้บรรยากาศกำลังดีเลย พวกเรามาสนุกกันให้เต็มที่เถอะครับ”
“ฮะฮะฮะ ได้เลยครับ เดี๋ยวผมจะไปบอกทุกคนให้”
เหล้ากลั่นถูกนำออกมาแจกจ่าย จากนั้นทุกคนก็เริ่มดื่มกัน
บางคนก็ผสมน้ำผลไม้เพื่อปรับความแรง บางคนก็ดื่มตรงๆ จากขวด
บรรยากาศตอนนี้กลายเป็นนงานเลี้ยงแบบจริงๆ จังๆ ไปแล้วเพราะมีเสียงหัวเราะและบทสนทนาเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
“เฟลิเซีย ผมได้ยินมาว่าดาร์กเอลฟ์ชอบร้องเพลง อยากลองออกไปร้องกับคนอื่นๆ ดูไหม?
ผมคิดว่าไปร้องกันตรงหน้ากองไฟน่าจะสนุกดี”
“พวกเราไม่เคยร้องเพลงด้วยกันมาก่อนเลยนะคะ ฉันไม่รู้ว่ามันจะออกมาดีไหม
แต่ถ้ามันทำให้งานเทศกาลสนุกขึ้น ฉันจะลองดูค่ะ”
“ไม่เป็นไรเพราะถึงมันออกมาไม่ดี แต่ทุกคนก็ได้สนุกกัน ลองออกไปพร้มกันสักสองสามคนสิ”
“ค่ะ งั้นขอตัวก่อนนะคะ”
“โอเค”
“อุฟุฟุ สงสัยจังว่าเสียงร้องของเฟลิเซียจะเป็นยังไงกันน้า ชักตื่นเต้นแล้วสิ”
“ผมก็เหมือนกัน ว่าแต่ไอเนสร้องเพลงเพราะไหม?”
“ฟุฟุ ไม่เลยค่ะ แล้วนายท่านล่ะคะ?”
“ผมก็ไม่เก่งเหมือนกัน หวังว่าเฟลิเซียจะเก่งกว่าพวกเรานะ”
หลังจากคุยกันอยู่สักพัก หญิงสาว 4 คนรวมถึงเฟลิเซียและคุณเซซิเลีย
ก็มายืนเรียงกันที่ข้างๆ กองไฟ ผมรู้สึกเหมือนกับถูกมนตร์สะกดเลยล่ะ
เมื่อได้เห็นผมสีเงินของพวกเธอสะท้อนกับเปลวไฟ
อาจจะดูลำเอียงไปหน่อยเพราะเธอเป็นคนของผม แต่ผมคิดว่าเฟลิเซียเป็นคนที่สวยที่สุดใน 4 คนนั้นเลยล่ะ
ขณะที่ผมมองพวกเธอก็เริ่มขับร้องบทเพลงออกมา ไม่รู้ว่ามันจะเข้ากับบรรยากาศของงานเทศกาลไหม
เพราะมันเป็นเพลงที่ให้ความรู้สึกที่อ่อนโยน แต่เสียงของพวกเธอช่างไพเราะจับจิตรจริงๆ
เสียงของงานเทศกาลเริ่มค่อยๆ เงียบลง เพราะทุกคนต่างพากันหันมาตั้งใจฟังพวกเธอร้องเพลง
เมื่อพวกเธอร้องจบ ทุกคนก็ปรบมือขึ้นพร้อมกัน ผมเองดีใจจนเผลอปรบมือขึ้นมาด้วยเหมือนกัน
“สุดยอด มันดีมากๆ เลย ทั้งงดงาม อ่อนโยน และ…”
“ผมไม่รู้จะอธิบายมันออกมายังไง แต่มันสุดยอดจริงๆ”
“ฟุฟุ ขอบคุณมากค่ะ ฉันก็สนุกเหมือนกัน”
“วาตารุซัง ฉันก็สนุกมากเลยค่ะ ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยจนกระทั่งเฟลิเซียมาบอก
ตอนนี้พวกเราสามารถร้องเพลงเสียงดังกันได้แล้วใช่ไหมคะ?”
“ใช่ครับ พวกคุณสามารถร้องได้เท่าที่ต้องการเลยครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณจริงๆ นะคะ วาตารุซัง”
หืม พวกเธอไม่สามารถร้องเพลงเสียงดังได้งั้นเหรอ?
อาจเพราะต้องหลบๆ ซ่อนๆ มาตลอดเลยลืมเรื่องพวกนี้ไปสินะ
“ผมก็ดีใจเหมือนกันที่ทั้งสองคนสนุก เสียงร้องของเซซิเลียซังยอดเยี่ยมมากเลยครับ หวังว่าคุณจะร้องเพลงต่อไปนะครับ”
“จริงด้วยค่ะ ฉันจะต้องไปฝึกเพิ่มแล้วสิเพื่อเตรียมไว้สำหรับงานในครั้งหน้า”
“ดีเลยครับ ผมเองก็อยากฟังอีกเหมือนกัน”
ระหว่างที่พวกเรากำลังคุยกัน ชาวบ้านก็ดูเหมือนจะเรื่มจัดกลุ่มถัดไปกันเรียบร้อยแล้ว
เพราะกลุ่มถัดไปเริ่มร้องเพลงกันแล้ว เสียงของพวกเขาไพเราะมากเลย
แต่เป็นแค่ผมคนเดียวรึเปล่าที่รู้สึกอึดอัดเวลาที่แสงจากกองไฟส่องไปยังผู้ชายหล่อๆ พวกนั้นน่ะ?
บางทีอาจเพราะฤทธิ์ของเหล่ากับเสียงเพลงเพราะๆ ที่ทำให้ผมรู้สึกคึกคักขึ้นมา
เสียงเฮฮาของงานเทศกาลก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ บางคนเริ่มเต้นรำรอบกองไฟตามจังหวะเพลง ความคึกครื้นก็ยิ่งทวีคูณ
ไม่ทันไร ริมุก็ไปเข้าร่วมเต้นกับเขาด้วย เขากระโดดไปตามจังหวะเพลง
ผมเองก็แอบกังวลว่าเขาจะโดนเหยียบอยู่เหมือน แต่ก็ต้องเลิกคิดไป…
ก็เลเวลของริมุมันตั้งขนาดนั้นแล้วนี่นา
ถึงโดนเหยียบก็คงไม่เป็นไรหรอกอีกอย่างดูเขาจะสนุกกับงานด้วย
ผมคิดว่าพอจะพูดได้เต็มปากว่างานเทศกาลนี้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งสินะ?
ผมปล่อยตัวปล่อยใจไปกับบรรยากาศของงานเทศการพร้อมกับจิบเครื่องดื่มเบาๆ และสนุกไปกับงาน…
ไม่อ่ะ! ผมโกหก เพราะในหัวของผมตอนนี้คิดถึงแค่เรื่องที่กำลังจะทำกับเฟลิเซีย
ผมไม่ได้สนใจงานเทศกาลตอนนี้เลยสักนิด และคิดว่าแต่เองตอนนี้คงไม่สามารถสนุกกับมันได้จริงๆ
ขอโทษนะ ริมุ ดูเหมือนจะกำลังสนุกเลยสินะ
แต่คงต้องถึงเวลากลับแล้วล่ะ ดูเหมือนผมพอที่จะแอบออกไปได้
แต่ผมเป็นแขก ดังนั้นอย่างน้อยๆ ต้องไปบอกลาคุณหัวหน้าหมู่บ้าน
“ไอเนส เฟลิเซีย ผมคิดว่าได้เวลากลับกันแล้วล่ะ แบบนี้โอเคไหม?”
“อุฟุฟุ ค่ะ ก็ช่วยไม่ได้ล่ะน้า ฟุฟุฟุ”
ไอเนส เธอทำตัวเหมือนคุณยายข้างบ้านเลยนะ
ผมรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ แต่หยุดทีเถอะ
“ค-ค่ะ!”
“งั้นไปบอกคุณหัวหน้าหมู่บ้านแล้วกลับกันเถอะ”
“ค่ะ”
ผมไปรับริมุ แล้วไปบอกลาคุณหัวหน้าหมู่บ้าน
เขาพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับการยกเลิกข้อจำกัดในเวลากลางคืน
จากนั้นก็บ่นนั่นบ่นนี่ไปเรื่อย ดูเหมือนเขาจะเมาแล้วสินะ
ผมบอกลาคุณหัวหน้าหมู่บ้าน แล้วก็ไปบอกลาเซซิเลียซังโดยบอกว่าผมจะกลับมาอีกในตอนเช้า
พูดตามตรง มันรู้สึกแปลกๆ นิดหน่อยที่หลังจากเข้าไปทักทายพ่อแม่ของเธอเสร็จ
ผมก็ก็จะไปทำอย่างงั้นกับเฟลิเซียต่อเลย…
ผมกลับมาที่ ลูโตะ และบอกแผนการสำหรับคืนนี้ให้ทั้ง 2 คนฟัง
“ผมคิดว่าจะล่องเรือออกไป แล้วจะไปพัก ไฮด์อเวย์ แบบนี้โอเคไหม?”
“ค่ะ”
“โอเคค่ะ”
พวกเราก็ออกไปยังทะเลเปิด จากนั้นผมก็เรียก ไฮด์อเวย์ ออกมา
“มานี่สิ ริมุจัง”
“ฉันคิดว่าให้ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันตามลำพังน่าจะดีกว่า ฉันจะอยู่บนลูโตะกับริมุเองจังค่ะ “
“เอ๊ะ? อา ขอบคุณนะ”
ไอเนสกอดริมุที่กระโดดดึ๋งๆ แล้วออกจากไฮด์อเวย์ไป
เธอคงเกรงใจสินะ…ไม่อ่ะ เมื่อกี้รู้สึกว่าเธอกำลังกลั้นขำอยู่ด้วย
“งั้น พวกเราไปอาบน้ำกันก่อนดีไหมเฟลิเซีย?”
“ค-ค่ะ”
เพราะไม่มีจิร่าโซเล่อยู่ด้วย พวกเราสองคนเลยแช่น้ำในอ่างกันแบบเปลือยเปล่า
“นายท่าน นี่เป็นครั้งแรกเลยนะคะที่เราสองคนได้อาบน้ำด้วยกัน”
“ใช่ พอนึกๆ ดูแล้ว ผมก็รู้สึกเขินๆ เหมือนกัน”
“ฟุฟุ จริงค่ะ”
ผมกอดเฟลิเซียเอาไว้ในอ้อมแขน จากนั้น…
“นี่ เฟลิเซีย ผมรู้ว่าเธอมีเรื่องต่างๆ มากมายอยู่ในใจ
แต่ผมขอโทษนะ ผมทนไม่ไหวแล้วจริงๆ”
“ฟุฟุ ไม่เป็นไรค่ะ นายท่าน ฉันเตรียมใจไว้ตั้งแต่ตอนที่กลายมาเป็นทาสแล้ว
อีกอย่างตั้งแต่ที่ฉันมาเป็นทาสของนายท่าน ฉันเองก็ใช่ชีวิตอย่างมีความสุขทุกวันเลยค่ะ
ดังนั้นไม่ต้องอดกลั้นไว้หรอกนะคะ”
“ขอบคุณนะ”
ผมพุ่งเข้าไปจูบเธอ มันเป็นการจูบที่ยาวนานกว่าปกติมาก
จากนั้นผมก็อุ้มเฟลิเซียไปยังห้องนอน และเมื่อไปถึงห้อง
ผมก็ลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปจนหมด ลืมแม้กระทั่งการใส่ใจกับเธอ
เพราะผมมัวแต่หลงใหลไปกับร่างกายของเธอ ผมห้ามใจตัวเองไม่ได้จริงๆ ผมอดทนมานานแล้ว
อีกอย่างพลังของผมก็ดูไม่มีทีท่าว่าจะหมดลงเลยอาจเป็นเพราะเลเวลที่เพิ่มขึ้นมาหรือเปล่าน่ะ
ผมหยุดตัวเองไม่ได้ ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ นะ เฟลิเซีย…
จากนั้นพวกเราก็อยู่ด้วยกันไปจนกระทั้งถึงเช้า
MANGA DISCUSSION