“ฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุ…”
“นี่มันก็ผ่านมานานแล้วนะคะ สติสตังยังไม่กลับมาอีกเหรอ…”
“ข้ามีสติดี!”
“เพราะเจ้านั่นแหละ เทพแห่งแสง…”
“ก่อนหน้านี้เจ้าทำเอาข้าเกือบแตกสลายเลยนะรุู้มั้ย! หลังจากวันนั้นข้าต้องลำบากขนาดไหนเจ้ารู้บ้างไหม?
ข้าน่ะ เอาแต่ท่องซ้ำๆ ว่าทำไมถึงไม่ควรแทรกแซงโลกเบื้องล่าง อยู่แทบตลอดเวลา…ตอนนั้นข้าน่ะหลอนมากๆ เลยนะ”
“งั้นเหรอคะ?”
“อย่ามาตอบส่งๆ นะ เทพแห่งแสง เจ้าทำเอาข้าเกือบแย่เลยนะ นี่เจ้าไม่รู้สึกผิดบ้างเลยเหรอ?”
“แล้ว ท่านคิดว่าฉันจะรู้สึกผิดไหมล่ะคะ?”
“นี่ข้าถามเจ้าอยู่นะ”
“ไม่ค่ะ”
“…”
“ข้าพึ่งบอกว่าเจ้าเกือบทำข้าผู้ที่เป็นเทพผู้สร้างเกือบแย่ไปเชียวนะ นี่เจ้ากลับตอบว่าไม่รู้สึกผิดเลยงั้นเหรอ!”
“ใช่ค่ะ ฉันคิดว่ามันจะช่วยให้ท่านดีขึ้นได้ หวังว่าบทเรียนในครั้งนี้จะช่วยท่านได้นะคะ…?”
“แบบนี้มันไม่สมเหตุสมผล…มันสมเหตุสมผลเลยสักนิด”
“ทำไมข้าต้องมาลำบากลำบนขนาดนี้เพราะความเห็นของพวกเทพเรื่องมากพวกนั้นด้วยล่ะ
ทั้งๆ ที่ข้าทำทุกอย่างได้ยอมเยี่ยมสมกับเป็นเทพผู้สร้างแล้วแท้ๆ …”
“งั้นเหรอคะ!? ฉันคิดว่ามีแค่ท่านคนเดียวนะคะที่คิดแบบนั้น”
“ไม่มีทาง…”
“งั้น…เรามาทำแบบสำรวจกันไหมคะ?”
“…กะ-ก็เอาเซ่ จริงๆ ข้าเองก็ไม่ได้ว่างนักหรอกนะ แต่ในเมื่อเจ้าอยากทำ ข้าก็จะให้ทำ
ไปเรียกเทพแห่งสงคราม เทพเวทมนตร์ แล้วก็เทพแห่งความบันเทิงมาซะ ข้าจะทำให้พวกเขาขอโทษข้าให้ได้ในครั้งนี้”
“เรื่องนั้นอีกแล้วเหรอคะ? เทพแห่งสงครามกับคนอื่นๆ เบื่อกับเรื่องนี้แล้วนะคะ พวกเขาไม่ชอบเจ้านายที่อ่านบรรยากาศไม่เป็นหรอกนะคะ”
“นี่ไม่ใช่เรื่องของการอ่านบรรยากาศหรือเบื่อ ข้ากำลังพยายามทำให้พวกเขารู้ว่า
สิ่งที่ข้าทำมาตลอดนั้นไม่ผิด และพวกเขามันโง่เอง ที่มาล้อเลียนสกิลที่ข้าให้ไป”
“เฮ้อ… เข้าใจแล้วค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปตามพวกเขาให้”
“ดี เร็วหน่อยล่ะ”
“เพราะแบบนั้นท่านถึงมาที่นี่ใช่ไหม ท่านเทพแห่งแสง?”
“ใช่ค่ะ นั่นคือเหตุผมที่ฉันมาที่นี่”
“เห้อ…ขี้ตื๊อจริงๆ ให้ตายสิ…”
“ข้าก็ว่างั้น”
“น่ารำคาญชะมัด”
“แต่ถ้าเราไม่ไป มันจะยิ่งแย่กว่านี้อีกนะ…”
“เฮ้อ…”
“ช่วยไม่ได้ ถ้าไม่ยอมไปมีหวังได้ถูกเรียกซ้ำๆ อยู่แบบนี้แน่
ลำบากท่านเทพแห่งแสงอีก เอาเถอะไปก็ไป…”
“เดี๋ยวข้าจะไปตามเทพแห่งเวทมนตร์ให้”
“ฮ่าๆๆๆ เป็นยังไงล่ะ เจ้าพวกโง่! พวกเจ้าผิดเองที่กล้ามาท้าทายเทพผู้สร้างอย่างข้า…”
“…นั่นคือทั้งหมดที่จะพูดแล้วใช่มั้ย? งั้นพวกข้ากลับล่ะ…”
“ไม่ได้ ตอนนี้แหละเป็นโอกาสที่ดีที่พวก…”
“พวกเราเบื่อจะฟังเรื่องไร้สาระแล้ว เข้าเรื่องเลยเถอะ”
“ชิ! บรรยากาศกำลังดีเลยแท้ๆ เอาเถอะ ข้ารู้ว่าพวกเจ้ารู้ดีว่าข้ากำลังจะพูดเรื่องอะไร
ดังนั้นคุกเข่าลงแล้วเอาหน้าผากแนบพื้นแล้วพูดว่า ‘ขอโทษครับ ท่านเทพผู้สร้าง’ เข้าใจไหม?”
“ทำไมต้องทำด้วยล่ะ?”
“ท่านเทพแห่งแสง นี่ท่านยังแก้หัวของเทพผู้สร้างไม่ได้เหรอ?”
“เทพแห่งความบันเทิง หัวของเขามันแย่มาตั้งแต่แรกแล้ว ถึงทำยังไงมันก็ไม่ดีขึ้นหรอก
อย่าทำให้ท่านเทพแห่งแสงต้องพูดอะไรที่มันน่าเศร้าแบบนั้นออกมาเลยนะ…”
“…จ-จริงด้วย! เจ้าพูดถูกแล้วล่ะเทพแห่งเวทมนตร์ ข้าต้องขอโทษจริงๆ นะ ท่านเทพแห่งแสง”
“ไม่เป็นไรค่ะ เพราะฉันเองก็แยกไม่ออกเหมือนกันว่าเขาหายดีแล้วหรือยัง”
“เฮ้อ…งั้นคิดซะว่าหัวของเขายังไม่หายก็แล้วกัน พยายามต่อไปนะ ท่านเทพแห่งแสง”
“ข้าเห็นด้วยกับเทพแห่งสงคราม เพราะถ้าเขาหายดีแล้วจริงๆ ก็น่าจะมีสติมากกว่านี้
พยายามต่อไปนะ ท่านเทพแห่งแสง”
“ขอบคุณนะคะ เทพแห่งสงคราม เทพแห่งความบันเทิง”
“ถ้าฉันพยายามต่อไปโดยไม่ย่อท้อสักวันมันจะต้องดีขึ้นแน่…”
“ใช่แล้ว ท่านเทพแห่งแสง”
“พวกเจ้าอยากพูดอะไรก็พูดไปเถอะ ข้าน่ะมีสติดี เพราะงั้นทำตามที่ข้าสั่งซะ”
“ลองไปหาเทพแห่งการรักษาดูดีมั้ย ถึงจะลำบากนิดหน่อยแต่พวกข้าจะพยายามไปเยี่ยม…”
“ฮ่าๆ เทพแห่งเวทมนตร์นี่ใจดีจริงๆ แต่ข้าไม่ไป…”
“มาๆ เดี๋ยวข้าไปเป็นเพื่อน คนป่วยก็มักจะไม่รู้ตัวแบบนี้ล่ะ…”
“โถ่ ไม่น่าเลยเทพผู้สร้างดูแลตัวเองด้วยนะ ไว้เจอกัน…”
“เดี๋ยวๆ นี่พวกเจ้าพูดยังกับข้าเป็นบ้างั้นล่ะ อย่าพยายามมาเปลี่ยนเรื่องนะ!”
“ไม่ๆ เจ้าน่ะเป็นคนบ้า ไม่สิ เจ้าไม่ใช้ ‘คน’ ด้วยซ้ำ ดังนั้นต้องเป็นเทพบ้า
รู้ตัวไหมว่าตัวเองน่ะอาการหนักแล้ว ต้องได้รับการรักษาโดยด่วน…”
“ข-ข้าก็แค่พูดผิดไปนิดเดียวเอง ทุกคนก็เคยผิดพลาดกันใช่ไหมล่ะ?”
“…แต่ท่านเป็นคนบอกเองว่า ‘เทพผู้สร้างไม่มีทางผิดพลาด’ งั้นก็แสดงว่ายังไม่หายดีจริงๆ !”
“แม้แต่เจ้าก็เอากับเขาด้วยเหรอ เทพแห่งแสง…”
“เอาเถอะ ฟังข้าก่อนโอเคไหม?”
“ชิ! จะฟังก็ได้…”
“ทำไมเทพแห่งสงครามถึงดูหยิ่งๆ แบบนั้นล่ะ? เอาเถอะ เข้าเรื่องเลยดีกว่า
ข้ารู้ว่าพวกเจ้าไร้ความสามารถแต่ก็น่าจะยังพอเข้าใจถึงความยอดเยี่ยมของสกิล ‘อัญเชิญเรือ’ ได้อยู่บ้าง
ข้าจะให้อภัยพวกเจ้าด้วยความเมตตา เพียงแค่พวกเจ้าคุกเข่าลงแล้วกล่าวว่า ‘ขอโทษครับ ท่านเทพผู้สร้าง’ เข้าใจไหม?”
“…ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเราต้องทำแบบนั้นด้วย?”
“ข้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน”
“อีกอย่าง เทพผู้สร้างต่างหากต้องเป็นฝ่ายมาคุกเข่าขอโทษพวกเรา? รู้ไหมว่าพวกเราลำบากเพราะเจ้ามามากมายขนาดไหน”
“หา!? ตรงนี้มันควรจะเป็นจุดที่พวกเจ้าจะต้องมาคุกเข่าขอโทษเรื่องที่เคยเรียกสกิลอันยิ่งใหญ่ของข้าว่าสกิลห่วยๆ ไม่ใช่เหรอ?
ข้าว่าพวกเจ้าต้องไปหาเทพแห่งการรักษาบ้างแล้วล่ะ…”
“จริงเหรอ? อืม…บางทีพวกเราอาจจะเหนื่อยล้าจากความวุ่นวายทั้งหมดนี่ก็ได้ เทพแห่งสงคราม เทพแห่งความบันเทิง ไปกันเลยไหม?”
“จริงเหรอ? อย่างน้อยก็ดีกว่าอยู่ตรงนี้”
“เห็นด้วย แม้แต่เทพก็ต้องได้รับการบำบัดรักษาบ้างเหมือนกัน แล้วท่านเทพแห่งแสงล่ะ จะไปด้วยกันไหม?”
“ฉันก็รู้สึกเหนื่อยๆ อยู่เหมือนกันค่ะ บางทีการไปตรวจร่างกายบ้างก็ดีเหมือนกัน”
“งั้นหมายความว่าจะไปด้วยกัน?”
“ไปค่ะ”
“เดี๋ยวๆ ถ้าจะไปตรวจสุขภาพล่ะก็ ไปหลังจากฟังข้าพูดให้จบก่อน
ตอนนี้ในเมื่อพิสูจน์แล้วว่าสกิลอัญเชิญเรือไม่ใช่สกิลห่วยๆ ก็ถึงเวลาแล้วที่พวกเจ้าจะต้องมาขอโทษ”
“งั้นอธิบายมาสิ ว่าพิสูจน์ยังไง?”
“เทพแห่งสงคราม ทำไมเจ้าต้องทำตัวหยิ่งนักล่ะ? …เฮ้อ เอาเถอะ งั้นข้าจะอธิบายให้ฟัง
สกิลอัญเชิญเรือที่พวกเจ้าบอกว่าเป็นสกิลห่วยๆ ได้ทำลายกองทัพเรือของประเทศหนึ่งไปเกือบหมดเลยนะ เจ้าคิดว่ายังไงกับเรื่องนี้?”
“หึ เข้าใจล่ะ เจ้ารู้ไหม? ลองคิดดูสิว่าสกิลเฉพาะที่เจ้ามอบให้กับชาวจากต่างโลกก่อนหน้านี้มีอะไรบ้าง
การทำลายกองเรือของประเทศหนึ่งน่ะเหรอ? สกิลเฉพาะของพวกนั้นทำได้ตั้งแต่วันแรกแล้ว
รู้ไหมว่าชาวต่างโลกคนนั้นต้องดิ้นรนมานานขนาดไหนกว่าจะทำแบบนั้นได้
แถมสุดท้ายก็ปล่อยให้คนอื่นเป็นคนออกไปสู้อีก ข้ารู้ว่าสกิลอัญเชิญเรือเป็นสกิลเฉพาะที่พอมีพลังอยู่บ้าง
แต่ประเด็นคือ มันเปรียบเทียบกับสกิลอื่นๆ ที่เจ้ามอบให้ไปได้เหรอ?
แล้วนี่อะไร? มอบสกิลอัญเชิญเรือให้เขา แต่กลับส่งเขาไปที่ทุ่งหญ้า? อะไรจะบอกว่าเป็นบททดสอบเหรอ?
เจ้าก็ไม่เคยให้บททดสอบอะไรแบบนี้กับคนอื่นไม่ใช่เหรอ?
ต้องใช้เงินซื้อเรือ? เจ้าก็ไม่ได้ให้เงินเขาไป แถมกว่าจะซื้อเรือแต่ละลำได้เขาก็ต้องทำงานอย่างหนัก?
อันนี้ก็เป็นบททดสอบด้วยเหรอ? สกิลดีแต่เติบโตช้า? ถ้ามันดีจริงทำไมต้องพัฒนา?
ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ และกำลังพยายามจะทำอะไร
ถ้าเจ้ามอบพลังที่มันเติบโตช้าโดยพิจารณาอย่างจริงจังแล้วว่าอยากเห็นพัฒนาการของเขาว่าจะเป็นอย่างไร
ข้าก็พอจะเข้าใจเหตุผลอยู่หรอก แต่นี่ให้อัญเชิญเรือไปแต่กลับไม่มีน้ำ นี่เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่
อย่างน้อยๆ ก็ทำให้เรือมันแล่นที่ไหนก็ได้หน่อยสิ
เพราะฉะนั้นพอรวมทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้ว ข้าถึงได้บอกว่าสกิลที่เจ้าให้เข้าไปมันห่วยยังไงล่ะ เจ้าบ้า!”
“…จ-เจ้าจะพูดขนาดนั้นเลยเหรอ? เจ้าพูดแบบนี้ใส่ข้าจริงๆ เหรอ? ข้าก็โกรธเป็นเหมือนกันนะ”
“ข้าก็โกรธเจ้าเหมือนกันนั่นล่ะ!”
“นี่ เทพเวทมนตร์ และก็ ท่านเทพแห่งแสง คิดเหมือนข้ามั้ยว่ามันกำลังจะกลายเป็นศึกใหญ่น่ะ?”
“เฮ้อ…ดูท่าจะใช่ ข้าขออยู่ฝ่ายเทพแห่งสงครามนะ ต่อให้ไม่ชนะอย่างน้อยๆ ก็ได้ซัดเวทใส่หน้าเจ้าหมอนั่น”
“นี่ขนาดยังไม่เริ่มสู้! ยังรู้สึกสนุกขนาดนี้ นี่ ท่านเทพแห่งแสง จะเอายังไงกันดี?”
“เอ๊ะ! ฉันเหรอคะ? อืม…ถ้าจากจุดยืนฉันก็คงต้องอยู่ฝ่ายของเทพผู้สร้างคะ”
“ไม่ใช่เรื่องฝ่ายไหน เราต้องห้ามไม่ให้เกิดการต่อสู้ขึ้นสิ! นี่ ท่านเทพแห่งแสง ตั้งสติหน่อย!”
“มาเถอะ เทพแห่งความบันเทิง เรามารวบรวมเทพที่ไม่พอใจแล้วมารุมกระทืบหมอนั่นกันดีกว่า”
“เทพแห่งเวทมนตร์ นี่มันฆ่าตัวตายชัดๆ! อย่าลากเทพองค์อื่นไปเกี่ยวด้วยสิ ข้าขอล่ะ ใจเย็นๆ กันก่อน!”
“โอ้! เป็นคนคิดที่ดีนี่ เทพแห่งเวทมนตร์”
“ฉันคิดว่าเทพแห่งความมืดกับเทพแห่งไฟคงจะอยู่ฝ่ายเดียวกับกับพวกเขาค่ะ ส่วนเทพแห่งดินและน้ำก็คงจะเป็นกลาง…”
“เดี๋ยวสิ ท่านเทพแห่งแสง นี่ไม่ใช่เวลามานั่งวิเคาะห์กำลังรบนะ
เจ้าพวกนี่กำลังคิดที่จะเปิดศึกกับเทพผู้สร้างอยู่นะ อีกอย่างเทพแห่งไฟไม่ถูกกับเทพผู้สร้างแบบสุดๆ เลยนะ
ถ้าเจ้าพวกนั้นมารวมตัวกัน นี่ไม่สนุกแล้วนะ พวกเขาได้ฆ่ากันตายไปข้างแน่
ข้าขอล่ะ ท่านเทพแห่งแสง ท่านช่วยหยุดคิดเรื่องสงครามก่อนได้มั้ย ถ้าท่านไปร่วมด้วยมันจะกลายเป็นสงครามครั้งใหญ่นะ…
แย่ล่ะพวกนั้นเริ่มกันแล้ว แล้วทำไมเจ้าต้องเป็นฝ่ายเริ่มเปิดด้วยนิ เทพแห่งสงคราม!”
“อ๊ะ! เจ้านั้นเปิดแล้วข้าขอตามล่ะ…”
“เดี๋ยวสิ เทพแห่งเวทมนตร์ อย่าพึ่งไป…”
“หืม? อะไรน่ะ? กำลังสู้กันอยู่เหรอ?”
“อ่าว ทำไมเทพแห่งสงครามกับเทพแห่งเวทมนตร์ถึงกำลังสู้กับเทพผู้สร้างอยู่ล่ะ? แต่ดูน่าสนุกดีนี่นา…”
“ใช่ แต่ถ้าสู้กับเทพผู้สร้างพวกนั้นต้องขาดกำลังคนอยู่แน่ พวกเราเข้าไปช่วยพวกนั้นกันเถอะ”
“”โอ้!””
“เทพแห่งดาบ เทพมาร แล้วก็เทพมังกร ทำไมพวกเทพบ้าการต่อสู้ถึงมาอยู่ที่นี่ได้!? นี่ ท่านเทพแห่งแสง เราจะทำยังไงกันดี?”
“เฮ้อ…ใจเย็นๆ ก่อนค่ะ เทพแห่งความบันเทิง นี่ไม่ใช่การต่อสู้แบบถึงตาย ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ”
“แต่เทพแห่งสงครามกับเทพแห่งเวทมนตร์ตั้งใจจะฆ่าเขาจริงๆ นะ!? แถมตอนนี้เทพดาบ เทพมาร กับเทพมังกรก็เข้าไปร่วมวงด้วยแล้ว!”
“ไม่เป็นไรค่ะ ตราบใดที่เทพผู้สร้างไม่พยายามที่จะลบพวกเขาออกไป ทั้งสองฝ่ายก็จะไม่เป็นอะไรค่ะ
ฉันคิดว่าปล่อยให้พวกเขาระบายความเครียดออกมาบ้างก็ดีเหมือนกัน”
“ข-เข้าใจแล้ว…”
“วะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! นี่เป็นครั้งแรกในรอบพันล้านปีที่พวกเจ้ากล้าลุกฮือขึ้นมาต่อต้านข้าเลยนะ!
เอ้า คลานลงไปกับพื้นแล้วไตร่ตรองตัวเองซะ วะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
“โห…ท่านเทพผู้สร้างดูสนุกขนาดมากเลยนะคะนั่น ฉันชักรู้สึกสงสารพวกเขาแล้วสิ”
“อ-อืม หวังว่าพอได้ระบายความเครียดออกไปแบบนี้แล้ว พวกเขาจะดีขึ้นบ้างนะ…”
“ฉันไม่คิดว่ามันจะช่วยได้หรอกนะคะ”
“ก็นั่นสินะ”
หลังจากนั้น เทพแห่งสงคราม เทพแห่งเวทมนตร์ เทพดาบ เทพมาร เทพมังกร รวมถึงเทพองค์อื่นๆ
ที่เข้ามาร่วมศึกด้วย ก็ต่างพากันนอนกลิ้งอยู่บนพิ้นไปคนละทิศละทาง พร้อมกับหัวเราะแห้งๆ ออกมาอย่างหมดสภาพ
~มุมมองของกิลด์มาสเตอร์ของกิลด์นักผจญภัยกิลด์แห่งเมืองบาร์เล็ตต้า~
“ครับ มันเป็นความผิดของผมเอง ดังนั้นได้โปรดมอบงานเกี่ยวกับสมุนไพรหายากให้กับพวกเราด้วย”
ข้าพยายามตามจิราโซเล่ไปแล้ว แต่ไม่ทัน เลยต้องมาที่กิลด์การค้าเพื่อขอโทษพวกเขา
“…ต่อให้คุณพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่มันจะเป็นปัญหาที่จะใส่ชื่อของกิลด์นักผจญภัย
ที่เคยมีปัญหากับคนที่มีผลงานโดดเด่นขนาดนั้น ไว้ในรายชื่อโดยไม่ขออนุญาต”
ก็รู้อยู่ว่าเขากำลังพยายามพูดอะไร…ไม่ว่าจะแหล่งของสมุนไพรล้ำค่าหรือเกล็ดของริว
แค่เรื่องใดเรื่องหนึ่งก็เป็นผลงานระดับสมบัติของชาติแล้ว การเข้าไปมีเอี่ยวกับสัมปทานพวกนั้นโดยไม่มีการกล่าวขอโทษคงเป็นไปไม่ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกล็ดของริว เพราะมันสร้างความฮือฮาไปทั่วทั้งทวีป และทั้งหมดนั้นเป็นความผิดของข้าโดยสมบูรณ์
“…ก็จริง แต่ตอนที่ผมจะไปขอโทษ พวกเธอก็ออกเดินทางไปแล้ว ผมพยายามไล่ตามไปแล้ว แต่พวกเธอกลับออกเรือไปแล้วครับ”
“อืม… แต่พระคาร์ดินัลได้ส่งอัศวินและทหารมามาช่วยพวกเราแล้ว ทำให้เราสามารถจัดการเรื่องต่างๆ ได้โดยไม่มีปัญหา
อย่างน้อยที่สุด คุณต้องไปขอโทษจิราโซเล่ และพูดคุยกับพระคาร์ดินัล สถานที่นั้นตอนนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐโดยสมบูรณ์แล้ว”
พวกเขาสร้างสถานการณ์ที่ทำให้ไม่ต้องพึ่งพากิลด์นักผจญภัยเลย ถ้ากำลังคนขาด ข้าก็อาจพอที่จะรอดตัวไปได้ด้วยการก้มหัวขอโทษ…
แต่ตอนนี้มันเลยจุดๆ นั้นไปแล้ว ข้าจะไปหาพวกเธอและขอโทษพวกเธอให้ได้ไม่ว่าพวกเธอจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
“เข้าใจแล้วครับ ไม่ว่าพวกเธอจะอยู่ที่ไหน ผมจะตามไปขอโทษให้ได้ รบกวนแจ้งพระคาร์ดินัลให้ด้วยนะครับ”
“เข้าใจแล้ว เดี๋ยวจะจัดการให้”
“ขอบคุณครับ”
เฮ้อ… ข้าคงต้องให้รองหัวหน้ากิลด์จัดการงานแทนไปก่อน แล้วรีบออกเดินทางไปที่เมืองทางใต้ที่เป็นฐานของจิราโซเล่
แต่พอไปถามกิลด์นักผจญภัยที่เมืองนั้นว่าพวกเธออยู่ไหน ก็ได้รับคำตอบว่า
“บ้านเกิดของพวกเธอมีสงคราม และพวกเธอกำลังมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรเบรสเซีย”
อะไรเนี่ย!? …คราวหน้า ต่อให้จะหงุดหงิดแค่ไหน ข้าก็จะตั้งใจฟังในสิ่งที่คนอื่นพูดให้จบก่อน
MANGA DISCUSSION