อรุณสวัสดิ์ครับ…
นี่ก็ผ่านมาเกือบจะ 1 เดือนแล้ว ตั้งแต่ที่ผมหลุดมายังต่างโลก
เลเวลของผมเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย และตอนนี้ผมก็พอมีเงินเก็บบ้างแล้ว
ด้วยอัตราเท่านี้ ผมคิดว่าผมสามารถเอาตัวรอดได้อย่างสบายแม้จะถูกส่งมาที่ต่างโลก
ชื่อ : โทโยมิ วาตารุ
อายุ: 20
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
อาชีพ : กัปตันเรือ
Lv. 13
ความแข็งแกร่งทางกายภาพ: 340พลังเวทย์: 32ความแข็งแกร่ง: 36สติปัญญา: 46ความคล่องแคล่ว: 42โชค: 15
ทักษะ:เข้าใจภาษา (เฉพาะ)เรียกเรือ Lv. 1 (เฉพาะ)
ยอดเงินคงเหลือ: 1 เหรียญทอง 32 เหรียญเงิน 60 เหรียญทองแดง
ในที่สุดผมก็มีเงินเก็บมากกว่า 1 เหรียญทองแล้ว ซึ่งมีค่าถึงประมาณ 1,000,000 เยน ที่ญี่ปุ่น
น่าทึ่งใช่มั้ยล่ะ เอาล่ะ วันนี้ก็มาพยายามล่ากระต่ายให้เต็มที่กันดีกว่า
หลังจากทานอาหารเช้าที่โรงเตี๊ยม ผมก็หยิบกล่องอาหารกลางวันของผม จากนั้นก็มุ่งหน้าไปที่กิลด์นักผจญภัย
ผมหยิบใบคำขอเกี่ยวกับกระต่ายมีเขามา 1 ใบ จากนั้นก็มุ่งหน้าไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์…
ผมทำมาหลายครั้งจนดูเหมือนมันเป็นเรื่องปกติไปเล้ว
“อรุณสวัสดิ์ครับ ผมขอรับคำขอนี้ครับ”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คือดิฉันขอถามอะไรคุณซักหน่อยจะได้ไหมคะ?”
หือ…นี่มันอะไรกัน!?
นะ นะ นี่มันเป็นครั้งแรกเลยที่คุณพี่สาวหูจิ้งจอกชวนผมคุยก่อน…!
ชักเริ่มรู้สึกประหม่าแล้วสิ หรือว่า! เธอจะชวนผมไปเดท…!?
“ครับ มีอะไรงั้นเหรอ?”
ผมตอบโดยที่พยายามฝืนทำเป็นเฉยสุดชีวิต ทั้งที่ตื่นเต้นจนหัวใจแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว
“คุณมาที่นี่ทุกวันเพื่อทำภารกิจใช่ไหมคะ? ฉันคิดว่าคุณควรพักผ่อนบ้างจะดีกว่านะคะ…”
“การเป็นนักผจญภัยเป็นงานที่หนัก พวกเขาต้องพยายามอย่างหนักในแต่ละวัน เพื่อที่จะทำให้ภารกิจสำเร็จลุล่วง”
“ส่วนมากพวกเขามักจะหยุดพักหลังจากที่ทำภารกิจหนึ่งเสร็จ และแน่นอนว่าหากคุณต้องการทำภารกิจ
ดิฉันก็ยินดีรับคำขอของคุณค่ะ แต่…”
ชิ ไม่ใช่ชวนเดทหรอกเหรอ… แต่นี่มัน… นี่เธอเป็นห่วงผมอย่างงั้นเหรอ!
แค่คิดว่าเธอเป็นห่วงผมแบบนี้ก็ทำให้ผมหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งแล้ว!
ไม่ ใจเย็นก่อนตัวผม จะมาสูญเสียความเยือกเย็นต่อหน้าสาวแบบนี้ไม่ได้
“เอ่อ…จะว่าไปช่วงนี้ผมก็ไม่ได้พักเลยจริงๆนั่นล่ะครับ…จะว่ายังไงดีล่ะ คือเท้าของผมมันเดินมาที่กิลด์เองโดยอัตโนมัติน่ะครับ”
“สงสัยอาจเป็นเพราะความเคยชินก็ได้ครับ แต่นี่คุณคิดว่าผมควรจะหยุดพักจริงๆอย่างงั้นเหรอครับ”
“มันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนค่ะ แต่ดิฉันคิดว่าช่วงนี้คุณน่าจะทำงานหนักเกินไปหน่อยแล้วคค่ะ”
“ดังนั้น ถ้าคุณไม่มีเหตุผลพิเศษอะไร ดิฉันคิดว่าพักสักหน่อยก็ไม่น่าจะเสียหายอะไรค่ะ”
ที่เธอพูดมันก็ถูกล่ะนะ…หรือผมควรคิดเรื่องวันหยุดบางดีมั้ยนะ อีกอย่างตอนนี้ผมก็พอมีเงินเก็บบ้างแล้ว
การหยุดพักซักวันก็คงไม่น่าจะเป็นอะไร
“จริงๆ วันนี้ผมก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไรพิเศษจริงๆ นั่นล่ะครับ”
“‘งั้นวันนี้ผมขอหยุดพักวันนึงแล้วกันนะครับ แล้วก็ผมซาบซึ้งใจจริงๆ ที่คุณเป็นห่วงผม”
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับ”
“ยินดีค่ะ”
วันนี้ช่างเป็นวันที่ดีจริงๆเลย…ว่าแต่พอมาลองคิดดูดีๆ แล้ว ผมก็ออกล่าทุกวันเลยนี่น่า นับตั้งแต่มาที่โลกนี้
เอาล่ะ ไหนๆ วันนี้ก็หยุดแล้วลองไปหาที่เที่ยวภายในเมืองดูดีกว่า อืม…จะว่าไปเมืองนี้ก็จัดว่าเป็นเมืองใหญ่เมืองนึงเลยนี่นา
นับตั้งแต่ที่ผมมาอาศัยอยู่ที่เมืองนี้ มันก็ผ่านมาได้ประมาณ 1 เดือนแล้ว แต่ผมยังไม่เคยได้ไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ของเมืองนี้เลยซักครั้ง
เอาล่ะตัดสินใจได้แล้ววันนี้ผมจะลองเดินสำรวจรอบๆเมืองดูสักหน่อย…จากนั้นผมก็เดินออกจากกิลด์มา
อืม…ผมมองไปรอบๆ อย่างใจเย็น ผมควรเริ่มที่ตรงไหนดีน้า…
ลองกลับไปถามจากพวกคุณพนักงานกิลด์ดีมั้ยน้า? ว่ามีสถามที่ดีๆ พอจะแนะนำได้บ้างไหม
มันคงจะเศร้าน่าดู ถ้าผมเดินไปมั่วๆ แล้วจบวันนี้ด้วยความผิดหวัง
ดังนั้นไปถามให้แน่ใจดีกว่าดีกว่าตรงไหนที่ควรไปตรงไหนที่ไม่ควรไปเพื่อป้องกันความผิดพลาด
ในขณะที่ผมกำลังจะมุ่งหน้ากลับไปที่กิลด์จู่ๆ สายตาของผมก็ไปสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าาง!
…ฮะ!? นั่นมันคนแคระเหรอ?
ว้าว มีมนุษย์สัตว์ที่มีหูหมาแบบนั้นอยู่ด้วยงั้นเหรอ!?
ถึงผมจะมาอาศัยอยู่ที่เมืองนี้ได้ประมาณ 1 เดือนแล้วก็ตาม แต่ผมพึ่งรู้สึกเหมือนเพิ่งจะได้เห็นเมืองนี้แบบจริงๆจังๆเป็นครั้งแรก
เอาล่ะเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา งั้นเรามาสนุกกันให้เต็มที่เลยดีกว่าวันนี้ เย้…
เมืองในต่างโลกเนี่ย…เต็มไปด้วยสิ่งแปลกใหม่ที่ผมไม่เคยเห็นอยู่เต็มไปหมดเลย
ผู้คนตลอดจนสิ่งของ ล้วนไม่ใช่สิ่งที่ผมคุ้นเคย ทุกอย่างเป็นเรื่องแปลงใหม่ในสายตาผมแทบจะทั้งหมด
ช่างน่าสนใจจริงๆ ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา ผมไม่เคยสนใจของพวกนี้เลยได้ยังไงทั้งๆ ของพวกนี้ไม่สามารถพบเจอได้ในญี่ปุ่น
หืม…มีดทำครัวในโลกนี้รู้สึกว่าจะมีรูปร่างคล้ายๆกันกับที่โลกสินะ
อืม หม้อก็ยังคงเป็นหม้อ โอ้ มีของอย่างกระทะด้วยสินะเนี่ย! น่าสนใจจริงๆ ที่ได้มาเห็นสิ่งของแบบเดียวกันกับที่โลกในต่างโลกแบบนี้
ขณะที่ผมกำลังเดินเตร็จเตร่ไปรอบๆ เมืองอยู่นั้น ผมก็เดินมาพบเข้ากับลานกว้างใหญ่ แห่งหนึ่งท่ามกลางย่านใจกลางเมือง
ที่นั่นมีอาคารขนาดใหญ่เด่นสะดุดตาตั้งตระหว่างอยู่ ว้าวสุดยอดไปเลย โบสถ์งั้นเหรอ?
ชักสงสัยแล้วสิว่าศาสนาในโลกนี้จะเป็นยังไงกันน้า…พวกเขาจะนับถือพระเจ้าแบบไหนชักสงสัยขึ้นมานิดๆแล้วสิ…
อ๊ะ จะว่าไปถ้าพูดถึงเรื่องนี้ คนที่ส่งข้อความมาบอก ว่าเขาเป็นคนพาผมมายังโลกนี้แล้วก็เป็นคนให้สกิลเรียกเรือกับผมมาเขาไปใครกันนะ
เขาเป็นพระเจ้าหรือเปล่า? อืม…จากที่ผมลองมาคิดๆ ดูคนที่ส่งของความมาให้ผมก็น่าจะเป็นพระเจ้า
สงสัยจังว่าผมพอจะติดต่อเขาได้ไหมนะ ถ้าผมลองไปสวดภาวนาที่โบสถ์?
เอาอยากกล่างขอบคุณเขาที่มองสกิลเรียกเรือให้กับผม…
เอาล่ะ ไหนๆก็มีแล้วลองเดินเข้าไปดูในโบสถ์หน่อยแล้วกัน
“เอ่อ ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าที่นี่ใช่โบสถ์หรือเปล่าครับ?”
“ใช่แล้วล่ะ…”
“ไม่ทราบว่าคนธรรมดาสามารถเข้าไปได้ไหมครับ พอดีผมอย่ากจะสวดภาวนาซักหน่อย”
“ได้สิ คุณเข้ามาได้เลย เมื่อเข้าไปคุณจะเห็นหลายๆ คนกำลังสวดภาวนาอยู่ คุณสามารถไปสวดภาวนาอยู่ที่บริเวณนั้นได้ตามสบายเลย”
“ขอบคุณครับ”
หลังจากพูดจบผมก็เดินเข้าไปข้างในโบสถ์ ผมรู้สึกได้ในทันทีว่าบรรยากาศข้างในนั้นมันต่างจากข้างนอกเป็นอย่ามาก
อาจเพราะโลกนี้มีพลังเวทย์หรือเปล่านะ…ดังนั้นการที่โลกนี้จะมีพลังศักดิ์สิทธิ์ด้วยก็ไม่น่าจะมีอะไรแปลก…
ภายในโบสถ์ ผู้ศรัทธาจำนวนมากต่างสวดภาวนาต่อหน้ารูปปั้นของเทพเจ้า
พวกเขาคุกเข่าลงทั้งสองข้างและพนมมือไว้ที่หน้าอก ผมคิดว่าผมน่าจะลองเลียนแบบพวกเขาดู
ผมคุกเข่าลงทั้งสองข้าง จากนั้นก็พนมมือไว้ที่หน้าอก แล้วก็หลับตาลง
โอ้…พระเจ้าผู้ประทานสกิลและส่งข้อความมาให้ฉัน ผมขอขอบคุณพระองค์ที่ทำให้ผมสามารถใช้ชีวิตในต่างโลกได้อย่าง…”
“ไม่เป็นไร…”
ในขณะที่ผมกำลังสวดภาวนาอยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงๆ หนึ่งดังขึ้นมา
ผมตกใจมากจนถึงกับลืมตาขึ้นมามองไปรอบๆ…ภาพที่ผมเห็นอยู่ตอนนี้คือ ห้องที่ถูกตกแต่งอย่างงดงามและสว่างไสว…
“ยินดีที่ได้รู้จัก โทโยมิ วาตารุคุง”
ผมรีบหันไปมองทางต้นเสียงทันที ที่นั่นผมเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่มีหน้าตาดูซุกซนกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ที่กำลังเปร่งแสงจ้าออกมา
โตขึ้น เขาจะต้องเป็นคนที่หล่อมากๆ แน่เลย ผมชักอิจฉาเขาแล้วสิ…
“เอ่อ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ว่าแต่ที่นี่คือที่ไหนกัน?”
“ถ้าในโลกของเจ้าที่นี่ก็คงเรียกว่าสวรรค์”
สวรรค์งั้นเหรอ? ถ้างั้นเด็กคนนี้ก็เป็นเทพน่ะสิ!
“ต้องขอขอบคุณอีกครั้งนะครับ ที่มอบสกิลเหล่านี้ให้กับผม”
“นี่เจ้าดูไม่ค่อยตกใจเลยนะ ไม่รู้สึกแปลกใจบ้างเลยเหรอ?”
“แปลกใจสิครับ แถมกลัวด้วย แต่นิยายในญี่ปุ่นมีเรื่องแนวๆ พอไปสวดภาวนาที่โบสถ์ แล้วถูกพระเจ้าเรียกตัวไปพอมีให้เห็นอยู่บ้าง”
“ดังนั้นผมจึงคิดว่าเรื่องแบบนี้อาจเกิดขึ้นได้ครับ”
“วัฒนธรรมที่โลกของเจ้านี่มันน่าสนใจดีจริงๆ”
“คุณรู้จักโลกของผมด้วยงั้นเหรอครับ?”
“ใช่ มีการติดต่อกันในหมู่เทพเจ้า”
“จริงเหรอครับ!”
“เอ่อ เป็นไปได้ไหมครับ ว่าเมื่อผมกลับไป เวลามันจะไม่เดินไปข้างหน้าน่ะครับ?”
“ถูกต้อง!”
ว้าว แบบนี้มันก็เหมือนการหยุดเวลาเลยน่ะสิ พระเจ้าสุดยอด!
“ผมล่ะตกใจจริงๆ ครับ คิดว่ามันคงจะเป็นห้องเปล่าๆ ซะอีก ตอนที่ผมถูกเรียกตัวมา”
“อืม ปกติมันก็เป็นห้องสีขาวธรรมดาๆ นั้นล่ะ แต่ที่ข้าเลือกห้องนี้เพราะข้าชอบน่ะ เป็นไงมันดูเจ๋งไปเลยใช่ไหมล่ะ”
“ครับ เอ่อ…ว่าแต่คุณใช่ท่านเทพหรือเปล่าครับ?”
“ใช่แล้ว ข้าคือเทพที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เทพแห่งการสร้างยังไงล่ะ”
“โลกนี้ข้าเป็นคนสร้างขึ้นมาเองล่ะ เป็นไง ยิ่งใหญ่สุดๆไปเลยใช่มั้ย…”
“ครับ เอ่อ…ว่าแต่ท่านเทพผู้สร้างผู้ยิ่งใหญ่ทำไมถึงได้เรียกผมมาแบบนี้เหรอครับ”
“ถ้าท่านมีอะไรจะบอก ท่านก็แค่ส่งข้อความหาผมก็ได้นิครับ…”
“นี่ เจ้าไม่คิดว่าการใช้ชีวิตของตัวเองมันแปลกๆ ไปหน่อยเหรอ? ที่นี่ต่างโลกนะ”
“ทำไมเจ้าถึงได้ใช้ชีวิต เรื่อยเปื่อยไปวันๆแบบนั้น น่าเบื่อชะมัดเลย”
นี่ วิถีชีวิตผมโดนท่านเทพปฎิเสธงั้นเหรอเนี่ย!
“เอ่อ แล้วมันมีปัญหาตรงไหนงั้นเหรอครับ?”
“ยังกล้ามาถามว่ามีปัญหาตรงไหนอีกงั้นเหรอ! เจ้าเอาแต่ล่ากระต่ายไปวันๆ ไม่ได้ออกผจญภัยอะไรเลย นี่คือทั้งหมดที่เจ้าทำนับตั้งแต่มาโลกนี้”
“เอ่อ แต่ท่านบอกในข้อความว่าให้ระวังตัวแล้วก็เก็บตัวเงียบๆ ไม่ใช่เหรอครับ?”
แถมมีอะไรบางอย่างที่เป็นเรื่องน่ากลัวและเกือบจะเป็นภัยคุกคามเขียนไว้ในข้อความนั้นด้วย
“ก็จริงที่ข้าเขียนไปแบบนั้น แต่ในฐานะเทพผู้สร้างที่นำเจ้ามาที่นี่แถมยังมอบสกิลเจ๋งๆให้อีก ต้องมานั่งดูเจ้าใช้ชีวิตน่าเบื่อไปวันๆ แบบนี้”
“เจ้าจะให้ข้าไม่บ่นยังไงไหวฮะ?”
นี่ ผมถูกท่านเทพเรียกมาถึงสวรรค์แห่งนี้ เพื่อบ่นเรื่องการใช้ชีวิตประจำวันเนี่ยนะ! เหลือจะเชื่อ…
“เอ่อ… ผมไม่เข้าใจ มีคนคอยจับตาดูผมอยู่อย่างงั้นเหรอครับ?”
“ใช่ เพราะเจ้ามาจากต่างโลก ชาวต่างโลกมักจะมีประพฤติกรรมที่คาดเดาไม่ได้ เลยมีเทพเจ้าหลายองค์คอยติดตามการใช้ชีวิตของเจ้าอยู่ รู้บ้างไหมเนี่ย?”
“ไม่ครับ ว่าแต่มีเหล่าเทพสนใจผมเยอะงั้นเหรอครับ?”
“ชักเริ่มอายแล้วสิที่ถูกจับตามองแบบนี้…”
“ไม่ต้องห่วง พวกเราไม่ได้ดูเจ้าในห้องน้ำหรือในห้องนอนหรอก”
ถึงอย่างนั้นก็คงบอกไม่ได้ว่ามันโอเค…
“ผมจะรู้สึกขอบคุณมากครับ ถ้าท่านไม่ต้องมาค่อยจับตาดูผม ถ้าท่านทำได้”
“อืม ก็มีเทพเจ้าและเหล่าเทพีหลายองค์เลยล่ะ ที่เลิกดูเพราะพฤติกรรมของเจ้ามันน่าเบื่อ”
ยกตัวอย่างก็เทพเจ้าแห่งความบันเทิง เขาบอกว่าพฤติกรรมของเจ้าทำให้เขารู้สึกคลื่นไส้”
“ผมก็ใช้ชีวิตปกตินะครับ แล้วทำไมท่านถึงบอกว่ามันทำให้เขารู้สึกคลื่นไส้ล่ะครับ…”
พระเจ้าไม่ชอบคนที่ใช้ชีวิตจริงจังเหรอเนี่ย โลกนี้ไหวมั้ยเนี่ย!
หรือที่ เขารู้สึกคลื่นไส้เพราะเขาเป็นเทพเจ้าแห่งความบันเทิงหรืออะไรประมาณนั้นหรือเปล่า?
“เทพแห่งสงครามและเทพแห่งเวทมนตร์บอกว่า ที่เจ้าเป็นแบบนี้เพราะสกิลพิเศษของเจ้ามันห่วย แบบนั้นมันโหดร้ายไม่ใช่เหรอ”
ถึงตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าสกิลเรียกเรือเป็นสกิลที่สุดยอดแค่ไหน แต่ช่วงแรกๆ ที่ผมมาโลกนี้ ผมก็รู้สึกเหมือนเทพแห่งสงครามและเทพแห่งเวทมนตร์เหมือนกัน
“เพราะผมอยู่ในที่ที่ไม่มีแม่น้ำหรือทะเล ดังนั้นถ้าให้พูดตรงๆ คือผมก็มองไม่ออกเหมือนกันว่าสกิลเรียกเรือมันจะมีประโยชน์อะไรเหมือนกันน่ะครับ….
“หา! หมายความว่ายังไง ข้าคิดว่ามันเป็นสกิลที่เจ๋งสุดๆเลยนะ อีกอย่างถ้าไม่มีทะเละหรือแม่น้ำอยู่แถวนี้ แล้วทำไมเจ้าไม่ไปหาที่ที่มันมีล่ะ”
“การปฏิเสธขึ้นเรือเป็นอะไรที่เจ๋งสุดๆ ไปเลยนะ มันสามารถกันลมหายใจมังกรได้อย่างสบายๆ เลยนะรู้ไหม”
“มีเพียงเทพเท่านั้นที่สามารถฝ่ามันเข้าไปได้ แล้วดูที่เจ้าทำสิแค่เจอก๊อบลินเจ้าก็วิ่งหนีแล้ว”
“นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเทพเจ้าแห่งสงครามและเทพเจ้าแห่งเวทมนตร์จึงเรียกมันว่าสกิลห่วยๆ”
“ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าการปฏิเสธการขึ้นเรือมันจะทรงพลังขนาดนั้น…”
“ถึงไม่รู้ แต่อย่างน้อยก็ควรเอาไปลองใช้กับก๊อบลินดูไม่ใช่หรือไง นี่สกิลพิเศษเลยนะรู้ไหม อีกอย่างเจ้าไม่ต้องรอให้เรือปรากฎออกมาแล้วค่อยขึนไปบนเรือ
เจ้าแค่ต้องเข้าไปในวงเวทย์จากนั้นเมื่อเรือปรากฎออกมาเจ้าจะขึ้นไปอยู่บนเรือเองโดยอัตโนมัติ”
“โอ้ มีเคล็ดลับแบบนั้นด้วยสินะครับ…”
“แล้วก็เวลาที่วงเวทย์ปรากฏออกมา เจ้าจะสามารถยืนอยู่บนผิวน้ำได้และยังได้รับการปกป้องจากคุณสมบัติปฎิเสธการขึ้นเรือ”
“และเมื่อเจ้าเรียกเรือกลับ ของทุกอย่างที่อยู่บนเรือจะในสภาพที่ถูกหยุดเวลาเอาไว้ ดังนั้นเจ้าสามารถใช้เรื่องนี้ให้เป็นประโยชน์ได้”
คุณพระ อะไรกันเนี่ยไอเทมบ็อกเวอร์ชั่นเรืออย่างงั้นเหรอ!? สะดวกสุดๆ…
“ว้าวแบบนั้นก็สุดยอดไปเลยไม่ใช่เหรอครับท่านเทพ…”
“นี่เจ้ายังไม่ได้ดูหน้าต่างการซื้อเรือเลยใช่ไหม ตอนนี้เจ้าก็พอมีเงินเก็บอยู่บ้างแล้ว ทำไมไม่ลองซื้อเรือใหม่ดูล่ะ
“มีเรือเจ๋งๆเพียบเลยนะเจ้าสามารถเลเวลสกิลการเรียกเรือได้โดยการซื้อเรือเพิ่ม”
“ผมไม่มีที่ใช้หรอกครับ แค่เรือยางก็เด่นจะตาย ไม่ต้องพูดเรือยนต์….”
“เอ๊ะ เมื่อก็บอกว่าผมสามารถเพิ่มเลเวลของสกิลเรียกเรือได้โดยการซื้อเรือเพิ่มใช่ไหมครับ?”
“ใช่ เจ้าสามารถเพิ่มเลเวลของสกิลเรียกเรือได้โดยการซื้อเรือเพิ่ม เชื่อข้าเถอะ ข้าเป็นคนให้สกิลนั่นกับเจ้าเอง”
“เอ่อ แต่ผมได้รับข้อความว่าจะดีกว่าถ้าจะไม่ให้ใครสังเกตเห็นนะครับ”
“จะระวังตัวมันก็ควรมีขีดจำกัดหรือเปล่า?”
“ถึงจะจริงที่ในอดีต เมื่อข้ามอบสกิลพิเศษให้กับเหล่าผู้มาจากต่างโลก มักจะมีปัญหาเกิดขึ้นตามมาก็เถอะ”
“แต่นั้นเป็นเพราะพวกเขาอยากทำตัวเป็นผู้กล้า นักบุญ ราชาปีศาจ ราชา และอื่นๆ อีกมากมาย”
“ดังนั้น รอบนี้ข้าจึงได้มอบสกิลพิเศษที่อ่อนแอลงเล็กน้อยและข้อความเตือนให้กับเจ้ายังไงล่ะ”
ผู้กล้า? ราชาปีศาจ? เรื่องเยอะจนผมตามไม่ทันแล้ว…
“เจ้ารู้ไหมชาวต่างโลกส่วนใหญ่ มักจะเผยแพร่ความรู้หรือทัศนคติต่างๆที่มีอิทธิพลต่อโลกใบนี้ไม่มากก็น้อย แม้เรื่องที่พวกเข้าก่อจะถูกจัดการไปแล้วก็ตาม”
“แต่พวกเขาส่วนมากมักใช้พลังเพื่อสนองความโลภของตนเอง ในขณะที่เจ้าไม่ได้แสดงสิ่งเหล่านั้นออกมาให้เห็นเลย”
“เจ้าพอใจกับแค่เรือกระท่อมได้อย่างไร เจ้าควรมีความโลภมากกว่านี้นะ”
ผมรู้ว่าท่านต้องการจะสื่ออะไร แต่ท่านกำลังโกรธผมอยู่อย่างไม่มีเหตุผลเลยนะครับ…
“ผมก็มีความโลภเหมือนกับคนอื่นๆนั่นล่ะครับ แต่ผมเพิ่งมาอยู่ในโลกนี้ได้แค่ประมาณ 1 เดือนเองนะครับ”
“ในอนาคตผมเองก็มีแผน…”
“จากความคิดเห็นของเหล่าทวยเทพส่วนใหญ่ ลงความเห็นว่า เจ้าจะใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสบายๆ หรือไม่ก็จบลงที่เจ้าสามารถปราบก็อบลินหรือไม่ก็ออร์คได้”
“หากเป็นเช่นนั้น สกิลพิเศษที่ข้าอุตส่าเลือกมาก็จะไม่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด”
เอ่อ ท่านเทพครับ นี่ท่านหวังอะไรกับผมครับเนี่ย…
“อืม ก็ได้ครับ ผมเข้าใจแล้ว ผมจะพยายามให้มากกว่านี้ครับ ท่านบอกว่าแม้แต่มังกรก็เข้าไม่สามารถเข้ามาได้”
“ดังนั้นผมจะลองสู้กับพวกมอนสเตอร์ดูซักตั้งครับ”
“ฮ่าๆ นั่นล่ะ เจ้าต้องพยายามให้มากกว่านี้”
“อีกอย่างข้าแนะนำว่าเจ้าควรพยายามสร้างสัมพันธ์กับคนอื่นเอาไว้บ้างก็ดีนะ”
“แต่อย่างน้อยผมก็มีคนให้พูดคุยด้วยอยู่นะครับ”
“เจ้าก็ทำได้แค่พูดคุยเท่านั้นล่ะ เจ้าเคยรู้ชื่อพวกเขาบ้างไหม”
“นะ-นี่ พึ่งเริ่มครับ แค่ พึ่งเริ่มต้นเท่านั้น”
“นี่ ข้าจะบอกเรื่องดีๆ กับเจ้าเรื่องนึง…”
ท่านเทพพูดกับผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง…เรื่องอะไรกันที่ทำให้ท่านเทพมีท่าที่จริงจังขนาดนั้น!?
“เจ้าคิดถึงรสชาติอาหารของบ้านเกิดใช่ไหมล่ะ ถ้าข้าบอกเจ้าว่า เจ้าสามารถทานอาหารที่ร้านค้าบนเรือได้ล่ะว่าไง…”
“บนเรือสำราญมีร้านอาหารชั้นหนึ่งจากทั่วทุกมุมโลกเลยนะ”
“นะ-นั่น หมายความว่า…”
“ผมสามารถลิ้มรสอาหารของโลกได้อีกครั้งอย่างงั้นเหรอครับ!”
“ใช่ ถึงเจ้าจะไม่สามารถดูทีวีหรือใช้อินเทอร์เน็ตได้ แต่เจ้าก็ยังสามารถดูดีวีดี อนิเม หรือแม้กระทั้งภาพยนตร์ที่เพิ่งออกฉายได้…”
“และนอกจากนั้น เจ้ายังสามารถใช้ร้านค้าและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่มีอยู่ภายในเรือได้อีกด้วย”
“สกิลพิเศษที่ข้ามอบให้กับเจ้า เป็นสกิลที่เหลือเชื่อมากเลยนะเจ้ารู้ไหม”
ผมเคยได้ยินต่างๆ มากมายที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผมได้อย่างมหาศาล ถ้าได้เรือสำราญมาจะช่วยให้ผมกลับไปใช้ชีวิตแบบมีอารยธรรมได้อีกครั้ง
อาหารอร่อยและภาพยนตร์ดีๆ…ผมแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะน่าตื่นเต้นได้ขนาดนี้
“ผมเริ่มมีแรงบันดาลใจแล้วครับ ผมจะพยายามให้ดีที่สุดนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปครับ!”
“เยี่ยม นั่นล่ะคือคำตอบที่ข้าต้องการ ข้าเชื่อในตัวเจ้านะ ขอให้โชคดี ลาก่อน”
…ผมกลับมาแล้วเหรอ? ไม่คิดเลยว่าท่านเทพจะคอยจับตาดูผมอยู่
แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ผมได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์มามากมายเลย
เอาล่ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปคงต้องพยายามซักหน่อยแล้ว เพื่อทำให้ท่านเทพผู้สร้างพอใจ
ขณะที่ผมกำลังเดินออกจากโบสถ์ ผู้คนที่กำลังสวดมนต์ก็ยื่นเงินให้คุณบาทหลวง สงสัยจังว่าเงินนั้นเป็นเงินบริจาคหรือเปล่า?
ผมได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มามาก จึงเกิดแรงบันดาลใจและตัดสินใจมอบ 1 เหรียญเงิน เพื่อเป็นเงินบริจาค
ตอนนี้ผมได้รับข้อมูลที่ไม่คาดฝันมาเพียบเลย ผมว่าผมรีบกลับไปที่โรงเตี๊ยมแล้วเริ่มคิดเกี่ยวกับแผนในอนาคตดีกว่า…
ยอดเงินคงเหลือ: 1 เหรียญทอง 31 เหรียญเงิน 31 60 เหรียญทองแดง
ช่วงนี้อาจช้านิดนึงนะครับ พอดีงานเยอะ
MANGA DISCUSSION