ผมพยายามหาทางที่จะแอบหลบออกมาแบบเนียนๆ พร้อมกับไอเนสและเฟลิเซีย
โดยที่จะปล่อยให้สาวๆ เพลิดเพลินกับเครื่องดื่มที่พวกเธอไม่เคยดื่มกันต่อไป
แต่ก็แอบเสียดายอยู่นิดหน่อยเหมือนกัน เพราะภาพของสาวๆ ที่กำลังจิบค็อกเทลอยู่นี่มัน…
จะว่ายังไงดีมันแอยดูดีแบบแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้
แต่ก็นะต่อให้จะนั่งดื่มต่อไปก็ใช่ว่าจะได้มีโมเมนต์โรแมนติกกับพวกเธอสักหน่อย
เพราะตอนนี้ทุกคนกำลังคึกกันแบบสุดๆ เลยยังไงล่ะ
พวกเธอคุยกันเสียงดังแล้วก็ต่างหัวเราะกันอย่างเฮฮาพร้อมกับบรรยายถึงรสชาติ
ของค๊อกเทลชนิดต่างๆ ที่ดื่มเข้าไปว่าพวกมันอร่อยแบบไหน
ดังนั้นผมจึงคิดว่าจะกลับเลย เพราะต่อให้อยู่ต่อไปก็ไม่น่าจะมีโมเมนต์อะไรเด็ดๆ แล้ว
ผมจึงรอให้บาร์มันลงไปที่ชั้นล่าง แล้วก็จะขอตัวกลับเลย
ผมไปบอกลาคลอเร็ตต้าซัง และสาเหตุที่ผมไปบอกดเธอแค่คนเดียวก็เพราะว่า
เธอเป็นคนเดียวที่ผมสามารถไว้ใจได้เมื่อมีเรื่องของแอลกอฮอล์เข้ามาเกี่ยวข้อง
เธอสัญญาว่าจะเป็นคนพาทุกคนกลับห้องเอง ดังนั้นผมจึงสบายใจเรื่องนี้ได้
อีกอย่างกำหนดการเที่ยวชมเรือของวันพรุ่งนี้เป็นตอนเที่ยง
ดังนั้นผมจึงสามารถใช้เวลาในค่ำคืนนี้ได้อย่างเต็มที่
เพราะกว่าที่ทุกคนจะมารวมตัวกันในวันพรุ่งนี้ก็น่าจะเลยเวลาเที่ยงไปแล้ว
เพราะวันนี้ทุกคนดื่มกันไปพอสมควรเลยล่ะ
ดังนั้นผมจึงมั่นใจว่าพรุ่งนี้พวกเธอจะต้องลุกไม่ไหวกันอย่างแน่นอน
อีกเรื่องคือผมบอกกับ คลอเร็ตต้าซังเอาไว้แล้วว่า
อาหารเช้าของวันพรุ่งนี้สามารถไปกินได้ที่ห้องอาหารกลางเลย โดยไม่ต้องรอผม
เพราะผมเป็นห่วงคาร์ล่าซังที่จะไม่มีอาหารกิน เลยต้องบอกเผื่อเอาไว้ก่อน
ผมกลัวว่าเธอจะไม่ได้กินมื้อเช้าและจะต้องลำบากเหมือนกับก่อนหน้านี้
ระหว่างทางกลับห้อง เฟลิเซียก็เดินเข้ามาหาผมแล้วก็อุ้มริมุไปไว้ในอ้อมแขน
“งั้น ฉันขอตัวไปพักที่อีกห้องนะคะ นายท่าน”
“หืม? …ทำไมล่ะ? ห้องก็ออกจะใหญ่ ไม่เป็นไร…”
“…ขอโทษ ผมขอโทษที่ทำให้รู้สึกอึดอัดนะครับ เฟลิเซีย…”
เมื่อกี้ผมไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองพูดอะไรออกไป
ดูเหมือนผมจะทำพฤติกรรมแย่ๆ ลงไปซะแล้ว
ผมตื่นเต้นมากเกินไปหน่อย จนเผลอลากเฟลิเซียเข้ามาเอี่ยวกับคืนแรกของไอเนสไปซะแล้ว
ผมรีบร้อนเกินไปที่จะเข้ารูท 3P สินะ เฮ้อ…ผมนี่มันแย่จริงๆ
ที่ปล่อยตัวปล่อยใจไปแบบนั้น จนทำให้เฟลิเซียต้องลำบากใจ
ผมนี่มันชักจะคิดอะไรเลยเถิดเกินไปแล้ว แถมพอนึกขึ้นได้กลับรู้สึกแค่ว่า “คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง” ซะงั้น
เห็นทีต่อจากนี้คงต้องคิดอะไรให้มันรอบคอบก่อนแล้วค่อยพูดออกมาแล้วสิ
ดังนั้นวันนี้ให้เฟลิเซียไปพักที่อีกห้องหนึ่งล่ะดีแล้ว
แต่…ผมจะไม่ยอมแพ้แค่นี้หรอกนะ เพราะนับจากวันนี้เป็นต้นไป
ผมจะพยายามหาทางทำให้พวกเรา 3 คน กลับมานอนอยู่ด้วยกันแบบ 3 คนเหมือนเดิมให้ได้
“ไม่เป็นไรค่ะ นายท่าน ฉันไม่คิดมากกับเรื่องนี้หรอก
มันเป็นเรื่องปกติที่นายท่านจะสงสัย เพราะพวกเราอยู่ด้วยกันมาตลอด
แต่คืนนี้ฉันจะปล่อยให้หน้าที่นี้เป็นของไอเนส ดังนั้น…เจอกันพรุ่งนี้ตอนเที่ยงนะคะ นายท่าน”
พูดจบ เฟลิเซียก็เดินเข้าอีกห้องหนึ่งไปเลย…
“…เริ่มรู้สึกประหม่าขึ้นมาแล้วสิ”
ครั้งที่แล้ว ผมควบคุมตัวเองไม่ได้จนขาดสติไป
แต่ครั้งนี้ผมจะอ่อนโยนกับไอเนส ให้มากที่สุด…
“ฟุฟุ ไม่เป็นไรค่ะ นายท่าน เฟลิเซียสอนฉันมาหมดแล้ว”
เอ๊ะ!? รู้สึกเหมือนพึ่งได้ยินคำพูดที่ฟังดูน่ากังวลยังไงก็ไม่รู้…
เฟลิเซียสอนอะไรเธอมาอย่างงั้นเหรอ?
“ม-หมายความว่าไง ไอเนส? เฟลิเซียสอนอะไรเธอมา…อย่างงั้นเหรอ!?”
…ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนะ ก็แค่บางอย่างมันน่าอายก็เท่านั้น…
“ฟุฟุ ไม่ต้องกังวลค่ะ นายท่าน ฉันไม่ได้ถามรายละเอียดมาหรอก
ฉันถามเฟลิเซียแค่ว่าต้องเตรียมตัวมายังไงเท่านั้น”
งั้นก็แปลว่าปลอดภัย…ใช่ไหม?
เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อนนะ ก่อนหน้านี้ผมพึ่งจะชวนเฟลิเซียให้มานอนด้วยกันนี่นา…
โอ้ ชิท! ดีแล้วที่เธอขอตัวไปนอนอีกห้อง นี่ผมเกือบขุดหลุมฝังตัวเองแล้วไหมล่ะ
จากนั้นเรื่องราวๆ ต่างๆ ระหว่างผมกับไอเนสก็เกิดขึ้น…
…เช้าแล้วเหรอ? ผมมองเห็นแสงส่องลอดมาทางหน้าต่าง
จากนั้นผมก็หันไปมองข้างๆ และเห็นไอเนสกำลังนอนหลับตาอยู่
เฮ้อ…อะไรๆ มันก็ไม่เคยเป็นไปตามแผนที่วางไว้เลยสินะ
ดันเผลอเลยเถิดกันจนถึงเช้าอีกจนได้…
ตอนแรกผมก็ตั้งใจว่าจะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปอยู่หรอก
แต่สุดท้ายพอถึงจุดๆ หนึ่งกลับควบคุมตัวเองไม่ซะงั้น…
ผมไม่คิดเลยว่า จู่ๆ ไอเนสจะเป็นฝ่ายลุกขึ้นมาคุมเกมเองน่ะ
เล่นเอาเกือบแย่เลยล่ะเมื่อคืนนี้…แต่ก็แอบรู้สึกดีอยู่นะ
เมื่อคืนนี้ทำให้ผมรู้สึกพอใจมากเลยล่ะ แต่…มันไม่ได้อยู่ในแผนที่ผมวางไว้นี่สิ!
การที่ถูกฝ่ายหญิงรุกใส่แบบนี้น่ะ มันอันตรายมากเลยนะ
แถมมันยังเข้ากับรสนิยมของผมแบบแปลกๆ อีก…
ไม่! ผมก็อยากฝ่ายรุกบ้างเหมือนกันนะ
คอยดูเถอะครั้งหน้าผมจะต้องเป็นฝ่ายคุมเกมให้ได้
หลังจากที่ผมปฏิญาณเงียบๆ อยู่ในใจ ผมก็ผลอยหลับไป…
เมื่อผมตื่นขึ้นมา สายตาของผมก็ไปสบเข้ากับไอเนสพอดี
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ นายท่าน”
“อรุณสวัสดิ์ ไอเนส”
“…ฮิฮิ น่าอายจังเลยนะคะ”
“อ-อืม”
หวานปนเปรี้ยว! นี่มันฉากรักหวานปนเปรี้ยวนี่นา!
แบบนี้มันไม่เห็นเข้ากับบุคลิกของผมหรือไอเนสเลย
จากนั้นเราทั้งคู่ก็ต่างหน้าแดงแล้วจ้องหน้ากันไปมาอย่างเงียบๆ
ว๊าก! ผมไม่ถนัดรับมือกับสถานการณ์อย่างงี้เลย…อายจะแย่อยู่แล้ว…!
“พวกเราไปอาบน้ำกันดีไหมคะ?”
“อ-อืมไปสิ”
พวกเราแช่น้ำในอ่างด้วยกันโดยที่ไม่ได้พูดอะไรกันเลย…
แต่พอมีไอเนสอยู่ในอ้อมแขนแบบนี้…แถมยังไม่ต้องอดทนแล้วด้วย
ความรู้สึกต่างๆ ของผมก็เริ่มพุ่งทะยานขึ้นสูงอีกครั้ง
และดูเหมือนทางไอเนสเองก็คงจะรู้สึกแบบเดียวกัน
เพราะหลังจากที่เราขึ้นจากอ่าง พวกเราก็มุ่งหน้ากลับไปที่เตียงกันทันที
จากนั้นพวกเราก็…กันจนกระทั่งได้ยินเสียงของเฟลิเซียมาเคาะที่หน้าประตู
“นายท่าน ไอเนส…ใกล้ถึงเวลาที่เรานัดกับจิราโซเล่แล้วนะคะ
ทำไมถึงยังไม่ออกมากันอีก? ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหมคะ?”
“อ-อืม ผมกำลังจะออกไป รอแป๊ปนึงนะ”
จากนั้นผมก็ลุกขึ้นไปเปิดประตูให้เฟลิเซีย แล้วก็ขอตัวไปแต่งตัว
ขณะที่ผมกำลังแต่งตัว ไอเนสกับเฟลิเซียก็คุยกันอย่างสนุกสนาน
อืม…ยินอะไรแว๊ปๆ เกี่ยวกับช่วงที่รู้สึกดี กับ…ช่วงที่ประหลาดใจงั้นเหรอ!
นี่พวกเธอคุยอะไรกันน่ะ…เอาเถอะถ้าพวกเธอคุยกันสนุก
ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ผมล่ะอดสงสัยไม่ได้จริงๆ ว่าคำว่า ‘ประหลาดใจ’
ที่พวกเธอพูดถึงมันหมายความว่ายังไง?
จากนั้นพอแต่งตัวเสร็จ พวกเราก็ออกไปรวมตัวกับจิราโซเล่
ดูเหมือนว่าทุกคนจะไม่ได้เมาค้างกันสินะ?
น่าเป็นเพราะความพยายามของคลอเร็ตต้าซังเมื่อคืน
หลังจากที่ผมได้คุยกับเธอ ก็พบว่าเมื่อคืนเธอลำบากมากๆ เลยล่ะ
เพราะทุกคนไม่ยอมเลิกกัน ไม่ว่าพวกเธอจะเมากันขนาดไหน
ที่เธอสามารถเอาทุกคนกลับห้องได้ เพราะเธอกับคาร์ล่าซังช่วยกันลากพวกนักดื่มกลับห้อง
พอผมกล่าวขอบคุณสำหรับความเหน็ดเหนื่อยของเธอ
เธอก็พยักหน้าแล้วยิ้มออกมาอย่างอิดโรย ดูเหมือนว่าเธอจะเหนื่อยจริงๆ สินะ
เช้าวันนี้มี คลอเร็ตต้าซัง คาร์ล่าซัง เฟลิเซีย ริมุ และฟูจัง เท่านั้นที่ออกมากินอาหารเช้า
คาร์ล่าซังบอกว่าอาหารเช้าอร่อยมากๆ เลย ดังนั้นครั้งหน้าผมจะลองไปกินมื้อเช้าดูบ้าง
“มื้อกลางวันพวกเราจะกินอะไรกันดีครับ?”
“อืม ฉันไม่รู้ว่าบนนี้มีร้านอาหารแบบไหนบ้าง
งั้นขอฟังคำแนะนำจากวาตารุซังก็แล้วกันค่ะ”
“คำแนะนำของผมเหรอครับ…?”
จะเอายังไงดีล่ะทีนี้? อาหารอิตาเลียนดีมั้ย? หรือจะกิน แฮมเบอร์เกอร์ดี?
ร้ายอาหารอิตาเลียนอยู่ที่ เซ็นทรัลพาร์ค ส่วนร้ายแฮมเบอร์เกอร์อยู่ที่ชั้นชมวิว…?
อืม…แต่นี่เป็นมื้อกลางวัน แล้วผมก็อยากกินแฮมเบอร์เกอร์…
ได้ยินมาว่าร้านนั้นดังมากและเปิดมานานแล้ว งั้นไปที่นั่นดีกว่า
แล้วก็ถือโอกาสพาสาวๆ เดินทัวร์ชมย่าน บอร์ดวอล์ค ด้วย
“งั้นไปเราไปกินแฮมเบอร์เกอร์กันดีกว่าครับ
มันตั้งอยู่ในจุดที่เรียกว่า บอร์ดวอล์ค
ผมจะได้ถือโอกาสนี้พาทุกคนเที่ยวชมแถวๆ นั้นด้วยเลย”
ผมพาทุกคนมุ่งหน้าไปที่ บอร์ดวอล์ค และเมื่อเปิดประตูออกไปข้างนอก
สิ่งแรกที่พวกเราพบก็คือม้าหมุน …ผมล่ะสงสัยจริงๆ ว่าสาวๆ จะชอบม้าหมุนกันไหม?
“วาตารุซัง นี่คืออะไรเหรอคะ? ตุ๊กตาม้าตัวใหญ่?”
ตามคาด พวกเธอสนใจเพราะมันดูสะดุดตาสินะ
“อืม จะอธิบายยังไงดีล่ะ คือมันเป็นเครื่องเล่นอย่างนึงน่ะครัย
ที่จะให้เราขึ้นนั่งบนหลังม้าและรถลาก แล้วมันจะหมุนเป็นวงกลม…
เอ่อ…อยากลองเล่นดูไหมครับ?”
“…มันสนุกเหรอคะ?”
…ผมว่าคนที่เคยขี่ม้ากับนั่งรถลากเป็นประจำ
คงไม่มาสนใจกับอะไรแบบนี้หรอก แล้วแบบนี้จะทำยังไงดีล่ะ?
“ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทุกคนจะชอบกันหรือเปล่า
แต่นี่เป็นเครื่องเล่นที่เด็กๆ ชอบกันมาก ดังนั้นลองเล่นดูสักครั้งก็ไม่เสียหายนะครับ?”
“งั้นก็…ค่ะ มาเล่นกัน”
จิราโซเล่ ไอเนส เฟลิเซีย ริมุ และฟูจัง ขึ้นไปบนม้าหมุน
แล้วมันก็เริ่มเคลื่อนไหวขึ้นลงและหมุนไปพร้อมกับเสียงดนตรีแสนสนุก…
ตอนแรกสาวๆ ก็ดูจะตกใจกับการเคลื่อนที่ของม้าหมุนอยู่หรอก
แต่ไม่นานสีหน้าของพวกเธอก็…อ่า ผมของใจความรู้สึกของทุกคนนะ
เพราะสำหรับผม ยังรู้สึกว่าเลยว่ามันดูแปลกๆ
แต่ ริมุกับฟูจังสนุกกันมากเลยนะ เพราะพวกเขากระโดดขึ้นลงกันอย่างสนุกสนานเลย
อืม…หรือจะมีแค่ผมคนเดียวที่รู้สึกว่าภาพของ 8 สาวงาม ที่อยู่บนม้าหมุนมันดูมีความหมายลึกซึ้งยังไงชอบกล…?
“เป็นยังไงบ้างครับ?”
ผมถามอลิเซียซังตอนที่เธอกลับมา
“…เอ่อ ก็ดีนะคะ มันเป็นประสบการณ์ที่แปลกดี…”
เธอเลือกใช้คำพูดอย่างระมัดระวัง สาวๆ คนอื่นๆ ก็มีสีหน้าแบบเดียวกัน
ผมเข้าใจความรู้สึกพวกเธอดีเลยล่ะ แต่ริมุกลับกระโดดเข้ามาหาผมแล้ว…
“ขออีกรอบนะ วาตารุ!”
“…อีก…”
ดูเหมือนพวกเขาชอบจะม้าหมุนกันมากเลยสินะ
ขึ้นกับมาขอเล่นอีกครั้งเลยแบบนี้…
“เอ่อ…ริมุกับฟูจังอยากจะเล่นอีกรอบน่ะครับ ช่วยรอกันอีกหน่อยได้ไหมครับ?”
สาวๆ ต่างพยักหน้า พร้อมกันและแสดงท่าว่าพวกเธอจะไม่ขึ้นมันอีกแล้ว
ดังนั้นผมจึงพาริมุกับฟูจังขึ้นไป ก็ดูน่ารักดีนะที่สไลม์จะมาเล่นม้าหมุนแบบนี้
“ฉันไม่รู้ว่ามันทำงานยังไง…แต่จากที่ดูแล้วมันน่าจะแพงมากเลย”
“ใช่ เพราะมันดูวิบวับไปหมดเลย ยิ่งตอนที่พวกเราขึ้นไป…”
“อย่างนั้นเหรอ?”
พวกเธอพูดคุยเรื่อยเปื่อยกันระหว่างที่รอม้าหมุนหยุด
“อีกครั้งนะ”
“…อีก…”
ดูเหมือนพวกเขาจะชอบมันมากจริงๆ สินะ
แต่ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้คงไม่มีวันจบแน่ ผมว่าเราไปกินแฮมเบอร์เกอร์กันเลยน่าจะดีกว่า
“ริมุ ฟูจัง ตอนนี้เราจะไปกินแฮมเบอร์เกอร์กันนะ เอาไว้คราวหน้าได้ไหม?”
“แฮมเบอร์เกอร์?”
“…อร่อยไหม…?…”
“อร่อยมากเลย เพราะร้านนี้เป็นร้านที่ดังมากเลยล่ะ”
“ไปกินกัน!”
“…กิน…”
เสร็จ! ผมรีบอุ้มริมุกับฟูจังขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน
จากนั้นก็ไปที่ร้านแฮมเบอร์เกอร์กัน แต่พอไปถึงร้านมันดันปิดซะนี่…
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ ผมลองเข้าไปใกล้ๆ และในขณะที่ผมกำลังจะนั่งลงบนเก้าอี้
ก็มีช่องหยอดเหรียญปรากฏขึ้นมา… ทำไมล่ะ?
พอลองเช็กที่หน้าจอ ก็เห็นว่ามันคิดค่าที่นั่ง… 5 เหรียญทองแดง!
ทำไมถึงต้องจ่ายค่าที่นั่งด้วยล่ะ ก็ในเมื่ออาหารที่นี่ฟรี?
อ้อ มันเป็นบุฟเฟ่ต์แฮมเบอร์เกอร์แบบกินได้ไม่อั้นนี่เอง 5 เหรียญทองแดง…งั้นก็คงจะไม่แพงล่ะมั้ง?
…หืม? บนหน้าจอของเรือสำราญมีอะไรบางอย่างที่เรียกว่า บัตรซีพาส อยู่…
มันคืออะไรหว่า? ผมลองอ่านคำอธิบาย แล้วก็เห็นว่ามันสามารถฝากเงินเอาไว้ในนี้ได้…
แบบนี้ก็ไม่ต้องพกเหรียญให้หนักแล้วสิ…มีระบบให้ตัดเงินจากบัตรแบบนี้ด้วย
ไม่ต้องมาลำบากควักเหรียญออกมาแล้ว เพราะแค่ใช้ บัตรซีพาส ก็สามารถจ่ายทุกอย่างบนเรือได้…
“ทุกคนครับ ผมเพิ่งรู้ว่าบนเรือลำนี้มีระบบที่เรียกว่า บัตรซีพาส อยู่ด้วยครับ
มันทำงานคลายๆ กับกิลด์การ์ด คือเราสามารถใช้จ่ายบนเรือลำนี้ได้ แล้วมันจะไปตัดเงินจากบัตรเอาอัตโนมัติครับ”
ดูเหมือนว่าทุกคนควรจะมีมันติดตัวเอาไว้นะ เพราะเหรียญมันหนักใช้ได้เลย
ผมเลยอัญเชิญบัตรออกมาให้ทุกคน แต่…ปัญหาตอนนี้คือจะฝากเงินเข้าไปยังไงนี่สิ?
หือ? ข้างๆ บัตรมีช่องใส่เหรียญอยู่ด้วย! มันก็สะดวกดีอยู่นะ แต่มันดูแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้
ผมอธิบายวิธีใช้บัตรให้ทุกคนฟัง จากนั้นก็แจกจ่ายมันให้กับทุกคน
จากนั้นสมาชิกจิราโซเล่ทุกคนก็ใส่เหรียญทองคำลงไปกันคนละเหรียญ…นั่นมัน 1 ล้านเยนเลยนะนั่น!
ไม่รู้ล่ะ ผมเองก็ใส่เหรียญทองคำลงไปบ้างดีกว่า
แล้วก็ใส่ให้ ไอเนส เฟลิเซีย ด้วย ยังไงผมก็หาเงินได้เยอะอยู่แล้ว
ดังนั้นเงินแค่นี้น่ะจิ๊บๆ อีกอย่างนี่เป็นทริปล่องเรือสำราญหรูหราด้วย
ผมต้องให้ของขวัญพิเศษกับพวกเธอสักหน่อยสิ จริงมั้ย?
“น-นายท่าน… แน่ใจจริงๆ เหรอคะ?”
“มันมากเกินไปนะคะ นายท่าน”
“ก็นี่เป็นทริปล่องเรือสำราญสุดหรูใช่มั้ยล่ะ จะมีของที่อยากได้ก็ไม่แปลก
ดังนั้นใช้เงินนี่ไปกินเที่ยวกันให้สนุกเลยนะถือว่าเป็นของที่ระลึกจากการซื้อเรือลำนี้”
เงื่อนไขในสัญญาคือให้เธอได้สนุกกับเรือสำราญอย่างเต็มที่
แต่…ผมไม่กล้าใส่เงินเอาไว้ในบัตรของไอเนสเยอะๆ นี่สิ
เพราะกลัวว่าเธอจะเอาไปเสียหมดกับคาสิโน
เกิดให้ไอเนสหลุดเข้าไปในคาสิโนโดยไม่มีการควบคุมล่ะก็…ได้ชิบหายกันแน่ๆ
แต่…แบบนี้จะถือว่าผิดสัญญาหรือเปล่านะ? แต่ถ้าเงินมันหมดเร็วเกินไปก็จะดูมีปัญหา
งั้นผมจะพิจารณาให้เป็นรอบๆ ก็แล้วกัน แต่ต้องกำชับกับเธอว่าห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร
“ขอบคุณนะคะ นายท่าน”
“…ฉันคิดว่า 1 เหรียญทองคำ ก็เกินพอแล้วค่ะ นายท่าน
ถ้าจะเอาไว้เล่นสนุกเฉยๆ แต่ฉันไม่รับประกันนะคะว่ามันจะหมดเร็วมั้ยน่ะ?”
“อืม แค่ผมยังไม่แน่ใจนะว่าบนเรือลำนี้มันมีคาสิโนแบบไหน
เพราะถ้าอัตราต่อรองมันสูงๆ บางทีอาจจะหมดไปง่ายๆ เลยก็ได้”
“…ฉันจะระวังค่ะ นายท่าน ขอบคุณนะคะ”
“เอาล่ะ งั้นพวกเราก็ไปสั่งอาหารกันเถอะะ
ผมเอาเป็นแฮมเบอร์เกอร์ หอมทอด เฟรนช์ฟรายส์ แล้วก็น้ำอัดลมก็แล้วกัน
ทุกคนอยากอยากสั่งอะไรก็สั่งได้เลยนะครับ ทุกอย่างฟรีหมด ยกเว้นแต่ค่าที่นั่ง”
แฮมเบอร์เกอร์ที่ผมสั่งตอนนี้มันมาวางอยู่ที่ตรงหน้าของผมแล้ว
ขอบอกเลยว่ามันชิ้นใหญ่มากๆ เลยล่ะ ทั้งๆ ที่ผมสั่งไปแค่แบบธรรมดาแท้ๆ
แต่มันกลับมีเนื้อชิ้นเป้งๆ ตั้ง 2 ชิ้น ชีสสองแผ่น
ผักกาดหอม มะเขือเทศ แล้วก็แตงกวาดองชิ้นใหญ่ๆ โป๊ะมาให้…
มันก็ดูน่ากินอยู่หรอก แต่ผมจะยัดมันเข้าปากยังไงดีล่ะเนี่ย?
ลองกัดเข้าไปแบบตรงๆ เลยก็แล้วกัน
เมื่อผมกัดลงไปน้ำจากเนื้อก็ไหลทะลักเข้าปากของผมทันที
ชิ้นเนื้อฉ่ำๆ ผักกาดหอมกรอบๆ บวกกับความหวานสดชื่นของมะเขือเทศ
แล้วก็ตบท้ายด้วยแตงดอง…สุดยอดไปเลยมันอร่อยสุดๆ เลยล่ะ
ผมไม่เคยกินเบอร์เกอร์ที่ชุ่มฉ่ำขนาดนี้มาก่อนเลย
มันเป็นความอร่อยที่ยากจะอธิบายจริงๆ
ไหนลองหอมทอด กับ เฟรนช์ฟรายส์ หน่อยซิ…
โอ้! พวกนี้ก็อร่อย ต่อไปก็ต้องน้ำอัดลม…
อ๊าาาาาาา อร่อยสุดๆ ไปเลย ทำเอาอยากกินแมคขึ้นมาเลย
ตอนนี้ผมล่ะอยากกินเทอริยากิเบอร์เกอร์ของแมคชะมัด
เพราะถึงเบอร์เกอร์ที่นี่จะอร่อย แต่ยังไงก็สู้รสชาติที่คุ้นเคยไม่ได้…
จะว่าไป ผมเคยได้ยินว่ามีเรือสำราญที่มีร้านแมคอยู่บนเรือด้วยนี่นา…
แต่การซื้อเรือสำราญราคาลำละหลายหมื่นล้านเยนเพียงเพราะแค่อยากกินแมคนี่มัน…
เอาเถอะ แค่นี้ก็อร่อยแล้ว…ถึงจะใหญ่ไปหน่อยก็เถอะ
แค่ชิ้นเดียวผมก็น่าจะอิ่มแล้วล่ะ แต่…ในเมื่อมันกินได้ไม่อั้น… งั้นสั่งอีกชิ้นคงไม่น่าจะเป็นอะไร
ผมถามริมุที่กินเสร็จแล้วว่าอยากกินอีกไหม
เขาก็บอกว่าอยากกินอีก ผมเลยสั่งเบอร์เกอร์อีกชนิดนึงให้เขา
และเมื่อผมมองไปรอบๆ ก็เห็นว่าทุกคนกินกันเสร็จหมดแล้วเหมือน
อ้อ ยกเว้นก็แต่คาร์ล่าซังกับฟูจังนะ
…ดูจากจำนวนกระดาษแล้ว…คาร์ล่าซังน่าจะกำลังกินชิ้นที่ 5 อยู่ตอนนี้…
สุดยอดไปเลยแฮะ กินเข้าไปขนาดนั้นได้ยังไงกันนะ?
พวกเรารอให้คาร์ล่าซัง ริมุ และฟูจังอิ่มกันจนอิ่ม จากนั้นพวกเราก็ออกจากร้านมา
“อร่อยมากเลยค่ะ วาตารุซัง อิ่มสุดๆ เลยค่ะ
ว่าแต่ต่อไปพวกเราจะไปที่ไหนกันต่อเหรอคะ?”
ต่อไปเหรอ…? ตอนนี้ก็อิ่มกันหมดแล้ว
งั้นไปเดินเล่นที่เซ็นทรัลพาร์คก็แล้วกัน
จากนั้นค่อยไปที่คาสิโนกันต่อ
แต่…ผมชักเริ่มเป็นห่วงเรื่องคาสิโนขึ้นมาหน่อยๆ แล้วสิ
ถ้าไม่ตกลงกันให้ชัดว่าจะใช้เงินได้เท่าไหร่ล่ะก็ มีหวังได้ชิบหายกันหมดแน่
กับไอเนสน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้าจิราโซเล่เล่นกันจนหมดตัวเข้าจริงๆ ล่ะก็ขำไม่ออกเลยนะ
ผมต้องไปคุยกับพวกเธอเรื่องนี้ให้ชัดเจนก่อนที่จะพาพวกเธอไปที่คาสิโน
“งั้น เราไปเดินเล่นกันที่เซ็นทรัลพาร์คก็แล้วกันครับ”
“เซ็นทรัลพาร์ค…อ้อ สวนที่คุณพูดถึงที่บาร์เมื่อวานใช่ไหมคะ?”
“ใช่ครับ”
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ จะได้เป็นการเดินย่อยไปในตัวด้วย”
“ครับ เราไปเดินเล่นที่นั่นกันสักพัก จากนั้นค่อยไปที่คาสิโนกันต่อ”
จากนั้นผมก็นำทุกคนไปยัง เซ็นทรัลพาร์ค
โดยระหว่างทางผมก็อธิบายเรื่องคาสิโนไปด้วย…
MANGA DISCUSSION