ตอนที่ 7:
เลือดล้างเลือด
☆ ไพตี้ เฟรเดริก้า
คริสตัลบอลจะดูดซับสิ่งที่เข้ามาหาและปล่อยออกไปจากคริสตัลบอลลูกอื่นได้ เฟรเดริก้าตั้งค่าให้มันป้องกันทุกอย่างที่ยิงเข้ามาใส่เธออย่างอัติโนมัติ ซึ่งเป็นเรื่องดีเพราะเธอไม่ต้องเพ่งความสนใจไปที่เรื่องนั้น และสามารถเพ่งสมาธิไปที่การต่อสู้ระยะประชิดได้ มันเป็นอะไรที่เรียบง่ายมากเมื่อเทียบกับเวทมนตร์เดิมของเฟรเดริก้า แต่มันก็มีประสิทธิภาพสูงในฐานะกับดักสำหรับคนที่ไม่ได้ตระหนักถึงมัน โอลด์ บลูสามารถมองทะลุเรื่องนี้ได้ ดังนั้นเฟรเดริก้าจึงแค่ใช้มันในฐานะกระสุน แต่เมื่อเป็นปราชญ์ที่ไม่ได้คุ้นชินกับการต่อสู้ เรื่องราวก็ต่างออกไป เฟรเดริก้าไม่รู้เป็นการเฉพาะว่าเวทมนตร์ที่คานะใช้คืออะไร แต่ตราบใดที่มีผลลัพธ์เกิดขึ้น มันก็มากเพียงพอแล้ว
0.3 วินาทีหลังจากที่คานะร่วงลงไป เฟรเดริก้าก็กระโดดออกจากคริสตัลบอลที่ตัวเองใช้เป็นฐานรอง เธอกระโดดเข้าหาคานะอย่างรวดเร็วมากยิ่งกว่าความเร็วที่ร่วงลงไป เธอมีประสบการณ์ในการใช้พลังของร่างเกิดใหม่มาแล้วเป็นการส่วนตัว เธอจะไม่ให้เวลาคานะทำอะไรมากไปกว่านี้อีก เธอจะจัดการคานะก่อนที่จะลงไปถึงพื้น แต่ก่อนที่จะเหยียบลงไปที่หน้าท้องของคานะและเตะลงไปที่พื้น เธอก็สัมผัสได้ถึงตัวตนที่อยู่ด้านหลัง อะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหว
หือ?
เฟรเดริก้าหันกลับในตอนที่อยู่กลางอากาศ แต่เธอก็ทำได้ไม่ทันเวลา แม้ว่าเธอจะอยู่ในการต่อสู้กับศัตรูที่ทรงพลัง เรื่องนี้คือเรื่องที่ไม่คาดคิด ริปเปิลลอดผ่านสัมผัสอันยอดเยี่ยมของร่างเกิดใหม่ของปราชญ์ —เช่นเดียวกับสัมผัสที่หกของเฟรเดริก้า— ได้ และโจมตีเข้ามาได้รวดเร็วยิ่งกว่าการตอบสนองหรือภาพมองเห็น เฟรเดริก้าไม่สามารถหยุดคาตานะของริปเปิลจากการแทงตรงเข้ามาที่ลำคอได้
ริปเปิลจมใบดาบเข้ามาในบาดแผลลึกที่เกิดขึ้นจากโอลด์ บลู แทงมันจนทะลุออกมาอีกฝั่งของลำคอเฟรเดริก้า เฟรเดริก้าปัดเข้าไปด้วยมือขวา แต่เธอก็ช้าเกินไป ริปเปิลเตะเฟรเดริก้าออกไปเพื่อกระโดดไปด้านหลังพร้อมกับคาตานะที่ยังคงเสียบคาเอาไว้ คนแรกที่ร่วงลงไปที่พื้นคือคานะ จากนั้นเฟรเดริก้าก็ตามลงไป
เฟรเดริก้าหันแผ่นหลังเข้าหาพื้น ใช้สองแขนทุบลงไปที่พื้นอย่างรุนแรงมากพอจนทำลายผิวดิน เธอใช้แรงกระแทกที่เกิดขึ้นเพื่อทำลายการล้มลงไปของตัวเอง ทำให้ยืนขึ้นมาอีกครั้งในทันที
เธอมองไปรอบบริเวณพร้อมกับฝุ่นและดินที่ฟุ้งกระจายอยู่โดยรอบ เธอคิดที่จะจัดการรัทสึมุคานะ-โฮโนเมะ-โนะ-คามิให้เสร็จสิ้น แต่อีกฝ่ายก็หายตัวไป เหลือไว้แค่รอยในตอนที่ตกลงมา ทิ้งรอยเลือดที่เหมือนกับลากตัวเองออกไปเอาไว้ เฟรเดริก้าสงสัยว่าคานะคิดจะใช้เลือดตัวเองที่ไหลออกมาเพื่อล่อเฟรเดริก้าไปที่ไหนซักแห่งจริงๆรึเปล่า เพราะแค่ตามรอยไป เฟรเดริก้าก็สามารถจัดการได้แล้ว
แต่ในตอนนี้ เรื่องนี้ต้องมาก่อน
เลือดมันไหลขึ้นมาที่ปากจากลำคอ เธอเช็ดฟองเลือดที่อยู่ตรงมุมปากและสะบัดมันออกไป ริปเปิลยืนอยู่บนคานเหล็กที่ยื่นออกมาจากเศษซากและมองมาที่เฟรเดริก้าอย่างสงสัย เฟรเดริก้ามีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า และหักดาบญี่ปุ่นที่่แทงทะลุลำคอออกไปด้วยการใช้แค่นิ้วชี้และนิ้วโป้ง
มันไม่ใช่ว่าเธอไม่ได้รับบาดเจ็บเลย แต่เธอแสร้งว่าตัวเองไม่ได้มองไปยังเลือดที่ไหลออกไป หันเข้าไปหาริปเปิลด้วยรอยยิ้ม เธอมีภาพรอยยิ้มของโอลด์ บลูอยู่ภายในจิตใจ
“เป็นการลอบโจมตีที่ยอดเยี่ยมเลยนะ”
เฟรเดริก้ากระโดดออกจากคริสตัลบอล ริปเปิลเองก็กระโดดและวิ่งออกไป เฟรเดริก้าไล่ตามไป เธอกระโดดจากคริสตัลบอลอีกครั้งที่กลางอากาศ จากนั้นก็กระโดดอีกครั้ง ทุบคุไนที่พุ่งเข้ามาหาลงไป และลงมาที่ขอบหลังคาของโรงยิม จากนั้นเธอก็มองไปยังเมจิคัลเกิร์ลที่เตรียมคุไนอยู่ที่อีกฝั่ง —ริปเปิล
“โดยปกติแล้ว ฉันคงจะตายไปแล้วล่ะ… แต่ทว่า ฉันไม่ได้เป็นอะไรที่ธรรมดาอีกแล้ว ฉันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้แตกต่างจากมนุษย์และเมจิคัลเกิร์ลธรรมดา เห็นไหม? ขนาดลำคอถูกแทงทะลุ ฉันยังคงพูดกับเธอได้อยู่เลย”
เฟรเดริก้ากระโดดไปทางขวา และพริบตาให้หลัง ริปเปิลก็ขว้างคุไนเข้ามาหาเธอ มันน่าประทับใจที่เธอสามารถทำได้แม้กระทั่งตามการเคลื่อนไหวของเฟรเดริก้า เฟรเดริก้าทุบคุไนลงไปด้วยมือขวาและจากนั้นก็ตวัดไปอีกทางเข้าหาคุไนชุดที่สองที่ถูกปาตามเข้ามาในเงาของคุไนชุดแรก ในเวลาเดียวกัน เธอก็จับการขว้างที่แอบตามเข้ามาเอาไว้ระหว่างนิ้วกลางและนิ้วก้อย
เธอไม่รู้ว่าริปเปิลขว้างชูริเค็นออกมาตอนไหน มันเข้าหาศีรษะของเฟรเดริก้าจากด้านหลังและขึ้นไปทางขวา แต่มันก็ถูกดูดซับเอาไว้โดยคริสตัลบอลที่ปรากฏออกมาอย่างกระทันหันตามวิถีการโจมตี
ริปเปิลงอตัวไปด้านหลังทันที จากนั้นคริสตัลบอลอีกลูกที่ลอยอยู่ด้านหลังริปเปิล —ที่แม้กระทั่งตัวของเฟรเดริก้าที่เป็นผู้ใช้เวทมนตร์เองก็ยังไม่รู้— ได้ปล่อยชูริเค็นที่ถูกดูดเข้าไปเมื่อครู่นี้ออกมาและแทงเข้าไปที่หลังของริปเปิล แม้ว่าจะส่งเสียงครางออกมา ริปเปิลก็ยังคงขว้างคุไนเข้าหาในตอนที่เฟรเดริก้าเข้ามาใกล้ เฟรเดริก้าจับแขนริปเปิลเอาไว้ บิดมันและกดลงไป ริปเปิลบิดตัวจากท่างอหลังมาเป็นการบิดเอวเหมือนกับผ้าขี้ริ้วที่ถูกบิด และเตะเข้ามาหาจากด้านล่าง
มันเป็นการโจมตีสวนกลับที่ยอดเยี่ยม แต่สำหรับเฟรเดริก้าแล้ว มันเชื่องช้าจนน่าเศร้า การเตะมันตรงมาที่คาง และเฟรเดริก้าก็โจมตีกลับไปที่เท้าด้วยคางแทนที่ เธอยั้งมือเอาไว้แต่ยังคงรู้สึกได้ถึงกระดูกเท้าที่แตกออก
นี่คือเรื่องที่ปกติแล้วควรจะเกิดขึ้น โอลด์ บลูต่างหากคือคนที่แปลกประหลาด
ในตอนที่ริปเปิลกำลังจะล้มตัวลงไป เฟรเดริก้าก็โจมตีเข้าไปจากด้านบน เธอทำการบดเข่าของริปเปิล เหยียบลงไปยังแขนข้างที่เหลืออยู่ และขึ้นคร่อมตัว เฟรเดริก้าปัดเข็มที่ริปเปิลพ่นเข้ามาใส่ด้วยลูกตา
มันไม่จำเป็นต้องชมเชยอะไรเลย นี่คือการลอบโจมตีที่น่าประทับใจของจริง เธอได้ทำอะไรที่ต่างออกไปจากสิ่งที่เคยทำในจังหวะที่ทำได้ เฟรเดริก้าสัมผัสได้ถึงการเติบโตและการฝึกฝนของเธอ เช่นเดียวกับความโกรธและการถูกครอบงำ ริปเปิลเติบขึ้นหนึ่งหรือสองระดับในฐานะเมจิคัลเกิร์ล แต่มันก็ยังไม่มากเพียงพอ ริปเปิลทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่มันก็เท่านั้น มันเป็นเรื่องที่น่าสงสาร และเพราะแบบนั้นเองก็คือเหตุผลที่เธอน่ารักมาก
ในที่สุดริปเปิลก็หยุดเคลื่อนไหว มองขึ้นมาพร้อมกับหายใจอย่างรุนแรง ดวงตาของเธอยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง เธอยังคงมองหาว่าตัวเองยังคงทำอะไรบางอย่างได้รึเปล่า
“ไม่ไหวหรอก ไม่มีอะไรที่ทำได้แล้วล่ะ เธอควรจะยอมแพ้นะ” เฟรเดริก้าพูดออกมาพร้อมกับหัวเราะ
เธอไม่ได้หัวเราะว่าริปเปิลเป็นเหมือนกับเด็กที่อาละวาดอยู่เรื่อย มันคือความชอบใจของเธอเองที่เรื่องนี้มันน่าเหลือเชื่อ เธอไม่ได้ไล่ตามรัทสึมุคานะ-โฮโนเมะ-โนะ-คามิไป แต่แทนที่จะมุ่งหน้าไปที่สวน เธอก็ดีใจมากที่ได้ตรึงริปเปิลเข้ากับพื้นได้ในตอนที่ถูกโจมตี แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีเวลามากพอก็ตาม
ก่อนหน้านี้หลายครั้งเธอได้ทำเรื่องต่างๆพลาดเพราะว่าเอาแต่สนใจเรื่องของตัวเองในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด แต่ถึงแม้จะคิดถึงการกระทำของตัวเอง เธอก็ไม่ได้เรียนรู้มัน ไม่สิ ถึงแม้ว่าเธอจะเรียนรู้ ร่างกายของเธอมันก็ขยับไปเอง ดังนั้นจึงช่วยอะไรไม่ได้ หากถามนักรบรับจ้างที่ถอนตัวออกไป พวกเธอก็จะพูดว่ามันเป็นเรื่องที่งี่เง่า แต่ถ้าเธอจะโยนความงี่เง่าของตัวเองออกไป แบบนั้นไพตี้ เฟรเดริก้าก็จะไม่ใช่ไพตี้ เฟรเดริก้าอีกต่อไป
☆ คานะ
ร่างกายของคานะแข็งแกร่งกว่า แต่เรื่องประสบการณ์ในการต่อสู้ เทคนิค ศิลปะการต่อสู้แปลกประหลาดนั่น และความสามารถที่สามารถรับมือสิ่งที่บินเข้าไปหาได้ของเฟรเดริก้า มันทำให้คานะต้องตกอยู่ภายใต้ความเมตตาของเฟรเดริก้า และเนื่องจากคานะบาดเจ็บอย่างรุนแรง มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะทำการต่อสู้ต่อไป เธอไม่ได้คาดหวังถึงชัยชนะหากยังคงต่อสู้ไปแบบนี้ เธอไม่ได้อยู่ในจุดที่ตัวเองควรจะปรารถนาความพ่ายแพ้อย่างสมเกียรติและทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไป
คานะวิ่งออกไป นั่นคือตัวเลือกที่ควรจะทำมากที่สุดในตอนนี้
คานะเคลื่อนไหวเหมือนกับแมลงในการที่จะออกห่างจากเฟรเดริก้าที่ไล่ตามมา หลังจากที่แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ถูกตามมาด้วยการใช้เวทมนตร์แล้ว คานะก็นอนลงบนพื้นของห้องเรียนที่ถูกทำลาย
ทำไมเฟรเดริก้าถึงไม่ตามมา?
คำตอบที่ได้มาคือเฟรเดริก้าถูกเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นโจมตี และการสู้กันก็ทำให้คานะมองขึ้นไปบนฟ้า นี่คือเรื่องโชคดีมหาศาล เธอไม่สามารถใช้คำว่า “สวรรค์ทอดทิ้งเราไปเสียแล้ว!” เป็นข้ออ้างได้
แต่กระนั้น นี่ก็ไม่ใช่สถานการณ์ที่เธอจะสามารถจัดการด้วยโชคเพียงอย่างเดียว หนึ่งในเหตุผลที่คานะนอนลงคือการซ่อนตัว และอีกเหตุผลหนึ่งเป็นเพราะว่ามันยากที่จะยังคงยืนอยู่ด้วยเท้า แม้ว่าจะเป็นพลังอันมหาศาลที่มี เธอก็เลือดออกมากเกินไป ยิ่งขยับมากเท่าไหร่ ร่างกายก็จะยิ่งช้าลงมากเท่านั้น
เธอมองไปยังเพดานที่ถูกทำลายของห้องเรียนพร้อมกับหายใจอย่างรุนแรง เมื่อคิดถึงเรื่องเพดานก็ทำให้นึกถึงเรื่องโรงยิม ลูกบาสเก็ตบอลที่ไปติดอยู่ระหว่างคานเหล็ก และในการที่จะเอามันลงมา คานะที่ปกติแล้วจะอยู่ในร่างของเมจิคัลเกิร์ลจะกระโดดขึ้นไป แต่เธอก็กระโดดแรงเกินไปจนศีรษะกระแทกเข้ากับคานเหล็ก เมื่อมองไปที่รอยยุบเล็กๆมันก็ทำให้เธอนึกถึงความประหลาดใจของเพื่อนร่วมห้องและความกังวลที่เกิดขึ้นในตอนนั้น และการที่ทุกคนหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมๆกันเมื่อรู้ว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร
ตอนนี้ธันเดอร์ เจเนรัล อาเดลไฮลด์อยู่ที่ไหน?
ไม่มีคำตอบกลับมาหาเธอ ในอีกแง่หนึ่งคือ ในตอนนี้ธันเดอร์ เจเนรัล อาเดลไฮลด์ไม่ได้อยู่ที่ไหนเลย คานะกัดฟัน คานะทำในเรื่องที่ควรจะทำเพื่อช่วยอาเดลไฮลด์เอาไว้ แต่โดยพื้นฐานแล้วคานะไม่ได้มีประสบการณ์ในการช่วยเหลือผู้คน คานะไม่สามารถช่วยอาเดลไฮลด์เอาไว้ด้วยการเตรียมการแบบรีบเร่งของตัวเอง
เมฟิส เฟเลส ภาพที่ลอยขึ้นมาในใจคือภาพของเด็กสาวก่อนการแปลงร่าง ภาพของเมฟิสที่สวมแว่นคือภาพที่เธอคุ้นเคยที่สุด คานะใช้เวลากับเธอมากที่สุดตั้งแต่ที่กลายเป็นคานะ และคานะก็ได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างมาจากเธอ
ตอนนี้เมฟิส เฟเลสอยู่ที่ไหน?
สวน ยังคงมีชีวิตอยู่
คานะรู้สึกโล่งอก และภาพต่อไปที่ลอยขึ้นมาในใจของเธอคือใบหน้าของคุมิคุมิ ลิเลี่ยน และเพื่อนร่วมห้อง แต่ก่อนที่คานะจะยืนยันเรื่องความปลอดภัยของเพื่อนร่วมห้องคนที่ยังไม่ได้ถาม เธอก็ยอมแพ้
ทำไมเธอถึงยอมแพ้? เพราะเธอไม่มีเวลาถามเรื่องของแต่ละคนและรู้สึกโล่งอกหรือผิดหวังในแต่ละครั้ง หรือเธอหยุดเพราะไม่อยากได้ยินอีกแล้ว? นี่เธอไม่อยากได้ยินคำตอบที่โหดร้ายและรู้สึกเจ็บปวดไปมากกว่านี้?
บางทีมันอาจจะเป็นแบบนั้น และมันยังคงเหมือนกับว่าเธออ่อนแอลงด้วย
เธออ่อนแอลงเพราะบาดแผลร้ายแรง จากการวิ่งหนีเฟรเดริก้า และบางทีมันอาจจะมาจากตัวของคานะเองตั้งแต่แรก การไม่อยากให้เพื่อนร่วมห้องคนไหนหายไปคือความปรารถนาของคนที่อ่อนแอ คานะเคยเห็นความอ่อนแอที่กองสูงเท่าภูเขา ความโชคร้าย ผู้ที่ถูกเฝ้ามองโดยผู้แข็งแกร่ง และคนที่ตายไปเพราะควรจะตาย แต่กระนั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นในช่วงท้ายเกมแบบนี้ เธอก็ยังคงปฎิบัติกับเมจิคัลเกิร์ลที่ตัวเองเพิ่งรู้จักในฐานะสิ่งพิเศษ หากนี่ไม่ได้เรียกว่าหัวใจที่อ่อนแอ แล้วมันจะเรียกว่าอะไรได้กันล่ะ?
คานะเกร็งหน้าท้องและยืนขึ้น การต่อสู้ได้ห่างออกไป หรือเสียงของการต่อสู้มันเงียบลง หากเธอจะไปที่สวน ในตอนนี้มันคือโอกาสที่ดีรึเปล่า? ในท้ายที่สุดเฟรเดริก้าก็จะมุ่งหน้าไปที่นั่น เฟรเดริก้าอาจจะมุ่งหน้าไปที่นั่นเรียบร้อยแล้วด้วย อย่างน้อยที่สุด เมฟิสก็จะอยู่ที่สวน และมีโอกาสสูงว่าจะไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว คานะต้องบอกให้เมฟิสรู้ว่าเฟรเดริก้ากำลังมา
เธอยืนขึ้น มองไปที่หน้าต่างที่สกปรกเพื่อมองออกไปด้านนอก มันไม่มีสัญญาณของศัตรูปรากฏอยู่ เหมือนว่าพวกปรินเซสไลท์นิ่งทั้งหมดจะออกไปที่ไหนซักที่
เธอขว้างลูกเหล็กเข้าใส่กระจกเพื่อทำลายมัน จากนั้นเมื่อเศษกระจกกระจายออกไป เธอก็กระโดดออกไปด้านนอกเพื่อวิ่งผ่านต้นหญ้าที่ขึ้นอย่างหนาแน่น เธอวิ่งอย่างรวดเร็วมากพอจนผ่านเมจิคัลเกิร์ลสวมหน้ากากและปรินเซสไลท์นิ่งที่ล้มคว่ำอยู่ คานะนั้นอ่อนแอลงก็จริง แต่เธอก็ยังคงแข็งแกร่ง
☆ ไพตี้ เฟรเดริก้า
เฟรเดริก้าเริ่มพูดกับริปเปิลราวกับการอ่านหนังสือภาพให้เด็กตัวเล็กๆฟัง นี่ไม่ใช่ทั้งการหลอกหลวงหรือการโกหก —เฟรเดริก้าอยากที่จะบอกริปเปิลว่าตัวของเธอรู้สึกดีใจมากแค่ไหน
“นั่นเป็นการโจมตีที่ยอดเยี่ยมเลยนะ —อัดแน่นไปด้วยอารมณ์อีกด้วย ฉันคิดว่าอารมณ์ของเธอมันแตกสลายไปแล้วซะอีก แต่เหมือนว่าฉันจะคิดผิด ขอโทษด้วยนะ”
“พูด… อะไรของแก?”
“เธอรู้ไหม —ในตอนที่เธอฆ่าเมจิคัลเกิร์ลคนนั้น… พรีเมี่ยม ซาจิโกะ… ต่อหน้าสโนไวท์”
“นั่น… มันเป็นเพราะแกต่างหาก!”
“ใช่แล้ว มันไม่ใช่ความผิดของเธอ… แต่ปลอบใจไปเธอก็ไม่ได้อะไรใช่ไหมล่ะ?”
ริปเปิลไม่สามารถตอบกลับมาได้
ฉันคือลาซูไลน์รุ่นที่หนึ่ง เฟรเดริก้าบอกตัวเอง การที่เธอยิ้มออกมามันคงดูเหมือนว่ากำลังปลอบโยน
“ทักษะของเธอยังคงไม่ขึ้นสนิม —อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ใช่แบบนั้น ความจริงแล้ว เธอเติบโตขึ้นกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก แหม ฉันตัดสินเธอผิดไป ฉันนี่มันแย่จริงๆ ขอโทษด้วยนะ… แต่ว่า ทักษะของเธอก็ยังคงไม่มากที่จะแตะต้องฉันในตอนนี้ได้อยู่ดี” เฟรเดริก้าหยุดพูด “เธอพยายามจะฆ่าฉัน ฉันแน่ใจนะว่าเหตุผลมีมากกว่าหนึ่งเรื่อง แก้แค้นงั้นเหรอ? แน่นอนอยู่แล้ว ฉันทำอะไรกับเธอมากพอที่จะต้องแก้แค้นนี่นะ แต่ว่า นั่นไม่ใช่เหตุผลเดียวที่เธอจะฆ่าฉัน”
เธอมองการตอบสนองของริปเปิล ริปเปิลกำลังจ้องมองมาอย่างรุนแรง ไม่ได้พยายามปิดบังความโกรธของตัวเอง แต่ก็กำลังฟังอยู่
เฟรเดริก้าพูดต่อ “เธอพยายามฆ่าฉันเพื่อสโนไวท์ใช่ไหมล่ะ?”
ดวงตาของริปเปิลสั่นไหวเล็กน้อย ท่าทางไม่ได้เปลี่ยนไป แต่ว่ารู้สึกสั่นสะท้าน
“ฟังฉันนะ” เฟรเดริก้าพูด “เธอเข้าใจผิดแล้วล่ะ สโนไวท์น่ะต้องการฉัน”
“แก —ไม่อายปากบ้างรึไง…!”
เสียงของเฟรเดริก้าฟังดูเหมือนว่ากำลังพูดกับเด็กตัวเล็กๆ “ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอที่มีต่อสโนไวท์ได้ค่อนข้างดีนะ แต่เธอน่ะไม่ได้เข้าใจเรื่องอะไรของสโนไวท์เลย”
“หา…?!”
“ในตอนที่สโนไวท์รู้สึกทรมาณ เธอทำอะไรอยู่กันล่ะ? ในตอนที่สโนไวท์ต้องดิ้นรน —ในตอนที่เธอต้องการความช่วยเหลือ— เธอไปอยู่ที่ไหนกันล่ะ? หากสโนไวท์มีใครซักคน —เพื่อนที่สามารถพึ่งพาได้— ที่คอยอยู่เคียงข้าง ไม่ใช่ว่าแบบนั้นจะดีกว่ารึไง?”
“อีห่านี่!”
“เธอบอกตัวเองว่าไม่สามารถไปพบหน้าสโนไวท์ได้ แต่นั่นมันก็เป็นแค่ความเห็นแก่ตัวของเธอเอง ‘นี่มันเป็นความผิดของเฟรเดริก้า การฆ่าเฟรเดริก้าจะช่วยสโนไวท์ ’ —เรื่องพวกนี้น่ะเธอคิดเอาเองทั้งนั้น เธอแค่หาข้ออ้างเพื่อที่จะหนี”
“หุบปากได้แล้วโว้ย!”
ริปเปิลไม่สามารถทำได้แม้การตอบกลับอย่างที่ควรจะเป็น เธอไม่มีอะไรที่จะพูดกลับมาได้อีกด้วย
“ฉันน่ะแตกต่างจากเธอ” เฟรเดริก้าพูด “ฉันเข้าใจสโนไวท์ เพราะว่า เธอรู้ไหม… ฉันน่ะคอยมองดูสโนไวท์อยู่ตลอดเวลา”
ท่าทางของริปเปิลเปลี่ยนไป ความเกลียดชังปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธออย่างชัดเจน ราวกับว่าไม่ต้องการให้มองดู
“อย่างที่เธอรู้นั่นแหละ มันไม่มีอะไรที่เรียกว่า ‘สิ่งที่ถูกต้อง’ อยู่หรอก แต่สโนไวท์ก็มุ่งมั่นที่จะเป็นเมจิคัลเกิร์ลประเภทที่ถูกต้องเพื่อเพื่อนของตัวเองที่จากไปแล้ว ตัวตนที่ทรงพลังที่สุดย่อมดึงดูดพวกคนขี้ประจบเข้ามา ส่วนคนที่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์เพื่อผู้อื่นก็จะได้ความยกย่องนับถืออย่างสูง แต่การทำเรื่องที่ถูกต้องแบบเรียบง่ายไม่ได้ทำให้มีสถานที่ที่สโนไวท์จะอยู่ บางคนจะหลีกเลี่ยงเธอ บางคนจะรังเกียจเธอ มีแค่คนที่ใกล้ชิดกับเธอจะพยายามใช้งานเธอ —แต่สโนไวท์ก็อ่านใจอีกฝ่ายได้ เธอจะไม่ตกหลุมพรางของการหลอกลวง นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเธอถึงทรมาณเพราะความโดดเดี่ยวมาก… แถมเพื่อนที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของตัวเองก็หายตัวไปแบบไร้ร่องรอยอีก”
ดวงตาของริปเปิลเบิกกว้าง เธออยากที่จะพูดสวนกลับมา แต่ก็หาคำพูดไม่ได้
“หากเป็นแบบนี้ สโนไวท์ก็จะยังคงอยู่อย่างโดดเดี่ยวในโลกอันกว้างใหญ่ แต่ถ้าจอมปีศาจผู้ยิ่งใหญ่มีตัวตนอยู่ เรื่องแบบนั้นก็จะไม่เกิดขึ้น ความชอบธรรมจะเป็นความแข็งแกร่งของเธอ เมจิคัลเกิร์ลที่เป็นตัวแทนของความยุติธรรมจะกลายเป็นความหวังของผู้คน กลายเป็นแรงบันดาลใจ กลายเป็นตราสัญลักษณ์ เธอจะมีเพื่อนที่นับถือเธออย่างจริงใจ จะมีคนที่คอยสนับสนุน ผู้คนจะทำแม้กระทั่งเดินตามรอยเท้าของเธอ… ฟังดูเป็นยังไงล่ะ? เธอไม่คิดว่าโลกแบบนี้มันเข้ากับสโนไวท์มากที่สุดเหรอ?”
เธอหยุดลงตรงนั้นและมองไปที่ริปเปิล คนที่ดวงตากำลังขยับไปมา
“เพราะแบบนั้นแหละฉันถึงตัดสินใจรับบทบาทนั่น ฉันอยากจะนั่งแท่นของผู้เป็นศัตรูของโลกใบนี้ เป็นปีศาจที่ต้องกำจัดอย่างเด็ดขาด สร้างสถานที่ที่สโนไวท์อยู่ ฉันจะมอบเป้าหมายที่ชัดเจนในชีวิตให้สโนไวท์ —และแบบนั้นสโนไวท์ก็จะได้ไม่ต้องกังวล ดิ้นรน หรือทรมาณอีกต่อไป”
แม้ว่าจะสับสนเพราะการพูดแบบยาวเหยียดจนไม่สามารถตามความได้ทัน ริปเปิลก็ยังคงจะมีความคิดว่าต้องพูดอะไรบางอย่างออกมา
“สโนไวท์ไม่ก้มหัวให้คนอย่างแกหรอก” เธอก้มหน้าและพูดออกมา
“แหม แน่นอนว่าเธอทำแน่! เธอคือคนที่ฉันพบว่ามีอนาคตดีด้วยตัวเองเลยนะ เธอสามารถเติบโตได้เหนือกว่าจินตนาการของใครก็ตาม และก้าวข้ามได้ทุกอุปสรรคอีกด้วย! เธอจะได้พลังมาด้วยวิธีเฉพาะของตัวเองและกำจัดจอมปีศาจ! แน่นอน —ฉันอยากให้สโนไวท์ฆ่าฉัน”
มันไม่ใช่เรื่องโกหก เฟรเดริก้าพูดออกมาจากหัวใจตัวเอง เธอเก่งในการหลอกลวงผู้คนโดยการพลิกลิ้นและโต้เถียงกันแบบผิวเผิน แต่มันก็มีช่วงเวลาที่เธออยากจะสื่อสารความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองกับผู้อื่นเช่นกัน
“แต่ฉันจะให้เธอฆ่าฉันแค่ครั้งเดียวไม่ได้ หากแบบนั้นโลกก็จะตรงเข้าไปสู่การกำจัดเธอ การที่จอมปีศาจถูกกำจัดและทุกอย่างถูกแก้ไขมันอยู่แค่ในนิทาน ในโลกของความเป็นจริงน่ะ ฮีโร่คือสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ เป็นสิ่งที่น่ารำคาญ… เป็นเรื่องเล่าที่เก่าแก่เหมือนกับกาลเวลา”
ท่าทางของริปเปิลเปลี่ยนไปอีกครั้ง สัดส่วนความสับสนและความกลัวในหัวใจของเธอเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
เฟรเดริก้าลดเสียงลดเล็กน้อยและนำใบหน้าของตัวเองเข้าไปใกล้ริปเปิล “เธอคุ้นเคยกับระบบปราชญ์รึเปล่า? เธอปลอมตัวไปสู้กับกริมฮาร์ทมาก่อน —แม้ว่ากริมฮาร์ทจะตายไป แต่วิญญาณร่างเกิดใหม่ของปราชญ์แบบเธอก็จะไม่มีวันถูกทำลาย พวกเธอจะถือกำเนิดใหม่ในฐานะสิ่งมีชีวิตใหม่ ในตอนนี้ ฉันกำลังลงมือเพื่อชิงระบบนั้น”
สามปราชญ์ถูกดูดเข้าไปในเรื่องความขัดแย้งของฝ่าย มีเพียงจะก่อให้เกิดความเสื่อมโทรมของดินแดนเวทมนตร์ให้เกิดขึ้น เธอสงสัยคนเหล่านั้นมีอำนาจในการควบคุมระบบรึเปล่า มันควรจะมีวิธีการที่ดีกว่านี้ในการใช้มัน
“ต่อให้ฉันถูกจัดการไป ฉันก็จะถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ในฐานะสิ่งมีชีวิตที่ต่างออกไป —เป็นปีศาจอีกตนหนึ่ง สโนไวท์ เพื่อนของเธอ และผู้สืบทอดของเธอจะร่วมมือกันเพื่อกำจัดฉันแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ระบบปราชญ์คือสิ่งที่ทำให้แน่ใจว่าวัฎจักรแห่งความยุติธรรมราวกับบทกวีนี้จะไม่มีวันจบสิ้น”
เธอยังคงพูดต่อไปด้วยการกระซิบราวกับจะบอกความลับให้รู้ “ฉันคิดแผนการนี้ขึ้นมาในครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องระบบปราชญ์ ฉันดำเนินแผนการนี้ของตัวเอง และสโนไวท์ก็คือคนเพียงคนเดียวที่อยู่ในใจฉันมานับตั้งแต่นั้น สโนไวท์ต้องมีประกายอันสว่างสดใสที่เธอสมควรได้รับ นี่คือความปรารถนาจากใจจริงของฉัน”
อารมณ์ทุกอย่างหายไปจากใบหน้าของริปเปิล ดวงตาของเธอไม่ได้จับจ้องไปที่ไหน แต่เฟรเดริก้ายังคงเห็นฟันเฟืองเคลื่อนไหวอยู่ภายในสมองของเธอ
“แล้วเธอ… ริปเปิล เธอจำเรื่องในตอนที่เธอ ฉัน และสโนไวท์พบหน้ากันเป็นครั้งแรกได้รึเปล่า? แค่ความทรงจำเพียงอย่างเดียวมันก็ทำให้ฉันตัวสั่นเลยนะ แต่มันก็ทำให้หัวใจของฉันลุกโชนขึ้นด้วย เมจิคัลเกิร์ลสองคนร่วมมือกันอย่างงดงามเพื่อกำจัดปีศาจ —ซึ่งก็คือฉัน! ฉันอยากสัมผัสช่วงเวลานั้นแบบซ้ำๆ ฉันทำเรื่องนี้เพื่อเธอด้วยนะ ในการที่จะช่วยเธอ ขั้นแรกสโนไวท์ต้องถูกช่วยก่อน”
ริปเปิลตัวสั่นออกมาโดยที่ท่าทางไม่ได้เปลี่ยนไป
“มันยังไม่สายเกินไปนะ —เธอจะไม่มาร่วมมือกับฉันเหรอ? เธอช่วยฉันได้เหมือนกับที่เคยทำในอดีต แถมยังสามารถช่วยสโนไวท์ที่เติบโตขึ้นแล้วได้ด้วยนะ ในตอนนี้เองสโนไวท์ก็แข็งแกร่งขึ้นแล้วด้วย —และพวกเธอสองคน … จะเข้ามาพยายามฆ่าฉันด้วยกัน เหมือนกับที่เธอทำก่อนหน้านี้ไงล่ะ”
เฟรเดริก้ายืนขึ้น ปล่อยริปเปิลที่มึนงงเอาไว้แบบนั้น และกระโดดออกจากหลังคาของโรงยิม แผ่นหลังของเธอเปิดโล่ง แต่มันก็ไม่มีการโจมตีตามมา
☆ สโนไวท์
สโนไวท์รู้ว่าเมจิคัลเกิร์ลคนนั้นคือใครจากความคิดที่ได้ยิน แม้ว่าจะเป็นก่อนที่เจ้าตัวจะมาถึงก็ตาม เธอลงมาตามบันไดจากทางเข้าที่เปิดออกภายในสวนมายังใต้ดิน และถูกสโนไวท์สีดำชี้อาวุธเข้าใส่
ฮัลน่ามองไปที่ผู้มาเยือนและขมวดคิ้ว และผู้มาเยือน คานะ ก็มองกลับมาโดยไม่ได้แตกต่างกัน ชุดของเธอถูกย้อมไปด้วยเลือด และมันยากยิ่งกว่าที่จะหาจุดที่ไม่ได้สกปรก มันไม่ได้มาจากแค่ฝ่ายตรงข้าม ปกคอเสื้อถูกตัดออก ต้นขา น่อง แผ่นหลัง และอีกมากมายหลายจุดที่ถูกตัดลึก แต่กระนั้น เธอก็ยังคงยืนอยู่ที่นี่โดยไม่โซเซ
“เราได้ยินว่านักเรียนควรมารวมตัวกันในสวน” คานะพูด
“อ่า… ใช่ ควรเป็นแบบนั้น” ฮัลน่าตอบ
“แบบนั้นการที่เรามาที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร และมันไม่มีเหตุผลที่ใครจะชี้อาวุธเข้าใส่ในตอนที่เราเข้ามาด้านในด้วย เจ้านี่ —” คานะใช้คางเป็นท่าทางบ่งบอกไปด้านหลัง “สโนไวท์สีดำนี่ — ช่วยสั่งให้วางอาวุธได้รึเปล่า?”
ท่าทางของฮัลน่าเปลี่ยนจากมึนงงเป็นสงสัย “นี่กำลังพูดเรื่องอะไร?”
“นั่นคือสิ่งที่ควรจะถามร่างเกิดใหม่ของแคสปาร์ วิม ฮ็อบ ซุค รัทสึมุคานะ-โฮโนเมะ-โนะ-คามิ อย่างนั้นเหรอ?”
ท่าทางของฮัลน่าบิดด้วยความช็อค “ไม่… กล้าดียังไง! โกหกหน้าด้านๆแบบนี้”
“ขอโทษที —เราเพิ่งได้ความทรงจำกลับมาไม่นานมานี้เอง”
“บ้าชัดๆ”
“สำหรับคุณแล้วนั่นฟังดูคุ้นรึเปล่า ฮัลน่า มิดิ เมเร็น?”
ท่าทางของฮัลน่าบิดไปมาอีกครั้ง ใบหน้าที่ถูกมือขวาบังเอาไว้กลายเป็นอารมณ์หลากหลายที่ผสมเข้าด้วยกัน —หงุดหงิด กลัว ช็อค— เธอถอดแว่นออกและสวมกลับเข้าไปใหม่อีกครั้ง ตัวโซเซไปมาและใช้มือหนึ่งข้างเอนเข้าหากำแพงหิน
สโนไวท์ถูกมัดและนอนอยู่ที่นี่ แต่มันไม่ใช่ว่าเธอมองอะไรไม่เห็น เธอมีเวลาพอสมควรในการมองดู เธอยังคงจับสิ่งที่อยู่ในจิตใจของฮัลน่าได้โดยที่ไม่ต้องอ่านความคิดอีกด้วย
“หากสงสัยเรื่องอะไร แบบนั้นเชิญใช้เวทมนตร์ตรวจสอบได้เลย”
ฮัลน่าส่ายหน้าอย่างรุนแรงและมองมาที่คานะ มือของเธอกำลังสั่น ตัวของเธอสั่นอย่างเห็นได้ชัดเจน สโนไวท์ไม่จำเป็นต้องได้ยินความคิดของเธอเพื่อที่จะบอกเรื่องนั้น
“ไม่… เดี๋ยวก่อน” ฮัลน่าค่อยๆยืนตัวตรงอย่างช้าๆและเอามือออกห่างจากกำแพง “อาจารย์แคสปาร์น่ะ… ไม่… เป็นไปไม่ได้ เธออยู่ในคุกไม่ใช่รึไง”
“ไพตี้ เฟรเดริก้าหลอกเรา เธอยึดฝ่ายแคสปาร์ไป”
“ไม่มีทาง… ไม่มีทาง!”
“ฮัลน่า เราต้องการถามเรื่องเมจิคัลเกิร์ลสองคนที่เตรียมพร้อมโจมตีอยู่ด้านนอก”
มันสามารถมองเห็นความกลัวบนท่าทางของฮัลน่าในตอนที่มองไปยังคานะได้ สำหรับสโนไวท์แล้ว การที่คานะเป็นปราชญ์มันหมายความว่าความเชื่อใจที่สโนไวท์มีต่อคานะได้เสียหายมากจากการที่คานะเป็นหนึ่งในพวกเดียวกับกริมฮาร์ทและพัคพั๊ค แต่อย่างน้อยที่สุด ดูเหมือนว่าฮัลน่าจะมองคานะในฐานะผู้สูงส่งและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เธอคือผู้ปกครองของเหล่าจอมเวท ดังนั้นมันจึงไม่แปลกอะไรนักที่คานะจะเป็นบุคคลผู้มีเกียรติในสายตาของพวกเธอ
“เหมือนว่าพวกเธอถูกควบคุมอยู่” คานะพูด “โดยคุณ”
ท่าทางของฮัลน่าเปลี่ยนไปอีกครั้ง มันสามารถมองเห็นความลังเลของเธอได้ นี่ฮัลน่าจะหมอบกราบลงไปต่อความอาวุโสของคานะและขอร้องให้คานะยกโทษให้ หรือคิดว่าจะจบปัญหาลงที่นี่อย่างเป็นความลับโดยสิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่มีวันหลุดรอดออกไปกันนะ? หากทุกอย่างถูกเปิดโปงออกมา แบบนั้นฮัลน่าก็จะเสียตำแหน่งในปัจจุบันของตัวเองไป ดังนั้นมันจึงไม่แปลกอะไรที่ฮัลน่าจะคิดว่าตัวเองควรจะกำจัดคานะที่นี่ แม้ว่าคานะจะเป็นร่างเกิดใหม่ของปราชญ์ก็ตาม อาชญากรที่มีสถานะสูงบางครั้งก็จะดื้นรั้นในตอนที่ตัวเองจนมุม
นี่คานะสัมผัสได้ว่าตัวเองไม่ควรกดดันฮัลน่ามากเกินไปงั้นเหรอ? สโนไวท์ไม่ได้คิดแบบนั้น คานะสามารถพูดคุยด้วยได้ ในขณะที่กริมฮาร์ทแทบจะไม่เคยพูดออกมา ส่วนพัคพั๊คก็โกหกแม้กระทั่งกับตัวเอง แต่นั่นมันก็เหมือนกับการเอาแอปเปิ้ลไปเปรียบเทียบกับส้ม คานะดูเป็นคนที่ห่างเหิน ในความจริงแล้ว สโนไวท์คิดว่าคานะดูสันโดษซะมากกว่า
ฮัลน่าสูดลมหายใจเข้าแบบยาว และปล่อยลมหายใจออกมาแบบยาว จากนั้นก็มองขึ้นมาที่คานะ ไม่มีความเคารพที่มองเห็นได้อยู่ที่นี่ ความกลัวของเธอเองก็จางหายไป คานะหรี่ตา คานะเองก็บาดเจ็บหนักในระดับที่โดยปกติแล้วไม่น่าจะไม่ชีวิตอยู่ แต่คานะก็ยืนอยู่ที่นี่ สโนไวท์บิดตัวไปมารอบๆ
ฮัลน่ายกมือขึ้นมาตรงหน้าคานะและตะโกนว่า “เดี๋ยวก่อน!”
สโนไวท์มองขึ้นมาจากตำแหน่งที่ถูกมัดเอาไว้พร้อมกับขมวดคิ้ว เดี๋ยวก่อนอะไรน่ะ? เธอไม่เข้าใจว่าฮัลน่าหมายความว่ายังไง แต่การกระทำนั้นก็สร้างผลลัพธ์ขึ้นมาในทันที
สโนไวท์ได้ยินเสียงคนลงมาจากบันได แต่นี่มันมากกว่าคำว่าลงมา —ตัวของเท็ตตี้กับเมฟิสกำลังกลิ้งลงมาจากบันไดเข้าหาพวกเธอ ทั้งสองคนไถลตัวเข้าไประหว่างฮัลน่าและคานะ เท็ตตี้เตรียมถุงมือพร้อมไว้ด้านหน้าทั้งสองมือ และเมฟิสก็มองไปที่คานะด้วยท่าทางที่เหมือนกับสัตว์ที่กำลังจะทำการโจมตี
ตาข้างหนึ่งของคานะยังคงมองไปที่ฮัลน่า และอีกข้างไปที่เท็ตตี้และเมฟิส ในตอนที่เอาหลังพิงเข้ากับกำแพง
“นี่คุณทำอะไร?” คานะถามฮัลน่า
“ชั้นต่างห่างที่ควรจะเป็นคนถาม! นี่จะทำบ้าอะไรน่ะ?!”
คานะเข้าใจแผนการของฮัลน่า หากฮัลน่าส่งเสียงออกมาเพราะต้องการความช่วยเหลือ แบบนั้นสองคนที่อยู่ด้านบนบันไดก็จะได้ยิน หากฮัลน่าพูดออกมาแบบง่ายๆว่า “มา” แบบนั้นคานะก็อาจจะเป็นฝ่ายที่ลงมือก่อน การที่คานะชะงักอยู่ครู่หนึ่งด้วยการที่ไม่เข้าใจว่าฮัลน่าพูดและทำอะไร มันได้ทำให้ศัตรูเรียกกำลังเสริมมา
ฮัลน่าลดมือลงและพูดกับคานะอย่างไร้อารมณ์ “ตอนนี้พวกเราอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ เธอแค่จะปรากฏตัวออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้และพูดอะไรไร้สาระไม่ได้ ทำตามคำสั่งชั้น ชั้นไม่อยากใช้ความรุนแรงกับนักเรียน”
“นี่ตั้งใจจะก่อกบฎงั้นเหรอ?”
“อ่า ขอทีเถอะ ชั้นไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก ชั้นแค่ต้องการให้เธออยู่นิ่งๆ”
ส่วนใหญ่แล้วฮัลน่าไม่ได้สนใจเมจิคัลเกิร์ล เมฟิสกับเท็ตตี้ก็ไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่ากำลังเสริมแบบธรรมดา แต่สำหรับคานะแล้วมันเหมือนกันรึเปล่า? พวกเธอไม่ใช่แค่กำลังเสริมธรรมดา แต่เป็นตัวประกันที่ใช้ประโยชน์ได้?
เมจิคัลเกิร์ลและจอมเวทเริ่มที่จะจ้องมองกันและกัน ไม่มีใครที่ลงมือเคลื่อนไหว แต่ก็ไม่มีใครที่ยอมแพ้ หากเป็นแบบนี้ ถ้าไม่มีอะไรเกิด พวกเธอก็จะจ้องกันไปตลอดเลยรึเปล่า? แต่ในตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาทำอะไรแบบนั้น แค่เรื่องตัวประกันสโนไวท์ก็เข้าใจอย่างเต็มที่แล้วว่ามันไม่มีทางที่จะไม่เกิดอะไรขึ้น
“อาจารย์ใหญ่!” ใครบางคนส่งเสียงออกมาเหนือไหล่ของคานะ
สโนไวท์ไม่รู้ว่าในวันนี้เธอได้เห็นฮัลน่าทำหน้าประหลาดใจมาแล้วกี่ครั้ง แต่ฮัลน่าก็ประหลาดใจอีกครั้งในตอนที่หันไปยังต้นเสียง โฮมุนครูสสโนไวท์เองก็ตอบสนองเล็กน้อย
ผู้บุกรุก —คัลโคโระ— ชี้มาที่โฮมุนครูสและพูดออกมา “นั่น… โฮมุนครูสนั่น! ว่าแล้วเชียว! ดิฉันคิดแล้วว่าคุณต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้!”
คัลโคโระกำลังโกรธจัด ความคิดหลายอย่างกำลังหมุนวนอยู่ภายในตัว : ความคิดเกี่ยวกับว่าสโนไวท์สีดำกำลังทำอะไร? เกี่ยวกับสถานะทางจิตใจของนักเรียนที่ผิดปกติ เกี่ยวกับศพของดิโกะ เกี่ยวกับนักดนตรีแห่งพงไพร แครนเบอร์รี่ที่ถูกจัดการไป เกี่ยวกับคนที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น คนที่น่าสงสัยมากที่สุดหากคำนวนย้อนกลับจากสูตรที่ใช้ในการประเมินผู้ร่ายเวท ความสำคัญที่เกี่ยวข้องกับห้องเรียนเมจิคัลเกิร์ลนั้นยิ่งใหญ่ในหัวใจของคัลโคโระมากกว่าที่ตัวของเธอจะตระหนักได้ โดยปกติแล้วเธอจะประจบประแจงฮัลน่า แต่ในตอนนี้คัลโคโระกำลังตะโกนเข้าใส่
“นี่น่ะเหรอที่อยู่ในตู้นิรภัยสำนักงาน? ร่างของโฮมุนครูสพวกนี้ —ร่างที่มันมีความสูงและน้ำหนักเดียวกันกับพวกนักเรียนน่ะ!”
สโนไวท์สามารถได้ยินเสียงจากภายในตัวของคัลโคโระ เธอยังคงได้ยินสิ่งที่คานะจะทำ สโนไวท์แค่นอนอยู่ตรงนี้ แต่มันก็เป็นเรื่องความเสี่ยงที่คำนวนเอาไว้มากกว่าการเดิมพัน
ฮัลน่าถูกท่าทางบึ้งตึงที่ดูอันตรายของคัลโคโระสะกดเอาไว้ หากมีเวลามากกว่านี้เล็กน้อย แบบนั้นบางทีเธออาจจะสร้างข้ออ้างขึ้นมาได้ แต่โฮมุนครูสสโนไวท์ก็ลงมือก่อน เท็ตตี้และเมฟิสเข้าไปหาคัลโคโระหลังจากนั้นเล็กน้อย พวกเธอจะทำลายศัตรูของฮัลน่าอย่างอัติโนมัติ คัลโคโระที่เดินเข้ามาด้วยท่าทีที่ดูรุนแรงเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่ามีความเป็นศัตรูอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน มันก็เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากศัตรูของฮัลน่า
ในตอนนี้คานะไม่ได้ถูกประกบเอาไว้ เธอจึงวนไปด้านหลังฮัลน่า จับลำคอและศีรษะเอาไว้ในทันที
“สั่งให้ทั้งสามคนหยุด” คานะสั่ง
“ยะ… หยุด!” ฮัลน่าร้องออกมา
เท็ตตี้ เมฟิส และโฮมุนครูสสโนไวท์หันกลับมา พวกเธอไม่ได้เคลื่อนไหว
สโนไวท์ที่อยู่ที่พื้นก้มศีรษะลง “ขอบคุณมาก คุณคัลโคโระ ช่วยพวกเราได้ทันพอดี”
“หือ เอ่อ… ก็ ดิฉัน… นี่เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” คัลโคโระพูดออกมา
“ฮัลน่า” คานะพูดออกมาโดยไม่ได้สนใจคัลโคโระ “คลายเวทมนตร์ที่ใช้กับเมฟิสและเท็ตตี้ สั่งให้โฮมุนครูสวางอาวุธลง” และเสริมเข้าไปอย่างเบาๆว่า “ถ้าเราสัมผัสได้ว่าคุณใช้เวทมนตร์ เราจะบดลำคอทันที”
เมฟิสและเท็ตตี้ไม่ได้เคลื่อนไหว โฮมุนครูสเองก็เช่นกัน ฮัลน่ากำลังตัวสั่น เธอยังคงดูเหมือนว่าไม่แน่ใจ
“เราไม่มีความตั้งใจเข้าไปยุ่งเรื่องของฝ่ายโอส” คานะบอกเธอ
ฮัลน่าถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ราวกับว่าวิญญาณของเธอจะหลุดออกมาจากร่าง “ก็ได้… ชั้นเข้าใจแล้ว” เธอพูด “วางอาวุธลง”
“คัลคาโระ” คานะพูด “เอาเชือกที่พันสโนไวท์เอาไว้ออก …เมจิคัลเกิร์ลคนที่นอนอยู่นะ”
คัลโคโระลังเล แต่เธอก็ทำตามที่คานะสั่ง สโนไวท์จับมือคัลโคโระเอาไว้และยืนขึ้น เธอรู้สึกวิงเวียน —ไม่ใช่เพราะถูกพันธการเอาไว้ มันเป็นเพราะสถานโบราณนี้
มันมืด เต็มไปด้วยหิน และยิ่งลึกเข้าไปก็ยิ่งชื่น จนกระทั่งถึงในจุดนี้ มันคล้ายกับสถานโบราณที่พัคพั๊คได้ยึดเอาไว้ แต่มันมีข้อแตกต่างใหญ่อยู่หนึ่งข้อ : สถานโบราณนี้มันบิดงอ มันไม่มีทางตรง มุมของห้องนี้เองก็กลม —และยิ่งไปกว่านั้น ทั่วทั้งพื้นที่มีรูปร่างประหลาด แม้ว่านี่ควรจะเป็นทางเข้าของสถานโบราณ มันก็เหมือนกับเป็นห้องโถงที่เชื่อมระหว่างอาคาร แม้ว่าสิ่งอยู่ตรงข้ามกับทางเข้าของห้องนี้ เหนือประตูหินที่ดูหนักจะต้องเป็นส่วนที่สำคัญ— แต่กระนั้น พวกเธอก็ถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยอะไรบางอย่างที่แปลกประหลาด
สโนไวท์เอนหลังเข้าหาประตูหิน
เธอจะยอมให้วัตถุโบราณถูกเอาออกมาไม่ได้ หากเฟรเดริก้าได้มันไป เรื่องก็จบสิ้น
เธอจะยอมแพ้ไม่ได้ เสียงที่ได้ยินจากหัวใจของคานะ สโนไวท์เห็นด้วยกับเรื่องนั้น
สโนไวท์ต่อยแก้มตัวเองอย่างแรงด้วยหมัดขวา เสียงที่ดังเหมือนกับเสียงการทำลายที่พวกเธอเคยได้ยินจากด้านนอกก็ดังก้องขึ้นมาภายในห้อง และทุกคนก็มองมาที่เธอ
“ให้ฉันทำเถอะ คานะ” สโนไวท์พูด
“นี่เธอจะ—? อ๊ะ” คานะรู้คำตอบของคำถามก่อนที่เธอจะถามออกมาจนจบ คานะพยักหน้า “แล้วเธอโอเคกับมันเหรอ? …งั้นเหรอ”
สโนไวท์เองก็รู้คำตอบ
“ฮัลน่า” คานะกระซิบเข้าไปที่หูของอาจารย์ใหญ่ “คุณจะช่วยเราในเรื่องอะไรบางอย่าง อะไรบางอย่างที่สำคัญมากที่มีแต่คุณเท่านั้นที่ทำได้”
ก่อนที่จะได้ยินคำตอบของฮัลน่า คานะก็หันไปหาคัลโคโระ “เราอยากให้คุณช่วยด้วยเหมือนกัน”
คัลโคโระมองกลับไปที่คานะ จากนั้นก็ฮัลน่า ไปที่เมจิคัลเกิร์ลสีขาวที่ยืนอยู่ตรงนั้น และสุดท้ายก็มองมาที่สโนไวท์ คนที่เพิ่งจะลุกขึ้นยืน
“นี่เกิดอะไรขึ้นกันน่ะ?” คัลโคโระถามด้วยเสียงที่ฟังดูน่าสงสาร
สโนไวท์หันไปหาฮัลน่า “ช่วยผสานฉันกับโฮมุนครูสที” เธอพูด “ฉันจะเข้าไปในสถานโบราณเอง”
☆ เมฟิส เฟเลส
หมอกควันที่อยู่ในหัวของเธอหายไปแล้ว แต่กระนั้น เธอก็ไม่ได้รู้สึกสดชื่นเลย ถึงแม้จะมีการอธิบายความจริงที่เกิดขึ้นเรื่องแล้วเรื่องเล่าเข้ามาใส่ มันก็ไม่มีเรื่องไหนที่มีเหตุผล แถมยังทำให้เธอรู้สึกสับสนมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
“ไอ้เหี้ยเอ๊ย!” เมฟิสตะโกน
“เราอธิบายทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว” คานะตอบอย่างใจเย็น
“แล้วไงวะ?!”
“เราไม่มีเวลาอธิบายรายละเอียดทุกอย่างจนกระทั่งเรื่องทั้งหมดมันสมเหตุสมผลสำหรับเธอ”
เมฟิสคิดว่าตัวเองชินกับมันแล้ว แต่ท่าทางใจเย็นอย่างประหลาดของคานะก็ยังคงทำให้รู้สึกหงุดหงิดอยู่ดี
เธอจำเรื่องราวทุกอย่างได้ โดยพื้นฐานแล้วเธอต่อสู้ภายใต้คำสั่งของอาจารย์ใหญ่ อีกแง่หนึ่ง เธอถูกควบคุมโดยอาจารย์ใหญ่ เธอไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องที่แปลกอะไร ไม่ได้รู้สึกว่ามันผิดธรรมชาติ และยอมรับสถานการณ์ที่มันเป็นแบบนั้น เมื่อเธอตระหนักได้ถึงความจริง เมฟิสก็ยื่นมือออกไปเพื่อที่จะจับใบหูยาวๆของอาจารย์ใหญ่ แต่คานะก็หยุดเธอไว้ และเธอก็ไม่สามารถทำได้ “ขอชั้นต่อยซักทีเถอะน่า” เมฟิสขอ ซึ่งทำให้คานะได้แต่ปฎิเสธ “ตอนนี้ไม่ใช่เวลา”
“ทุกอย่างมันเป็นความผิดของ อีห่า นั่นไม่ใช่รึไง!” เมฟินตะโกน เธอชี้ไปที่อาจารย์ใหญ่ คนที่ตอนนี้ดูน่าเวทนา ห้องหินขนาดเล็กทำให้เสียงขอเมฟิสดังก้องจนแม้กระทั่งตัวเองยังทนไม่ไหว
“เมฟิส อย่าเสียงดัง” คานะบอกเธอ “อีกฝ่ายที่อยู่ข้างนอกจะได้ยินเสียงเอานะ”
เมฟิสไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลดเสียงตัวเองลง “ไม่ใช่แต่จิตใจของพวกเรา แต่ยังเป็นร่างกายด้วยสินะ?”
“ใช่”
“แม่งเอ๊ย”
“พอทุกอย่างจบแล้ว เราจะให้เธอแก้ไขทุกอย่าง เราไม่ได้โกหก —เราทำสัญญาเวทมนตร์กับเธอเอาไว้ด้วย”
“แล้วเรื่องพวกนี้มันแก้ได้แน่ๆงั้นเหรอ?”
“เรายืนยันไม่ได้”
“ห่าราก”
“ในตอนนี้ พวกเราไม่มีตัวเลือกอื่นนอกจากต้องร่วมมือกัน”
“เวรเอ๊ย… งั้นก็แค่ส่งของให้แล้วยอมแพ้ไปดีกว่า”
“การเอาวัตถุโบราณให้เฟรเดริก้าหมายความว่าโลกใบนี้จะจบสิ้น”
“เฟรเดริก้าก็เหมือนกับหัวหน้าของพวกเราไม่ใช่รึไง? ไปขัดขวางนี่มันดูไม่แปลกไปหน่อยเรอะ”
“ไม่ เฟรเดริก้าเข้ายึดฝ่ายแคสปาร์ เรา ต่างหากที่คือหัวหน้าตัวจริง”
“…หา?”
ท่าทางของคานะดูจริงจังมาก เธอดูไม่เหมือนว่ากำลังล้อเล่นอยู่ และมันก็อีกครั้ง คานะพูดเรื่องที่เหลือเชื่อด้วยใบหน้าที่จริงจังเสมอ เมฟิสมองไปที่เท็ตตี้ แต่เท็ตตี้ก็ขดตัวอยู่ที่มุมห้องพร้อมกับตัวสั่น ดูไม่เหมือนว่าเธอจะช่วยอะไรได้ เมื่อมองไปที่สโนไวท์ เธอก็กำลังชูสองมือขึ้นไปพร้อมกับฮัลน่าและคัลโคโระที่กำลังทำการตรวจสอบอะไรบางอย่างกับเธอ
สโนไวท์เองก็ทำหน้าจริงจังในตอนที่พยักหน้า จากนั้นก็พูดว่า “นั่นเป็นเรื่องจริงนะ”
เมฟิสสบถออกมาว่า “แม่งเอ๊ย” ด้วยความที่ไม่รู้จะว่าจะตอบกลับยังไง และเตะเข้าไปที่กำแพงแบบแรงที่สุดเท่าที่ตัวเองทำได้ แม้ว่าจะเป็นแรงขาของเมจิคัลเกิร์ล การเตะเข้าไปก็ไม่ได้ทิ้งรอยอะไรเอาไว้เลย
“เมฟิส” คัลโคโระพูด “ตอนนี้พวกเราแค่ต้องร่วมมือกันค่ะ” เธอมองมาที่เมฟิสในเชิงขอโทษและหันกลับไปหาสโนไวท์ทันที
เมฟิสเตะเข้าไปที่กำแพงอีกครั้ง มันไม่ได้มีแม้แต่รอยยุบ
มันไม่มีการติดต่อมาจากลิเลี่ยนและคุมิคุมิตั้งแต่ที่พวกเธอเข้าไปในสถานโบราณตามคำสั่งของอาจารย์ใหญ่ แม้ว่าแรปปี้จะคือศัตรู แต่เห็นได้ชัดว่าเธอถูกคุมตัวไปแล้ว ไลท์นิ่งจำนวนมากได้เข้ามาโจมตี เมฟิสเองก็จัดการพวกเธอไปหลายคน ไซคีกับดิโกะกระโดดเข้าไปในฝูงศัตรู และนับตั้งแต่นั้นก็ไม่พบตัวของพวกเธอเลย ตั้งแต่ที่แยกกับมิส ริล โดรี่ และอาร์ลี่ พวกเธอก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แซลลี่ไม่รู้เลยว่าอยู่ที่ไหน และมันก็ไม่มีใครที่เห็นตัวของรันยุยเลย
“…อ๊ะ —แล้วอาเดลไฮลด์ล่ะ?” เมฟิสถาม
คานะเริ่มเปิดปาก แต่จากนั้นเธอก็หยุดลงครู่หนึ่ง เมฟิสเข้าใจอย่างช้าๆว่าคานะกำลังที่จะพูดอะไรออกมาและกำลังรู้สึกลังเล เพราะเมฟิสไม่เคยเห็นคานะพูดด้วยวิธีการแบบนี้มาก่อนเลยซักครั้ง เธอถึงเข้าใจได้อย่างเชื่องช้า
“เธอตายแล้วล่ะ”
เมฟิสตอบสนองด้วยการเหวี่ยงมือออกไป แต่เธอก็หยุดเอาไว้ก่อนที่จะโดนแก้มของคานะ พูดให้มันดีๆสิวะ เมฟิสคิด การโกรธไปก็ไม่ได้มีอะไรดี แต่เธอก็เข้าใจว่าคานะเองก็ทรมาณในแบบของตัวเอง เพราะแบบนั้นคานะถึงได้ลังเลในตอนแรก และการที่ตัวของคานะดูน่าสยดสยอง ชุดเครื่องแบบและเส้นผมต่างก็ถูกย้อมไปด้วยเลือด มันก็ได้หยุดการตบของเธอไป
เมฟิสเตะเข้าไปที่กำแพงหินอีกครั้ง การพูดคุยกันครั้งสุดท้ายของเธอกับอาเดลไฮลด์คือการโต้เถียง เรื่องมันแย่มากจนต้องจบไปทั้งแบบนั้น เธอเตะเข้าไปที่กำแพงหิน เตะมันเข้าไปอีกครั้ง จากนั้นก็ต่อยเข้าไป เธอไม่มีโอกาสได้พบอาเดลไฮลด์อีกแล้ว เธอเองก็ไม่มีโอกาสที่จะได้คืนดีกับอาเดลไฮลด์ด้วย
“แม่งเอ๊ย” เมฟิสพูดออกมา
ในตอนนี้เมื่อเธอพูดออกมาดังๆ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดิ่งลงไป นี่มันห่วยแตกจริงๆ มันสิ้นหวัง
เมฟิสเงยหน้าขึ้น เท็ตตี้กำลังตัวสั่นอยู่ที่มุมห้อง เธอกำลังหันหน้าเข้าหากำแพงและพยุงศีรษะเอาไว้ พยายามที่จะไม่มองไปที่ไหนเลย บางทีเธออาจะไม่อยากมองดูความจริงด้วยซ้ำ
เธอเข้าใจความรู้สึกนั้นดีว่ามันเจ็บปวด —แถมในตอนนี้เธอก็ต้องทำหน้าที่นี้ในสถานการณ์แบบนี้อีก เธอเข้าใจเพราะว่าไม่มีใครเลยที่จะทำ เรื่องนี้มันทำให้เธออยากที่จะต่อยและเตะเข้าไปที่กำแพงหิน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น แม้ว่ามันจะเจ็บปวด สุดท้ายเธอก็เข้าใจว่าตัวเองมีเรื่องที่ต้องทำ
“แม่งเอ๊ย” เธอพูดซ้ำออกมา แต่ว่าในคราวนี้ไม่ใช่เพราะความโกรธ
การได้เห็นใครบางคนที่มีสภาพแย่ยิ่งกว่าตัวเองมันช่วยให้เมฟิส เฟเลสใจเย็นลงเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะว่าเธอรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าใครก็ตามที่ตัวสั่นและร้องไห้ แต่มันทำให้เธอคิดว่ามันมีใครบางคนที่เธอต้องเข้าไปช่วย
เมฟิสเดินเข้าไปหาเท็ตตี้
☆ เท็ตตี้ กู๊ดกริป
เธอไม่เข้าใจอะไรเลย เธอไม่เข้าใจอะไรซักอย่าง ทุกอย่างมันน่ากลัว แค่จะยืนเธอก็ทำไม่ได้ เธอไม่อยากจำสิ่งที่ตัวเองทำลงไป แต่ถึงเธอจะไม่อยากจำ เธอก็ทำแบบนั้นไม่ได้
ไม่ว่าพวกเธอจะพูดเรื่องอะไรกันอยู่ มันก็แค่เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาของเธอไป เธอจับใจความไม่ได้ว่ากำลังพูดอะไรกันอยู่ เธอไม่อยากรู้ว่าท่าทางของคนอื่นในตอนที่พูดกันเป็นยังไง เธอไม่รู้อีกด้วยว่าคนอื่นรู้สึกยังไง เท็ตตี้มองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเธอ และเธอก็ไม่ได้อยากรู้ด้วย
เธอรู้สึกคลื่นไส้ แต่ก็ไม่ได้อยากจะอาเจียน แม้ว่าการที่เธอจะตายไปมันจะง่ายกว่า เธอก็ทำไม่ได้ สื่งที่เธอทำลงไปยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำ การควบคุมมันเริ่มตอนไหนกัน? ตอนไหนกันที่เธอหยุดเป็นตัวของตัวเอง? เธอแค่อยากเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่ยิ่งใหญ่ เธออยากใช้ชีวิตในฐานะเมจิคัลเกิร์ลมืออาชีพ —แค่เพียงเท่านี้มันก็เป็นเรื่องผิดบาปอย่างงั้นเหรอ?
การที่แม่ของเธอพูดว่า “แม่รู้ว่าลูกทำได้” มันเป็นภาพลวงตา เป็นความฝัน หรือเป็นความความทรงจำที่ปลอมแปลงในตอนที่เธอถูกควบคุมรึเปล่า?
เท็ตตี้ไม่รู้อีกแล้วว่าอะไรคือเรื่องจริงและอะไรคือเรื่องโกหก สัมผัสที่พื้นตรงเท้าของเธอกำลังพังทลายจากด้านล่างอย่างไม่หยุด เธอมองไม่เห็นว่ามันจะหยุดลงตอนไหน เธอรู้เหมือนตัวเองกำลังจะกลายเป็นบ้า แต่เธอก็เข้าใจดีกว่าใครอื่นว่าจิตใจของเธอมันปกติดี มันไม่มีเหตุผลอะไรเลย เธอยังคงมีสติอยู่ แม้ว่าการรับรู้และความทรงจำล้วนผสมปนเปกัน มันรู้สึกราวกับว่าทุกอย่าพลิกกลับด้าน
แม้ว่าเรื่องห้องเรียนเมจิคัลเกิร์ลจะลำบาก แต่มันก็เป็นเรื่องที่สนุก แม้ว่าหน้าที่มันจะเหนือว่าเรื่องที่เธอทำได้ เท็ตตี้ก็พยายามอย่างที่สุดในฐานะหัวหน้าห้อง เธอหวังว่าทุกคนจะสามารถสนิทกันได้ ความรู้สึกนั้นมันเป็นของเธอคนเดียวงั้นเหรอ? แน่นอนว่าอาจารย์ใหญ่เองก็ต้องการสิ่งเดียวกัน เพราะเธอคือคนที่เลือกเท็ตตี้ให้เป็นหัวหน้าห้อง
การเป็นหัวหน้าห้องนั้นลำบาก เมจิคัลเกิร์ลเป็นอะไรที่มากการมีความเป็นตัวของตัวเองสูง และเธอต้องทำให้ทุกคนร่วมมือกันให้ได้ แต่กระนั้น มันก็รู้สึกคุ้มค่า ในทุกๆวัน เธอคิดเรื่องอะไรอย่าง มาทำแบบนี้กันดีกว่า มาเปลี่ยนตรงนี้อีกซักครั้งนะ ฉันต้องเพ่งความสนใจไปที่เด็กคนนั้นมากกว่านี้ ต้องดูแลเด็กคนนั้นซักหน่อย หากอาจารย์มีความกระตือรือร้นมากกว่านี้ซักนิดก็คงจะดี อยู่ตลอดเวลา ในตอนนั้นมันรู้สึกลำบาก แต่เมื่อนึกย้อนไปแล้ว บางทีเธอก็รู้สึกมีความสุข
เรื่องนั้นแน่นอนว่ามันเป็นเพราะยังคงมีอนาคตอยู่ มีอะไรบางอย่างที่ตั้งเป้าเอาไว้ นั่นคือบางสิ่งที่เธอไม่มีในตอนนี้ หรือว่าเธอไม่เคยมีมันมาตั้งแต่เริ่ม มีเพียงเมจิคัลเกิร์ลงี่เง่าที่ถูกหลอก และหลงตัวเอง
เท็ตตี้ไม่มีอะไรเลย ไม่มีความเป็นไปได้ ไม่มีอนาคต ไม่มีอะไรซักอย่าง
“เท็ตตี้”
ใครบางคนวางมือลงมาบนไหล่ของเธอ ใครบางคนนั่นหันใบหน้าของเท็ตตี้เข้าไปหาตัวเอง —เมฟิส เฟเลส เมฟิสจับใบหน้าของเท็ตตี้เอาไว้ เท็ตตี้มองกลับไปอย่างมึนงง เธอไม่สามารถต่อต้านได้ ถุงมือของเธอเองก็เช่นเดียวกัน
มันมีหลายสิ่งที่เธออยากจะพูด แต่คำพูดมันก็ไม่ออกมา น้ำตามันไหลออกมาจากดวงตาของเธอแบบไม่หยุด เท็ตตี้ไม่ได้กลั้นเอาไว้ เธอแค่ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมา
เธอจำได้ มันไม่มีทางที่เธอจะลืมไปได้เลย เธอเคยคืนดีกับเมฟิสได้แล้ว พวกเธอเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน เธอเคยรู้สึกดีใจมากกับเรื่องนั้น
แต่มันเกิดขึ้นเพราะพวกเราถูกควบคุม—
เมฟิสเอาหน้าผากกระแทกใส่เท็ตตี้ —เสียง ตึง ที่เกิดขึ้นมันแรงพอที่จะทำให้รู้สึกเจ็บ
“ในสถานโบราณเนี่ย เห็นได้ชัดเลยนะว่าความช่วยเหลือจากเธอคือเรื่องที่จำเป็นมาก” เมฟิสบอกเธอ “ไม่ต้องห่วง —ชั้นจะไปกับเธอด้วย ไปกันเถอะ”
ในสมัยประถม ฟูโกะ ซายามะได้จับมือของฟูจิโนะ โทยามะเอาไว้อย่างแน่นๆในตอนที่ไปโรงเรียน นั่นคือตอนที่เธอเริ่มไม่อยากไปโรงเรียนเพราะเธอเกลียดเด็กผู้ชายที่ล้อเลียนเรื่องสถานะทางบ้านของเธอ มือที่จับเอาไว้มันทำให้เธอรู้สึกเจ็บเหมือนกับในตอนนี้ แต่เธอก็รู้สึกว่าสามารถพึ่งพาได้เป็นอย่างมาก ซึ่งนั่นเหมือนกับที่เธอรู้สึกอยู่ในตอนนี้
เมฟิสยืนขึ้น แรงดึงมันทำให้เท็ตตี้ยืนขึ้นด้วยเช่นกัน เมฟิสเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เท็ตตี้รีบตามเธอไป คานะยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางอ่อนโยน คัลโคโระที่เอามือวางไว้บนตักกำลังส่งเสียงออกมา อาจารย์ใหญ่หันออกไปด้วยท่าทางที่ขมขื่น และสโนไวท์ก็ยืนอยู่ที่ด้านข้างทางเข้าสถานโบราณ
MANGA DISCUSSION