ตอนที่ 5:
หุ่นเชิดผู้เงียบงัน
☆ สโนไวท์
สวนได้ทำการขัดขวางเวทมนตร์ของสโนไวท์เมื่อเธอพยายามรับฟังความคิดของผู้คนจากภายนอกอยู่ตลอด เธอยังมีปัญหาในการได้ยินความคิดของคนภายในโรงเรียนที่อยู่ตรงข้ามกับสวนอีกด้วย เมื่อเธอเข้ามาภายในสวนแล้ว เธอก็เริ่มได้ยินความคิดของคนที่อยู่ภายใน แต่จากนั้นเธอก็ไม่สามารถได้ยินอะไรจากภายนอกได้อีก มันคงมีบาเรียบางประเภทกางเอาไว้ทั่วพื้นที่
แต่คู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้าเธอ —สโนไวท์สีดำ— ไม่ได้มีความคิด สโนไวท์สามารถบอกได้ว่าคืออะไร เธอได้ยินว่าโฮมุนครูสในรูปร่างเมจิคัลเกิร์ลได้หลุดจากการควบคุมจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บางทีนี่อาจจะเป็นหนึ่งในนั้น หากมันคือโฮมุนครูส แบบนั้นเธอก็จะไม่สามารถได้ยืนเสียงจากภายในหัวใจได้
สวนหย่อมขนาดเล็กๆที่แต่ละด้านมีขนาดกว้างเพียงสามสิบก้าวเต็มไปด้วยความวุ่นวาย พื้นดินถูกขุดขึ้นมา เสาโค้งถล่มลง ทางเดินแตกกระจาย เพดานทรุดลงมา —กำแพงกลายเป็นรูมากกว่าที่จะมีรูอยู่มาตั้งแต่เดิม เลือดไหลนอง แขนและขาปลิวว่อน ศัตรูและเมจิคัลเกิร์ลที่เป็นพวกพ้องนอนก้มหน้าอยู่ทั่วบริเวณ
เพื่อนร่วมห้องที่ถูกควบคุมจิตใจและปรินเซสไลท์นิ่งยังคงต่อสู้กันอย่างรุนแรง แม้ว่าจะมีเมจิคัลเกิร์ลที่ไม่เคลื่อนไหวกองอยู่เป็นภูเขาโดยรอบ พวกเธอก็ไม่ได้มองไปหามากนัก
และอีกอย่างหนึ่ง โรงเก็บของเก่าที่ตั้งอยู่ตรงมุมหนึ่ง มันไม่มีริ้วรอยจนน่าสงสัย
โฮมุนครูสประเภทสโนไวท์มีอาวุธที่ดูเหมือนกับที่สโนไวท์ถืออยู่ เหวี่ยงลงมาจากนั้นก็ตรงไปด้านหน้า แทงอย่างเฉียบคมด้วยความเร็วที่น่ากลัว ด้วยการที่ไม่มีเสียงจากภายในหัวใจที่บ่งบอกถึงการโจมตีเหล่านี้ สโนไวท์จึงต้องหลบอย่างสิ้นหวัง กระโดดกลับไปด้านหลังเข้าหากลุ่มไลท์นิ่ง
“เท็ตตี้!”
เท็ตตี้ที่ถูกล้างสมองในตอนนี้คือศัตรู สโนไวท์รู้เรื่องนี้ แต่เธอยังคงพูดชื่อออกมาอยู่ดี
เท็ตตี้ตอบสนองกับเสียงสโนไวท์ ป้องกันดาบของไลท์นิ่งที่เข้ามาหาตัวจากด้านหลังและทำลายมันด้วยแรงจับ แต่ดาบที่เธอเพิ่งจะหักไปก็ส่องประกายสว่างออกมา มันเหมือนว่าจะเป็นการโจมตีด้วยสายฟ้าที่ปล่อยออกมาในตอนที่ตัวโอนเอน และในตอนที่กำลังจะถูกเตะ เมฟิสก็ตัดเข้ามา ตะโกนเพื่อหลอกล่อศัตรู และใช้หางของตัวเองทุบเข้าใส่
เท็ตตี้ เมฟิส และจิตใจของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆเห็นได้ชัดว่าถูกปิดกั้นอยู่ แต่สโนไวท์ก็ยังคงได้ยินเสียง
จากนั้นมันมีโฮมุนครูสที่ต่อสู้อยู่ตรงหน้า
ไลท์นิ่งหนึ่งคนลอยออกไปด้วยการเตะ อีกคนถูกอาวุธฟาดลงเข้าใส่ อีกคนตอบสนองกับการแทงที่มาจากด้านบนและด้านล่างพลาดจนล้มคว่ำลงและอาเจียนเลือดออกมา
ทุกสิ่งที่สโนไวท์สามารถได้ยินจากหัวใจเมจิคัลเกิร์ลคนนี้คือเสียงแบบคงที่ นั่นคือการที่เธอไม่สามารถคิดได้ หรือว่าเธอคิดอะไรที่สโนไวท์ไม่สามารถเข้าใจได้กันนะ?
ไปทางขวา มาทางซ้าย —ทุกครั้งที่เธอเคลื่อนไหว ไลท์นิ่งก็จะล้มลง ในขณะที่ถืออาวุธที่ดูเหมือนกับที่สโนไวท์ใช้ สโนไวท์สีดำก็เตะและต่อย แต่ความเร็วและน้ำหนักมันรุนแรงกว่าของสโนไวท์มาก
ไลท์นิ่งแต่ละคนไม่ได้อ่อนแอ แม้ว่าจะมีความสามารถทางกายภาพที่เทียบได้กับไลท์นิ่งที่เป็นเพื่อนร่วมห้องของสโนไวท์ โฮมุนครูสที่ดูเหมือนสโนไวท์ก็ไม่ได้หวั่นไหว ทำให้อีกฝ่ายกระจายออกไปในพริบตา
เธอแข็งแกร่ง บางทีนี่คือสโนไวท์ในอุดมคติ สโนไวท์นั้นอ่อนแอ ใช้วิธีการที่ไม่ยุติธรรมและขี้ขลาด อ่านใจคนและกุมชัยชนะเอาไว้ เธอสามารถต่อสู้ได้แค่ในลักษณะที่ขัดแย้งกับชื่ออันน่ากลัวของนักล่าเมจิคัลเกิร์ล โฮมุนครูสที่อยู่ตรงหน้าใช้กำลังมหาศาลต่อกรกับจำนวนที่เหนือกว่าและจัดการอีกฝ่าย ความรู้สึกที่คิดว่านี่อาจจะเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่ควรค่าแก่การต่อสู้เคียงข้างริปเปิลก็ได้ มันไม่หลุดออกไปจากตัวของเธอ
โฮมุนครูสประเภทสโนไวท์ไม่ได้เคลื่อนไหวแค่ทางซ้ายขวาหน้าหลัง —เธอยังถอยและกระโดด เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในสามมิติด้วยความเร็วในระดับที่มองไม่ทันพร้อมกับมีสายฟ้าระเบิดขึ้นที่ด้านหลังตามมา เหวี่ยงรูลเลอร์เร็วในระดับเดียวกับการโจมตีด้วยสายฟ้า และไลท์นิ่งจำนวนมากก็คว่ำหน้าลงไป
ฟันศัตรูที่อยู่ทางขวา แทงศัตรูที่อยู่ทางซ้าย จากนั้นก็กระโดด และในตรงจุดที่มีเศษหินกระจายอยู่มาก เธอก็เหวี่ยงอาวุธขึ้นและเอาลงมาอีกครั้งเข้าหาเมจิคัลเกิร์ลที่ดูเหมือนกิ้งก่าและมนุษย์ผสมกันที่นอนคว่ำหน้าอยู่ เมจิคัลเกิร์ลกิ้งก่ากระโดดขึ้นมา ตวัดหางของตัวเอง สโนไวท์สีดำเปลี่ยนอาวุธเป็นแนวตั้งเพื่อป้องกันเอาไว้ด้วยด้ามจับ จนตัวของเธอกลิ้งตรงไปยังโรงเก็บของ
ตัวของเมจิคัลกิ้งก่ามีขนาดใหญ่ขึ้น เกล็ดหนาและแข็งขึ้น เขี้ยวแหลมคมขึ้น และหางเองก็มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น เปลี่ยนร่างไปเป็นไดโนเสาร์ของจริงที่ส่งเสียงคำรามเข้าหาท้องฟ้า
สโนไวท์สีดำก้าวมาข้างหน้าพร้อมกับเส้นผมที่ขยับไปมาจากการคำราม เธอไม่ได้โจมตีเข้าไปยังเมจิคัลเกิร์ลที่แกล้งตายเพื่อจัดการทิ้ง เธอคิดแผนว่าจะใช้อีกฝ่ายที่แกล้งตายไปเป็นศัตรูกับอีกฝ่าย
รูปขบวนของไลท์นิ่งเสียรูปไป คนที่มุ่งหน้าไปหาไดโนเสาร์และคนที่เข้าโจมตีศัตรูคนคนอื่นพุ่งเข้าหากัน โอลด์ บลูยังคงไม่สามารถกลับมาที่แนวหน้าได้ และสโนไวท์ก็ไม่ได้ยินความคิดของเธอ โฮมุนครูสประเภทสโนไวท์แทงอาวุธเข้าหาลำคอของสโนไวท์ก่อนที่เธอจะรู้ตัว ด้วยปลายที่ชี้เข้ามาหา สโนไวท์ก็ตระหนักได้ว่าสุดท้ายเธอก็เพียงแค่มองดู กำแพงไลท์นิ่งรอบตัวเธอแตกออกจากกัน
อาวุธเหวี่ยงเข้ามาหาเธอ การที่จะมองเห็นมันก็เป็นเรื่องยากสำหรับสโนไวท์
☆ ฮัลน่า มิดิ เมเร็น
เสียงคำรามของสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ที่ไม่ทราบชนิดดังออกมา ทำให้แผ่นหินสั่นสะเทือน จนส่งเสียงออกมาในตอนที่สัมผัสเข้าหากัน ฮัลน่ามองเห็นกิ้งก่ายักษ์อยู่ด้านนอกหน้าต่าง และเห็นว่ากลุ่มของไลท์นิ่งกระแทกเข้าหากัน เธอเอานิ้วชี้แตะที่ขมับ ครึ่งหนึ่งคือความโล่งอก ครึ่งหนึ่งคือความหงุดหงิด
เมจิคัลเกิร์ลนั้นรวดเร็ว แม้ว่าเธอจะทำการเสริมพลังด้านกายภาพด้วยเวทมนตร์ มันก็ยากที่จะขัดขวาง ผลของมันจะไม่มากนักเมื่อทำการสนับสนุนโดยไม่ลืมหูลืมตา ถ้าเธอสามารถเล็งเป้าและพยายามที่ใช้เวทมนตร์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเอาตัวเองไปสู่แนวหน้าและทำให้เรื่องต่างๆอันตรายมากยิ่งขึ้น ระบบที่เธอเตรียมการเอาไว้ในสวนแก้ไขปัญหาพวกนั้นได้หลายอย่าง แต่ในตอนนี้เธอไม่สามารถใช้มันได้อีกแล้ว
ในตอนนี้เธอได้ส่งร่างสโนไวท์ออกไป มันจึงไม่ได้มีการดันกลับเข้ามาอีก ความจริงแล้ว ฝ่ายของเธอควรจะเป็นฝ่ายดันกลับไปด้วยซ้ำ แต่ตำแหน่งที่เหนือกว่าของพวกเธอก็อยู่ได้เพียงไม่นานโดยตลอด
คุมิคุมิจับพิคแอคเอาไว้ด้วยพลังอันน่ากลัว ทำลายพื้นดิน และประกอบเป็นอะไรบางอย่างในทันที ลิเลี่ยนร่วมมือกับเธอด้วยการใช้ด้ายพันไปรอบๆเพื่อเสริมพลัง ไลท์นิ่งสองคนที่พยายามเข้าหาก็ร่วงลงไปในหลุมกับดักที่ถูกสร้างขึ้นด้วยภาพลวงตาของฮัลน่า หนึ่งในไลท์นิ่งที่พยายามเข้าไปช่วยถูกเชือกจับข้อเท้าเอาไว้และเหวี่ยงขึ้นไปในอากาศยังจุดที่เมฟิสต่อยเข้าหา
พวกเธอกำลังทำอะไรได้ดี แต่ในตอนนี้การเสริมพลังมันจะค่อยๆหายไป ฮัลน่าต้องทำการชดเชยในเรื่องนี้ เธอไม่สามารถใช้สัญลักษณ์เวทมนตร์ของสวนเพื่อใช้ระบบได้อีกต่อไป แต่ถ้าเธอดูดพลังขึ้นมาจากรากโดยตรง แบบนั้นเธอก็ยังคงสู้ได้ เวทมนตร์บทต่อไปที่จะร่ายมันควรเป็นอะไรดี?
เมจิคัลเกิร์ลโฮมุนครูสปรากฏตัวขึ้น ขัดจังหวะฮัลน่าที่กำลังใช้ความคิด การที่เธอปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็วมันทำให้เกิดลมที่ทำให้เส้นผมของฮัลน่าลอยขึ้นไป และเธอก็กดมันลงมา
ไม่มีใครที่สามารถเข้ามายังโรงเก็บของได้โดยที่ไม่มีการได้รับอนุญาตจากฮัลน่า ในทางกลับกัน คนที่ได้รับการอนุญาตจากฮัลน่าก็สามารถเข้ามาในโรงเก็บของโดยที่ไม่ต้องใช้ทางเข้า แม้พวกเธอจะทำหน้าที่ได้ด้วยบุคลิกประดิษฐ์ พลังในการตัดสินใจของพวกเธอแต่ละคนก็ไม่ได้แตกต่างจากพวกโฮมุนครูสธรรมดาที่มีรูปแบบเมจิคัลเกิร์ล
ในตอนนี้ ร่างสโนไวท์คือนักสู้ที่มีความสำคัญที่สุดในแนวป้องกันของโรงเรียน เธอจะไม่มาที่นี่ถ้าไม่มีเหตุผล
มือของโฮมุนครูสเอื้อมไปด้านหลังที่มีใครซักคนอยู่ที่หลัง
“ใครน่ะ?”
เมื่อเอาคนที่แบกเอาไว้ที่หลังมาตรงหน้า เธอก็เอาใบหน้าของคนที่แบกเอาไว้ให้ฮัลน่าเห็น
นั่นคือเด็กสาวในชุดเครื่องแบบ —เหมือนว่าจะไม่ได้สติ ดวงตาของเธอปิดอยู่ เธอคือมนุษย์ ฮัลน่ารู้จักเธอ สโนไวท์ —ไม่ใช่โฮมุนครูสเลียนแบบที่ไร้อารมณ์ที่รอฟังคำสั่งอยู่ตรงหน้า เธอคือสโนไวท์ตัวจริงในร่างก่อนการแปลงร่าง
☆ โอลด์ บลู
โอลด์ บลูคุกเข่าลงตรงหน้าเมจิคัลเกิร์ลที่นอนอยู่ด้านบนกองเศษซากตรงทางเข้าสวน
“เธอต่อสู้ได้ดีนะ” เธอกระซิบออกมาด้วยเสียงที่ไม่มีใครได้ยิน และปิดเปลือกตาของดิโกะลง ทุกอย่างเกี่ยวกับดิโกะมันเหมือนกับมนุษย์ รวมถึงเรื่องความรู้สึกของเธอด้วย แต่โอลด์ บลูเข้าใจถึงความเป็นจริงของเธอ ในตอนนี้เมื่อเธอเสียชีวิตไปแล้ว เธอก็ไม่ได้ต่างอะไรกับเปลือกที่ว่างเปล่า แม้ว่าเธอจะดูเหมือนมนุษย์และมีความรู้สึกเหมือนกับมนุษย์ นี่ก็ไม่ใช่ร่างกายของมนุษย์ มันเป็นเศษซากที่เหลืออยู่ที่ผสมเข้ากับโฮมุนครูส
แม้ว่าจะเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้ โอลด์ บลูก็วางตัวของดิโกะลงอย่างช้าๆ หลับตาอยู่ตรงมุมของทางเดิน เธอสูดลมหายใจเข้าและเอาตัวเองกลับเข้าไปในการต่อสู้ เธอทิ้งความรู้สึกของตัวเองเอาไว้เบื้องหลัง เมินเฉยต่อความเจ็บปวด ขยับข้อศอกซ้ายที่หลุดออกเข้าไปที่เดิม เธอไม่สามารถรักษารอยช้ำตรงไหล่ได้สนิท เธอจะออกไปทั้งแบบนี้
ไลท์นิ่งวิ่งอยู่รอบๆทางเดินตรงหน้าสวน โอลด์ บลูคนเดียวที่สามารถจัดระเบียบและสั่งการพวกเธอได้ เธอมอบคำสั่งผ่านทางชุดหูฟัง สั่งการให้บุกเข้าไปภายในสวน
หลายสิ่งหลายอย่าง —โฮมุนครูสสโนไวท์ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าตัวจริง เมจิคัลเกิร์ลที่เหมือนกับไดโนเสาร์ที่จู่ๆก็ลุกขึ้นมา— ได้ผลักให้ไลท์นิ่งเข้าไปสู้การต่อสู้ที่ลำบาก แต่สุดท้ายความรับผิดชอบก็ตกอยู่กับโอลด์ บลู ดิโกะรู้เป็นอย่างดีกว่าโอลด์ บลูทำการต่อสู้ยังไง และการที่เธอร่วมมือกับแครนเบอร์รี่ทำให้โอลด์ บลูตึงมือมากพอจนไม่สามารถมอบคำสั่งได้ ดิโกะแข็งแกร่งและเวทมนตร์ของเธอก็ทรงพลังมากกว่าที่โอลด์ บลูรู้ เพราะความแข็งแกร่งที่ได้มาจากร่างกายของโฮมุนครูสผสมเข้ากับเวทมนตร์ของอาจารย์ใหญ่ การเสริมพลังค่อยๆลดลง แต่เธอก็ยังคงมีอยู่ แม้ว่าจะอยู่ที่ขอบเหวแห่งความตาย
สิ่งที่เกิดขึ้นกับดิโกะคือความผิดพลาดของโอลด์ บลู ดิโกะเป็นคนที่ฉลาดกว่านักเรียนคนอื่น ดังนั้นโอลด์ บลูจึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องไปพบเธอบ่อยๆ หากไม่นานมานี้ โอลด์ บลูได้พบกับเธอ แบบนั้นก็จะสามารถรู้ว่าเธอมีอะไรที่ผิดแปลกไป แต่จะมาเสียใจในตอนนี้มันก็สายไปแล้ว ทุกสิ่งที่เธอต้องทำคือการให้ฮัลน่า มิดิ เมเร็นชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไปกับเธอ
โอลด์ บลูมองไปก้อนเนื้อที่อยู่ฝั่งตรงข้ามดิโกะที่เธอไม่ได้สนใจ คิดว่ามันไม่น่าดีใจอะไรเลยที่จัดการอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนแครนเบอร์รี่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ในฐานะหัวหน้าของฝ่ายวิจัยและพัฒนาแล้ว เธอรู้สึกว่าตัวเองได้วัตถุดิบที่ดีบางอย่างมา
เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหลายอย่างเกิดขึ้นอย่างกระทันหันจนทำให้โอลด์ บลูต้องติดพันกับมัน ผลลัพธ์ที่ตามมาคือการเธอไม่สามารถนำเหล่าไลท์นิ่งได้ สโนไวท์เองก็ถูกลักพาตัวไปเช่นเดียวกัน เธอจะรวบรวมไลท์นิ่งที่กระจายรอบๆเข้ามาใหม่และให้พวกเธอทำการโจมตีสวน เรื่องนี้มันหมายถึงว่าเธอจะมีกองกำลังที่ต่อต้านเฟรเดริก้าและรัทสึมุคานะ-โฮโนเมะ-โนะ-คามิน้อยลง มันขึ้นอยู่กับเวลาว่าพวกเธอจะมาที่สวนในตอนไหน
อะไรที่เกิดขึ้นไปแล้วมันก็ช่วยไม่ได้ แต่การพบอุปสรรคในสิ่งที่กำลังจะทำนั้นไม่ดีแน่ มันไม่มีการตอบสนองจากเอซโพดำ ความสามารถในการต่อสู้ของเธอเหนือกว่าพวกหน้าไพ่ และยังมีพลังในการตัดสินใจอันยอดเยี่ยม เธอไม่ใช่กำลังรบที่เก่งกาจที่สุดและไม่มีใครเทียบได้ในโรงเรียนตอนนี้ก็จริง แต่เธอก็จะไม่ตายง่ายๆเช่นกัน
ด้วยการที่ไม่มีเอซโพดำ มันจึงทำให้เธอลำบาก แต่เธอก็ต้องลงมือในตอนนี้ ไม่งั้นเรื่องต่างๆก็จะแย่มากยิ่งขึ้น
งั้นก็ไปกันดีกว่า
ไลท์นิ่งกำลังเคลื่อนไหวไปรอบๆอย่างไม่หยุดนิ่ง เธอมองไม่เห็นโฮมุนครูสสโนไวท์จากบริเวณทางเข้า เธอเอาตัวเข้าไปเพื่อตรวจดูด้านใน แต่เธอก็ยังคงมองไม่เห็น จำนวนนักสู้ของศัตรูที่สร้างปัญหาในตอนนี้ได้หายไปด้วยเหตุผลบางอย่าง
เมฟิสและเท็ตตี้เองก็ถอยกลับไปที่มุมของสวน สิ่งที่สร้างขึ้นจากวัตถุปริศนาที่ดวงตาของโอลด์ บลูเห็นคือแนวป้องกันของคุมิคุมิและลิเลี่ยน ก่อนหน้านี้มันไม่ได้อยู่ที่นี่ ตรงด้านหน้าของมันมีเมจิคัลเกิร์ลที่กำลังต่อสู้กับไลท์นิ่ง
โอลด์ บลูเข้าไปด้านในสวนอย่างไร้ซุ่มเสียง เธอมุ่งตรงไปยังใจกลางโดยไม่ได้สนใจแนวป้องกัน
เธอจะไม่สู้ เธอไปยังจุดที่ตัวเองไม่สามารถถูกโจมตีและมองไปรอบพื้นที่ เธอมองดูสวนอย่างใกล้ชิด เธอมองดูแต่ก็ไม่ได้แค่มองดู เธอมองเห็นความเป็นจริงของมัน สายฟ้าผ่าลงมา เมฟิส เฟเลสกำลังตะโกน หนึ่งในไลท์นิ่งลอยออกไป ทำให้กำแพงพังลงมาตามทางที่เธอไป
โอลด์ บลูจะไม่เสียสมาธิของตัวเอง เธอมีความสามารถที่จะทำแบบนั้นได้
ตรงนี้สินะ
☆ 0 ลูลู
“ขอบคุณมากเลยค่ะ”
รูปปั้นหญิงสาวก้มศีรษะลงมา การที่เต็มไปด้วยท่าทางอันสุภาพและรูปลักษณ์อันแปลกประหลาด เธอจึงปิดปากตัวเองที่จะพูดว่า “อ๊ะ ไม่ ไม่เป็นอะไรหรอก” และกระแอมออกมาแทนที่
เธอทำการซ่อมแซมมิส ริล เธอเองยังช่วยลูลูจากการโจมตีเอาไว้ด้วย สำหรับเธอแล้วลูลูก็คือคนที่ช่วยชีวิตตัวเองเอาไว้ ลูลูไม่ควรจะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยออกไป หากลูลูช่วยชีวิตของเธอเอาไว้ แบบนั้นลูลูก็ต้องให้เธอตอบแทนกลับมาสองหรือไม่ก็สามเท่า หากนี่คือคนที่อยู่สุดทางของด้ายแห่งโชคชะตาที่ลูลูคว้าเอาไว้ด้วยเวทมนตร์แล้วล่ะก็ แบบนั้นมันก็มีเหตุผลมากขึ้นที่จะไม่ปล่อยไปง่ายๆ
“เธอบอกว่าตัวเองถูกแยกตัวออกจากเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นๆสินะ”
“ในตอนที่พวกเรากำลังต่อสู้กันอยู่ มันก็กลายเป็นว่าฉันอยู่ตัวคนเดียวค่ะ… อ๊ะ มันมีการประกาศของโรงเรียนด้วย บอกว่าให้ไปรวมตัวกันที่สวน”
“ฉันเองก็ได้ยินเหมือนกัน”
ลูลูไม่แน่ใจว่าควรจะอธิบายเรื่องของตัวเองยังไง เธอตัดสินใจพูดว่าตัวเองคือเพื่อนของสโนไวท์และเป็นเมจิคัลเกิร์ลนักรับรับจ้างฟรีแลนซ์ พวกเธอเป็นแค่เพื่อนของเพื่อน แต่บางครั้ง การไม่อธิบายรายละเอียดทุกอย่างออกมาเป็นเรื่องที่ดีกว่า
ลูลูครุ่นคิด เธออ่านเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเมจิคัลเกิร์ลที่ชื่อว่ามิส ริลมาในเอกสาร เพราะแบบนั้นจึงได้รู้จักเธอ เมื่อเธอถือเหล็กเอาไว้ ร่างกายของเธอก็จะเปลี่ยนเป็นสสารชนิดเดียวกันกับที่ถืออยู่ ความเสียหายเองก็ถูกซ่อมแซม การหยิบโกลด์สโตนที่ลูลูทำตกขึ้นมา ร่างกายทั้งร่างของมิส ริลจึงเปลี่ยนไป ในตอนนี้ เธอคือโกลด์สโตนขนาดยักษ์
ซึ่งในอีกแง่หนึ่งนั้น หากการประสานเธอเข้ากับเวทมนตร์ของลูลู มันก็ไม่ใช่ว่าเธอจะสามารถสร้างผลลัพธ์แบบมหาศาลได้หรอกเหรอ?
นี่คือการพบพานแห่งโชคชะตาอย่างแน่นอน แต่การใช้เวทมนตร์ของเธอในตอนที่ไม่ได้มีใครอยู่รอบๆมันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร
“ไม่ใช่ว่า… มันเงียบไปหน่อยเหรอคะ?” มิส ริลถาม
“นั่นสิ” ลูลูเห็นด้วย
ทั้งสองคนแอบอยู่ในห้องเรียนที่ว่างเปล่า ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังแท่นบรรยายของอาจารย์ แต่พวกเธอก็ไม่ได้ยินเสียงของการต่อสู้ หรือเสียงสายฟ้าของไลท์นิ่งที่มันน่ารำคาญอีก ลูลูสัมผัสไม่ได้ถึงตัวตน แน่นอนว่าเธอไม่ได้คิดว่าการต่อสู้จบลงแล้ว นี่คือความสงบก่อนที่จะเกิดพายุ
ตอนนี้คือเวลาที่ต้องเคลื่อนไหวแล้วรึเปล่า? หากพวกเธอจะไปที่ไหนซักที่ แบบนั้นมันก็ต้องเป็นสวน แต่มันก็เสี่ยงมากที่จะเคลื่อนไหวในสถานการณ์ที่น่าสงสัย ในตอนที่ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น —เมื่อสามัญสำนึกลอยขึ้นมาในใจ เธอก็กระแอมออกมาอีกครั้ง
หากคำถามคือการที่จะออกไปหรือไม่ออกไป แบบนั้นเธอก็จะต้องไป ลูลูยืนขึ้นและยื่นมือเข้าไปหามิส ริลที่นั่งอยู่
☆ ฮัลน่า มิดิ เมเร็น
มันได้เติมเต็มคำสั่งที่จะไม่ฆ่าสโนไวท์ —และนำตัวของเธอมาเมื่อพบเห็นเธอ หากเป็นจอมเวทหรือเมจิคัลเกิร์ลที่ทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ เธอก็ควรจะยกย่องอีกฝ่ายจากการที่ทำได้สำเร็จ แต่เรื่องนั้นมันไม่จำเป็นสำหรับโฮมุนครูส
นี่เธอควรจะทำยังไงนะ? หากเธอเอาวิญญาณของสโนไวท์ใส่เข้าไปในร่างโฮมุนครูส มันก็จะเป็นร่างผสานที่สมบูรณ์แบบ เสริมพลังการต่อสู้ของเธอให้มากยิ่งขึ้น การอยู่ท่ามกลางการต่อสู้หมายถึงฮัลน่ามีเวลาที่จำกัด แต่การผสานนั้นง่ายและรวดเร็ว เธอสามารถเริ่มและทำให้เสร็จสิ้นในโรงเก็บของนี้ได้ตามปกติ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเธอถึงทำการผสานร่างนักเรียนในบริเวณโรงเรียนได้สำเร็จโดยที่ไม่มีใครรู้ ถ้ามันเป็นภายในโรงเก็บของ แบบนั้นเธอก็ควรจะใช้พลังจากรากโดยตรง —จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงที่เหมือนกับผงที่ถูกบดโดยครกขนาดยักษ์ การสั่นสะเทือนมันส่งผ่านมาถึงฝ่าเท้าของเธอ ฮัลน่าเงยหน้าขึ้น เสียงนี้ —การสั่นสะเทือนแบบนี้มันรู้สึกคุ้นเคย เมื่อเธอคิดว่า เป็นไปไม่ได้ เธอก็วิ่งไปที่หน้าต่างและมองออกไปด้านนอก
เมจิคัลเกิร์ลในชุดสีฟ้ายืนอยู่พร้อมกับมีปรินเซสไลท์นิ่งรายล้อม เธออยู่ใกล้กับใจกลางของสวน ร่ายคาถาด้วยท่าทางที่ลื่นไหลและสงบนิ่ง เธอขยับแขนและนิ้วตามรูปแบบที่กำหนดไว้ ตรงหน้าของเธอ สถานที่ที่เคยมีซุ้มประตูตั้งอยู่ได้ถล่มลง มันเปิดออกพร้อมกับสร้าง “เสียงที่เหมือนกับผงที่ถูกบดโดยครกขนาดยักษ์”
หินปูพื้นเปิดออก เผยให้เห็นบันไดตรงหน้า ถัดไปจากนั้นคือบริเวณทางเข้า และถ้าเข้าไปลึกยิ่งกว่านั้น มันก็คือสถานโบราณ
อย่าบอกนะ… ทำไมกัน?!
มันไม่มีเหตุผลเลยที่เธอจะรู้เรื่องคาถา แต่การออกเสียงของเธอถูกต้อง การขยับแขน การเคลื่อนไหวของนิ้วมือล้วนถูกต้องทั้งหมด มีใครบางคนบอกเธองั้นเหรอ? มีสปายอยู่ในนั้น? แต่การรู้เรื่องทางเข้าสถานโบราณอย่างเป็นทางการก็ควรจะมีแค่คนไม่กี่คนที่มีตำแหน่งสูงมากในแต่ละฝ่ายที่รู้ นี่มันเหนือกว่าระดับของการมีสปายหรือมีคนให้ข้อมูลไปแล้ว
☆ โอลด์ บลู
เธอใช้เวทมนตร์ของตัวเองอย่างเต็มที่ ค้นพบประตูที่ซ่อนอยู่ตรงใจกลางสวนและปลดล็อคมัน รูสี่เหลี่ยมเปิดออกบนพื้นดิน จากที่นั่น เธอก็มองเห็นบันไดที่ทอดยาวลงไปใต้ดิน โอลด์ บลูเดินลงไปตามบันได
เสียงของเหล็กที่ปะทะกันด้านหลังห่างออกไป เธอเดินลงไปตามบันไดเหมือนกับเป็นเส้นตรงอย่างรวดเร็วโดยไม่ให้เกิดเสียง
กำแพงเป็นหินสีเทา พื้นและเพดานเองก็เช่นเดียวกัน มันไม่ได้มีรอยแตกอยู่ที่ไหนเลย มีเวทมนตร์ที่ร่ายใส่เอาไว้ ไม่ใช่แค่ทำให้แข็งแกร่งขึ้นแต่ยังทำให้ต้านทานเวทมนตร์ได้มากขึ้นด้วย เธอมองไม่เห็นรอยต่อ —นี่มันถูกตัดมาจากหินก้อนเดียวงั้นเหรอ? โดยปกติแล้วมันเป็นไปไม่ได้ แต่มันสามารถทำได้ด้วยเวทมนตร์
ด้วยทุกย่างก้าวที่เธอก้าวออกไปข้างหน้า ความเหน็บหนาวบนผิวหนังมันก็เพิ่มมากยิ่งขึ้น อุณหภูมิกำลังลดลง และไม่ใช่เพียงเท่านั้น มันมีอะไรบางอย่าง อะไรบางอย่างตรงหน้าที่กำลังลดอุณหภูมิร่างกายของโอลด์ บลูให้ต่ำลง
ก้าวออกไปยี่สิบก้าวจากตรงนี้ บันไดก็มาถึงจุดสิ้นสุด มันมีห้องที่อยู่ด้านล่างนั่น จากเวทมนตร์ของเธอแล้ว นี่คือพื้นที่บริเวณทางเข้า มันยังคงเป็นทางเข้าสถานโบราณ ไม่ใช่ตัวของสถานโบราณ
ให้ตายสิ…
มันมีประตูหินขนาดใหญ่ แม้จะเป็นโฮมุนครูสขนาดยักษ์ก็สามารถผ่านไปได้ มันมีขนาดใหญ่มากพอที่เมจิคัลเกิร์ลจะเงยหน้าขึ้นมอง ซึ่งมันจะนำทางไปสู่สถานโบราณ กุญแจเวทมนตร์ไร้ความหมายต่อหน้าโอลด์ บลู นี่เป็นเพราะว่าวิธีการคลายล็อคมันรวมอยู่ในความเป็นจริงด้วย เมื่อเทียบกับสิ่งที่เธอเพิ่งเปิดแล้ว ประตูนี้มันเรียบง่ายมาก
เธอไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการที่ยากเย็นหรือเครื่องพิเศษ หากเธอร่ายคาถาเพียงไม่กี่คำ ประตูก็จะเปิดออก และด้วยความสามารถทางกายภาพของเมจิคัลเกิร์ลแล้ว เธอก็สามารถเตะให้มันเปิดออกได้เช่นกัน นี่คือระดับของการ “ล็อคที่ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป” โดยส่วนใหญ่แล้วมันไม่ได้มีการคาดคิดว่าหัวขโมยจะสามารถเข้ามาได้ถึงระดับนี้ พวกนั้นเพียงแค่รู้เรื่องที่ต้องทำ และการที่สามารถเปิดทางเข้าสถานโบราณที่อยู่ในสวนได้มันก็เป็นเพราะมีใครบางคนที่มีความพิเศษอย่างโอลด์ บลู มันไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถทำได้
ในขณะที่เข้าใจเรื่องราวมากขนาดนี้ โอลด์ บลูก็ไม่ได้เปิดประตูและหันหลังเข้าใส่
นี่มันเป็นไปไม่ได้
การเข้าไปด้านในเพื่อทำอะไรบางอย่างกับสถานโบราณไม่ต้องพูดถึง แม้ว่าจะเป็นไลท์นิ่งโพแดง คนที่สามารถต้านทานเวทมนตร์ได้สูงก็ไม่สามารถอยู่ได้นานด้านในนั้น มันจึงไม่ต้องคิดถึงตัวของโอลด์ บลูเลย นี่เฟรเดริก้าเตรียมการอะไรบางอย่างไว้งั้นเหรอ? หากเฟรเดริก้าจะทำลายตัวเอง นั่นคือเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าเธอมีอุบายบางอย่างที่สามารถเข้าไปด้านในได้ นั่นคือเรื่องแย่ ฝ่ายโอลด์ บลูไม่สามารถแตะต้องสถานโบราณได้ แถมการทำให้อีกฝ่ายสามารถเข้ามาได้อย่างสบายคือเรื่องที่แย่ที่สุด
เธอจะไม่ทำลายวัตถุโบราณ การทำลายสถานโบราณเองก็เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นตัวเลือกที่เหลืออยู่คือการกำจัดเฟรเดริก้า แต่ก่อนที่จะเป็นเรื่องนั้น เธอมีอีกเรื่องที่ต้องจัดการให้เสร็จสิ้นก่อน
☆ ฮัลน่า มิดิ เมเร็น
ประตูที่นำไปสู่สถานโบราณที่อยู่ภายในสวนคือสิ่งที่ไม่สามารถรับรู้ได้ ทางเข้าของสถานโบราณถูกปกปิดเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบและผนึกเอาไว้ด้วยผู้ร่ายเวทระดับสูงจากสามฝ่ายที่รวมตัวกัน ในการที่จะเปิดมันนั้น ขั้นแรกที่การส่งเรื่อง หลังจากที่เอกสารถูกหมุนเวียนไปยังคนในระดับสูงสุดแล้ว มันก็จำเป็นต้องรอร่วมเดือน ในระหว่างนั้นมันก็ต้องทำงานภาคพื้น สร้างฉันทามติ เจรจาหลายๆสิ่งด้านหลังม่าน จนสุดท้ายก็จะได้รับการอนุญาต
ครั้งล่าสุดที่มันถูกเปิดออกคือภายใต้ข้ออ้างของการสืบสวน ผู้ร่ายเวทระดับสูงสิบห้าคนและตัวแทนของอาจารย์โอสได้ถูกส่งเข้ามา แม้ว่าจะต้องทำถึงขนาดนั้นเพื่อทำการเปิด แต่ชัฟฟินที่ถูกส่งเข้าไปไม่ได้กลับออกมา ทีมสำรวจก็ไม่สามารถดำเนินการต่อจากทางเข้าได้ พวกนั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำการผนึกใหม่ มันต้องใช้เวลาและความพยายามมากขนาดนั้นเมื่อต้องทำการเปิด
แผนของฮัลน่าคือการจัดเตรียมร่างผสานหลายร่างที่มีความแข็งแกร่งของโฮมุนครูสพร้อมด้วยสติปัญญาของเมจิคัลเกิร์ล จากนั้นก็ทำการประยุกต์ใช้ คิดว่าคราวนี้มันคงจะได้ผล แต่ประตูนั่น ประตูที่ควรจะปิดสนิทในตอนนี้กลับเปิดออกอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมาย
แม้ว่าจะตัวสั่นด้วยความช็อค ฮัลน่าก็ต้องทำในสิ่งที่ตัวเองควรทำ
“กลับไปที่สวน หาตัวเมจิคัลเกิร์ลสีฟ้าที่ผมยาว… แล้ว—”
ก่อนที่เธอจะสั่งสโนไวท์สีดำให้ไปฆ่าโอลด์ บลู เธอก็มองออกไปด้านนอก หินปูพื้นถูกเปิดออกทั้งหมด และในตอนนี้เมจิคัลเกิร์ลก็หายไป ลูกบิดประตูเกิดหมุน ฮัลน่าตื่นตระหนกและหันหน้าไปยังทางเข้าโรงเก็บของ ลูกบิดมันกำลังหมุน
มันไม่ควรจะเป็นไปได้ที่จะเปิดโรงเก็บของนี้จากภายนอก มันต้องร่ายคาถาสั่งการและหมุนลูกบิดให้ถูกต้องตามลำดับ แต่ศัตรูคือคนที่สามารถเปิดทางเข้าเพื่อไปยังสถานโบราณได้ เมื่อเทียบกันแล้ว การเปิดประตูของโรงเก็บของก็ควรจะเป็นเรื่องง่าย
มันไม่มีเวลาให้คิดแล้ว
ลูกบิดถูกหมุนจนสุด ประตูเปิดออกพร้อมกับแสงที่ส่องเข้ามาด้านใน
☆ โอลด์ บลู
ภายในโรงเก็บของเต็มไปด้วยหนังสือทางเทคนิคและอุปกรณ์การทดลอง แต่อาจารย์ใหญ่ไม่ได้อยู่ที่นี่ โอลด์ บลูเข้าไปในห้อง ลดตัวลงและลูบพื้น ฮัลน่าอยู่ที่นี่เมื่อไม่กี่วินาทีก่อน นี่เธอใช้คาถาเทเลพอร์ทเพื่อไปที่ไหนซักที่งั้นเหรอ?
หนีเร็วจริงนะ
ฮัลน่าไม่ใช่คนเดียวที่อยู่ที่นี่ สโนไวท์ที่ไม่ได้สติและคลายการแปลงร่างเองก็อยู่ที่นี่เช่นกัน โอลด์ บลูหรี่ตาเพราะแสงจ้าที่สองเข้ามา เธอคิดที่จะพาสโนไวท์กลับไปด้วยกันกับเธอ แต่ความต้องการที่มากเกินไปก็ไม่ได้นำไปสู่เรื่องอะไรที่ดี มันน่าหงุดหงิดก็จริง แต่ก็ถูกบังคับให้ยอมแพ้ในเรื่องนั้น
สโนไวท์ถูกพาตัวไป และฮัลน่า คนที่ต้องชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองทำในตอนท้ายได้หายไป มันไม่มีอะไรที่ไปได้ดีเลย โอลด์ บลูลุกขึ้นยืนและมอบคำสั่งผ่านทางชุดหูฟัง
“งานของพวกเราเสร็จแล้ว เตรียมตัวถอยได้”
หลังจากที่เธอมอบคำสั่ง สายตาของเธอก็หันไปที่ใจกลางห้องอีกครั้ง
ที่ตรงนั้นมันมีปลายรากโผล่ทะลุไม้กระดานขึ้นมา ขนาดของมันใหญ่กว่าลำตัวของมนุษย์ ใครก็ตามที่ได้เห็นคงจะรู้สึกช็อค —ถ้าปลายรากมันใหญ่ขนาดนี้ แบบนั้นต้นหลักของมันจะใหญ่ขนาดไหนกัน? แต่สำหรับโอลด์ บลู คนที่ไม่ได้เห็นแค่รูปร่างภายแต่มองเห็นความเป็นจริงของมันด้วยนั้น เรื่องนี้มันยิ่งกว่าที่จะรู้สึกตกตะลึง
งั้นเหรอ อย่างนี้นี่เอง เธอพูดกับตัวเอง ในตอนนี้มันสมเหตุสมผลแล้วว่าฮัลน่าเก็บพลังงานมากมายขนาดนั้นได้ยังไง ระบบของทั้งสวน การป้องกันอันเด็ดขาดของโรงเก็บของ เวทมนตร์สนับสนุนหลากหลายประเภท —ทุกอย่างถูกดึงขึ้นมาจากที่นี่
การมองมันตรงๆทำให้เธอรู้สึกวิงเวียน ข้อมูลมันมหาศาลเกินไป
นี่คือส่วนหนึ่งของสถานโบราณ มันยืดออกมาไกลขนาดนี้จนมาถึงพื้นดิน ฮัลน่าที่เป็นผู้ดูแลห้องเรียนตระหนักถึงมัน ยึดครองมันเอาไว้ และทำการใช้มันในทางที่ผิด เฟรเดริก้าเองก็เช่นเดียวกัน โอลด์ บลูไม่สามารถรับมือได้ ในอีกแง่หนึ่ง มันสร้างอันตรายได้มากและไม่ได้มีอะไรดีเลย
ดวงตาของโอลด์ บลูยังคงอ่านจากมันได้ว่าเธอควรจะทำการกำจัดมันยังไงได้อีกด้วย เธอร่ายคาถาเพื่อสร้างผนึกด้วยมือขวาและวางมือซ้ายลงที่ด้านบนราก จากจุดนี้ เธอต้องผ่านหลายขั้นตอนเพื่อทำลายมัน
☆ ริปเปิล
โรงเรียนถูกทำลายจนถึงขั้นที่ไม่มีส่วนไหนที่ไม่ถูกทำลาย ริปเปิลไม่ได้พยายามยั้งความกระสับกระส่ายของตัวเองไว้ ปล่อยให้อารมณ์เป็นสิ่งขับเคลื่อนการวิ่ง
เธอจำเรื่องในวันนั้นได้ เธอไม่สามารถปล่อยให้สโนไวท์ต่อสู้เพียงคนเดียวได้ เมื่อสโนไวท์ขอร้องว่าให้ช่วยฝึกฝนเธอ ริปเปิลก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอม แม้ริปเปิลจะตำหนิสโนไวท์ในเรื่องนั้น ริปเปิลก็ไม่สามารถปล่อยให้สโนไวท์เข้าไปท้าทายพวกนอกกฏหมายโดยที่ตัวเองไม่ได้มีความแข็งแกร่ง
นอกเหนือจากนั้น ริปเปิลอยากจะช่วยเหลือใครบางคนแม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย เธออยากที่จะอยู่ที่นั่นเพื่ออีกฝ่าย คอยมอบความกล้าให้ —นั่นคือเมจิคัลเกิร์ลท้องถื่นที่เธออยากจะเป็น เธอรู้สึกว่าหากไม่มีการทดสอบเกิดขึ้น ความสัมพันธ์ของเธอกับท็อปสปีดมันจะกลายเป็นแบบนั้น นั่นคือการที่เธอคิดว่าทำไมมันถึงเป็นเรื่องผิดที่จะบังคับสโนไวท์ ริปเปิลไม่สามารถเอาความสงสัยออกไปจากตัวเองได้ว่าเธอกำลังพยายามบังคับสโนไวท์ให้ไปแทนที่ของท็อปสปีดรึเปล่า ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถก้าวเข้าไปใกล้สโนไวท์ได้
และผลลัพธ์นั้น สโนไวท์ได้กลายเป็นคนที่ถูกเรียกว่านักล่าเมจิคัลเกิร์ล และคนที่สโนไวท์ปรารถนาที่อยากจะช่วยสนับสนุนอย่างริปเปิลก็ถูกควบคุมโดยเฟรเดริก้า พรากชีวิต สร้างปัญหามากมายให้ใครหลายคน และทำร้ายสโนไวท์ โดยที่ไม่ได้มีเรื่องอะไรดีๆเกิดขึ้นซักอย่าง
เพดานของห้องเรียนร่วงลงมา ทำให้ฝุ่นควันฟุ้งขึ้นที่มุมห้อง เมื่อควันเข้ามาขวาง เธอก็มองไม่เห็นเพดานอีกต่อไป
เธอรู้ว่าคนของโอลด์ บลูใช้งานเธอ เธอเองก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับเรื่องนี้ เธอตัดสินใจว่าถ้าไพตี้ เฟรเดริก้ากำลังจะลงมือ ริปเปิลก็ต้องฆ่าเธอก่อนที่จะทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ แน่นอนว่าเพราะริปเปิลถูกเฟรเดริก้าควบคุม เธอจึงรู้ดีกว่าใครว่าตัวเองต้องฆ่าเฟรเดริก้า
แต่สุดท้ายแล้ว เธอก็ไม่สามารถทำมากขนาดนั้นได้
ทุกครั้งที่เธอพยายามทำอะไรบางอย่าง มันก็จะลงเอยด้วยการเข้าไปขวางทางสโนไวท์
เธอคิดถึงเรื่องสโนไวท์ เรื่องเฟรเดริก้า และเรื่องโอลด์ บลู ดวงตาของโอลด์ บลูสามารถมองเห็นทะลุผ่านทุกสิ่งทุกอย่าง ริปเปิลคิดว่าเธอฟังดูเหมือนกับคนที่รู้เรื่องทุกอย่าง แต่การแค่ยืนคุยกับเธอมันก็ทำให้ริปเปิลรู้สึกไม่สบายใจ นี่โอลด์ บลูสามารถจัดการเฟรเดริก้าได้รึเปล่า? บางทีอาจจะทำได้ ริปเปิลอยากที่จะจัดการเฟรเดริก้าด้วยตัวเอง แต่เธอก็ไม่สามารถโลภเกินไปได้ เธอไม่ได้อยู่ในจุดที่สามารถทำแบบนั้นได้อีกด้วย
☆ ฮัลน่า มิดิ เมเร็น
เธอทำได้ทันเวลา ก่อนที่หัวขโมยจะก้าวเข้ามา เธอก็จัดการเคลื่อนย้ายตัวเองได้สำเร็จ แต่เธอก็ไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปไกลได้มาก มันจำกัดอยู่ในพื้นที่บริเวณใกล้เคียง
เธอมาที่ทางเข้าสถานโบราณพร้อมกับสโนไวท์และโฮมุนครูส จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ประตูขนาดใหญ่ยังคงไม่ถูกแตะต้อง มันยังไม่ได้ถูกเปิดหรือถูกทำลาย หัวขโมยไม่ได้เข้าไปภายในสถานโบราณ นั่นหมายความว่าเมื่อมาถึงจุดนี้แล้วก็ตระหนักได้ว่ามีอันตรายอยู่ภายในสถานโบราณและออกไปโดยที่ไม่ได้แตะต้อง เธออยากที่จะพูดอะไรอย่าง “ก็เป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นแค่หัวขโมย—” แต่ศัตรูสามารถเปิดประตูที่นำไปสู่ทางเข้าได้ และจากนั้นก็สามารถเปิดประตูโรงเก็บของได้อีกด้วย
เธอต้องคิดใหม่ว่าตัวเองจะมองเรื่องนี้ยังไง ระบบของสวนเองก็ไม่ได้พังเพราะอุบัติเหตุ ใครบางคนทำลายมัน หัวขโมยไม่ใช่แค่พวกนอกกฏหมายธรรมดา —มันมีพลังที่สามารถงัดเข้ามาในระบบการรักษาความปลอดภัยเวทมนตร์ได้อีกด้วย
“สำหรับตอนนี้…”
ฮัลน่ากำลังจะมอบคำสั่ง และจากนั้นเธอก็มองขึ้นไปที่บันได ภายในห้องหินที่เหน็บหนาว อุณหภูมิที่เธอรู้สึกได้มันเย็นกว่าปกติสองถึงสามองศา และในตอนนี้อุณหภูมิร่างกายก็ลดลงไปมากยิ่งกว่านั้น ทั่วทั้งห้องส่ายไปมาจนไม่ต้องใช้เวลาคิดว่า มีอะไรบางอย่างกำลังเกิดขึ้น
เธอตัวสั่น นี่ไม่ใช่แผ่นดินไหว แม้ว่าในตอนนี้ทางเข้าจะถูกเปิดออก แต่มันก็ถูกสร้างขึ้นให้ไม่มีวันสั่นไหวจากแผ่นดินไหวที่จะเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ในอีกแง่หนึ่ง อะไรบางอย่างที่ไม่คาดคิดกำลังเกิดขึ้น
ก่อนที่เธอจะคิดว่ามันคืออะไร หินปูพื้นก็แตกออก อะไรบางอย่างที่เหมือนกับรากก็ตัดผ่านสวนก่อนที่จะแทงทะลุหินปูพื้น ขึ้นไปจนถึงเพดานเพื่อพยายามไปให้ไกลกว่านั้น แต่มันก็หยุดเคลื่อนไหวในทันที เหี่ยวเฉา อ่อนยวบลงเหมือนกับผักที่ขาดความชุ่มชื้น โฮมุนครูสประเภทสโนไวท์จับแขนของฮัลน่าเอาไว้และก้าวมาข้างหน้า แต่มันจะปกป้องเธอจากอะไรกันล่ะ?
อะไรบางอย่างกำลังเกิดขึ้น หรืออะไรบางอย่างถูกทำให้เกิดขึ้นกันแน่? หากเป็นหัวขโมยที่เข้าไปในโรงเก็บของล่ะก็ มันก็อาจจะเป็นอะไรก็ได้
ฮัลน่าร่ายคาถา เธอร่ายเวทที่ทำให้มองเห็นได้ไกลเป็นอย่างแรก เข้าถึงกล้องวงจรปิดภายในโรงเก็บของเพื่อตรวจสอบภายใน
ดวงตาของ
เธอที่ปิดลงสะท้อนภาพที่ไม่ได้อยู่ตรงหน้า หนังสือและอุปกรณ์การทดลองกระจัดกระจาดไปทั่ว มันถูกรื้อค้น แต่นั่นก็เป็นเรื่องเพียงเล็กน้อย และเมื่อมองไปที่ด้านหลังห้องและเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับรากแสนรักเธอ ฮัลน่าก็ส่งเสียงร้องออกมา มันแห้งเหี่ยวเป็นสีดำและหดลง
อะไร…? ได้ยังไง…?
สิ่งที่เกิดไปแล้วไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีก การคร่ำครวญออกมาในตอนนี้ก็ไม่มีความหมาย จากนี้ไปเธอควรที่จะคิดถึงเรื่องที่ตัวเองต้องทำ แม้จะเข้าใจในเรื่องนั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะกัดฟัน แต่ฮัลน่าจะใช้เวลากับการเสียใจไม่ได้
“ขออนุญาต”
เมื่อสงสัยว่าเรื่องในคราวนี้คืออะไร เธอก็มองไปยังต้นเสียง คุมิคุมิและลิเลี่ยนต่างก็กำลังก้มหน้า
“พวกเรามีรายงาน ศัตรูถอนกำลังไปแล้ว” ลิเลี่ยนพูด
“หือ? ทำไมกัน?”
“พวกเราเชื่อว่าอีกฝ่ายอาจจะกังวลเรื่อง… การสั่นสะเทือน เห็นได้ชัดว่าพื้นดินมันเป็นหลุมเป็นบ่อ ถ้าไม่ระวังก็จะสะดุดล้มเอาได้”
หนีไปเพราะแรงสั่นสะเทือนงั้นเหรอ? นี่เธอควรจะคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายแบบนั้น? ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายมีแผนอื่นอยู่? ความคิดต่างๆเริ่มวนเวียนอยู่ภายในหัวของฮัลน่า เธอปรับตำแหน่งของแว่นและรวบรวมสติของตัวเอง
มันเป็นความจริงที่ศัตรูทำการถอยไปแล้ว ดังนั้นพวกควรที่จะใช้ความจริงข้อนี้ แม้ว่าจะไม่ได้วางแผนการกับเรื่องนี้มาก่อน ฮัลน่าก็อยู่ที่ทางเข้า เธอจะใช้สถานที่แห่งนี้ ในสถานการณ์นี้ มันดีกว่าการกลับไปที่โรงเก็บของที่ไม่ได้มีความปลอดภัยอีกแล้ว เธอไม่รู้ว่ามันอาจจะมีกับดักประเภทไหนที่ถูกวางเอาไว้ด้วย
ฮัลน่าหันกลับและมองตรงไปยังสถานโบราณ ประตูขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังของพื้นที่ทางเข้ายังคงปิดสนิท มันยังไม่ได้ถูกแตะต้อง นี่เองก็หมายความว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้แตะต้องสิ่งที่อยู่ด้านในเช่นเดียวกัน
ฮัลน่าหันกลับมาที่ลิเลี่ยนและคุมิคุมิ “เข้าไปในสถานโบราณ หาวัตถุโบราณและเอากลับมาให้ชั้น” เธอสั่งการ
“พวกเรา… กำลัง… สร้างฐานอยู่ในสวน…” คุมิคุมิพูด
“ไม่ต้องสนใจเรื่องนั้น การได้พลังงานมาคือความสำคัญสูงสุดของพวกเรา”
“วัตถุโบราณ… คืออะไร… ?”
“ชั้นไม่รู้ หาอะไรที่ดูเหมือนวัตถุโบราณและเอากลับมาที่นี่ซะ พวกเธอสองคนคือคนที่ชั้นสามารถวางใจเรื่องนี้ได้ คิดเรื่องมาตราการความปลอดภัยเอาไว้ด้วย ถ้าเรื่องมันกลายเป็นว่าแย่ลง แบบนั้นก็ให้กลับมาทันที เข้าใจไหม? ชั้นฝากพวกเธอสองคนด้วย”
เธอหงุดหงิดที่ในเวลาแบบนี้คุมิคุมิก็ยังพูดออกมาอย่างช้าๆ แต่การตะโกนใส่เธอก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร เธอบอกตัวเองว่านี่คือเรื่องดีที่พวกเธอมีพลังในการตัดสินใจเป็นของตัวเอง ไม่เหมือนกับโฮมุนครูส
เธอต้องใช้ช่วงเวลานี้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด หากพวกเธอกลับมาพร้อมกับวัตถุโบราณ มันก็จะทำให้พลิกสถานการณ์ได้ ในกรณีที่แย่ที่สุด พวกเธอขีดเส้นความปลอดภัยเอาไว้ อย่างน้อยพวกเธอก็จะสามารถกลับมาได้ แม้ว่าทั้งสองคนจะบ่นเรื่องนี้ นี่ก็จะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด
แน่นอนว่าพวกเธอสามารถเสนอความคิดเห็นของตัวเองออกมาได้ แต่พวกเธอก็พูดปฎิเสธกับเธอไม่ได้ เมื่อฮัลน่าร่ายคาถาเพื่อเปิดประตู เมจิคัลเกิร์ลสองคนก็หายเข้าไปด้านในภายในพริบตา และฮัลน่าก็เช็ดหน้าผากด้วยหลังมือ
ร่างกายของจอมเวทธรรมดาหรือเมจิคัลเกิร์ลไม่สามารถเดินเข้าไปด้านในสถานโบราณได้อย่างง่ายๆ แต่ร่างผสานเมจิคัลเกิร์ลมันคล้ายคลึงกับโฮมุนครูสเป็นอย่างมาก พวกเธอมีความต้านทานต่อเวทมนตร์สูงมาก และยังสามารถทนต่อบางสิ่งบางอย่างภายในสถานโบราณได้อีกด้วย ปัญหาก็คือโฮมุนครูสมีสติปัญญาพลังในการตัดสินใจน้อย แม้ว่าจะมีความทนทาน พวกเธอก็ไม่ได้คุ้นเคยกับการสำรวจสถานโบราณ หากให้พูดแล้ว ร่างผสานที่มีสติปัญญาและพลังในการตัดสินใจของเมจิคัลเกิร์ลมันคือการที่มีข้อคือของทั้งสองอย่าง
จุดประสงค์ดั้งเดิมของร่างผสานคือการสำรวจสถานโบราณและขโมยวัตถุโบราณ แม้ว่าร่างผสานจะยังคงไม่สมบูรณ์แบบ แต่สถานการณ์มันเอื้ออำนวย เธอไม่สามารถขออะไรที่มันมากเกินไปได้
ฮัลน่ามองไปที่ประตูและเบือนหน้าหนีออกไปทันที ความมืดที่ไม่สามารถทะลวงผ่านได้อยู่ที่ด้านหลัง แค่ประตูที่เพิ่งทำการเปิดมันก็ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะท้านแล้ว เธออยากจะปิดมันทันที แต่เธอต้องเปิดเอาไว้จนกว่าคุมิคุมิและลิเลี่ยนจะกลับมา
☆ ไพตี้ เฟรเดริก้า
การต่อสู้ด้วยพลังใหม่มันรู้สึกสนุกเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เธอเบื่อหน่ายมันอย่างรวดเร็ว เธอไม่ได้รักในการรังแกคนที่อ่อนแอกว่า และในตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาเสียเวลากับอะไรแบบนี้ ดังนั้นเฟรเดริก้าจึงเปลี่ยนวิธีการ เธอหยุดใช้พลังของตัวเองในฐานะร่างเกิดใหม่อย่างเต็มที่ สลัดกลุ่มที่มีใบหน้าเหมือนกันที่อยู่รอบตัวออกไป เปลี่ยนวิธีการไปเป็นการเคลื่อนไหวแบบซ่อนเร้น
เธอไถลตัวลงไปใต้ไม้กระดาน ปิดบังตัวเองด้วยฝุ่นในตอนที่คลานออกไปด้านด้วยเร็วอันน่ากลัวจนไม่มีใยแมงมุมติดอยู่บนใบหน้า เมื่อมองไปบนรอยที่พื้น มันก็มีเมจิคัลเกิร์ลมากกว่าหนึ่งคนที่ใช้ทางนี้มาก่อน เมื่อเธอกระดิกจมูก เธอก็จับกลิ่นของเมจิคัลเกิร์ลหลายคนได้ และหนึ่งในนั้นก็คือกลิ่นของดอกไม้สีขาวที่ประดับอยู่บนศีรษะสโนไวท์
เธอไม่ได้สัมผัสกลิ่นหอมหวานเช่นนี้มาเป็นเวลานานแล้ว มันทำให้รอยยิ้มปรากฎขึ้นมาบนใบหน้า หากเวลาเอื้ออำนวย เธอก็อยากที่จะเพลินเพลินไปกับกลิ่นที่อยู่ตรงนี้จนกระทั่งตัวเองพอใจ แต่ช่างโชคร้ายที่เวลามันมีจำกัด แต่กระนั้น มันก็เหมือนว่าจนกระทั่งถึงตอนนี้สโนไวท์ก็ยังคงปลอดภัย เฟรเดริก้าชมเชยเธออย่างเงียบๆ อย่างที่คาดหวังได้จากสโนไวท์เลย
จากพฤติกรรมของไลท์นิ่งที่อยู่ภายนอกที่เธอมองเห็น มันดูเหมือนว่าพวกเธอพยายามนำกำลังเข้าไปในสวน แม้ว่าการบุกเข้ามาจะเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด ทางโรงเรียนก็ยังคงรับมือเอาไว้ได้ ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนหรืออาจารย์ หรือว่าทั้งคู่ ต่างก็มีความสามารถจริงๆ
เฟรเดริก้าเคลื่อนตัวไปใต้ทางเดินและห้องเรียนอย่างเงียบๆแต่ก็รวดเร็ว หากจะพูดให้ชัดเจนกว่านั้นคือ เธอกำลังคลานผ่าน
ในระหว่างทาง มันก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงขึ้น มันกำลังมีการเปิดใช้งาน นี่เป็นจังหวะที่เหมาะสม —แต่ในอีกด้านหนึ่ง มันก็หมายความว่าเธอจะไปสายกว่านี้ไม่ได้ เธอต้องรีบ แต่ก็ต้องไม่ใจร้อน การรีบเร่งทำให้เสียเปล่า เธอจะรักษาลำดับความสำคัญของตัวเองเอาไว้อย่างยืดหยุ่น
บางทีไลท์นิ่งอาจจะมีแผนการระดมกำลัง จัดระเบียบตัวเองใหม่ และทำการโจมตีอีกครั้ง นั่นคงจะเป็นการเปิดโอกาสให้กับเหล่าเพื่อนแสนสุขของเฟรเดริก้าได้บ้าง เธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายยังคงมีเหลืออยู่มากแค่ไหน แต่ตราบใดที่สร้างความโกลาหล แน่นอนว่าเรื่องราวมันจะน่าสนใจขึ้น
เฟรเดริก้าคิดว่าตัวเองคงจะดูเหมือนแมลงสาบ —ในอีกแง่หนึ่งนั้น เธอกำลังใช้เหตุผล เธอลอดตัวผ่านไปใต้เศษซาก
เธอไม่รู้ว่าคานะ สโนไวท์ หรือโอลด์ บลูอยู่ที่ไหน —ดังนั้นจึงเป็นเรื่องติดขัดเล็กน้อย แต่เธอก็ควรจะคาดเดาบางอย่างได้ ไม่ว่าพวกเธอจะอยู่ในสวน หรือกำลังมุ่งหน้าไปที่นั่น —พวกเธอก็จะตามกันมา
แม้ว่าในตอนนี้จะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เฟรเดริก้าก็ยังสามารถคิดได้ สมองสีเทาเข้มของเธอไม่ได้เสื่อมถอยลงแต่อย่างใด —ความจริงแล้ว มันทำงานได้ดีขึ้นตั้งแต่ที่กลายเป็นคาชิกิ-อาคารุคุชิ-ฮิเมะด้วยซ้ำ
อย่างแรก อีกฝ่ายคงจะรู้ว่าเฟรเดริก้าอยู่ที่นี่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ต่อสู้กับไลท์นิ่งมาเป็นจำนวนมาก มันจึงไม่มีทางเลยที่รายงานจะส่งไปไม่ถึงอีกฝ่าย ดังนั้นโอลด์ บลูคงจะลงมือด้วยการสันนิษฐานว่าเฟรเดริก้าคือเฟรเดริก้า
หากอีกฝ่ายรวบรวมกำลังเพื่อที่จะทำการโจมตีอย่างรุนแรงเข้าไปที่สวน แบบนั้นมันจะเกิดอะไรขึ้นในกรณีที่ถูกเฟรเดริก้าและนักรบรับจ้างของเธอโจมตีเข้าไปจากด้านหลัง ในตอนที่กำลังอยู่ในจังหวะที่ทำการโจมตีกันล่ะ? นั่นเป็นเรื่องที่ไม่ดีกับอีกฝ่ายมาก
นี่โอลด์ บลูไม่ได้กังวลแม้ว่าจะเข้าใจเรื่องนี้งั้นเหรอ? หากเธอเตรียมการอย่างเต็มที่ในการโจมตีสวนกลับ แม้ว่าเฟรเดริก้าจะโจมตีเข้ามาจากด้านหลัง มันก็ไม่ใช่ว่าเธอได้ยึดครองสวนเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว? เฟรเดริก้าจะไม่ปล่อยตัวเองให้สับสนกับผลของกองกำลังไลท์นิ่งจำนวนมาก ไม่ว่าอีกฝ่ายจะลดทอนลูกน้องของเฟรเดริก้าไปมากแค่ไหน โอลด์ บลูก็ไม่ได้พลังที่เหนือกว่าเลย
ต่อไปก็… เอาล่ะ
นอกจากข้อมูลที่ได้มาจากเรื่องเสียงแล้ว เธอก็หายใจเอาอากาศจำนวนมากเข้าไปผ่านทางจมูกเพื่อให้ได้ข้อมูลเรื่องกลิ่น ร่างกายของเฟรเดริก้าในตอนนี้ไม่ใช่แค่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นขึ้น สัมผัสของเธอก็แหลมคมกว่าก่อนหน้านี้มาก ไม่ว่าจะสนุกสนานไปกับเส้นผมของเมจิคัลเกิร์ลหรือกลิ่นของกาแฟ เธอก็รู้ถึงสัมผัสอันยอดเยี่ยมเรื่องกลิ่นของตัวเอง แต่เมื่อเทียบกับในตอนนี้แล้ว มันก็เทียบได้กับการพยายามมองผ่านน้ำโคลน
เอาล่ะ นี่สินะ
เธอหยุดตัวเอง ยกตัวขึ้น ทำลายแผ่นไม้กระดานด้วยส่วนบนของศีรษะและกระโดดออกไปด้านนอก
☆ โอลด์ บลู
แม้ว่าจะเป็นเมจิคัลเกิร์ล เมื่อต้องเจอกับการสั่นสะเทือนมันก็ทำให้ยากที่จะยืนอยู่ด้วยเท้า มันเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมกับรอยแตกที่ยื่นออกมาจากพื้นดินของสวนที่ถูกทำลายไปอย่างสมบูรณ์ แต่ไลท์นิ่งก็ยังคงพยายามที่จะต่อสู้ ในขณะที่เมฟิสและเท็ตตี้ดูเหมือนว่าจะสับสนในตอนที่สู้กลับ โอลด์ บลูปกปิดตัวเองเอาไว้จากพวกเธอ เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจากเศษซากกองหนึ่งไปที่อีกกอง จากนั้นก็ไปที่ด้านหลังของไลท์นิ่งคนหนึ่งและไปยังอีกคน ผ่านประตูของสวนอย่างปลอดภัยเพื่อออกมาภายนอก
การทำงานกำลังเริ่มต้นขึ้น มันไม่ใช่เพราะว่าเธอทำลายส่วนปลายของราก มันแค่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกันอย่างบังเอิญ
โอลด์ บลูวิ่งผ่านไปตามทางเดิน เลือกไลท์นิ่งสองสามคนที่ยืนประจำการอยู่ภายนอกมาและสั่งการเพื่อให้คุ้มกันเธอ สั่งให้ไลท์นิ่งทั้งหมดออกจากพื้นที่สวนผ่านทางชุดหูฟัง ในตอนนี้ มันอันตรายเกินไปที่จะยึดติดกับเรื่องสถานโบราณและยังคงอยู่ภายในสวน มันยากที่จะคาดเดาว่าจะเกิดอะไรกับสถานโบราณในตอนนี้เมื่อเปิดการใช้งานแล้ว และถ้าพวกเธอโง่พอที่จะเข้าไปเกี่ยวข้อง แบบนั้นมันก็ได้เจ็บตัวแน่
เธอจะจัดระเบียบไลท์นิ่งใหม่และรวบรวมกองกำลังของเธอ จากนั้นก็จะทำการโจมตี ในคราวนี้ แน่นอนว่าเธอจะทำการยึดสวนได้ การเปิดใช้งานจะคงอยู่ได้เป็นเวลาพอสมควร แต่มันไม่สามารถเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงไปได้ตลอด เมื่อมันหยุดก็จะเป็นโอกาสของเธอ
โอลด์ บลูเปลี่ยนช่องสัญญาณที่ชุดหูฟัง มอบคำสั่งโดยเฉพาะให้ไลท์นิ่งแต่ละทีมในตอนที่ตัวเองยังคงวิ่ง เธอไม่ควรอยู่ในสถานที่เดียว นี่ไม่ใช่เวลาที่จะโล่งอกว่ามันจบแล้ว เรื่องต่างๆยังคงดำเนินต่อไป
การเปิดใช้งานไม่ใช่จุดสิ้นสุด มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของกระบวนการ เรื่องต่างๆจะเริ่มต้นจากตอนนี้เป็นต้นไป เธอไม่สามารถพูดได้ว่าตัวเองเข้าใจเรื่องรากได้อย่างสมบูรณ์จากการแค่มองดู แต่กระนั้น เธอก็สามารถรวบรวมบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาจากการคาดเดา นี่คือเรื่องที่โอลด์ บลูถนัด
เธอเลี้ยงตรงมุมทางเดิน ตรงไปข้างหน้า จากนั้นก็ไปทางขวา และที่ตรงนั้น เธอก็หยุดลงอย่างกระทันหัน มอบคำสั่งให้ไลท์นิ่งที่ตามมา เธอยังคงมีไลท์นิ่งเป็นการ์ดในตอนที่ตัวเองก้าวไปข้างหน้า
ส่วนของพื้นที่เหลืออยู่เล็กน้อยเปิดออก และมีเมจิคัลเกิร์ลกระโดดออกมา
“แหม… ตอนนี้เธอดูต่างไปจากเดิมนะ” โอลด์ บลูพูด
“ว่ากันว่าคนฉลาดคือคนที่ปรับตัวที่ได้มากที่สุดนะ”
ไพตี้ เฟรเดริก้า ในตอนนี้เธอคือคาชิกิ-อาคารุคุชิ-ฮิเมะ เธอเปลี่ยนร่างกายของตัวเองซึ่งมีการเสริมพลัง
ช่างเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่น่ารำคาญที่ได้เจอซะจริง เฟรเดริก้าเองก็คงเล็งเรื่องนี้เอาไว้ในตอนที่ยิ้มออกมาอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งมันทำให้น่ารำคาญมากยิ่งขึ้นไปอีก แต่การพบกันนี้ไม่ใช่เรื่องแย่กับเธอไปทั้งหมด โอลด์ บลูก้าวมาข้างหน้า เล็งเข้าไปที่กรามของเฟรเดริก้าด้วยฝ่ามือ และเฟรเดริก้าก็หลบพร้อมกับรอยยิ้ม เฟรเดริก้าสวนกลับด้วยหมัดที่ตรงเข้ามาหาเธอ
☆ ไพตี้ เฟรเดริก้า
หนึ่งหมัด แล้วก็สอง —น่าแปลกที่การโจมตีของเฟรเดริก้าถูกปัดออกไปด้านข้าง ด้วยความสามารถทางกายภาพของร่างเกิดใหม่แล้ว แค่การเฉี่ยวก็สามารถทำให้กระดูกแตกได้ แต่โอลด์ บลูกลับปัดการโจมตึของเธอออกไปด้านข้างอย่างเบาๆและนุ่มนวล ฝ่ามือของเธอเข้ามาใกล้ใบหน้าเฟรเดริก้า ด้วยร่างกายของร่างเกิดใหม่แล้ว เธอก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บ ความจริง การกระแทกหมัดด้วยหน้าผากก็จะสามารถทำให้กระดูกของโอลด์ บลูแตกได้
… ไม่!
เฟรเดริก้ากระโดดกลับไปด้านหลัง โอลด์ บลูตามเธอมาติดๆ แม้ว่าเธอควรที่จะเป็นฝ่ายกดดัน แม้ว่ามันไม่มีทางที่โอลด์ บลูจะคาดคิดถึงการพบกับเฟรเดริก้าได้ โอลด์ บลูก็ยังคงมีรอยยิ้มบางๆอยู่บนใบหน้า
เศษหินที่อยู่โดยรอบกระจายออกไป และก่อนหน้าที่เศษเล็กๆเหล่านั้นจะทันได้ร่วงลงมา โอลด์ บลูและเฟรเดริก้าก็ได้เข้าปะทะกัน สับเปลี่ยนตำแหน่ง ปะทะกันอีกครั้ง โอลด์ บลูใช้แผ่นหลังทำลายกำแพง เข้าไปด้านในของอาคารเรียนเก่า
ด้วยการที่คาดคิดไว้แล้วว่าโอลด์ บลูจะทำอะไร เฟรเดริก้าจึงตัดสินใจว่าจะเมินเธอไปและจัดการไลท์นิ่ง นี่คือเรื่องที่ตรงไปตรงมาที่สุดที่ต้องทำ และมันจะช่วยเธอให้เอาชนะโอลด์ บลูได้ เธอคิดเช่นนั้น
มีสายฟ้าออกมาด้านหลัง มันยิงออกมาราวกับเมินเฉยต่อตัวตนของโอลด์ บลู แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น มันก็ไม่ได้โดนตัวของโอลด์ บลูเลยแม้แต่นิด มันพุ่งตรงมาหาเฟรเดริก้าเท่านั้น แม้ว่าสายฟ้าจะสัมผัสโดนตัวเธอ มันก็ไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่เธอไม่อยากมอบโอกาสให้โอลด์ บลูโจมตีเข้าใส่ เมื่อถูกบังคับให้ต้องหลบ เธอก็มีจุดให้ถอยกลับน้อยลงไปอีก
การเคลื่อนไหวของไลท์นิ่งพวกนี้แตกต่างจากที่เธอสู้มาก่อนหน้า พวกเธอมีกันสามคน นี่คือคนคุ้มกันโอลด์ บลูงั้นเหรอ? พวกเธอคงจะไม่ใช่แค่ไลท์นิ่งธรรมดา พวกเธอร่วมมือกับโอลด์ บลูได้เป็นอย่างดีจนน่าสะอิดสะเอียน ตราที่เธอเห็นเพียงแวบเดียวอยู่ใกล้กลับไหล่คือโพดำ —เธอมองไม่เห็นหมายเลขก็จริง แต่ถ้าเป็นตามกฏของชัฟฟินแล้ว การคิดว่าตัวเลขมันสูงก็เป็นเรื่องที่ควรจะถูกต้อง
เฟรเดริก้าถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
มันไม่ใช่โอลด์ บลูรู้ว่าตัวเองต้องทำอะไร แถมยังไม่ได้วางกับดักอะไรกับเธอด้วย แม้ว่าจะไม่ได้คาดคิดเรื่องที่จะพบกันที่นี่ เธอก็คาดคิดถึงเรื่องการต่อสู้กับเฟรเดริก้า —ไม่สิ ต่อสู้กับร่างเกิดใหม่ต่างหาก
ก้าวไปทางขวา จากนั้นก็มาทางซ้ายเพื่อหลบสายฟ้า เฟรเดริก้าเปลี่ยนจากการเตะซ้ายไปเป็นใช้มือหอกเข้าไปทางขวาในจุดที่ว่างเปล่า ใช้กระโปรงของตัวเองบดบังการเคลื่อนไหว แต่โอลด์ บลูก็หายไปเรียบร้อยแล้ว —โอลด์ บลูเกือบที่จะจับแขนของเฟรเดริก้าได้ และเฟรเดริก้าก็ถอยกลับไปอย่างอัติโนมัติ จากนั้นก็มีสายฟ้าผ่าลงมาอีกครั้ง
เธอมองเข้าไปในดวงตาของโอลด์ บลู มันมีสีฟ้าจาง สีของลาพิส ลาซูไลน์ ท่ามกลางสนามรบที่เต็มไปด้วยคาวเลือด กลิ่นของดอกเนโมฟิเลียก็ยังคงแรงจนเกือบที่จะสำลัก
มือดาบ ข่วน เตะต่ำ ลดท่ายืนลงต่ำมาในระดับเข่าเพื่อทำการโจมตี —โอลด์ บลูอ่านมันออกทั้งหมดโดยที่ไม่ได้มีอะไรเชื่อมโยงถึงกันเลย ในทางกลับกัน โอลด์ บลูเกือบที่จะจับตัวของเธอได้ เธอจึงรีบถอยกลับเข้าไปในจุดที่มีการโจมตีตามเข้ามา บังคับให้เธอต้องหลบไปรอบบริเวณอย่างตื่นตระหนก
เธอกำลังต่อสู้อยู่กับเมจิคัลเกิร์ลธรรมดา ครั้งหนึ่งโอลด์ บลูยังเคยแพ้นักดนตรีแห่งพงไพร แครนเบอร์รี่ด้วยซ้ำ มันจึงน่าสงสัยว่าเธอสามารถทำให้ร่างกายของร่างเกิดใหม่บาดเจ็บได้รึเปล่า แต่จากการดูการโจมตีที่เข้ามาหา เฟรเดริก้าตอบสนองด้วยการหลบมัน ส่วนหนึ่งของเธอที่ใกล้เคียงกับสัญชาตญาณกรีดร้องออกมาว่าจะรับการโจมตีพวกนี้ไม่ได้
และมันก็ยากที่จะจัดการไลท์นิ่งก่อน โอลด์ บลูกำลังลงมือด้วยตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้เธอลงมือทำอะไร เฟรเดริก้าไม่ควรจะจัดการอีกฝ่ายด้วยการใช้ความสามารถทางกายภาพของร่างเกิดใหม่ แม้ว่าค่าทุกอย่างของเธอจะเหนือกว่า อีกฝ่ายทำให้เธออยู่ในจุดที่ต้องการ ด้วยการใช้เทคนิค ประสบการณ์ และการร่วมมือ
น่าสนใจ… แต่นี่มันอะไรน่ะ?
ในตอนที่กำลังต่อสู้อยู่นั้น โอลด์ บลูและไลท์นิ่งก็ค่อยๆออกห่างไปจากสวน แม้ว่าเฟรเดริก้าจะตามไป เธอก็รู้สึกสับสน อีกฝ่ายออกห่างจากสวนได้อย่างแม่นยำเพราะว่าเฟรเดริก้าตามไป —แต่ถ้าเฟรเดริก้าที่เรื่องนี้เป็นโอกาสในการมุ่งหน้าไปที่สวน แบบนั้นโอลด์ บลูมีแผนจะทำอะไรกันล่ะ?
☆ คัลโคโระ
การสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง คัลโคโระสรุปคำตอบของเรื่องนั้นที่ได้มาจากลูกคิด จุดศูนย์กลางแรงสั่นสะเทือนอยู่ที่ด้านล่างห้องเรียนเมจิคัลเกิร์ล มันอยู่ใกล้กับผิวดิน เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่แผ่นดินไหวธรรมดา มันมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น แต่คัลโคโระบอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร
เสียงของการต่อสู้ค่อยๆหายไป มันยังมีเสียงฝีเท้าที่วิ่งอยู่รอบโรงเรียน
คัลโคโระแอบไปตามด้านล่างของทางเดิน จากนั้นก็ด้านบนเพดาน จากนั้นก็ผ่านเศษซาก และเมื่อเธอมาถึงสวนได้ เธอก็พบว่ามันไม่ควรที่จะเข้าไปด้านใน ความกล้าถูกบดขยี้ คัลโคโระหันหลังกลับไปทางอื่น แต่เธอควรจะไปที่ไหนกันล่ะ? เธอไม่ได้มีเป้าหมาย เห็นได้ชัดว่าเสียงของการปะทะกำลังลดลง ดังนั้นบางทีการซ่อนตัวและรอให้หัวขโมยหายไปคือเรื่องที่ดีที่สุด หรือบางทีก็จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่เข้ามา แต่การทำแบบนั้นก็จะทำให้ตัวของเธอรู้สึกผิด
เธอไม่ใช่อาจารย์ที่ดีเลย แต่ถึงกระนั้น อาจารย์ก็คืออาจารย์ เมื่อเหตุการณ์โฮมุนครูสเกิดขึ้น คัลโคโระก็เข้าไปในภูเขา เธอไม่ได้วิ่งหนีหรือรอความช่วยเหลือ มันนับได้ว่าเป็นการแสดงความกล้าหาญของตัวเองออกมา แต่การเรียกว่าเธอสามารถแสดงความกล้าที่เมจิคัลเกิร์ลควรจะมีออกมาก็ถูกต้อง หากพูดว่ามันเป็นเรื่องดี มันก็เป็นเรื่องที่ดี หากพูดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ดี มันก็เป็นเรื่องที่ไม่ดี ทุกเรื่องย่อมมีสองด้านเสมอ
มันไม่มีเวลาที่จะให้ลังเลอีก เธอมุ่งหน้าไปยังสำนักงานของฮัลน่าด้วยความคิดขั้นต่ำที่คิดว่าต้องทำอะไรซักอย่าง มันว่างเปล่า เธอแอบไปรอบบริเวณเหมือนกับหนู เมื่อเห็นว่าประตูไม้หนาของสำนักงานถูกทำลาย เธอก็ถอนหายใจออกมา แน่นอนว่าภายในสำนักงานก็โดนรื้อค้นด้วย ตู้นิรภัยเหล็กที่ดูหนักถูกตัดครึ่ง มีเอกสารกระจายอยู่ทั่ว บางทีการที่ไม่ศพหรือรอยเลือดอยู่อาจจะเป็นโชคดี นี่ฮัลน่ายังคงมีชีวิตอยู่รึเปล่า? เธอคิดถึงเรื่องนี้ก็จริงแต่ไม่ได้รับคำตอบกลับมา
เธอค้นรอบๆด้านล่างของโต๊ะและด้านหลังของโซฟา แต่ฮัลน่าก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ คิ้วของคัลโคโระขมวดเล็กน้อย เธอหยิบเอกสารหนึ่งแผ่นขึ้นมาและอ่านอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็แผ่นที่สองและสาม เมื่ออ่านสิ่งที่เหลืออยู่ในตู้นิรภัยจนหมด เธอหันกลับและตรงไปที่สวน
ท่าทางของเธอค่อยๆดูรุนแรงขึ้น จนในที่สุดมันก็กลายเป็นความโกรธอย่างชัดเจน
เธอขยำเอกสารที่ถืออยู่ในมือและโยนมันทิ้งออกไป เมื่อเธอตัดสินใจที่จะไปยังสวนอีกครั้ง —เธอก็แอบไปตามเส้นทางที่ไม่มีใครจะพบเห็นตัว
MANGA DISCUSSION