บทนำ
☆ คาชิกิ-อาคารุคุชิ-ฮิเมะ
เธอเสร็จสิ้นการตรวจสอบความสามารถใหม่ของร่างกาย ค่าทุกอย่างล้วนเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับตอนที่เป็นไพตี้ เฟรเดริก้า แม้ว่านี่จะไม่ใช่ส่วนที่สำคัญที่สุดของเมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติของเฟรเดริก้า มันก็จำเป็นสำหรับเรื่องที่เธอต้องทำต่อไป
เธอตรวจสอบเรื่องเวทมนตร์เช่นเดียวกัน ศักยภาพด้านการโจมตีเองก็เพิ่มมากขึ้นด้วย เธอสามารถใช้ประโยชน์ในการต่อสู้เพื่อบดขยี้ศัตรูของเธอได้ ความสามารถเดิมของเธอสะดวกขึ้นในทุกด้าน แต่เธอจะมองข้ามเรื่องนี้ไปก่อน
เธอตื่นเต้น ในตอนนี้มันไม่มีทางที่เธอจะไม่ตื่นเต้นเลย ดังนั้นมันจึงไม่เป็นอะไร เธอสัมผัสได้ว่าความรอบรู้ของตัวเองไม่ได้เพิ่มขึ้นหรือลดลง อย่างน้อยที่สุด เธอก็หลีกเลี่ยงเรื่องการรับรู้ที่จะทื่อลงได้โดยที่ไม่รู้ตัวไปเรื่องหนึ่ง
เธอมองดูรูปลักษณ์ของตัวเองอย่างตื่นเต้นแต่มันก็ยังคงเป็นเฟรเดริก้า ถ้าจะให้พูดแล้ว การกลายเป็นคนอื่นที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิงจะสะดวกกว่า แต่มันก็มีเหตุผลที่เธอทำแบบนั้นไม่ได้ ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันเป็นเพราะว่าการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักหรือส่วนสูงแบบไม่คิด มันก็จะกลายเป็นร่างกายที่ไม่เคยชิน และสร้างปัญหาขึ้นมาได้ โดยส่วนตัวแล้ว เธอจะรู้สึกค่อนข้างเศร้าหากไปเจอเข้ากับริปเปิลหรือสโนไวท์และอีกฝ่ายไม่รู้ว่าเธอคือเฟรเดริก้า —และเธอก็มั่นใจว่าไม่สามารถบอกกับใครได้
เธอต้องแน่ใจว่ารู้เรื่องต่างๆเป็นอย่างดี สถานโบราณนั้นอันตราย มันถูกเปลี่ยนจากวัดเป็นคฤหาสน์แล้วก็เป็นโรงเรียนก่อนที่ดินแดนเวทมนตร์จะปิดกั้นทางเข้าและคอยคุ้มกันเอาไว้ ไม่นานมานี้ กลุ่มโฮมุนครูสจากห้องทดลองได้ประจำการอยู่ราวกับเป็นป้อมปราการเหล็ก แต่เนื่องจากเกิดเหตุการณ์และอุบัติเหตุขึ้นอย่างซ้ำๆ ในตอนนี้มันจึงง่ายที่จะเข้าไปด้านใน
ครั้งหนึ่ง พัคพั๊ค หนึ่งในร่างเกิดใหม่ของสามปราชญ์ ได้พยายามใช้แผนการอันป่าเถื่อน เธอพยายามแก้ไขเรื่องปัญหาพลังงานของดินแดนเวทมนตร์ด้วยการใช้เมจิคัลเกิร์ลเป็นเชื้อเพลิง เหมือนกับการโยนกิ่งไม้เข้าหากองไฟ มันเป็นแผนการที่บ้ามากพอจนต้องคัดค้าน และจากการที่พยายามทำเรื่องดังกล่าว มันก็เห็นได้ชัดเจนว่าตัวตนของพัคพั๊คอันตรายมากแค่ไหน —และกระทั่งคนที่อันตรายเช่นนั้นยังไม่พยายามที่จะใช้สถานโบราณของโรงเรียน แค่มองดูมันแล้วก็ปัดตกไป
สถานโบราณแห่งนี้น่ากลัวในระดับที่พัคพั๊ค ผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังยังไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย นั่นคือการที่เฟรเดริก้าถึงได้วางแผนที่จะใช้สถานโบราณแห่งนี้
เธอเตรียมการเอาไว้แล้ว อารมณ์ของเธอเองก็ดี นี่คือจุดไคลแม็กซ์ เธอสงสัยว่าตัวเองจะแพ้ให้กับใครรึเปล่า แต่นั่นก็คือจังหวะที่ต้องใช้ความระมัดระวังมากที่สุด
เธอมีร่างกายของร่างเกิดใหม่ แอสโมน่าไม่ได้อยู่กับเธอ แต่ก็รวบรวมนักรบรับจ้างชั้นยอดที่มีอยู่มา มีเมจิคัลเกิร์ลที่เป็นผู้คุ้มกันชั้นยอดของฝ่ายแคสปาร์ เข้าใจเรื่องพื้นฐานของสถานโบราณและแผนผังที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงหลายปีมานี้
“เอาล่ะ”
คาชิกิ-อาคารุคุชิ-ฮิเมะ —ไพตี้ เฟรเดริก้า— ยิ้มและหันหน้าเข้าหาเมจิคัลเกิร์ล บางคนดูเคร่งเครียด บางคนเงยหน้าขึ้นมามองเธอราวกับไม่ได้คิดอะไร บางคนก็แสยะยิ้มออกเพราะไม่สามารถยับยั้งตัวเองจากเรื่องการทำลายและการฆ่าฟันที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ พวกเธอทุกคนล้วนคือพรรคพวกที่สามารถพึ่งพาได้โดยที่ไม่มีข้อยกเว้น
“พร้อมกันรึยัง? เอาล่ะ ไปกันเถอะ พวกเราจะไปช่วยเด็กๆของห้องเรียนเมจิคัลเกิร์ลที่ถูกคนไม่ดีโจมตี”
เธอหันตัวพร้อมสะบัดชายกระโปรง จากนั้นก็เสริมการหมุนเข้าไป กระโดดลงมาจากโพเดียมและวิ่งออกไปพร้อมกับเหล่านักรบรับจ้าง ท่าทางเล็กน้อยเหล่านี้ไม่ได้มีความหมายกับเหล่าเมจิคัลเกิร์ล แต่มันก็ทำให้จิตใจของเธอกระชุ่มกระชวยขึ้น
☆ จูเบ
โรงเรียนมัธยมต้นอุเมะมิซากิถูกปิดกั้นเอาไว้ด้วยบาเรีย และห้องเรียนเมจิคัลเกิร์ลก็กำลังถูกโจมตี
หนึ่งในคฤหาสน์ที่ฝ่ายแคสปาร์ใช้เป็นฐานถูกโจมตีโดยกลุ่มของเมจิคัลเกิร์ล
การติดต่อสื่อสารทุกอย่างกับแรปปี้ ทิป คนที่จูเบมอบหมายให้เข้าไปยังห้องเรียนเมจิคัลเกิร์ลก็ถูกตัดขาด ตุ๊กตาของแรปปี้ ทิปที่เธอเตรียมเอาไว้เพื่อเหตุการณ์เช่นนี้ก็ไม่มีประโยชน์ มันไม่ได้อยู่นิ่งเงียบหรือพูดอะไรที่ไม่มีความหมายอย่าง “ฉันไม่รู้” หรือ “ฉันคิดอะไรไม่ออก” เมจิคัลโฟนของสโนไวท์เองก็เงียบเช่น
เดียวกัน นี่เป็นบาเรียทั้งด้านกายภาพและด้านเวทมนตร์
ด้วยการที่หายนะมาเยือนอยู่ที่หน้าประตูนี้ หน่วยสืบสวนก็ตกอยู่ในความโกลาหล
สปายที่จูเบส่งออกไปกลับมาพร้อมกับข้อมูลที่น่ากังวล แต่เธอไม่ได้มีเงิน คน หรือพลังที่จะเอาข้อมูลนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุดได้ มันไม่มีเวลามากพอที่จูเบจะเวทมนตร์ของตัวเอง —ปากกาที่เปิดเผยความจริง— เพื่อรับมือกับสถานการณ์และคาดการณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอสามารถรู้เรื่องต่างๆได้สองสามเรื่อง แต่สถานการณ์มันก็ยังห่างไกลกับคำว่าสมบูรณ์แบบ
แต่ในตอนนี้เธอก็ต้องทำในสิ่งที่ตัวเองต้องทำ
“พัพเพต้า สั่งการไปว่าให้ร่วมมือกับหน่วยสืบสวนอย่างเต็มที่ ส่งทุกคนที่ว่างอยู่ไป —โดยไม่มีข้อยกเว้น คนที่ติดงานอยู่ก็ให้ทำงานของตัวเองให้เสร็จแล้วไปรายงานตัวกับหน่วยสืบสวน”
“มีเรื่องอื่นอีกไหม?” พัพเพต้าถาม แม้เธอควรที่จะพูดว่า “ไม่ใช่ว่าพวกเราควรจะเอาใจเฟรเดริก้าฝ่ายแคสป้าหรือโอลด์ บลูจากหน่วยวิจัยและพัฒนาเหรอ?” ก็ตาม เธอมองจูเบด้วยใบหน้าที่เหมือนกับว่าอยากจะถาม
จูเบพ่นลมหายใจใส่พัพเพต้า คนที่เป็นรองหัวหน้าของฝ่ายทรัพยากรเมจิคัลเกิร์ล “ทุกอย่างเกิดขึ้นแบบกระทันหันเกินไป” จูเบบอกเธอ “อีกอย่าง มันอาจจะเป็นความผิดของฉันที่คาดการณ์ผิดพลาดด้วย”
“อ๊ะ ไม่นะ ฉันไม่ —”
พัพเพต้าพยายามที่จะปลอบเธอ แต่ตุ๊กตาแรปปี้ ทิปที่อยู่ที่มือขวาก็ยิ้มและพูดออกมา “จริงๆแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี่”
พัพเพต้ารีบปิดปากของตุ๊กตาเอาไว้ แต่มันก็สายเกินไป
“ขอโทษนะ” เธอบอกจูเบ “บางทียัยงี่เง่านี่ก็หยาบคาย”
“เรียกว่าคนอื่นว่างี่เง่าเนี่ย —นั่น หยาบคายของจริงเลยนะ”
“อื้อ แรปปี้ไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย! ไม่เอาน่า พัพเพต้า ทำงานของตัวเองได้แล้วนะ”
“อ๊ะ! ขอโทษนะ”
พัพเพต้าเดินออกไปจากห้องประชุม โดยปกติแล้วเธอจะเคลื่อนไหวเงียบกว่านี้ มันสามารถสัมผัสได้ถึงเรื่องความรู้สึกของเธอได้ว่า —กำลังตื่นตระหนก ช็อค แล้วก็หวาดกลัว
ตอนนี้ภายในห้องที่ว่างเปล่า จูเบที่มองดูลายไม้ของโต๊ะยาวก็ถอนหายใจออกมา ความรู้สึกอึดอัดที่ทำให้ไม่สามารถถอนหายใจออกมาได้อย่างที่ต้องการเพราะในตอนนี้เธอคือหัวหน้าฝ่ายมันทำให้เธอถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
แม้ว่าจะใช้ตำแหน่งในฐานะหัวหน้าของฝ่ายทรัพยากรเมจิคัลเกิร์ล มันก็ยากที่จะเรียนรู้ถึงเรื่องสถานโบราณและวัตถุโบราณ โอลด์ บลูจากหน่วยวิจัยและพัฒนาคงเข้าไปเกี่ยวข้องมาอย่างยาวนานกว่า ลึกกว่า กับคนจำนวนมากมายหลากหลายสถานที่ แต่จูเบก็สงสัยว่าเธอมีภาพรวมทั้งหมดแล้วรึเปล่าเช่นกัน ข้อมูลมันควรจะเป็นความลับสุดยอด ไม่มีผู้ใดล่วงรู้นอกจากบุคคลสำคัญของฝ่าย เฟรเดริก้าจากฝ่ายแคสปาร์คงจะสามารถรู้เรื่องสถานโบราณและวัตถุโบราณมาได้บ้างเล็กน้อย แต่ใครจะรู้ว่าเธอเข้าใจมันได้อย่างสมบูรณ์รึเปล่า
จูเบมีอีกทางหนึ่งในการรวบรวมข้อมูลนอกเหนือจากการเป็นหัวหน้าของฝ่ายทรัพยากรเมจิคัล —ซึ่งก็คือในฐานะเมจิคัลเกิร์ล เธอสามารถเขียนอะไรบางลงไปด้วยการใช้ปากกาเวทมนตร์ของตัวเอง และเมื่อเวลาผ่านไปยี่สิบสี่ชั่วโมง มันก็จะเปลี่ยนเป็นสีฟ้าถ้าเรื่องที่เขียนลงไปเป็นจริง หรือกลายเป็นสีแดงถ้าไม่เป็นจริง เนื่องจากว่ากว่าที่จะผลลัพธ์จะแสดงออกมามันต้องใช้เวลา เธอจึงไม่สามารถใช้มันมากเกินไปได้ กระนั้นมันก็ยังคงเป็นความสามารถที่ค่อนข้างสะดวกอยู่ดี
วัตถุโบราณที่สถิตอยู่ลึกลงไปในสถานโบราณใต้ดินที่โรงเรียนมัธยมต้นอุเมะมิซากิสามารถแก้ไขปัญหาพลังงานของดินแดนเวทมนตร์ได้
ข้อความที่เธอเขียนเมื่อยี่สิบสี่ชั่วโมงก่อนหน้ากลายเป็นสีฟ้าอันงดงาม
จูเบเลือกที่จะไม่เจาะรายละเอียดลึกลงไปมากยิ่งกว่านี้ แม้ว่าจะเป็นจากสถานที่ปลอดภัยที่ตั้งอยู่ไกลออกมาจากการรบราฆ่าฟัน เธอก็มีความรู้สึกที่ไม่ดี
เมจิคัลเกิร์ลในสนามรบไม่ใช่คนกลุ่มเดียวที่มีสัมผัสที่หก จูเบและคนอื่นๆที่อยู่ด้านนอกเองก็มีเช่นเดียวกัน ไม่ว่าเมื่อใดก็ตามที่เธอสัมผัสได้ว่า อ่า แบบนี้แย่แล้วสิ เธอก็จะทำตามความกล้าของตัวเอง นี่ไม่ใช่แค่เรื่องลึกลับ มันเป็นเรื่องที่มีเหตุผลอย่างสมบูรณ์แบบ จูเบกำลังสำรวจวัตถุโบราณผ่านทางเวทมนตร์ของเธอ แต่มันก็ไม่มีอะไรที่ยืนยันว่าสิ่งที่เธอทำไม่ได้นับว่าเป็น “การใช้เวทมนตร์กับวัตถุโบราณ”
บางสิ่งบางอย่างก็ควรปล่อยเอาไว้โดยที่ไม่ไปแตะต้องจะดีกว่า หากเฟรเดริก้า โอลด์ บลู และฮัลน่า มิดิ เมเร็น ต่างแย่งชิงวัตถุโบราณ แบบนั้นการไม่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยคือเรื่องที่ดีที่สุด เธอไม่ควรพยายามที่จะช่วยเหลือใครบางคนที่ทำให้ตัวเองได้ผลประโยชน์หลังจากจบสงคราม การช่วยเหลือฝ่ายที่จะพ่ายแพ้ก็ไม่มีอะไรดี เธอยังสงสัยว่าฝ่ายที่ชนะจะเกิดอะไรดีๆขึ้นรึเปล่าด้วย ดังนั้นการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยก็มีแต่ผลเสีย
จูเบถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ทำให้เส้นผมด้านหน้าลอยขึ้นไป มันชี้ขึ้นก่อนที่จะร่วงลงมาอีกครั้ง หัวหน้าของฝ่ายทรัพยากรเมจิคัลเกิร์ลไม่มีเวลามากพอที่จะมาพักอยู่ในห้องประชุม
ตอนที่ 1:
THE LIGHTING TIME
☆ ริปเปิล
ชูริเค็นและคุไนทิ่มแทงเข้าไปที่ทั่วทั้งร่างเฟรเดริก้า คุไนที่เสียบอยู่ตรงลำคอมันทำให้เลือดไหลพุ่งสูงขึ้นไปถึงโคมระย้า ริปเปิลก้าวไปด้านหลังครึ่งก้าวเพื่อหลบละอองเลือด ในตอนที่เฟรเดริก้าชะงัก ริปเปิลก็ก้าวไปด้านหน้า ฟันเข้าไปหนึ่งครั้งในตอนที่ลอดตัวผ่าน จากนั้นก็หันกลับมาแล้วก็ฟันเข้าไปอีกครั้ง แทงเฟรเดริก้าที่ล้มลงไปด้วยคาตานะเผื่อเอาไว้
ไม่มีศัตรูที่ยืนอยู่ในห้องอีกแล้ว ดีลูจกำลังลากร่างกายของตัวเองเพื่อเข้าไปช่วยเบร็นด้าและแคทเธอรีน ริปเปิลกำลังที่จะเข้าไปช่วย แต่ก็หยุดตัวเองเอาไว้ก่อน
เธอสัมผัสไม่ได้ถึงความโล่งอกหรือความสำเร็จ มันเป็นความรู้สึกแปลกประหลาดแบบที่ไม่แน่ชัด ริปเปิลคิดล่วงหน้าออกไปหลายก้าว เธอคิดว่าเริ่มแรก เฟรเดริก้าจะใช้คริสตัลบอลเวทมนตร์เพื่อหลบชูริเค็น เธอยังคิดถึงสอง สาม สี่ หรือห้าก้าวล่วงหน้าว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร แต่นี่ก็คือเรื่องที่เกิดขึ้น เฟรเดริก้าถูกจัดการไปโดยที่ไม่ได้ใช้เวทมนตร์ของตัวเอง
สัมผัสเรื่องอะไรบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้น มันไม่ใช่ว่าเธอประเมินศัตรูสูงจนเกินไป หรือกลัวแผนการมากกว่าที่ควรจะเป็น ริปเปิลร่วมมือกับเฟรเดริก้ามาเป็นเวลานาน และความทรงจำที่น่าชิงชังเหล่านั้นก็ปฎิเสธจะออกไปจากตัวของเธอ แม้ว่าเฟรเดริก้าจะไม่ได้คาดคิดเรื่องการปรากฏตัวของริปเปิล เธอก็ไม่มีวันที่จะตื่นตระหนกจนถึงขั้นลืมคริสตัลบอลของตัวเอง
เมื่อริปเปิลกลิ้งร่างของเฟรเดริก้าด้วยนิ้วเท้า เลือดมันก็กระเซ็นออกมา ท่าทางของเฟรเดริก้าดูโศกเศร้าอย่างงดงาม เธอตายแล้วอย่างแน่นอน ริปเปิลใช้คาตานะเฉือนชุดของเฟรเดริก้าออกเป็นแนวตั้งที่ตรงกลาง นั่งลงไป แล้วก็ตรวจดูภายใน —ก่อนอื่นก็หน้าอก สีข้าง แล้วก็หน้าท้อง— และก็พบรอยเล็กๆที่ต้นขา มันไม่มีเลือดไหลออกมา นี่ไม่ใช่บาดแผลที่เกิดขึ้นโดยอาวุธของริปเปิล
ริปเปิลกัดฟันอย่างรุนแรงจนฟันกรามแทบจะแตกออก เธอเคยเห็นทริคแบบนี้มามากมายหลายครั้ง เฟรเดริก้าใช้เรเปียเวทมนตร์เพื่อทำให้ความทรงจำยุ่งเหยิง ริปเปิลเข้าใจเพียงแค่คร่าวๆว่าเฟรเดริก้าทำอะไร แต่ส่วนสำคัญคือเรื่องเฟรเดริก้าไม่ได้จบลงเพียงแค่เท่านี้ เฟรเดริก้าแสร้งว่าตัวเองพ่ายแพ้และยังคงดำเนินเกมต่อไป การปล่อยเธอเอาไว้เรื่องราวก็จะไม่มีวันจบสิ้น
ดีลูจบาดเจ็บสาหัส แคทเธอรีนและเบร็นด้ายังคงนอนนิ่งอยู่ที่พื้นโดยไม่เคลื่อนไหว
ริปเปิลโกรธ เธอรู้ดีกว่าใครอื่นว่าหากปล่อยให้ความโกรธครอบงำและไล่ตามเฟรเดริก้าไป เธอก็จะพบจุดจบที่เลวร้าย แต่มันเป็นเพราะว่าเธอมีความโกรธแบบนี้ เธอจึงยังสามารถก้าวไปข้างหน้าได้ นี่คือเหตุผลว่าทำไมริปเปิลถึงไม่ได้พยายามยับยั้งความโกรธของตัวเอง ความเดือดดาล ความโกรธจนถึงขีดสุดคืออาวุธของเธอมาตั้งตอนที่เป็นคาโนะ ซาซานามิ
เธอไม่สามารถเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่ยืนเคียงข้างสโนไวท์ได้อีก ไม่ว่าจะยกข้ออ้างอะไรขึ้นมา เธอก็ไม่เหมาะสมกับเรื่องนั้น แต่ถึงเธอจะพยายามหนีไปยังสถานที่ที่ห่างออกไป สโนไวท์ก็จะเป็นฝ่ายที่วิ่งเข้ามาหาเธอ หากริปเปิลแค่ตายไปเรื่องมันก็จะง่ายกว่า แต่นั่นมันก็เป็นแค่การหนีจากความรับผิดชอบ
ริปเปิลสนใจในตัวของสโนไวท์มาตั้งแต่ก่อนหน้าการทดสอบของแครนเบอร์รี่จะกลายเป็นการนองเลือด เธอตรวจสอบข้อมูลของเมจิคัลเกิร์ลสีขาวที่ท็อปสปีดบอกและแหย่เธอเล่น
และในตอนที่การฆ่าฟันยังดำเนินอยู่นั้น ริปเปิลคิดว่าสโนไวท์ยอดเยี่ยมมากที่ไม่ปล่อยให้มือของตัวเองสกปรกจนถึงท้ายที่สุด และแม้กระทั่งหลังจากนั้น ในตอนที่สโนไวท์ละอายใจและเริ่มที่จะลงมือเชิงรุกมากขึ้น ริปเปิลรู้สึกว่ามันอันตรายสำหรับสโนไวท์ รู้สึกว่าตัวเองต้องปกป้องเธอ
ริปเปิลไม่สามารถปกป้องท็อปสปีดเอาไว้ได้ ริปเปิลคิดว่าท็อปสปีดนั้นน่ารำคาญ ที่ต้องจับคู่กับท็อปสปีดเพราะว่าไม่มีทางเลือก จนกระทั่งท็อปสปีดถูกฆ่าตาย ริปเปิลจึงตระหนักได้ว่าเธอคือเพื่อน
ริปเปิลไม่อยากรู้สึกแบบนั้นอีกครั้ง ดังนั้นเธอจึงแค่ควรจะเอาตัวเองออกห่างจากการต่อสู้ นั่นคือเรื่องที่เธอควรจะเชื่อ
แต่สโนไวท์แตกต่างออกไป แม้ว่าจะเป็นหลังจากที่การทดสอบจบลง ไฟภายในตัวของเธอไม่ได้ลดลง เธอปรารถนาที่จะต่อสู้เคียงข้างกับริปเปิล
ริปเปิลได้พยายามและล้มเหลวที่ตอบสนองกับความคาดหวังของสโนไวท์ ตอนที่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมจิตใจของเฟรเดริก้า เธอได้ทำร้ายผู้คนไปมากมาย ไม่ได้มีเรื่องอะไรที่เป็นแง่บวก ล้มเหลวที่จะทิ้งสิ่งที่มีความหมายเอาไว้แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่สิ่งเดียวก็ตาม
แต่สโนไวท์นั้นต่างออกไป ที่ผ่านมาเธอมีความสำเร็จในฐานะเมจิคัลเกิร์ลมาแล้วและยังสามารถทำได้มากขึ้นอีกในอนาคต ริปเปิลเข้าใจว่าตัวเองไม่ควรที่จะบังคับสโนไวท์ให้ไปในทางใดทางหนึ่ง แต่เธอก็ยังคงอยากให้สโนไวท์ออกห่างจากเรื่องอันตราย เธอไม่อยากให้สโนไวท์ตาย
มันเป็นเพราะเฟรเดริก้า ริปเปิลต้องกำจัดเฟรเดริก้า เธอต้องทำ
เฟรเดริก้าคือคนที่เรียกสโนไวท์เข้าไปสู่ความอันตราย ความเกลียดชัง ศัตรูผู้น่าเคียดแค้นที่ควบคุมจิตใจของริปเปิลและก่อเรื่องร้ายแรงแก่ผู้อื่นจำนวนมาก ริปเปิลรู้สึกเสียใจและผิดบาปอย่างมากที่ช่วยเฟรเดริก้าเอาไว้ในสถานการณ์ที่ควรจะทอดทิ้งไป ไพตี้ เฟรเดริก้าคือคนที่เป็นศัตรูในเวลานี้ —ริปเปิลจะจัดการเธอเป็นอย่างแรก จากนั้นก็ค่อยคิดเรื่องอื่นในภายหลัง
ความโกรธคือพลังงานที่ขับเคลื่อนแบบตรงไปตรงมา มันเป็นเรื่องจริงมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ล้างแค้นให้ท็อปสปีด หรือตอนที่ถูกเฟรเดริก้าหลอก ริปเปิลก็ลงมือด้วยความโกรธ
เธอจะทำลายความทะเยอทะยานของเฟรเดริก้า บั่นทอนกำลังของเฟรเดริก้า ร่วมมือกับศัตรูของเฟรเดริก้า ทำทุกอย่างที่เฟรเดริก้าจะรู้สึกเกลียด และสุดท้ายก็กำจัดเฟรเดริก้า ไม่ว่าจะยังไงก็ตามริปเปิลจะไม่ยอมรับ โลกใบนี้ไม่ได้กว้างใหญ่มากพอสำหรับทั้งสองคน เฟรเดริก้าคือคนที่เป็นอันตรายต่อสโนไวท์ด้วยเช่นกัน —มันไม่มีเหตุผลอะไรแม้แต่เหตุผลเดียวที่จะปล่อยเฟรเดริก้าไป
เธอไม่อยากให้มือของสโนไวท์ต้องมาสกปรก ริปเปิลคือคนที่ควรทำงานประเภทนี้ เธอจะจัดการเฟรเดริก้าก่อนใครอื่น ริปเปิลอยู่ในความโกรธโดยตลอด และเธอก็คิดว่าความโกรธของตัวเองจะหายไปในเวลาไม่นานรึเปล่า ในขณะที่เธอต่อสู้อย่างโกรธเกรี้ยวนี้ การลงมือทำย่อมดีกว่าการคิด
ความโกรธมันได้มอบพลังให้แก่ริปเปิล
☆ ธันเดอร์ เจเนรัล อาเดลไฮลด์
เธอหันกลับไปมองปรินเซสไลท์นิ่ง คนที่ปรากฏตัวออกมาจากสุดโถงทางเดินและหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันกลับมามองปรินเซสไลท์นิ่งที่ล้มอยู่ และเมื่อเธอยืนยันได้ว่าได้คือปรินเซสไลท์นิ่งไม่ผิดแน่ เธอก็หันกลับไปมองที่ปรินเซสไลท์นิ่งอีกคนหนึ่ง
ครู่หนึ่งให้หลัง อาเดลไฮลด์ก็เห็นไลท์นิ่งเพิ่มมากยิ่งขึ้น สามคนยืนเรียงกันเป็นแถว และยังมีอีกเป็นจำนวนมากอยู่ด้านหลัง
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย?” อาเดลไฮลด์พึมพำ ซึ่งมันบ่งบอกถึงสถานการณ์ในตอนนี้ได้อย่างเหมาะสม
ไลท์นิ่งทุกคนล้วนถืออาวุธที่เหมือนกัน —ดาบที่อาเดลไฮลด์รู้จักดี ไลท์นิ่งพกมันเอาไว้ตลอด ใช้มันในการต่อสู้เหมือนกับที่เคยใช้
ไลท์นิ่งคนแรกหรี่ตาและมองมาที่อาเดลไฮลด์
“เธอคืออาเดลไฮลด์สินะ?” อีกฝ่ายไม่ได้รอคำตอบ “ธันเดอร์เจเนรัลงั้นเหรอ? เธอไม่คิดว่ามันคล้ายกับ ‘ปรินเซสไลท์นิ่ง’ ไปหน่อยไหม?”
เธอพูดเหมือนกับไลท์นิ่ง อาเดลไฮลด์คิด อาเดลไฮลด์ชอบที่จะพูดสวนกลับไปอย่าง “คล้ายกันเกินไป? ชื่อของพวกเราเนี่ยนะ? แต่พวกเธอทุกคนหน้าเหมือนกันหมดเลยไม่ใช่รึไง” แต่เธอก็รู้สึกช็อคมากเกินไปที่จะพูดออกมาอย่างไม่ติดขัด ดังนั้นเธอจึงไม่พูดอะไรออกมา
เมจิคัลเกิร์ลเหล่านี้เป็นอะไรที่มากกว่าการ “เหมือน” กับไลท์นิ่ง พวกเธอ คือ ไลท์นิ่ง มีทั้งใบหน้าและคำพูดที่เธอจะพูดออกมา
อาเดลไฮลด์กัดฟัน เธอเพิ่งจะสู้กับปรินเซสไลท์นิ่งที่เป็นศัตรูที่น่ากลัวมา แต่ไลท์นิ่งที่พูดห่างออกไปตรงหน้านั้นน่ากลัวในแบบที่ต่างออกไปอย่างมาก
“เธอคือศัตรูของพวกเรางั้นสิ?”
“แน่นอนว่าใช่”
“เดี๋ยว… ก่อน” คำพูดสุดท้ายนี้มาจากไลท์นิ่งที่อาเดลไฮลด์เพิ่งจะสู้ด้วย —คนที่นอนแผ่อยู่บนทางเดิน เธอเงยหน้าเข้าหาไลท์นิ่งคนอื่น “ไม่… จำเป็นต้องฆ่าเธอ ฉัน —จะชนะ”
จากนั้นก็มีเสียง กึ๊ง ราวกับมีดปักเข้ากับเพดาน อาเดลไฮลด์ปัดมีดสั้นที่หนึ่งในไลท์นิ่งขว้างมาออกไป ดาบทหารของอาเดลไฮลด์ส่งเสียงดังในตอนที่ร่วงลงไปที่ทางเดิน และเธอก็ยื่นมือออกไป มันดูเหมือนกับว่าถูกขว้างออกมาอย่างเบาๆ แต่ก็หนักยิ่งกว่าที่คิดเอาไว้ นี่เป็นเพราะว่าเธอบาดเจ็บ หรือเพราะว่าคู่ต่อสู้นั้นแข็งแกร่งกันนะ?
ก่อนที่อาเดลไฮลด์จะพูดอะไรออกมา มันก็มีมีดสั้นสามเล่มที่ขว้างตามออกมาจากไลท์นิ่งที่ยืนอยู่ด้านหลัง อาเดลไฮลด์กลิ้งและปัดมีดสั้นด้วยผ้าคลุม เอาตัวของไลท์นิ่งที่นอนอยู่ขึ้นมาด้วยแขน
ไลท์นิ่งคนนี้มองขึ้นมาที่อาเดลไฮลด์ด้วยดวงตาที่ไม่ได้เพ่งไปยังจุดไหน ร่างกายของเธอสั่นหลายครั้ง และจากนั้นการแปลงร่างก็คลายลง ผมสีดำเงาแผ่ยาวออกไปตามทางเดินที่เต็มไปด้วยฝุ่น ขนตายาวขยับไปมา จากนั้นเธอก็หลับตาลงอย่างช้าๆ
ไลท์นิ่งกำลังพูดคุยกันในหมู่ของตัวเอง เสียงนั้นไพเราะเหมือนกับนกตัวน้อยที่กำลังส่งเสียง
“ไม่เลวเลยนี่”
“ได้ยินว่าเธอมาจากโรงเรียนกวดวิชามาโอ”
“เห น่าสนุก”
อาเดลไฮลด์ยืนขึ้น ในการต่อสู้กับไลท์นิ่งจำนวนมากแบบนี้เธอจะตายอย่างแน่นอน แม้จะไม่ได้บาดเจ็บ เธอก็ไม่สามารถเอาชนะได้ —แน่นอนว่าในตอนนี้ที่บาดเจ็บหนักเองก็ด้วย การหนีคือตัวเลือกที่ดีที่สุด เธอควรจะหนี อาเดลไฮลด์คิดว่าตัวเองเข้าใจเรื่องนี้ แต่เท้าของเธอก็ไม่ขยับ
“พวกแกทำบ้าอะไร!?” เธอตะโกนออกมาตรงจุดนั้น
หลังจากนั้น มีดสั้นจำนวนมากจนน่าตลกก็ถูกขว้างเข้ามาใส่เธอทันที
ใบมีดที่ส่องประกายแววาว ถึงเธอจะไม่ได้รู้สึกกลัว มันก็ยากที่จะมองแบบตรงๆ ด้วยจำนวนมหาศาลที่พุ่งเข้ามาหา สมองของอาเดลไฮลด์จึงทำงานอย่างเต็มพิกัดเพื่อค้นหาทางรอด ดาบของเธอไม่ได้อยู่ในมือ ในตอนนี้ผ้าคลุมเองก็กลายเป็นชิ้นไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ส้นรองเท้าเองก็หายไป
มันไม่มีทางที่เธอจะหลบได้เลย กระทั่งการหมุนไปรอบๆและใช้แผ่นหลังป้องกันก็ยังทำไม่ได้ การลองใช้ไลท์นิ่งที่อยู่ที่แขนเป็นโล่เพื่อป้องกันตัวเองดูจะเป็นความคิดที่ดี แต่เธอไม่สามารถให้ตัวเองทำแบบนั้นได้
เวลามันหนักอึ้งและผ่านไปเชื่องช้าในตอนที่มีดสั้นพุ่งเข้ามาหา มันคือความตายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ก่อนที่เธอจะรู้สึกเสียใจ กลัว หรือเศร้า มีดสั้นมันก็มาอยู่ตรงหน้าของเธอแล้ว —แต่จากนั้นกำแพงไม้ที่อยู่ทางด้านขวาก็ระเบิดออกมาทันที
สัมผัสเรื่องเวลาของเธอกลับคืนมา มีคนกระโจนออกมาจากอีกฝั่งของกำแพงที่ระเบิดออก มีดสั้นแทงเข้าไปที่ตัวของเธอในตอนที่กระโจนออกมา เกิดเสียงทุ้มขึ้นในตอนที่วิถีเบี่ยงออกไปจากกำแพง ร่วงลงบนพื้น และกระแทกเข้ากับเพดาน หนึ่งในนั้นหมุนไปรอบๆและปักลงตรงพื้นห่างจากนิ้วเท้าของอาเดลไฮลด์เพียงแค่นิ้วเดียว
ในตอนที่ฝุ่นฟุ้งกระจายอยู่รอบๆ คนที่กระโจนออกมาก็หันไปหากลุ่มของไลท์นิ่งอย่างช้าๆ
“ใครล่ะเนี่ย?” หนึ่งในไลท์นิ่งพูด
“อ่า ใช่แล้ว เด็กคนนั้น คนที่ออกมาจากคุก”
“เธออยู่กลุ่มสองใช่ไหม? เฮ้ แบบนี้ยอดเลย มาจัดการพร้อมๆกันดีกว่า”
ลมพัดเข้ามาผ่านทางรูที่กำแพง ฝุ่นหายไปแล้ว คนๆนั้นสวมชุดนักเรียนและเครื่องประดับที่ดูดุดัน อาเดลไฮลด์มองเห็นแค่เพียงแผ่นหลัง แต่เธอก็บอกได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคือใคร —คานะนั่นเอง หากเป็นแบบนั้น อาเดลไฮลด์ก็รู้ว่ามันกำลังจะเกิดอะไรขึ้น และมันก็คือหน้าที่ของอาเดลไฮลด์ที่ต้องหยุดเธอเอาไว้
เธอวางมือลงบนไหล่ของคานะและพยายามบอกให้เธอหนีไป แต่คานะก็สลัดเธอออกไปด้วยท่าทางที่บอกได้ว่าคือ “การดูหมิ่น” อย่างชัดเจน
“อย่ามาแตะต้อง เจ้าทาส” คานะพูด เสียงของเธอฟังดูต่างออกไปจากปกติ
อาเดลไฮลด์มองไปที่คานะอย่างงุนงง เธอมองไม่เห็นใบหน้าก็จริง แต่นี่คือแผ่นหลังของคานะอย่างแน่นอน นี่คือเมจิคัลเกิร์ลที่สร้างปัญหาให้กับเมฟิสด้วยท่าทางใสซื่อราวกับงี่เง่ามาโดยตลอด แม้จะถูกบอกว่าเพิ่งจะออกมาจากคุก แต่เธอก็ไม่ได้มีบรรยากาศของการเป็นอาชญากรอยู่เลย ในขณะที่เป็นคนประหลาดและดูหลุดออกจากโลกความเป็นจริง เธอก็เป็นคนที่จริงใจและไม่ชอบโกหก เธอพยายามที่จะช่วยเพื่อนของตัวเอง แม้ว่ามันจะหมายถึงการสละชีวิตของตัวเองก็ตาม ในตอนนี้ น้ำเสียงที่ปราศจากอคติและสงบนิ่งนั้นมันฟังดูเย็นชา
คานะผลักอาเดลไฮลด์ออกไปจนอาเดลไฮลด์ล้มลงไปที่พื้นด้านหลัง คานะหมุนตัวและมองเธออย่างเย็นชา
“ไอ้ลูกหมา อย่ามาประจบประแจง มันน่าขยะแขยง”
พอเวลาผ่านไปอาเดลไฮลด์ก็เห็นว่าขาของคานะนั้นขยับ เธอถูกเตะ ตัวของอาเดลไฮลด์ไถลไปตามทางเดินจนทำให้ฝุ่นฝุ้งขึ้นมา ไลท์นิ่งที่เธอจับตัวเอาไว้ก็หลุดมือออกไประหว่างทาง กลิ้งไปจนกระทั่งกระแทกเข้ากับกองเศษหินจนในที่สุดก็หยุดลง
ดวงตาของเธอเบิกกว้างในตอนที่มองไปยังคานะที่อยู่ห่างออกไปในม่านฝุ่น
“อะไรน่ะ? ที่มานี่แค่จะมาทะเลาะกันรึไง?”
ไลท์นิ่งที่ขว้างมีดสั้นออกมาเป็นคนแรกเดินออกมาด้านหน้า มือแตะไว้ที่เอว และมองมาที่คานะอย่างรุนแรง บริเวณกระดูกไหปลาร้าเปิดโล่ง ตราที่อยู่ตรงนั้นคือโพดำและตัวอักษร J
“ไม่ใช่ว่าอยู่กลุ่มเดียวกันรึไง? ฝ่ายแคสปาร์น่ะ? พวกเธอเป็นเพื่อนกันไม่ใช่รึไง? งี่เง่าชะมัด” เธอพูด
จากนั้นก็มีเสียง ป๊อป ดังขึ้นมา ไลท์นิ่งลอยกลับไปด้านหลัง ไลท์นิ่งคนอื่นๆจับตัวของเธอเอาไว้ ตอนนี้เธอมีเลือดไหลออกมาจากจมูก เธอหมดสติไปเรียบร้อยแล้ว
คานะคงจะโจมตีเธอ แต่อาเดลไฮลด์มองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น
รอยยิ้มของไลท์นิ่งหายไป กลุ่มของไลท์นิ่งชักมีดสั้นออกมาและพุ่งเข้าหาคานะ
คานะยิ้ม เธอหัวเราะออกมาดังมากพอที่จะทำให้เศษหินสั่นสะเทือน “ไม่ต้องมัวชักช้าอืดอาด! พวกแกทั้งหมดต้องตาย! นี่คือการลงทัณฑ์ที่เหมาะสมกับการดูหมิ่นของพวกแกแล้ว!”
ในตอนที่หลบการแทงของดาบยาว คานะก็พุ่งออกไปข้างหน้าเพื่อกระแทกเข้าไปที่หน้าอกด้วยฝ่ามือ หนึ่งในไลท์นิ่งล้มลงไป ณ จุดนั้น ขดตัว และร้องครางออกมาอย่างเดจ็บปวด
“ถ้าไม่ชอบใจ ก็เข้ามาสู้! เปลี่ยนแปลงอนาคตของตัวเองด้วยกำลังซะ!”
คานะหันไปรอบๆพร้อมกับหงายฝ่ามือและกางแขนออกหาทุกคน หลบการเตะ มีดสั้น แม้กระทั่งสายฟ้าด้วยการเคลื่อนไหวที่มองไม่เห็น เมื่อดาบยาวแทงตรงเข้ามาหา เธอก็หยุดเอาไว้ด้วยการใช้นิ้ว จากการที่ส่วนของดาบที่จับเอาเอาไว้แตกออกพร้อมกับประกายสีม่วง นั่นแสดงว่ามันมีสายฟ้าอยู่ด้วย แต่คานะดูเหมือนว่าไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดหรือทรมาณในตอนที่ส่งเสียงออกมาเลย
“น่าตลกจริง เจ้าพวกทาส! ถ้าตามหาหัวของรัทสึมุคานะ-โฮโนเมะ-โนะ-คามิ ร่างเกิดใหม่ของแคสปาร์ วิม ฮ็อบ ซุค อยู่ล่ะก็ เข้ามาเลย!”
ใบหน้าของไลท์นิ่งบิดเบี้ยวด้วยความช็อค ใบหน้าที่ล้วนบ่งบอกว่าคือปรินเซสไลท์นิ่ง คนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนร่วมห้องของเธอและหัวหน้าของกลุ่มสามมองไปที่คานะราวกับว่าเป็นอะไรบางอย่างที่แปลกประหลาด อาเดลไฮลด์คิดว่าตัวเองก็มีท่าทางที่เหมือนกันอยู่บนใบหน้า เธอกัดฟันอยู่ตัวคนในซากปรักหักพังที่เต็มไปด้วยฝุ่น
คานะพุ่งผ่านกลุ่มไลท์นิ่งอย่างรวดเร็วจนเธอมองตามไม่ทัน จากนั้นกลุ่มศัตรูก็ระเบิดออกไปในคราวเดียว ดาบยาวปลิวขึ้นไปในอากาศ สายฟ้าไม่ได้ถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่คานะแค่เคลื่อนไหว มันก็ทำให้ไลท์นิ่งปลิวออกไปคนแล้วคนเล่า ลอยขึ้นไปทะลุเพดาน กระแทกเข้ากับกำแพงจนพังลง คานะค่อยๆเดินหน้า เธอออกจากพื้นที่และมุ่งหน้าไปยังโรงยิม
“ไอ้ลูกหมา อย่ามาประจบประแจง มันน่าขยะแขยง” —อาเดลไฮลด์นึกขึ้นว่ามันคือคำพูดจากหนึ่งในมังงะของเมฟิส “ไม่ต้องมัวชักช้าอืดอาด! พวกแกทั้งหมดต้องตาย!” เองก็มาจากมังงะอีกเรื่อง
เธอไม่ได้ถูกพูดออกมาเพราะว่าสบโอกาส การคิดว่านี่คือข้อความจากคานะก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เธอกำลังบอกอาเดลไฮลด์ว่าตัวเองคือคานะด้วยการพูดความทรงจำเหล่านั้นออกมา หากเธออธิบายออกมาแบบตรงๆด้วยคำพูดหรือว่าท่าทาง ไลท์นิ่งก็จะรู้ตัว และอาเดลไฮลด์ก็จะถูกลากเข้าไปในการต่อสู้หรือถูกจับเป็นตัวประกันได้ เธอแสร้งแสดงท่าทางออกมาอย่างเย็นชาเพื่อป้องกันเรื่องนั้น อาเดลไฮลด์รู้ว่าเธอยังคงเป็นคานะอยู่
ถ้าจะให้พูดแล้ว การที่จู่ๆก็พูดเรื่องรัทสึมุอะไรซักอย่างออกมา มันก็ได้แต่ทำให้อาเดลไฮลด์คิดว่า อะไรล่ะนั่น? เรื่องที่คานะพูดออกมาเกี่ยวกับแคสปาร์ —นี่เธอหมายถึงแคสปาร์ของฝ่ายแคสปาร์งั้นเหรอ? ไลท์นิ่งเองก็ไม่รู้ว่ามันคือเรื่องจริงหรือไม่จริงเช่นกัน แต่ดูจากวิธีการต่อสู้ของคานะที่เสมือนกับเทพเจ้าในตอนนี้ มันก็ทำให้อาเดลไฮลด์คิดว่าอาจจะเป็นเรื่องจริง กำแพง ทางเดิน และไลท์นิ่งจำนวนมากเองก็ปลิวออกไปด้วย
☆ แซลลี่ ราเว็น
มันเป็นการตะโกนอันน่าหวาดกลัว ด้วยการที่อยู่ใกล้จึงทำให้หูของแซลลี่รู้สึกเจ็บ แต่สำหรับไซคีคนที่อยู่ในระยะประชิดมันแย่ยิ่งกว่านั้นมาก เลือดมันไหลออกมาจาก หู และจมูก จนดูเหมือนว่าหมดสติไป
ไซคีล้มลงอย่างช้าๆ แซลลี่กรีดร้องออกมาและวิ่งออกไป ในเวลาเดียวเธอก็ใช้อีกาบินโฉบลงมาระหว่างพวกเธอตรงเข้าหาศัตรูเพื่อยั้งอีกฝ่ายเอาไว้ เมจิคัลเกิร์ลชั่วร้ายที่ซ่อนใบหน้าของตัวเองไว้ใต้หน้ากากคิวตี้แพนด้าถอยกลับไปในท่าย่อต่ำเหมือนกับสัตว์ หันหน้าเข้าไปหาอีกา ก่อนที่ไซคีจะล้มลงและใบหน้ากระแทกเข้ากับพื้น แซลลี่ก็ไถลเข้าไปจับตัวเอาไว้ จากนั้นก็วิ่งออกไปโดยที่ไม่ได้หันหลังกลับมามอง
แซลลี่วิ่งออกไปพร้อมกับฝูงอีกาที่บินอยู่ด้านหลัง หูของเธอที่เต้นตุบๆแทบจะจับใจความของเสียงที่เหมือนกับการประกาศของโรงเรียนไม่ได้ แต่มันไม่มีทางเลยที่อะไรแบบนั้นจะเกิดขึ้นในตอนนี้ เธอคิดว่าตัวเองคงจะได้ยินอะไรบางอย่าง
พื้นดินระเบิดออก ดินและทรายร่วงลงมา พื้นดินระเบิดออกอีกครั้ง แซลลี่เปลี่ยนเป็นการวิ่งสลับฟันปลาเพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูเล็งเป้ามาที่เธอ แต่เศษดินมันก็โดนเข้ากับตัวเธอ ทรายเองถล่มลงมาใส่ พื้นดินที่ยืนอยู่ก็แตกออก เธอล้มลงไปตรงจุดนั้น ตัวของไซคีก็กลิ้งออกไปตามพื้น
ในตอนที่พยายามลุกขึ้นยืน แซลลี่ก็มองกลับไป เธอกระโดดไปด้านข้างเพื่อหลบการโจมตีทันที และเตรียมตัวให้พร้อมอีกครั้ง
อีกาของเธอปลอดภัย —หรือก็คือ ศัตรูไม่ได้ไล่ตามมา คิ้วตี้แพนด้าปัดอีกาออกไปด้วยมือขวา ส่วนในมือซ้ายมีก้อนหินก้อนใหญ่อยู่หลายก้อน นี่เธอขว้างมันงั้นเหรอ?
“อ้าว อยู่นี่เอง” ใครบางคนส่งเสียงออกมาด้านหลังคิวตี้แพนด้า
อีกฝ่ายไม่ใช่เพื่อนร่วมห้อง —คนๆนี้สวมหน้ากากคิวตี้ซีบร้า สินค้าของ คิวตี้ฮีลเลอร์ ไม่ใช่ของที่ควรเอามาทำแบบนี้ แต่แซลลี่ก็ทำอะไรกับเรื่องนี้ไม่ได้ แม้ว่าอีกาของเธอจะทำการโจมตี มันก็ไม่มีช่องว่างที่จะให้เข้าโจมตีเพื่อให้ถอยไปเลย
“มีปัญหาเหรอ? ให้ช่วยไหม?”
คิวตี้อัลแตร์โผล่ออกมา จากนั้นดาร์คคิวตี้ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลัง ออกมาจากเงาเหมือนกับในอนิเม คิวตี้ฮีลเลอร์
ดาร์คคิวตี้เหวี่ยงขาของตัวเองขึ้น “คิวตี้ฮีลเลอร์ไม่รังแกเด็ก” เธอพึมพำอย่างเงียบๆก่อนที่จะเตะเข้าหาคิวตี้อัลแตร์ คนที่อยู่ด้านหน้าตัวเอง
แซลลี่เบิกตากว้าง เธอไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น
การโจมตีอย่างเฉียบคมของดาร์คคิวตี้ที่ตรงเข้าไปที่ลำคอของอัลแตร์ มันทำให้อัลแตร์ล้มตัวลงราวกับร่วงลงมาจากที่สูง และเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นทั้งหมดต่างก็หันไปหาดาร์คคิวตี้ในคราวเดียว
ในตอนที่เตะเข้าไปที่อัลแตร์ ความอบอุ่นที่แซลลี่สัมผัสได้แน่ๆว่ามาจากตัวของดาร์คคิวตี้ก็ลดลงทันที
แพนด้ากระโดดขึ้นไป เตะเข้าไปยังจะงอยปากของอีกาในตอนที่พยายามจะจิกและกระโดดกลับไปด้านหลัง ซีบร้าที่กระโดดช้าไปเพียงเสี้ยววิถูกเงาที่มีรูปร่างเป็นงูที่งอกขึ้นมาจากด้านหลังกลืนลงไปในคำเดียว เธอส่งเสียงร้องออกมาในตอนที่โดนลากลงมาที่พื้น
แซลลี่ขยี้ตา ไม่ —นั่นไม่ใช่เมจิคัลเกิร์ลที่สวมหน้ากากของดาร์คคิวตี้ นั่นคือดาร์คคิวตี้ตัวจริง ดาร์คคิวตี้ตัวเป็นๆ น้ำตาเอ่อออกมาจากดวงตาของแซลลี่ มันไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก นี่คือดาร์คคิวตี้ตัวจริง —หนึ่งในตัวร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของซีรี่ย์ คิวตี้ฮีลเลอร์ คนที่เธอเคยเห็นเพียงแค่ในอนิเม— ที่มีชีวิตและกำลังเคลื่อนไหว ไม่ใช่ภาพลวงตา ดาร์คคิวตี้มาช่วยแซลลี่จากเรื่องที่เกิดขึ้น
ในขณะที่อยู่ในท่าย่อต่ำเหมือนกับแมวที่พร้อมจะกระโดด ดาร์คคิวตี้พึมพำออกมา “อย่าร้องไห้”
แซลลี่รีบเช็ดน้ำตา ดาร์คคิวตี้พูดถูก นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาร้องไห้
แล้วไซคีล่ะ? แซลลี่คิด
เธอหันกลับและพบว่าไซคีหายไปแล้ว ทิ้งรอยเลือดเอาไว้ที่พื้นด้านหลังเธอ นี่เธอหนีไปแล้วเหรอ? แซลลี่โล่งอกที่ไซคียังคงมีแรงเหลืออยู่ในตัวมากขนาดนั้น
“นี่ไม่ใช่เวลาหรือที่ที่จะมาร้องไห้เพราะอยากเป็นคิวตี้ฮีลเลอร์… มองไปข้างหน้า ยืนขึ้น และสู้”
ใครบางคนที่อยากจะเป็นคิวตี้ฮีลเลอร์นั่นหมายถึงแซลลี่ หากดาร์คคิวตี้ตระหนักถึงเรื่องนี้ แบบนั้นมันก็เป็นความจริงอย่างแน่นอน แซลลี่รู้สึกว่าตัวเองกำลังเดินอยู่พร้อมกับมีคิวตี้ฮีลเลอร์จากหลายภาคอยู่เคียงข้าง : คิวตี้เพิร์ล คิวตี้โอนิกซ์ คิวตี้เวก้า และคิวตี้อัลแตร์ เธอไม่ใช่ของปลอม ไม่ใช่คนที่เลียนแบบรูปร่างหน้าตา เธอคือของจริงที่สุดในหมู่ของจริง เธอต้องเปล่าประกายสว่างไสวมากยิ่งกว่าทุกคน
แซลลี่มอบคำสั่งให้อีกา เธอเคลื่อนไหวไปหาแพนด้าในทิศทางตรงกันข้าม อีกาที่บินอยู่บนท้องฟ้าส่องแสงสว่างจ้า ทำให้เงาดำของสัตว์เงาที่ยืดออกมาจากดาร์คคิวตี้มืดและแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นไปอีก
☆ คานะ
เฟรเดริก้าถูกแนะนำผ่านมาทางขุนนางที่มีอิทธิพล รัทสึมุคานะ-โฮโนเมะ-โนะ-คามินั้นพักจากทำหน้าที่ในสาธารณะอยู่ตลอดเวลา โดยอ้างว่าสุขภาพไม่ดี และในตอนที่ไม่ทันระวังตัว เฟรเดริก้าก็ถูกส่งเข้ามาในฐานะใครบางคนที่ต้องคุยด้วย
นั่นเป็นส่วนหนึ่งของแผนการ หรือว่าคนเหล่านั้นถูกเฟรเดริก้าหลอกกันนะ? ในจุดนี้คานะไม่รู้ ด้วยความสามารถของตัวร้ายอย่างเฟรเดริก้า การเอาอกเอาใจจอมเวทที่ไม่รู้ความจำนวนหนึ่งก็เป็นเรื่องง่าย ไม่ใช่ว่าในตอนนั้นฝ่ายแคสปาร์มีแต่พวกอ่อนแอ แต่เป็นเพราะเบื่อหน่ายทางโลกกันซะมากกว่า เมื่อคนที่มีตำแหน่งสูงคิดว่า ใครจะสนกันล่ะว่าจะเกิดอะไรขึ้น? แม้ว่าจะไม่ได้พูดออกมาดังๆ คนที่มีตำแหน่งต่ำกว่าเองก็เข้าใจ ต่อให้การรักษาความปลอดภัยย่อหย่อนลงพวกนั้นก็ไม่ได้สนใจ โอกาสที่จะใช้ให้เกิดประโยชน์จึงเกิดขึ้น และผู้นำของคนเหล่านั้นก็ถูกควบคุมจิตใจ
เหตุผลที่ผู้นำของฝ่าย —รัทสึมุคานะ-โฮโนเมะ-โนะ-คามิ— ได้สูญเสียพลังงานของตัวเองไปมันเป็นเพราะว่าเวทมนตร์ของเธอเอง เธอถามคำถามว่าปฐมจอมเวทอยู่ที่ไหนและทำอะไรอยู่ เวทมนตร์ของเธอถูกออกแบบมาเพื่อทำเรื่องเช่นนี้ตั้งแต่แรก และคำถามนั้นก็คือเหตุผลว่าทำไมเธอถึงมีตัวตนอยู่
การที่จะช่วยดินแดนเวทมนตร์ได้นั้นมันจำเป็นต้องมีผู้นำที่แข็งแกร่ง ดังนั้นฝ่ายพัคและฝ่ายโอสจึงสร้างร่างเกิดใหม่ที่ควรค่าแก่การเป็นผู้นำขึ้นมา เมื่อเทียบกันแล้วฝ่ายแคสปาร์ยึดมั่นในหลักการมากกว่า คนที่จะยืนอยู่ในตำแหน่งของการเป็นผู้นำและก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมกับแผนการนี้ เคยคิดว่าผู้นำที่แข็งแกร่งไม่ได้หมายถึงหนึ่งในจอมเวทผู้ยิ่งใหญ่หรือก็คือสามปราชญ์ ซึ่งคนๆนั้นจะเป็นคนอื่นไปไม่ได้เลยนอกจากปฐมจอมเวท อาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ของพวกตน
แน่นอนว่าเรื่องที่เลวร้ายที่สุดก็สามารถนึกภาพได้ การที่ปฐมจอมเวทไม่ได้กลับมาคือการบ่งบอกว่าเรื่องราวเป็นเช่นนั้น สำหรับมาตราการในเตรียมการรับมือที่ปฐมจอมเวทจะหายไปเป็นเวลานานพวกเธอจึงได้สร้างรัทสึมุคานะ-โฮโนเมะ-โนะ-คามิขึ้นมา และด้วยเหตุนั้นเอง พวกเธอก็ได้บรรลุถึงความเป็นจริง
ปฐมจอมเวทไม่อยู่อีกแล้ว มันเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในตอนที่สร้างระบบปราชญ์ขึ้นมา
ระบบปราชญ์ถูกออกแบบมาเพื่อให้คงอยู่ไปตลอดกาล สำหรับการที่ปฐมจอมเวทพยายามจะใช้ระบบนี้เพื่ออะไรนั้น คานะไม่สามารถหาคำตอบได้ แม้ว่าจะเป็นการใช้เวทมนตร์ของเธอก็ตาม มันสันนิษฐานได้ว่ามีแผนการบางอย่างในอนาคตถูกวางเอาไว้ แต่ก็ไม่มีใครเลยที่สามารถเข้าใจมันได้ ความจริงที่ว่าปฐมจอมเวทได้สร้างระบบขึ้น และหลังจากนั้นก่อนที่จะเริ่มใช้งาน มันก็เกิดความผิดพลาดขึ้นและหายไปคือเรื่องสำคัญ เมื่อเวลาผ่านไปจนเหล่าลูกศิษย์ที่ถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลังได้สติฟื้นคืน ผู้ที่เป็นอาจารย์ก็หายไปราวกับควันเสียแล้ว
แม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจหรือตระหนักถึงเรื่องนี้ เหล่าลูกศิษย์ที่รอดชีวิตก็ได้สืบทอดระบบปราชญ์มา สถานโบราณที่เกิดอุบัติเหตุถูกสร้างขึ้นมาโดยปฐมจอมเวท และตัวของสถานโบราณเองก็เป็นอันตราย พวกเธอได้ทำการผนึกเอาไว้ หลังจากนั้นพวกเธอก็ควรจะบำรุงรักษาและจัดการอย่างเหมาะสม แต่เนื่องจากไม่มีใครเลยที่รู้ว่าระบบยังคงทำงานต่อไปอย่างลับๆ มีเพียงรัทสึมุคานะ-โฮโนเมะ-โนะ-คามิ คนที่ถามคำถามเหล่านี้เท่านั้นที่รู้ว่ามันถูกใช้เพื่อจุดมุ่งหมายของสามปราชญ์ พลังงานที่จำเป็นต้องใช้มันมหาศาลมาก และมันก็ดึงพลังที่จำเป็นต้องใช้มาด้วยการสูบจากทั่วทั้งดินแดนเวทมนตร์
และตัวระบบสามปราชญ์นี่เองก็ได้นำมาซึ่งวิกฤติพลังงานในดินแดนเวทมนตร์
สามปราชญ์ คนที่ควรจะเป็นผู้นำกลับเป็นสาเหตุที่ทำให้ดินแดนเวทมนตร์เสื่อมถอยลง ความจริงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เรื่องนี้ได้ทิ่มแทงรัทสึมุคานะ-โฮโนเมะ-โนะ-คามิอย่างรุนแรง ในการที่จะแก้วิกฤติพลังงานนั้น ตัวของสามปราชญ์ก็ควรที่จะหายไป แต่ถึงแม้ว่าเธอจะบอกเรื่องนี้กับร่างเกิดใหม่คนอื่น เธอก็สงสัยว่าอีกฝ่ายจะเห็นด้วยรึเปล่า เธอใช้เวลาคิดว่า พวกเราต้องเปลี่ยนแปลงระบบมิเช่นนั้นร่างเกิดใหม่คนใหม่ก็จะถือกำเนิดขึ้นมาอีก แล้วฝ่ายอื่นล่ะ? ไม่มีอะไรที่เราทำได้เลยงั้นเหรอ?
เมื่อเวลาผ่านไป กริมฮาร์ทและพัคพั๊คก็ถูกจัดการ ร่างเกิดใหม่คนใหม่ยังไม่ได้ถูกเลือก
หากเธอยืนอยู่เฉยๆและไม่ได้ทำอะไรเลย แบบนั้นพลังงานจำนวนมากก็จะถูกใช้ไปอย่างเสียเปล่า มันไม่มีเวลาที่จะมากังวลแล้ว เธอสามารถรู้คำตอบของคำถามได้ก็ต่อเมื่อมันมีคำตอบ เธอควรจะทำอะไรกันแน่? ด้วยความกังวลมากมายเหล่านี้ที่อยู่ในตัวของเธอ เธอจึงลงเอยด้วยการถามเฟรเดริก้าเพื่อหาคำแนะนำ
ในเวลานั้น เฟรเดริก้าได้เติมเต็มบทบาทของตัวเองในฐานะคนที่สามารถไว้ใจได้ พร้อมกับแทรกตัวเข้ามาราวกับเป็นน้ำที่หยดลงบนผืนทรายอย่างช้าๆ ในขณะเดียวกันก็มีความกล้าหาญที่ไม่มีเหตุมีผลอย่างการทิ้งหัวข้อที่ไม่จำเป็นออกไป เธอแทงทะลุเข้ามาที่จุดอ่อนภายในหัวใจของคานะ มันไม่มีเรื่องอะไรเลยที่ไม่สามารถพูดคุยด้วยได้ เริ่มต้นด้วยเรื่องอากาศในวันนั้น ตามด้วยบทกวี ศิลปะการแสดง วาดภาพ แกะสลัก และแม้ว่ารัทสึมุคานะ-โฮโนเมะ-โนะ-คามิจะไม่ชื่นชอบการพูดคุยในเรื่องเล็กๆน้อยๆ เฟรเดริก้าก็ค่อยๆดึงคำพูดออกมาจากตัวของเธออย่างช้าๆ เรียนรู้เรื่องที่เธอสนใจและได้รับความไว้วางใจจากความจริงใจและตรงไปตรงมา
คานะควรจะตั้งคำถามในทันทีเพื่อให้แน่ใจว่าเธอคือคนที่สามารถไว้วางใจได้หรือไม่ แต่นั่นก็เป็นแค่การมองย้อนกลับไปหลังจากที่เรื่องได้เกิดขึ้น ส่วนใหญ่แล้ว เฟรเดริก้าเองก็รู้ว่าควรระวังคำถามที่เกี่ยวข้องกับเรื่องส่วนตัว เรื่องของเฟรเดริก้าได้แต่ทำให้รัทสึมุคานะ-โฮโนเมะ-โนะ-คามิเศร้าหมอง และเมื่อเธอลดการป้องกันตัวลง เธอจึงโดนควบคุมจิตใจไป
เธอถูกทำให้ใช้ชีวิตในฐานะคานะมาเป็นเวลานาน และเมื่อโรงเรียนถูกโจมตี เฟรเดริก้าก็ได้คลายเวทมนตร์ลง และเธอก็ได้ความทรงจำในฐานะรัทสึมุคานะ-โฮโนเมะ-โนะ-คามิกลับคืนมา แต่ไม่ใช่ว่าความทรงจำในฐานะคานะจะหายไป ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับห้องเรียนเมจิคัลเกิร์ลของเธอยังคงถูกบันทึกเอาไว้ภายในสมอง เธอเป็นทั้งรัทสึมุคานะ-โฮโนเมะ-โนะ-คามิและคานะ ทั้งสองคนผสมรวมเข้าด้วยกันจนในตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้ที่จะแยกออกจากกัน
เธอจดจำเรื่องราวได้ทุกอย่าง —เรื่องราวในวันแรกของเธอเมื่อทุกคนรู้ว่าเธอคือเมจิคัลเกิร์ลที่เพิ่งจะออกมาจากคุก เธอจำช่วงเวลาอันยากลำบากที่จะทำอะไรบางอย่างให้สำเร็จในช่วงเวลาว่างได้ เพราะแบบนั้นเธอต้องกินมื้อเที่ยงให้หมดก่อนทุกคนจึงจะสามารถออกไปรวบรวมข้อมูลได้ กระทั่งตอนที่พูดอะไรบางอย่างออกมาในห้องเรียนหรือยกมือขึ้น คัลโคโระก็จะแสร้งว่าทำเป็นไม่รับรู้ เธอจำเรื่องราวทุกอย่างของมังงะที่อ่านด้วยกันกับเมฟิสได้ กฏของเบสบอลที่อาเดลไฮลด์สอนเธอ นิยายรักที่ลิเลี่ยนให้ยืม ภาพที่คุมิคุมิวาดลงไปในหนังสือเรียน นักเรียนของโรงเรียนมัธยมต้นอุเมะมิซากิที่ดีใจเมื่อได้พบเธอ เธอไม่สามารถลืมเรื่องราวอะไรไปได้
คานะใช้มือขวาปัดออกไปด้านหน้าใบหน้าเล็กน้อย จับดาบยาวที่แทงเข้ามาหา เตะเข้าไปที่เจ้าของดาบ และส่งตัวอีกฝ่ายให้ปลิวออกไปพร้อมกับกลุ่มที่อยู่ด้านหลัง สมองของเธอนั้นยุ่งเหยิงด้วยความทรงจำที่กลับคืนมา แต่เธอก็ไม่มีเวลาที่จะมามัวก้มหน้าและขดตัวแบบไม่ทำอะไรเลย
อาเดลไฮลด์บาดเจ็บ ไลท์นิ่งที่ล้มอยู่คือคนที่คานะรู้จักงั้นเหรอ? คานะกระโจนเข้ามาก่อนที่พวกเธอจะถูกฆ่าแบบเฉียดฉิว แล้วมันเกิดอะไรขึ้นบ้างกับเพื่อร่วมห้องคนอื่น?
กลุ่มของไลท์นิ่งล้อมคานะเอาไว้และไม่ถอยออกไป ไม่ว่าเธอจะจัดการไปมากเท่าไหร่ อีกฝ่ายที่พึ่งพาเรื่องจำนวนก็รวมตัวกันเพื่อขวางทางเธอ แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจว่าเธอแข็งแกร่งมากขนาดไหน อีกฝ่ายก็ไม่ได้แสดงความเกรงกลัวออกมา
อีกฝ่ายนั้นเหนือกว่าไลท์นิ่งที่เป็นเพื่อนร่วมห้องในทางกายภาพ แต่จากวิธีการสู้ที่พึ่งพาเรื่องจำนวนนั้นมันดิบเถื่อน ไลท์นิ่งที่คานะรู้จักจะใช้วิธีการสกปรกและดื้อรั้นมากยิ่งกว่านี้ เธอจะใช้ความได้เปรียบจากเรื่องทางจิตใจจากผู้คน ในขณะที่ยังคงแสร้งทำเป็นว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์
หากคานะวิ่งออกไปอย่างเต็มแรง แบบนั้นเธอก็จะสามารถหลุดออกจากวงล้อมไปได้ แต่เมื่อความสนใจที่ในตอนนี้ที่จดจ่ออยู่ที่คานะหันออกไปยังเมจิคัลเกิร์ลคนอื่น คานะก็ต้องดึงดูดให้ศัตรูหันเข้ามาหาเธอ ในเวลาเดียวกัน เธอก็ยังสามารถยืนยันว่าเพื่อนร่วมห้องปลอดภัยได้อีกด้วย
นี่เมฟิสปลอดภัยรึเปล่า?
เธอถามคำถามนี้ในจิตใจตัวเองท่ามกลางความวุ่นวาย มันไม่เหมือนกับในตอนที่เธอไม่ตระหนักถึงความสามารถเรื่องเวทมนตร์ของตัวเองอย่างเต็มประสิทธิภาพเพราะมีเวทมนตร์ที่ควบคุมความทรงจำ ในตอนนี้เธอรู้คำตอบของคำถามโดยที่ไม่ต้องมีใครมาบอกคำตอบ
มันไม่มีคำตอบของคำถามนี้ นี่มันหมายความว่าเมฟิสไม่ปลอดภัย แต่เมฟิสเองก็ยังไม่ตายรึเปล่า? ตอนนี้มันไม่มีเวลาที่จะมาตีความ ในขณะที่กัดฟันอยู่นั้น คานะก็ถามต่อไปว่าเพื่อนร่วมห้องของเธอปลอดภัยรึเปล่า ความโล่งอกและความโกรธเข้ามาหาเธออย่างซ้ำๆในตอนที่เธอวิ่งออกไปรอบบริเวณ บ้าคลั่งราวกับพายุที่เหมือนว่าจะเป็นสัญลักษณ์ของเรื่องที่เกิดขึ้นภายในตัว
เธอเตะไลท์นิ่ง ต่อยไลท์นิ่ง ส่งไลท์นิ่งลอยออกไป ใส่ความโกรธเข้าไปในทุกการโจมตีของตัวเอง แต่กระนั้นมันก็ถูกบังคับให้ยั้งมือเอาไว้ การได้เห็นใบหน้าที่เหมือนกับเด็กสาวที่เป็นเพื่อนร่วมห้องของตัวเอง คนที่แข่งขันกันในตอนเวลาว่าง และสู้ด้วยกันในเหตุการณ์โฮมุนครูส แม้ว่าตัวของเธอจะเต็มไปด้วยความโกรธ เธอก็ไม่สามารถจัดการอีกฝ่ายด้วยแรงทั้งหมดที่มีได้ แม้เธอจะรู้ว่าหากต้องการจะช่วยเพื่อนร่วมห้องก็ต้องกำจัดอีกฝ่ายอย่างไร้เมตตาปราณี เธอก็ไม่สามารถโจมตีโจมตีเข้าไปที่ใบหน้าที่เหมือนกับไลท์นิ่งอย่างเต็มกำลังได้
คานะตะโกนออกมาแม้จะรู้ว่าการตะโกนของตัวเองจะส่งไปไม่ถึงใครเลยก็ตาม
☆ ดิโกะ นาระคุโนะอิน
เมจิคัลเกิร์ลที่มีจำนวนมากจนน่ากลัวกำลังทำการโจมตี ทุกคนพยายามเข้ามาในพื้นที่ที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่อะไร —ขนาดนั้นใหญ่กว่าโรงยิมเพียงแค่นิดเดียว
ในตอนแรก พวกเธอปล่อยศัตรูให้เข้ามาภายในสวนและทำการสู้กันด้านใน ปล่อยให้สวนอันงดงามถูกทำลายไปอย่างน่าเศร้า ซุ้มโค้งทรุดตัว เพดานพังถล่มลงมา แผ่นหินแตกละเอียด ต้นไม้หักโค่น ดอกไม้กระจัดกระจายไปทั่วจากการเหยียบย่ำ สิ่งหนึ่งที่ยังคงอยู่คือโรงเก็บของที่ที่ในตอนนี้อาจารย์ใหญ่อยู่ด้านใน
แม้ว่าความพยายามของดิโกะและคนอื่นๆจะขับไล่ผู้บุกรุกออกไปได้ พวกเธอก็ไม่ได้มีเวลาพักในตอนที่ผู้บุกรุกคนอื่นบุกเข้ามา ภายใต้คำแนะนำของอาจารย์ใหญ่และการสนับสนุนจากเวทมนตร์ที่ร่ายเอาไว้ในสวน เหล่านักเรียนที่รวมตัวกันภายในสวนจึงยังสามารถคงแนวป้องกันที่ทางเข้าเอาไว้ได้ คอยต่อสู้เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บุกรุกเข้ามาภายในสวน
กลุ่มแรกที่โจมตีเข้ามาคือเมจิคัลเกิร์ลที่สวมหน้ากาก แต่ที่ด้านนอกเรื่องต่างๆคงเปลี่ยนไปในจุดใดจุดหนึ่งพร้อมกับจำนวนที่ค่อยๆลดลง และก่อนที่จะทันรู้ตัว พวกเธอก็ถูกกลุ่มของปรินเซสไลท์นิ่งเข้าโจมตี ไลท์นิ่งควรที่จะอยู่ฝ่ายเดียวกันกับดิโกะ แต่เมื่อในตอนนี้เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ เธอก็คือศัตรู
ไลท์นิ่งพุ่งตรงเข้ามาที่ทางเข้าของสวน ดิโกะ คนที่รับหน้าที่ป้องกันสวนเอาไว้คิดโดยที่ไม่สงสัยว่าตัวเองต้องต่อสู้กับอีกฝ่าย
เธอแปลกใจมากที่เห็นว่าไลท์นิ่งมีจำนวนมหาศาล เธอไม่รู้เลยว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ และโดยปกติแล้วเธอก็ควรที่จะสับสน แต่ในตอนนี้เธอสามารถต่อสู้ได้ เธอต้องต่อสู้ —เพื่ออาจารย์ใหญ่ เพื่อโรงเรียนแห่งนี้ หากนั่นมันหมายถึงเธอต้องต่อสู้กับคนที่เป็นเพื่อนกันมายาวนานอย่างรันยุย แบบนั้นบางทีเธออาจจะรู้สึกต่อต้านอย่างรุนแรงภายในจิตใจ แต่กับไลท์นิ่งแล้วมันไม่ใช่เรื่องแย่
โดยทั่วไปแล้วไม่หว่าเมื่อไหร่ที่คิดถึงเรื่องของรันยุย ดิโกะก็เป็นกังวล เธอรู้สึกไม่มั่นใจเรื่องวิธีการของรันยุยที่แสวงหาผลลัพธ์ที่อยู่เหนือว่าที่ตัวเองจะเอื้อมถึง วิธีการที่เธอทำให้ตัวเองดูยิ่งใหญ่กว่าที่เป็นจริง และวิธีการที่เธอเข้าร่วมการสนทนาโดยที่ไม่เข้าใจเรื่องอะไรเลย รันยุยอยากจะเป็นลาซูไลน์มาก ไม่ว่าจะยังไง เป้าหมายของเธอมันห่างไกลกว่าที่ตัวเองจะไปถึงมาก ถึงแม้ว่าดิโกะอยากจะให้คำแนะนำกับเธอในเรื่องนั้น จิตใจของรันยุยก็อ่อนไหวมากเกินกว่าที่จะโดนความเป็นจริงทิ่มแทงเข้าใส่ การทำแบบนั้นมันจะทำเธอแตกสลายเอาได้ และดิโกะเองก็ไม่ได้เก่งพอที่จะสามารถแนะนำด้วยวิธีการอ่อนโยนที่จะไม่ทำร้ายเธอ
ดาบยาวที่แทงออกมากำลังจะมาสัมผัสกับแก้มของดิโกะในตอนที่เธอหายตัวไปจากจุดนั้น และปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งในทันทีเพื่อโจมตีสวนกลับ มันไม่ใช่เรื่องดีหากคิดมากเกินไปในระหว่างการต่อสู้ เธอต้องเพ่งสมาธิ
“อย่าไปยุ่งกับยัยนั่น! มาทางนี้เซ่!”
เมฟิสหลอกล่อศัตรู เมื่อไลท์นิ่งหันหน้าไปหาเธอ ดิโกะก็พุ่งเข้าใส่จากด้านหลัง และในทันทีก่อนที่ไลท์นิ่งอีกคนจะสามารถปัดการโจมตีได้นั้น เธอหายตัวไปและปรากฎตัวขึ้นมาอีกครั้งในระยะที่เอื้อมถึง โจมตีสามครั้งด้วยเข่า ศอก และหน้าแข้ง และเมื่อไลท์นิ่งอีกคนหนึ่งฟันเข้ามาหา เธอก็หายตัวอีกครั้ง ในการจำลองการต่อสู้ตัวต่อตัวในห้องเรียน ไลท์นิ่งได้รับชัยชนะมาหลายครั้ง แต่ด้วยเวทมนตร์สนับสนุนจากอาจารย์ใหญ่ที่ยังคงมีอยู่ ทำให้ความสามารถของดิโกะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เธอจึงเคลื่อนไหวได้อย่างแม่นยำและรุนแรงกว่าเมื่อห้านาทีและสิบนาทีก่อน ในตอนนี้เธอเคลื่อนไหวได้ดียิ่งขึ้นกว่านั้นอีก มันไม่ใช่ทางกายภาพเท่านั้น —เวทมนตร์ของเธอเองก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน
ดิโกะปรากฎตัว เตะ หายตัวอีกครั้งทันที ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง ต่อย แล้วก็หายตัว ความเร็วที่เธอใช้เวทมนตร์มันเร็วยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ คุมิคุมิสร้างกำแพงขึ้นมาโดยที่ไม่ได้มองดูก้อนอิฐที่ใช้พิคแอคสัมผัสเพื่อป้องกันการโจมตีของไลท์นิ่ง พร้อมกับลิเลี่ยนที่ขึงด้ายเข้ากับวัตถุที่คุมิคุมิสร้างขึ้นเพื่อทำให้เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น และมันก็ไม่มีใครที่สามารถเมินเสียงของเมฟิสไปได้ —เมื่อศัตรูเข้ามาใกล้ เท็ตตี้ก็จะจับเอาไว้ด้วยแรงที่มากยิ่งกว่าปกติ จับเอาไว้อย่างแน่นๆและบดอีกฝ่าย
ด้วยการที่อาจารย์ใหญ่และเหล่าเด็กสาวร่วมมือกัน พวกเธอจึงสามารถต่อสู้ได้ ดิโกะถูกไลท์นิ่งโจมตี ถูกรักษาด้วยเวทมนตร์ของอาจารย์ใหญ่ ถูกฟันด้วยดาบยาว จากนั้นก็ถูกรักษา เตะออกไป แล้วก็เตะออกไปอีกครั้ง เธอกระโดดกลับไปด้านหลัง บาดแผลของเธอยังฟื้นฟูไม่เสร็จสิ้น แต่เธอก็ยังคงอยู่ในแนวหน้าได้ พวกเธอไม่สามารถปล่อยศัตรูให้เข้าไปไกลภายในสวนได้ ดิโกะต้องปกป้องทางเข้าเอาไว้ด้วยชีวิต
เท็ตตี้ป้องกันตัวเองเอาไว้ด้วยถุงมือในขณะที่โดนสายฟ้าโจมตีเข้าใส่ เมื่อดาบยาวแทงเข้าไปหาจากด้านข้าง คุมิคุมิก็ปกป้องเธอเอาไว้ด้วยการจับดาบยาวเอาไว้ในกรามของมังกร สายฟ้าจำนวนมากโจมตีเข้าใส่จากสี่ทิศทาง และดิโกะก็กระโจนเข้าไปเพื่อป้องกันเอาไว้ เธอรู้สึกว่าทั่วทั้งร่างของตัวเองส่งเสียงออกมา
ตัวของเมฟิสที่กำลังจะจมอยู่ในฝูงไลท์นิ่งส่งเสียงออกมา “ระวังหลังตัวเองด้วยสิเฮ้ย!” เพื่อหันเหความสนใจ เธอวางมือลงบนพื้นและพลิกตัว เหวี่ยงขาและหางไปรอบๆ รักษาความเร็วเอาไว้ในตอนที่ทำให้ไลท์นิ่งกระจายตัวออกไปและลุกขึ้นมาอีกครั้ง กระพือปีกเล็กๆของตัวเองเพื่อบินและลงมาอยู่ด้านข้างดิโกะ
ไหล่กำลังสั่นไหว ผิวของเธอเองก็ขาวมาตั้งแต่แรกเริ่ม แต่ในตอนนี้มันซีดมากจนแทบจะโปร่งใส เธอดึงมีดสั้นที่เสียบอยู่ที่ด้านขวาของลำตัวออก และบาดแผลก็ถูกรักษาภายในทันที นี่คือเวทมนตร์สนับสนุนของอาจารย์ใหญ่ที่ส่งมาถึงพวกเธอ แม้ว่าจะมาจากโรงเก็บของก็ตาม
จังหวะที่ไลท์นิ่งชุดใหม่ออกมาด้านหน้าเพื่อแทนที่ไลท์นิ่งชุดเก่า พวกนั้นก็ถูกพัดออกไปด้วยเสียงอันรุนแรง เสียงที่แสียดแทงเข้ามามันทำให้ใบหน้าของดิโกะบึ้งตึงและก้มตัวลง คอยค้ำยันร่างของตัวเองเอาไว้ด้วยแขนและขา
“ให้ตายสิ พยายามฝ่าเข้ามาด้วยจำนวน —ช่างน่าเบื่อจริงๆ”
เธอจำเสียงนั้นไม่ได้ เสียงฟังดูมีสติปัญญาและใจเย็น แต่การได้ยินมันก็ทำให้เกิดความรู้สึกสั่นสะท้านแล่นไปตามกระดูกสันหลัง มีเมจิคัลเกิร์ลที่ไถลตัวผ่านเข้ามา พยายามตัดผ่านระหว่างดิโกะและเมฟิส คนที่อุดหูเอาไว้ในขณะที่ขดตัวอยู่ที่พื้น หูแหลมยาว แจ๊คเก็ตสไตล์นักดนตรี เถากุหลาบพันที่อยู่รอบขาและบานออกตรงแผ่นหลังราวกับเป็นเครื่องประดับศีรษะ —นี่คือนักดนตรีแห่งพงไพร แครนเบอร์รี่ คนที่พวกเธอถูกบอกมาหลายครั้งหลายครา เธออยู่ที่นี่
มันแตกต่างโฮมุนครูสประเภทแครนเบอร์รี่ที่พวกเธอเคยเห็นก่อนหน้า นี่คือตัวของแครนเบอร์รี่เอง แต่มันไม่มีทางเลยที่เธอจะมีชีวิตอยู่ ทฤษฎีที่ครั้งหนึ่งโอลด์ บลูบอกเธอว่าเอลวิสยังคงมีชีวิตอยู่ยังน่าเชื่อถือมากกว่า แต่น้ำเสียงของเธอ รูปลักษณ์ของเธอ และเวทมนตร์เสียงที่พัดไลท์นิ่งทั้งหมดออกไปดูเหมือนจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลยนอกจากแครนเบอร์รี่
แคนดิเดทลาซูไลน์จำนวนมากจะฝึกฝนกับนักดนตรีแห่งพงไพร แครนเบอร์รี่ในฐานะศัตรูเสมือนจริง ถึงแม้ลาซูไลน์รุ่นที่หนึ่งจะไม่ได้บอกพวกเธอถึงเรื่องราวหวานอมขมกลืน พวกเธอก็รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ในตอนนี้ ดิโกะไม่สามารถทำให้ตัวเองรู้เหมือนกับรันยุย คนที่พบความสามารถใหม่ที่เหนือกว่าความสามารถพื้นฐานของตัวเองเมื่อต่อสู้กับโฮมุนครูสประเภทแครนเบอร์รี่ แม้แครนเบอร์รี่อยู่ที่นี่ก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกแบบนั้น ในด้านนั้น บางทีรันยุยอาจจะเหมาะกับการเป็นลาซูลไลน์มากกว่า แต่ดิโกะไม่รู้ว่าเธอจะมีโอกาสได้บอกเรื่องนี้กับรันยุยและทำให้เธอมีความสุขได้รึเปล่า
☆ แรปปี้ ทิป
อาร์ลี่และโดรี่ออกไปจากระยะการมองเห็นอย่างรวดเร็ว ทุกเรื่องที่แรปปี้ได้ยินจากคัลโคโระคือการตะโกน เสียงที่ฟังดูเหมือนกับเหล็กที่ดังขึ้นของมิส ริลก็ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง พวกเธออยู่ห่างกันเกินกว่าจะทำการสนับสนุนกันได้ แถมยังมีศัตรูจำนวนมากที่คั่นกลางอยู่ระหว่างพวกเธออีก การร่วมมือจึงถูกแยกออกจากกัน
ศัตรูนั้นมีเยอะมาก มันมากจนเกินไป แรปปี้ต้องเคลื่อนไหว มิเช่นนั้นเธอจะตาย เธอเข้าไปในห้องเรียน ออกมาที่ทางเดิน กลับเข้าไปในห้องเรียนอีกครั้ง ใช้กำแพงและเพดานทั้งหมด แต่ถ้าเธอยังคงเคลื่อนไหวต่อไป แบบนั้นเธอก็จะไม่สามารถไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆได้ เธอไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นภายในห้องเรียนอีกแล้ว
เธอปัดดาบยาวที่แทงเข้ามาออกไปด้วยแขน ก้าวเข้าไปในระยะของศัตรู ใช้ศอกแทงเข้าไปที่คาง อีกฝ่ายจับแขนของเธอเอาไว้เพื่อทำให้หยุด ชักมีดสั้นออกมาแต่แรปปี้ก็ใช้แรปของตัวเองห่อเอาไว้ แล้วก็กระชากมีดสั้นเข้ามาหาตัวเอง เมื่อศัตรูชะงักเพราะโดนโจมตีเข้าไปที่คาง เธอก็ใช้นิ้วเท้าโจมตีเข้าใส่เข่าและช่องท้อง เตะไลท์นิ่งกลับไปเข้าหากลุ่มที่รวมตัวกันอยู่ด้านหลัง
ไลท์นิ่งที่ถูกเธอเตะจมหายเข้าไปภายในกลุ่ม จากนั้นไลท์นิ่งคนใหม่สามคนก็ก้าวออกมาตรงหน้าของแรปปี้
แรปปี้อยู่ที่สุดทางเดินทางตะวันออกพร้อมกับสโนไวท์ที่อยู่ทางซ้ายที่ป้องกันศัตรูไม่ให้เข้ามาในพื้นที่ การที่มีจำนวนน้อยและอยู่ในพื้นที่ขนาดเล็ก พวกเธอจึงสามารถรับมือได้ หากอีกฝ่ายโจมตีเข้ามาจากทุกทิศทางในพื้นที่เปิดโล่ง ทุกสิ่งที่เธอทำได้ก็มีแค่การห่อตัวเองเอาไว้ด้วยแรปและทรุดตัวอยู่ที่นั่น เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงถูกโจมตีมาตั้งแต่แรก นี่เป็นกองกำลังอีกฝ่ายที่ต่างจากจากพวกสวมหน้ากาก หรือว่าทั้งสองฝ่ายเป็นพวกเดียวกันนะ?
แรปปี้ปล่อยลมหายใจออกมาสั้นๆ ฉีกแรปและขว้างออกไปแบบซ้ำๆ จากนั้นเท็ปเซเคเมย์จะพ่นลมใส่แรปที่เธอฉีกออก แรปที่ลอยออกไปในอากาศจะไปติดเข้าที่ใบหน้าของไลท์นิ่ง อาวุธของพวกเธอ จนถึงเท้า เมื่อใครบางคนโอนเอนเพราะแรป แรปปี้จะโจมตีเข้าไปที่หน้าแข้งด้วยการเตะต่ำ เหวี่ยงมีดสั้นของหนึ่งในไลท์นิ่งที่ห่อด้ามเอาไว้ไปรอบๆเหมือนกับลูกตุ้มหนาม โจมตีเข้าไปที่ศีรษะหนึ่งครั้ง สองครั้ง และเมื่อไลท์นิ่งเกิดโอนเอน ลมของเท็ปเซเคเมย์ก็จะเป่าพวกเธอทั้งหมดออกไป
และจากนั้นมันเข้ามามากยิ่งขึ้นอีก
ไลท์นิ่งที่ลอบโจมตีเข้าใส่พวกเธอเป็นกลุ่มแต่ละคนไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนกับไลท์นิ่งที่แรปปี้รู้จัก พวกเธอไม่ได้เอาชนะศัตรูด้วยสติปัญญาจากการเรียนรู้นิสัยหรือพฤติกรรม พวกเธอไม่ได้ทำอะไรสกปรกเพื่อให้ได้เปรียบและก็หัวเราะเยาะเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทักษะด้านการต่อสู้เองก็ด้อยกว่าอยู่หนึ่งหรือสองก้าว แต่เวทมนตร์นั้นทรงพลัง แม้ว่าจะซุ่มซ่ามเล็กน้อย ความสามารถทางกายภาพก็มีมาก และเหนืออื่นใด จำนวนมันมีเยอะมาก
พื้นที่เองก็มีลักษณะเฉพาะ มันเป็นทางเดินยาวและแคบ เธอเอาแรปติดไว้ที่หน้าต่างเพื่อให้การบุกเข้ามาเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นเธอก็แค่ต้องรับมือกับศัตรูที่โจมตีเข้ามาจากด้านหน้าและด้านหลัง ด้วยการที่มีเท็ปเซเคเมย์คอยช่วย แรปเวทมนตร์ของเธอที่เดิมทีแล้วคือการป้องกัน ในตอนนี้มันพุ่งทะยานออกไปในอากาศในฐานะการโจมตีที่มีประโยชน์
แต่ถึงแม้จะมีทั้งหมดที่ว่ามา พวกเธอก็ถูกดันถอยกลับไปด้านหลังเรื่อยๆ ไม่ว่าจะจัดการไปมากแค่ไหน จำนวนมันก็ไม่ได้ลดลงเลย เธอไม่รู้แม้กระทั่งว่าทำไมไลท์นิ่งถึงมีจำนวนมากขนาดนี้ตั้งแต่แรก หรือทำไมพวกเธอถึงต้องสู้กับไลท์นิ่งจำนวนมากขนาดนี้ด้วย พวกเธอสู้เพราะว่าอีกฝ่ายโจมตีเข้ามาแบบไม่หยุด
แรปปี้กระโดดเข้าไปในแรปที่ลอยอยู่จำนวนมากราวกับพายุ ใช้แรปทุกชิ้นเป็นโล่ของตัวเอง และเข้าปะทะกับศัตรู เหวี่ยงหมัดเข้าไปใส่ในระยะประชิด แกล้งชกสามครั้งไปด้านขวา จากนั้นสองครั้งไปที่ด้านซ้าย หนึ่งครั้งทะลวงผ่านการป้องกันของศัตรูตรงไปที่หัวใจ และเมื่อศัตรูหยุดนิ่งพร้อมกับมือที่ยื่นออกมา แรปปี้ก็หยุดอีกครั้ง แผ่นหลังหันกลับเข้าไปหากลุ่ม
อะไรบางอย่างสัมผัสเข้ากับแผ่นหลังของเธอ มันไม่ใช่ศัตรู อีกฝ่ายคือสโนไวท์ เธอกำลังรับมือกับฝั่งตรงข้ามและถูกดันเข้ามา แรปปี้ย่อตัวลงตรงจุดนั้น กระชากแรปที่วางเอาไว้ก่อนหน้านี้ ไลท์นิ่งสองคนที่สโนวไวท์กำลังสู้อยู่เสียการทรงตัวและโอนเอน สโนไวท์ใช้โอกาสนี้ในการเหวี่ยงอาวุธของตัวเอง
เธอสูดลมหายใจเข้าและออกเฮือกใหญ่ จากนั้นก็เอาใบดาบที่แหลมคมชี้เข้าหาศัตรู
เธอหายใจอย่างรุนแรง เธอกำลังเหนื่อย แรปปี้เองก็เหนื่อยเช่นกัน แต่สโนไวท์เหนือยิ่งกว่านั้น แม้ว่าจะมีการสนับสนุนจากเท็ปเซเคเมย์และแรปที่ลอยอยู่ในอากาศ เธอก็ยังดิ้นรน แรปปี้ประเมินสโนไวท์ภายในใจในตอนช่วงเวลาว่างว่าอยู่ในกลุ่มที่แย่หรือค่อนข้างแย่ และถึงแม้ว่าจะเทียบกับกลุ่มชั้นยอดแล้ว เธอก็ยังคงไม่แข็งแกร่งมากพอที่จะควรค่ากับฉายานักล่าเมจิคัลเกิร์ล
แรปปี้ไม่ได้มองกลับไปด้านหลังในตอนที่ห่อตัวของสโนไวท์เอาไว้แบบพอประมาณ ใช้ตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางในการสับเปลี่ยนตำแหน่งของตัวเองและสโนไวท์ คู่ต่อสู้ของพวกเธอสลับกันในพริบตา แรปปี้เตะเข้าไปที่อกจากการใช้ความได้เปรียบจากความสับสนเล็กน้อยของไลท์นิ่ง ส่งอีกฝ่ายกลับไปด้านหลัง ทางด้านของสโนไวท์นั้น มันมีเสียงของเหล็กที่กระแทกเข้ากับเหล็กดังขึ้นหลายครั้ง มันคือการต่อสู้แบบต่อเนื่องโดยที่ไม่มีเวลาให้พักหายใจ
เธอได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านบนเพดาน ความสนใจของเธอจึงเบนไปทางนั้นในตอนที่ดาบยาวเหวี่ยงเข้ามาหาตรงหน้า เธอจึงรีบห่อมันเอาไว้ การโจมตีของไลท์นิ่งไม่สามารถผ่านแรปเวทมนตร์ของเธอไปได้
เธอได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากเพดานอีกครั้ง —เสียงฝีเท้ามันดังขึ้นหลายชุด เธอได้ยินกระแทกของอะไรบางอย่างและตามมาด้วยเสียงที่ดังขึ้นยิ่งกว่านั้น จากนั้นหลังคาและเพดานก็ถล่มลงมาพร้อมกัน สโนไวท์กลิ้งตัวหลบ แรปปี้ยกแรปขึ้นเหนือศีรษะเพื่อจับเศษหินและขว้างมันเข้าหาศัตรู
แสงอาทิตย์ส่องผ่านเข้ามาในจุดที่หลังคาถล่มลง ไลท์นิ่งกำลังมองลงมาที่พวกเธอ
นี่มันแย่แล้ว แบบนี้มันแย่มากๆ หากพวกเธอไม่ใช่แค่โดนโจมตีจากทางด้านหน้า ด้านหลัง และด้านข้าง แต่ยังมีมาจากด้านบนด้วย พวกเธอก็ไม่สามารถรับมือกับทั้งหมดได้
เธอได้ยินเสียงคัลโคโระตะโกนอะไรบางอย่าง “หยุดได้แล้ว! พอซักที!” แต่มันก็อยู่ห่างออกไป เธอมองไม่เห็นตัวอีกฝ่าย เธอบอกได้แค่ว่าคัลโคโระอยู่ที่นั่นแหละเธอได้ยินเสียง และคัลโคโระก็ยิ่งออกห่างไกลออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ เธอไม่สามารถพึ่งพาพวกเดียวกันได้เช่นกัน
แล้วเสียงของเหล็กที่ปะทะเข้าหากันนั่นคืออาร์ลี่กับโดรี่ หรือว่าคือมิส ริลนะ? เพื่อที่จะตรวจดูว่าเพื่อนร่วมห้องของตัวเองปลอดภัยรึเปล่านั้น แรปปี้จึงกระโดด วิ่ง แล้วก็เหวี่ยงแรปเวทมนตร์ไปรอบๆ
แย่ล่ะสิ…
เธอมองในแง่ดีเกินไปว่าศัตรูไม่ได้แข็งแกร่งหรือสร้างปัญหาเพราะเธอสามารถต่อสู้ได้ แรปปี้และคนอื่นๆถูกกลุ่มของไลท์นิ่งกลืนไปเรียบร้อยแล้ว เธอกลิ้งหลบใบดาบ จากนั้นก็เกือบที่จะถูกแทงเข้ามาในจุดที่ตัวเองกลิ้งไปแต่ก็ป้องกันเอาไว้ได้ด้วยแรป จากนั้นมันก็มีขาที่เหวี่ยงเข้ามาหา ตัวของเธอกลิ้งออกไปจากทางขวามาทางซ้าย ทางซ้ายไปทางขวาเหมือนกับลูกบอล และเมื่อเธอสามารถลุกยืนขึ้นมาได้ เธอก็อยู่ตรงหน้าแท่นโพเดียมของอาจารย์ ที่ด้านหลังเป็นกระดานดำ และถูกรายล้อมด้วยไลท์นิ่ง
☆ สโนไวท์
สโนไวท์มองไม่เห็นแรปปี้อีกแล้ว แรปของเธอไม่ได้ลอยอยู่ในอากาศอีกต่อไปเช่นกัน จำนวนใบดาบลมที่เท็ปเซเคเมย์ปล่อยออกมาก็ลดน้อยลง เสียงของพวกพ้องกำลังห่างออกไป —ทั้งเสียงของภายในจิตใจและเสียงในความเป็นจริง
เสียงภายในจิตใจของศัตรูที่เธอได้ยินมันน่ารังเกียจ
เมื่อไล่เรียงข้อมูลที่ได้มาจากภายในจิตใจ เธอก็รู้ว่าไลท์นิ่งคือเมจิคัลเกิร์ลประดิษฐ์ การที่มีเป็นจำนวนมากเพราะใช้เทคโนโลยีของชัฟฟิน บทบาทของพวกเธอแตกต่างกันออกไปซึ่งขึ้นอยู่กับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายและตัวเลขที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่ง
พวกไลท์นิ่งที่ยืนขวางทางอยู่ตรงหน้าสโนไวท์ในตอนนี้คือพวกที่อ่อนแอในการต่อสู้มากที่สุดในหมู่ของไลท์นิ่งโพแดง พวกเด็กสาวรู้เรื่องนี้ของตัวเองดี ดังนั้นพวกเธอจึงใช้จำนวนในการรุกคืบเข้ามาอย่างช้าๆและทำให้พวกเธอจนมุม
กำลังของฝ่ายสโนไวท์ถูกแบ่งออกเป็นที่เรียบร้อย ไม่มีกำลังเสริมที่จะเพิ่มเข้ามา มันมีเสียงที่ดังอยู่เป็นจำนวนมาก และเธอก็ไม่สามารถรับมือกับเสียงแต่เสียงแบบรายคนได้ สถานการณ์มันรุนแรงอย่างไม่หยุดหย่อน เธอไม่สามารถลบความรู้สึกว่าเมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้วก็ไม่มีทางที่จะแก้ไขออกไปได้ —เธอควรจะเตรียมการต่างๆเอาไว้ล่วงหน้าก่อนที่เรื่องจะกลายเป็นแบบนี้
ท้ายที่สุดแล้ว เธอก็มาที่โรงเรียนแห่งนี้เพื่อทำการสืบสวน แผนคือการสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สืบสวนเรื่องห้องเรียน และสืบสวนเรื่องสถานโบราณ เธออยากที่จะรู้ว่ามีนักเรียนที่เกี่ยวข้องกับไพตี้ เฟรเดริก้าหรือไม่ จากนั้นก็ตามเรื่องราวนั้นไป และถ้าเรื่องทางการเมืองคือเรื่องที่จำเป็น เธอจะไม่ใช่แค่ได้รับความช่วยเหลือจากทางหน่วยสืบสวน แต่ยังมีความช่วยเหลือจากทางฝ่ายทรัพยากรเมจิคัลเกิร์ลและฝ่ายจัดการที่ได้การเตรียมการเอาไว้ ในตอนนี้พอมองย้อนเรื่องแผนกลับไป บางทีเรื่องราวมันอาจเป็นไปได้ดีมากจนเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น พวกเธอควรที่จะเตรียมการรับการโจมตีไว้ให้พร้อมทุกขณะ เพราะเฟรเดริก้าจะทำการโจมตีโดยที่ไม่คาดคิดอยู่เสมอ
เพียงแค่ชั่วขณะหนึ่ง หัวใจของสโนไวท์ก็ลอยไกลออกไป
นับตั้งแต่บทสรุปเหตุการณ์ของเมือง N เธอก็กังวลครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนตัวเองก็ควรทำให้มากกว่านี้อีกซักเล็กน้อย เธอคิดอย่างซ้ำๆว่าตัวเองไม่สามารถทำอะไรบางอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้ แม้ว่าเธอจะเคยเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่อ่อนแอ คนที่จะแพ้ในการต่อสู้อย่างแน่นอนก็ตาม
ใบหน้าของเมจิคัลเกิร์ลคนแล้วคนเล่าลอยขึ้นมาในจิตใจของเธอ
เธอขอบคุณอูรูรุมากจริงๆที่เข้ามาช่วยเหลือเธอ —ไม่ใช่แค่เรื่องของจิตใจอย่างการทำให้เธอหัวเราะหรือการมอบความกล้าและเรื่องต่างๆให้ เธอยังช่วยทำงานนั่งโต๊ะและงานแปลกๆด้วยเช่นเดียวกัน แม้ว่าเธอจะบ่นออกมาในตอนที่ตัวเองทำก็ตามที แต่สโนไวท์ก็ไม่รุ้ว่าอูรูรุจะอยู่กับเธอไปอีกนานแค่ไหน คนที่เป็นคนฆ่าพรีเมี่ยม ซาจิโกะที่เป็นน้องสาวสของเธอคือริปเปิล แม้อูรูรุจะรู้ว่าริปเปิลถูกควบคุมจิตใจ สโนไวท์ก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นหากทั้งสองคนได้เจอกัน
และสโนไวท์ก็รู้เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับปรินเซสดีลูจในอนาคต เธอพยายามที่จะก้าวไปข้างหน้า แม้ว่าจะดิ้นรนและทุกข์ทรมาณ เธอคลำหาทางไปรอบๆในความมืดมิดเพื่อจัดการกับเรื่องไร้สาระที่ดินแดนเวทมนตร์ยัดเยียดเข้ามาใส่ การแลกเปลี่ยนเป้าหมายในระยะสั้นร่วมกันกับดีลูจ การที่สามารถร่วมงานกันกับเธอ เช่นเดียวกับอาร์ลี่ เบร็นด้า และแคทเธอรีนมันก็ดีมากพอแล้ว สโนไวท์ไม่ได้ไม่ชอบอะไรพวกเธอ
สโนไวท์รู้สึกว่ามันเพิ่งจะเป็นเรื่องไม่นานมานี้ ที่ในที่สุดเธอก็สามารถเป็นที่พึ่งพาของหน่วยสืบสวนและมานาได้ แต่เธอก็คิดว่าหากตัวเองทำหน้าที่ให้ดีกว่านี้ หากไม่ได้มีเพียงแค่เธอ บางทีเรื่องต่างๆอาจจะไม่ลงเอยแบบนี้ ดังนั้นการร่วมมือกันเอาไว้คือเรื่องที่ดีกว่า แม้ว่าจะไม่ได้ดีที่สุดก็ตาม
เธอรู้สึกเศร้าและเสียใจกับเหตุการณ์ของคี๊ค ถ้าฉันลงมือให้เร็วกว่านี้อีกเล็กน้อย เธอคิด ถ้าเธอทำอะไรได้ดีกว่านี้ ราบลื่นกว่านี้ และรุนแรงกว่านี้ แบบนั้นเมจิคัลเกิร์ลหนึ่งหรือสองคน —หรืออาจจะมากกว่านั้น— ก็สามารถหลีกเลี่ยงความตายได้
ในสถานวิจัยเมจิคัลเกิร์ลประดิษฐ์ใต้ดิน เธอต้องลงมืออย่างรุนแรง เธอหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องความตายของเพื่อนและตำแหน่งของเมจิคัลเกิร์ลได้เท่าที่ต้องการ เหตุการณ์มันถูกแก้ไขแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าหลังจากนั้นเธอจะไม่ได้รู้สึกเสียใจ เสียงภายในหัวใจที่เธอได้ยินภายในสถานวิจัยไม่มีวันออกไปจากตัวของเธอ แม้ว่าจะเป็นในตอนนี้ เธอก็คิดว่ามันไม่มีวิธีการที่ดีกว่านี้เลยรึไงนะ บางทีปรินเซสอินเฟอร์โนที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของเธออาจจะไม่ต้องพบกับจุดจบที่น่าเศร้าเช่นนี้ —หรือพูดคำพูดสุดท้ายที่น่าเสียใจออกมา
สำหรับเรื่องเหตุการณ์ของพัคพั๊ค เธอไม่มีความรู้สึกอย่างอื่นเลยนอกจากความเสียใจ เธอควรจะทำเรื่องทุกอย่างแทนที่จะกองสุมเอาไว้เรื่องแล้วเรื่องเล่า มันทรมาณจิตใจของเธออย่างไม่จบสิ้น แต่เหตุผลที่สโนไวท์ยังสามารถกังวลเรื่องเหล่านี้ได้มันเป็นเพราะว่าเธอยังคงมีชีวิตอยู่ หากเธอตาย เธอก็ไม่สามารถทำมันได้ เธอไม่สามารถก้าวเดินไปข้างหน้าได้ ไม่ว่ามันจะเป็นปวดทรมาณมากขนาดไหน คนที่มีชีวิตอยู่ก็ต้องเดินหน้าต่อไป
ไม่มีเหตุการณ์ไหนที่ได้รับการแก้ไขอย่างที่ควรจะเป็น ถึงแม้เหตุการณ์จะจบลงแล้ว แต่มันก็ไม่ได้สิ้นสุดเพียงเท่านั้น มันทิ้งความอึดอัดเอาไว้ภายในจิตใจของเธอ และบางครั้งมันก็มากยิ่งกว่านั้น แต่สโนไวท์ถูกจดจำในฐานะคนที่แก้ไขเหตุการณ์เหล่านั้น ด้วยฉายานักล่าเมจิคัลเกิร์ลที่ถูกมอบให้โดยเฟรเดริก้า
เธอไม่เคยรู้สึกยินดีกับการมีฉายานี้เลย มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆอย่างการที่เธอไม่ชอบมัน —เธอไม่คิดว่าตัวเองควรค่าที่ฉายานั้น มันไม่มีงานไหนเลยที่เธอสามารถจัดการได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตัวของเธอยังคงเอ่อล้นไปด้วยความเสียใจอยู่ตลอด เธอไม่ควรละทิ้งความรู้สึกของตัวเองสำหรับการเริ่มต้นใหม่อย่างใสสะอาด เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแบกรับมันเอาไว้ทั้งหมด แม้ว่าสิ่งที่เธอแบกรับมันจะทำให้เท้าของเธอรู้สึกหนักอึ้งก็ตาม
แม้ว่าจะเป็นในห้องเรียนเมจิคัลเกิร์ล เธอก็รู้สึกเสียใจ และทุกครั้งที่เธอได้ยินเสียงกรีดร้องอันน่าโศกเศร้าจากหัวใจของเมจิคัลเกิร์ล เธอก็จะได้ยินเสียงกรีดร้องครั้งใหม่ขึ้นมา
เธอควรจะลงมือให้เร็วกว่านี้ เมจิคัลเกิร์ลที่สวมหน้ากากคือลูกน้องของเฟรเดริก้า ไลท์นิ่งเข้ามาเพื่อขัดขวางเฟรเดริก้า ดังนั้นถ้าเธอสามารถคาดเดาได้ว่าเฟรเดริก้าจะทำอะไร เรื่องราวมันก็จะต่างออกไป ไม่ใช่ว่ามีคนอื่นที่เธอควรจะร่วมมือด้วยมากกว่านี้หรอกเหรอ? ไม่ใช่ว่าเธอควรจะลงมือสืบสวนอย่างดุดันกว่านี้รึไง? มันน่าแค้นใจสำหรับคนที่ตายไปเพราะว่าเธอเคยคิดถึงเรื่องพลังระหว่างฝ่าย หน่วยงานต่างๆ และการเมือง นี่เธอสามารถมองหน้ากับคนที่ตายไปแล้วได้รึเปล่า?
อนาคตของเมจิคัลเกิร์ลคนที่เข้ามาในโรงเรียนที่เชื่อในวันพรุ่งนี้ถูกปิดลง แม้ว่าสโนไวท์อยากจะร้องไห้ เธอก็ไม่สามารถทำได้ เธอต้องลงมือ มิเช่นนั้นใครบางคนก็จะตาย
เสียงดังก้องขึ้นราวกับว่าดึงสโนไวท์ขึ้นมาจากวันวนแห่งความคิด เธอทำลายพื้นเพื่อหนีจากสายฟ้าของไลท์นิ่ง การที่เธอไถลตัวเข้าไปใต้ไม้กระดานมันทำให้ตัวของเธอเต็มไปด้วยใยแมงมุมและดินโคลน มีดาบแทงเข้ามาหา มีมีดสั้นขว้างเข้ามาใส่ เพียงแค่ครั้งเดียวก็ถึงแก่ชีวิต สโนไวท์ยังคงทำการหนีต่อไป
☆ 0 ลูลู
ลูลูร่ายคาถาในใจว่าตัวเองคือไส้เดือน เธอเคลื่อนไหวในเส้นทางที่สามารถกระดิกตัวไปมาได้เท่านั้น ไม่ได้เคลื่อนไหวในแบบที่เร็วเกินไป
เธอแอบเข้ามาในอาคารได้อย่างทันท่วงที แต่ก็ลงเอยด้วยการซ่อนตัวจากผู้บุกรุกที่สวมหน้ากาก และในตอนนี้เธอก็เคลื่อนตัวไปเพื่อหลบไลท์นิ่ง คนที่ควรจะเป็นพวกเดียวกัน
ภายในภาพแห่งฝันร้ายที่มีปรินเซสไลท์นิ่งวิ่งอยู่ทั่วทุกที่ ลูลูซ่อนตัวและเคลื่อนไหวด้วยความเร็วของหอยทาก ไม่ว่าเธอจะใจร้อนขนาดไหน เธอก็ไม่สามารถพุ่งออกไปด้วยความเร่งรีบได้ เธอต้องเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างช้าๆในแบบที่แน่นอน ผ่านไปภายใต้ซากปรักหักพังทั้งแบบนั้น แล้วเธอจะไม่ถูกเจอตัว
เธอค่อนข้างมึนงงที่เห็นไลท์นิ่งอยู่ทั่วทุกที่ แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับความจริงและสรุปว่า “มันก็เป็นแบบนั้นล่ะนะ” ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะของไลท์นิ่งที่ขาดสำนึกทางโลก อะไรมันก็เป็นไปได้ เธอมีความสามารถในการต่อสู้เทียบเท่ากับลาซูไลน์ ถือเป็นอาวุธชิ้นสุดท้ายของพวกเธอ ดังนั้นแล้วเรื่องน่าประหลาดใจแบบนี้ก็สามารถคาดคิดได้
ลูลูเองไม่ได้ถูกบอกว่าไลท์นิ่งมีกันอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งหมายถึงเป็นข้อมูลลับเหนือกว่าที่ระดับลูลูจะรู้ได้
ลูลูเค้นอัญมณีสีม่วงระดับต่ำในมือเอาไว้อย่างแนบแน่น ไอโอไลต์คือสัญลักษณ์ของการ “แสดงให้เห็นหนทาง” และเวทมนตร์ของลูลูก็ทำให้มันเห็นชัดมากยิ่งขึ้น หินก้อนเล็กเช่นนี้ไม่ได้มีพลังมากมายนัก แต่มันก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย —เธอคิดเช่นนั้น
แม้ว่าจะร่ายเวทมนตร์ของตัวเองเข้าใส่ มันก็ไม่ใช่ว่าจะส่องประกายออกมา ไม่ได้กระซิบอยู่ภายในจิตใจของเธอเช่นกัน มันไม่ได้มีผลในทางกายภาพอย่างการรักษาหรือความคงทนถาวร หรืออะไรที่มีผลทางจิตใจอย่างการเข้าใจหรือสมาธิ ด้วยผลของโชคแล้ว มันก็จะไม่มีทางรู้จนกว่าผลลัพธ์จะออกมา มันไม่ได้แตกต่างอะไรจากเครื่องรางแห่งโชคลาภทั่วไป
ลูลูเคลื่อนตัวจากสนามโรงเรียนเพื่อไปตามแนวรอบนอก เธอเอาแผ่นหลังกดเข้ากับกำแพง ยกใบหูขึ้นเพื่อไม่ให้ตัวเองพลาดแม้กระทั่งเสียงเข็มตก สยบความร้อนใจของตัวเองลง
เนื่องจากว่าเธอต้องจับตาดูริปเปิล ลูลูจึงไม่ได้คาดคิดว่าต้องมาเกี่ยวข้องกับทางห้องเรียนเมจิคัลเกิร์ล นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเธอถึงช็อคที่ได้เห็นไลท์นิ่งจำนวนมากที่ปรากฏตัวขึ้น
นี่เธอควรจะรายงานเรื่องรายละเอียดการกระทำของริปเปิลไปให้โอลด์ บลูรึเปล่า? หากเธอทำ แบบนั้นสถานการณ์ในปัจจุบันก็คงจะถูกรายงานไปแล้ว และแน่นอนว่าอาจารย์ของเธอคงรู้เรื่องนี้ไปเรียบร้อย และบางทีลูลูก็อาจจะสามารถร่วมมือกับไลท์นิ่งได้ แต่ลูลูก็ไม่ได้ทำแบบนั้น เธอไม่ได้บอกอาจารย์เรื่องความคิดและการลงมือทำไปซะทุกเรื่อง เธอมีความรู้สึกอย่างแรงกล้าว่าหากเธอจะพูดออกมา เธอก็จะถูกห้ามเอาไว้
มันไม่มีประโยชน์ที่จะกังวลเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต เธอต้องเปลี่ยนความคิดที่นี่และขับเคลื่อนสิ่งต่างๆไปในทางที่ดีที่สุดที่เธอสามารถทำได้
เธอขยับไปข้างหน้าพร้อมกับการเพ่งสมาธิไปที่เส้นประสาททั่วร่างกับการซ่อนตัว มันไม่ใช่ว่าเธอสามารถละเลยการใช้เวทมนตร์ของตัวเองได้ ในตอนนี้มันมีความต้องการมายังเธอเป็นจำนวนมาก มันไม่ใช่แค่เรื่องนี้ ตั้งแต่ที่ตัวติดกับริปเปิลความต้องการมันก็เพิ่มสูงขึ้นมาก และลูลูก็ไม่แน่ใจว่าริปเปิลจะขอบคุณการทุ่มเทของลูลูแค่ไหน หากเธอถามออกไป ริปเปิลก็อาจจะบอกเธอ แต่ลูลูก็กลัวมากเกินไปจนไม่สามารถให้ตัวเองทำแบบนั้นได้ แม้ว่าท่าทีของริปเปิลยังคงหยาบกร้าน เธอก็อ่อนลงเล็กน้อยตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกัน —แต่กระนั้น ลูลูก็ไม่สามารถพูดได้อย่างแน่ใจว่ามันไม่ใช่ตัวของเธอที่เข้าใจผิดไปเอง
เธอรู้สึกอยากที่จะถอนหายใจออกมา แต่เธอก็กลืนมันลงไป ในตอนที่กำลังซ่อนตัวมันไม่สามารถถอนหายใจอย่างไร้ความหมายออกมาได้ และเธอเองก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้จมอยู่ในความคิดในตอนที่กำลังทำอะไรอย่างอื่น แต่การคิดอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกันคือเรื่องที่ดีในการทำงานพร้อมกับความกลัว ความคิดมากมายจะผุดขึ้นมาภายในใจของเธอหากเธอจะขุดเรื่องของริปเปิลขึ้นมาบ่น
ลูลูมาถึงที่ด้านล่างห้องเรียน ที่ที่มีหลุมขนาดใหญ่เกิดขึ้นจากการระเบิด เธอแอบเข้าไปในซากปรักหักพัง รอจังหวะที่ไม่มีใครอยู่รอบๆเพื่อที่จะออกมาทางหลุมที่เปิดเข้าไปในห้องเรียน โต๊ะ เก้าอี้ กระดานดำ และสิ่งของทุกอย่างที่แสดงถึงความเป็นห้องเรียนถูกทำลายจนจำแทบไม่ได้ มันไม่มีอะไรไม่ถูกทำลายเลย
ลูลูเพิ่มพลังเวทมนตร์ที่ใส่เข้าไปในไอโอไลต์ให้แรงขึ้น ในตอนที่เธอภาวนา ขอร้องล่ะ ขอร้องล่ะ กับอัญมณีระดับต่ำที่เหมือนกับเม็ดทราย มันก็ละลายและหายไป สุดท้ายแล้วมันมีประโยชน์ยังไงกันนะ? ด้วยเวทมนตร์ของลูลูแล้ว ผลลัพธ์มันก็ยากที่จะรู้ได้
เธอเคลื่อนตัวจากเศษซากกองหนึ่งไปยังอีกกอง ทำให้ลมหายใจและการเต้นของหัวใจสงบนิ่ง ยังคงปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้ เทคนิคในการควบคุมร่างกายคือวิชาภาคบังคับของการเป็นแคนดิเดทลาซูไลน์ การใช้เทคนิคที่เรียนรู้มาแบบนี้มันทำให้เธอคิดว่าจริงๆแล้วตัวเองอาจจะเข้ากับการเป็นลาซูไลน์ นี่มันแปลก เนื่องจากมันไม่มีทางที่เมจิคัลเกิร์ลแบบนั้นจะมาตกอยู่ในสถานการณ์อย่างที่เธอเป็น
เธอได้ยินเสียงของสายฟ้า จากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องตามมา
MANGA DISCUSSION