วันเทศกาล
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นก่อนที่เหตุการณ์ใน เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค จะเริ่มต้นเป็นเวลาไม่นาน
มันเป็นธรรมเนียมที่เมือง N จะจัดงานที่มีชื่อสิ้นคิดอย่างงานเทศกาลฤดูใบไม้ผลิที่จะจัดขึ้นทุกปีในฤดูใบไม้ผลิ ว่ากันว่าเดิมทีมันเป็นเทศกาลที่จัดขึ้นเพื่อภาวนาให้ได้ผลผลิตในการเก็บเกี่ยวของปีนั้นออกมาดี แต่ด้วยปัจจัยหลายๆอย่างที่ถูกเสริมเข้ามา มันจึงกลายเป็นงานเทศกาลที่แตกต่างจากงานเทศกาลดั้งเดิมอย่างสิ้นเชิง ชาไฮเดรนเยียที่แจกจ่ายฟรีเดิมทีถือเป็นสิ่งที่ทำให้ระลึกถึงวันประสูติของพระพุทธเจ้า การที่ทุกคนมารวมตัวกันในใจกลางซากปราสาทเดิมทีเป็นงานเลี้ยงฉลองต้อนรับขุนนางเจ้าของปราสาทคนใหม่หลังจากการต่อสู้ในเซคิกาฮาระ และจากนั้นก็ต้นซากุระโยชิโนะนับสามพันต้นที่เป็นแลนมาร์ค ซึ่งมันถูกปลูกขึ้นมาด้วยการรำลึกถึงชัยชนะในสงครามครามยุคเมจิโดยทหารที่อยู่ในบ้านเกิดของตนเอง —และทุกอย่างนั้นได้กลายเป็นงานเทศกาลฤดูใบไม้ผลิแบบในปัจจุบัน การแสดงแสงสีที่ต้นซากุระในตอนกลางคืนเดิมทีเป็นหนึ่งสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นในด้านขนาดและความงดงาม ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากจะทำรายชื่อจุดแสดงแสงสีของต้นซากุระตอนกลางคืนที่งดงามออกมานับร้อยจุด
ในช่วงเวลานี้ของปี เมือง N จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจำนวนมาก และไม่ได้มีแค่นักท่องเที่ยวเท่านั้น —คนท้องถิ่นเองก็รักงานเทศกาลฤดูใบไม้ผลิเช่นกัน พวกเขาจะมาเที่ยวงานเทศกาลพร้อมกับครอบครัว เพื่อน หรือคนรัก สำหรับคนที่ไม่มีใครที่จะไปด้วยก็จะมางานเพียงคนเดียว แม้กับคนที่โดยปกติแล้วจะถูกกดดันในการชีวิตประจำวัน หรือคนที่ไม่ได้มีความสนใจในเทศกาลต่างก็ลงเอยด้วยการมาเดินในงานเมื่อเทศกาลฤดูใบไม้ผลิมาถึง
คนที่ใช้ชีวิตของตัวเองอย่างเร่งรีบ เหนื่อยล้าและแทบไร้เรี่ยวแรงในการประคับประคองตัวเองจนไม่มีเวลาทำอย่างอื่น จะตระหนักว่าฤดูกาลนี้ได้มาถึงอีกครั้งเมื่อได้เห็นการปิดถนน ป้ายโฆษณา บอร์ดประชาสัมพันธ์ที่ศาลากลาง หรือดอกซากุระที่เบ่งบาน เมื่อเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น คนที่หลีกเลี่ยงฝูงชน คนที่ไม่ชอบเสียงดัง คนที่มีงานอดิเรกในการพ่นกำแพงศาลากลางด้วยกราฟฟิตี้ คนที่คุยโวโอ้อวดในทุกโอกาสว่าตัวเองเตะแท่นโพเดียมในงานฉลองการเป็นผู้ใหญ่ คนที่หดหู่และอยากจะกราดยิงที่ทำงานตัวเองทันทีถ้ามีปืนกล —คนเหล่านั้นจะเข้ามาและจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ทรงพลัง หรือออกไปโดยที่ไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ มันไม่ใช่ว่าพวกเขาเก็บความรักที่มีต่อบ้านเกิดเอาไว้ในใจหรือมีความรู้สึกที่ตัวเองเป็นเจ้าบ้าน พวกนั้นก็แค่เป็นคนประเภทที่จะลงเอยด้วยการเข้าร่วมงานเทศกาลเพียงเท่านั้น
จำนวนของสิ่งต่างๆภายในงานแตกต่างจากปีที่ผ่านมา ต้นซากุระบานเร็วเกินไปเล็กน้อย การทำความสะอาดใบไม้ที่อุดตันตรงบ่อกลางถูกเลื่อนออกไป ดังนั้นในตอนงานเทศกาลมันจึงไม่สามารถใช้เรือถีบได้ คนที่เพิ่งได้รับสืบทอดร้านดังโงะ โมจิยาสึ มาก็กำลังทำแคมเปญดังโงะฉลากเสียบไม้ในการเฉลิมฉลองการปรับปรุงร้านใหม่จนสร้างการตอบสนองอย่างประหลาดใจในโซเชียลมีเดียหลายๆที่ และมันยังมีอีกอย่างหนึ่ง เนื่องจากอิทธิพลของ (ที่เป็นที่นิยมในท้องถิ่น) เกมมือถือ เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค ร้านค้าก็เรียงรายไปด้วยสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเมจิคัลเกิร์ลมากกว่าปีที่แล้ว
อย่างสุดท้ายเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่ —เห็นได้ชัดว่ามันมีพวกขี้เมามากกว่าสองสามคนที่ร้านค้าสำหรับยืนกินเพียงอย่างเดียวและ อิซากายะ คร่ำครวญว่างานของปีนี้มันต่างจากปีก่อนอย่างสิ้นเชิงและไม่มีวันชินกับกับอะไรอย่างเทศกาลที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี
แพ็คเกจสายไหมของ คิวตี้ฮีลเลอร์ เองก็ยังคงเหมือนกับปีก่อนๆ แม้จะเป็นซีรี่ย์ คิวตี้ฮีลเลอร์ ที่จบมานานหลายปีแล้ว บวกกับตัวละครเมจิคัลเกิร์ลจากช่วงหลายปีที่ผ่านมา อย่างเมจิคัลเดซี่ ฮิโยโกะจังและมิโกะจัง ก็ยังคงยึดครองพื้นที่ใหญ่ๆอยู่
แม้จะเป็นรางวัลของการจับฉลาก สิ่งของของเมจิคัลเกิร์ลอย่างกระบองเวทมนตร์ ชุด และตุ๊กตามาสค็อตนั้นก็ดูสะดุดตา โยโย่ตกปลาและของรางวัลจากการตกปลาด้วยลูกบอลยางก็มีภาพวาดของเมจิคัลเกิร์ลอยู่ด้วย ภาพของคิวตี้อัลแตร์ที่กำลังกัดหมึกยักษ์ถูกวาดอยู่ที่ป้ายร้าน ทาโกะยากิ ส่วนที่ร้านช้อนเต่าก็มีมิโกะจังที่แบกกระดองเต่าอยู่ที่หลัง การใช้เมจิคัลเกิร์ลอย่างไร้สาระเช่นนี้มันเรียกเสียงหัวเราะจากชาวเมืองหลายคนที่ได้ดูรายการข้างต้นมาแล้ว
☆ โซตะ คิชิเบะ
หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกซ้อมฟุตบอลและท้องฟ้ามืดลงแล้ว โซตะก็ไปงานเทศกาลกับเพื่อนของเขาสองสามคน ที่นั่นเองเขาก็ได้พบกับโชคดีที่น่าเหลือเชื่อ แต่ถึงจะพูดแบบนั้น มันก็ไม่ใช่ว่าเขาจะกระโดดเข้าไปหาได้ในทันที โซตะ คิชิเบะคือเด็กนักเรียนมัธยมต้นและสมาชิกของชมรมฟุตบอล —งานอดิเรกเรื่องเมจิคัลเกิร์ลคือสิ่งที่เขาไม่มีวันจะเปิดเผยออกมา มันเป็นความลับในหมู่ของความลับที่เขาจะเก็บเอาไว้จนกระทั่งถูกฝังอยู่ในหลุมศพ ในขณะที่ภาวนาว่า สิ่งนั้น ที่เขาพบจะไม่ถูกแฟนชนิดฮาร์ดคอร์ที่สายตาดีพบเข้า เขาก็พยายามสงบหัวใจที่เต้นรัวและเดินไปกับเพื่อนของตัวเอง หลังจากที่วนรอบพื้นที่ด้วยการเดินอย่างรวดเร็วหนึ่งรอบ เขาก็พูดออกมาว่า “จู่ๆก็นึกได้ว่ามีเรื่องที่ต้องทำ” ซึ่งเป็นเรื่องโกหกและวิ่งออกไปด้วยความเร็วเต็มที่ จากนั้นก็วนกลับไปที่ร้านยิงเป้า
เขาย่อลงตัวอย่างรวดเร็วที่ด้านหลังต้นไม้และยื่นแค่ใบหน้าออกมา มองไปที่ร้านยิงเป้า ตรวจสอบสิ่งของที่เขาตามหาพร้อมกับเปิดสมาร์ทโฟน เปรียบเทียบมันกับภาพที่ขึ้นมาในการค้นหา และแน่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองพบมันคือของจริง มันคือป้ายที่ระลึกรอบปฐมทัศน์ของ คิวตี้ฮีลเลอร์ เวิร์ล พรีเมี่ยม โดยไม่ต้องสงสัย แฟนไอเท็มชิ้นนี้ถูกทำขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์หนังที่ฉายในอเมริกาเหนือ และยากที่จะมีอยู่ในญี่ปุ่น มันยากมากที่จะพบเจอบนเว็บไซท์ โซตะค้นหาการประมูลแทบทุกวันตั้งแต่ที่มันถูกสร้างขึ้น แต่มันก็ไม่มีออกมาเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
ป้ายที่ระลึกมีตัวละครหลัก ตัวร้าย และพรรคพวกทุกคนจากซีรี่ย์ คิวตี้ฮีลเลอร์ รวมอยู่ด้วยกันในท่าโพสเฉพาะตัว ตัวละครที่น่าจดจำเหล่านี้คือตัวละครที่โซตะนับถือมาตั้งแต่เด็ก ภาพวาดมันดูชวนให้นึกถึงและสดใหม่ไปพร้อมๆกัน —บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าดีไซน์ถูกปรับให้เข้ากับยุคสมัย มันแค่วางอยู่ตรงนั้นที่ด้านบนของชั้นวางที่ร้านยิงเป้า แต่มันก็ทำให้โซตะรู้สึกว่าถูกราชาที่อยู่บนบัลลังก์มองลงมาจากด้านบน มันไม่มีรอยขีดข่วน และดูเหมือนว่าไม่ได้สกปรกด้วย เมื่อคิดว่าของที่สภาพดีขนาดนี้มาอยู่ในที่แบบนี้…
โซตะหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็สอดมือถือเข้าไปในกระเป๋า ยื่นใบหน้าออกมาจากด้านหลังร้านค้าเพื่อตรวจสอบบริเวณโดยรอบ แน่นอนว่าเขาไม่อยากถูกเพื่อนของเขาหรือเพื่อนร่วมทีมเห็นเข้า เขาจะปล่อยให้คนรู้จักมาเห็นเข้าไม่ได้ งานเทศกาลท้องถิ่นที่มีขนาดใหญ่มันหมายความว่าเขาไม่สามารถเดินดูได้ทั้งหมด เขาจะเลี่ยงการเปิดเผยความลับเรื่องเมจิคัลเกิร์ลของตัวเองให้น้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
เขาดึงเอาเหรียญร้อยเยนสี่เหรียญออกมาจากกระเป๋าเงิน และยื่นให้กับชายไว้หนวดที่เป็นเจ้าของร้าน
เขาจะตื่นเต้นเกินไปไม่ได้ จะปล่อยให้มือที่สั่นของตัวเองทำให้ปืนสั่นจนพลาดเป้าไม่ได้เด็ดขาด
เขาจะแสดงความตื่นเต้นออกมาไม่ได้เช่นกัน เขาจะต้องทำเสมือนว่าถ้าใครบางคนจากที่ไหนซักที่เห็นโซตะเข้าในตอนนี้ คนพวกนั้นจะไม่คิดว่าเขาอยากได้สินค้าเมจิคัลเกิร์ลมากจนทนไม่ไหว เขาต้องทำให้เหมือนว่าตัวเองพยายามเพื่อให้ได้อะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา และเพราะว่าทำไม่ได้ เขาจึงทำให้ป้ายที่ระลึกล้มลงไปอย่างบังเอิญ เขาต้องแน่ใจว่าจะรักษาท่าทีแบบนี้ต่อไปให้ได้แม้ว่าจะเป็นหลังจากที่ตัวเองได้สิ่งของมาแล้วก็ตาม ทำให้ท่าทีของตัวเองดูแบบว่า “แย่จังที่ไม่ได้ของที่ตัวเองต้องการ” และแสดงท่าทีไม่เต็มใจในตอนที่กลับบ้านไปพร้อมกับป้ายที่ระลึก
เขาตรวจสอบบริเวณรอบๆจากนั้นก็เอนตัวไปด้านหน้า วางแขนซ้ายเอาไว้บนเคาท์เตอร์ เข้าไปใกล้มากยิ่งขึ้นแม้ว่ามันจะการเป็นการที่ยืนด้วยปลายเท้าก็ตาม ยื่นแขนออกไปจนถึงจุดที่ตัวเองรับรู้ได้อย่างชัดเจนถึงข้อต่อตรงไหล่และเส้นเอ็นที่ข้อศอกและข้อมือ ในขณะเดียวกัน เขาก็ทำให้ปืนเล็งที่เล็งออกไปมีเป้าหมายไม่ชัดเจน จนกระทั่งในจังหวะที่ยิงออกไป เป้าหมายของเขาจะดูชัดหากเล็งตรงไปที่สิ่งที่ต้องการตั้งแต่เริ่ม
เขายกและเล็งปืนห่างออกไปอย่างเหมาะสมในขณะที่ยังคงเล็งเป้าไปยังจุดเดียวโดยไม่แสดงความรู้สึกในหัวใจออกมาบนใบหน้า นิ้วมือของดาร์คคิวตี้และคิวตี้อัลแตร์บนภาพที่วาดเอาไว้บนป้ายอะครีลิคนั้นกำลังกุมเข้าหากันและกัน มันไม่มีแฟนไอเท็มชิ้นไหนเลยที่ทั้งสองกุมมือกันและกัน —ซึ่งแน่นอนว่าไอเท็มแบบเป็นทางการก็ด้วย นี่คือสิ่งพิเศษที่มีคุณค่าสูงมากที่ไม่สามารถหาที่ไหนได้ หากเป็นแฟนของ คิวตี้ฮีลเลอร์ แล้วล่ะก็ —ไม่สิ หากเป็นแฟนของเมจิคัลเกิร์ล —นี่คือสิ่งที่ใครต่อใครก็อยากจะได้จนน้ำลายไหล เขายิงออกไป
จังหวะนั้นดีและโดนเข้าที่จุดที่ดี เขายิงโดนที่ส่วนบนของป้ายซึ่งมีความกว้างสามสิบเซ็นติเมตร ตรงจุดที่จะทำให้มันเสียสมดุลอย่างแน่นอน กระสุนไม้ก๊อกพุ่งออกจากปืนของเขา จากนั้นก็มีเสียง กึ๊ง ดังขึ้นแบบเบาๆในตอนที่กระเด็นออกไป มันเด้งออกและไปโดนเข้ากับเสาของร้านค้า แรงของกระสุนหายไปและร่วงลงไปที่พื้น
โซตะตะลึง แต่เขาก็ทำจิตใจให้สงบอย่างรวดเร็ว ใส่กระสุนนัดต่อไปแล้วก็ยิง มันโดนเข้ากับเป้าหมายแต่กระสุนก็เด้งออก ส่วนป้ายอะครีลิคใสก็ไม่ได้ขยับ —มันไม่ได้ขยับมากเท่าไหร่นัก โซตะหยุดความพยายามที่ปิดบังสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ เข้าใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองมี เล็งไปที่ป้ายที่ระลึกตั้งแต่แรก ยิง ยิง แล้วก็ยิงออกไป กระสุนทุกนัดเข้าเป้า —และมันก็โดนเข้าในจุดที่ต่างกัน เช่นตรงกลาง ด้านขวา ไม่ก็ด้านว้าย แต่ป้ายที่ระลึกก็ไม่ได้ขยับแม้แต่นิด
เขายื่นเหรียญร้อยเยนอีกสี่เหรียญไปให้เจ้าของร้าน เปลี่ยนเป็นแบงค์พันเยน เหรียญห้าร้อยเยน แล้วก็แบงค์พันเยนอีกแบงค์ไปให้ และยังเพิ่มสองร้อยเยนเข้าไปอีก เงินมันมากพอจนไม่ต้องยื่นไปอีกได้ราวสามรอบ รับกระสุนไม้ก๊อกทั้งหมดเก้านัดมา แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามยิงออกไปแค่ไหน ป้ายที่ระลึกก็ไม่ยอมขยับและล้มลงไปเลย
กระสุนไม้ก๊อกของเขาหมดลงอีกครั้ง โซตะเอื้อมไปจับกระเป๋าเงินเพื่อที่จะจ่ายเงินมากขึ้นอีก และจากนั้นก็มีมือหนาๆวางลงมาจนทำให้เขาสะดุ้ง เขาเงยหน้าขึ้นไปและก็เห็นชายไว้หนวดที่เป็นเจ้าของร้านกำลังมองดูด้วยท่าทีเห็นใจ
“พอเท่านั้นเถอะ” เจ้าของร้านพูด “มันไม่ใช่ของที่ต้องจริงจังขนาดนั้นหรอก”
โซตะตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ท่าทางและการแสดงออกของเจ้าของร้าน แผ่นป้ายอะครีลิคที่ไม่ขยับราวกับว่าถูกยึดอยู่ตรงนั้น ทุกอย่างล้วนกำลังบ่งบอก เจ้าของร้านรู้คุณค่าของแผ่นป้ายเช่นกัน —และเขาก็ใช้มันเพื่อดึงดูดลูกค้า เหมือนกับแผงขายลอตเตอรี่ที่มีเกมคอนโซลใหม่ๆเป็นรางวัล หรือลูกโป่งน้ำที่มีเงินอยู่ข้างในที่แสดงเอาไว้ในร้านช้อนลูกโป่ง เขาไม่เคยมีความตั้งใจที่จะให้มันถูกเอาไป
โซตะหายใจเข้าลึกๆ สะท้อนถึงความหนักอึ้งของความล้มเหลวที่เขาไม่ได้สิ่งที่ต้องการมา
“ขอโทษฮะ… อย่างน้อยก็ขอเข้าไปดูใกล้ๆได้รึเปล่า?” เขาถาม
“ห้ามถ่ายรูปหรือแตะต้อง ดังนั้นจำเอาไว้ในใจนะ อ่า ชั้นขอโทษจริงๆ”
โซตะถูกเชิญเข้าไปภายในร้าน เมื่อมองดูใกล้ๆป้ายที่ระลึกก็ดูส่องประกายมากยิ่งขึ้น การได้มองดูและเห็นว่าดาร์คคิวตี้มีท่าทีอายเล็กน้อยทำให้รู้สึกสนุก การที่คิวตี้ออร์ก้าและคิวตี้เพนกวินสลับท่าโพสของกันและกัน และอีกหลายๆอย่าง โซตะเปิดตาตัวเองกว้าง ทำสมองให้โล่ง สัมผัสประสบการณ์ให้เต็มที่มากที่สุด จากนั้นก็ก้มศีรษะให้กับเจ้าของร้านแล้วก็ออกไป
เขาควรที่จะรู้สึกกระวนกระวายและเศร้ากับความผิดหวัง แต่เขากลับรู้สึกสดชื่นอย่างน่าประหลาด
☆ นานะ ฮาบุทาเอะ
ชายท่าทีประหลาดที่เสยผมกลับไปด้านหลังพร้อมกับหนวดที่ดูเรียบร้อยประดับอยู่ด้านบนริมฝีปากกำลังปรบมือเรียกลูกค้า มันคือร้านยิงเป้า ท่าทางของเขาดูเหมือนว่าน่าสงสัย เขาคือคนประเภทที่นานะไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย โดยปกติแล้วเธอปฎิเสธที่จะเข้าไปเกี่ยวข้อง แม้ว่าจะเป็นในฐานะลูกค้าที่เข้าไปที่ร้านริมทางก็ตาม เธอไม่ได้ชื่นชอบอะไรเด็กๆเช่นการยิงเป้ามาตั้งแต่แรกแล้ว
แต่เธอก็เบนสายตาออกไปจากร้านนั้นไม่ได้ ราวกับว่ามันมีพลังที่มองไม่เห็นเหมือนกับคำสาปหรือเวทมนตร์ร่ายเข้าใส่เธอ เหมือนกับว่าดวงตาเธอจับจ้องไปที่จุดเดียว สิ่งของมากมายและสิ่งที่ดูเหมือนกับเป็นขยะถูกวางเรียงรายเอาไว้ —ไฟแช็กที่มีดีไซน์หรูหรา ขวดยางที่ผลิตจากต่างประเทศ ฟิกเกอร์ของตัวละครอนิเมที่นุ่งน้อยห่มน้อย ลูกกวาดทุกประเภท ตุ๊กตาของมาสค็อตท้องถิ่นที่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่สินค้าอย่างเป็นทางการเพราะรอยเย็บมันดูไม่สวย— กำลังวางอยู่ภายใต้แสงไฟตามแบบที่คิดเอาไว้ ถัดจากนั้นคือสิ่งที่ตั้งอยู่อย่างเด่นชัดในฐานะของรางวัลจากการยิงเป้า เป็นสิ่งที่ดูเหมือนว่าเป็นรางวัลหลัก
มันถูกห่ออยู่ในกระดาษหนังสือพิมพ์พร้อมกับไออุ่นที่ฟุ้งออกมา มันถูกทำอยู่ตรงนี้ เปลือกดูเหมือนกับว่าจะลอกออกเมื่อถูกสัมผัส สีทองที่อยู่ด้านในลอดออกมาจากรอยแตกของผิวที่หลุดออก แค่มองดูก็ทำให้รู้สึกหิวแล้ว
นี่คือมันหวานอบ เธอมองออกไปแล้วก็หันกลับมามองอีกครั้ง แม้ว่าจะเป็นหลังจากที่หลับตาสิบวินาทีและลืมตาอย่างช้าๆ ทุกสิ่งที่เธอมองเห็นก็คือหัวมันอบ
เรื่องมันเกิดขึ้นตอนที่เธออายุราวๆสิบขวบ เธอวิ่งเข้าไปที่ร้านขายมันอบที่กำลังลำบากเพราะอายุของเจ้าของร้านและใกล้ที่จะปิดตัว —ดังนั้นผู้คนจึงซื้อมันหวานจึงได้พูดคุยกัน ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นหรือหน้าตา มันหวานก็กระตุ้นความอยากอาหารของเธอจริงๆ แต่เนื่องจากนานะยังเป็นเด็กเล็ก เธอจึงไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อแม้แต่หัวเดียว เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจ้องมองอย่างอิจฉาในตอนที่ชายแก่จุดไฟขึ้นมา แม่บ้าน เด็กนักเรียนผู้หญิงมัธยมปลาย ต่างก็หยิบมันหวานไปอย่างดีใจ ตั้งแต่นั้นมา นานะก็ไม่เคยพบร้านขายมันอบอีกเลย เขาคงจะเลิกขายไปแล้วตามที่เธอได้ยินมา
มันอบที่ตั้งอยู่ตรงร้านยิงเป้านั้นดูส่องประกายเหมือนกับหัวมันที่เธอเคยเห็นในตอนเป็นเด็ก ความหวานฉ่ำของมันหวานเพียงแค่มองดูมันทำให้เธอรู้สึกหิว แน่นอนว่ารสชาติต้องอร่อย มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีรสชาติอย่างอื่นนอกจากความอร่อย
เสียงกลืนน้ำลายของเธอดังก้องไปทั่วร่างกาย เห็นได้ชัดเลยว่าเธอทำไปแบบที่ไม่รู้ตัว
“มีอะไรรึเปล่า?”
ชิซุกุมองดูนานะพร้อมกับรอยยิ้ม รอยยิ้มที่หม่นหมองด้วยความกังวลนั้น… มันดูงดงามในแบบของมัน แต่ตอนนี้นานะไม่ได้อยากเห็น เธออยากให้ชิซุกุมีรอยยิ้มในช่วงงานเทศกาลมากกว่า
นานะซ่อนความกังวลเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม “ไม่หรอกค่ะ ไม่มีอะไร”
“เป็นหวัดหรืออะไรรึเปล่า?”
“ไม่หรอกค่ะ ก็มือคุณมันอุ่นนี่นา”
“ดีจัง”
“จริงๆนะคะ อ๊ะ… ดูกิ่งไม้ตรงนั้นสิคะ มันบานสวยมากเลย” นานะหยุดและชี้ไปยังกิ่งที่ดอกไม้บานออกมาอย่างเต็มที่ แต่ไม่ได้มองขึ้นไป สายตาของเธอมองไปทั่วบริเวณอย่างรวดเร็ว
คนที่ผ่านไปผ่านมามองไปที่ร้านค้า คุยกันอย่างสนุกสนาน สายตาไม่ได้หยุดอยู่ที่ร้านยิงเป้าในตอนที่เดินผ่าน ไม่ได้ตอบสนองกับภาพแปลกประหลาดของร้านยิงเป้าที่มีมันอบแสดงอยู่เลย ไม่ได้หยุด ดึงแขนเสื้อของคนที่มาด้วย หรือซุบซิบอะไรบางอย่างเกี่ยวกับร้านแปลกๆที่ตั้งอยู่เลย
“ตรงไหนเหรอ? กิ่งไหน?” ชิซุกุถามนานะ
“ตรงนั้นค่ะ อยู่ตรงนั้น”
นานะซื้อเวลาให้มากขึ้นในตอนที่มองสำรวจอย่างใกล้ชิด ผู้คนไม่ได้มองดู เจ้าของร้านเองไม่ได้แสดงมันออกมาเช่นกัน แม้การมีสิ่งของที่มีเอกลักษณ์อยู่ในจุดที่จะทำให้ดูโดดเด่นมากที่สุด มันก็ไม่ได้มีโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์อะไรอยู่เลย ทุกอย่างมีแค่ป้ายที่เขียนเอาไว้ว่า “ยิงเป้า” เพียงเท่านั้น มันไม่ได้มีรายละเอียดอย่างอื่น ร้านยิงเป้าทุกร้านที่เธอเคยเห็นมาก่อนจะประชาสัมพันธ์สิ่งของที่มีเอกลักษณ์เอาไว้เพื่อดึงดูดลูกค้า นั่นคือเรื่องที่ต้องทำถ้าต้องการทำยอดขาย
มันหวานนั่นดูน่าอร่อยมากและเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดในการดึงดูดลูกค้า—
“บอกไม่ถูกเลย” ชิซุกุพูด “ใช่กิ่งตรงนั้นรึเปล่า?”
“ไม่ค่ะ ไม่ใช่”
จู่ๆนานะก็เกิดความสงสัย มันหวานมันมีไอน้ำลอยขึ้นมา เธอจึงสามารถบอกได้ว่าเพิ่งจะอบเสร็จใหม่ๆ ถ้าเธอเอาใส่เข้าไปในปาก ระวังไม่ให้โดนลวกจากความร้อน รสชาติก็คงจะอร่อยอย่างแน่นอน
แต่ไม่ใช่ว่าแปลกหรอกเหรอ? มันหวานจะรักษาความสดใหม่จากการอบไปได้อีกนานแค่ไหนกัน? เวลาควรจะผ่านไประยะหนึ่งแล้วตั้งแต่ที่เธอเห็นมันหวานในตอนแรก แต่ไอน้ำก็ยังลอยขึ้นมาโดยที่ไม่ได้หายไปแต่อย่างใด
นี่คือฤดูใบไม่ผลิ อากาศมันเย็นมากพอที่จำเป็นต้องใส่เสื้อโค้ทในตอนที่ออกมาเดิน แถมยังแห้งมากจนจำเป็นต้องใช้ครีมบำรุงผิว ตอนกลางคืนลมหายใจก็จะเปลี่ยนเป็นสีขาว และถ้าเธอไม่ได้กุมมือของชิซุกุเอาไว้ นิ้วของเธอก็จะรู้สึกชา ในอากาศที่เป็นแบบนี้ มันหวานจะยังรักษาความอุ่นและปล่อยควันสีขาวออกมาเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้คนไปได้นานอีกแค่ไหนกันนะ?
ในขณะที่ชี้ไปยังกิ่งไม้ นานะก็ใช้เวลาคิดว่ามันน่าสงสัยที่มันอบรักษาความอุ่นไว้ได้ยังไง ก่อนที่จะไปถึงข้อสรุปที่คิดว่ามันถูกต้อง นี่เป็น… ภาพหลอนจากการควบคุมแคลลอรี่
ตอนนี้นานะกำลังไดเอ็ทมาหลายวันแล้ว เธอทำทั้งการออกกำลังกายแบบพอประมาณและควบคุมแคลลอรี่ไปพร้อมกันเพื่อที่จะลดน้ำหนักลงซักเล็กน้อย และยังมีวิธีการแบบเบาๆ —อย่างการหยุดกินขนม ลดจำนวนข้าวขาวในถ้วยข้าวลง อะไรแบบนั้นด้วย
แต่ก็ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้จะไม่กลายเป็นเรื่องยาก โดยทั่วไปแล้ว การมางานอีเวนท์อย่างงานเทศกาล ที่ที่มีของอร่อยเรียงรายกันอยู่ทั่วทุกที่ —มันราดเนย มิตาริชิดังโงะ ดังโงะสามสี ทาโกะยากิ ลูกกวาดแอปเปิล ฟิชแอนด์ชิปส์ โอโคโนมิยากิ เนื้อย่าง ไก่ทอด ยากิโซบะ แฟรงเฟิร์ท กล้วยช็อกโกแลต เคบับ โอบันยากิ ช็อกโกแลตทอด ราเม็ง เฟรนช์ฟรายส์ และอะไรอย่างอื่นอีกมากมายที่ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้น— การเดินผ่านสิ่งล่อใจเหล่านั้นมันทำให้รู้สึกทรมาณ
เธอควรจะรู้ก่อนที่จะมาที่นี่ว่ามันแย่ต่อจิตใจและร่างกายตัวเอง แต่เมื่อจินตนาการถึงตัวเองกับชิซุกุที่เดินกุมมือไปด้วยกันภายใต้ต้นซากุระที่ส่องสว่าง เธอก็ไม่สามารถห้ามใจตัวเองเอาไว้ได้ นี่คือโอกาสครั้งเดียวในรอบปี เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่พวกเธอกลายเป็นคนรักกัน แน่นอนว่าเธอไม่อยากปล่อยมันให้หลุดรอดไป เธอสู้กับความอยากอาหารของตัวเองตลอดเวลาเป็นประจำ ในทางทฤษฏีแล้ว —นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ หรือเธอคิดเช่นนั้น
“ขอโทษค่ะ เหมือนว่าฉันจะมองผิดไป ไม่ต้องสนใจดอกไม้ —แล้วมาเดินกันต่อดีกว่าค่ะ” นานะบีบมือของชิซุกุแล้วก็ดึง การอยู่ที่นี่ต่อไปมันอันตราย
“เดี๋ยวสิ รีบเกินมันอันตรายนะ” ชิซุกุพูดพร้อมกับรอยยิ้ม
นานะตอบกลับด้วยการหันเหความสนใจแล้วรีบไปเดินด้านหน้า เธอไม่เคยจินตนาการว่าตัวเองไม่สามารถยับยั้งความต้องการอาหารได้จนถึงขั้นเห็นภาพหลอน ถ้าไม่ใช่ภาพหลอน มันอบนั้นก็ดูน่าอร่อยมาก ไม่ว่าจะต้องกัดคำใหญ่แค่ไหนเธอก็อยากจะถือมันเอาไว้ มันดูดีมากพอจนทำให้เธอนึกถึงมันอบในวัยเด็กที่ได้กลับมาอีกครั้ง
ด้วยความกังวลเรื่องสภาพจิตใจของตัวเองที่มองเห็นภาพแบบนั้น นานะจึงเดินผ่านฝูงชนอย่างรวดเร็วด้วยการวิ่งเหยาะๆ
☆ อายานะ ซาคานากิ
“อยากจะยิงเป้างั้นเหรอ? ไม่ใช่ว่ายังเด็กเกินสำหรับเรื่องนั้นรึไง อายานะ?”
เธอพยักหน้าให้กับคำถามว่าเธออยากจะยิงเป้าหรือไม่ และส่ายหน้าให้กับคำถามที่ว่าเธอยังเด็กเกินไปที่เป็นการพยายามห้ามเธอเอาไว้อย่างอ่อนโยน แม่ของอายานะรู้ว่าอายานะจะหัวรั้นในเวลาแบบนี้ เธอรู้สึกว่าการยิงเป้าตอนกลางคืนมันไม่ได้แย่อะไรมากจนแม่ต้องลากเธอออกไปเพื่อห้ามเอาไว้ แม่ให้สิทธิ์อายานะในงานเทศกาลตอนกลางคืนว่า “เลือกหนึ่งอย่างที่ชอบต่อหนึ่งคืน” แต่จนกระทั่งถึงในตอนนี้ เธอก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“ถ้าลูกพลาด ลูกจะไม่ได้อะไรเลยนะ รู้ไหม? แบบนี้ลูกรับได้รึเปล่า?”
“คุณแม่ไม่ต้องกังวลหรอก มันมีรางวัลปลอบใจสำหรับคนที่พลาดทุกอย่างอยู่นะ” เจ้าของร้านพูดแทรกอย่างรวดเร็ว
แม่ฝืนยิ้มออกไปเป็นการตอบสนอง จากนั้นก็นั่งลงและสบตากับอายานะในระดับสายตาเดียวกัน “แบบนี้ลูกโอเคไหม?”
อายานะพยักหน้าอย่างเงียบๆ ร้านค้าก่อนหน้านี้ทุกร้านมีเพียงแค่ของธรรมดาอะไรที่ธรรมดามาก มีของเล่นเมจิคัลเกิร์ล ไม่ใช่แค่ ทาโกะยากิ กับกล้วยเคลือบช็อกโกแลต แต่ทั้งหมดนั้นขาดอะไรบางอย่าง และเธอก็ไม่ได้พบกับสิ่งที่ต้องการเลย มันมีแต่อะไรที่ผิดหวัง แต่เธอก็ไม่ได้หงุดหงิด สิ่งที่อายานะต้องการคือสินค้าที่เกี่ยวกับเจ้าหญิง มันไม่ใช่สิ่งที่สามารถพบเจอได้ง่ายๆ แต่ในตอนนี้เธอก็พบอะไรบางอย่างเข้าแล้ว
“ดูไม่เหมือนว่าจะทำได้เลย” แม่ของเธอพูดออกมา
“ไม่ ไม่ ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปเอาแท่นเหยียบมาให้” เจ้าของร้านพูด
“รบกวนด้วยนะคะ”
อายานะได้กระสุนมาสามนัด เจ้าหญิงจะรู้สึกไม่ดีหากพลาดสองนัดแรก การที่ไม่ได้เป็นคนที่คอยรับใช้เองก็เช่นกัน เธอต้องยิงให้โดนในหนึ่งนัด อายานะยกปืนขึ้นมา มองไปยังสิ่งของที่เธอเล็งเอาไว้ หรี่ตาหนึ่งข้าง เล็งเป้าอย่างระวัง พยายามเอนตัวไปด้านหน้ามากที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่ถ้าเป็นแบบนี้ มันก็ดูเหมือนว่าเธอจะล้มลงเข้าไปในร้าน
“คุณแม่จับเอาไว้หน่อย”
“ค่ะ ค่ะ”
ในตอนนี้เธอมีการช่วยสนับสนุนที่มั่นคงแล้ว เมื่อรู้สึกปลอดภัยด้วยความอบอุ่นจากฝ่ามือของแม่ เธอก็ยกปืนขึ้นอีกครั้ง เธอต้องการแค่สิ่งนั้นเพียงสิ่งเดียว มันคือมงกุฏที่ตั้งอยู่ด้านบนที่ตรงกลางของชั้นวางในตำแหน่งที่ควรค่าแก่การเรียกว่าเป็นที่นั่งของเจ้าหญิง ในตอนที่เธออยู่อนุบาล เธอได้เห็นพาเรดเจ้าหญิงของต่างประเทศจากงานอีเวนท์ประชาสัมพันธ์อะไรบางอย่าง สิ่งนี้ดูเหมือนกับมงกุฏที่เจ้าหญิงในตอนนั้นสวมเอาไว้ มันมีอัญมณีสีม่วงทรงแปดเหลี่ยมที่สะท้อนแสง มันคือเพชรที่มีขนาดใหญ่รึเปล่านะ? มงกุฏอันงดงามมีพลังโน้มน้าวอายานะว่าเจ้าหญิงไม่ได้มีอยู่แค่ในเรื่องแต่ง —พวกเธอมีตัวตนอยู่จริง เธอนับถือเจ้าหญิงมานับตั้งแต่นั้นซึ่งเป็นเป้าหมายที่ชัดเจน— เพื่อที่จะรับใช้เจ้าหญิง ไม่สิ ถ้าเธอมีมงกุฏนั่น แบบนั้นตัวของเธออาจจะกลายเป็นเจ้าหญิงเองก็ได้
อายานะเล็งปืนไปที่มงกุฏและเล็งไปที่เป้าอย่างระมัดระวัง —จากนั้นก็วางปืนไว้ด้านข้าง
เธอมองไปที่มงกุฏ เธอปรารถนาที่จะครอบครองมัน เธอคิดว่าตอนนี้เองก็ยังคงเป็นแบบนั้นอยู่ เจ้าหญิงตัวจริงจะสวมมันไว้บนศีรษะและโบกมือออกมาจากที่นั่งภายในรถยนต์ ใช่แล้ว นั่นคือเจ้าหญิงตัวจริง ไม่ใช่ตัวปลอมหรือจัดฉากขึ้นมา
อายานะคิด นั่นคือครั้งแรกที่เธอได้เห็นเจ้าหญิงตัวจริง แต่ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย ในตอนนี้อายานะกำลังรับใช้เจ้าหญิงอยู่ในฐานะเมจิคัลเกิร์ล รูลเลอร์คือเจ้าหญิงตัวจริง เธอไม่ได้มีมงกุฏอยู่บนศีรษะแต่มีเทียร่าขนาดเล็ก แม้ว่าจะมีขนาดเล็ก มันก็ส่องประกายราวกับว่าเป็นของจริง ส่องประกายออกมาในโอเค็ทสึจิที่เต็มไปด้วยฝุ่น การได้เห็นแบบนั้นมันทำให้สวิมสวิมมีความสุขมากและทำให้เธอจำได้ว่าตัวเองกำลังรับใช้เจ้าหญิงอยู่
มงกุฏกับเทียร่า ทั้งคู่ต่างก็สวย ฝ่ายไหนมันสวยกว่ากันนะ? อายานะคิดและตัดสินใจไม่ได้ เธอต้องการอะไรกันแน่? ถ้าเธอสามารถได้มงกุฏมา แบบนั้นเธอก็สามารถกลายเป็นเจ้าหญิงได้รึเปล่า? ไม่ ไม่เลย เส้นทางสู่การเป็นเจ้าหญิงมันทั้งเจ็บปวดและลำบาก มันไม่ใช่เรื่องที่เธอสามารถเป็นได้ในทันทีเพียงเพราะว่าเธอได้สิ่งของมา อีกอย่าง ยิ่งเธอมองมันเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้เธอคิดว่าเทียร่าของรูลเลอร์นั้นดีกว่า รูลเลอร์ไม่ใช่แค่เป็นเจ้าหญิง เธอคือเจ้าหญิงอันดับหนึ่ง เจ้าหญิง และ เมจิคัลเกิร์ล
อายานะกระพริบตา จับปืนเอาไว้ในมือและเตรียมพร้อม หายใจเข้าและออกสองหรือสามครั้งเพื่อทำจิตใจให้สงบ เธอยิงเคสมือถือ คิวตี้ฮีลเลอร์ แผ่นรองเมาส์ สตาร์ควีน และผ้าห่ม เมจิคัลเดซี่ ล้มลงไปติดๆกัน จากนั้นชั่วพริบตาให้หลัง แม่กับเจ้าของร้านก็ส่งเสียงออกมาอย่างประหลาดใจ
“ยอดเลย อายานะ ลูกมีความสามารถเลยนะเนี่ย”
“ยอดเยี่ยม เธอเหมือนกับนักล่าโทโฮคุที่เหยื่ออยู่ตรงหน้า หรือสไนเปอร์ที่เล็งไปยังเป้าหมายเลย”
อายานะไม่ได้มองไปที่ทั้งสองที่ชื่นชมเธอ —สายตาของเธอมองไปที่มงกุฏ เธอเกือบที่จะเลือกทางเดินผิดแล้ว รูลเลอร์คือเจ้าหญิงตัวจริง และเจ้าหญิงก็คือรูลเลอร์ เธอครุ่นคิดอย่างเงียบๆ
☆ สึบาเมะ มุโรตะ
พวกเธอทะเลาะกันจริงๆ โชอิจิยืนกรานว่าผู้หญิงท้องไม่ควรจะออกไปงานเทศกาล “ถ้าในงานมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นล่ะ?”
สึบาเมะพูดคำพูดเดิมแบบซ้ำๆเหมือนกับเด็ก “ถ้าฉันไปงานเทศกาลฤดูใบไม้ผลิที่ปีนึงจัดแค่ครั้งเดียวไม่ได้ แล้วแบบนั้นจะมีชีวิตไปเพื่ออะไรล่ะ?” “ยังดูไม่ออกซักหน่อย —แต่อีกไม่นานท้องก็คงจะใหญ่เกินกว่าที่จะทำอะไรแบบนี้ได้แล้ว” “ถ้าเกินอะไรขึ้นคุณก็ปกป้องฉันได้นี่” “ฉันแค่อยากไป อยากไปจริงๆนะ” จนสุดท้ายแล้ว โชอิจิก็ยอมแพ้ เมื่อสามีและภรรยาทะเลาะกัน อัตราชนะทางฝั่งโชอิจิจะอยู่ที่สี่สิบ-หกสิบ แต่ในคราวนี้สึบาเมะก็ดันเรื่องนี้อย่างรุนแรง
“นานๆทีฉันจะได้สนุกกับสถานที่ที่มีคนเยอะๆบ้างมันก็โอเคใช่ไหมล่ะ?” สึบาเมะพูด
“เฮ้อ… เธอนี่ชอบงานเทศกาลกับเรื่องอะไรแบบนั้นซะจริงนะ” โซอิจิตอบกลับ “แต่งานก็จัดขึ้นทุกปีนี่นา”
“มองฉันแบบนั้นอีกแล้วนะ! เอาน่า เอาน่า มันเป็นเทศกาลใหญ่ ดังนั้นไปสนุกกันดีกว่า”
โชอิจิไม่ชอบสถานที่ที่มีเสียงดัง การที่มีคนจำนวนมากเองก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาชอบ และเขาคือคนที่ปฎิเสธท่าเดียว คนที่ไม่รู้สึกอับอายที่จะพูดแบบนั้นกับร้านค้าและคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องน่าสงสัย แต่เมื่อเขาได้ออกไปแล้ว ตัวของเขาก็รู้สึกสนุกสนานมากพอ เขามองไปที่ซากุระด้วยสายตาอันอ่อนโยน การที่เขาช่วยสึบาเมะในการเดิน จากยานพาหนะ ฝูงชน และอันตรายหลากหลายอย่างแบบเมินเฉยคือความใจดีของเขา และทำให้เธอมีความสุข เขาคงจะอายถ้าเธอพูดเรื่องนี้ออกมาดังๆ ดังนั้นเธอจึงรับความใจดีของเขาเอาไว้อย่างเงียบๆ ทั้งสองคนเดินไปตามถนนที่มีต้นซากุระเรียงรายกัน และจากนั้น ในตอนที่กำลังจะไปยังลานทางตะวันตกที่เป็นจุดที่มีต้นไม้อยู่มากที่สุด โซอิจิก็หยุด เมื่อสงสัยว่ามีอะไร เธอก็เห็นว่าเขามองไปที่ร้านค้าอย่างตั้งใจ
“มีอะไรรึเปล่า? เจออะไรดีๆงั้นเหรอ?” สึบาเมะถาม
“อ่า จริงสิ” โชอิจิตอบมาอย่างครึ่งๆกลางๆในตอนที่มองไปยังร้านค้า
มันดูเหมือนว่าจะเป็นร้านยิงเป้า มีของรางวัลหลากหลายอย่างวางเรียงรายกันอยู่บนชั้นวางที่ต่างกันสามระดับเหมือนปกติ สถานที่ที่จะชนะรางวัลได้ด้วยการยิงพวกมันให้ล้มลงไปด้วยปืนไม้ก๊อก โชอิจิเกลียดการพนัน แม้ว่าจะเป็นอะไรแค่เล็กน้อยเพื่อความสนุก โดยปกติแล้ว เขาจะไม่มีวันมองไปร้านยิงเป้า แบบนั้นมันมีของรางวัลที่น่าดึงดูดมากอยู่งั้นเหรอ? สึบาเมะมองไปที่ชั้นวางที่ของรางวันวางเรียงรายกันอยู่แล้วก็ส่งเสียงออกมาอย่างเงียบๆ
อ๊ะ เขา อยากได้ ไอ้นั่นนี่เอง
มันเป็นเรื่องเมื่อหลายปีก่อน ตั้งแต่สมัยที่เธอยังคงเป็นเด็ก ในตอนที่เธอพูดว่าอยากจะเป็นทีมที่เร็วที่สุดในเมือง N มันมีอนิเมที่สึบาเมะชอบดูอยู่ เป็นเรื่องเกี่ยวกับแม่มดน้อยที่ไม่ค่อยคุ้นชินกับการขี่ไม้กวาดอยู่บนท้องฟ้า ผจญภัยจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองด้วยการบิน นั่งคร่อมไม้กวาดพร้อมออกท่าทาง ความฉับไวและความเร็วที่แสดงออกมายังมีเรื่องอีกมากที่ให้พูดถึง การพูดว่ามันเป็นสาเหตุให้สึบาเมะเริ่มใฝ่ฝันถึงความเร็วก็ไม่เกินจริงนัก
สิ่งที่วางอยู่ตรงนั้นในตะกร้าคือตุ๊กตาที่ดูเหมือนกับค็อกเกอร์ เด็กสาวค้างคาวที่ดูคุ้นเคย การที่ตุ๊กตามันมีความถูกต้องสูงมากก็เลยทำให้ดูมีค่ามากยิ่งกว่าจะเป็นแค่ตุ๊กตาซะอีก มันให้ความรู้สึกว่าเคารพอนิเมต้นฉบับ การได้เจอเรื่องอะไรแบบนี้มันทำให้รู้สึกมีความสุข
โชอิจิอยู่กับเธอมาตั้งแต่เธอยังเด็ก มันจึงพูดได้ว่าเขารู้เรื่องอนิเมที่สึบาเมะชอบ เขาถึงได้พยายามเอาตุ๊กตามาให้เธอนั่นเอง
ช่างเป็นคุณสามีที่น่ารักอะไรขนาดนี้นะ เธอคิดพร้อมกับเช็ดขอบตาด้วยข้อมือ จากนั้นก็ใช้ข้อศอกกระแทกเข้าไปข้างตัวโชอิจิ “นี่ พี่โช อยากได้ไอ้นั่นเหรอ?”
“ผมบอกแล้วนะว่าอยากเรียกแบบนั้นตอนอยู่ข้างนอก”
“ไม่เอาน่า อยากได้หรือไม่อยากกันล่ะ?”
ดวงตาของโชอิจิด้านหลังแว่นขยับอย่างกระสับกระส่ายก่อนที่เขาจะพยักหน้าเล็กน้อย “ถ้าเธอขอ แบบนั้น… ผม… ก็อยากได้”
“เหหหหหหห โฮะโฮะโฮ่ ข้าราชการหัวโบราณอยากได้ตุ๊กตางั้นเหรอเนี่ย หืมม?”
“หือ? ตุ๊กตา? อ่า ใช่ มีตุ๊กตาอยู่ เป็นหนึ่งในของรางวัล ใช่แล้ว มันคือตุ๊กตา ดูสมจริงมากเลย ผมนึกว่าเป็นของจริงซะอีก”
“ฮะฮะฮ่า! มันน่ารักกว่าของจริงอีกนะ”
“คิดว่ามันน่ารัก? ไม่ใช่ว่ามันดู… น่าอร่อย?”
“หือ? น่าอร่อย? …นี่เคยกินมาก่อนเหรอ?”
หลังจากหายใจเข้าลึกๆ โชอิจิก็พยักหน้า “ไอ้นั่นดูเหมือนกับที่มีขายในร้านอาหารสมัยเรียน ผมกินมาเยอะเลย”
มันทำให้สึบาเมะใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อทำความเข้าใจว่าเขากำลังพูดอะไร เธอเข้าใจความหมายของคำที่เขาพูดออกมา แต่ก็นึกไม่ออกว่าเขาพยายามที่จะพูดอะไร
“เดี๋ยวก่อนนะ” เธอพูด “หือ? นี่หมายความว่ายังไงน่ะ?”
“หืม? ผมก็หมายความตามที่พูด”
“หะ…หือ? เดี๋ยวก่อน… นี่เรื่องจริงเหรอ?”
“คุณรู้ว่าผมเรียนมหาวิทยาลัยในเขต S ใช่ไหม? มันเป็นพื้นที่ที่มีความพิเศษนะ สามารถทอดแบบบางๆได้ แต่ผมชอบแบบย่างโดยไม่ใช่เครื่องปรุงมากกว่า ผมได้ยินว่าไม่นานมานี้มันไม่สามารถหาจับได้แล้ว แถมก็ไม่ได้อยู่บนเมนูของ อิซากายะ กับร้านอาหารเล็กๆบ่อยด้วย” โชอิจิพูดออกมาด้วยท่าทางจริงจังมากตามปกติในตอนที่มองไปยังของรางวัลของร้านยิงเป้า เขาดูเหมือนว่าไม่ได้กำลังพูดเล่น
ชายเจ้าของร้านลูบหนวดด้วยมือขวาในตอนที่มองมายังพวกเธอสองคนพร้อมกับยิ้มอย่างสดใส
“เฮ้ ตรงนั้นน่ะ ที่นี่มีของดีเยอะเลย” เขาบอกพวกเธอ “เข้ามาเลย เข้ามา”
สึบาเมะหันกลับไปดูโชอิจิผ่านไหล่ตัวเอง เขากำลังครุ่นคิดพร้อมกับเอามือแตะไว้ที่คาง มันดูเหมือนเขากำลังคิดว่าควรจะเล่นเกมยิงดีรึเปล่า สึบาเมะตัวสั่นและดึงปกคอเสื้อเข้าด้านใน เธอไม่อยากเห็นตุ๊กตาที่เต็มไปด้วยความทรงจำและทำให้นึกถึงรสชาติเลย
สึบาเมะดึงแขนเสื้อโชอิจิ “นี่ ลืมมันแล้วไปที่อื่นดีกว่า นะ”
“แต่…”
“ให้ตายสิ มันเป็นแค่ตุ๊กตาเองนะ ใช่ว่าจะกินได้ซะที่ไหน”
“หืมมม… มันดูเหมือนค้างคาวของจริงเลยนะ คุณแน่ใจเหรอว่ามันเป็นตุ๊กตา?”
“แน่นอนสิ”
“แต่ผมชิมรสชาติได้นะ…”
“โอ๊ย… พอที! อย่าทำให้ฉันต้องจินตนาการถึงมันเลย!”
ถ้ามีอะไรมากไปกว่านี้ก็จะอันตราย มันไม่ดีกับลูกในท้อง สึบาเมะเดินวนรอบไปอีกด้านของโชอิจิแล้วก็ดันตัวของเขา เขารู้สึกลังเล แต่ก็ค่อยๆออกห่างจากร้านยิงเป้า
“จริงด้วย ไว้ไปซื้อที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตทีหลังดีกว่า” โชอิจิพูด
“หือ…? คิดว่า… มีขายด้วยเหรอ?”
“เธอเองก็ควรจะกินด้วยนะ มันมีสารอาหาร”
“เอ่อ โทษที ต่อให้ถึงมี ฉันก็ไม่…”
“ผมคิดว่าปกติแล้วทุกคนกินได้นะ”
“ไม่ ไม่เลย แบบนั้นมันเถื่อนไป นี่มันสมกับที่ฉันจะคาดหวังได้จากสามีตัวเองเลย ให้ตายสิ”
เมื่อนึกว่าโชอิจิมีความกล้ามากพอที่จะขอเธอแต่งงาน ความเคารพที่เธอมีต่อสามีก็เริ่มใหม่อีกครั้ง ในเวลาเดียวกัน เธอก็พอใจที่เก็บความทรงจำในวัยเด็กเอาไว้ได้อย่างปลอดภัย ในขณะที่บอกลาตุ๊กตาค้างคาวอยู่ภายในใจ เธอก็ดันหลังของโชอิจิออกไปจากร้านค้า
☆ ยูนะ อามะซาโตะ
ในการยิงครั้งที่สิบสอง กระสุนที่มีราคาหนึ่งพันหกร้อยเยนก็กระเด็นออกไปและกลิ้งอยู่บนพื้น ในตอนนี้เรื่องต่างๆมันอยู่ในจุดนี้ ยูนะมองย้อนกลับไปในเรื่องที่พวกเธอทำ อย่างแรก เธอกับมินะต้องใช้เงินสี่ร้อยเยน พวกเธอจึงเถียงกันว่าใครจะเป็นคนยิง และเพราะว่าแย่งปืนจากกันและกันในขณะที่พยายามจะยิง พวกเธอจึงพลาดที่จะยิงโดนเป้าหมาย จากนั้น เมื่อพวกเธอจ่ายเงินอีกสี่ร้อยเยน มินะก็เป็นคนชนะเป่ายิ้งฉุบและได้เป็นคนยิง แม้ว่าจะยิงโดนเป้าสองครั้ง เป้าก็ไม่ได้ล้มลง และในที่สุดยูนะก็ได้มีโอกาสจับปืนหลังจากที่ต้องมองดูและไม่ได้ทำอะไรเลยหลังจากที่จ่ายเงินไปสี่ร้อยเยน แม้ว่าเธอจะยิงโดนเป้าสองครั้งจากกระสุนสามนัด เธอก็ยังคงทำให้เป้าล้มลงไม่ได้ เมื่อคิดว่า พอกันที เธอก็ทุ่มเงินสี่ร้อยเยนเข้าไปอีก มินะยิงโดนหนึ่งนัดในขณะที่ยูนะยิงโดนอีกหนึ่งนัด แต่ถึงทั้งสองคนจะยิงโดน เป้าก็ไม่ได้สั่นไหวอะไรเลย
“คุณลุง ขอเวลาพวกเราวางแผนหน่อยได้รึเปล่า?” ยูนะส่งสัญญาณว่าหมดเวลาแล้วด้วยมือของเธอ
“ได้สิ ตราบใดที่พวกเธอกลับมา ใช้เวลาตามที่ชอบเลย”
ดังนั้นฝาแฝดจึงออกมาจากร้านและซ่อนตัวอยู่ที่ด้านหลังต้นไม้ แม้งานเทศกาลฤดูใบไม้ผลิจะโด่งดังเรื่องแสงสียามค่ำคืน มันก็ยังคงสถานที่ที่แสงสีส่องไปไม่ถึงอยู่ด้วย ในความมืด มันก็เงาที่พาดลงมาเหนือใบหน้าของทั้งสองคนที่เหมือนกันในตอนที่พวกเธอเอนตัวเข้าหากันและกัน และฝาแฝดก็แลกเปลี่ยนการสนทนาโดยการซุบซิบ
“รู้สึกเดจาวูไหม? ฉันรู้สึกว่าพวกเราเคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนนะ” ยูนะพูดกับมินะ
“เหมือนกับตอนที่พวกเราซื้อตั๋วสุ่มซ้ำๆเพื่อให้ได้วีดีโอเกม แต่ก็ลงเอยด้วยการกลับบ้านพร้อมกับพวงกุญแจประหลาดๆเยอะแยะจนแม่โมโหเลย”
“ถ้านี่เป็นเรื่องประเภทเดียวกัน… แบบนั้นรางวัลก็จะไม่ล้มลงงั้นสิ?”
“นี่อาจจะแย่กว่าเกมกาชามือถืออีกเพราะที่นี่มันสามารถได้รางวัลจริงๆ… พวกเราควรจะพอแค่นี้รึเปล่า?”
“ไม่มีทาง พวกเราใช้เงินไปตั้งพันหกร้อยเยนแล้ว เงินขนาดนั้นจัดปาร์ตี้น้ำชาได้เลยนะ”
“นั่นแหละที่อยากได้ยิน ฉันไม่ยอมแพ้หรอก”
“มีแผนอะไรงั้นเหรอ?”
“พวกเราเหลือกระสุนนัดเดียวใช่ไหมล่ะ? ถ้าฉันแปลงร่างเป็นกระสุนนี้ แล้วก็ยิงฉันออกไป…”
“โอ๊ะ! แบบนั้นฟังดูเหมือนจะได้ผลนะ! ว่าแล้วเชียวพี่ต้องคิดออกมาได้! เมจิคูล!”
มินะแปลงร่างเป็นมินาเอล จากนั้นมินาเอลก็แปลงร่างเป็นกระสุนไม้ก๊อก และยูนะก็กลับไปที่ร้านยิงเป้าพร้อมกับกระสุนไม้ก๊อกมินาเอลและปืนของเล่น
“ไง ยินดีต้อนรับกลับนะ” เจ้าของร้านพูด “…หือ? ไม่ใช่ว่าพวกเธอที่ดูเหมือนกันมีสองคนหรอกเรอะ? มีคนนึงออกไปรึไง?”
“พวกเรารวมร่างกันแล้ว” ยูนะพูด
“อ๊ะ นั่นสินะ บางครั้งมันก็เกิดอะไรแบบนั้น”
“หึหึ ตอนนี้พลังของพวกเราเพิ่มขึ้นแล้ว พวกเราจะแสดงให้ดูถึงพลังที่พวกเรามีเอง”
ยูนะสะพายปืน มันผ่อนคลายมากกว่าก่อนหน้านี้ มันไม่จำเป็นที่เธอต้องเคร่งเครียดแล้ว พี่สาวของเธอจะจัดการทุกอย่างเอง
“เอาล่ะนะ” เธอพูดอย่างเงียบๆกับปืนและลั่นไก
กระสุนไม้ก๊อกความเร็วสูงพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เร็วยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เป็นสิบเท่า การยิงตรงไปที่เป้าหมายด้วยมวลและพลังมากกว่าที่ตาเห็นจะแสดงออกมาให้เห็นเอง —แต่กระสุนก็แค่เด้งออกแบบง่ายๆและร่วงลงไปที่พื้น
“…หือ?”
“อ่า แย่จังนะ ไว้มาใหม่แล้วกัน”
ยูนะกลับไปยังจุดที่พวกเธอเคยอยู่ด้านหลังต้นไม้พร้อมกับลูกกวาดที่เจ้าของร้านใส่มาในฝ่ามือ
มินะอยู่ที่นี่เรียบร้อยแล้ว และยูนะก็จับเธอเอาไว้ “นี่ พี่! อะไรของพี่กันเนี่ย?!”
“ไม่เข้าใจเลย… ยังไงก็ไม่เข้าใจ” มินะพูด “มันแค่ ไม่รู้สิ —ฉันให้ตัวเองโดนเป้าไม่ได้”
การได้เห็นพี่สาวที่กำลังสับสนทำให้ยูนะปล่อยมือออก หากเธอพูดข้ออ้างหรืออะไรบางอย่างออกมา เธอก็จะพูดอะไรที่มันฟังดูเป็นไปได้มากกว่านี้ แต่การที่พูดอะไรตรงๆอย่าง “ไม่เข้าใจ” ออกมาก็ทำให้สงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทั้งสองคนเอียงศีรษะและมองหน้ากันและกัน
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่น่ะ?” มินะสงสัย
“หืมม… บางที…” ยูนะเริ่มพูด
“บางที?”
“ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมันเข้ามาขวางการใช้พลังของเมจิคัลเกิร์ลในการพยายามขโมยของรางวัล?”
“อ๊ะ เป็นแบบนั้นแน่ๆ ก็เพราะพวกเราเป็นคนดีนี่เนอะ”
“พี่เนี่ยเมจิคูลจัง”
“บางทีอาจจะเป็นเพราะความภาคภูมิใจในฐานะเมจิคัลเกิร์ลไม่ยอมให้ทำด้วยก็ได้”
“พี่เนี่ยเมจิคูลสุดๆเลย”
“ก็มันเป็นซะแบบนี้… คิดพวกเราคงต้องยอมแพ้แล้วล่ะ แต่มันก็น่าเจ็บใจนะ เพราะว่านี่เป็นโอกาสหายากที่จะได้ เมจิคัลเควส เวอร์ชั่นโบนัสพิเศษที่วางขายครั้งแรกที่แสนน่าคิดถึงมา นี่ จำได้รึเปล่าว่าเธออยากได้มันมากขนาดไหน ถึงขนาดที่ดิ้นไปรอบๆพื้นของร้านขายของเล่นราวกับว่ากำลังเบรคแดนซ์เลยนะ? แต่แม่ก็ไม่ซื้อให้พวกเราอยู่ดี”
“หือ? พี่พูดอะไรน่ะ? นั่นไม่ใช่ของที่วางอยู่บนนั้นเลยนะ มันมี เซ็มเบ้สแน็คแฟนตาซี รสที่ที่ชอบมากในตอนประถมต่างหาก ผู้ผลิตหยุดขายไปเพราะว่าไม่ได้รับความนิยม”
“หือ?”
“หือออ?”
ฝาแฝดเถียงกันในตอนที่เดินอยู่ด้วยกัน แต่เมื่อพวกเธอพบร้านที่บอกว่า ต่อสู้กับอะมาซอน! ช้อนปิรันย่า! พวกเธอก็หยุดเถียงกันและวิ่งเข้าไปที่ร้านด้วยกัน หัวเราะออกมาอย่างสดใสกับกันและกันในตอนที่ช้อนปลาน้ำจืดที่ดูน่าสงสัยที่ร้านเรียกมันว่าปิรันย่า
☆ ทามะ อินุโบซากิ
ทามะมองขึ้นไปที่ต้นซากุระและแสงที่ส่องออกมาในตอนที่เธอเดินไปตามทาง สีชมพูอันสวยงามเหมือนว่าจะทอดยาวออกไปจนสุดสายตา แม้จะรู้สึกประทับใจ ทามะก็หลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปดูต้นไม้แบบใกล้ๆ ใช้ความพยายามอย่างมีสติเพื่อที่จะมองออกไปและเพิ่งความสนใจไปในตอนที่ตัวเองเดินอยู่ เธอมีแนวโน้มที่จะเหม่อลอยมาตั้งแต่แรกเริ่ม แม่ของเธอก็เตือนเธอเอาไว้ว่าถ้าเดินพร้อมกับมองขึ้นไป เธอก็จะหกล้ม ชนเข้ากับอะไรบางอย่าง หรือถูกล้วงกระเป๋าเงินอย่างแน่นอน แค่จินตนาการถึงความเป็นไปได้ของเรื่องเหล่านั้นที่จะเกิดขึ้นจริงมันก็ทำให้เธอตัวสั่นแล้ว ดังนั้นทามะจึงเพียงแค่เหลือบมองไปที่ซากุระ
หากมีใครซักคนที่นี่คอยช่วยทามะที่ใจลอย แบบนั้นเธอก็จะสามารถมองดูซากุระอย่างใกล้ชิดได้ เธอเข้าร่วมงานเทศกาลฤดูใบไม้ผลิกับคุณยายมาโดยตลอดจนถึงเมื่อปีที่แล้ว ทุกอย่างเป็นเรื่องที่ดีแล้วก็สนุก —มีซากุระสวยๆ ดังโงะแสนอร่อย และคุณยายที่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข การได้เห็นคุณยายของเธอที่เป็นแบบนั้น ทามะเองก็รู้สึกสนุกเช่นกัน
ในตอนนี้คุณยายของเธออยู่ในโรงพยาบาล คุณยายจึงไม่สามารถมากับทามะได้ มันจึงทำให้เรื่องต่างๆลดน้อยลงมาก ทั้งเรื่องที่ดีและเรื่องที่สนุก พ่อกับแม่ก็ยุ่งเกินไปที่จะมาสนใจทามะ น้องชายกับน้องสาวของเธอก็ไปงานเทศกาลกับเพื่อนตัวเองมาหลายปีแล้ว ทามะไม่มีเพื่อนที่จะไปงานเทศกาลฤดูใบไม้ผลิด้วยกันกับเธอเลย ทุกคนที่ทามะรู้จักจะหัวเราะเธอ ลากเธอไปในที่ที่ไม่อยากไป หรือว่าทั้งสองอย่าง แต่ว่า ใครบางคนที่เธอไม่รู้จักอาจจะเป็นคนที่ไม่ดีมากๆก็ได้ และเธอก็ไม่ได้อยากเจอแบบนั้นเช่นกัน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเธอถึงต้องคอยระวังทุกอย่างรอบตัวในตอนที่กำลังเดิน และมันก็ทำไมเรื่องต่างๆมีความสนุกน้อยลง
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอไม่ควรจะไปงานเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ เธอตัดสินใจในตอนที่คุณยายเข้าโรงพยาบาลว่าจะไปศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ไกลออกไปจากบริเวณที่จัดงาน ถวายเครื่องสักการะ และขอให้คุณยายมีอาการดีขึ้น เธอไปที่นั่นและทำจนเสร็จสิ้นได้โดยที่ไม่มีปัญหา —แต่ว่าเธอยังไม่อยากที่จะกลับบ้าน ทามะรักซากุระและงานเทศกาล ส่วนหนึ่งของเธอคิดว่ามันคงจะปลอดภัยกว่าถ้ามาในตอนกลางวันแทนที่จะเป็นตอนกลางคืน แต่คุณยายรักซากุระในตอนกลางคืน พ่อแม่ของเธอนั้นเอาใจยาก “มันก็แค่สว่างเพราะแสงที่สร้างขึ้นมาเท่านั้น” แถมยังพูดว่า “แถมยังดูราคาถูกด้วย” อีกด้วย แต่ทามะไม่สามารถทำให้ตัวเองเกลียดซากุระยามค่ำคืนที่คุณยายรักได้
ต้นซากุระที่เรียงกันจนดูเหมือนทอดยาวออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่จากนั้นต้นไม้ก็เริ่มห่างจากกันเป็นระยะๆ ราวกับจะบอกเธอว่า ต้นไม้ก็เหมือนกับร้านค้าที่อีกไม่นานก็จะถึงจุดสิ้นสุด ทามะเอามือสอดเข้าไปในกระเป๋ากระโปรงและสัมผัสเงินที่อยู่ด้านใน เงินสำหรับงานเทศกาลฤดูใบไม้ผลิที่แม่ให้เธอมามันน้อยกว่าที่คุณยายเคยให้เธอ เธออยากทำให้แน่ใจว่าจะไม่ใช้จ่ายโดยที่ทำให้ตัวเองเสียใจ
เธอหันหลังกลับไปตามทางที่มีต้นไม้เรียงราย เธอเดินไปตามทางพร้อมกับความสนใจของตัวเองที่เพ่งไปที่ร้านค้าโดยรอบมากกว่าต้นไม้ ดมกลิ่นเพื่อพยายามค้นหาสิ่งที่ถูกต้องท่ามกลางกลิ่นอันน่าอร่อยที่ลอยฟุ้งอยู่โดยรอบ เธอเกือบที่จะมองข้ามอะไรบางอย่างที่ผ่านหางตาของเธอไป เพราะแบบนั้นเธอจึงหันกลับไปมองอีกครั้ง มันตั้งอยู่บนจุดที่สูงที่สุดของร้านยิงเป้า สิ่งที่ตั้งเยื้องไปทางขวาจากตรงกลางคือเกรียงพลาสติก
มันดูเหมือนกับอันที่เธอเคยใช้ในกระบะทรายตอนสมัยอนุบาล สี รูปทรง ทุกอย่างมันดูเหมือนกัน มันส่องสว่างออกมาจนดูเหมือนเป็นประกาย เธอไม่ได้มองผิดเพราะความมืดอย่างแน่นอน
ย้อนกลับไปในตอนที่เธอไปยังกระบะทรายพร้อมกับเกรียง ทุกๆวันมันเต็มไปด้วยความสนุก ไม่ได้มีคนที่เอาแต่โกรธเธอมากมายนัก เธอมีเพื่อนหลายคนที่ปฎิบัติกับเธออย่างเท่าเทียมกัน แม้ว่าเธอจะทำอะไรผิดพลาด เธอก็ถูกยกโทษให้พร้อมกับคำพูดที่ว่า “เธอทำอะไรได้บ้างเหรอ?” และก็ถูกชมจากการแค่ขุดหลุมขนาดใหญ่ได้ เธอยังรู้สึกว่าตราบใดที่เธอมีสิ่งนั้น เธอจะสามารถทำอะไรก็ได้
เธอยืนห่างจากร้านค้าเล็กน้อยและมองสำรวจจอบอย่างใกล้ชิด ยิ่งเธอมองมันมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้นึกถึงอันที่เคยมี น้องสาวของเธอเอาเกรียงไปเพื่อขุดหัวมัน และมันก็พังไปในตอนที่กำลังขุด ในวันนั้นทามะร้องไห้ตลอดทั้งวัน แต่เกรียงก็ไม่ได้กลับมาหาเธอ เธอคิดเช่นนั้น แต่ในตอนนี้มันอยู่ที่นี่แล้ว เธอจับเงินที่อยู่ในกระเป๋าเอาไว้ สิ่งนี้มีค่ามาก เธอไม่เคยชนะรางวัลจากการยิงเป้าหรือโยนห่วงมาก่อน แต่นั่นคือเรื่องก่อนหน้านี้ วันนี้มันคงไปได้ดีแน่ ไม่สิ วันนี้มันจะไปได้ดีแน่นอน
แม้ว่าจะเป็นแค่เกรียง มันก็ไม่ใช่ว่าช่วงเวลาที่สนุกสนานจะกลับมา ทามะเข้าใจเรื่องนี้ แต่ถ้ามองดูมัน เธอก็จะจำช่วงเวลาที่สนุกสนานได้ เธอรู้ว่าการจดจำช่วงเวลาที่ดีเป็นอะไรที่สนุกสนานมาก เหมือนกับเกมที่เธอกำลังเล่นอยู่ในตอนนี้ เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค มองไปที่แรร์ไอเท็มที่ตัวเองมีและการจดจำสิ่งต่างๆได้คือเรื่องที่ดีมากกว่าการเล่นเกมจริงๆซะอีก
เธอจับเงินพร้อมกับสายตาที่จับจ้องไปที่เกรียง เธอเตรียมตัวเองให้พร้อม แต่เมื่อกำลังจะก้าวไปข้างหน้าเธอก็ชนเข้ากับอะไรบางอย่างจนล้มลงไป เนื่องจากว่าเธอมองไปที่เกรียงตลอดเวลา เธอจึงไม่ได้เพ่งความสนใจไปยังสิ่งที่อยู่รอบตัว เธอเงยหน้าขึ้นเพื่อมองขึ้นมาพร้อมกับเอามือลูบก้นและเอามือมาจับไว้ที่เหนือจมูก มันมีเงาขนาดใหญ่มองลงมาที่ทามะ มีแสงส่องมาที่ดอกไม้ตรงแผ่นหลังของอีกฝ่าย ภาพที่เธอมองเห็นค่อยๆชัดเจนขึ้น จนมองเห็นภายของคนที่มองลงมาที่เธอ นั่นคือเด็กผู้ชายมัธยมปลายที่อายุมากกว่าเธอสองหรือไม่ก็สามปี จากก้อนวิปครีมที่อยู่ตรงหน้าอกและเครปที่ถูกบดภายในมือ เธอก็บอกได้ว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวกับอะไร
“เฮ้! แกจะเอายังไงกับเรื่องนี้เนี่ย?” เขาตะโกนใส่เธอ
และในตอนนี้ทามะก็ตระหนักได้ว่า —เธอเดินชนเขาจนวิปครีมจากเครปเปื้อนเต็มเสื้อ และถึงแม้เขาจะถามว่าเธอจะเอายังไงกับเรื่องนี้ มันก็ไม่มีอะไรที่เธอทำได้เลย เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำยังไงเช่นกัน ใบหน้าของเขาก็น่ากลัวด้วย เด็กผู้ชายในห้องของเธอก็น่ากลัว แต่เขานั้นดูน่ากลัวมากยิ่งกว่า แม้ว่าเขาจะอายุมากกว่าไม่เกินสามหรือสี่ปี เขาก็ดูเหมือนกับผู้ใหญ่ไปเรียบร้อยแล้ว
ดูเหมือนว่าเขาจะโกรธ คิ้วเลิกขึ้น ริมฝีปากเองก็ตึงจนเป็นเส้นตรง แต่ทามะก็ทำอะไรกับเรื่องนี้ไม่ได้เลย ไม่สามารถขอโทษหรือพูดข้ออ้างอะไรได้ เธอตื่นกลัว และเด็กผู้ชายมัธยมปลายกระชากต้นแขนของเธออย่างแรง จนมันรู้สึกเจ็บ
เขาทำให้เธอยืนขึ้นมา เธอรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังจะล้มลง ถ้าทามะเป็นเมจิคัลเกิร์ลจาก เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค แบบนั้นแน่นอนว่าเธอจะสามารถทำอะไรบางอย่างได้ แต่ทามะก็เป็นแค่ทามะ และแน่นอนว่าเธอไม่ใช่เมจิคัลเกิร์ล
“เฮ้ย ฟังอยู่รึเปล่า?”
อะไรบางอย่างปรากฏขึ้นตรงหน้าทามะ เสียงของเด็กผู้ชายมัธยมปลายกลายเป็นอยู่ห่างออกไป และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้น เธอก็เห็นคนที่ยืนอยู่ระหว่างเธอกับเด็กผู้ชายมัธยมปลาย ผมสีดำยาวสะท้อนเข้ากับแสงที่ส่องออกมาจากต้นซากุระ เด็กผู้ชายมัธยมปลายขู่ว่า “ไสหัวออกไปเลย! อย่างมายุ่งเรื่องของคนอื่น!” คนที่ปกป้องทามะนั้นปรากฏว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่อายุอยู่ในช่วงมัธยมปลาย —ความจริงแล้ว เด็กสาวคนนี้สวมชุดเครื่องแบบของโรงเรียนในท้องถิ่น ดังนั้นแน่นอนว่าเธอคือเด็กนักเรียนมัธยมปลาย แถมตัวของเธอก็สูงด้วย เตี้ยกว่าเด็กผู้ชายมัธยมปลายแค่เล็กน้อยเท่านั้น
เด็กสาวเดาะลิ้นออกมาเสียงดังและบีบแขนที่ยื่นเข้ามาหาตัวเองเอาไว้ เด็กผู้ชายมัธยมปลายส่งเสียงครางออกมาเล็กน้อย ทั้งสองคนยังคงจ้องมองกันและกันจนกระทั่งเด็กผู้ชายเหวี่ยงหมัดออกมา ขาของเด็กสาวก็ขยับจากมุมที่ทามะมองไม่เห็น ในตอนที่ทามะคิดว่า อ๊าา! เด็กผู้ชายมัธยมปลายก็ล้มลงเข้าไปที่แขนของเด็กสาวที่ชายกระโปรงสะบัดกลับลงมายังตำแหน่งเดิม
เด็กสาวแบกเด็กผู้ชายมัธยมปลายที่ดูหนักเอาไว้เหนือไหล่ราวกับว่าตัวของเขาไร้น้ำหนัก จากนั้นก็วางตัวเขาลงไปพิงกับต้นไม้แล้วก็เดินออกไปในทิศทางตรงกันข้าม ทามะขอบคุณเจ้าของร้านที่ถามเธอด้วยความกังวลว่าเป็นอะไรรึเปล่า จากนั้นก็ตามเด็กสาวมัธยมปลายพร้อมกับมองขึ้นไป เธอรู้สึกตื่นตากับความงามของซากุระที่ส่องสว่าง แต่เท้าของเธอก็ไปสะดุดกับสายไฟของร้าน ยากิโซบะ จนตัวของเธอล้มลงไปราวกับเป็นละคร
☆ คาโนะ ซาซานามิ
เธอไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปยุ่งเรื่องการทะเลาะกัน โดยทั่วไปแล้วคาโนะคิดว่าตัวเองเป็นคนใจเย็น เธอคิดว่าตัวเองไม่ยินดียินร้ายกับเรื่องต่างๆเช่นกัน แต่ตัวของเธอก็ไม่ได้แย่จนถึงขึ้นที่ดูถูกคนอื่นที่จริงจังกับเรื่องต่างๆอยู่ภายในใจ แต่เธอก็ไม่สามารถทำให้ตัวเองลงมือทำอะไรบางอย่างแบบจริงจังได้เช่นกัน
แต่กระนั้น บางครั้งมันก็ลอดออกมาจนกลายเป็นการกระทบกระทั่งกันทางกายภาพ เธอไม่สามารถทิ้งเด็กสาวเอาไว้คนเดียวได้
ในตอนที่เดินอยู่ คาโนะเดาะลิ้นอย่างเงียบๆ มีกลีบซากุระร่วงลงบนศีรษะ และเธอก็ปัดมันออกไปในทันที
นั่นเป็นวิธีการที่ผิดที่จะช่วยเด็กสาว เธอคิดว่าตัวเองได้ตัดสินใจเอาไว้แล้วว่าเมื่อเริ่มมัธยมปลายก็จะหลีกเลี่ยงการแก้ไขสิ่งต่างๆด้วยความรุนแรงมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่เธอก็จับแขนของอีกฝ่ายก่อนที่ตัวเองจะรู้ตัว และด้วยแรงจับของคาโนะแล้ว มันก็คือการใช้ความรุนแรง อีกอย่าง สิ่งที่น่ารังเกียจคือสิ่งที่เธอรู้ว่าตัวเองกำลังทำอยู่ สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น มันก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าความรุนแรง ไม่ว่าเธอจะมองมันจากมุมไหนก็ตาม ข้ออ้างที่ว่า “ตอนที่ชั้นเห็นหมัดถูกเหวี่ยงขึ้นมา ขามันก็ขยับไปเอง แล้วชั้นก็เตะเข้าไปที่กรามของอีกฝ่าย” จะเอาไปใช้ในศาลได้มากแค่ไหนกันนะ? เธอเองก็ไม่ได้อยากที่จะรู้ด้วย
เธอแทรกตัวผ่านฝูงชนโดยที่ไม่ได้มองไปยังซากุระหรือร้านค้า เดินออกไปอย่างอ่อนล้าตามความคิดที่มีอยู่ ทำไมเธอถึงมางานเทศกาลนี้กันนะ? การมายังสถานที่แบบนี้มันไม่มีอะไรสนุกเลยเมื่อเธอเหนื่อยล้าจากงานพาร์ทไทม์ เธอไม่ได้สนุกสนานกับมันพร้อมกับคนอื่นๆ การได้เห็นซากุระ เธอก็คิดว่ามันสวย แต่ก็ไม่ได้จำเป็นว่าเธอต้องมาดูด้วยตาตัวเอง —เธอสามารถเห็นอย่างเดียวกันได้บนทีวีหรือทางออนไลน์ เธอไม่ได้ชื่นชอบคนเยอะๆมาตั้งแต่แรกแล้ว
เธอได้ยินข่าวลือว่าขาของตัวเองนั่นแหละที่จะพาตัวเองมายังงานเทศกาลฤดูใบไม้ผลิของเมือง N แต่เรื่องไร้สาระนั่นมันนับเป็นเรื่องลึกลับไม่ได้ด้วยซ้ำ —มันเป็นแค่เทคนิคที่จะดึงดูดคนให้มาที่งาน แต่ด้วยเหตุผลที่ไม่ทราบได้ คาโนะก็มาที่งานเทศกาลจริงๆ แม้ว่าเร็วๆนี้เธอจะเล่น เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค อยู่บ่อยๆ แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ในวันนี้เธอก็ไม่สามารถทำให้ตัวเองเล่นมันได้ นี่มันเป็นเรื่องลึกลับรึไงนะ?
มีผู้หญิงในชุดกีฬาถูกลากด้วยคนสองคนที่ดูเหมือนว่าจะเป็นพ่อแม่เดินผ่านข้างตัวเธอไป เธอได้ยินเสียงร้องที่พูดออกมาว่า “แต่หนูเกลียดคนเยอะๆนี่” เหมือนว่าคาโนะจะไม่ใช่คนเดียวที่มาแม้ว่าจะไม่ชอบสถานที่ที่มีคนเยอะ แต่ด้วยการถูกลากมาที่นี่แล้ว มันก็เทียบกันไม่ได้เลย
อีกอย่าง ผู้หญิงคนนั้นยังมีพ่อแม่ แต่คาโนะไม่มีพ่อแม่ เธอไม่มีใครเลย
คาโนะเร่งรีบมากขึ้น เธอไม่ควรที่จะมาเลยจริงๆ มันไม่จำเป็นที่จะต้องช่วยเด็กสาวเมื่อครู่ด้วยเช่นกัน หากคาโนะไม่ได้ทำอะไร ชายเจ้าของร้านที่อยู่ใกล้ๆ —เจ้าของร้านยิงเป้าที่ดูใจดี— ก็จะเข้ามาช่วยเด็กสาวเอง คาโนะทำเกินไปและทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่จำเป็นขึ้น —หากจะเรียกตัวเองว่าเป็นคนใจเย็น เธอก็ไม่ควรจะทำอะไรพลาดมากไปกว่านี้อีกแล้ว
เธอไม่ควรที่จะมา มันไม่มีอะไรอย่างอื่นเลยนอกจากความรู้สึกด้านลบที่มีอยู่เต็มหัว ไม่ได้มีเรื่องอะไรดีๆที่เข้ามา เธอกำลังหนีห่างออกไป นี่ไม่ใช่อะไรที่เธอต้องการและไม่มีอะไรที่เธออยากจะทำ —เธอเงยหน้าขึ้นหลังจากที่เอาแต่มองลงไปที่พื้นเพียงอย่างเดียว ในตอนนี้เธอมองเห็นภาพของคนที่มีความสุข
นี่มันไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องการ ใช่แล้ว เธอจำได้ ที่ร้านยิงเป้าก่อนหน้านี้ เธอหยุดเดินเพราะมันมีอะไรบางอย่างที่เธอต้องการ คาโนะผ่อนจังหวะการเดินลงเล็กน้อยจนกระทั่งเดินด้วยความเร็วที่เท่ากันกับทุกๆคน
นี่เธอควรจะทำยังไงนะ? ควรจะกลับไปยังจุดที่ตัวเองอยู่ก่อนหน้านี้รึเปล่า? แม้ว่าจะไม่ได้สร้างความวุ่นวาย เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่ามันไม่ใช่ตัวเลือกที่ฉลาดนักที่จะกลับไปยังฉากแห่งความรุนแรงที่เธอก่อเอาไว้ แต่เธอก็อยากได้สิ่งที่ตัวเองเพิ่งเห็นมัน
คาโนะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะได้ข้อสรุป เธอวนรอบไปด้านหลังของแนวร้านค้า ซ่อนตัวด้านหลังต้นไม้ จากนั้นก็ถอดเสื้อปาร์ก้าของตัวเองออกเพื่อกลับด้านในออกมาด้านนอก เสื้อปาร์ก้านี้สามารถกลับด้านได้ —มันมีสองสีที่แตกต่างกัน เธอซ่อนเส้นผมและใบหน้าเอาไว้ด้วยการดึงฮู๊ดขึ้นมาด้านบนศีรษะ แบบนี้คงจะไม่เป็นอะไร ลบคำพูดที่บอกว่า อาชญากรกลับไปยังสถานที่เกิดเหตุ ออกไปจากหัวของตัวเอง คาโนะหมุนตัว 180 องศาและมุ่งหน้าไปยังร้านที่เธอเริ่มต่อสู้ก่อนหน้านี้
มันไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือฝูงชนที่มุงอยู่รอบๆ เด็กผู้ชายมัธยมปลายที่พิงอยู่กับต้นซากุระยังคงไม่ได้สติ ยังคงไม่รู้สึกตัว ดังนั้นคงจะใช้เวลาอีกพักหนึ่งก่อนที่จะตื่น เธอต้องทำเรื่องนี้ให้จบก่อนที่เขาจะตื่นขึ้นมา และจากนั้นเธอก็จะกลับบ้านจริงๆ
“ขอหนึ่งรอบ” เธอบอกเจ้าของร้าน
“รับทราบ”
ชายเจ้าของร้านยื่นปืนของเล่นกับกระสุนไม้ก๊อกมาให้ คาโนะใส่กระสุนไม้ก๊อกลงไปที่ลำกล้องและยกขึ้นมา เธอเล็งไปที่สิ่งของเพียงแค่ชิ้นเดียว รูปแบบทั้งแปดของเด็กสาวนินจามาจิกะ DVD บ็อกเซ็ตที่ตั้งอยู่ตรงกลางของชั้นวาง
มันคือเรื่องราวของนินจา ซึ่งแปลกสำหรับอนิเมของเด็กสาวที่ฉายตอนช่วงเช้าวันอาทิตย์ เรื่องราวอันแสนซุ่มซ่ามของมาจิกะในตอนที่ไปยังโรงเรียนนินจามันดังมากในหมู่ของเด็กสาวในเวลานั้น ย้อนกลับไปตอนนั้น นินจา นางฟ้า และแฟร์รี่ เคยเป็นสิ่งเดียวกันสำหรับคาโนะ เธอสนุกสนานกับ มาจิกะ และ เดซี่ ที่ฉายในช่วงไพร์มไทม์สำหรับเด็กสาววัยประถม
มันไม่เหมือนกับอนิเมสมัยนี้ที่จะจบลงในหนึ่งหรือสองคอร์ เด็กสาวนินจามาจิกะ ออกฉายทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบตอน DVD บ็อกเซ็ตมีเรื่องราวของทั้งซีรี่ย์อยู่ ขนาดของมันทั้งใหญ่และหนาจนแค่มองดูก็ทำให้รู้สึกกลัว
คาโนะมองไปที่บ็อกเซ็ต แต่ในจังหวะหนึ่งท่าทางของเธอก็ผ่อนคลาย ย้อนกลับไปในวันที่เธอดูมันพร้อมกับรอยยิ้ม เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองไม่เคยมองผู้คนหรืออะไรแบบนั้นเลย เธอจำเรื่องของพ่อได้แบบไม่ชัดเจน แต่เธอจำเรื่องการเลียนแบบมาจิกะด้วยคาตานะของเล่นได้ จากนั้นพ่อก็ทำท่าทางการตายที่สมจริงออกมาจนทำให้เธอรู้สึกผวาและวิ่งออกไป แม้เธอจะจำเรื่องของพ่อได้เพียงแค่ลางๆ ทุกเรื่องที่เธอจำได้ก็มีแต่เรื่องที่พิลึกทั้งนั้น
คาโนะปล่อยลมหายใจออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็เกร็งท่าทางของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง เธอไม่ได้มีเงินมากมายนักที่จะใช้จ่ายเพื่อจ่ายไปกับเรื่องที่ตัวเองชอบ เธอจำเป็นต้องใช้เงิน แต่ถ้าเธอควักเงินออกมาใช้มากกว่านี้ เธอก็จะแทบไม่มีเงินเหลือไว้ใช้กับงานอดิเรกเลย ถ้าเธอสามารถเอามันมาได้ เธอก็อยากที่จะได้มัน และถ้าเธอสามารถชนะการยิงเป้าได้ มันก็ไม่มีอะไรที่ทำให้เธอมีความสุขไปมากกว่านี้แล้ว เธอจะใช้ทั้งหมดที่ตัวเองมี
เธอเล็งเป้าเตรียมที่จะยิง แต่ฮู๊ดก็ขวางเอาไว้ ดังนั้นเธอจึงถอดเสื้อปาร์ก้าออกและพันเอาไว้รอบเอว ดึงผมไปไว้ด้านหลัง มาจิกะคือนินจาที่ใช้การไม่ได้ คนที่ทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้เลยนอกจากทำพลาดและยังขว้างชูริเค็นไม่เก่งด้วย เธอแตกต่างจากคาโนะ คนที่ไม่เคยทำพลาดและได้เกรดสูงในวิชาพละ เธออายุมากเกินไปที่จะสะท้อนตัวเองลงไปที่ตัวละครอนิเมแล้ว เธอเล็งเป้าอย่างใจเย็นแล้วก็ลั่นไก
ไม้ก๊อกสะท้อนออกมาพร้อมกับเสียง กึ๊ง นัดที่สองและสามเองก็สะท้อนออกมาในแบบเดียวกัน
คาโนะกำปืนแน่นและก้มหน้าลงไป มันไม่มีทางที่กระสุนไม้ก๊อกจะได้ผลกับของที่มีขนาดใหญ่แถมยังหนักอย่าง DVD บ็อกเซ็ตอยู่แล้ว ทำไมเธอถึงนึกไม่ได้ก่อนที่จะยิงกันนะ?
“อ่า แย่หน่อยนะ เอ้านี่ รางวัลปลอบใจ”
สี่ร้อยเยนกับลูกกวาด มันไม่คุ้มกันเลย เมื่อเธอถอนหายใจและหันไปรอบๆ สายตาของเธอก็สบเข้ากับเด็กผู้ชายมัธยมปลายในตอนที่พยายามจะลุกขึ้น ก่อนที่คาโนะจะพูดอะไร เขาก็ยืนขึ้นและมองมาที่เธอด้วยท่าทีหวาดกลัว จากนั้นก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว คาโนะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เธอแค่ดีใจว่ามันไม่ได้กลายเป็นปัญหา
เธอไม่ได้อะไรเลยและยังเสียอะไรบางอย่างไปด้วย เงินสี่ร้อยเยน เธอควรจะมองเรื่องนี้ในแง่ดีและดีใจว่านี่คือความเจ็บปวดที่แย่ที่สุดที่เธอได้พบเจอ เมื่อได้เวลาที่เธอต้องตรงกลับไปที่บ้าน ในตอนที่เธอกำลังก้าวขาออกเพื่อที่จะเตะอะไรบางอย่าง เธอก็หยุดขาเอาไว้อย่างรวดเร็ว
นั่นคือเด็กสาววัยมัธยมต้น สองมือของเธอกำลังวางอยู่ที่เข่า ไหล่เองก็สั่นเทา คาโนะคิดว่าเคยเห็นเด็กคนนี้ที่ไหนมาก่อน —จากนั้นก็นึกขึ้นได้ นี่คือเด็กสาวที่เธอเพิ่งจะช่วยเอาไว้นั่นเอง
“เอ่อ… ก่อนหน้านี้ขอบคุณมากเลยค่ะ! คุณนี่… เอ่อ ทะ-เท่สุดๆเลย” นั่นคือทั้งหมดที่เด็กสาวพูดออกมาก่อนที่จะวิ่งออกไป
คาโนะมองเด็กสาวที่ออกไปและจับแก้มของตัวเองโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ มันรู้สึกอุ่น แม้ว่าเธอจะไม่ได้วิ่งอยู่ก็ตาม
☆ นาโอโกะ ยามาโมโตะ
พักหนึ่งแล้วตั้งแต่ที่เธอออกมาเดินข้างนอกแบบนี้นานๆโดยที่ไม่ได้แปลงร่างเป็นคาลามิตี้ แมรี่ มันไม่ใช่ว่ารู้สึกสนุก ไม่ใช่รู้สึกเจ็บปวดหรือเศร้า แค่เธออยากทำให้ตัวเองเมามากยิ่งขึ้น มันเป็นเพียงเท่านั้น
สายตาของเธอสบเข้ากับร้านยิงเป้าที่มีของรางวัลที่ดูเก่าวางเรียงรายกัน ของรางวัลที่ดูสะดุดตาที่สุดมันค่อนข้างที่จะเก่าแล้ว —มันคืออะไรบางอย่างที่เด็กสมัยนี้ไม่มีวันดีใจที่จะได้มา มีเพียงแฟนระดับฮาร์ดคอร์เท่านั้นที่จะรู้สึกดีใจกับการได้เซ็ตแปลงร่างของเมจิคัลเกิร์ลอนิเมที่ออกฉายเมื่อหลายสิบปีก่อน เด็กสมัยนี้คงจะชอบ คิวตี้ฮีลเลอร์ หรือ เมจิคัลเดซี่ อะไรแบบนั้น
นาโอโกะเอียงกระป๋องและเทเบียร์เข้าไปในปาก ในตอนนี้เธอมีรายได้สูง เธอไม่จำเป็นต้องดื่มแอลกอฮอล์ราคาถูกที่ทำให้รู้สึกแย่อีกต่อไป นี่ไม่ใช่เบียร์ราคาถูก —เธอมีรายได้มากพอที่จะไปซื้อเบียร์นำเข้าราคาแพงมาดื่มได้โดยที่ไม่สะดุ้งสะเทือน เธอไร้ยางอายมากพอที่จะไม่สนใจสายตาของคนอื่น มีความสงบที่จะเพิกเฉยต่อร่างกายของตัวเองที่มีอะไรผิดปกติ
สายตาของเธอจับจ้องไปที่เช็ตแปลงร่างริคคาเบลที่ตั้งอยู่ท่ามกลางรางวัลมากมาย นาโอโกะเอียงกระป๋องอีกครั้ง แต่ทุกสิ่งที่ออกมาเป็นเพียงแค่หยด เธอบดกระป๋องอลูมิเนียมด้วยกำปั้นและโยนมันทิ้งลงไปในตระกร้าใส่ขยะ จากนั้นก็เปิดขวดวิสกี้ สุดท้ายแล้วมันก็เป็นแค่เบียร์ —เป็นแค่อะไรบางอย่างที่เอาไว้ดื่มระหว่างของแรงๆเพื่อทำให้เมาเร็วขึ้น เธอกลืนลงไปพร้อมกับมีของเหลวสีอำพันไหลออกมาจากมุมปาก สำหรับเธอแล้วมันไม่ได้มีรสชาติดีอีกต่อไป
อนิเมเมจิคัลเกิร์ล ริคคาเบล ที่ฉายในตอนที่นาโอโกะยังเป็นเด็กได้นำพาองค์ประกอบการทดลองต่างๆเข้ามาเพื่อสร้างความแตกต่างจากเมจิคัลเกิร์ลที่ถูกสร้างขึ้นก่อนหน้า แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้นาโอโกะชอบมากที่สุดก็คือบุคลิกของริคคาเบล
ในร่างมนุษย์ ริคคาเบลจะสวมกางเกงขาสั้น เสื้อเชิ้ตแขนยาว และเสื้อจั๊มเปอร์ —ซึ่งบอกได้ว่าเป็นเสื้อผ้าที่ดูธรรมดา ริคคาเบลชอบที่จะแสดงออก ร่างกายของเธอจะเคลื่อนไหวก่อนที่สมองจะสั่งการ บางทีผู้สร้างอยากจะมอบความประทับใจว่าเธอมีนิสัยเหมือนกับเด็กผู้ชายหรือดูเป็นนักกีฬา แต่สิ่งที่คนดูได้ก็คือเธอนั้น “หยาบกระด้าง” “ป่าเถื่อน” และ “รุนแรง” จนริคคาเบลกลายเป็นแพะสังเวยของพวกสมาคมผู้ปกครองมากกว่าหนึ่งหรือสองครั้ง
แต่นาโอโกะชอบเรื่องนั้น ริคคาเบลเอาตัวเองออกจากสถานการณ์ต่างๆด้วยการใช้ความรุนแรงโดยตรง —เป็นอะไรที่เมจิคัลเกิร์ลก่อนหน้านี้ที่สนใจในเรื่องดอกไม้ มิตรภาพ ความอ่อนโยน ความรัก และคำพูดที่ว่างเปล่านั้นขาดไป นาโอโกะที่เบื่อกับความเป็นจริงได้ถูกความชัดเจน ถูกวิธีการแก้ไขแบบปราศจากความเครียด ดึงดูดเข้าไปหา และเมื่อ ริคคาเบล ถูกสังคมกลั่นแกล้ง เธอก็เริ่มดูมันบนทีวีอย่างลับๆ หลบซ่อนจากพ่อแม่ของเธอ
ไม่กี่ปีที่ก่อนหน้านี้ เธอเอา DVD ริคคาเบล ให้ลูกสาวของตัวเองดู เพราะนั่นเป็นอนิเมสำหรับเด็กเพียงเรื่องเดียวที่เธอนึกออก ตั้งแต่ที่กลายเป็นเมจิคัลเกิร์ล นาโอโกะก็ได้เรียนรู้มากขึ้น แต่ในตอนนั้น นาโอโกะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของ สตาร์ควีน คิวตี้ฮีลเลอร์ หรือ เมจิคัลเดซี่ เลย การคิดว่าเด็กจะชอบอะไรที่มีความนิยมรึเปล่านั้นมันมีปัญหามากเกินไป ดังนั้นเธอจึงยื่น DVD ที่ยืมมาให้กับลูกของตัวเอง คิดว่าเป็นการช่วยให้ตัวเองไม่ต้องเจอกับปัญหาบางอย่าง และคิดว่าจะลงโทษเมื่อบ่นออกมา แต่ลูกสาวกลับโอเคกับมันจนน่าแปลกใจ ลูกสาวหักห้ามตัวเองไม่ให้ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นจากการผจญภัยของริคคาเบล แต่ก็ไม่สามารถปิดบังความตื่นเต้นของตัวเองเอาไว้ได้ นาโอโกะจำเรื่องพวกนั้นได้
ลูกสาวเริ่มไม่พูดตั้งแต่ที่ถูกทุบตีถ้าส่งเสียงดังเกินไป นาโอโกะไม่ได้คิดว่าเซ็ต DVD มันเต็มไปด้วยความทรงจำหรืออะไรแบบนั้น แต่เธอจำมันได้ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง —แม้ว่ามันไม่ได้รู้สึกสนุกและไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีก็ตาม
นาโอโกะเอียงขวดวิสกี้ เธอตั้งใจที่จะดื่มมันในตอนที่ชมดอกไม้ แต่เธอก็แทบไม่ได้มองไปที่ดอกไม้เลย ในตอนนี้ทุกอย่างที่เธอมองก็คือของรางวัลของจากการยิงเป้าและฉากในอดีต เธอจ้องมองไปที่เจ้าของร้านที่ไว้หนวดพร้อมกับเช็ดวิสกี้ที่ไหลออกมาจากปากด้วยนิ้วชี้ข้างขวา เขามีท่าทีที่ดูหวาดกลัว มีรอยยิ้มที่สุภาพอยู่บนใบหน้า บางทีการที่ผู้หญิงวัยกลางคนเอาแต่ดื่มตรงหน้าร้านไม่หยุดมันดูน่ากลัว นี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกใหม่ที่มีใครบางคนกลัวเธอ แม้ว่าเธอจะไม่ได้แปลงร่างเป็นคาลามิตี้ แมรี่ก็ตามที
“ยิงหน่อยสิ”
“ได้เลย สี่ร้อยเยนนะ”
เธอใส่กระสุนไม้ก๊อกเข้าไปที่ปืนและยกขึ้นมา ลำกล้องมันสั่นไหว มันแตกต่างจากตอนที่เธอเป็นคาลามิตี้ แมรี่
นาโอโกะมองไปที่แพ็กเกจเซ็ตแปลงร่าง เด็กสาวที่มีความสุขนั้นสวมชุดของริคคาเบลอยู่ มันคงต้องเป็นของเล่นที่เก่าแล้ว แต่ก็น่าประหลาดที่สียังไม่ซีดจนดูราวกับว่าเป็นของใหม่ แม้ว่าหน้าตาจะไม่ได้ดูเหมือนกัน นาโอโกะก็เห็นภาพของลูกสาวอยู่ที่นั่น ลำกล้องปืนที่ถืออยู่หยุดสั่นแล้ว เธอเล็งไปที่เป้าหมายอย่างประณีต เธอยิงนัดแรกออกไป มันโดนเข้าอย่างจังแต่ก็เด้งออก เธอยิงนัดที่สองออกไป นัดนี้เองก็เข้าเป้าแต่กระสุนก็เด้งออก กระสุนไม้ก๊อกนัดที่สามก็เด้งออกและร่วงลงไปที่พื้นเช่นเดียวกัน “อ่า แย่หน่อยนะ” เจ้าของร้านที่ไว้หนวดพูดออกมาพร้อมกับฝืนยิ้มในตอนที่รีบหยิบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขายื่นลูกกวาดที่เป็นรางวัลปลอบใจมาให้นาโอโกะ และมันก็เพียงเท่านั้น
สำหรับนาโอโกะแล้วนี่ไม่ใช่ข้อสรุปที่คาดไม่ถึง เธอใช้ชีวิตมาเกือบสี่สิบปี เธอรู้ดีว่าอย่างน้อยคนขายของภายในงานไม่ได้ทำธุรกิจอย่างซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา ร้านขายอาหารที่มีอาหารขยะเต็มไปด้วยสารกันบูดมากมายซึ่งมันแย่ต่อสุขภาพ ร้านขายสินค้าจับฉลากที่ไม่มีตั๋วที่ถูกรางวัล ไก่ย้อมสีที่ล้วนแต่ป่วย เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องปกติ นาโอโกะไม่ได้จะบ่นอะไรเอาตอนนี้ รางวัลใหญ่ที่ใช้ดึงดูดลูกค้าที่ร้านยิงเป้าไม่ขยับเขยื้อนเมื่อถูกกระสุนไม้ก๊อกยิง เธอเคยเห็นเรื่องแบบนี้มาก่อนหลายครั้งแล้ว
เธอควรยกชื่อของเท็ตสึวะ-ไคขึ้นมา ถ้าเธอเอาป้ายโลหะที่เป็นตราของยากูซ่าที่ขโมยมาด้วยความสนุกออกมาล่ะก็ เจ้าของร้านก็จะตัวสั่นด้วยความกลัวแน่ และจากนั้นก็จะยื่นข้อเสนอพิเศษให้เธอ เธอสามารถแปลงร่างเป็นคาลามิตี้ แมรี่ ทำลายเสาต้นหนึ่งของร้านด้วยการเตะเข้าไป แบบนั้นเจ้าของร้านก็จะวิ่งหนีออกไปพร้อมกับส่งเสียงร้องและทิ้งของรางวัลเอาไว้เบื้องหลัง หากเขายังขัดขืน เธอก็ควรจะต่อยหรือไม่ก็เตะเข้าใส่ ใช้อะไรก็ตามที่ทำได้เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการมา โดยปกติแล้ว เธอจะลงมืออย่างไม่ลังเล ไม่จำเป็นต้องพยายามจ่ายเงินเพื่อลองด้วยวิธีการที่ถูกต้องตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ —เธอจะเริ่มด้วยวิธีการรุนแรงหรือข่มขู่ในทันที
แต่วันนี้คือวันที่เธอไม่ได้รู้สึกอยากจะทำแบบนั้น นาโอโกะรับลูกกวาดมาและโยนใส่เข้าไปในปาก รสชาติมันหวานมาก เธอคิดถึงเรื่องเดียวกันเมื่อนานมาแล้ว ตอนที่อมลูกกวาดที่มีรสชาติแบบนี้ เธอยังจำได้ว่าเห็นลูกสาวของตัวเองที่ดูเหมือนจะสนุกสนานกับลูกกวาดมาก และยังรู้สึกประทับใจที่ลูกสาวอมของหวานที่ทุเรศแบบนั้นราวกับว่ารสชาติของมันอร่อย ไม่สิ —นี่ไม่ใช่การนึกถึงความทรงจำเก่าๆ แต่ความทรงจำมันโผล่ขึ้นมาภายในใจเองต่างหาก
นาโอโกะหันหลังให้กับร้านยิงเป้า เด็กบางคนอาจจะตื๊อพ่อแม่ตัวเองสำหรับเซ็ตแปลงร่างนั่น และไม่ว่าพวกนั้นจะยิงออกไปมากแค่ไหน มันก็ไม่สามารถทำให้เซ็ตแปลงร่างล้มลงได้ เด็กคนนั้นก็จะเหวี่ยงหมัดไปมาด้วยความที่ตัวเองอยากได้มาก พ่อแม่ในยุคนี้ใจดี ดังนั้นก็อาจจะเจรจากับเจ้าของร้าน “ฉันจะจ่ายให้แบบที่เหมาะสมเอง ดังนั้นคุณเอาเจ้านั่นให้พวกเราได้ไหม?” แล้วเจ้าของร้านก็จะยิ้มออกมาพร้อมด้วยคำว่า “ยอดเลย” และยอมรับข้อเสนอ เด็กจะรู้สึกดีใจอย่างบริสุทธิ์ที่ได้เซ็ตแปลงร่างไป ในขณะที่เจ้าของร้านที่ไม่ได้บริสุทธิ์ใจจะมองดูคนเหล่านั้นเดินออกไป เด็กกลับบ้านไปพร้อมรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า เมื่อเธอกลับไปที่บ้านแล้ว เธอก็จะแปลงร่างเป็นริคคาเบล ครอบครัวแสนสนุก ครอบครัวที่แสนมีความสุข —เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ นาโอโกะก็รู้สึกว่าตัวเองเมาแล้ว จากนั้นเธอก็ยกขวดขึ้นมาดื่มอีกครั้ง
☆ มาโคโตะ อันโด
“โอ้ ดูเหมือนว่าจะได้เงินมาเยอะเลยนี่คุณลุง ฉันได้ยินเสียงเหรียญร้อยเยนกระทบกันดังกริ๊งๆด้วยนะ”
“ก็มันเป็นงานใหญ่ที่มีปีละครั้ง ดังนั้นก็ต้องทำกำไรกันหน่อย และคราวนี้เองเธอก็ช่วยชั้นเอาไว้ มาโคโตะ…”
“ช่วยเหรอ?”
“ทุกคนอยากได้ไอ้นั่น —ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง ทุกช่วงอายุเลย ตอนที่เธอบอกว่ามันจะดูเหมือนอะไรก็ตามที่ลูกค้าอยากได้ ชั้นก็สงสัยนะ แต่เหมือนว่าจะเป็นเรื่องจริง”
“อ่า ใช่ นั่นแหละความยอดเยี่ยมของมันล่ะ”
“บางคนเห็นเป็นอาหาร บางคนเห็นเป็นตุ๊กตา… ส่วนตาแก่คนนี้เห็นเป็นแค่ปืนจำลองเอง”
“มันเป็นของแบบนั้นนั่นแหละน๊าาา”
“หืมม? ทำไมเมื่อกี๊เสียงของเธอฟังดูแปลกๆนะ?”
“อุ๊บ โทษที แค่กล้ามเนื้อกระตุกนิดหน่อย…”
“กล้ามเนื้อกระตุกอะไรล่ะนั่น?”
“จะยังไงก็เถอะ มาฉลองกันดีกว่า จ่ายค่าตั้งร้านเรียบร้อยแล้วใช่ไหมล่ะ?”
“เธอยังเด็กไปหน่อยนะที่จะพูดเรื่องอะไรแบบนั้น โดยพื้นฐานแล้วการจ่ายเงินมันก็คือการบริจาค”
“จะแบบไหนก็ช่างเถอะ เอาล่ะ ไปกันได้แล้ว”
“ให้ตายสิ เธอนี่รอไม่ได้เลยนะ… จะว่าไปแล้ว ของรางวัลที่เธอเห็นมันเป็นยังไงเรอะ มาโคโตะ?”
“นั่นน่ะความลับ”
มาโคโตะเอานิ้วมือมาแตะที่ริมฝีปากและยิ้มออกมาที่มุมปาก
MANGA DISCUSSION