ตอนที่ 24:
แสงสว่างท่ามกลางความโกลาหล
☆ รากิ สเว เน็นโต
ในตอนนี้ พวกเขากำลังเสียเปรียบ
แม้ว่าฟรานเชสก้าจะบาดเจ็บหนัก เธอก็มีพลังชีวิตของร่างเกิดใหม่ มันยังไม่เพียงพอที่จะจัดการเธอ มันยากที่จะพูดได้ว่าเมจิคัลเกิร์ลเหล่านั้นมีพลังที่เพียงพอ เวทมนตร์สนับสนุนจากรากิและโยลที่เพิ่มความแข็งแกร่งทางกายภาพให้พวกพ้องนั้นมันน้อยเกินไปที่จะจบการต่อสู้ได้ การต่อสู้และดิ้นรนยังคงดำเนินต่อ มิสมาร์เกอริตพยายามใช้แผนการบางอย่างแต่ก็ล้มเหลว ในขณะที่ฟรานเชสก้าทำสำเร็จ แม้ว่าการเติมพลังจะไม่สมบูรณ์ หากเป็นแบบนี้ พลังของพวกเธอก็จะค่อยๆลดน้อยถอยลงไป
ในตอนที่เรื่องนี้เกิดขึ้น จู่ๆภาพของสีน้ำตาลที่ผสมกับสีเขียวก็เข้ามาในสายตาของรากิ ต้นไม้บางต้นมันเกิดเหี่ยวเฉาขึ้นมา
ดูเหมือนว่าพวกแกะไม่ได้สนใจสีของผืนป่าในตอนที่กัดและทิ้งตัวเข้าหาศัตรู พาสเทล เมรี่ที่เป็นเจ้านายเองก็ยุ่งเกินกว่าจะมองไปที่การเปลี่ยนแปลงของต้นไม้ บางทีเธออาจจะไม่สังเกตด้วย 7753 ตะโกนบางอย่างออกมา และเนฟิเรียก็ยกการ์ดขึ้น แต่เธอก็หยุดการโจมตีไม่ได้เช่นกัน
ดูเหมือนว่าศีรษะของฟรานเชสก้ากำลังเคลื่อนไหวแบบไม่หยุด ราวกับว่ากำลังตรวจสอบรอบบริเวณเพื่ออะไรบางอย่าง นี่เธอคิดว่าสถานการณ์ผิดปกติแบบนี้คือสัญญาณของอะไรบางอย่างที่จะมารึเปล่า? หากเป็นแบบนั้น มันก็เหมือนว่าจะถูกต้อง แต่บางทีเธอก็ยังคงคาดเดาไม่ได้อย่างแม่นยำว่าอะไรจะเกิดขึ้น
เมจิคัลเกิร์ลนั้นอยู่ห่างจากรากิและโยลไปสิบก้าว ห้าก้าวจากแผ่นวงกลมโปร่งแสงที่ลอยอยู่ มันลอยอยู่ที่ความสูงระดับเอวของรากิและมีขนาดพอๆกับแขน รูปร่างมันเป็นวงรีเล็กน้อย และถ้ามันมีรูปร่างต่างไปจากนี้ไม่มาก มันก็จะดูเหมือนกับกระจกเต็มตัวไม่ก็ภาพแขวน แผ่นวงกลมนั้นอยู่ห่างออกไปจากรากิสิบก้าว เมจิคัลเกิร์ล แผ่นวงกลม และจอมเวทสองคนนั้นอยู่ในจุดสามจุดของตำแหน่งรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว
แผ่นวงกลมนั้นคือสนามพลังเวทมนตร์ มันกำลังแสดงให้เห็นรูปร่างอย่างชัดเจน ขนาดเองก็ใหญ่ขึ้นด้วย
คาถาดำเนินไปอย่างอัติโนมัติ และเมื่อเสร็จสิ้นเพียงไม่นาน มันก็ดูดเอาพลังเข้ามาในรวดเดียวจนต้นไม้แห้งเหี่ยว สนามพลังเปลี่ยนรูปร่างไป มันใหญ่ขึ้น ทึบขึ้น และหนาขึ้น รับทุกอย่างเข้าไป
มันเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันได้รับพลังมากขนาดนี้มาจากไหน ต้นไม้ที่เมื่อครู่ยังคงเป็นสีเขียวถูกแต่งแต้มด้วยสีน้ำตาล พลังนั้นถูกดูดขึ้นไปผ่านทางรากของต้นไม้ไปยังสนามพลัง พลังของจอมเวทและเมจิคัลเกิร์ลที่ถูกขโมยไปทั้งหมดในตอนนี้ถูกเอากลับมาด้วยกำลัง มันเป็นเรื่องที่ดีมากสำหรับในตอนนี้ที่พวกเขากำลังติดอยู่ในศึกของการผลักไปมากับอีกฝ่าย หากพวกเขาสามารถคงสถานการณ์เช่นนี้ไปได้นานกว่านี้ซักนิด รากิก็สามารถขยับไปสู่ขั้นที่สองได้
เขาจะเอาพลังเวทมนตร์ที่เดิมทีรวบรวมเอาไว้ในสนามพลังใช้ในการสร้างประตูแบบพื้นฐานขึ้นมาและส่งมันให้บินเข้าไปหาเพื่อกระแทกเข้ากับเทพธิดา แม้ว่าเธอจะคือสุดยอดเมจิคัลเกิร์ลขั้นสูงที่ซาตาบอร์นสร้างขึ้น มันก็ไม่มีวันที่จะทนได้
เขาสลับคาถา โยลจับความตั้งใจของรากิได้และร่ายตามมาด้วยคาถาของเธอ เวทมนตร์ของทั้งสองทับซ้อนกันเพื่อมุ่งหน้าไปสู่จุดหมาย ความยาวคลื่นประสานเข้าหากัน ตำแหน่งของพลังเน้นมาที่รากิ มันกำลังมา และเขาก็จะรับมันเอาไว้ สัมผัสทุกอย่างของเขาแหลมคมขึ้น ความเหนื่อยล้าถูกลบหายไป มือของเขาที่จับไม้เท้าเอาไว้ก็แน่นมากยิ่งขึ้น การไหลของเวลาเชื่องช้าลงเสมือนกับโคลน ทำให้การเคลื่อนไหวเร็วขึ้นตามไปด้วย ร่างกายของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
แม้ฟรานเชสก้าดูเหมือนว่าจะสับสนเล็กน้อย เหมือนกับสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ยังคงมีรอยยิ้มที่ในตอนนี้เขารู้สึกเหม็นเบื่อมันแล้ว มองลงมาที่แกะและเมจิคัลเกิร์ลด้วยสายตาที่ดูเหมือนว่าอ่อนโยนพร้อมกับกำหมัด
รากิเร่งความเร็วของการร่ายขึ้น โยลเองก็ตามมาในทันที
การสับเปลี่ยนคาถามันหมายถึงเมจิคัลเกิร์ลจะสูญเสียความแข็งแกร่งของตัวเองไป หนึ่งหรือสองคนจะถูกฟรานเชสก้าโจมตีก่อนที่แผนการจะเสร็จสิ้น แต่ในตอนที่พวกเธอโดนโจมตีนั้น คาถาที่เขาร่ายมันก็จะเสร็จสิ้น เขาจะใช้พลังจำนวนมหาศาลที่ดูดขึ้นมาจากต้นไม้ที่น่ารังเกียจพวกนั้นที่หยั่งรากไปทั่วเกาะและโจมตีเข้าไปในจุดเดียว มันเป็นอะไรที่เรียบง่าย รุนแรง แล้วก็ทรงพลัง เรื่องนี้มันไม่จำเป็นต้องร่ายคาถาเป็นเวลานาน มีพิธี หรือใช้อุปกรณ์เวทมนตร์ มีคนร่ายคาถาแค่สองคนก็เพียงพอแล้ว ความแข็งแกร่งทางร่างกายของรากิมีพลังเกื้อหนุน มันทำให้ระยะเวลาในการร่ายสั้นลงด้วย
ฟรานเชสก้าสะบัดแขนข้างหนึ่งในอากาศ มันมีเสียงแหลมสูงดังขึ้นและดวงตาของรากิก็เบิกกว้าง อะไรบางอย่างติดอยู่ในลำคอของเขา คาถาที่เขาร่ายอยู่ถูกขัดจังหวะ มีของเหลวไหลออกมาตามหนวด รากิจับคอของตัวเองเอาไว้ เสียงของเขามันไม่ออกมา ทุกอย่างที่ออกมาจากปากของเขาคือเสียงของฟองน้ำลายที่แตกตัว
ในตอนที่ตัวของเขาโซเซและเริ่มที่จะล้มลง โยลก็จับตัวเขาเอาไว้ เธอสลับคาถามาร่ายเวทมนตร์รักษา ถึงเขาอยากจะตะโกนว่า “ไม่ต้องรักษา! สลับเป็นโจมตีซะ” แต่ทุกสิ่งที่ออกมาจากปากของเขาก็คือของเหลวอุ่นๆ
รากิจ้องไปที่ฟรานเชสก้าในตอนที่ตัวเปื้อนไปด้วยเลือด เธอกำลังยิ้มอยู่ เขารู้สึกอ่อนแรงลง ไม้เท้าของเขาก็หักตรงกึ่งกลาง หลุดออกจากมือที่เหี่ยวย่นลงไปที่พื้น
มันคือก้อนหินหรือเศษของอาวุธบางอย่างรึเปล่านะ? เธอขว้างอะไรบางอย่างที่มีขนาดเล็กเข้ามาหาเขา รากิตอบสนองด้วยการยกไม้เท้าขึ้นมาเป็นโล่ ไม้เท้ามันจึงหัก แต่มันก็ไม่สามารถหยุดสิ่งที่เธอขว้างเข้ามาได้ และก็โดนเข้าไปที่ลำคอ หากเขาไม่ได้เชื่อมต่อกับสนามพลัง เขาก็ไม่สามารถตอบสนองได้ทันตั้งแต่แรก และคงถูกฆ่าตายไปแล้ว ศีรษะของเขาจะหลุดออกจากลำคอ เขารักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ได้ แต่มันก็ไม่เหมือนกับว่าเขาจะรอดไปได้เลย หากเป็นแบบนี้ คาถามันก็จะไม่เสร็จสิ้นเร็วพอ และไม่ใช่แค่นั้น เรื่องต่างๆเองก็จะเลวร้ายมากขึ้นด้วย
นี่เธอคิดเรื่องของเขามากแค่ไหนนะ? เทพธิดาไม่ได้มองมาที่เขาด้วยซ้ำ ราวกับเธอไม่ได้สนใจอีกต่อไปแล้ว เธอคิดว่าเขาไม่ใช่ส่วนหนึ่งของการต่อสู้ รอยยิ้มของฟรานเชสก้าเหมือนเป็นการเยาะเย้ยจอมเวทชรา
สนามพลังเกิดการกระเพื่อม ด้วยการที่สูญเสียผู้สร้างอย่างกระทันหัน มันจึงไม่สามารถรักษาความเสถียรเอาไว้ได้ การตั้งค่ายังคงทำงานอยู่ก็จริง แต่ตัวของมันนั้นอันตราย มันกักพลังเอาไว้มากเกินไป
แสงสว่างปกคลุมไปทั้งพื้นที่
มันเป็นเพียงการเปล่งพลังส่วนเกินออกมาเป็นแสง —วาล์วนิรภัยทำงานตามที่ควรจะเป็น ปรับค่าเอาท์พุตเพื่อควบคุมปริมาณ— แต่ในตอนนี้มันคือจังหวะที่เลวร้ายที่สุด รากิได้รับพลังมาจากสนามพลัง ดังนั้นสายตาของเขาจึงพร่ามัวแค่เล็กน้อย แต่ถ้าเป็นจอมเวทธรรมดาหรือเมจิคัลเกิร์ลที่โดนเข้าไป มันก็จะขัดขวางการมองเห็นในระยะสั้น สำหรับคนที่ไม่มีทักษะเวทมนตร์นั้น มันอาจถึงแก่ชีวิตได้
โทตะอยู่ด้านหลังรากิเป็นแนวทแยงห่างออกไปหนึ่งหรือสองก้าว ในตอนนี้ แค่การขยับศีรษะก็ทำให้รากิกระอักเลือดออกมา แม้เขายังคงยืนอยู่ได้ เลือดก็ยังคงไหลออกมาจากตัวเขา และเมื่อเวลามันผ่านไปเรื่อยๆ ภาพที่เขามองเห็นมันก็แคบลงและจางลง ดังนั้นเขาจึงรับรู้ได้ด้วยแค่เสียง แต่เขาไม่ได้ยินอะไรอย่างการล้ม เสียงกรีดร้อง หรือเสียงร้องไห้ โทตะยังคงยืนอยู่ มันดูเหมือนว่าในสถานการณ์แบบนี้ยังมีเรื่องดีที่รากิไม่ได้ทำให้เขาตาย
โยลไม่ได้หยุดการร่าย เธอแทบจะมองอะไรไม่เห็น แต่เธอก็ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป แต่ชีวิตของเมจิคัลเกิร์ลจะจบสิ้นก่อนที่การรักษาของเธอจะเสร็จ รากิพยายามตะโกนออกมาแต่เลือดมันก็ออกมามากกว่าก่อนหน้านี้ เขาชี้นิ้วที่สั่นเทาไปยังฟรานเชสก้า แต่มันก็มีอะไรมากไปกว่านั้น
ฟรานเชสก้าไม่ได้หยุดเคลื่อนไหว บางทีอาจจะเป็นเธอไม่ได้พึ่งพาประสาทสัมผัสทั้งห้ามากนัก เธอไม่สนแสงจ้าอันทรงพลังที่เกิดขึ้น
เมจิคัลเกิร์ลไม่สามารถมองเห็นได้ว่าฟรานเชสก้าเคลื่อนไหวยังไง พวกเธอรับการโจมตีเอาไว้จนไม่สามารถทำอะไรอย่างอื่นได้ รอยยิ้มของฟรานเชสก้ากว้างออกมามากยิ่งขึ้น เธอเหวี่ยงหมัดขึ้น เตรียมที่จะทุบลงมาเหมือนกับค้อนเข้าใส่ศีรษะของพาสเทล เมรี่ที่ไร้การป้องกัน
เสียงปรบมือดังขึ้นแบบเบาๆ ฟรานเชสก้ามองไปที่หมัดที่ถูกปัดออกไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังคงอยู่บนใบหน้า ต่อมาเธอก็เงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า เมจิคัลเกิร์ลนักเต้นที่บินอยู่บนฟ้าพร้อมกับมีดวงอาทิตย์อยู่ที่ด้านหลังกำลังเม้มริมฝีปากเพื่อเป่าลมออกมา และเสียงปรบมือมันก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง เส้นผมของฟรานเชสก้าขาดออกจนมีเลือดไหลพุ่งออกมา และกระสุนอัดอากาศนัดที่สามก็ยิงตรงเข้าไปที่อุปกรณ์ที่แทงอยู่ที่ตัว รอยยิ้มมันหายไปแล้ว และฟรานเชสก้าก็ยกแขนขึ้นมาเพื่อบังอุปกรณ์เอาไว้
ขนาดตัวของเท็ปเซเคเมย์นั้นใหญ่กว่าก่อนหน้านี้ ตัวของเธอมีสีเพิ่มมากขึ้นเล็กน้อย แม้กระทั่งท่าทางของเธอก็ดูสง่างามมากขึ้น
☆ มานา
มันมีแสงจ้าเกิดขึ้น แม้แสงสว่างจะอยู่ไกลออกไป มันก็ช่วยไม่ได้ที่มานาจะหรี่ตาและยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาบังแสงเอาไว้ แสงนั้นมันจ้ามาก มันทำให้เธอต้องหลับตาลงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็ค่อยๆลืมตาอย่างช้าๆ
ก่อนหน้าที่จะเกิดแสง ต้นไม้ที่อยู่ตรงนี้เกิดแห้งเหี่ยวจนเป็นสีน้ำตาล ทั้งการเหี่ยวแห้งและแสงจ้า เหตุการณ์ประหลาดที่เกิดแบบติดกันสองเรื่องนี้มันมีอะไรเชื่อมโยงกันรึเปล่า?
บางทีแสงนั้นอาจจะมาจากอาคารหลัก แน่นอนว่ามันมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น แต่ในตอนนี้มานาไม่รู้ว่ามันคืออะไร เมื่อคิดย้อนกลับไปถึงใบหน้าของเมจิคัลเกิร์ลทุกคนที่อยู่บนเกาะแห่งนี้ รวมถึงเทพธิดาที่เป็นฆาตกร เธอก็รู้ว่าไม่มีใครเลยที่มีเวทมนตร์ที่สามารถทำให้ต้นไม้ที่มีผลไม้สีเทาแห้งเหี่ยวไปได้ทั้งเกาะ จากนั้นก็สร้างแสงจ้าอย่างรุนแรงขึ้นมาที่อาคารหลัก
หากเมจิคัลเกิร์ลไม่ได้เป็นคนที่ทำเรื่องนี้ แบบนั้นมันก็คือสิ่งที่ติดตั้งอยู่บนเกาะหรือไม่ก็จอมเวท ทั้งสองอย่างมีโอกาสที่เป็นไปได้ แต่จากการที่ต้นไม้แห้งเหี่ยวไปนั้นมันดูไม่น่าจะใช่เรื่องที่เกิดจากสิ่งที่ติดตั้งเอาไว้บนเกาะ ดังนั้นมันมีโอกาส 60 หรือ 70 เปอร์เซ็นต์ที่จะเป็นจอมเวท บางทีคงจะเป็นรากิ
มานามองไปที่ใบหน้าของนาวี่อีกครั้ง ใบไม้ที่แห้งเหี่ยวมันทำให้ท่าทางที่ดูเสแสร้งลดลงไปเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงสวมหน้ากากของตัวเองเอาไว้ ด้วยเรื่องที่อธิบายไม่ได้เกิดขึ้นเรื่องแล้วเรื่องเล่า ในตอนนี้หน้ากากมันกำลังร่วงลงมาเหมือนกับเส้นผมที่ร่วงลงมาจากศีรษะของเขา เธอเริ่มที่จะมองเห็นได้ว่าเขากำลังมองหาอะไร
ในขณะที่ใบหน้าของเขาหันมาหามานา ตัวของเขามันกลับหันไปอีกทาง นิ้วเท้าชี้ไปทางอาคารหลัก มือขวากำลังจับข้อศอกซ้าย นิ้วกลางกำลังกระดิกไปมา สีแดงที่แก้มมันเข้มมากยิ่งขึ้น รอยย่นตรงตาขวาลึกกว่าทางด้านซ้าย
ทิศทางที่นิ้วเท้าชี้ไปหาบ่งบอกว่าเขามีความรู้สึกอันแรงกล้ากับอาคารหลัก รายละเอียดเรื่องท่าทางและการแสดงออกนั้นบอกใบ้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายใน ย้อนกลับไปในตอนที่นาวี่ใจเย็น เขานั้นสามารถซ่อนทั้งหมดนี้เอาไว้ได้
เขากำลังกระวนกระวาย เขากำลังกังวลเรื่องของอาคารหลัก เขานั้นคิดว่าตัวเองอยากจะไปที่นั่น เธอบอกไม่ได้ว่าเขาเป็นห่วงเรื่องของคลาริสซ่าหรือว่ามันมีอะไรบางอย่างที่กวนใจเขาอยู่รึเปล่า
หลังจากนั้นไม่นาน นาวี่ก็หันตัวของเขามาทางมานา แม้ว่าจิตใจกำลังว้าวุ่น เขาทำท่าทางที่ดูสงบเสงี่ยมออกมา “ชั้นคิดว่าตาตัวเองจะบอดแล้วเชียว แสงบ้านั่นมันอะไรกัน ใคร—?”
ก่อนที่นาวี่จะพูดจบประโยค มานาก็วิ่งออกไป เธอกลืนยาลงไปสองเม็ด ละลายมันอยู่ใต้ลิ้นในตอนที่ร่ายคาถาเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของขา เนื่องจากเธอไม่ได้ต้องการความแข็งแกร่งทางร่างก่ายในระดับเดียวกับเมจิคัลเกิร์ล เธอจึงไม่ได้ใช้หลอดยา เธอไม่อยากให้นาวี่จับตัวได้และก็ไม่ได้อยากทิ้งไว้ด้านหลังจนเขาตามมาไม่ทัน
“ไปที่อาคารหลัก! เร็วเข้า!” เธอบอกเขาโดยไม่ปล่อยให้เขาตอบกลับมา นาวี่พูดอะไรบางอย่างเพื่อพยายามหยุดเธอ แต่เธอก็ทำเหมือนว่าไม่ได้ยินมันและวิ่งออกไป
ก่อนหน้านี้ มานาคืดว่าการทิ้งนาวี่เอาไว้และวิ่งออกไปยังอาคารหลักเพียงคนเดียวมันคงเป็นไปไม่ได้ มันคงจะแย่มากหากไม่มีตาที่คอยจับจ้องเขาเอาไว้
แต่การเหี่ยวแห้งและแสงจ้าที่เกิดขึ้นมันทำให้หน้ากากของนาวี่แตกออก ท่าทางและการตอบสนองที่เกิดขึ้นมันมอบคำใบ้ให้กับเธอ เขาไม่ได้อยากทิ้งมานาไป มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่จะคิดว่ามันไม่ได้มาจากความปรารถนาธรรมดาๆอย่างการที่อยากจะปกป้อง —เขาอยากจับตามองเธอ มันไม่ใช่แค่มานา— นาวี่ยังกังวลเรื่องที่เธอจะทำด้วย
ดังนั้นเขาจึงไม่อยากให้เธอมุ่งหน้าไปยังอาคารหลักด้วยตัวเอง
การลงมือของเธอมันมีเหตุผลอีกประการหนึ่งและซึ่งคือเรื่องที่ใหญ่ที่สุดด้วย มันมีโอกาสสูงว่าที่นั่นคือสภาพแวดล้อมที่จอมเวทสามารถต่อสู้ได้ และบางทีจอมเวทอาจะกำลังต่อสู้อยู่ที่นั่นด้วย ต่อให้มานารีบไปที่นั่น มันไม่ใช่ว่าเธอจะถูกฆ่าทิ้งไปอย่างเปล่าประโยชน์ โอกาสในการเดิมพันมันไม่ได้แย่
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมมานาถึงวิ่ง เธอใช้ยาไปแล้ว ดังนั้นนาวี่ก็ไม่สามารถตามเธอมาได้ง่ายๆ
เธอวิ่งลงเนินไปพร้อมกับได้ยินเสียงฝีเท้าของนาวี่ที่ดังตามมา เธอภาวนาว่าให้ใครก็ตามที่อยู่ตรงอาคารหลักนั้นปลอดภัย
หากมีแค่รากิ แบบนั้นมันก็คงไม่มีเสียงของการทำลายล้างที่ดังอย่างต่อเนื่อง หากเทพธิดาอยู่ที่นั่นด้วย แบบนั้นเธอก็จะจัดการจอมเวทได้ด้วยการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว ซึ่งมันหมายถึง นอกจากจอมเวทแล้ว มันก็มีเมจิคัลเกิร์ลอยู่ด้วย มานาคิดว่าหากเมจิคัลเกิร์ลของเธอปลอดภัย แบบนั้นก็เป็นเรื่องดี และถ้าพวกเธอทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม แบบนั้นก็เป็นเรื่องที่ดียิ่งกว่า —แล้วเธอก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยในตอนที่คิดว่า เมจิคัลเกิร์ลของชั้น อย่างอัติโนมัติ
☆ เท็ปเซเคเมย์
ร่างกายของเท็ปเซเคเมย์กลายเป็นหมอกควันซีดจางในตอนที่ลอยไปรอบๆ อ่อนเปลี้ยเพลียแรงเหมือนกับคนตายที่ไต่ขึ้นใยแมงมุมและจะอยู่ได้อีกไม่นานเหมือนกับโทชิชุนที่ดิ้นรนกับภาพลวงตา เธอไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความเป็นจริงได้เลย ไม่สามารถมองเห็นหรือได้ยิน และถูกบังคับให้ได้แต่ต้องรอในการฟื้นพลังแม้จะเป็นเพียงแค่เล็กน้อย
แต่โอกาสมันก็มาถึง ก้อนเล็กๆที่ศัตรูพกเอาไว้มันกระจายออกไปทั่วทุกที่
เท็ปเซเคเมย์ถูกดึงดูดด้วยกลิ่นอันแสนน่าอร่อย ในร่างที่เสมือนกับผีที่มันบอกไม่ได้ว่าเธอยังคงอยู่บนโลกใบนี้อยู่รึเปล่านั้นได้รวบรวมกำลังและกระโจนเข้าไปหา เม็ดยานั้นกลิ้งเข้ามาหาเท็ปเซเคเมย์ มันโดนและหลอมละลายหายเข้าไปในตัว สารอาหารที่ดูดซึมเข้าไปกระจายยังทุกส่วนของร่างกายเหมือนกับผลไม้ที่ถูกยื่นมาให้เธอเมื่อเวลาที่หิว และในตอนนี้การคิดว่า งั้นเหรอ นี่คือข้าวต้มกับมันหวานนี่เอง มันก็สมเหตุสมผล
แม้ว่าเธอจะไม่ได้กลับไปเป็นปกติอย่างสมบูรณ์ เธอก็ได้พลังบางส่วนกลับคืนมา เธอบินอยู่ในอากาศได้อย่างไหลลื่น และเมื่อเวลาผ่านไปจนเธอสามารถก้มลงมองด้านล่างได้นั้น เธอก็สามารถเอาร่างเมจิคัลเกิร์ลกลับมาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว
ที่เบื้องล่าง มิตรและศัตรูกำลังต่อสู้กันอย่างอลม่าน การได้เห็นเมจิคัลเกิร์ลที่สวมแว่นกันลมอยู่นั้น เท็ปเซเคเมย์ก็ดีใจที่เธอกลับมาเป็นปกติได้ เมื่อเป็นเรื่องของคนอื่นแล้ว มันทำให้เธอรู้สึกมีความสุขยิ่งกว่าเรื่องของตัวเอง
เท็ปเซเคเมย์ยิงกระสุนอัดอากาศจากด้านบนเพื่อช่วยเหลือเพื่อนของเธอ มันเหมือนกับในตอนที่สู้กับพูคินที่ครั้งหนึ่งพลาดท่าให้กับเทคนิคพิเศษของเธอ ซึ่งคือการเอาอากาศเติมเข้าไปในแผลและระเบิดมันออก
เมจิคัลเกิร์ลนั้นฉลาด และเท็ปเซเคเมย์เองก็ฉลาดเช่นกัน เธอจะไม่ทำผิดพลาดแบบเดียวกันอีกแล้ว เธอจะยิงกระสุนอัดอากาศอย่างต่อเนื่องแบบไม่หยุดจากบนฟ้าซึ่งเล็งตรงไปที่บาดแผลของศัตรู
☆ เนฟิเรีย
อะไรบางอย่างระเบิดออก การสั่นสะเทือนที่มาถึงตัวของเธอมันไม่ใช่แค่ทางเสียง แต่มันยังผ่านทางผิวหนังด้วย อีกฝ่ายคือเทพธิดา เทพธิดาโดนอะไรบางอย่างเข้าไป จากนั้นก็เกิดการระเบิดขึ้นอีกครั้ง อะไรบางอย่างกระแทกเข้าไปหาเทพธิดาอย่างต่อเนื่อง เทพธิดาหมุนตัวไปรอบๆราวกับว่าไม่ชอบมัน
เทพธิดากำลังถูกโจมตี เนฟิเรียมองไม่เห็นก็จริง แต่เธอไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตัดสินจากเสียงและความรู้สึก ใครบางคนกำลังโจมตีใส่เทพธิดาและประสบความสำเร็จ
เธอเริ่มจะคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นและหันกลับไปในทันที ในตอนนี้เธอควรที่จะช่วยสนับสนุนโดยที่ไม่ต้องคิดเรื่องอะไรทั้งนั้น ความหวังเรื่องของมิสมาร์เกอริตนั้นล้มเหลวไปด้วยเหตุผลบางอย่าง แผนการใหญ่ที่จะจัดการเทพธิดาพังทลายลงไปเป็นชิ้นๆอย่างง่ายดาย แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้หมายถึงจะต้องยอมแพ้ เมื่อคิดถึงเรื่องทุกอย่างแล้ว เนฟิเรียต้องลงมือทำอะไรอย่างหนึ่งด้วยความพยายามอย่างมากที่สุด
ก่อนอื่น เธอต้องปล่อยเคียวของตัวเองไป มันยากที่จะใช้ในระยะใกล้แบบนี้ แต่ถ้าเธอพยายามถอยกลับไปเพื่อให้ใช้ได้แบบง่ายขึ้น ในคราวนี้เธอก็จะตายอย่างแน่นอน เธอจับคอเสื้อของเทพธิดาเอาไว้ด้วยมือที่ว่างอยู่และใช้แขนข้างที่ข้อมือหักไปแล้วฟันศอกใส่ศัตรู เธอฟันศอกใส่เข้าไปและรู้สึกชาเมื่อเด้งออก ก่อนที่จะพยายามโจมตีครั้งที่สอง เธอเอาหน้าผากกระแทกเข้าใส่ และมันก็เด้งออกเช่นกัน
เธอมีความรู้สึกว่าหากถูกโจมตีเอาในตอนนี้ เธอก็บาดเจ็บมากยิ่งขึ้น ศัตรูไม่ได้แข็งแกร่งขึ้น —แต่เนฟิเรียนั้นอ่อนแอลง อ่า จริงสิ เวทมนตร์ที่รากิร่ายมันคลายลงไปแล้ว ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยก็เลยหายไป
เรื่องนี้มันทำให้เธอตระหนักได้ว่า —การร่ายของรากินั้นหยุดลง และเหลือเพียงแค่โยลเท่านั้น
อะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับรากิ จากนั้นมันก็มีเสียงระเบิดเกิดขึ้นอีก มันดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ไม่ว่าแสงที่เกิดขึ้นมันจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือเป็นมนุษย์ที่ทำให้เกิดขึ้น ถ้ามันไม่ใช่แสงที่ไม่มีเวทมนตร์อยู่ แบบนั้นเมจิคัลเกิร์ลก็จะต้านทานเอาไว้ได้ บางทีการคิดว่าแสงจ้าที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นเวทมนตร์ก็คงไม่แปลก มันส่งผลกับเนฟิเรียมากจนทำให้เธอมองไม่เห็นไปอย่างสมบูรณ์
มันเกี่ยวข้องกับที่ต้นไม้บางต้นเหี่ยวแห้งไปก่อนที่จะเกิดแสงขึ้นรึเปล่านะ? แสงนั่นไม่ใช่สิ่งที่รากิทำให้เกิดขึ้นรึเปล่า? แล้วแบบนั้นรากิทำอะไรกันล่ะ?
เนฟิเรียเหวี่ยงศีรษะขึ้นแล้วก็เหวี่ยงลงมา เธอไม่ได้ใช้หน้าผากกระแทกเข้าไปแต่เป็นจมูก และไม่ได้ยั้งมือเอาไว้ด้วย เปลวเพลิงลุกโชนขึ้นในดวงตาจากความเจ็บปวดพร้อมกับจมูกที่มีเลือดทะลักออกมา น้ำตาเองก็ไหลออกมาด้วย น้ำตานั้นมันทำให้เธอกระพริบตาสองครั้ง สามครั้ง แต่สิ่งที่อยู่รอบข้างมันก็ยังคงมองเห็นได้อย่างพร่ามัว
เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโยลหรือรากิ มันไม่ชัดว่าใครกันที่เป็นคนโจมตีเข้ามาจากบนฟ้า แต่นั่นก็คงเป็นเท็ปเซเคเมย์ ภาพเงาที่ดูเหมือนจะเป็นแกะ พาสเทล เมรี่ และ 7753 ล้วนกำลังดิ้นรน และเทพธิดา —ก่อนที่เนฟิเรียจะมองเห็น เธอก็ตกใจเพราะเสียงที่เข้ามาที่หู
ไม่ใช่แค่เนฟิเรียเคยได้ยินมันมาก่อน แต่เธอยังร้องมันมาก่อนด้วยซ้ำ ความกลัวประเภทหนึ่งได้คว้านลึกลงไปในหัวใจของเธอ มันคือออริจินอลธีมซองของดรีมมี่☆เชลซี
เทพธิดากำลังร้องเพลง การร้องแม่นยำราวกับเครื่องจักร น้ำเสียงเองก็ดังออกมาอย่างชัดเจนราวกับว่าไม่ได้ถูกห้อมล้อมด้วยกลิ่นเหม็นของเลือดและอวัยวะภายใน มันคือการร้องเพลงอย่างเชี่ยวชาญ เนฟิเรียกำลังสับสน เธอไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้มันหมายความว่ายังไง ดรีมมี่☆เชลซีคงร้องเพลงออกมาในตอนที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย เทพธิดาคงได้ยินมัน แต่มันไม่มีเหตุผลสำหรับเทพธิดาที่จะมาร้องเอาในตอนนี้
เนื้อหนังของเทพธิดาเกิดความร้อนขึ้นราวกับว่าจะทำลายความคิดของเนฟิเรียทิ้งไป
ทำไมกัน?!
เนฟิเรียถูกโจมตีด้วยความสับสนมากยิ่งขึ้น นี่มันคล้ายกับการแข่งกีฬาประเภททีมที่แรงฮึดจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อส่งเสียงเชียร์? หรือว่าเทพธิดาใช้เพลงเหมือนกับการโห่ร้องเพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจงั้นเหรอ? หรือไม่ก็ —เทพธิดามีอารมณ์ที่ผูกพันกับเพลงๆนี้ในฐานะเมจิคัลเกิร์ล?
การฮัมเพลงโดยที่ไม่ได้ความรู้สึกที่ผูกพันหรืออะไรอย่างอื่นจะไม่ได้นำพาให้พลังของเมจิคัลเกิร์ลออกมา สำหรับเมจิคัลเกิร์ลที่มีกำลังใจเพิ่มจากการร้องเพลง เธอจะมีอารมณ์ความรู้สึกที่มากพอที่จะสร้างพลังขึ้นมา
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะคิดว่าเทพธิดามีความรู้สึกยังไง ดังนั้นเนฟิเรียจึงต้องจินตนาการถึงทุกเรื่องเอง —ทั้งเรื่องความนับถือ ความอิจฉา ความเป็นคู่แข่ง ความรู้สึกอะไรบางอย่างที่รุนแรงเกิดขึ้นในระหว่างตอนที่ทั้งสองคนต่อสู้กัน ซึ่งมันทำให้ธีมซองของเชลซีกลายเป็นสิ่งพิเศษสำหรับเทพธิดาไปด้วยเช่นเดียวกัน มันทำให้จิตวิญญาณเพิ่มสูงขึ้น —เนฟิเรียกัดฟันพร้อมกับแทงศอกลงไป และเอาหน้าผากกระแทกตาม
มันไม่มีทาง มันเป็นไปไม่ได้ แม้ว่ามันจะเป็นไปได้ เทพธิดาจะได้รับความแข็งแกร่งขนาดไหนจากเรื่องนั้นกันล่ะ? มันคือความเข้าใจผิดที่จะแก้ไขทุกอย่างด้วยความรู้สึก มันคือความคิดของแฟนเมจิคัลเกิร์ลในยุคก่อนที่จะตกหลุมรัก มันต้องใช้นิ้วมากกว่าสิบที่จะนับเมจิคัลเกิร์ลทุกคนที่ตายไปด้วยความเชื่อเช่นนั้น แม้มันจะหมายถึงการนับหนึ่งคนที่เนฟิเรียรู้จักด้วย
แม้ว่าเทพธิดาจะได้พลังกลับคืนมาเล็กน้อย มันก็ไม่ได้เป็นการฟื้นฟูบาดแผลอย่างเต็มที่ แกะนั้นส่งเสียงร้องออกมาราวกับว่าพยายามจะกลบเพลงของเชลซี เนฟิเรียใช้ศอกและหน้าผากกระแทกเข้าไปแบบซ้ำๆ ในตอนที่ภาพที่มองเห็นยังคงพร่ามัวนั้น เธอก็ยื่นมือเข้าไปหาอุปกรณ์
เทพธิดายกขาขึ้นแล้วกระแทกลงมา พื้นดินเกิดสั่นไหว ร่างกายของเนฟิเรียลอยขึ้นไปในอากาศ แต่เธอก็จับเทพธิดาเอาไว้เพื่อไม่ให้ลอยออกไป เธอได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่ตัดผ่านอากาศ สายลมมันกำลังพัด มันพัดตรงไปหาใบหน้าของเทพธิดา เธอสูดอากาศเข้าไปมากเท่าที่จะทำได้
เนฟิเรียนึกได้แล้วว่า ก่อนที่จะเกิดแสงจ้าขึ้น ตลับบรรจุยาของเทพธิดานั้นหล่นลงมาและยาที่อยู่ภายในมันก็กระจายออกไปทั่ว ด้วยพลังที่ฟื้นขึ้นมาจากเพลงแล้ว เทพธิดายังกระทืบลงไป ใช้แรงสั่นสะเทือนเพื่อทำให้ยาเม็ดเล็กๆลอยขึ้นจากพื้นแล้วก็ดูดพวกมันเข้าไปด้วยปอดที่มีความจุอันน่าสะพรึงกลัว แต่ในตอนที่เนฟิเรียรู้ว่าเทพธิดาได้ทำอะไรไป ร่างกายของเทพธิดาก็เต็มไปด้วยความร้อนจนทำให้เหงื่อของเธอไหลออกมาเพียงจากการแค่ได้สัมผัส
☆ พาสเทล เมรี่
เธอไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น มันมีแสงที่สว่างจ้าและเสียงที่เธอไม่เข้าใจเกิดขึ้น และด้วยเหตุผลบางอย่างเธอยังได้ยินธีมซองของดรีมมี่☆เชลซีด้วย ทุกอย่างมันห่างไกลจากความเข้าใจของเธอ —มันเหมือนกับว่าจะทำความเข้าใจในเรื่องที่รู้ได้ยังไงกันล่ะ?
แต่เมรี่ก็ต้องทำอะไรบางอย่าง แม้ว่าสิ่งที่เธอทำได้ในตอนนี้มันจะมีจำกัด เธอใช้แขนทั้งสองข้างจับรอบเอวของเทพธิดาเอาไว้ และประสานหลังมือเข้าด้วยกัน ทำเป็นรูปหัวใจขึ้นมา เธอเลียนแบบเมจิคัลเกิร์ลที่แข็งแกร่งที่สุดที่เธอรู้จัก
เธอไม่รู้ว่าผลที่เกิดมันจะมากแค่ไหน บางทีการทำอะไรแบบนี้มันอาจไม่มีความหมายกับใครนอกจากเชลซี แต่กระนั้น ถึงมันจะเป็นแค่ความรู้สึก หากพาสเทล เมรี่สามารถทำอะไรอย่างที่ดรีมมี่☆เชลซีทำ แบบนั้นมันแน่นอนว่าเธอจะมีพลังมากกว่าปกติเช่นกัน เธอเชื่อในเรื่องนี้
อุณหภูมิร่างกายของเทพธิดาเพิ่มสูงขึ้น และพลังที่ผลักเข้ามาที่เมรี่ก็มากขึ้นและมากขึ้น แต่เมรี่จะยอมแพ้ไม่ได้ เธอร้องเพลงของดรีมมี่☆เชลซีออกมาเสียงดังอย่างไม่ได้จังหวะตามใครบางคนกำลังร้องอยู่ ด้วยเสียงที่เธอบอกไม่ได้ว่ามันไพเราะและไม่ได้รู้แม้กระทั่งเนื้อเพลง
☆ โทตะ มากาโอกะ
ตัวของเขาที่หันออกไปด้านหน้า ทั้งใบหน้า ลำคอ แขน ล้วนแต่เหมือนกับถูกทิ่มแทง ดวงตาของเขารู้สึกเจ็บมากที่สุด มันไม่ได้โดนแทงก็จริง —แต่รู้สึกว่าเปียกชื้น บางทีของเหลวอุ่นๆที่ไหนลงมาจากตาจนถึงคางอาจจะไม่ใช่น้ำตา
แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นอะไร แม้ว่าจะรู้สึกเจ็บจนแทบจะทนไม่ได้ ขาของโทตะก็ไม่ได้หยุด ภายในหัวนั้น เขานึกภาพย้อนของฉากที่ตัวเองมองเห็นไม่ได้อีกแล้ว ห่างออกไปราวสิบเมตร ทุกคนกำลังติดอยู่ในสถานที่ที่ต้องผลักดันกันไปมา มันไม่มีอะไรเลยนอกจากต้องเชื่อว่าสถานการณ์ยังคงเหมือนเดิมและไปต่อ ในตอนที่ระวังไม่ให้สะดุดล้มเพราะหินหรือหลุมนั้น เขาก็ยังคงเดินไปข้างหน้าในจังหวะเดิม ไถลเท้าออกไปเล็กน้อย
หากแค่รู้สึกเจ็บ มันก็ไม่แย่เท่ากับมิสมาร์เกอริตที่ต้องรู้สึกทรมาณ แม้ว่าจะบาดเจ็บ เธอก็ต้องทำในสิ่งที่ตัวเองต้องทำ เธอต้องสู้ในขณะที่ตัวเองเต็มไปด้วยบาดแผล หากเด็กธรรมดาร้องไห้ออกมาก็คงจะถูกยกโทษให้ “มันเจ็บ ไม่ไหวหรอก” “เขาเป็นแค่เด็กเอง จะไปทำอะไรได้ล่ะ?” ผู้คนคงจะพูดเช่นนั้น แต่มิสมาร์เกอริตจะไม่ร้องไห้ และโทตะที่เป็นลูกศิษย์ของมิสมาร์เกอริตเองก็เช่นกัน ในตอนประถมสอง ตอนที่เขากระโดดออกจากโครงเหล็กในสนามเด็กเล่นจนไหล่หลุดมันยังเจ็บมากกว่าตอนนี้ หากมันไม่เจ็บเท่าในตอนนั้น เขาก็สามารถทนมันได้
เขาตัดสินใจว่าจะหลีกเลี่ยงการคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นและทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การคิดมันไม่ได้ให้คำตอบใดๆกับเขาและมันก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ดังนั้นเขาควรที่จะคิดว่าตัวเองควรที่จะคิดเรื่องอะไร และเรื่องที่ควรทำมันคืออะไร โทตะไม่ได้มีอะไรเลย เขาเป็นแค่เด็กคนหนึ่งเพียงเท่านั้น และมันคงดีสำหรับเขาหากมีเรื่องอะไรที่เขาสามารถทำได้เช่นกัน
นอกจากความเจ็บปวดแล้ว การที่ไม่สามารถมองเห็นได้มันทำให้การแค่เดินไปรอบๆนั้นยากมาก เขารู้สึกว่าตัวเองจะเสียสมดุลไปแม้แต่กับเรื่องเล็กๆ และมันไม่ใช่แค่นั้น —บางครั้งแม้ว่าจะไม่มีอะไร เขาก็เกือบที่จะเสียสมดุลไป เขาได้ยินเสียงของอะไรบางอย่างระเบิด แผ่นดินสั่นไหว และเพลงอะไรบางอย่าง แม้กระทั่งเรื่องเช่นนี้ก็ยังทำให้ตัวของเขาโซเซ เท้าของเขาไม่เคยหยุด เขายังคงเดินหน้าต่อไป
คาถาของรากิหยุดลงตรงจุดใดจุดหนึ่ง และเหลือแค่โยลเท่านั้น โทตะกังวลเรื่องรากิ แต่อย่างน้อยที่สุด โยลก็มีพลังมากที่จะร่ายคาถา นั่นคือเรื่องดี
และเขายังได้ยินเมจิคัลเกิร์ลสองคนร้องเพลง เขาไม่ได้คิดว่าทำไมพวกเธอถึงร้องเพลง —เขาแค่ได้ยินเสียงและมุ่งหน้าไปทางนั้น มันก็เพียงเท่านั้น
โทตะไม่ได้หยุดคิด การคิดคือเรื่องที่สำคัญมาก หากเขาหยุดคิดล่ะก็ ขาของเขาจะร่วงลงไปกับพื้นจากความเจ็บปวดและความกลัวแน่นอน และเขาก็ต้องรู้ว่ามิสมาร์เกอริตล้มเหลวได้ยังไง ไม่งั้นเขาอาจจะทำผิดพลาดแบบเดียวกันได้ เขาไม่ได้อยากให้เรื่องแบบนั้นมันเกิดขึ้น
เขาเริ่มคิดออกอย่างคร่าวๆว่ามิสมาร์เกอริตพยายามที่จะทำอะไร
แม้ว่าเนฟิเรียจะมีผลไม้สีเทา มิสมาร์เกอริตก็ไปกับเธอโดยที่ไม่ได้แปลงร่าง
เทพธิดาเองก็ตอบสนองแตกต่างออกไปเช่นกัน แม้ว่าการหักข้อมือเนฟิเรียและพยายามฆ่าเธอมันจะทำได้ง่ายๆ แต่เมื่อเทพธิดาจับข้อมือของมิสมาร์เกอริต เทพธิดากลับเหวี่ยงออกไป มันดูเหมือนว่าเทพธิดาพยายามเอาสิ่งที่ตัวเองไม่เข้าใจออกไปจากตัว
ในตอนนี้สภาพของเทพธิดานั้นย่ำแย่จริงๆ ดาบของมิสมาร์เกอริตและหลายสิ่งหลายอย่างถูกเสียบเข้าไป โทตะคิดว่าการต่อสู้มันคงต้องรุนแรงเอามากๆ แคลนเทล คนที่ยังไม่ได้กลับมา ได้ต้อนเทพธิดาให้จนมุมพร้อมกับมิสมาร์เกอริต พวกเธอก็ไม่ได้ชนะ แต่โทตะคิดว่ามันแปลก มิสมาร์เกอริตสภาพย่ำแย่ยิ่งกว่าเทพธิดา และเธอยังกลับไปอยู่ในร่างของมนุษย์ด้วย แต่เธอก็ไม่ได้ถูกฆ่าตายและตามเทพธิดามา ทำไมเธอที่อยู่ในร่างมนุษย์ถึงไม่ถูกฆ่ากันล่ะ?
ใช่แล้ว กุญแจมันก็คือมิสมาร์เกอริต มิสมาร์เกอริตที่โทตะรู้จักจะไม่พุ่งเข้าหาศัตรูด้วยความสิ้นหวังทั้งที่รู้ว่าตัวเองต้องตาย เธอเผชิญหน้ากับเทพธิดาในฐานะมนุษย์เพราะเธอมีแผนการบางอย่างอยู่
ด้วยการที่มีข้อมุลทุกอย่างอยู่ในหัว สมองของเขาก็ทำงานอย่างหนักจนแทบจะไหม้ในตอนที่เขาบังคับให้คำตอบนั้นมันออกมา
บางทีเมจิคัลเกิร์ลเทพธิดาอาจจะรับรู้ถึงตัวตนของมนุษย์ไม่ได้ —หากจะพูดให้ถูกกว่านั้นก็คือมนุษย์ที่เสียพลังเวททั้งหมดไป แต่ 7753 ยืนยันว่าโทตะไม่ได้มีพลังเวทมาตั้งแต่แรก โทตะก็ควรจะทำในสิ่งที่มิสมาร์เกอริตพยายามทำได้
แต่อีกส่วนหนึ่งภายในตัวของเขาก็กำลังพยายามที่จะหยุดเอาไว้
นี่มันไม่ใช่เวลาที่จะทดสอบว่าความคิดของเขานั้นถูกต้องรึเปล่า หากเขาทำพลาด แบบนั้นเขาก็จะตายไปโดยเปล่าประโยชน์ และต่อให้ความคิดของเขามันถูกต้อง เขาก็มองไม่เห็นอะไรเลย ดังนั้นมันมีโอกาสสูงที่จะล้มเหลว เรื่องนี้มันแตกต่างจากการที่เขาแค่หลับตาอย่างสิ้นเชิง เขาไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพียงแค่เดินเขาก็ต้องใช้สมาธิอย่างมากและมันก็สามารถล้มตัวลงไปได้ง่ายๆตลอดเวลา แม้ว่าเขาจะไปถึงจุดหมายของตัวเองได้ หลังจากนั้นมันก็คือส่วนที่ยาก เนื่องจากว่าเขามองไม่เห็น เขาจึงไม่มีตัวเลือกนอกจากต้องพึ่งพาคนอื่น การเชื่อใจใครซักคนที่อยู่ที่นั่นมันก็จะมีคนที่คอยบอกทางให้เขาเพื่อไม่ให้ออกห่างไปจากศัตรู
นอกจากเรื่องนั้นแล้ว โทตะยังคิดเหตุผลที่มิสมาร์เกอริตล้มเหลวไม่ออก แม้ว่าขาจะขยับไปด้านหน้า เสียงเองก็เข้ามาใกล้ กลิ่นของเลือดและแกะมันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขาก็ยังคงคิดไม่ออกว่าเธอล้มเหลวด้วยเหตุผลอะไร หากเป็นแบบนี้ เขาก็อาจจะพบชะตากรรมเดียวกันกับเธอ หรือบางทีอาจจะเจออะไรที่แย่ยิ่งกว่า แต่มันก็ยังคงดีกว่าการหยุดอยู่เฉยๆ หากเขาหยุด แบบนั้นมันก็แน่นอนว่าเขาจะไม่สามารถขยับได้อีกเลย
มันเจ็บปวดมากที่ดวงตามองไม่เห็น แต่บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องดี เขาอดไม่ได้ที่จะคิดว่าถ้าเขาสามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขาก็คงจะกลัวเกินกว่าที่จะเดินต่อ แต่บางทีการเดินไปทั้งๆที่มองไม่เห็นอาจจะบ้ายิ่งกว่า เขาคิดว่าตัวเองอาจจะเสียสติไปแล้ว แต่เมื่อเปลี่ยนวิธีการที่คิด —เขาก็คิดว่าหากมันจริงก็ไม่เป็นอะไร
เขากัด ทุบ บด กลืนความกลัวในหัวใจไป ทำใบหน้าที่กล้าหาญในตอนที่สามารถก้าวออกไปหนึ่งก้าวตามทิศทางของเสียง
☆ มิสมาร์เกอริต
ตั้งแต่ตอนที่เป็นเด็ก มิสมาร์เกอริตมีโอกาสมากมายที่จะให้คำแนะนำผู้อื่น หลายปีมากที่อาจารย์โฮมรูมพูดว่า “พอมอบหมายให้โรคุโกทำแล้ว ฉันนี่รู้สึกสบายใจจัง” เพื่อนร่วมห้องทั้งหมดเองก็บอกว่า “คาโอรุโกะนี่เชื่อถือได้สุดๆเลย” เธอก็ตกที่นั่งลำบากเพราะเรื่องของคนอื่นมากกว่าเรื่องอะไรบางอย่างที่ตัวเองทำลงไป และมันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปหลังจากที่เธอกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ล แม้จะไม่มีแอนนามารีในท้ายที่สุด—
สติของเธอกำลังหายไป แต่ในตอนนี้มันกลับมาอีกครั้ง เธอลืมตาและสำรวจสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัว
เสียงของอะไรบางอย่างที่ระเบิดออกคือกระสุนอัดอากาศของเท็ปเซเคเมย์ เสียงร้องเพลงคือ —เทพธิดา แล้วก็พาสเทล เมรี่ด้วยงั้นเหรอ? นี่พวกเธอพยายามสร้างความสับสน หรือว่ามีเหตุผลอื่นกันนะ?
เมื่อเธอเห็นโทตะกำลังมุ่งหน้าเข้าไปหาเทพธิดา เธอจะแทบจะเสียสติของตัวเองไป เธอจำเรื่องการเดินทางระหว่างความฝันและความเป็นจริงและโดนแสงจ้ากระแทกเข้าใส่ได้ บางทีเธออาจจะโชคดีที่ตัวเองหลับตาก่อนที่แสงจะเกิดขึ้น ด้วยเหตุผลนั้น ดวงตาของเธอจึงไม่ถูกเผาไปโดยตรง
และไม่นาน ภาพทุกอย่างที่เธอมองเห็นได้ก็กลับมาอย่างชัดเจน พาสเทล เมรี่เอาแขนโอบรอบเอวของเทพธิดาเอาไว้แน่น 7753 เองก็กำลังจับตัวเทพธิดาเอาไว้เช่นกัน แม้ว่าจำนวนจะลดลงแต่พวกแกะเองก็กำลังพยายามอย่างที่สุด เนฟิเรียกำลังโจมตีเข้าไปที่เทพธิดาด้วยท่าทางที่สิ้นหวัง รากิกำลังกดเลือดที่ไหลออกมาจากลำคอ โยลกำลังช่วยรากิและร่ายคาถา เท็ปเซเคเมย์กำลังยิงกระสุนที่มองไม่เห็นจากบนฟ้าเข้าไปอย่างต่อเนื่อง และเมจิคัลเกิร์ลเทพธิดาก็ยังคงไม่ล้มลงไป แม้ว่าตัวจะเต็มไปด้วยบาดแผล
และจากนั้นก็คือโทตะ คนที่มิสมาร์เกอริตมองดูก่อนที่จะหลับตาลง การมองเห็นของเขายังคงไม่กลับคืนมา เลือดกำลังไหลออกมาจากเปลือกตาที่ปิดอยู่ แม้ว่าตัวของเขาจะโอนเอน มันก็เห็นได้ชัดว่ากำลังเดินไปข้างหน้า เข้าไปใกล้กับเมจิคัลเกิร์ล
มิสมาร์เกอริตตกใจและเป็นกังวล และยังรู้สึกช็อคในเวลาเดียวกัน เขามีความกล้าที่น่าเหลือเชื่อมาก มันน่าเสียดายที่เขาเป็นแค่เด็ก ด้วยนิสัยเช่นนั้นแล้ว หากมิสมาร์เกอริตคอยอยู่ช่วย เธอก็อยากที่จะดึงเขาเข้ามาร่วมกับหน่วยสืบสวน เธอพยายามที่จะหายใจออกแต่ก็สำลักเลือดอุ่นๆ
เธอเริ่มนับบาดแผลทั้งหมดที่อยู่บนตัวแล้วก็ยอมแพ้ไปอย่างรวดเร็ว —จากนั้นก็พยายามเคลื่อนไหว
แล้วเธอจะทำอะไรได้ล่ะ? โทตะกำลังเดินอยู่ มันไม่มีเวลาพอที่จะบอกเขาเรื่องสัมผัสของเทพธิดา —นี่อะไรบางอย่างทำให้เขาคิดออกงั้นเหรอ? เมจิคัลเกิร์ลทุกคนนอกจากเท็ปเซเคเมย์ยังคงมองไม่เห็น ไม่สิ —เทพธิดาต่างหากที่เป็นคนเดียวที่ฟื้นตัว เทพธิดากำลังมองไปที่เท็ปเซเคเมย์และคงกำลังคิดว่าจะขึ้นไปหาบนฟ้าได้ยังไง หรือว่าควรจะกำจัดคนอื่นที่ขวางทางอยู่ก่อนดี
แม้มิสมาร์เกอริตจะมองดูเทพธิดาจากด้านหลัง แต่มันก็ดูเหมือนว่าเทพธิดาได้พลังฟื้นคืนมาเล็กน้อยรึเปล่า? อะไรที่มันทำให้เกิดเรื่องแบบนั้นกันนะ? เรื่องนี้มันมากเกินไปกว่าการได้พลังมาเพราะร้องเพลง มันมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น เธอเอาสิ่งที่ดูเหมือนเม็ดยาออกมาและพยายามที่จะกลืนเข้าไป บางทีคงจะเป็นยาแต่ว่าก็ล้มเหลว มันดูไม่เหมือนว่าเทพธิดาได้พลังมาเพราะเรื่องนั้น
มิสมาร์เกอริตกระอักเลือดและถอนหายใจออกมา
ไม่ มันไม่ใช่ เม็ดยาที่กระจายอยู่บนพื้นมันมีจำนวนลดลง เธอแน่ใจว่าก่อนหน้านี้บนหญ้าและดินมันมีจำนวนเยอะกว่านี้ ในตอนนี้มันแทบจะไม่มีเหลืออยู่แล้ว
นี่เทพธิดาได้ยาไปด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่งรึเปล่า? หากเป็นแบบนั้น พวกเธอก็ไม่มีเวลาเหลือแล้ว สายตาของมิสมาร์เกอริตที่มองไปตามพื้นหยุดลงที่จุดจุดหนึ่ง ยาเม็ดเล็กๆที่หล่นอยู่ห่างออกไปสองถึงสามช่วงตัว เธอไม่สามารถไปไกลได้ถึงขนาดนั้น แต่มันก็วางอยู่ที่นั่น
โทตะเข้าไปหาเทพธิดา แต่นิ้วของเขาไม่ได้อยู่ในจุดที่ถูกต้องที่จะไปถึงเป้าหมาย
หากเหตุผลที่มิสมาร์เกอริตล้มเหลวคือความสนใจของคนอื่นที่เพ่งมายังเธอ มันเลยทำให้เทพธิดาอนุมานถึงการมีอยู่ของตัวตนนักฆ่าที่มองไม่เห็นได้ แบบนั้นในตอนนี้ ในตอนที่ทุกคนกำลังมองไม่เห็น มันคือโอกาสของพวกเธอแล้ว โทตะอาจจะเติมเต็มเป้าหมายของตัวเองได้โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้ แต่ถ้าหากเป็นแบบนี้ เขาก็ไม่สามารถจับด้ามของดาบได้ นี่เขาเข้าใจเรื่องอาวุธที่ควรจะใช้อย่างถูกต้องตั้งแต่แรกเริ่มรึเปล่า? เรเปียของมิสมาร์เกอริตหรืออุปกรณ์นั้นไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี มันต้องเป็นดาบที่มีรูปร่างประหลาดเหมือนกับมีดหั่นเนย มิเช่นนั้นเขาก็ไม่สามารถดึงออกมาและแทงเข้าไปด้วยแรงของมนุษย์ได้
มิสมาร์เกอริตยืนยันสถานะของตัวเองอีกครั้ง เธอกำลังจะตาย เธอไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออีกแล้ว เธอไม่มีความมั่นใจว่าจะสามารถพูดได้อย่างถูกต้อง แต่ถ้าเธอแปลงร่างเป็นเมจิคัลเกิร์ล แบบนั้นมันก็คืออีกเรื่อง มันสามารถเรียกได้ว่าเป็นความสามารถพิเศษของเมจิคัลเกิร์ลที่จะดึงเอาความแข็งแกร่งออกมาได้จนถึงท้ายที่สุด
เธอดันตัวเองออกจากต้นไม้ที่เอนตัวพิงแล้วก็ล้มลงไปข้างหน้า แรงกระแทกและความเจ็บปวดในการสัมผัสกับพื้นมันแทบจะทำให้เธอหมดสติ แต่เธอก็กัดฟันทนเอาไว้ คลานออกไปเหมือนกับหนอนแมลงแล้วก็ยื่นลิ้นออกมาเข้าหายาเม็ดเล็กเพื่อทำให้ติดกับลิ้น จากนั้นเธอก็กลืนลงไปพร้อมกับน้ำลายและเลือด ในตอนนี้เธอไม่สามารถเพ่งความสนใจไปยังเรื่องความเจ็บปวดที่กระจายออกไปทั่วได้แล้ว
เธอสัมผัสได้ถึงพลัง มันไหล่ผ่านจากภายในปากไปยังลำคอแล้วก็หายไปภายในร่างกาย พลังนั้นไม่ได้มากมายอะไรนัก แต่ในตอนนี้ เธอดีใจที่มันมากพอที่จะร้องออกมาได้แล้ว
หญิงสาวไร้พลังที่กำลังจะตาย —คาโอรุโกะ โรกุโก— แปลงร่างเป็นเมจิคัลเกิร์ลมิสมาร์เกอริต เธอสูดลมหายใจเข้า และในตอนที่เลือดมันไหลออกมา เธอก็ตะโกนออกมาเสียงดังเพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนได้ยิน “ขวาสองเซ็น! บนเจ็ดเซ็นครึ่ง!”
ทุกคนมองมาที่เธอรวมถึงเทพธิดา ซึ่งมันหมายถึงตำแหน่งของดาบที่เสียบเข้าไปมันก็เปลี่ยนไปเมื่อเทพธิดาขยับตัวด้วย แต่นั่นคือเรื่องที่มิสมาร์เกอริตคิดเอาไว้แล้ว โทตะเปลี่ยนตำแหน่งของมือที่ยื่นออกไปตามคำแนะนำของมิสมาร์เกอริต เขาเข้าใจที่เธอพูด
“ตรงไปแบบนั้น! สิบเซ็นด้านหน้า!”
ในขณะที่กำลังมอบคำแนะนำอยู่นั้น เธอใช้แรงทั้งหมดที่เหลือเพื่อรักษาสมดุลของหัวเข่าเพื่อให้ยืนอยู่ได้ ชั้นจะจัดการแก เธอคิด พร้อมกับใช้ฟันกัดริมฝีปากในการตัดสินใจที่จะฆ่าในตอนที่หันหน้าเข้าหาเทพธิดา เทพธิดานั้นมีความสามารถในการเรียนรู้เป็นพิเศษ เธอควรที่จะสัมผัสความตั้งใจที่จะฆ่าของมิสมาร์เกอริตได้เพราะก่อนหน้านี้ก็โดนเข้าไปหลายครั้ง และถ้าเทพธิดาตระหนักถึงเรื่องนั้น แบบนั้นก็ไม่จะรับรู้ถึงตัวตนของโทตะ คนที่ไม่สามารถรับรู้ได้มาตั้งแต่แรก
“นั่นคือดาบ! ใช้แทงซะ!”
เสียงของเธอดังออกมา เธอคิดว่ามันดังมากพอแล้ว แกะ พาสเทล เมรี่ 7753 เนฟิเรีย โยล รากิ ความสนใจของทุกคนพุ่งเป้ามาที่เธอ ไม่มีความสนใจของใครแม้แต่คนเดียวที่เพ่งไปยังโทตะในตอนที่เขาเข้าไปหาเทพธิดา
เส้นผมของเทพธิดาลุกชูขึ้นมาจากความตั้งใจฆ่าของมิสมาร์เกอริต เทพธิดาดึงเอาเรเปียของมิสมาร์เกอริตออกมา มันทำให้เลือดจำนวนมากไหลทะลักออกมาด้วย เทพธิดาขว้างมันออกมาโดยไม่สนใจกระสุนอัดอากาศของเท็ปเซเคเมย์ที่กำลังยิงเข้าใส่ เดิมทีมันไม่ใช่อาวุธขว้าง แต่มิสมาร์เกอริตไม่ได้มีแรงเหลือที่จะหลบมันอีกแล้ว มันปักเข้าไปตรงหน้าอก หมวกของเธอร่วงลงมาพร้อมกับตัวที่งอกลับหลัง ปักเข้าไปที่ลำต้นของต้นไม้ที่เธอเอนพิงอยู่ แล้วศีรษะของเธอก็ก้มลง
ดวงตาของมิสมาร์เกอริตใกล้ที่จะปิดสนิท แต่เธอก็สัมผัสได้ โทตะดึงดาบออกมาและแทงเข้าไปที่เทพธิดา ในตอนที่ภายในใจชมว่า —“ทำได้ดีมากเลยนะ”— ปากของมิสมาร์เกอริตก็บิดขึ้นไป
แม้ว่าดวงตาของเธอจะปิดลงแล้ว เธอก็ยังคงมองเห็นอะไรบางอย่าง แอนนามารีกำลังยืนอยู่ข้างๆเธอพร้อมกับท่าทางที่อยากจะขอโทษ มิสมาร์เกอริตยิ้มออกมา จากนั้นเมื่อคิดว่ามันไม่เข้ากับตัวเอง เธอก็เลยสวมท่าทางที่ดูจริงจังแทน
☆ 7753
เธอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยดวงตาที่ยังคงมองเห็นสิ่งต่างๆอย่างพร่ามัว
อย่างแรก เด็กผู้ชายดึงดาบออกมา มันเหมือนกับว่าจู่ๆเขาก็ปรากฏตัวขึ้นตรงนี้ 7753 ทั้งแปลกใจและตื่นตระหนก แต่เทพธิดากลับมีท่าทางที่มากยิ่งกว่านั้น
เทพธิดามีการตอบสนองเมื่อเขาจับดาบ แต่แกะก็กัดเทพธิดาเอาไว้ พาสเทล เมรี่ดัน และเนฟิเรียก็ตรึงแขนซ้ายเอาไว้ในขณะที่ 7753 ตรึงแขนขวาไว้ด้วยแรงทั้งหมดที่มี ยิ่งไปกว่านั้นมันมีอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นเกิดระเบิดขึ้นตรงอุปกรณ์ และเทพธิดาก็หยุดเคลื่อนไหวในทันที สิ่งที่มองไม่เห็นนั่น —มันคือกระสุนอัดอากาศของเท็ปเซเคเมย์
เรื่องทั้งหมดนี้มันเกิดก่อนที่เทพธิดาจะเหวี่ยงแขนลงมาได้ แล้วดาบนั้นมันเหวี่ยงลงมา โทตะที่ขยับตัวอย่างเชื่องช้ามันทำให้ 7753 ใจร้อน แต่เมื่อดาบชี้เข้าไปหาเทพธิดา เทพธิดาเองก็ขยับตัวอย่างเชื่องช้า มันเหมือนกับกบที่กำลังถูกงูจับจ้อง
ดาบแทงและฝังเข้าไปในศีรษะของเทพธิดา จุดที่เคยรับการโจมตีจากเมจิคัลเกิร์ลไปแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เลือดมันไหลทะลักออกมาตาและจมูก ดาบแทงทะลุเบ้าตาจนออกมาที่ด้านหลังศีรษะ แล้วเลือดมันก็ไหลออกมาจากปากที่อ้าออกกว้างและส่งเสียงเหมือนกับไก่ที่ถูกรัดคอออกมา
ความแข็งแกร่งหายไปจากตัวของเทพธิดา อุณหภูมิของร่างกายลดลง ขวานที่เต้นอยู่ตรงหน้าอกหยุดลงแล้ว ผิดหนังเองก็มีสีซีด ใครบางคนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
เนฟิเรียวิ่งตรงไปที่มิสมาร์เกอริต รากิคุกเข่าลง แต่เขาก็ผลักโยลออกไป โยลวิ่งออกไปหาโทตะที่ล้มลง ยกตัวของเขาขึ้นมา แล้วก็เริ่มร่ายคาถา
พาสเทล เมรี่ยังคงจับตัวเทพธิดาเอาไว้โดยไม่ได้ถอยห่าง เธอยังคงหลับตาและร้องเพลงออกมาเสียงดัง ดังนั้นเธอจึงไม่เข้าใจสถานการณ์ พวกแกะมารวมตัวกันอยู่รอบๆ จับชายเสื้อของเธอด้วยปากแล้วก็แกะตัวของเจ้านายออกไป
7753 ไม่ได้ปล่อยตัวเทพธิดาไป นี่มันเป็นเพราะข้อมูลของเทพธิดายังคงไหลเข้ามาในแว่นกันลม ทุกคนคิดว่ามันจบแล้ว แต่จริงๆมันยังไม่จบ
พูคินในตอนนั้น เธอคิดว่ามันจบแล้วแต่จริงๆมันยังไม่จบ หาก 7753 ยกการ์ดขึ้นจนถึงท้ายที่สุด บางทีฟันนี่ทริคกับคุรุคุรุฮิเมะคงจะยังมีชีวิตอยู่ ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่เธอคิดอยากย้อนกลับไปในเวลานั้น เธออยากย้อนกลับไปและทำเรื่องต่างๆให้ถูกต้องจนถึงท้ายที่สุด เธออยากบอกกับทุกคนว่าตัวร้ายยังคงมีชีวิตอยู่
เธอจะไม่ทำผิดพลาดแบบเดียวกันอีกแล้ว
“เทพธิดายัง—”
เทพธิดาวิ่งก่อนที่เธอจะตะโกนออกมา ไม่มีใครที่ตอบสนองได้ แกะปลิวออกไป พาสเทล เมรี่ยังคงใช้แขนโอบรอบตัวเอาไว้แต่เธอก็หมดแรงไปแล้ว และก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากไปกว่าเรื่องน้ำหนัก
หากปล่อยไปตอนนี้มันก็ไม่มีประโยชน์ กี่คนแล้วที่ถูกเทพธิดาฆ่าตายบนเกาะนี้? มันจะลงเอยเหมือนกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมือง B ในตอนนั้นผู้คนมากมายได้ตายจากไป 7753 ต้องมีชีวิตอยู่พร้อมกับแบกรับความเสียใจเอาไว้ เธอสาบานออกมาจากใจว่าจะไม่ปล่อยให้เรื่องมันกลายเป็นแบบนั้นอีกแล้ว
7753 เริ่มเคลื่อนไหว เทพธิดายังคงอยู่ด้านหน้าในขณะที่เธอจับแขนเอาไว้
จากข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเทพธิดา —ตำแหน่งของบาดแผล รูปแบบพฤติกรรม ทักษะที่เรียนรู้มา พื้นที่บริเวณโดยรอบ ตำแหน่งของศัตรู— ทำให้ 7753 คาดเดาการเคลื่อนไหวของเทพธิดาได้ ร่างกายส่วนบนโดยส่วนใหญ่แล้วได้รับบาดเจ็บ แต่ถ้าเทพธิดาจะป้องกันบาดแผลในตอนที่เคลื่อนไหว แบบนั้นขาขวามันก็ต้องขยับอย่างช้าๆ และยิ่งกว่านั้น มันก็มีโอกาสน้อยที่จะโจมตีสวนกลับไปจากทางนั้น 7753 รู้ถึงจุดอ่อนและจังหวะเวลาด้วยการเหลือบมอง เธอใช้ไหล่กระแทกเข้าไปที่ด้านซ้ายของเทพธิดา ซึ่งมันเป็นจุดบอดเพราะตำแหน่งของพาสเทล เมรี่
เทพธิดาเสียสมดุลของตัวเองไป บาดแผลนั้นมันรุนแรงกว่าที่จะฟื้นตัวได้ง่ายๆ 7753 เกร็งขาขวา จากนั้นก็ขาซ้าย แล้วก็บิดตัว เธอล้มลงไปพร้อมกับเทพธิดาและพาสเทล เมรี่ ที่ด้านหน้าของเธอคือวงแหวนพลังงานที่เปล่งแสง รากิได้รวบรวมพลังเอาไว้ที่นั่นเพื่อใช้ในพืธี มันระเบิดออกกลายเป็นแสงสว่างวาบ แต่มันก็ยังคงมีรูปร่างเหมือนเดิม
มือขวาของเทพธิดาขยับไปมาในอากาศ 7753 กระโดดขึ้นจากพื้นด้วยขาขวา และเมจิคัลเกิร์ลสามคนก็กระแทกเข้ากับวงแหวนที่รวบรวมพลังงานเอาไว้
☆ รากิ สเว เน็นโต
มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะคิดว่าการทำลายสมองจะทำให้หยุดเคลื่อนไหว
พาสเทล เมรี่ไม่ได้ปล่อยแขนที่จับเอาไว้เพราะเธอไม่ได้มองดูรอบข้าง ส่วน 7753 ที่ไม่ได้ปล่อยนั้นเป็นเพราะเธอสามารถมองเห็นค่าสถานะของฟรานเชสก้าผ่านทางแว่นกันลมเวทมนตร์ของเธอได้
มันเหมือนกับฝันร้ายที่กลายเป็นจริง ศีรษะของฟรานเชสก้าถูกแทงทะลุด้วยดาบ แต่เธอก็ยังคงขยับได้ เสียงร้องแหลมของ 7753 ทำให้เนฟิเรียหยุดและหันมองรอบๆ แต่เธอก็คงไม่ทันเวลา พาสเทล เมรี่ คนที่ยังใช้แขนสองข้างโอบรอบเอวของเทพธิดาเอาไว้นั้นถูกเหวี่ยงไปรอบๆ 7753 ดึงคอเสื้อของเทพธิดาเข้ามาหาตัวเองด้วยมือขวา ใช้ไหล่กระแทกเข้าไปที่ฟรานเชสก้า ทั้งสามคนที่ตัวติดกันนั้นกระแทกเข้ากับวงแหวนและถูกดูดซับในทันที
เนฟิเรียเอื้อมมือเข้าไปหาสนามพลังแต่ก็หยุดก่อนที่จะสัมผัสมัน เธอมองมาที่รากิด้วยท่าทางอ้อนวอนซึ่งมันไม่เข้ากับเธอ รากิถ่มเลือดออกมาและโบกมือขวาเพื่อให้เธอวิ่งไปหามิสมาร์เกอริต
แม้ว่าเวทมนตร์รักษาของโยลจะช่วยให้เขาฟื้นตัว รากิก็ยังคงอยู่ในสภาวะที่อันตราย แต่เขายังคงทำได้ดีกว่ามิสมาร์เกอริต แม้ว่าตัวเขาจะบาดเจ็บหนัก แต่ตะกอนของพลังงานที่เขารวบรวมมายังคงอยู่ในร่างของเขา เรื่องนี้มันไม่ได้ฆ่าเขาในทันที
มิสมาร์เกอริตไม่ใช่คนเดียวที่บาดเจ็บหนัก มันยังคงมีโทตะอีกคนด้วย ตัวเขาดูน่าสงสารมาก มันไม่มีทางที่จะคิดว่าเขาสามารถทำเรื่องที่ยอดเยี่ยมขนาดนั้นสำเร็จได้เลย ไม่นานหลังจากที่เขาแทงเข้าไปที่ฟรานเชสก้า เขาก็กระแทกเข้ากับพื้นและขดตัวกลม แล้วในตอนนี้ตัวของเขาก็ยังคงเป็นเช่นนั้น
รากิปล่อยให้เรื่องมิสมาร์เกอริตเป็นหน้าที่ของเนฟิเรียแล้วก็ส่งโยลไปหาโทตะ หากไม่ใช่เพราะเขา ทุกคนก็คงไม่สามารถจัดการฟรานเชสก้าได้ ทุกคนทำให้เขาแบกรับความรับผิดชอบอันหนักหน่วงที่เขาไม่ควรจะมีและมันก็ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส บาดแผลทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเขามันเป็นเพราะรากิไร้ความสามารถ รากิต้องรักษาบาดแผลทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้หายสนิท ไม่งั้นการคว้านท้องฆ่าตัวตายก็ยังไม่มากเพียงพอที่จะชดเชยได้ —ต้องไม่ปล่อยให้เขาตายเด็ดขาด ต่อให้จะเอามีดเป็นโหลใส่เข้าไปในท้องก็ยังไม่มากเพียงพอ
โยลเอาตัวโทตะเข้ามาในอ้อมแขนแล้วก็ยกมือขวาขึ้นพร้อมกับการ์ดที่อยู่ระหว่างนิ้วแต่ละนิ้ว และด้วยคาถาที่ร่ายออกมาลวดลายแต่ละอย่างก็หายไป สูตร ความเร็ว ความไหลลื่นในคาถาที่เธอร่ายล้วนกลายเป็นแสงสีที่บินออกไป
ปัญหามันอยู่ตรงนี้
รากิกดลำคอและกลืนเลือดลงไป ในขณะที่ต่อสู้กับความเจ็บปวดอยู่นั้น เขาก็หันร่างกายออกไปอีกทาง สนามพลังมันยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่ได้เปลี่ยนไป ไม่สิ ไม่ใช่ว่าไม่ได้เปลี่ยนไป —มันหนาและเข้มขึ้น การดูดเมจิคัลเกิร์ลสองคนเข้าไปเช่นเดียวกับร่างต้นของร่างเกิดใหม่มันทำให้ทรงพลังมากยิ่งขึ้น
แกะรวมตัวอยู่รอบๆวงแหวนและส่งเสียงร้องออกมาอย่างเศร้าๆ รากิพยายามแหวกฝูงแกะพวกนั้นแต่ก็ล้มลงไปในก้าวแรก เนื่องจากว่าไม้เท้าที่เขาพยายามใช้พยุงตัวมันหักไปแล้ว เขาล้มตัวลงไปพร้อมกับก้มหน้า
เขาต้องจัดการเรื่องการรวบรวมพลังงาน พวกเธอเพิ่งแค่เข้าไป แล้วรากิก็คือคนที่สร้างวงแหวนขึ้นมา ดังนั้นเขาก็อาจจะสามารถเอาตัวของเมจิคัลเกิร์ลสองคนออกมาได้ พวกเธอสองคนคือฮีโร่เหมือนกับโทตะ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเธอ มันก็ไม่สามารถจัดการฟรานเชสก้าได้ พวกเธอควรจะได้รับรางวัล อย่างน้อยที่สุดการที่พวกเธอต้องมาตายที่นี่มันก็ไม่ควรจะเกิดขึ้น
แต่เท้าของรากิมันก็ขยับไม่ได้ เขายกตัวขึ้นมาได้ก็จริงแต่หลังจากนั้นเส้นทางที่เหลืออยู่ก็ยังอีกไกล แม้ว่าจะลุกขึ้นมาและเข้าหาพลังงานที่รวบรวมเอาไว้ได้ ลำคอของเขาก็บาดเจ็บ สิ่งที่เขาสามารถทำได้ด้วยการร่ายคาถาแบบย่อด้วยสูตรขั้นพื้นฐานมันมีจำกัด แต่เขาจะยอมแพ้เพราะขีดจำกัดของตัวเองไม่ได้
รากินำพลังและความโกรธมาไว้ที่ดวงตา เขาต้องทำในสิ่งที่ควรทำ มันไม่มีอะไรเลยนอกจากต้องใช้จอมเวทหนึ่งคนเพื่อจัดการ เขามีชีวิตอยู่อย่างยาวนานมาตั้งแต่แรกแล้ว มันไม่จำเป็นที่เขาต้องมีชีวิตที่ตัวเองแก่เฒ่าต่อไปอีก
ในคราวนี้เขาขยับตัวอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้ตัวเองล้มลงไป ปัดแกะออกไปด้านข้างด้วยมือของเขา ยืนอยู่ตรงหน้าวงแหวนแล้วยกไม้เท้าที่หักขึ้นมาตรงหน้า—
“ศัตรู! ศัตรูอยู่ที่ไหน?!”
มานา และถัดจากนั้นไม่นาน นาวี่ก็ปรากฏตัวออกมาจากป่า
ความตึงเครียดที่อยู่ภายในใจคลายลงในทันที ตัวของรากิโอนเอน แต่มานาก็พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วเหนือมนุษย์เพื่อพยุงตัวเขาเอาไว้ เธอใส่เม็ดยาเข้ามาในปากของเขาแล้วก็แปะพลาสเตอร์บางอย่างเข้ามาที่ลำคอ มันทำให้เขานึกขึ้นได้ว่าเธอเคยพูดว่าเชี่ยวชาญเรื่องยา
มานาร่ายคาถา แล้วนาวี่ก็เลียนแบบเวทมนตร์ของเธอพร้อมกับท่าทางสำคัญตัวเองที่อยู่บนใบหน้า แม้รากิจะคิดว่า ไม่อยากจะถูกคนอย่างแกช่วยเอาไว้เลย แต่เขาก็ไม่ได้พูดออกมา มันไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถพูดออกมาได้เพราะลำคอบาดเจ็บ แต่ในตอนนี้ เขาต้องเดินหน้าต่อไปไม่ว่าแหล่งพลังที่เขาใช้มันจะคืออะไรก็ตาม
“7753 กับพาสเทล เมรี่ถูกดูดเข้าไปในแหล่งรวบรวมพลัง! ชั้นจะไปช่วยพวกเธอ! มาช่วยชั้นที!”
เขาสั่งการพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมา
☆ เนฟิเรีย
เนฟิเรียนึกได้ว่าตัวเองยืนอยู่ตรงนี้น้อยกว่าหนึ่งวินาที —เนื่องจากความท้าทายในการพยายามอย่างที่สุดของเธอมันยังไม่จบ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น มันก็มากเพียงพอแล้วสำหรับเธอที่รู้ว่าในตอนนี้ศัตรูหายไปเรียบร้อยแล้ว เธอหันไปรอบบริเวณตามที่รากิพูด ด้วยความคิดที่เหมือนจะดูถูกตัวเองว่ากำลังจะไปในทางนั้นในขณะที่กำลังสับสน เธอมุ่งหน้าไปหามิสมาร์เกอริตด้วยท่าทางเหมือนกับตัวตลกที่กำลังเต้นรำ
เรเปียที่หักไม่ได้ห่างจากด้ามนักได้แทงเข้าไปในลำตัวของมิสมาร์เกอริต มันไม่ได้เข้ากับการเป็นอาวุธขว้างด้วยซ้ำ เธอเองก็รู้สึกประทับใจที่ศัตรูขว้างมันออกมาอย่างรุนแรงและแม่นยำได้ เรเปียแทงทะลุตัวมิสมาร์เกอริตจนปักเข้าไปที่ต้นไม้ที่อยู่ด้านหลัง ตรึงตัวของเธอที่นั่งลงเอาไว้ตรงนั้น เนฟิเรียดึงเรเปียออกจากต้นไม้ แต่เมื่อคิดเรื่องของเลือดที่จะไหลออกมมา เธอก็ไม่ได้ดึงเรเปียออกจากลำตัว เธอวางตัวมิสมาร์เกอริตลงตรงจุดนั้น เอาผลไม้สีเทาออกมาจากกระเป๋า บดมันแล้วก็ทำให้น้ำผลไม้ไหลเข้าไปในปากมิสมาร์เกอริต
ปากของมิสมาร์เกอริตคลายตัวออก มันไม่มีท่าทีของความภาคภูมิใจที่มีอยู่เสมอไม่ว่าเป็นตอนแปลงร่างหรือไม่ได้แปลงเหลืออยู่เลย เนฟิเรียกัดริมฝีปากและดึงเอาผลไม้สีเทาลูกที่สองออกมา บด แล้วก็เพิ่มน้ำผลไม้เข้าไปอีก
มิสมาร์เกอริตไม่ได้ขยับตัวแต่อย่างใด เนฟิเรียกำลังจะจับข้อมือของมิสมาร์เกอริต แต่ใบหน้าของเธอก็เกิดบึ้งตึง มือข้างที่เธอถนัดมันถูกทำลายไปแล้ว การที่ตระหนักถึงเรื่องนั้นมันทำให้เจ็บปวดมากยิ่งขึ้น แต่เธอแสร้งทำเป็นไม่รู้และจับข้อมือของมิสมาร์เกอริตด้วยมืออีกข้าง
มันไม่มีชีพจรเลย นิ้วโป้งของเนฟิเรียที่จับข้อมือนั้นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
“นั่นคือดาบ! ใช้แทงซะ!”
เธอมองไปที่ใบหน้ามิสมาร์เกอริตด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง มิสมาร์เกอริตไม่ได้ขยับ เสียงของเธอมันออกมาจากปากของเนฟิเรีย เวทมนตร์ของเนฟิเรียกำลังทำงานอยู่
“ตรงไปแบบนั้น!”
เสียงของเธอนั้นแข็งแกร่งและเฉียบคม มันถ่ายทอดได้ดี มันทำให้ต้นหญ้าสูงเกิดสั่นไหวและทะลวงผ่านผืนป่าที่หนาทึบได้ บางทีหากอยู่อีกฝั่งของผืนป่าอาจจะได้ยินคำพูดของเธอด้วยซ้ำ ตราบเท่าที่เนฟิเรียรู้ มันไม่มีใครเลยที่จะตะโกนออกมาอย่างทรงพลังได้ในตอนที่ยืนอยู่บนขอบเหวของความตาย
“ขวาสองเซ็น! บนเจ็ดเซ็นครึ่ง!”
หลังจากการตะโกนมันดังออกมาจากเธอ เธอก็ใช้ผลไม้สีเทาเพิ่มมากขึ้นอีก
มิสมาร์เกอริตไม่ได้ขยับตัวแม้แต่นิด เนฟิเรียเอามือของเธอไปสัมผัสที่แก้มมิสมาร์เกอริต ความร้อนของร่างกายมันกำลังหายไป เนฟิเรียเข้าใจเรียบร้อยว่ามิสมาร์เกอริตตายไปแล้ว น้ำผลไม้สีใสไหลออกมาจากมุมปาก เธอไม่ได้ดื่มมันลงไป มันแค่เข้าไปในปากเธอเพียงเท่านั้น
เนฟิเรียพ่นลมหายใจออกมา
ก่อนหน้านี้เพียงไม่นาน เมจิคัลเกิร์ลที่ตายไปเรียบร้อยแล้วฟื้นคืนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง กลับมามีชีวิตจากจุดที่เนฟิเรียสามารถใช้เวทมนตร์ของตัวเอง ตามความรู้และประสบการณ์ของเนฟิเรีย มันคือข้อยกเว้นในหมู่ของข้อยกเว้น แต่แม้เธอจะรู้ว่ามันอยู่เหนือกว่าตรรกะความเป็นจริง เธอก็พบว่าตัวเองคิดออกมาว่า บางที มันไม่ใช่ว่าเธอกับมิสมาร์เกอริตใกล้ชิดสนิทสนมกัน มิสมาร์เกอริตไม่ใช่รสนิยมหรือคนที่เธอชื่นชอบ —หากพวกเธออยู่ในชั้นเรียนเดียวกัน เนฟิเรียคิดว่าคงจะเป็นเพื่อนกันได้ นั่นคือเรื่องที่บอกว่าคนๆนี้เป็นคนแบบไหน แต่เธอก็พบว่าตัวเองนั้นหวังอยากให้เรื่องนี้เป็นความผิดพลาด เธออยากให้มิสมาร์เกอริตกลับมา
เธอวางศีรษะของมิสมาร์เกอริตลงบนตัก เอาฝ่ามือสัมผัสไปที่แก้ม แล้วก็มองไปที่ใบหน้ามิสมาร์เกอริตอีกครั้ง ริมฝีปากของเธอดูผ่อนคลายราวกับว่ากำลังยิ้มอยู่
อย่ามาทำท่าพอใจสิ ยัยเมจิคัลเกิร์ลงี่เง่านี่ มันยังมีงานที่ต้องทำอีกไม่ใช่รึไง? เธอสบถออกมาอย่างเงียบๆซึ่งมีเพียงแค่ตัวเองเท่านั้นที่ได้ยิน แล้วจากนั้นก็ยิ้มออกมา คิดว่าในที่สุดเธอก็ได้ความน่ารังเกียจของตัวเองกลับคืนมาแล้ว เนฟิเรียวางร่างของมิสมาร์เกอริตไว้และยืนขึ้น ลูบดวงตาของตัวเองด้วยข้อมือ ความท้าทายที่จะพยายามอย่างที่สุดของเนฟิเรียยังไม่จบสิ้น เธอหันตัวและวิ่งออกไปยังที่ที่ทุกคนอยู่ สอดมือเข้าไปในกระเป๋าแล้วก็ลูบขนปีกของเร็นเร็น แล้วเมื่อคำพูดของเร็นเร็นมันดังออกมาจากปากของเธอ เธอก็หัวเราะออกมา
ชิชิ
MANGA DISCUSSION