ตอนที่ 23:
TUMBLIN’ DICE
☆ แคลนเทล
ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้ทั่วทั้งตัวเป็นตะคริว มันทำให้เธอตื่นขึ้นมาด้วยอาการกระตุก แคลนเทล —เนเนะ โอโนะ— ครางออกมาพร้อมกับกัดฟันแต่ร่างกายก็รู้สึกผ่อนคลายลงได้อีกครั้ง เธอใช้ข้อศอกยกตัวขึ้นมาเพราะสำลักกลิ่นดิน เธอเอาตัวเกาะกับต้นไม้ใหญ่ แต่มันมีเสียงดังออกมาในตอนที่เธอยกตัวขึ้น จนตัวของเธอร่วงลงไปกับพื้นจนฝุ่นฟุ้งขึ้นมา เธอเอนตัวพิงกับต้นไม้และปล่อยลมหายใจเฮือกใหญ่ออกมา
ทั่วทั้งตัวมันรู้สึกเจ็บ ศีรษะเองก็กำลังสั่นเทา เธอไม่มีแว่นตาของตัวเอง ดังนั้นภาพที่มองเห็นมันจึงพร่ามัว เสื้อผ้าฉีกขาด เปรอะเปื้อนไปด้วยโคลน เส้นผมในจุดต่างๆเองก็ขาดออก มีเลือดไหลลงมาจากแขนจนถึงปลายนิ้ว เนเนะ โอนะครางออกมาอีกครั้ง เธอส่ายหน้าแล้วก็เริ่มร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและข่มมันเอาไว้ที่ด้านหลังของลำคอ
เธอกำลังแยกแยะสถานการณ์ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เล็กน้อย แต่หัวของเธอก็ยังคงทำงานอยู่ ความเจ็บปวดมันเป็นอุปสรรค แต่การที่เธอยังมีสติถือว่าเป็นข้อดี
ความทรงจำกลับมาหาเธอ พลังนั้นมันหมดไปแล้วและการแปลงร่างเองก็คลายลงตรงหน้าเทพธิดา ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นมันไม่ชัดเจน เมื่อเธอกลับมาเป็นเนเนะ โอโนะแล้วตัวของเธอก็ไม่สามารถทนกับความเร็วของเมจิคัลเกิร์ลได้ จากผู้เข้าต่อสู้กลายเป็นแค่เหยื่อและถูกเป่าออกไป โดยปกติแล้วมันก็จะเป็นการฆ่าเธอ แต่ใครบางคนได้ช่วยเธอเอาไว้ ดังนั้นเธอจึงยังมีชีวิตอยู่ เมื่อเธอได้สติกลับมา เธอก็นอนอยู่ใต้ต้นไม้ อ่า จริงสิ มีใครบางคนวางตัวของเธอลง
อีกฝ่ายคือมิสมาร์เกอริตรึเปล่านะ? เนเนะสงสัยว่ามันมีเวลาพอที่จะทำแบบนั้นรึเปล่า หากเธอจัดการเทพธิดาไปเรียบร้อยแล้ว แบบนั้นมันก็คงไม่แปลกที่มิสมาร์เกอริตจะกลับมาที่นี่
จู่ๆพื้นดินก็เกิดสั่นไหว เนเนะจับต้นไม้เอาไว้ด้วยมือขวา อดทนต่อความเจ็บปวดในตอนที่กำลังพยุงตัว
เสียงและการสั่นสะเทือนมันเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง การต่อสู้ยังคงไม่จบ เธอค่อยๆยกตัวขึ้นมาด้วยการเอนตัวพิงกับต้นไม้พร้อมกับอดทนต่อความเจ็บปวด เธอจะไม่ปล่อยให้มันจบแบบนี้ เธอต้องทำมัน เปลวไฟในใจของเธอยังไม่มอดดับ มันยังคงลุกโชนอย่างรุนแรงเหมือนกับก่อนหน้านี้ วิญญาณของเธอยังคงตะโกนออกมาว่า อย่าปล่อยให้มันรอดไป อย่าทำแบบนั้นเป็นอันขาด มันไม่มีทางที่เธอจะปล่อยให้ใบหน้าของเพื่อนเก่า —ภาพใบหน้าที่โกรธ ภาพใบหน้าที่ยิ้มออกมา ภาพใบหน้าที่หวาดกลัว— กลายเป็นเพียงแค่ความทรงจำได้
แต่ถ้าเธอไปทั้งๆที่เป็นแบบนี้ เธอก็จะถูกเป่าออกมาอีกครั้ง แล้วมันก็จะจบสิ้น การทำแบบนั้นมันไม่มีความหมาย หากเธอต้องการที่จะไป แบบนั้นการแปลงร่างก็คือเรื่องที่จำเป็น และเพื่อการนั้นเธอก็จำเป็นต้องมีผลไม้สีเทา แต่เมื่อเธอควานหาในกระเป๋าของตัวเอง มันก็ไม่มีเหลืออยู่เลย
มันขึ้นอยู่ที่ไหนนะ? มีร่วงอยู่บนพื้นบ้างไหม? เธอมองไปรอบๆบริเวณและในที่สุดก็รู้ว่า เธอไม่ใช่แค่คนเดียวที่นอนอยู่ที่นี่ มันมีคนอื่นอยู่ที่นี่ด้วย เธอกลืนความเจ็บปวดลงไป เอนตัวเข้าไปหาเพื่อมองดูอย่างใกล้ๆ อีกฝ่ายคือผู้หญิงในชุดคลุมอาบน้ำ
แม้ว่าภาพที่มองเห็นจะพร่ามัว แต่เธอก็บอกได้ว่าอีกฝ่ายคือใคร เธอคือดรีมมี่☆เชลซีในร่างมนุษย์ เธอนั้นไม่ได้สติ และด้วยเหตุผลบางอย่างท่าที่เธอนอนอยู่ก็ดูประหลาด เสื้อคลุมอาบน้ำของเธอโชกไปด้วยเลือด —ซึ่งก็คือเธอบาดเจ็บนั่นเอง
เนเนะนั่งลงไปและจับข้อมือของเชลซี ชีพจรนั้นเต้นอย่างอ่อนแรง เธอเปิดเสื้อคลุมอาบน้ำตรงหน้าอกออก บาดแผลนั้นดูเหมือนว่าจะปิดแล้ว แต่มันก็เป็นแผลใหญ่
เนเนะพบว่ามันมีสีของอะไรบางอย่างที่ไม่ควรจะอยู่ตรงหน้าอกของเชลซีและเอนตัวเข้าไปหา มันคือแกนของผลไม้สีเทา ซึ่งเนื้อผลไม้ส่วนใหญ่ถูกกัดออกไปแล้ว
มันไม่ใช่ว่าเนเนะเข้าใจถึงประโยชน์ทางการแพทย์ที่อาจจะมีอย่างถูกต้อง แต่อย่างน้อยที่สุดผลไม้สีเทามันก็มีประโยชน์ในตอนที่เธอช่วยรักษามิสมาร์เกอริต เธอไม่รู้ว่าจำนวนเท่านี้มันจะมีประโยชน์แค่ไหน แต่การใช้มันก็ยังดีกว่าไม่ได้ใช้เลย เธอบดผลไม้ที่เหลืออยู่ด้วยนิ้วและหยดน้ำผลไม้เข้าไปในปากของเชลซี เมื่อเธอเอาเนื้อผลไม้ที่บดแล้วเข้าไปที่ริมฝีปากของเชลซี ลิ้นของเชลซีก็ตอบสนองอย่างอ่อนแรง และแคลนเทลก็เอาแกนเข้าไปทั้งหมดเพื่อเคี้ยว
แคลนเทลเอาปากของเธอเข้าไปที่หูของเชลซีและพูดให้กำลังใจแบบซ้ำๆ ลูบร่างกายของเธอเพื่อให้เกิดความอบอุ่นและให้ดื่มน้ำจากขวดพลาสติก จากนั้นก็ตรวจชีพจร มันเต้นแรงและคงที่กว่าก่อนหน้านี้ ร่างกายของเธอก็อุ่นขึ้นเล็กน้อย ซึ่งมันเป็นสัญญาณที่ดี แม้อาการจะดีขึ้นแต่เธอก็ยังคงจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง เนเนะถอนหายใจออกมา จากนั้นก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเช็ดใบหน้าและตัวของเชลซีให้สะอาด
เธอไม่รู้ตัวว่าตัวเองใช้ผลไม้สีเทาที่เชลซีมีไปทั้งหมด นั่นคือทั้งหมดที่เธอมี หลังจากที่เธอจัดเสื้อคลุมอาบน้ำและวางเธอลงบนพื้นโดยใช้ต้นไม้ที่หักเป็นหมอนแล้ว ก่อนที่เนเนะจะรู้สึกเสียใจ เธอก็เริ่มมองหาผลไม้สีเทาอีกครั้ง แต่นอกจากที่เชลซีมีแล้ว เธอก็หามันไม่เจอเลย
☆ ดรีมมี่☆เชลซี
ความทรงจำและความคิดของเธอมันพร่ามัว ราวกับว่าเธอกำลังมองสิ่งต่างๆผ่านสายไหม สภาพร่างกายของเธอมันไม่ดีนัก แข้งขาเองก็อ่อนแรง ราวกับว่าเธอกำลังเดินอยู่บนปุยเมฆ
ท้องฟ้าเป็นสีเทา ก้อนเมฆแผ่ออกไปจนสุดตา รอบตัวของเธอมันมืดสลัว เธอบอกไม่ได้ว่ามันเป็นตอนเช้า ตอนเที่ยง หรือว่าตอนเย็น มันมีแม่น้ำไหลเข้ามาหาเธอจากด้านหน้า เติมเต็มอากาศด้วยกลิ่นของน้ำ แม่น้ำนั้นใหญ่พอๆกับแม่น้ำชื่อดังที่เธอเคยเห็นในหนังสือเรียนสมัยประถม อย่างเช่นแม่น้ำคงคาและแม่น้ำหวงโห เธอมองไม่เห็นอีกฝั่งของแม่น้ำ แม้ว่าเธอจะมองทวนสายน้ำ เธอก็มองไม่เห็นจุดจบ และเมื่อเธอมองตามสายน้ำไป แม่น้ำมันก็ไหลไปจนถึงสุดขอบฟ้า
มันไม่มีใครเลยนอกจากเชลซี แม่น้ำและหาดที่อยู่ขนานกันมันแห้งแล้งอย่างไม่น่าเชื่อ มันไม่มีอย่างไหนเลยที่น่ารักในแบบที่เชลซีชอบ หากมันมีอะไรที่น่ารัก มันก็จะคงอยู่ที่อีกฝากฝั่งของแม่น้ำ
เชลซีหยิบก้อนหินบนหาดขึ้นมาสองสามก้อน จับมันเอาไว้ บด ทุบ ทำให้มันแข็งและเปลี่ยนมันเป็นรูปดวงดาว เธอทำให้ดวงดาวที่มีขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือลอยอยู่บนอากาศและขึ้นไปขี่ที่ด้านบน ในตอนนี้มันเป็นไปได้แล้วที่จะข้ามแม่น้ำไปโดยที่ตัวไม่ต้องเปียกน้ำและตอนนี้เองตัวของเธอก็ดูน่ารักมากขึ้นด้วย มันคือการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว —เธอไม่ได้ใช้หินแค่หนึ่งก้อนเหมือนกับใช้กระสุนหนึ่งนัด แต่มันก็ยังคงเป็นนัดเดียวที่ได้นกสองตัวอยู่ดี
เธอไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน เธอจำไม่ได้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่จนกระทั่งถึงตอนนี้ นอกเหนือจากความจริงที่เธอคือเมจิคัลเกิร์ลดรีมมี่☆เชลซี ทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่ชัดเจนและพร่ามัวไปหมด แต่เธอก็ไม่ได้กังวลเรื่องพวกนั้น ทุกสิ่งที่เชลซีต้องการในตอนนี้คือเติมเต็มความน่ารักของตัวเอง และเธอกำลังจะข้ามแม่น้ำไปเพื่อให้ได้สิ่งนั้น เชลซีทำท่าโพสและพูดว่า “เอาล่ะ ไปกันเถอะ” หลังจากที่บินออกไปที่แม่น้ำด้วยดวงดาวของตัวเอง มันก็มีเสียงดังเข้ามากระแทกหู เธอจึงหยุดดวงดาวและหันกลับมา
มันมีกวางอยู่ตัวหนึ่ง ขนาดของกวางนั้นมันใหญ่กว่ากวางตัวเล็กๆที่จะเห็นได้ในอนิเมสมัยก่อนอยู่เล็กน้อย —โดยทั่วไปแล้วจุดนั้นทำให้ดูน่ารักมาก
กวางเงยหน้ามองขึ้นมาบนท้องฟ้าและส่งเสียงร้องออกมา ลำคอของกวางกำลังสั่น เสียงร้องนี้มันดังจนทำให้เชลซีหยุด ราวกับว่ากวางกำลังร้องเรียกเธออยู่ ราวกับว่ากวางกำลังให้กำลังใจเธอด้วยการพูดว่า “อย่ายอมแพ้นะ เธอทำได้”
กวางขยับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อเอาก้นที่ดูน่ารักและหางชี้มายังเธอ จากนั้นก็วิ่งออกไปในทิศตรงข้ามของแม่น้ำที่เป็นทุ่งกว้าง ความน่ารักที่อยู่ตรงหน้าของเธอกำลังพยายามที่จะหนีไป เชลซีตื่นตระหนกและสั่งดวงดาวของเธอให้ตามกวางไป นี่มันไม่ใช่เวลาที่จะข้ามแม่น้ำแล้ว
เธอเร่งความเร็วขึ้นเพื่อไล่ตามกวาง และเมื่อเข้าใกล้พอจนสามารถเอื้อมมือเข้าไปหา กวางก็หายไปเสมือนกับควัน ก่อนที่เธอจะทันได้ตกใจ ภาพที่เธอมองเห็นก็เปิดออกและเธอก็รีบลุกขึ้นนั่ง หน้าผากของเธอก็กระแทกเข้ากับหน้าผากของเด็กสาวที่ก้มลงมามอง ทั้งสองคนร้องออกมา ครวญครางไปด้วยความเจ็บปวด ขดตัวพร้อมกับเอามือแตะเอาไว้ที่หน้าผากของตัวเอง
☆ เนฟิเรีย
เมื่อพวกเธอได้ยินเสียงร้องแหลมของแกะ มิสมาร์เกอริตก็ยังคงไม่ได้รีบเร่ง เธอยังคงเคลื่อนไหวต่ออย่างไม่ลดละในจังหวะของเธอ เนฟิเรียสัมผัสได้ว่าเธอไม่ได้เคลื่อนไหวด้วยแรงกระตุ้น แต่เป็นความตั้งใจอันแข็งแกร่ง เธอไม่ได้ทำตามอารมณ์ของตัวเอง เธอทำเพราะเธอควรที่จะทำ
ข้อมูลอันหยุ่งเหยิงทั้งหมดที่ส่งผ่านมายังพวกเธอด้วยเสียงนั้นมันทำให้หัวใจของเนฟิเรียไม่สงบนิ่ง แต่การเคลื่อนไหวของมิสมาร์เกอริตมันทำให้เธอสงบใจอยู่ได้ และพวกเธอก็เคลื่อนไหวไปข้างหน้าด้วยจังหวะความเร็วของการวิ่งสามขา
เมจิคัลเกิร์ลนั้นแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ แม้จะเป็นเนฟิเรีย คนที่ปกติแล้วจะคอยเอาแต่เล่นก็ยังมีจิตใจที่แข็งแกร่งพอที่จะเดินหน้าไปสู่ความตายของตัวเองได้เมื่อเวลามาถึง แต่มิสมาร์เกอริตนั้นกำลังคลายการแปลงร่าง การเต้นของหัวใจที่บ่งบอกว่าใจเย็นนั้นมันไม่ได้มาจากการแสร้งทำหรือความหนักแน่น เนฟิเรียสั่นสะท้านออกมาจากภายใน เธอเป็นมืออาชีพในหมู่ของมืออาชีพแม้กระทั่งอยู่ในร่างของมนุษย์อย่างงั้นเหรอ?
ไม่ว่าเนฟิเรียจะรู้สึกแบบไหน พวกเธอก็เดินหน้าต่อไป แสงแดดอันรุนแรงที่ส่องลงมาจากด้านบนเหนือต้นไม้ก็อยู่ใกล้ยิ่งขึ้น พวกเธออยู่ที่ชายป่า เมื่อพวกเธอผ่านจุดนี้ไปแล้วมันก็จะเป็นอาคารหลัก เสียงที่พวกเธอได้ยินมันดังขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เดินไป ภาพที่เห็นก็เปลี่ยนไปด้วย ต้นไม้โค่นล้มลงมา ดิน และศพของแกะกระจายอยู่ทั่วบริเวณ พวกเธอก้าวข้ามผ่านศพแกะที่ดูน่าสยดสยองที่ถูกทำลายจนแทบจำไม่ได้จนอวัยวะขาดออกเป็นส่วนๆเพื่อมุ่งหน้าต่อไป
แนวป่าสิ้นสุดลง พวกเธอสามารถมองเห็นเทพธิดาได้ มันมีเมจิคัลเกิร์ลอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน หัวใจของเธอมันเต้นเร็วและแรงขึ้น
นั่นคือพาสเทล เมรี่ เธอกำลังจับตัวเทพธิดาที่บาดเจ็บเอาไว้ แล้วก็มีแกะที่อยู่รอบๆ เทพธิดาพยายามเหวี่ยงหมัดเข้าใส่หลังของเมรี่ และ 7753 ก็จับแขนของเทพธิดาเพื่อหยุดเอาไว้ ตัวของเด็กสาวทั้งสองคนแล้วก็แกะกำลังส่องแสงออกมาแบบรางๆ —มันคือเวทมนตร์จากรากิกับโยลรึเปล่านะ?
ด้วยความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นและการเสริมความแข็งแกร่งด้วยเวทมนตร์ที่เพิ่มเข้าไปในบาดแผลของเทพธิดา มันดูเหมือนว่าพวกเธอจะไปถึงจุดที่สมดุลย์กันแล้ว
ศพแกะ ต้นไม้ที่หักโค่น และดินกระจายออกไปทั่วบริเวณ บวกกับสิ่งของเช่น ตู้ ชั้น หนังสือ และขวดยา มันมีวงกลมที่โปร่งแสงลอยอยู่เหนือเทพธิดาขึ้นไปราวสองเมตร —นั่นคือเวทมนตร์อะไรกันนะ?
เนฟิเรียไม่ได้เรื่องเข้าใจทุกอย่างว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่มันดีกว่าเรื่องเลวร้ายที่สุดที่เธอจินตนาการเอาไว้ —ซึ่งจริงๆแล้ว มันใกล้เคียงกับเรื่องที่ดีที่สุดอีกด้วย มิสมาร์เกอริตถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เป็นพิเศษ เนฟิเรียสัมผัสได้ถึงความโล่งอกของเธอ เธอเองก็ถอนหายใจออกมาเช่นกัน ทุกคนกำลังร่วมมือกันเป็นอย่างดี
แต่เนฟิเรียรู้ว่าการช่วยเหลือของ 7753 ที่เป็นการช่วยชีวิตของเมรี่เอาไว้อย่างเฉียดฉิวนั้น มันเป็นแค่การซื้อเวลา แม้ว่าเทพธิดาจะบาดเจ็บสาหัส การจับตัวของมือใหม่ในการต่อสู้ก็ไม่มากพอที่จะตรึงตัวของเทพธิดาเอาไว้
ในจุดนี้ พวกเธอจำเป็นต้องมีความช่วยเหลือ —ซึ่งมันหมายถึงเนฟิเรียและมิสมาร์เกอริต ก่อนอื่น เนฟิเรียจะแบกมิสมาร์เกอริตเอาไว้บนหลัง นี่คือความคิดที่ดีที่สุดสำหรับในตอนนี้ที่เทพธิดาถูกจับตัวเอาไว้ จากนั้นเนฟิเรียก็จะเหวี่ยงเคียวของเธอขึ้นไปและกระโดดออกมาจากในป่า
เนฟิเรียก้าวออกมาสามก้าวจากพุ่มไม้ตรงชายป่า ตรงจุดที่เธอซ่อนตัวและเอาเคียวเหวี่ยงลงมาที่ลำคอของเทพธิดา เทพธิดาไม่ได้มองมาที่เธอด้วยซ้ำ เทพธิดาย่อตัวต่ำในตอนที่กระชากแกะและเมจิคัลเกิร์ลสองคนเข้ามาใกล้ ตำแหน่งของพวกเธอสลับกันในทันที ก่อนที่เนฟิเรียจะเหวี่ยงเคียวนั้น ในตอนนี้ศีรษะของเมรี่ก็มาอยู่ตรงจุดที่ลำคอของเทพธิดาเคยอยู่ หากเป็นแบบนี้ มันก็จะลงเลยด้วยการที่เธอฟันเข้าไปที่เมรี่
อ่า เวรเอ๊ย!
การเข้ามายุ่งกับการต่อสู้นี้มันคือความผิดพลาด แม้ว่าเนฟิเรียจะเรียนมาจากผู้เชี่ยวชาญแล้ว แต่เธอก็ยังห่างไกลจากการเป็นผู้ชำนาญการใช้เคียว เธอไม่สามารถหันด้านคมออกไปหรือหยุดก่อนที่จะโดนเป้าหมายได้ สิ่งที่เธอทำได้มากที่สุดก็คือการเบี่ยงวิถีออกไปเล็กน้อยโดยทำให้คาดว่าศัตรูจะหลบได้
เนฟิเรียพยายามเปลี่ยนวิถีของเคียว แต่เธอก็ยังลงเอยด้วยการเฉือนเข้าไปที่แผ่นหลังของเมรี่ไม่ใช่ตื้นๆ ชุดของพาสเทล เมรี่ถูกตัดขาด มีเลือดไหลออกมา และเสียงร้องที่ฟังไม่ได้ศัพท์ดังออกมาจากเมรี่ แต่เธอก็ยังคงไม่ผ่อนการจับเคียว พาสเทล เมรี่นั้นแข็งแกร่งกว่าที่เธอคิดเอาไว้ และเรื่องนี้มันก็ไม่ได้ทำให้เกิดการสูญเสียอะไรขึ้น
ในขณะที่เนฟิเรียขอโทษอยู่ภายในใจ เธอก็กระแทกศอกเข้าไปที่หลังของเทพธิดา เธอไม่รู้สึกสะทกสะเทือนต่ออาการชาที่แล่นเข้ามาผ่านทางศอกในตอนที่กระแทกเข้าไปยังอุปกรณ์ด้วยกำปั้นที่กำไว้แน่น หมัดของเนฟิเรียนั้นเสียหายมากยิ่งกว่าอุปกรณ์จนเลือดไหลออกมา แต่เทพธิดาก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร เธอกระอักเลือดออกมามากกว่าเนฟิเรียเสียอีก
เนฟิเรียสัมผัสได้ว่าศัตรูได้รับความเสียหาย เธอเหวี่ยงหมัดขึ้นเพื่อที่จะโจมตีเข้าไปอีกครั้ง ศัตรูพยายามเหวี่ยงแขนเพื่อป้องกันเอาไว้ จากนั้นแกะก็กระแทกเข้าไป จนการเหวี่ยงแขนมันเปลี่ยนไปเล็กน้อย ซึ่งมันทำให้หมัดของเนฟิเรียเข้าไปถึงตัวก่อน เลือดมันพุ่งออกมาจนตัวของเทพธิดาโซเซ
อีกครั้งนึง —ในคราวนี้เนฟิเรียเหวี่ยงขาขึ้นมาจากด้านล่างโดยใช้ตัวของแกะบังเอาไว้ ดังนั้นมันจึงไม่มีทางรู้ เธอจับเส้นผมของเทพธิดาแล้วก็กระชาก และด้วยช่องว่างนี้ เธอก็เหวี่ยงหมัด 7753 เองใช้ศีรษะกระแทกเข้าไปที่คางของเทพธิดา และเนฟิเรียก็โจมตีเข้าไปอีกครั้ง
หมัดขวาของเนฟิเรียฉีกขาดจนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่เลือดของศัตรูมันพุ่งออกมามากกว่าเธอ เนฟิเรียไม่แน่ใจว่าทำไมเรื่องนี้มันถึงได้ผลเป็นอย่างดี แม้ว่าเทพธิดาจะชะงักอยู่ครู่หนึ่ง สำหรับเนฟิเรียมันดูเหมือนว่าเป็นการเชื้อเชิญให้โจมตีเข้าไป แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เนฟิเรียก็เพ่งความสนใจเข้าไปที่อุปกรณ์อย่างแน่นอน
เนฟิเรียทำให้ดูเหมือนว่าจะโจมตีเข้าไปอีกครั้ง จากนั้นก็ใช้มือซ้ายยื่นเข้าไป —ในคราวนี้ เธอยื่นเข้าไปหาดาบที่เหมือนกับมีดหั่นเนยที่ติดอยู่บนตัวของเทพธิดา หากเธอใช้มัน แบบนั้นเนฟิเรียก็สามารถกำจัดเทพธิดาได้
ในตอนนี้เธอไม่มีเวลาที่จะร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด ทุกอย่างมันกำลังเป็นไปตามแผนการ ดังนั้นรอยยิ้มมันจึงเหมาะสมกว่าการร้องออกมา แต่เธอก็คิดว่าการร้องออกมามันดูเป็นธรรมชาติกว่า ดังนั้นเธอจึงทำ มันคือเรื่องสำคัญที่จะทำให้เทพธิดาไม่รู้ว่าเธอกำลังวางแผนที่จะทำอะไร
มิสมาร์เกอริตที่คลายการแปลงร่างอยู่บนหลังของเนฟิเรีย เธอสามารถเข้าไปหาดาบได้โดยที่เทพธิดาไม่สามารถจับเธอได้ ในคราวนี้พวกเธอต้องแน่ใจว่าจะทะลวงจุดอ่อนให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นสมองหรือว่าจะเป็นขวานที่กำลังเต้นอยู่ หากทำได้มันก็จะจบ ต่อให้เทพธิดาจะรู้ว่าเนฟิเรียพยายามเพ่งสมาธิไปที่อุปกรณ์ และในตอนนี้ก็กำลังเข้าไปหาเป้าหมายที่แท้จริง ซึ่งก็คือดาบเวทมนตร์อย่างเงียบงัน แต่เทพธิดาก็ไม่สามารถรับรู้ตัวตนของมิสมาร์เกอริตได้ และพวกเธอก็แค่ต้องซ่อนเป้าหมาย —ที่แท้จริงของพวกเธอ— เอาไว้
มือของมนุษย์ยื่นออกมาจากด้านหลังข้อมือที่หัก มันดูเชื่องช้าอย่างน่าผิดหวังเพราะว่าเธอคือมนุษย์ แต่ยังคงเป็นเพราะว่าเธอบาดเจ็บหนักพอจนยากที่จะเดินได้ด้วยตัวเอง
เนฟิเรียส่งเสียงร้องออกมา ความรู้สึกของเธอมันเกินกว่าที่จะเสียใจที่จะบอกว่านี่มันไม่ใช่ตัวของเธอเลย แม้กระทั่งแกะก็ส่งเสียออกมาอย่างตื่นเต้น พาสเทล เมรี่ก็เสียงออกมาเหมือนกับเป็นแกะ แกะและเมรี่รู้ถึงตัวตนของมิสมาร์เกอริตและสิ่งที่เธอกำลังจะทำ พวกเธอพยายามปกปิดมันมากเท่าที่จะทำได้
เทพธิดาปล่อยข้อมือของเนฟิเรียที่หักไป ต่อมาเทพธิดาก็ยกฝ่ามือขึ้นมาตรงใบหน้า เนฟิเรียจ้องไปที่ฝ่ามือที่จะเข้ามาหาเธอ ป้องกันตัวเองเอาไว้ด้วยแขนข้างที่หักในตอนที่เทพธิดาแทงเข้ามาที่ใบหน้า
แต่เทพธิดากลับหยุดก่อนที่มือจะสัมผัสกับแขนขวาของเนฟิเรีย เทพธิดายิ้มออกมาแบบรางๆ การที่คิ้วขมวดเข้าหากันไม่มากมันเป็นการแสดงถึงความประหลาดใจที่มีเล็กน้อย
ทันใดนั้นมือของเทพธิดาก็หันออกไปอีกทาง ตรงเข้าไปที่ไหล่ของตัวเอง —ซึ่งนั่นคือทิศเดียวกันกับมือของมิสมาร์เกอริตที่กำลังยื่นออกไป เทพธิดาจับแขนของมิสมาร์เกอริตเอาไว้แบบไม่ลังเล และก่อนที่เนฟิเรียจะร้องออกมา เธอก็เหวี่ยงตัวของมิสมาร์เกอริตออกไป
มิสมาร์เกอริตถูกเหวี่ยงเข้าไปในป่า ตัวของเธอกระแทกกิ่งไม้จนหักในตอนที่ปลิวออกไป และก็หยุดตัวลงเมื่อแผ่นหลังกระแทกเข้ากับต้นไม้จนร่วงลงมากตรงราก มันไม่สามารถบอกได้ว่าเธอยังคงมีชีวิตอยู่หรือว่าตายไปแล้วกันแน่
☆ 7753
7753 เองก็เข้าใจในสิ่งที่เนฟิเรียและมิสมาร์เกอริตพยายามจะทำ สุดท้ายแล้ว มิสมาร์เกอริตเองก็มีประสบการณ์ในการที่ไม่สามารถแปลงร่างเป็นเมจิคัลเกิร์ลได้ และไม่สามารถถูกเทพธิดารับรู้ถึงตัวตน
แผนการนั้นไปได้ดีอยู่ครู่หนึ่ง เนฟิเรียหันเหความสนใจของศัตรูได้ ทำให้เทพธิดาเน้นไปที่การป้องกันจนสร้างพื้นที่สำหรับให้มิสมาร์เกอริตลงมือ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เทพธิดากลับรู้ถึงตัวตนของมิสมาร์เกอริตได้ และมิสมาร์เกอริตก็ถูกเหวี่ยงเข้าไปในป่า
ในตอนนี้แว่นกันลมของ 7753 กำลังทำงานอย่างเต็มกำลังเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่เธอไม่ได้มีมันอยู่ เธอสับเปลี่ยนการแสดงผลอย่างรวดเร็ว รวบรวมข้อมูลใดๆที่มีประโยชน์แม้จะเพียงแค่เล็กน้อยอย่างต่อเนื่อง
เธอรู้ว่ามิสมาร์เกอริตนั้นบาดเจ็บหนักมากพอจนยากที่จะยืนอยู่ด้วยตัวเอง การถูกเหวี่ยงออกไปพร้อมกับมีแผลเช่นนั้นอยู่มันแย่มาก ในคราวนี้เธออาจจะตายได้อย่างง่ายๆ โดยปกติแล้ว 7753 จะวิ่งตรงเข้าไปหาทันที แต่สถานการณ์ในตอนนี้มันทำแบบนั้นไม่ได้
“ทุกคน เติมพลังก่อน! พลังงานมันถูกใช้ไปเร็วมาก!”
เธอต้องรับมือกับเรื่องนี้ ตอบสนองออกมาก่อนที่เธอจะเข้าใจข้อมูลที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หัวของเธอรู้สึกเหมือนกับจะระเบิดออก แต่มันก็สามารถรอจนกระทั่งทุกอย่างจบลงได้
เมจิคัลเกิร์ลทุกคนล้วนใกล้ถึงขีดจำกัดของตัวเอง ในตอนนี้ยังไม่มีใครที่เสียการแปลงร่างของตัวเองไป เมื่อเทียบกันแล้ว เทพธิดายังคงมีพลังเหลืออยู่ก่อนที่จะหมดไป 7753 ไม่ได้มีเวลาที่จะดูว่าเทพธิดามีของเติมพลังที่ดีกว่าหรือเพราะว่าเป็นความแตกต่างของร่างกาย
ในตอนที่จับแขนเทพธิดาเอาไว้ด้วยมือหนึ่งข้าง 7753 กัดเข้าไปที่ก้นขวดของยาน้ำ กลืนสิ่งที่อยู่ด้านในลงไปพร้อมกับเศษแก้ว การเปิดขวดด้วยมือหนึ่งข้างมันจะใช้เวลามากกว่าใช้มือสองข้าง และพวกเธอไม่สามารถเสียเวลาที่มีในตอนนี้ไปได้แต่วินาทีเดียว
เนฟิเรียดึงเอาผลไม้สีเทาออกมาและกลืนลงไปทั้งลูก พาสเทล เมรี่เอามือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋าและควานหาไปมา จากนั้นก็เปิดปากออกเล็กน้อยและปิดลงในทันที เธอเป็นคนเดียวที่ยังไม่ได้เติมพลัง
มันคงจะรุนแรงเกินไปที่จะบอกเธอว่าควรจะมีเผื่อเอาไว้ การโจมตีมันเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน แต่ถ้าพวกเธอเสียเมรี่ไปในตอนนี้ แล้วแกะทุกตัวก็หายไป กระแสของการต่อสู้จะถูกตัดสินในคราวเดียว แม้ว่าพวกเธอจะมีจอมเวทคอยสนับสนุนอยู่ แค่ 7753 หรือเท็ปเซเคเมย์เพียงคนเดียวก็จะปลิวออกไปได้ไม่ยาก
7753 สอดมือเข้าไปในกระเป๋าของตัวเอง เธอหวังว่ามันจะมีอะไรบางอย่าง และเมื่อนิ้วของเธอไปสัมผัสกับอะไรบางอย่างที่ว่า เธอก็ดึงออกมา มันคือผลไม้สีเทา
เธอมียาเพียงแค่ขวดเดียวและไม่ควรจะมีผลไม้สีเทาอยู่เลยซักลูก แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างมันกลับมีผลไม้สีเทาอยู่ในกระเป๋าของเธอ เธอไม่รู้ว่าทำไมถึงมีมันอยู่ แต่ในตอนนี้เธอไม่มีเวลาที่จะขุดความทรงจำของเรื่องนี้ 7753 โยนผลไม้สีเทาไปให้เมรี่
เทพธิดายื่นมือออกมาและฉกผลไม้สีเทาในอากาศไป ทั้ง 7753 และพาสเทล เมรี่ต่างก็อ้าปากค้างพร้อมกับส่งเสียง “อ๊ะ” ออกมาในตอนที่เทพธิดากลืนผลไม้สีเทาที่โขมยไปทั้งลูก
นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่ 7753 เห็นเทพธิดากินผลไม้สีเทา ราวกับว่าเธอเลียนแบบเนฟิเรียจากการกระทำเมื่อครู่นี้ —แม้กระทั่งวิธีการอ้าปากและใช้มือก็ยังเหมือนกัน
เธอพยายามคิดว่าควรจะทำยังไงดีแต่มันก็ไม่เจอคำตอบ ความสิ้นหวังมันคืบคลานขึ้นมาจากเบื้องล่าง เธอกัดฟันและต้านมันเอาไว้ แม้เธอจะไม่รู้ว่าควรทำอะไร เธอก็ต้องทำอะไรซักอย่าง
เทพธิดายิ้มออกมาเหมือนว่ามันมีรสชาติดี แต่จากนั้นท่าทางก็เปลี่ยนไปเป็นจริงจังในทันที ดวงตาเบิกกว้าง ริมฝีปากบิดเบี้ยว แล้วก็อาเจียนผลไม้สีเทาทั้งลูกที่เพิ่งกินลงไปพร้อมกับกรดในกระเพาะออกมา จากนั้นก็ล้วงมือเข้าไปในเสื้อผ้าด้วยท่าทางเจ็บปวดราวกับว่าเธอค้นหาอะไรบางอย่าง แว่นกันลมของ 7753 บอกว่าเทพธิดากำลังอยู่ในจุดที่ย่ำแย่
ความร้อนของร่างกายถูกดูดออกไปจากแขนของเทพธิดาที่ 7753 จับเอาไว้ และ 7753 นึกขึ้นได้ในทันที จริงสิ ว่านั่นคือผลไม้สีเทาที่โตอยู่ตรงเกาะบนหนองน้ำ เนื่องจากการแปลงร่างของเท็ปเซเคเมย์คลายลงหลังจากที่เธอกินมันเข้าไป 7753 จึงเอามันใส่กระเป๋าไว้หนึ่งลูกแล้วก็ปล่อยไว้แบบนั้นเพราะคิดว่าเธอควรจะถามจอมเวทซักคนในตอนหลังว่ามันคืออะไร
☆ โทตะ มากาโอกะ
มิสมาร์เกอริตปลิวออกไป โทตะกำลังจะวิ่งเข้าไปหา แต่ก็หยุดตัวลง
เขาไม่ได้หยุดเพราะว่ากลัว สำหรับโทตะแล้วการที่เป็นคนเดียวที่ยืนอยู่ที่นี่โดยที่ไม่ได้ทำอะไรในขณะที่รากิกับโยลกำลังร่ายคาถา เมจิคัลเกิร์ลและแกะกำลังจับตัวเทพธิดาเอาไว้มันน่ากลัวกว่ามาก แล้วการที่จะวนไปรอบสนามรบที่ทุกคนกำลังพยายามจับตัวศัตรูที่น่ากลัวเอาไว้เพื่อที่จะไปหามิสมาร์เกอริตมันน่ากลัวงั้นเหรอ?
ในตอนที่โทตะเห็นเรเปียที่แทงเข้าไปที่เทพธิดา เขาก็คิดว่ามิสมาร์เกอริตตายไปแล้ว แต่เธอยังคงมีชีวิตอยู่ เธอกำลังบาดเจ็บ ถูกเหวี่ยงออกไปแต่ก็ยังคงมีชีวิตอยู่ ดังนั้นมันไม่มีอะไรที่ต้องกลัวเลย
สิ่งที่ทำให้โทตะหยุดก็คืออะไรบางอย่างที่ผิดธรรมชาติ ความผิดแปลกของสถานการณ์
7753 ตะโกนบางอย่างออกมา เธอพูดอะไรบางอย่าง แต่คำพูดมันออกมาอย่างรวดเร็วจนโทตะไม่รู้ว่าเธอพูดอะไรออกมา เธอตะโกนและดึงขวดยาออกมาและกัดเข้าไป เนฟิเรียเองก็เอาผลไม้สีเทาออกมาจากกระเป๋าและกลืนลงไป
ในตอนนี้ 7753 สวมแว่นกันลมของตัวเองอยู่ ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าหน้าต่างค่าสถานะจะปรากฏขึ้นมาเมื่อเธอมองผ่านมัน เพราะแบบนั้น 7753 เลยตรวจสอบค่าสถานะของคนอื่นผ่านทางแว่นกันลมและบอกให้ทุกคนตื่นตัวเอาไว้เพราะพลังเมจิคัลเกิร์ลเริ่มที่จะหมดลงและกระตุ้นให้เติมพลัง เมื่อเขาคิดถึงเรื่องนี้ เสียง “อ๊ะ!” มันก็หลุดออกมาจากปากของเขา
โดยทั่วไปแล้วเขาสัมผัสได้ว่ามันแปลก เขาไม่เข้าใจว่าทำไมมิสมาร์เกอริตถึงอยู่ในร่างมนุษย์ เนฟิเรียที่มากับเธอนั้นอยู่ในร่างเมจิคัลเกิร์ลในขณะที่มิสมาร์เกอริตเป็นมนุษย์ มันไม่ใช่ว่าพวกเธอออกไปโดยไม่มีทางเลือกเพราะว่าไม่มีผลไม้สีเทา แต่ไม่ใช่ว่าเมื่อครู่นี้เนฟิเรียเพิ่งจะกินผลไม้สีเทาเข้าไปหรอกเหรอ? ในจุดนี้ของการต่อสู้ มันไม่มีทางที่พวกเธอจะพลาดเรื่องผลไม้สีเทาและทำให้มิสมาร์เกอริตแปลงร่างไม่ได้ ไม่ใช่ในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่ชีวิตแขวนอยู่กับมันด้วย
ในตอนที่โทตะคิด สถานการณ์มันก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจนน่ากลัว ผลไม้สีเทาที่ 7753 โยนไปให้พาสเทล เมรี่ถูกเทพธิดาขโมยไป และหลังจากที่เทพธิดากินเข้าไป มันก็เหมือนว่าเกิดอะไรประหลาดๆขึ้นและเทพธิดาก็ควานหาอะไรบางอย่างในกระเป๋า และเมื่อเทพธิดาพยายามเอาอะไรบางอย่างออกมา เนฟิเรียก็ทุบเข้าไปพร้อมกับแกะที่ใช้ศีรษะกระแทก และเศษเล็กๆที่ดูเหมือนเม็ดยาก็กระจายออกไปทั่ว
เม็ดยาที่กระจายออกไปมันร่วงลงมาบนพื้น เข้าไปในขนแกะ หรือไม่ก็เข้าไปในปากของพาสเทล เมรี่ที่ยังคงอ้าอยู่ เม็ดยาจำนวนมากเด้งออกจากตัวเทพธิดา บางเม็ดมันไปโดนที่ด้ามขวานที่ติดอยู่ตรงหน้าอก จากนั้นมันก็หายไปพร้อมกับเสียง ซู่ววว ราวกับว่ามันถูกดูดเข้าไป
ในตอนที่เทพธิดากำลังคุ้ยหาเม็ดยาอยู่นั้น เมจิคัลเกิร์ลก็ดันเข้าไป และหลังจากที่เม็ดยากระจัดกระจายออกไป พลังงานของเทพธิดาก็ดูเหมือนว่าจะลดลง การเคลื่อนไหวเองก็ช้าลงด้วย การดันและกระแทกมันขยับจากด้านขวาไปด้านซ้ายและเข้ามาใกล้กับโทตะ แกะส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าสงสาร และ 7753 ก็ตะโกนอะไรบางอย่างออกมาอย่างรวดเร็ว
โทตะไม่ได้กระพริบตา การหายใจของเขาหยุดลงไปพร้อมกับการใช้ความคิด
มิสมาร์เกอริตนั้นแข็งแกร่ง โดยปกติแล้วมันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ให้เธอแปลงร่างเป็นเมจิคัลเกิร์ลและให้เธอต่อสู้ในร่างของมนุษย์แทน มันต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ไม่ได้แปลงร่าง ในตอนนี้พอเขาคิดถึงมัน เทพธิดาก็เคลื่อนไหวอย่างแปลกประหลาก มันเหมือนกับว่าเทพธิดาตอบสนองกับมิสมาร์เกอริตได้อย่างเชื่องช้าเมื่อเทียบกับเมจิคัลเกิร์ลคนอื่น
จิตใจของโทตะกระโดดจากเรื่องหนึ่งไปยังอีกเรื่องอย่างรวดเร็วแม้ว่าตัวเขาจะไม่ได้เข้าใจมันเลยก็ตาม มันมีแต่อะไรที่สับสน โทตะหายใจเข้าเฮือกใหญ่แล้วกลั้นเอาไว้ เกร็งหน้าท้อง และก้าวเข้าไปหนึ่งก้าวเข้าหาเทพธิดา
☆ มิสมาร์เกอริต
เธอยังคงสติ —และความปกติของจิตใจเอาไว้ได้ หลังจากที่ถูกเหวี่ยงออกมา แม้ต้นไม้จะหยุดตัวของเธอเอาไว้ ร่างกายที่บอบช้ำมันก็บาดเจ็บเพิ่มมากยิ่งขึ้น ความเสียหายของอวัยวะภายในมันไปถึงขั้นอันตรายถึงชีวิต มีเพียงแค่การเต้นของหัวใจและลมหายใจที่ยังไม่หยุดลง และในจุดนี้ ความตายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้มันกำลังคืบคลานเข้ามาหา
มันน่าแปลกที่สติของเธอนั้นชัดเจน บางทีอาจจะเป็นเพราะความรู้สึกที่ต้องทำภารกิจให้เสร็จสิ้นมันทำให้ร่างกายและจิตใจของเธอเคลื่อนไหว โดยทั่วไปแล้วหน่วยสืบสวนมันเป็นสถานที่แบบนั้น เธอกลืนเลือดที่เอ่ออยู่ในปากลงไป เธอคิดว่าทำไมเทพธิดาถึงสัมผัสการมีตัวตนของเธอได้
เทพธิดาไม่สามารถรับรู้ถึงตัวตนของเมจิคัลเกิร์ลที่ใช้พลังของตัวเองไปจนหมดหรือมนุษย์ที่ไม่ได้มีพลังเวทมาตั้งแต่แรกได้ ดังนั้นเทพธิดาก็ไม่ควรที่จะรู้ว่ามิสมาร์เกอริตเข้าไปหาดาบ —แต่เทพธิดากลับสัมผัสมิสมาร์เกอริตได้ก่อนที่เธอจะไปถึงดาบและเหวี่ยงตัวของเธอออกมา
ในตอนนี้เทพธิดากำลังผลักและดันอยู่กับแกะและเมจิคัลเกิร์ลสามคน การกลืนผลไม้สีเทาที่ขโมยมาจาก 7753 —ที่คงจะมีพิษหรืออะไรบางอย่างอยู่ภายใน— ทำให้เทพธิดานั้นอ่อนแอลง ก่อนหน้านี้เทพธิดาเป็นฝ่ายดัน แต่ในตอนนี้แรงของทั้งสองฝ่ายก็เท่าเทียมกันแล้ว แต่ถ้าหากยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป เรื่องราวมันก็จะไม่จบไม่สิ้น หากยังคงผลักกันและกันต่อไป มันก็จะได้แต่ทำให้เมจิคัลเกิร์ลอ่อนแรงลงไปเรื่อยๆ
สุดท้ายแล้วพวกเธอจำเป็นต้องมีดาบ เพื่อการนั้น มิสมาร์เกอริตจำเป็นต้องคิดว่าอะไรที่มันทำให้เธอล้มเหลว
แกะยังคงดิ้นรน เมจิคัลเกิร์ลเองก็พยายามกดตัวของเทพธิดาลงไป แต่เทพธิดาก็งอเข่าและต้านเอาไว้ คนที่พยายามรั้งเอาไว้กลับถูกลากไปแทน เท้าของพวกเธอลากไปกับพื้นจนเกิดรอย แม้ว่าพวกเธอพยายามตรึงขาเอาไว้ แต่มันก็ยังคงหยุดเทพธิดาไม่ได้อยู่ดี
รากิส่งเสียงออกมาเล็กน้อย ทั้งสองมือของโยลเอาขวดยาขึ้นมา มือขวายื่นไปให้รากิ ส่วนมือซ้ายเธอก็ดื่มของเหลวสีเขียวที่เอาไว้สำหรับตัวเองลงไป จากนั้นแสงที่เปล่งออกมาจากตัวของเมจิคัลเกิร์ลก็รุนแรงขึ้น
มิสมาร์เกอริตหายใจเข้า เธอคิดจะเมินความเจ็บปวดทั้งหมดในปอด ทางเดินหายใจ และปากที่จะเกิดขึ้นไป เธอคิดว่าตัวเองหายใจเข้าไปลึก แต่ก็แทบจะไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลย เหมือนว่าเธอใกล้ที่จะไปถึงขีดจำกัดแล้ว
โดยทั่วไปแล้ว เธอเข้าใจว่าทำไมเทพธิดาถึงรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน
ในตอนที่เทพธิดาทิ้งวัตถุที่มีรูปร่างเหมือนกับเม็ดยาที่ดึงออกมาจากกระเป๋าเมื่อครู่นี้ ทุกคนที่อยู่รอบๆ แกะและเมจิคัลเกิร์ลต่างก็ตอบสนองกับมัน —ซึ่งบางทีอาจจะเป็นยา— และมองว่ามันกระจายออกไปที่ไหนบ้าง มิสมาร์เกอริตคิดว่าทุกคนมีปฎิกิริยาที่คล้ายๆกับเธอเช่นเดียวกัน เทพธิดาอาจเห็นมิสมาร์เกอริตที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของแกะ หรือเห็นการตอบสนองของแกะและใช้มันเพื่อคาดการณ์ถึงตัวตนของเธอที่ไม่สามารถตรวจจับได้ด้วยตัวเองก็ได้
หลังจากที่คิดว่ามันอาจจะเป็นหนึ่งในสองเรื่องนั้น มิสมาร์เกอริตก็หายใจเข้าไปอีกครั้ง การที่เธอได้ยินเสียงเหมือนกับลมที่พัดผ่านรอยแตกมันเป็นเพราะอะไรบางอย่างขาดออกจนลมหายใจรั่วออกมา หรือเป็นเพราะเธอหายใจอย่างถูกต้องไม่ได้ มันเลยทำให้เสียงลมหายใจไม่ปกติกันนะ?
เธอสามารถเข้าใจถึงปัญหาได้ แต่มันก็มีปัญหาอื่นที่โผล่ขึ้นมาอีก ในจุดนี้ มันไม่ต้องพูดถึงการที่เธอเดินได้ด้วยพลังของตัวเองเลย เพราะแม้แต่การยืนขึ้นมันก็ยังยาก แม้ว่าจะไม่สมบูรณ์แต่เทพธิดาก็สามารถเติมพลังได้ ในขณะที่อีกฝ่ายนั้น เธอไม่รู้ว่าเมจิคัลเกิร์ลแต่ละคนมีสำรองกันไว้เท่าไหร่ และถึงเวทมนตร์ของรากิจะมอบพลังเล็กน้อยให้กับพวกเธอ แต่คำถามก็คือ พวกเธอจะรักษามันเอาไว้ได้รึเปล่า
มิสมาร์เกอริตกลืนเลือดในปากลงไปและขยับแค่ดวงตาเพื่อตรวจสอบพื้นที่ มันไม่มีใคร —ไม่ใช่พาสเทล เมรี่ รากิ โยล 7753 หรือเนฟิเรีย— กำลังมองมาที่มิสมาร์เกอริต มันเหมือนกับกลุ่มควันสีดำที่อยู่เหนือต้นไม้ แม้ว่ามันจะสำคัญ พวกเธอก็มองว่ามันไม่ใช่เวลาที่จะไปสนใจ เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่ความสนใจไม่ได้เพ่งมาที่เธอ —ซึ่งนี่ก็คือโอกาส แต่ขาของเธอได้แต่สั่นเทาจนทำอะไรไม่ได้ มันไม่ยอมที่จะยืนขึ้นด้วย
มิสมาร์เกอริตหายใจเข้าและปล่อยออกมา เธอรู้สึกว่าต้องตั้งสมาธิกับทุกอย่างเพียงเพื่อหายใจ ส่งออกซิเจนเข้าไปในปอด เธอหยิกยกสิ่งหนึ่งขึ้นมาด้วยความที่ตระหนักได้ว่ามองข้ามไป สายตาของเธอจับจ้องไปที่โทตะ มากาโอกะ คนที่กำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆและระมัดระวัง
☆ นาวี่ ลู
“ชั้นว่าพวกเราเองก็ควรจะรีบไปที่อาคารหลัก” มานาเสนอ แต่แน่นอนว่านาวี่ไม่อยากทำแบบนั้น
“ไม่ ไม่ ถ้าพวกเราไปโดยที่ไม่มีเมจิคัลเกิร์ลคอยปกป้องล่ะก็ มันก็ได้แต่เป็นภาระ” เขาบอกเธอไป
เขาคิดว่าในตอนนี้ที่อาคารหลักคือฉากของการสังหารหมู่ ใครมันจะรู้ว่าถ้าไปที่นั่นมันจะมีชีวิตอยู่หรือตายไปกันล่ะ? เขาไม่สามารถพาคนที่ไม่อยากให้ตายไปสถานที่แบบนั้นได้ หากมานาตาย แบบนั้นพ่อของเธอก็จะโกรธมาก แล้วถ้ามันเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ทั้งหน่วยสืบสวนจะกลายเป็นศัตรูกับเขา และถ้าฝ่ายแคสปาร์หรือคนที่สวมบทเป็นคนดีเข้ามาเกี่ยวด้วย เรื่องราวมันก็จะกลายเป็นว่าควบคุมไม่ได้
ไม่ใช่ว่านาวี่จะไม่ไป แม้ว่าเขาจะสามารถทำให้ฟรานเชสก้าสงบลงได้อย่างปลอดภัยถ้าเขาใช้รหัส การใช้รหัสในสถานที่ที่คนอื่นสามารถมองเห็นได้นั้นมันย่อมทำให้เห็นว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยอย่างชัดเจน มันจะทำให้ทุกอย่างที่เขาทำลงไปบนเกาะแห่งนี้จะกลายเป็นสูญเปล่า มันไม่มีอะไรที่สามารถยืนยันได้ว่าเขาจะเลี่ยงการทิ้งพยานและปิดปากของทุกคนได้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงส่งคลาริสซ่าไป แต่เธอก็ยังคงไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
หากคลาริสซ่าปลอดภัย แบบนั้นพวกเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไป และถ้าเธอไม่ปลอดภัย แบบนั้นนาวี่ก็ไม่สามารถเอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงได้ และมันก็คือความเสี่ยงที่แย่เอามากๆ หากเขาตายมันก็จบ ไม่ว่าการตายอย่างฮีโร่จะถูกกล่าวขานยังไง ผู้ตายมันก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ เขาสามารถไปถึงเป้าหมายของตัวเองได้ถ้ายังมีชีวิตอยู่ การเสียสมบัติของตัวเองไปเขาไม่ได้คิดอะไรมาก เขาทำสัญญาด้วยการคิดว่าถ้าต้องยกทุกอย่างให้อากิมันก็ไม่เป็นอะไร แต่สำหรับชีวิตมันคืออีกเรื่อง
เพื่ออนาคตของเขาแล้ว มันทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจที่ต้องปล่อยสิ่งต่างๆในตอนนี้เป็นไปในทางของมัน เขาจะปล่อยให้โยลตายไม่ได้ เขาอยากให้รากิปลอดภัย เขาอยากให้ 7753 ตาย และโทตะก็ควรที่จะตาย —แต่มันคงยากที่ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เขาต้องการ การคิดว่ามันอาจเป็นไปได้ที่จะกำจัดทิ้งหลังจากออกจากเกาะแห่งนี้ แบบนั้นปัญหามันก็คือการปกป้องรากิ แต่นาวี่อาจจะถูกบังคับให้ต้องทิ้งเขาไป เนฟิเรียคนที่ควรจะอยู่ฝ่ายเดียวกับเขาได้ทำการเคลื่อนอุปกรณ์โดยไม่ได้รับอนุญาต และในตอนนี้เขาก็ไม่ได้มีตัวเบี้ยอีกแล้ว การทิ้งรากิไปมันความคือความเสียใจอย่างที่สุด เพราะเขาควรที่จะมีประโยชน์ในอนาคต แต่เมื่อเทียบชีวิตของรากิกับชีวิตของเขาแล้ว มันก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าต้องยอมแพ้ในเรื่องนั้น เนื่องจากเขายอมแพ้เรื่องของรากิและยังไม่สามารถยืนยันความปลอดภัยของโยลได้ มันเลยทำให้มานามีค่าในฐานะพยานที่รอดชีวิต และนั่นมันก็จะทำให้เธอแย่เสียยิ่งกว่าตาย
นาวี่หันออกไปจากมานาและมองไปที่อาคารหลักพร้อมกับดึงใบไม้ที่สัมผัสกับมือของเขาออก
เขาไม่มีใครเลย ในจุดนี้ เขาพบว่าการนำแค่คลาริสซ่าเพียงคนเดียวมายังเกาะแห่งนี้คือความผิดพลาด ตัวของนาวี่เพิ่มเงื่อนไขที่สามารถนำมาได้ถึงสองคน ดังนั้นเขาเองจึงมีตัวเลือกที่จะนำเมจิคัลเกิร์ลมาสองคนด้วย แต่คลาริสซ่าเป็นเพียงคนเดียวที่เขาสามารถเชื่อใจทุกอย่างได้ หากเขายืมกำลังคนมาจากทางฝ่าย เขาก็ไม่มีวันที่จะเชื่อใจอีกฝ่ายได้ เขาไม่ได้มีเงินทองหรือสถานะที่จะครอบครองซีรี่ย์ชัฟฟิน และถึงเขาจะจ้างนักรบรับจ้างมา มันก็ไม่มีทางที่เขาจะบอกทุกอย่างได้ ผู้สมรู้ร่วมคิดเพียงคนเดียวที่เขาสามารถแลกเปลี่ยนทุกอย่างได้ก็คือคลาริสซ่า
น้องสาวของนาวี่นั้นไม่เหมือนกับเขา เธอคือจอมเวทที่มากด้วยความสามารถ แม้ว่าจะเกิดจากชนชั้นล่าง แบบที่พวกขุนนางจะเชิดหน้าใส่ ก็สามารถเลื่อนขั้นขึ้นไปได้ถ้ามีความสามารถ แต่น้องสาวของเขาก็ไม่ได้ตระหนักว่าพวกขุนนางจะไม่มีวันให้ค่ากับคนอย่างแท้จริง
ร่างเกิดใหม่คือการตกผลึกทางเทคโนโลยีของดินแดนเวทมนตร์ และยังถูกสร้างขึ้นด้วยวัสดุที่ไม่ถูกเปิดเผยเป็นสาธารณะ ห้องทดลองไม่ใช่สถานที่เพียงแห่งเดียวที่เป้าหมายของงานอยู่เหนือกว่าเรื่องของจริยธรรม นาวี่ได้ยินว่าแม้กระทั่งลูกหลานของชนชั้นสูงจะถูกนำไปทำเป็นเครื่องสังเวยหากจำเป็น และนั่นก็เป็นไปได้มากว่าคนที่เกิดมาจากชนชั้นล่างที่ประสบความสำเร็จด้วยความสามารถเพียงอย่างเดียวนั้นจะตกเป็นเป้าของความอิจฉาริษยา
สามีของน้องสาวนั้นคือจอมเวทที่มีสำนึกตามค่านิยมทั่วไป —ซึ่งมันก็หมายถึง เขาเป็นพวกขี้ขลาด แค่เรื่องสถานที่ทำงานที่มีผลประโยชน์เล็กน้อยและเงื่อนไขที่พอสมควร มันก็มากพอที่จะทำให้เขาปิดปากเงียบเรื่องที่อยู่ของภรรยาแล้ว ไม่สิ บางทีเขาอาจจะปิดปากเงียบโดยไม่ต้องจ่ายอะไรด้วยซ้ำ จอมเวทธรรมดานั้นหวาดกลัวดินแดนเวทมนตร์อยู่แล้ว
นาวี่ ลูไม่ใช่จอมเวทธรรมดา —เขานั้นห่างไกลจากความชั่วช้าและดูเป็นคนขี้ขลาดมากกว่า แม้สามีของเธอจะพึงพอใจ นาวี่ก็จะไม่ปล่อยให้น้องสาวเพียงคนเดียวของเขาถูกขโมยไป คลาริสซ่า คนที่มียีนแห่งความขี้ขลาดในแบบเดียวกัน รู้สึกเห็นใจกับความคิดของเขา และทั้งสองคนก็ร่วมมือกันเพื่อให้แน่ใจว่าจะมีส่วนร่วมในธุรกิจการพัฒนาร่างเกิดใหม่
หากฟรานเชสก้าไม่สามารถควบคุมได้ คลาริสซ่าหายไป และนาวี่ไม่สามารถลงมือได้อย่างอิสระ แบบนั้นนี่ก็ไม่ใช่เวลาที่จะมัวมายืนอยู่ นาวี่ดึงใบไม้ใบใหม่ และเขาก็รู้สึกว่ามันมีบางอย่างที่ผิดปกติ เขาแบบมือออก ใบไม้ที่ของเด็ดออกมามันกลายเป็นสีน้ำตาลเข้มและแห้งสนิท
พุ่มไม้ที่อยู่รอบตัวเองก็แห้ง เมื่อเขามองไปรอบๆ เขาก็เห็นจุดอื่นหลายจุดที่กลายเป็นสีน้ำตาล เขาคิดว่าก่อนหน้านี้ไม่นานผืนป่าทั้งหมดยังเป็นสีเขียวอยู่
นาวี่หันไปรอบๆและมองมาที่มานา เธอเองก็มองไปที่ใบไม้สีน้ำตาลอย่างงุนงง “จู่ๆสีของพวกมันก็หายไป… นี่มันหมายความว่ายังไงนะ?”
“ไม่รู้สิ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“นี่คือ… ต้นไม้ที่มีผลไม้สีเทารึเปล่า?”
ทุกอย่างเกี่ยวกับผลไม้สีเทามันคือเรื่องที่ไม่คาดคิด นาวี่ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่มันมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เขาเกร็งมือขวาไว้ที่ด้านหลัง ดังนั้นมานาจึงมองไม่เห็นและพึมพำออกมา “ใครมันจะรู้ล่ะ”
MANGA DISCUSSION